ซ้อนเล่ห์รัก
รู้สึกแปลกๆ
ฉันลืมตาตื่นในช่วงเช้าของวันต่อมาด้วยอาการสร่างเมาอย่างเป็นปลิดทิ้ง
ความรู้สึกสดชื่นกะปรี้กะเปร่าเหมือนได้พักผ่อนนอนหลับอย่างสบายทำให้ฉันต้องชำเรืองมองตัวเองดูว่ายังอยู่ที่โซฟาเหมือนเดิมหรือเปล่า
ก็ใช่นี่ ตอนนี้ฉันก็ยังนอนอยู่บนโซฟาที่พี่นาราบังคับให้ฉันนอนเหมือนเดิม
แต่จะมีเพิ่มเติมก็แค่ผ้าห่มนวมสีน้ำตาลผืนใหญ่ที่คงจะเป็นพี่นารามาคลุมให้ฉันเมื่อตอนหลับเท่านั้นล่ะมั้ง
และพิเศษกว่านั้นก็คือตรงโต๊ะรับแขกมีชามน้ำและผ้าขนหนูตากพาดไว้ที่ปากชามอยู่
แสดงให้เห็นว่าคงมีใครสักคนใช้มันมาเช็ดทำความสะอาดฉันแน่
พี่นารา...
อย่าบอกนะว่าเธอแอบเช็ดหน้าเช็ดตาฉันให้เมื่อเธอเห็นฉันเมาหลับไปอย่างนั้นน่ะ
แค่คิด..ความรู้สึกแปลกๆก็เกิดขึ้นกับตัวเอง
อาการหัวใจพองโตอย่างที่ตัวเองไม่เคยเป็นมาก่อนทำให้ฉันชะงักทันทีเมื่อคิดอะไรได้
บ้าชะมัดเลย
ไม่ชอบอาการใจเต้นแรงอย่างนี้เลย มันเหมือนตัวเองกำลังอ่อนแอยังไงไม่รู้
ยกมือมากุมหน้าอกฝั่งหัวใจตัวเองเบาๆก่อนจะสูดลมหายใจตั้งสติแล้วลุกขึ้นเดินไปมาในห้องรับแขก
หวังให้อาการแปลกๆก่อนหน้านั้นหายไป
เสียงก๊อกแก๊กจากห้องนอนพี่นาราดังขึ้นก่อนจะโชว์ให้เห็นภาพเจ้าของห้องในชุดคลุมนอนสีดำเมื่อคืนนี้กำลังเดินเหยียดแขนออกกำลังกายออกมาข้างนอก
“ตื่นแล้วเหรอ
เป็นยังไงบ้าง สร่างเมาหรือยัง” เธอทักฉันเมื่อเดินจากหน้าห้องมาถึงยังตัวฉันที่ยืนยิ้มหน้าแดงรอเธออยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์แล้ว
“สร่างแล้วค่ะ
โอเคมากๆเลย ยาดีมากเลยหนูไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองเมาแบบเมื่อคืนนี้”
ยิ้มแก้เขินเมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายของคืนก่อนหน้านั้น
ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นแผงยาชนิดเดียวกันหลายๆแผงที่กองรวมๆกันอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์
รวมถึงแก้วน้ำเมื่อคืนนี้ด้วย เลยรีบหยิบขึ้นมาดูเมื่อคิดว่ามันคือยาแก้เมาสูตรพิเศษที่พี่นาราจัดให้ฉันเมื่อคืนนี้หรือเปล่า
เพราะลักษณะรูปร่างของยานั้นคล้ายกันมาก
“ยาตัวนี้หรือเปล่าคะที่นาราเอาให้หนูกินเมื่อคืน”
หยิบมันขึ้นมาดูก็เห็นมันเป็นแผงยาเม็ดคู่เล็กๆ “กินแล้วดีมากเลยนะคะ หายเมาเป็นเป็นปลิดทิ้งเลย” ทั้งถามทั้งพยายามมองหาฉลากยาบนเคาน์เตอร์มาอ่านแต่ก็ไม่เห็น
พี่นาราคิ้วขมวดจ้องมองฉันที่หยิบแผงยานั้นขึ้นมามองก่อนจะยื่นมือมาหยิบแผงยานั้นคืน
“ไม่รู้เหรอว่านี่คือยาอะไร”
เธอยกแผงยานั้นถามฉัน ซึ่งฉันก็ส่ายหน้าทันที
“ไม่รู้จริงๆ..เหรอ” เธอถามย้ำอีกครั้ง
“ไม่ค่ะ ทำไมคะ
หรือมันไม่ใช่ยาแก้เมา เป็นยาแก้แพ้เฉยๆอ๋อ มันกินแทนกันได้ใช่มั้ยคะ” เธอจ้องมองหน้าเอ๋อๆของฉันเหมือนเธอกำลังคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก็อมยิ้ม
“อืม..เป็นยาประเภทเดียวกันกับยาแก้แพ้น่ะ แต่กินมากๆไม่ดีมีฤทธิ์ต่อตับน่ะ
เธอไม่ต้องกินบ่อยหรอกมันไม่ดี”
“อ๋อค่ะ
งั้นไม่เป็นไรหนูไม่ถามแล้วก็ได้” พยักหน้ารับเธอเบาๆ
“นี่ถามอะไรหน่อยสิ
เธอมีเพื่อนผู้หญิงอยู่ใช่มั้ย”
“มีสิคะ”
“แล้วไม่สนิทอะไรกับพวกเขาเหรอ
แบบไปนอนอยู่ด้วยหรือใช้เวลาคลุกคลีอยู่ด้วยกันตลอดเวลาอะไรทำนองนี้..”
“อ๋อ
ก็ไม่สนิทขนาดนั้นค่ะ เอ่ออาจะจะเป็นเพราะหนูโลกส่วนตัวสูง
ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้และไม่อยากเข้าใกล้ใครด้วย
ถ้าคนนั้นไม่มีความพิเศษกับตัวเองมากๆ อย่างเอ่อ..พี่นาราไงคะ”
แอบหยอดมุกให้เธอได้เลิ่กคิ้วจ้องมองท่าทางกระริ่มกระเรี่ยตัวเองอีกครั้ง
“เธอนี่ก็พยายามดีเนอะ”
เธอสแยะปากแยกเขี้ยวแล้วกลายเป็นหลุดยิ้มเมื่อเห็นฉันพยายามส่งสายตาหวานออดอ้อน
ก่อนจะทำเป็นหันซ้ายหันขวามองนั่นมองนี่
ซึ่งฉันเดาว่าเธออาจจะทำเพื่อลดอาการเขินที่มีต่อฉันก็เป็นได้
มองดูผิวหน้าเธอในตอนนี้เมื่อปราศจากแมคอัพใดๆแล้วก็แทบทำให้ฉันลืมไปเลยว่าจริงๆแล้วคนตรงหน้านี้อายุ34แล้วนะ และเราสองคนก็อายุห่างกันตั้ง13ปีแหนะ จะมีใครบอกเธอมั้ยนะ
ว่าเธอหน้าเด็กมากๆเลยเวลาที่เธอหลุดยิ้มออกมาอย่างไม่เก๊กอย่างนี้น่ะ
ได้แต่ยืนแอบมองแอบพิจารณารอยยิ้มไร้เดียงสาของเธอไปเงียบๆ
ก่อนจะตาโตเมื่ออยู่ๆเธอหันมาถามในคำถามที่ฉันเองก็ลืมไปเลยว่าฉันไม่เคยบอกเธอเหมือนกัน
“ว่าแต่..เธอชื่ออะไรล่ะ ฉันยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย”
“หนูเหรอ” จริงสินะลืมแนะนำชื่อตัวเองเลยอ่ะผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วแท้ๆ
“หนูชื่อฝ้ายค่ะพี่”
คนต่อหน้ายิ้มหวานยื่นมือมารอจับมือฉันที่ยื่นมาจับเธอหลังจากนั้นด้วย
“ฝ้ายเหรอ..ยินดีที่รู้จักนะ”
///////////////////////////
ฉันถอดเสื้อนอกสีดำเนื้อผ้าดีออกจากตัวก่อนจะยกมันขึ้นมาสูดดมกลิ่นเบาๆ
ในหัวก็นึกภาพที่เจ้าของเสื้อตัวนี้ยื่นมันมาคลุมทับตัวเองให้ในตอนที่กำลังจะเดินออกจากห้องเธอเมื่อเช้า
“อ๊ะ ใส่นี้ทับไปด้วย
เช้าอย่างนี้ใส่ชุดอย่างนี้ออกไปเดินโต้งๆคนได้มองเธอด้วยสายตาประหลาดกันพอดี”
“พี่นาราเป็นห่วงหนูเหรอ”
แอบอมยิ้มส่งตาหวานให้นิดๆเมื่อเห็นเธอกำลังสวมเสื้อนอกสีดำตัวนี้ทับไหล่ให้
เธอถอนหายใหญ่หน้าตาเหนื่อยหน่าย
เหมือนเบื่อที่ฉันปล่อยมุกจีบเธอถี่เกิน เลยยกเสื้อตัวนั้นขึ้นมาคลุมหัวฉันทั้งหัวแทน
“แล้วแต่จะคิดเลย...”
แม้จะรู้สึกเหวอนิดๆเพราะภาพหวานที่เธอควรจะสวมทับเสื้อนอกที่ไหล่ดันเปลี่ยนเป็นภาพแห่งความประชดประชันยังกับเอาปี๊บคลุมหัวฉันยังไงยังงั้นแทน
แต่ฉันก็ยังอมยิ้มเหมือนเดิม ด้วยคิดว่าอย่างน้อยๆเธอก็มีน้ำใจแสดงความเป็นห่วงแบบห่างๆกับฉันเหมือนเดิมล่ะนะ
อย่างน้อยๆในคืนนี้ก็ยังมีความก้าวหน้าในความสัมพันธ์ของเราทั้งสองขึ้นบ้างล่ะนะ..
ภาพใบหน้าพี่นาราจะยิ้มก็ไม่ยิ้มจะบึ้งก็ไม่บึ้งหายไปเมื่อฉันลืมตาตื่นจากการสูดดมกลิ่นเสื้อนอกตัวนี้
อืม..กลิ่นดีนีนา หอมกลิ่นเหมือนกุหลาบ เป็นกลิ่นเบาๆไม่ฉุน กลิ่นนุ่มๆ
ดูเป็นผู้ดีดี เห็นทีฉันต้องหาน้ำหอมกลิ่นอย่างนี้มาใช้บ้างซะแล้ว
ทั้งคิดทั้งจับมันวางไว้กับโต๊ะแล้วรีบจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวเองเพื่ออาบน้ำด้วยกลัวจะไปเรียนคาบบ่ายไม่ทัน
แต่ถึงกระนั้นอาการปวดแขนปวดขาและปวดบั้นท้ายก็ทำให้การยกแขนขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นไปยากเหลือเกิน
ภาพการล้มเกลือกกลิ้งไปมากับพื้นเมื่อคืนพอจะทำให้นึกถึงเหตุผลของการเจ็บปวดเหล่านั้นได้ทันที
ก็ดันโอเว่อร์แอกติ้งเล่นจริงล้มจริงไปหน่อยเลยเจ็บไปทั้งตัวอย่างนี้
พยายามสำรวจตัวเองเมื่อคิดว่าอาจจะมีร่องรอยฟกช้ำดำเขียวอะไรแถวๆแขนขาหรือบั้นท้ายตัวเองหรือเปล่าแต่ก็ไม่มี
กลายเป็นว่ามีร่องรอยเหมือนฟกช้ำเขียวๆดำๆจุดใหญ่ๆจุดนึงอยู่ตรงเนินเนื้อหน้าอกตัวเองแทน
เอ๊า..ไหงกลายเป็นมาเขียวเป็นรอยตรงนี่ล่ะเนี่ย เมื่อคืนล้มยังไงวะ
หรือเป็นรอยตอนที่ผู้ชายพวกนั้นพยายามอุ้มฉันหรือไงกัน
พยายามคิดหาช่วงจังหวะที่น่าจะทำให้ตัวเองเป็นรอยแต่ก็นึกไม่ออก
จนคิดว่านึกไปก็น่าจะเสียเวลาเปล่าและรอยช้ำรอยนี่ก็น่าจะหายเองได้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร..
แต่ก็น่าแปลกใจจริงๆแหละ
มันเขียวได้ไงวะ
/////////////////////////
“ฝ้าย เมื่อคืนได้ยินข่าวมั้ยว่าคอนโดเรามีคนทะเลาะกันที่ชั้นแปดน่ะ”
เสียงยัยนัททักฉันเมื่อฉันเข้ามานั่งรออาจารย์ในห้องเลคเชอร์ได้ในช่วงบ่ายของวัน
เล่นเอาฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้ว่าคนในข่าวที่ยัยนัทเล่าก็คือตัวเองนั่นแหละ
“เอ่อ..ยังไม่รู้เลย เออแกกลับห้องตอนไหนเมื่อคืนนี้”รีบเปลี่ยนเรื่องคุยกับเพื่อนทันที
“ไม่ได้กลับเมื่อคืน..กลับตอนเช้าย่ะ..”
ยัยนัทอมยิ้มอย่างมีเลศนัยเมื่อตอบ เล่นเอาเพื่อนในแก๊งค์พากันร้องกรี๊ดวี๊ดว๊ายกับยัยนัทเสียยกใหญ่
พอๆกันกับฉันที่เข้าใจความหมายดีว่าเธอไปนอนกับผู้คนใหม่มาเลยไม่ได้กลับห้องเมื่อคืน
เลยได้แต่แสยะยิ้มดักทางอย่างรู้ทันเธอ
“เออ..แล้วแกล่ะ ไปไหนมาฉันแวะไปเคาะห้องแกเมื่อเช้าเหมือนแกไม่อยู่เลย
โทรศัพท์แกก็ปิด”ยัยนัทถามฉันคืนบ้าง
“ให้ทาย..” ฉันยิ้มอย่างมีเลศนัยมองยัยนัทที่เริ่มทายมั่วๆโดยเอาชื่อเสี่ยคนนั้นเสี่ยคนนี้ที่เธอเคยรู้จักมาทาย
ก่อนจะเริ่มประหลาดใจเมื่อฉันปฏิเสธทุกคน
“ใครวะ”
“คนที่ทำให้ฉันเกรี้ยวกราดเมื่อคืนนี้ไง”
“เฮ้ยจริงดิ อะไรวะ
นี่แกกับยัยเจ๊นาราแบบว่าซั่มกันแล้วเหรอ ไหนแกว่ายัยพี่นาราหลบหน้าแกวะ”
“เรื่องมันยาว
เอาเป็นว่าเมื่อคืนนี้ฉันอยู่กับหล่อนทั้งคืนแหละ..” อมยิ้มอวดบรรดาเพื่อนให้ตารุกวาว
ในหัวก็มีภาพพี่นาราตอนที่ตัวเองดึงหน้าเข้ามาจุ๊บปากเบาๆ
ให้ตายเถอะ..แค่จุ๊บเบาๆไม่ได้จูบลึกล้ำอะไรก็ยังทำให้หัวใจตื่นเต้นได้ขนาดนั้น
ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าได้ทำอะไรกับเธอจริงๆมันจะรู้สึกดีขนาดไหนกันนะ..
นึกถึงใบหน้าสวยเฉี่ยวที่ไม่ได้ดุไม่ได้เก๊กขรึม
แต่เป็นพี่นาราในเวอร์ชั่นหน้าเด็กละอ่อนแถมยังมีรอยยิ้มน่ารักจากปากจิ้มลิ้มแดงระเรื่อออกมาแล้วก็ได้แต่หลุดยิ้มออกมาตามอย่างไม่รู้ตัว
“เฮ้ย อารายว้าาา
เนี่ยอย่าบอกนะว่าชอบเขาแล้วน่ะ” เสียงกรุ้มกริ่มของยัยนัทดังเข้ามาให้ฉันรู้ตัวได้สติ
“บะ..บ้า ชอบที่ไหนกัน บ้าเปล่า”รีบเลิ่กลั่กตอบเพื่อนไปทันที
“เอ้าก็เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหม่อไม่ได้สติอยู่ตั้งนาน
ไม่ชอบแล้วจะยิ้มเหม่อทำไมตอนพูดเรื่องเขา”
“ก็ฉันแค่นึกดีใจที่แผนการของฉันใกล้สำเร็จแล้วก็เลยยิ้ม
ทำไมยิ้มอย่างผู้ชัยไม่ได้หรือไง รู้จักมั้ยรอยยิ้มของผู้มีชัยชนะอ่ะ”แกล้งเก๊กเสียงฉุนเฉียวตอบเพื่อน
“ชนะจริงเหรอแก
ฉันเห็นแต่แกพูดอยู่นี่ยังไม่มีหลักฐานสักที ไหนขอหลักฐานหน่อยซิ” ยัยสายรุ้งผู้ที่ไม่เชื่อคนแรกเริ่มทักท้วงฉัน
และคนที่ไม่เชื่ออีกหลายคนต่อมาก็เริ่มพูดประโยคเดียวกัน
“เออใช่
มันต้องว่ากันด้วยหลักฐานป่ะเรื่องอย่างนี้
แต่นี่ฉันเห็นแค่แกแล้วก็ยัยนัทเมาส์มอยเรื่องพี่คนนั้นอยู่กันแค่สองคนอย่างนี้
เผื่อพวกแกสมรู้ร่วมคิดกันทำไง”
“จะว่าฉันรวมหัวกับฝ้ายหลอกพวกแกเหรอ”
ยัยนัทหัวร้อนรีบต่อว่าทันทีเมื่อคิดได้ว่าตัวเองโดนเพื่อนหลอกด่าทางอ้อม
นั่นเลยทำให้ฉันรีบยกมือห้ามศึกก่อนที่เรื่องจะบานปลายเลยเถิดจนเพื่อนๆในกลุ่มต้องแตกแยกกันไปใหญ่
“พอๆ ไม่ต้องทะเลาะกันเลย
เดี๋ยวฉันจะพาเขามาแนะนำตัวกับพวกแกเลยดีป่ะพวกแกจะได้เชื่อสักทีว่าพี่นาราเขาชอบฉันแล้ว
แล้วเรื่องทุกอย่างจะได้จบซะที”
////////////////////
ผลจากการโม้ของตัวเองในคาบเรียนวันนั้น
ทำให้ฉันต้องรีบยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างฉันและพี่นาราให้ไวมากขึ้นกว่าเดิม
เริ่มจากตอนเย็นเลิกเรียนที่ฉันรอพี่นาราเวลาเดิม และเธอก็กลับมาจอดรถในเวลาเดิมเหมือนก่อนหน้าที่ฉันคิดว่าเธอจงใจหลบหน้าฉันแล้ว
“พี่นารา
หนูซื้อเค้กมาฝากพี่ค่ะ” อมยิ้มเดินถือกล่องเค้กเข้าไปยังรถเธอเมื่อเธอเดินออกมาจากรถได้
“เนี่ย
ร้านนี้เป็นร้านขึ้นชื่อเลยนะคะ หนูและเพื่อนๆหนูที่คณะชอบทานมากค่ะ”
เธอยืนนิ่งยืนมองกล่องเค้กอยู่ครู่หนึ่งจนฉันนึกกลัวว่าเธอจะไม่รับ
“นะคะ รับไปด้วยนะ
คิดซะว่าเป็นการตอบแทนที่พี่นาราช่วยหนูเมื่อคืนนี้ไง” ยื่นกล่องเค้กไปต่อหน้าเธอที่ก้มลงจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจรับมันไป
“ขอบใจนะ”
“เอ่อ
เสื้อของพี่หนูเอาไปส่งซัก..เดี๋ยวหนูจะเอาไปคืนให้ทีหลังนะคะ”
“อื้ม..เดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นค่อยเอามาคืนที่ห้องก็ได้..”
ได้ยินเธอนัดให้เอามาส่งที่ห้องฉันก็แอบอมยิ้มด้วยความดีใจ
เมื่อใจนึกอยากหาโอกาสเข้าใกล้เธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เลยพลอยให้แสดงสีหน้ากระดี๊กระด๊าออกมาอย่างไม่รู้ตัว
จนคนถือกล่องขนมเค้กได้แต่ถอนหายใจส่ายหัวก่อนจะบอกลาฉันไปพักผ่อนที่ห้องของเธอหลังจากนั้น
///////////////////////
เสียงออดหน้าห้องพี่นาราดังขึ้นเมื่อตอนเย็นของวันถัดมา
เมื่อฉันไปรับเสื้อจากร้านซักรีดมาคืนเธอที่ห้องตามการนัดหมาย
และตอนนี้เมื่อเธอเปิดประตูออกมาแล้ว ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของฉันก็กลายเป็นตกตะลึงพรึงเพริดทันทีที่เห็นว่าเจ้าของห้องเดินออกมาด้วยชุดราตรีสีน้ำเงินสุดหรูเหมือนว่าเธอกำลังจะออกไปไหนสักที
สวยจัง...ภาพความแวววาวของต่างหูระย้าที่ส่องสว่างฉายภาพใบหน้าสวยเฉี่ยวของพี่นาราทำให้ฉันตาค้างทันทีที่เห็น
“มีอะไรหรือเปล่า”
เสียงของพี่นาราดังเรียกสติให้ฉันรีบละตาจากใบหน้าสวยนั้นออกมาหยิบถุงเสื้อนอกส่งให้เธอ
“เอ่อ
หนูเอาเสื้อพี่มาคืนค่ะ”
“อ้อ ลืมไป ขอบใจนะ”
เธอรับมันไป แล้วเดินเอาไปวางในห้องอย่างรีบๆ “แค่นี้ใช่มั้ย ฉันไม่ได้คุยด้วยต่อหรอกนะ พอดีรีบมีธุระสำคัญน่ะ”
ธุระสำคัญอย่างนั้นเหรอ..ข้อความและท่าทางรีบเร่งจากพี่นาราในชุดราตรีสวยแสนหรูสร้างความประหลาดใจให้ฉันครุ่นคิดทั้งคืนหลังจากนั้น
อะไรคือธุระที่ทำให้พี่นาราต้องแต่งตัวด้วยชุดหรูดูแพงอย่างนั้นกันนะ
ฉันอยากรู้จริงๆ
คำตอบสำหรับความสงสัยถูกเฉลยขึ้นในช่วงเช้าวันต่อมา
เมื่อฉันยืนแอบรอที่จะทักทายเธออยู่แถวๆรถแลมโบกีนี่เวลาเดิม
แต่กลายเป็นว่าในเวลานั้นมีรถแลมโบกีนี่สีแดงอีกคันวิ่งเข้ามาจอดเทียบท่าใกล้ๆ
และเมื่อประตูรถเปิดออกมาภาพผู้ชายท่าทางสมาร์ทแต่งตัวดูดีมีฐานะคนนึงก็รีบวิ่งมายื่นแขนรับหญิงสาวในชุดราตรีสีน้ำเงินที่กำลังก้าวเดินลงมาจากรถอย่างสง่างาม
ท่าทางเหมือนเจ้าชายกำลังรอรับเจ้าหญิงแสนสวยของเขาด้วยความกระตือรือร้น
ภาพต่อหน้าดูชวนฝันแลดูมีความสุขดี
แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาทันทีที่ที่นึกขึ้นได้ตั้งแต่แรกเห็นแล้วว่าเจ้าหญิงในชุดราตรีสีน้ำเงินคนนั้นคือใคร...
บ้าชะมัดเลย..ทำไมจุกอย่างนี้นะ เหมือนตัวเองจะเป็นลมยังไงไม่รู้
แล้วนี่..ทำไมน้ำตาถึงได้ไหลออกมาดื้อๆอย่างนี้กันนะ..