วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

  ซ้อนเล่ห์รัก 


Chapter 7

รู้สึกแปลกๆ

ฉันลืมตาตื่นในช่วงเช้าของวันต่อมาด้วยอาการสร่างเมาอย่างเป็นปลิดทิ้ง ความรู้สึกสดชื่นกะปรี้กะเปร่าเหมือนได้พักผ่อนนอนหลับอย่างสบายทำให้ฉันต้องชำเรืองมองตัวเองดูว่ายังอยู่ที่โซฟาเหมือนเดิมหรือเปล่า

          ก็ใช่นี่ ตอนนี้ฉันก็ยังนอนอยู่บนโซฟาที่พี่นาราบังคับให้ฉันนอนเหมือนเดิม แต่จะมีเพิ่มเติมก็แค่ผ้าห่มนวมสีน้ำตาลผืนใหญ่ที่คงจะเป็นพี่นารามาคลุมให้ฉันเมื่อตอนหลับเท่านั้นล่ะมั้ง และพิเศษกว่านั้นก็คือตรงโต๊ะรับแขกมีชามน้ำและผ้าขนหนูตากพาดไว้ที่ปากชามอยู่ แสดงให้เห็นว่าคงมีใครสักคนใช้มันมาเช็ดทำความสะอาดฉันแน่

          พี่นารา... อย่าบอกนะว่าเธอแอบเช็ดหน้าเช็ดตาฉันให้เมื่อเธอเห็นฉันเมาหลับไปอย่างนั้นน่ะ

          แค่คิด..ความรู้สึกแปลกๆก็เกิดขึ้นกับตัวเอง อาการหัวใจพองโตอย่างที่ตัวเองไม่เคยเป็นมาก่อนทำให้ฉันชะงักทันทีเมื่อคิดอะไรได้

          บ้าชะมัดเลย ไม่ชอบอาการใจเต้นแรงอย่างนี้เลย มันเหมือนตัวเองกำลังอ่อนแอยังไงไม่รู้ ยกมือมากุมหน้าอกฝั่งหัวใจตัวเองเบาๆก่อนจะสูดลมหายใจตั้งสติแล้วลุกขึ้นเดินไปมาในห้องรับแขก หวังให้อาการแปลกๆก่อนหน้านั้นหายไป

          เสียงก๊อกแก๊กจากห้องนอนพี่นาราดังขึ้นก่อนจะโชว์ให้เห็นภาพเจ้าของห้องในชุดคลุมนอนสีดำเมื่อคืนนี้กำลังเดินเหยียดแขนออกกำลังกายออกมาข้างนอก

          ตื่นแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง สร่างเมาหรือยังเธอทักฉันเมื่อเดินจากหน้าห้องมาถึงยังตัวฉันที่ยืนยิ้มหน้าแดงรอเธออยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์แล้ว

          สร่างแล้วค่ะ โอเคมากๆเลย ยาดีมากเลยหนูไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองเมาแบบเมื่อคืนนี้

ยิ้มแก้เขินเมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายของคืนก่อนหน้านั้น ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นแผงยาชนิดเดียวกันหลายๆแผงที่กองรวมๆกันอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์ รวมถึงแก้วน้ำเมื่อคืนนี้ด้วย เลยรีบหยิบขึ้นมาดูเมื่อคิดว่ามันคือยาแก้เมาสูตรพิเศษที่พี่นาราจัดให้ฉันเมื่อคืนนี้หรือเปล่า เพราะลักษณะรูปร่างของยานั้นคล้ายกันมาก

          ยาตัวนี้หรือเปล่าคะที่นาราเอาให้หนูกินเมื่อคืนหยิบมันขึ้นมาดูก็เห็นมันเป็นแผงยาเม็ดคู่เล็กๆ กินแล้วดีมากเลยนะคะ หายเมาเป็นเป็นปลิดทิ้งเลยทั้งถามทั้งพยายามมองหาฉลากยาบนเคาน์เตอร์มาอ่านแต่ก็ไม่เห็น

          พี่นาราคิ้วขมวดจ้องมองฉันที่หยิบแผงยานั้นขึ้นมามองก่อนจะยื่นมือมาหยิบแผงยานั้นคืน

          ไม่รู้เหรอว่านี่คือยาอะไรเธอยกแผงยานั้นถามฉัน ซึ่งฉันก็ส่ายหน้าทันที

          ไม่รู้จริงๆ..เหรอเธอถามย้ำอีกครั้ง

          ไม่ค่ะ ทำไมคะ หรือมันไม่ใช่ยาแก้เมา เป็นยาแก้แพ้เฉยๆอ๋อ มันกินแทนกันได้ใช่มั้ยคะเธอจ้องมองหน้าเอ๋อๆของฉันเหมือนเธอกำลังคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก็อมยิ้ม

          อืม..เป็นยาประเภทเดียวกันกับยาแก้แพ้น่ะ แต่กินมากๆไม่ดีมีฤทธิ์ต่อตับน่ะ เธอไม่ต้องกินบ่อยหรอกมันไม่ดี

          อ๋อค่ะ งั้นไม่เป็นไรหนูไม่ถามแล้วก็ได้พยักหน้ารับเธอเบาๆ

          นี่ถามอะไรหน่อยสิ เธอมีเพื่อนผู้หญิงอยู่ใช่มั้ย

          มีสิคะ

          แล้วไม่สนิทอะไรกับพวกเขาเหรอ แบบไปนอนอยู่ด้วยหรือใช้เวลาคลุกคลีอยู่ด้วยกันตลอดเวลาอะไรทำนองนี้..”

          อ๋อ ก็ไม่สนิทขนาดนั้นค่ะ เอ่ออาจะจะเป็นเพราะหนูโลกส่วนตัวสูง ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้และไม่อยากเข้าใกล้ใครด้วย ถ้าคนนั้นไม่มีความพิเศษกับตัวเองมากๆ อย่างเอ่อ..พี่นาราไงคะแอบหยอดมุกให้เธอได้เลิ่กคิ้วจ้องมองท่าทางกระริ่มกระเรี่ยตัวเองอีกครั้ง

          เธอนี่ก็พยายามดีเนอะ

เธอสแยะปากแยกเขี้ยวแล้วกลายเป็นหลุดยิ้มเมื่อเห็นฉันพยายามส่งสายตาหวานออดอ้อน ก่อนจะทำเป็นหันซ้ายหันขวามองนั่นมองนี่ ซึ่งฉันเดาว่าเธออาจจะทำเพื่อลดอาการเขินที่มีต่อฉันก็เป็นได้

          มองดูผิวหน้าเธอในตอนนี้เมื่อปราศจากแมคอัพใดๆแล้วก็แทบทำให้ฉันลืมไปเลยว่าจริงๆแล้วคนตรงหน้านี้อายุ34แล้วนะ และเราสองคนก็อายุห่างกันตั้ง13ปีแหนะ จะมีใครบอกเธอมั้ยนะ ว่าเธอหน้าเด็กมากๆเลยเวลาที่เธอหลุดยิ้มออกมาอย่างไม่เก๊กอย่างนี้น่ะ

          ได้แต่ยืนแอบมองแอบพิจารณารอยยิ้มไร้เดียงสาของเธอไปเงียบๆ ก่อนจะตาโตเมื่ออยู่ๆเธอหันมาถามในคำถามที่ฉันเองก็ลืมไปเลยว่าฉันไม่เคยบอกเธอเหมือนกัน

          ว่าแต่..เธอชื่ออะไรล่ะ ฉันยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย

          หนูเหรอจริงสินะลืมแนะนำชื่อตัวเองเลยอ่ะผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วแท้ๆ

หนูชื่อฝ้ายค่ะพี่

          คนต่อหน้ายิ้มหวานยื่นมือมารอจับมือฉันที่ยื่นมาจับเธอหลังจากนั้นด้วย

          ฝ้ายเหรอ..ยินดีที่รู้จักนะ

///////////////////////////

          ฉันถอดเสื้อนอกสีดำเนื้อผ้าดีออกจากตัวก่อนจะยกมันขึ้นมาสูดดมกลิ่นเบาๆ ในหัวก็นึกภาพที่เจ้าของเสื้อตัวนี้ยื่นมันมาคลุมทับตัวเองให้ในตอนที่กำลังจะเดินออกจากห้องเธอเมื่อเช้า

          อ๊ะ ใส่นี้ทับไปด้วย เช้าอย่างนี้ใส่ชุดอย่างนี้ออกไปเดินโต้งๆคนได้มองเธอด้วยสายตาประหลาดกันพอดี

          พี่นาราเป็นห่วงหนูเหรอแอบอมยิ้มส่งตาหวานให้นิดๆเมื่อเห็นเธอกำลังสวมเสื้อนอกสีดำตัวนี้ทับไหล่ให้

          เธอถอนหายใหญ่หน้าตาเหนื่อยหน่าย เหมือนเบื่อที่ฉันปล่อยมุกจีบเธอถี่เกิน เลยยกเสื้อตัวนั้นขึ้นมาคลุมหัวฉันทั้งหัวแทน

          แล้วแต่จะคิดเลย...”

          แม้จะรู้สึกเหวอนิดๆเพราะภาพหวานที่เธอควรจะสวมทับเสื้อนอกที่ไหล่ดันเปลี่ยนเป็นภาพแห่งความประชดประชันยังกับเอาปี๊บคลุมหัวฉันยังไงยังงั้นแทน แต่ฉันก็ยังอมยิ้มเหมือนเดิม ด้วยคิดว่าอย่างน้อยๆเธอก็มีน้ำใจแสดงความเป็นห่วงแบบห่างๆกับฉันเหมือนเดิมล่ะนะ

          อย่างน้อยๆในคืนนี้ก็ยังมีความก้าวหน้าในความสัมพันธ์ของเราทั้งสองขึ้นบ้างล่ะนะ.. ภาพใบหน้าพี่นาราจะยิ้มก็ไม่ยิ้มจะบึ้งก็ไม่บึ้งหายไปเมื่อฉันลืมตาตื่นจากการสูดดมกลิ่นเสื้อนอกตัวนี้

          อืม..กลิ่นดีนีนา หอมกลิ่นเหมือนกุหลาบ เป็นกลิ่นเบาๆไม่ฉุน กลิ่นนุ่มๆ ดูเป็นผู้ดีดี เห็นทีฉันต้องหาน้ำหอมกลิ่นอย่างนี้มาใช้บ้างซะแล้ว

ทั้งคิดทั้งจับมันวางไว้กับโต๊ะแล้วรีบจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวเองเพื่ออาบน้ำด้วยกลัวจะไปเรียนคาบบ่ายไม่ทัน แต่ถึงกระนั้นอาการปวดแขนปวดขาและปวดบั้นท้ายก็ทำให้การยกแขนขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นไปยากเหลือเกิน

ภาพการล้มเกลือกกลิ้งไปมากับพื้นเมื่อคืนพอจะทำให้นึกถึงเหตุผลของการเจ็บปวดเหล่านั้นได้ทันที ก็ดันโอเว่อร์แอกติ้งเล่นจริงล้มจริงไปหน่อยเลยเจ็บไปทั้งตัวอย่างนี้

พยายามสำรวจตัวเองเมื่อคิดว่าอาจจะมีร่องรอยฟกช้ำดำเขียวอะไรแถวๆแขนขาหรือบั้นท้ายตัวเองหรือเปล่าแต่ก็ไม่มี กลายเป็นว่ามีร่องรอยเหมือนฟกช้ำเขียวๆดำๆจุดใหญ่ๆจุดนึงอยู่ตรงเนินเนื้อหน้าอกตัวเองแทน

          เอ๊า..ไหงกลายเป็นมาเขียวเป็นรอยตรงนี่ล่ะเนี่ย เมื่อคืนล้มยังไงวะ หรือเป็นรอยตอนที่ผู้ชายพวกนั้นพยายามอุ้มฉันหรือไงกัน พยายามคิดหาช่วงจังหวะที่น่าจะทำให้ตัวเองเป็นรอยแต่ก็นึกไม่ออก จนคิดว่านึกไปก็น่าจะเสียเวลาเปล่าและรอยช้ำรอยนี่ก็น่าจะหายเองได้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร..

          แต่ก็น่าแปลกใจจริงๆแหละ มันเขียวได้ไงวะ

/////////////////////////

          ฝ้าย เมื่อคืนได้ยินข่าวมั้ยว่าคอนโดเรามีคนทะเลาะกันที่ชั้นแปดน่ะ

เสียงยัยนัททักฉันเมื่อฉันเข้ามานั่งรออาจารย์ในห้องเลคเชอร์ได้ในช่วงบ่ายของวัน เล่นเอาฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้ว่าคนในข่าวที่ยัยนัทเล่าก็คือตัวเองนั่นแหละ

          เอ่อ..ยังไม่รู้เลย เออแกกลับห้องตอนไหนเมื่อคืนนี้รีบเปลี่ยนเรื่องคุยกับเพื่อนทันที

          ไม่ได้กลับเมื่อคืน..กลับตอนเช้าย่ะ..”

ยัยนัทอมยิ้มอย่างมีเลศนัยเมื่อตอบ เล่นเอาเพื่อนในแก๊งค์พากันร้องกรี๊ดวี๊ดว๊ายกับยัยนัทเสียยกใหญ่ พอๆกันกับฉันที่เข้าใจความหมายดีว่าเธอไปนอนกับผู้คนใหม่มาเลยไม่ได้กลับห้องเมื่อคืน เลยได้แต่แสยะยิ้มดักทางอย่างรู้ทันเธอ

          เออ..แล้วแกล่ะ ไปไหนมาฉันแวะไปเคาะห้องแกเมื่อเช้าเหมือนแกไม่อยู่เลย โทรศัพท์แกก็ปิดยัยนัทถามฉันคืนบ้าง

          ให้ทาย..” ฉันยิ้มอย่างมีเลศนัยมองยัยนัทที่เริ่มทายมั่วๆโดยเอาชื่อเสี่ยคนนั้นเสี่ยคนนี้ที่เธอเคยรู้จักมาทาย ก่อนจะเริ่มประหลาดใจเมื่อฉันปฏิเสธทุกคน

ใครวะ

          คนที่ทำให้ฉันเกรี้ยวกราดเมื่อคืนนี้ไง

          เฮ้ยจริงดิ อะไรวะ นี่แกกับยัยเจ๊นาราแบบว่าซั่มกันแล้วเหรอ ไหนแกว่ายัยพี่นาราหลบหน้าแกวะ

          เรื่องมันยาว เอาเป็นว่าเมื่อคืนนี้ฉันอยู่กับหล่อนทั้งคืนแหละ..” อมยิ้มอวดบรรดาเพื่อนให้ตารุกวาว ในหัวก็มีภาพพี่นาราตอนที่ตัวเองดึงหน้าเข้ามาจุ๊บปากเบาๆ

ให้ตายเถอะ..แค่จุ๊บเบาๆไม่ได้จูบลึกล้ำอะไรก็ยังทำให้หัวใจตื่นเต้นได้ขนาดนั้น ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าได้ทำอะไรกับเธอจริงๆมันจะรู้สึกดีขนาดไหนกันนะ..

          นึกถึงใบหน้าสวยเฉี่ยวที่ไม่ได้ดุไม่ได้เก๊กขรึม แต่เป็นพี่นาราในเวอร์ชั่นหน้าเด็กละอ่อนแถมยังมีรอยยิ้มน่ารักจากปากจิ้มลิ้มแดงระเรื่อออกมาแล้วก็ได้แต่หลุดยิ้มออกมาตามอย่างไม่รู้ตัว

          เฮ้ย อารายว้าาา เนี่ยอย่าบอกนะว่าชอบเขาแล้วน่ะเสียงกรุ้มกริ่มของยัยนัทดังเข้ามาให้ฉันรู้ตัวได้สติ

          บะ..บ้า ชอบที่ไหนกัน บ้าเปล่ารีบเลิ่กลั่กตอบเพื่อนไปทันที

          เอ้าก็เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหม่อไม่ได้สติอยู่ตั้งนาน ไม่ชอบแล้วจะยิ้มเหม่อทำไมตอนพูดเรื่องเขา

          ก็ฉันแค่นึกดีใจที่แผนการของฉันใกล้สำเร็จแล้วก็เลยยิ้ม ทำไมยิ้มอย่างผู้ชัยไม่ได้หรือไง รู้จักมั้ยรอยยิ้มของผู้มีชัยชนะอ่ะแกล้งเก๊กเสียงฉุนเฉียวตอบเพื่อน

          ชนะจริงเหรอแก ฉันเห็นแต่แกพูดอยู่นี่ยังไม่มีหลักฐานสักที ไหนขอหลักฐานหน่อยซิยัยสายรุ้งผู้ที่ไม่เชื่อคนแรกเริ่มทักท้วงฉัน และคนที่ไม่เชื่ออีกหลายคนต่อมาก็เริ่มพูดประโยคเดียวกัน

          เออใช่ มันต้องว่ากันด้วยหลักฐานป่ะเรื่องอย่างนี้ แต่นี่ฉันเห็นแค่แกแล้วก็ยัยนัทเมาส์มอยเรื่องพี่คนนั้นอยู่กันแค่สองคนอย่างนี้ เผื่อพวกแกสมรู้ร่วมคิดกันทำไง

          จะว่าฉันรวมหัวกับฝ้ายหลอกพวกแกเหรอยัยนัทหัวร้อนรีบต่อว่าทันทีเมื่อคิดได้ว่าตัวเองโดนเพื่อนหลอกด่าทางอ้อม นั่นเลยทำให้ฉันรีบยกมือห้ามศึกก่อนที่เรื่องจะบานปลายเลยเถิดจนเพื่อนๆในกลุ่มต้องแตกแยกกันไปใหญ่

          พอๆ ไม่ต้องทะเลาะกันเลย เดี๋ยวฉันจะพาเขามาแนะนำตัวกับพวกแกเลยดีป่ะพวกแกจะได้เชื่อสักทีว่าพี่นาราเขาชอบฉันแล้ว แล้วเรื่องทุกอย่างจะได้จบซะที

////////////////////

          ผลจากการโม้ของตัวเองในคาบเรียนวันนั้น ทำให้ฉันต้องรีบยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างฉันและพี่นาราให้ไวมากขึ้นกว่าเดิม เริ่มจากตอนเย็นเลิกเรียนที่ฉันรอพี่นาราเวลาเดิม และเธอก็กลับมาจอดรถในเวลาเดิมเหมือนก่อนหน้าที่ฉันคิดว่าเธอจงใจหลบหน้าฉันแล้ว

          พี่นารา หนูซื้อเค้กมาฝากพี่ค่ะอมยิ้มเดินถือกล่องเค้กเข้าไปยังรถเธอเมื่อเธอเดินออกมาจากรถได้

          เนี่ย ร้านนี้เป็นร้านขึ้นชื่อเลยนะคะ หนูและเพื่อนๆหนูที่คณะชอบทานมากค่ะ

          เธอยืนนิ่งยืนมองกล่องเค้กอยู่ครู่หนึ่งจนฉันนึกกลัวว่าเธอจะไม่รับ

          นะคะ รับไปด้วยนะ คิดซะว่าเป็นการตอบแทนที่พี่นาราช่วยหนูเมื่อคืนนี้ไงยื่นกล่องเค้กไปต่อหน้าเธอที่ก้มลงจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจรับมันไป

          ขอบใจนะ

“เอ่อ เสื้อของพี่หนูเอาไปส่งซัก..เดี๋ยวหนูจะเอาไปคืนให้ทีหลังนะคะ”

“อื้ม..เดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นค่อยเอามาคืนที่ห้องก็ได้..”

ได้ยินเธอนัดให้เอามาส่งที่ห้องฉันก็แอบอมยิ้มด้วยความดีใจ เมื่อใจนึกอยากหาโอกาสเข้าใกล้เธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เลยพลอยให้แสดงสีหน้ากระดี๊กระด๊าออกมาอย่างไม่รู้ตัว จนคนถือกล่องขนมเค้กได้แต่ถอนหายใจส่ายหัวก่อนจะบอกลาฉันไปพักผ่อนที่ห้องของเธอหลังจากนั้น

///////////////////////

เสียงออดหน้าห้องพี่นาราดังขึ้นเมื่อตอนเย็นของวันถัดมา เมื่อฉันไปรับเสื้อจากร้านซักรีดมาคืนเธอที่ห้องตามการนัดหมาย และตอนนี้เมื่อเธอเปิดประตูออกมาแล้ว ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของฉันก็กลายเป็นตกตะลึงพรึงเพริดทันทีที่เห็นว่าเจ้าของห้องเดินออกมาด้วยชุดราตรีสีน้ำเงินสุดหรูเหมือนว่าเธอกำลังจะออกไปไหนสักที

สวยจัง...ภาพความแวววาวของต่างหูระย้าที่ส่องสว่างฉายภาพใบหน้าสวยเฉี่ยวของพี่นาราทำให้ฉันตาค้างทันทีที่เห็น

          มีอะไรหรือเปล่าเสียงของพี่นาราดังเรียกสติให้ฉันรีบละตาจากใบหน้าสวยนั้นออกมาหยิบถุงเสื้อนอกส่งให้เธอ

          เอ่อ หนูเอาเสื้อพี่มาคืนค่ะ

          อ้อ ลืมไป ขอบใจนะเธอรับมันไป แล้วเดินเอาไปวางในห้องอย่างรีบๆ แค่นี้ใช่มั้ย ฉันไม่ได้คุยด้วยต่อหรอกนะ พอดีรีบมีธุระสำคัญน่ะ

          ธุระสำคัญอย่างนั้นเหรอ..ข้อความและท่าทางรีบเร่งจากพี่นาราในชุดราตรีสวยแสนหรูสร้างความประหลาดใจให้ฉันครุ่นคิดทั้งคืนหลังจากนั้น อะไรคือธุระที่ทำให้พี่นาราต้องแต่งตัวด้วยชุดหรูดูแพงอย่างนั้นกันนะ ฉันอยากรู้จริงๆ

          คำตอบสำหรับความสงสัยถูกเฉลยขึ้นในช่วงเช้าวันต่อมา เมื่อฉันยืนแอบรอที่จะทักทายเธออยู่แถวๆรถแลมโบกีนี่เวลาเดิม แต่กลายเป็นว่าในเวลานั้นมีรถแลมโบกีนี่สีแดงอีกคันวิ่งเข้ามาจอดเทียบท่าใกล้ๆ

และเมื่อประตูรถเปิดออกมาภาพผู้ชายท่าทางสมาร์ทแต่งตัวดูดีมีฐานะคนนึงก็รีบวิ่งมายื่นแขนรับหญิงสาวในชุดราตรีสีน้ำเงินที่กำลังก้าวเดินลงมาจากรถอย่างสง่างาม ท่าทางเหมือนเจ้าชายกำลังรอรับเจ้าหญิงแสนสวยของเขาด้วยความกระตือรือร้น ภาพต่อหน้าดูชวนฝันแลดูมีความสุขดี แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาทันทีที่ที่นึกขึ้นได้ตั้งแต่แรกเห็นแล้วว่าเจ้าหญิงในชุดราตรีสีน้ำเงินคนนั้นคือใคร...

          บ้าชะมัดเลย..ทำไมจุกอย่างนี้นะ เหมือนตัวเองจะเป็นลมยังไงไม่รู้

          แล้วนี่..ทำไมน้ำตาถึงได้ไหลออกมาดื้อๆอย่างนี้กันนะ..