นิยายรักไม่จำกัดบท
Cheapter
8
หวานๆและความกังวลใจในบทรัก
เสียงหัวเราะคิกๆคักๆและเสียงร้องอุ้ยเล็กอุ้ยน้อยในห้องด้านหลังประตูที่พะเพื่อนกำลังยืนมองอยู่ทำให้เขาถึงกลับต้องรีบเอาหูแนบฟังทันทีเมื่อจินตนาการของเขากำลังปะติดประต่อเรื่องราวบางอย่างได้
“..เอิ้น..อย่า
อุ้ย ไม่ๆ อุ้ย..อ๊า~~..”
แค่เสียงดังเบาๆของพี่สาวตัวเองที่ถึงแม้จะฟังไม่ได้ศัพท์ยังไง
แต่ได้ยินแค่นี้พะเพื่อนก็สามารถต่อเรือระหว่างพี่สาวและพี่เอิ้นสุดสวยของเขาได้อย่างรวดเร็วไปแล้ว
“โอยย...”
ครวญครางเบาๆในตอนที่เกาเล็บแก๊กๆกับประตูหลังจากนั้น..
นี่..กลับมาชิพกันอีกแล้วใช่มั้ยนี่
โอ้ยๆๆ ดีใจชะมัด
แอบกระโดดหย่องแหย่งอยู่หน้าห้องพะแพงเมื่อได้รู้ว่าความต้องการในใจลึกๆของตัวเองเป็นจริงเข้าจนได้
โอ้ยนี่ก็หลงคิดว่าพี่สาวตัวเองจะโดนพี่เอิ้นเททิ้งจริงๆซะแล้ว
เพราะจากการที่พะเพื่อนแอบปลื้มและแอบคลั่งพี่เอิ้นสุดสวยเหลือเกิน
ทำให้เขาไม่พร้อมที่จะให้พี่เอิ้นของเขาไปเป็นแฟนของใครไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ตาม
ทางเดียวที่จะทำให้พี่เอิ้นยังอยู่ดีและปลอดภัยที่สุดในสายตาพะเพื่อนก็คือการที่พี่เอิ้นเป็นข่าวคู่จิ้นกับพะแพงพี่สาวของตัวเองนั่นแหละ
คิดซะว่ายังไงๆก็เป็นพี่สาวของตัวเองและลึกๆแล้วเขาก็หวงและห่วงพี่สาวคนสวยของตัวเองมากและไม่พร้อมจะให้พี่สาวหัวอ่อน(คิดเหมือนเอิ้นอีกล่ะ)ของตัวเองตกเป็นเหยื่อให้ใครหลอกฟันแล้วทิ้งง่ายๆด้วย
ยังไงซะถ้าสองคนได้กันจริงๆก็ไม่มีอะไรเสียหาย
ครอบครัวเรามีแต่ได้กับได้
นั่นคือสิ่งที่พะเพื่อนคิดแล้วคิดอีกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เขาแอบชิพกับเพื่อนๆในกลุ่มกันเป็นตุเป็นตะโดยที่พี่สาวของตัวเองไม่ได้รู้อะไรด้วยเลย...
เออ..ว่าไปแล้ว..
นี่ถ้าไอ้อ๋องกับไอ้แบงค์รู้ว่าพี่เอิ้นมานอนที่บ้านแล้วมีเสียงมุ้งมิ้งๆอะไรก็ไม่รู้อยู่ในห้องพี่แพงอย่างนี้พวกนั้นกระอักเลือดตายแน่ๆ
งื้ออ..กลัวเพื่อนไม่เชื่อจัง
อย่างนี้ต้องไลฟ์สดโชว์ดีกว่า
ทั้งคิดทั้งหยิบโทรศัพท์เตรียมจะกดไลฟ์สดเข้าไปในกลุ่มของตัวเองด้วยความร่าเริงไป
“เพื่อนทำอะไรน่ะ!”
ชะงักกึ๊กทันทีที่ได้ยินเสียงดุๆเข้มๆดังขึ้นด้านหลังในขณะที่กำลังกดโทรศัพท์
หันไปมองก็เห็นเป็นพ่อกำลังยืนกอดอกจ้องมองมาที่ตัวเองด้วยความสงสัย
“พ่อ..คือ..เอ่อ
ผมกำลังจะโทรศัพท์ครับ”
ยิ้มแหยๆในขณะนึกหาคำแก้ตัว
“โทรอะไรอยู่ที่นี่?”คนเป็นพ่อชี้มือไปที่ประตูห้องพะแพง
“เอ่อ..ก็
ก็ โทรหาพี่แพงไงครับ”
เลิ่กลั่กตอบด้วยใบหน้าแบ่งรับแบ่งสู้ของตัวเองไปอีก
“โทรหาหน้าห้องเขาเนี่ยนะ?
ทำตัวมีพิรุธอะเรา
นี่จะมากวนอะไรพี่เขาหรือเปล่า
ปล่อยให้พี่เขาพักผ่อนกันไปสองคน
เราอย่าไปกวนเขา
ไปนอนได้แล้วพรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้าไปวิ่งกับพ่อ
เข้าใจมั้ย!”
“ครับพ้ม!”
ยืนตรงทำความเคารพพ่อทันทีที่ได้ยินคำสั่งเหมือนทหารของพ่อ
และนั่นเลยทำให้สองสาวในห้องที่พากันหัวเราะคิกๆคักๆก่อนหน้านั้นพากันนั่งนิ่งด้วยกำลังเงี่ยหูฟังว่าข้างนอกห้องนั้นมีอะไรเกิดขึ้นกันแน่
“เสียงพะเพื่อนนี่..”
เป็นเอิ้นที่ถามขึ้นก่อนเมื่อเริ่มจับใจความได้
“อืม
สงสัยมาป้วนเปี้ยนหน้าห้องแล้วโดนพ่อเจอก่อนเลยดุมั้ง
..”
ทั้งพูดทั้งพยายามขยับชายเสื้อคลุมอาบน้ำตัวเองที่หลุดลุ่ยจนเกือบจะหลุดออกจากตัวทั้งหมดเพราะหยอกล้อซุกไซ้กันก่อนหน้านั้นให้กลับมาอยู่ในสภาพเรียบร้อยแล้วเดินไปส่องตาแมวหน้าห้องว่าตอนนี้มีใครอยู่มั้ย
เมื่อพบว่าด้านหน้าห้องนั้นว่างไม่มีใครอยู่แล้วพะแพงก็รีบเดินกลับมานั่งที่เตียงนอนข้างๆอีกคนที่กำลังพยายามใส่เสื้อคลุมอาบน้ำของตัวเองให้อยู่ในสภาพปกติเช่นเดียวกัน
“ไปกันหมดแล้วล่ะ
สงสัยเพื่อนจะมาหาเอิ้นมั้ง”
“มาหาเค้า?
มาทำไม?”
“เอ้า
ก็นางแอบปลื้มเอิ้นอยู่
นางชอบเอิ้นจะตายไม่รู้เหรอ
นางก็คงจะมาหม้ออะไรประมาณนี้ล่ะ”
“อ้าวเหรอ”
อมยิ้มเล็กๆทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น
“ไม่ยักกะรู้ว่าชอบเค้าทั้งพี่ทั้งน้องเลย”
“อะไร..ใครชอบทั้งพี่ทั้งน้อง”เหล่ตามองอีกคนด้วยใบหน้าแดงๆทันที
“ก็พะแพงกับพะเพื่อนไง”
“ใครช๊อบ
ไม่เคยบอกว่าชอบสักที
มโนหรือเปล่า”
“จริงหรา...”ยิ้มน้อยมองคนขี้เก๊กกำลังวางฟอร์มแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อหน้าก่อนจะค่อยๆเปิดชายเสื้อตรงหัวไหล่ออก
โชว์ให้เห็นเนื้อแขนขาวๆนวลเนียนรวมไปถึงเนินเนื้อหน้าอกที่กำลังจะพ้นโผล่ชายเสื้อคลุมให้เห็นทั้งเนินอยู่แล้วมะรอมมะร่อ
“เมื่อกี้เหมือนได้ยินใครบอกว่าชอบอยู่เลยนะ
แสดงว่าไม่ได้ชอบเค้า
แต่ชอบอย่างอื่นใช่มะ..”
คนถูกถามมองคนต่อหน้าอย่างหมั่นไส้
“..พึ่งรู้นะว่าชอบอ่อย
ชอบยั่วคน เห็นแต่ก่อนกวนๆไม่คิดว่าตอนนี้จะ..”
“จะอะไร”
คนยั่วทั้งถามทั้งยิ้ม
“จะน่ารักใช่มะ”
“แล้วแต่จะคิดเลย..”
บอกปัดเจ้าหล่อนไปด้วยความหมั่นไส้
ส่วนดวงตาก็มองที่ชายเสื้อหล่อนด้วยกำลังลุ้นว่ามันจะหลุดออกจริงๆมั้ย
และตัวเองควรจะต้องมองหล่อนตรงๆหรือหลบตาแบบเมื่อก่อนดี
ในเมื่อก่อนหน้านี้ในห้องน้ำเธอกับหล่อนก็ทำสัญญาใจในเรื่องที่ว่าจะไม่อายกันและกันในเรื่องอย่างว่าอีกแล้ว
นั่งนิ่งมองเจ้าหล่อนด้วยพยายามสะกดอารมณ์ตื่นกลัวรวมทั้งตื่นเต้นอยู่
เจ้าหล่อนก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินมาปลดเสื้อคลุมทั้งหมดออกจากตัวเองต่อหน้าพะแพงดื้อๆ..
“ไหนบอกเค้าอีกทีซิ..ว่าชอบมั้ย”
ได้ยินเสียงคนต่อหน้าลอยมาเข้าหูที่ได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้างแล้วพะแพงก็ไม่ได้ตอบ
เพราะสมาธิกำลังจดจ่อกับความละลานตาทั้งหมดทั้งมวลที่อยู่ต่อหน้าอยู่
นี่เมื่อกี้ที่อยู่ในอ่างด้วยกันก็แบบว่าไม่ได้เห็นส่วนล่างชัดเจนและต่อหน้าในระยะประชั้นชิดขนาดนี้เลย
พะแพงเลยทำตัวไม่ถูกเลยว่าควรจะเลือกมองด้านล่างหรือด้านบนของเจ้าหล่อนก่อนดี
แต่ตอนนี้สายตาอยู่ใกล้ส่วนล่างที่สุดแล้วก็จำเป็นต้องมองมันด้วยท่าทางเลิ่กๆลั่กๆใจดีสู้เสือของตัวเองไปก่อนแล้วกันนะ..
ช่วยไม่ได้นี่นา..ก็สัญญาไว้แล้วว่าจะไม่อายอะไรทั้งนั้น
แม้สิ่งที่เห็นต่อหน้าแทบจะทำให้พะแพงทั้งเขินทั้งอายจนหน้าแดงเถือกไปหมดแล้วก็ตาม
เอาวะ
ค่อยๆมองเนินเนื้อเกลี้ยงเกลาใจกลางสะโพกผายกลมกลึงด้านหน้า
ที่แค่แว๊บเดียวที่มองเต็มตาก็เหมือนมีมนต์สะกดบางอย่างมาทำให้พะแพงถึงกลับไม่อาจละตาจากมันได้เลย
ได้แต่จ้องมองค้างไว้ด้วยความไม่มีสติสตังจนถึงขึ้นเผลอก้มลงไปจุมพิตเนินนั้นเบาๆทันทีที่เริ่มทนต่อความเย้ายวนแปลกๆไม่ไหวแล้ว..
“นี่!..ถามว่าชอบมั้ย
ไม่ใช่ให้ อ๊าา~~”
เจ้าของเนินเนื้อร้องเสียงหลงไปต่อไม่เป็นเมื่อเห็นพะแพงกำลังก้มลงจุมพิตจุดนั้นซ้ำๆ
เธอดันหน้าเหม่อๆไม่มีสติของหล่อนออกมาจากจุดนั้น
“คุยกันก่อนเซ้!!”
พยายามเรียกสติเจ้าหล่อนด้วยใบหน้าแดงระเรื่อของตัวเองไป
นี่เป็นครั้งแรกที่เอิ้นเริ่มอายพะแพงขึ้นมาจริงๆซะแล้ว
ไหนทำตัวเหมือนชอบความโรแมนติกนักหนา
แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ไม่เห็นจะพูดจะจาอะไรกันสักคำ
จ้องแต่จะ..อย่างเดียวเลยหรือไงกัน..
“ฮ๊ะ!”คนโดนเรียกได้สติจากการเขย่าหน้าซ้ำๆ
“อะไรนะ จะคุยอะไรอีก
ไหนบอกไม่ต้องเก๊กแล้วไง”
“ก็ใช่
แต่ก็แบบคุยกันก่อนสิ
อย่างน้อยๆก็ให้มีความรู้สึกดีกันก่อนในแต่ละครั้งที่จะมีอะไรกันหน่อยดิ”
“รู้สึกดีก่อนที่จะมีอะไรกัน?
พะแพงหัวเราะหึ
“ไอ้ครั้งที่ผ่านๆมามันได้รู้สึกดีกันก่อนแล้วหรือไงถึงได้มีอะไรกันน่ะ”
“ก็รู้สึกดีสิ
ถ้าไม่รู้สึกดีจะทำให้ขนาดนั้นเหรอ
นี่ถ้าเขาไม่ระ..โอ๊ะ”
เอิ้นคิ้วขมวดใบหน้าเหยเกยกมือขึ้นจับหัวตัวเองทั้งๆที่ยังพูดไม่จบ
นั่นเลยทำให้อีกคนที่กำลังมองด้วยความหมั่นไส้ถึงกลับรีบเปลี่ยนสีหน้าตามด้วยความงุนงง
“อะไร
ปวดหัวอีกแล้วเหรอ”
ทั้งพูดทั้งรีบลุกขึ้นมาจับที่แผลคิดว่าหล่อนน่าจะปวดหัวที่แผลด้วย
“อืม..สงสัยต้องกินยาก่อนแล้วล่ะ
เผื่อเป็นอะไรขึ้นมาระหว่างที่ทำอีก”
“ระหว่างที่ทำ”มีความฉงนสงสัยเกิดขึ้นในใจทันที
“หมายความว่าไง
หมายความว่าเลือดกำเดาจะไหลอีกงั้นเหรอ”
“อืม..”
“งั้นก็ไม่ต้องทำเลย
นี่ก็คิดอยู่ว่าเจ็บตัวขนาดนี้ยังจะเอาแรงที่ไหนมาทำอีก
ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นเลยนะ
นอนกันเลยดีกว่า”
คนโดนห้ามเหล่ตาละห้อยมองทันทีที่ได้ยินพะแพงส่งเสียงดุๆมาปรามอย่างนั้น
“ไม่เอาอ่ะ
เขายังไหวแค่ขอกินยาพาราก่อนนะ
เดี๋ยวกินแล้วก็หายปวดหัว
เขาแค่ปวดหัวน่ะ ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”
คนสวยเจ้าของห้องจ้องมองใบหน้าเซ้าซี้ของอีกคนที่ดึงแขนตัวเองไปกอบกุมตอนที่หล่อนขอร้องขอมีอะไรกันตัวเองต่อด้วยความหมั่นไส้
นี่ขนาดที่ว่าตัวเองเจ็บจะตายไม่ตายแหล่อยู่แล้วก็ยังขอมีอะไรกับคนอื่นให้ได้ก่อนอย่างนั้นน่ะเหรอ
นี่เธอต้องการฉันจริงๆหรือว่าแค่อารมณ์หื่นเข้าครอบงำจิตใจจนไม่รู้สึกรู้สากับความเจ็บปวดอะไรอีกแล้วกันแน่นี่
“นะ..เค้าอยากมีอะไรกับพะแพงจริงๆ..”
เสียงอ้อนของใบหน้าหวานๆต่อหน้าดังมาขอร้องพะแพงอีกครั้งและพอพะแพงหันไปเห็นใบหน้าสวยของหล่อนกำลังส่งสายตาเว้าวอนเธอก็กลายเป็นใจอ่อนยอมเออออกับหล่อนอีกจนได้
ให้ตายเถอะถ้าไม่เห็นแก่ที่หล่อนช่วยชีวิตเธอเอาไว้
และไม่คิดว่าหล่อนคงต้องการตัวเองจริงๆแล้วพะแพงก็คงไม่ยอมให้หล่อนทำอะไรกับตัวเองได้ตามอำเภอใจจนตัวเองต้องเหนื่อยอย่างนี้แน่ๆล่ะ
เพราะหลังจากที่เธออนุญาติเจ้าหล่อนและหล่อนรีบกินยาแก้ปวดแล้ว
พะแพงก็แทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะมัวแต่ต้องทำตามคำสั่งที่อีกคนบอกให้เธอทำนั่นทำนี่อย่างที่หล่อนเป็นคนจัดแจงให้
ไม่ว่าจะเป็นการเมคเลิฟที่เจ้าหล่อนปรนเปรอเธอด้วยท่าทางประหลาดและสุดแสนจะพิศดาร
ที่พะแพงอายจนแทบจะหน้าแทรกแผ่นดินหนีทุกครั้งที่หันมาเห็นเงาตัวเองและหล่อนในกระจกในสภาพแปลกๆอย่างนั้น
หรือไม่ว่าจะเป็นท่าทางประหลาดๆที่หล่อนขอให้เธอทำตาม
เมื่อหล่อนอยากลองดูว่ามันจะทำให้รู้สึกดีแตกต่างจากท่าทางที่หล่อนพาทำตั้งแต่แรกมั้ย..
“..เค้าอยากทำแบบที่ผู้หญิงกับผู้ชายทำกันดู..”
“ฮ้าา!..ว่าไงนะ!”
ร้องถามหล่อนไปด้วยทั้งงงและทั้งอายในตอนที่ได้ยินหล่อนกระซิบกระซาบขอท่าทางแปลกๆอีกในรอบเช้าตรู่ของวัน
“..อะไรคือผู้หญิงกับผู้ชายทำกันอ่ะ”
ทั้งถามทั้งมองอีกคนดันร่างเปลือยเปล่าของเธอให้นอนลงไปกับเตียงเหมือนเดิมแล้วดันหัวเข่าทั้งสองข้างของเธอให้ตั้งค้างไว้
ส่วนหล่อนก็นั่งคุกเข่าแทรกร่างกายส่วนล่างของตัวเองเข้าไปยังส่วนเนินเนื้อใจกลางขาทั้งสองของพะแพงที่หล่อนพยายามใช้ขาทั้งสองข้างของหล่อนดันเอาไว้ช่วย..
“ทำอะไรน่ะ
อ๊ะ อ๊า~~..”
ร้องไม่เป็นคำเมื่ออีกคนพยามดันส่วนล่างของตัวเองไปกระทบกับส่วนเดียวกันของพะแพงซ้ำๆ
“อ๊ะ..อ๊า
เอิ้น..อ๊า~~..”ทั้งร้องทำหลับตาพริ้มเมื่อกำลังเกิดความรู้สึกแปลกๆกับส่วนล่างของตัวเองอีกแล้ว
เพราะเมื่อเจ้าหล่อนกระแทรกกระทั้นซ้ำๆบ่อยๆเข้าก็เล่นเอาความรู้สึกวูบๆวาบๆเกิดขึ้นกับตัวเองจนแทบจะทนไม่ไหวกระทั่งต้องใช้สองขาของตัวเองกระหวัดกวัดเกี่ยวร่างด้านหลังของอีกคนไว้
ส่วนมือก็โน้มขึ้นไปสวมกอดหลังของหล่อนที่ตอนนี่กำลังโน้มตัวส่วนบนลงมามองใบหน้าของพะแพงใกล้ๆแต่ส่วนล่างยังคงขยับเขยื้อนด้วยท่าทางเข้าๆออกๆอย่างถี่ๆประหนึ่งท่าร่วมรักของชายหญิงอยู่..
“อ๊ะ
อ๊า อ๊าา~~...”
เสียงร้องของคนด้านล่างดังขึ้นมาพร้อมใบหน้าสวยที่หลับตาพริ้มเมื่อเริ่มอดรนทนความรู้สึกเสียวซ่านประหลาดๆอย่างนี้ไม่ได้แล้ว
“อ๊า เอิ้น
อ๊า..อื้มมม...”เงียบเสียงไปเพราะอีกคนก็ทนเห็นใบหน้าสวยร้องขอความช่วยเหลือไม่ไหวจนต้องส่งจูบดูดดื่มลงไปช่วยลดอาการเกร็งของหล่อนให้และก็ได้ผล
เพราะอีกคนก็รีบจูบรับ
ส่วนขาและแขนที่หล่อนโอบกอดและเกี่ยวกวัดค้างไว้ก็ยิ่งออกแรงเกี่ยวกอดเอิ้นเข้าไปใหญ่..
ให้ตายเถอะ..ขืนยังเร่งและปล่อยให้จูบค้างอยู่อย่างนี้อีกคนคงได้ขาดใจตายแน่ๆ
นั่นคือสิ่งที่เอิ้นคิดในขณะที่พยายามละจูบจากพะแพงออกมามองใบหน้าสวยที่ยังคงคิ้วขมวดเหยเกมองวงหน้าเธออย่างอาลัยอาวรณ์ในรสจูบที่ช่วยคลายความสั่นเกร็งในร่างกายหล่อนเมื่อครู่นี้เหลือเกิน
“เอิ้น..อ๊าาา~~..”
คนโดนกระทำเรียกชื่ออีกคนที่ยังคงพยายามรักษาทำนองเพลงรักต่อเนื่องอยู่
และแม้ตอนนี้พะแพงเองจะรู้สึกไม่ไหวเพราะรับรู้ได้ว่าร่างกายส่วนล่างนั้นเปียกแฉะชุ่มชื้นไปหมดยังไง
แต่เธอก็ยังคงไม่ห้ามให้หล่อนหยุด
ยังคงอยากให้หล่อนสานต่อเพลงรักบทแปลกบทใหม่ในครั้งแรกนี้ให้ถึงท่อนจบสุดท้ายดูว่ามันจะนำพาความสุขมาให้เธอทั้งสองได้อิ่มเอมขนาดไหน
นั่นเลยทำให้ร่างกายสวยทั้งสั่นทั้งเกร็ง
ใบหน้าของพะแพงก็เพิ่มการแสดงออกให้อีกคนเริ่มรู้แล้วว่าเธอกำลังทนไม่ไหวแล้วนะ
เพราะดวงตาสวยเมื่อยามหลับตาพริ้มแล้วลืมตาอย่างอ่อนละทวย
มองดูแล้วก็พอจะทำให้รู้ว่าหล่อนกำลังเดินทางเข้าสู่บทสุดท้ายของเพลงรักแล้ว
ยิ่งมองยิ่งจ้องวงหน้า
ดวงตาและแม้กระทั่งริมฝีปากสวยอวบอิ่มที่แดงระเรื่อเพราะฤทธิ์รัก
ก็ยิ่งทำให้เอิ้นมีความรู้สึกบางอย่างไม่ต่างจากพะแพงเลย..
“พะแพง..พะแพงสวยจังเลย..”
ค่อยๆกระซิบบอกหล่อนในตอนที่ก้มลงไปหอมแก้มด้านข้างแล้วละเลงปลายลิ้นตัวเองไปทั่วๆใบหูของหล่อนรวมทั้งข้างในนั้นด้วย
จนอีกคนจากที่ทนไม่ไหวอยู่แล้วก็ยิ่งทนไม่ไหวไปกันใหญ่
สองมือจากที่เคยลูบไล้แผ่นหลังก็กลายเป็นจิกปลายเล็บลงไปทันทีที่อีกคนเร่งจังหวะช่วงล่างนั้นขึ้นเรื่อยๆเรื่อยๆจนในที่สุดพะแพงก็สั่นสะดุ้งขึ้นทันทีทันใดหลังจากนั้น..
“อ๊าา..พอ..พอได้แล้วเอิ้นนน~~”
เสียงบอกมาพร้อมลมหายใจเหนื่อยหอบ
จนคนด้านบนต้องยกตัวขึ้นมาจูบพรมใบหน้าเหนื่อยๆล้าๆของพะแพงให้เมื่อคิดว่าหล่อนน่าจะหายใจไม่ทัน..
“เหนื่อยหรือเปล่า..”
มีถามเจ้าหล่อนอีกเมื่อเธอยื่นมือไปเช็ดเหงื่อที่หน้าผากรวมทั้งจัดผมเผ้าให้ด้วย
“เหนื่อยสิ
จุกด้วย..”
ใบหน้าอมลมบอกอีกคนไปอารมณ์ทั้งงอนทั้งเหนื่อยและมีความสุข
ส่วนความอายนั้นตัดออกไปได้ตั้งแต่รอบแรกๆที่มีอะไรกันแล้วล่ะ
ช่างมันเถอะ..
“เค้าก็จุก
แต่เค้าชอบท่านี้
ท่านี้พะแพงสวยที่สุดเลยรู้มั้ย”
ว่าจะไม่อายแล้วเชียวก็ดันอายขึ้นมาอีกจนได้เมื่อได้ยินอีกคนชมตัวเองจากเรื่องเซ็กส์อย่างนั้น
“บ้า!
สวยอะไร
มาสวยอะไรตอนนี้กัน!”
“ก็สวยไง
จริงๆก็สวยตลอดนั่นแหละแต่แค่ท่านี้เค้าได้มองดูใบหน้าพะแพงใกล้ๆเค้าเลยรู้ว่าเวลาผู้หญิงมีความสุขเนี่ยมันสวยขนาดไหน”
จะโรแมนติกดีมั้ยนี่กับคำชมอย่างนี้เนี่ย..นั่นคือสิ่งที่พะแพงคิดในขณะที่มองเจ้าหล่อนด้วยใบหน้างอนๆเก๊กๆของตัวเองไป
ให้ตายเถอะ!
ทำตัวไม่ถูกเลยอ่ะ
ไม่รู้ว่าควรจะน้อมรับคำชมหรือด่าหล่อนว่าทะลึ่งดี
โอ๊ย สับสนชะมัด!
“หายเหนื่อยยัง..”
เสียงเรียกอีกคนดังมาตอนที่เจ้าหล่อนโน้มตัวเข้ามาหอมแก้มพะแพงอีก
“ลองท่านี้กันดูมั้ย”
“ห๊ะ!”
ถึงกลับหน้าซีดเป็นไข่ต้มทันทีเมื่อได้ยินหล่อนบอก
“ต่ออีกเหรอ ไม่เหนื่อยหรือไง
จะเช้าแล้วนะ”
“ไม่ดิ
ไม่เหนื่อยเลย
ได้อยู่กับพะแพงอย่างนี้แล้วเค้าไม่เหนื่อยหรอก
นะ มาต่อกันอีกนะ เนี่ยท่านี้
พะแพงต้องทำอย่างนี้..”
จ้องมองอีกคนจัดท่าทางตัวเองอย่างเหวอๆ
สิ่งที่หล่อนพูดออกคำสั่งเข้าหูเธอบ้างไม่ได้เข้าบ้างเพราะเธอมัวแต่คิดว่าหล่อนไปเอาพละกำลังมาจากไหน
นี่หื่นเกินไปแล้วนะ
ตั้งแต่หัวค่ำจนกระทั่งรุ่งเช้าก็ไม่เห็นจะได้หยุดพักสักทีจนเธอเองเริ่มรู้สึกเหนื่อยแทนแล้วนะ
ทั้งคิดทั้งจ้องมองหล่อนจัดท่าทางแปลกๆใหม่ๆให้ตัวเองต่อก่อนจะคิดได้ว่านอกจากจะทรงพละกำลังแล้ว
ยัยคนหื่นของเธอก็ช่างครีเอทีฟในการจัดหาท่าทางแปลกๆมาปรนเปรอเธอเหลือเกิน
ดูหล่อนชำนิชำนาญการเป็นงาน
เรียกได้ว่าเป็นมืออาชีพเรื่องอย่างว่าเลยก็ได้
เอ๊ะ!..เดี๋ยวก่อนนะ
ถ้าเป็นมืออาชีพเรื่องอย่างว่าก็แสดงว่าเธอเคยทำเรื่องอย่างนี้มานักต่อนักแล้วใช่มั้ย...
นั่นคือสิ่งที่พะแพงเริ่มฉุกคิดได้และกลายเป็นไม่มีสมาธิสติสตังจะทำอะไรอีกเลย
เพราะเอาแต่กังวลด้วยความไม่สบายใจไปว่าเอิ้นคงเคยทำเรื่องอย่างนี้กับใครมาแล้ว
และใครคนนั้นก็คือคนที่หล่อนเคยไปหาเขาที่บ้านก่อนหน้านั้นนั่นเอง..
หลิน..นี่เด็กคนนั้นคือคนแรกของเธอเหรอเอิ้น..
--<><><><>--
“ฮ๊ะ!
เด็กคนนั้นเป็นคนแรกเหรอ!”
แกร้งงง!!
เสียงกระทบของช้อนส้อมที่ตกลงสู่จานอย่างแรงเกิดขึ้นหลังจากที่หญิงสาวเจ้าของจานได้ยินบางประโยคที่ดันเป็นประโยคเดียวกันกับที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆด้วยอาการเหม่อลอยไปในคาบอาหารเช้าของวันใหม่
และด้วยไม่คิดว่าจะมีใครคิดอะไรเหมือนกับใจตัวเองจนพูดออกมาแทงใจดำอย่างนี้
เธอเลยถึงกลับสะดุ้งทำช้อนส้อมในมือตกลงสู่จาน
ก่อนจะหันไปมองคนพูดที่เป็นพ่อของตัวเองที่ก็กำลังมองมาที่เธอด้วยอาการงงๆเช่นเดียวกัน
“เป็นอะไรพะแพง
ตกใจอะไร ทำไมทำช้อนส้อมหล่นอย่างนั้น”
พลโทพนัสถามลูกสาวไปเป็นชุดเมื่อเห็นใบหน้าซีดๆเซียวๆของหล่อน
“..ไม่ได้นอนเหรอ
ทำไมดูเหม่อๆเอ๋อๆ”
“เอ่อ
ค่ะไม่ได้นอน เอ้ย!
นอนๆนอนอยู่ค่ะ!”
คนที่โต้รุ่งไม่ได้นอนกับพะแพงถึงกลับกลั้นยิ้มเอาไว้ด้วย
เมื่อเห็นเจ้าหล่อนหลุดเผยความลับระหว่างทั้งสองออกมา
“จริงเหรอ..”
“ผมว่าไม่จริงครับพ่อ
พี่พะแพงต้องไม่ได้นอนแน่ๆ
ฮั่นแน่!
ดูหน้าพี่พะแพงตอนนี้ดิแดงขึ้นแล้วเห็นมั้ยครับ
เมื่อคืนต้องไม่ได้นอนแน่ๆน่าจะทำอย่างอื่นที่แบบว่า..”
“เพื่อน!!”
พะแพงขมึงตาใส่พะเพื่อน
ในขณะที่เอิ้นนั่งก้มหน้าแอบเก็บรอยยิ้มที่เผลอยิ้มแล้วยิ้มอีกไม่หยุดสักทีจนกลัวว่าน้องชายที่นั่งต่อหน้าตัวเองจะเห็นพิรุธอะไรเข้าก่อน
ยังไงๆซะเขาก็กำลังจับผิดแต่พี่สาวเขาและคงยังไม่สังเกตุเห็นพิรุธของเธอที่แสดงออกมาโต้งๆจนอาจจะเก็บเอาไว้ไม่อยู่แน่ๆถ้ายังขืนฟังเขาพูดแซวพี่สาวอีกน่ะ..
“อะๆหยุดๆเพื่อนหยุดแซวพี่เขาได้แล้ว
เดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีก
พี่แพงจะนอนหรือไม่ได้นอนก็ช่างพี่เขาเรามาคุยเรื่องของเราต่อดีกว่า
ไหนเล่ามาซิทำไมเด็กคนนั้นถึงเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกได้”
พ่อพยายามหยุดการทะเลาะของลูกชายด้วยการชวนคุยถึงเรื่องที่พวกเขาคุยกันก่อนหน้านั้นแล้วพะแพงเข้าใจผิดเพราะได้ยินประโยคแทงใจดำตัวเองอย่าง
“เด็กคนนั้นเป็นคนแรก”
ซึ่งเธอก็ถึงกลับลอบถอนหายใจโล่งอกเมื่อได้ฟังเรื่องที่พ่อและน้องชายเล่าชัดๆถึงการแข่งขันวิ่งแล้วมีเด็กรุ่นน้องของพะเพื่อนวิ่งแซงพะเพื่อนเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกไปก่อน..
“เอิ้นล่ะ
เป็นยังไงบ้างลูก
ยังเจ็บแผลอยู่มั้ยหรือปวดหัวอยู่หรือเปล่า”พลโทพนัสละความสนใจจากลูกชายเมื่อเขาเล่าเสร็จแล้วหันมาถามเพื่อนสาวของลูกสาวด้วยความเป็นห่วงบ้าง
“ค่ะ
ก็ดีขึ้นแล้วค่ะ
ดีที่พะแพงช่วยดูแผลให้เมื่อคืนนี้ทั้งคืน”
“นั่นไง!”
เสียงกรุ่มกริ้มของน้องชายลอยลมมาแซวอีกแล้วและตามมาด้วยเสียงดุของพี่สาวเขา
“เพื่อน!”
“อะๆหยุด
หยุดแซวพี่เขาเสียทีเพื่อน
พ่อถามเป็นการเป็นงานกับพี่เอิ้นเขาอยู่เนี่ยเห็นมั้ย”
หนุ่มน้อยหน้าเสียเล็กๆที่เห็นพ่อดุอย่างนั้น
แต่ก็ยังไม่วายแอบไปยักคิ้วลิ่วตาแซวพี่สาวที่ขมึงตาขู่ให้เขาหยุดแซวเสียทีก่อนที่พ่อกับแม่จะกลายเป็นกลับมาบ่นประเด็นคู่จิ้นของพวกเธอทั้งสองอีก
แม้จะเห็นว่าทั้งสองมีทีท่าที่อ่อนลงมากกว่าแต่ก่อนแล้วก็ตาม
แต่พะแพงก็ยังไม่ไว้ใจเหมือนเดิม
สู้ให้เห็นว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอย่างนี้ไปเรื่อยๆน่าจะดีกว่า
“แล้วนี่วันนี้เราจะกลับไปนอนที่บ้านเลยอย่างนั้นเหรอ”
พ่อหันมาถามถึงสิ่งที่ได้ยินจากที่ลูกสาวเขารายงานให้ฟังว่าเพื่อนของหล่อนอยากจะกลับบ้านไปวันนี้เนื่องจากต้องไปธุระรวมทั้งถอดเฝือกที่แขนออกอีก
“ค่ะ
ก็ว่าจะกลับวันนี้เลยค่ะ
พอดีมีธุระด้วย”
“เหรอ
อืม งั้นให้พะแพงไปอยู่เป็นเพื่อนมั้ยล่ะ
พ่อยังไม่กลับนี่”
“คะ..”
หลุดยิ้มออกมาทันทีไม่คิดว่าจะได้ยินข้อเสนอที่แสนจะวิเศษขนาดนี้
“..หนูก็ว่าจะขอพ่อให้พะแพงไปอยู่เป็นเพื่อนเหมือนกันค่ะ
ถ้าเอ่อ เอ่อ..”
“งั้นพะแพงก็ไปอยู่เพื่อนเอิ้นนะ”
หันไปบอกพะแพงด้วยสีหน้าเรียบๆ
“เอาเสื้อผ้าไปนอนค้างเป็นเพื่อนเอิ้นเลยก็ได้ระหว่างที่พ่อเขาไม่อยู่นี่เราก็ไปดูแลเพื่อนหน่อยแล้วกัน
พ่อไม่อยากให้เอิ้นอยู่บ้านคนเดียว
เป็นห่วง”
ตาเปล่งประกายแวววายขึ้นทันทีทีได้ยินคำสั่งที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากพ่อ
พะแพงถึงกลับรีบตอบรับอย่างรนรานด้วยตื่นเต้นและดีใจกลัวพ่อจะเปลี่ยนใจ
จนลืมเรื่องที่เธอกังวลเกี่ยวกับหล่อนก่อนหน้านั้นไปอย่างสิ้นเชิงเลย..
“ค่ะ
พ่อเดี๋ยวหนูจะไปดูเพื่อนเองค่ะ..”
--<><><><>--
“พะแพงว่าวันนี้เย็นเราทำอะไรกินกันดีมั้ย
ได้ยินว่าทำอาหารอร่อยนี่ทำให้กินหน่อยนะ..”
เสียงของเอิ้นดังขึ้นในขณะที่เธอรัดเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเองเสร็จแล้วหันไปมองหญิงสาวหน้าหวานที่นั่งด้านข้างที่แม้เธอจะถามหล่อนด้วยน้ำเสียงหวานออดอ้อนยังไงหล่อนก็ยังไม่มีทีท่าจะตอบรับอะไรด้วยเลย
เอาแต่นั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่างรถแท๊กซี่ที่พวกเธอทั้งสองพากันขึ้นมาจากหน้าโรงพยาบาล
หลังจากที่เอิ้นไดั้รับการถอดเฝือกเสร็จเรียบร้อยเมื่อช่วงสายๆของวัน
“พะแพง
พะแพง เฮ้!
เป็นอะไรหรือเปล่า”
ถามย้ำหล่อนอีกทีพร้อมๆกับการยื่นมือไปโบกขึ้นลงต่อหน้าหล่อน
และนั่นเลยทำให้หล่อนหันหน้าเหลอๆหลาๆของตัวเองมาขานรับ
“อะไรนะ”
“เป็นอะไรหรือเปล่า
ทำไมนั่งเหม่ออย่างนี้
นี่แปลกๆไปนะเห็นนั่งซึมๆเหม่อๆตั้งแต่ตอนกินข้าวเช้าแล้ว
มาโรงบาลก็ไม่ค่อยพูดอะไรด้วยอีก
จนเมื่อกี้รถเกือบจะชนพะแพงไปรอบหนึ่งแล้ว
เอาแต่ยืนเหม่อไม่มองทางอยู่ได้”
ทั้งถามทั้งมองหล่อนที่กำลังหันหน้าหนีแบบไม่มีความรู้สึกใดๆอีก
ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเป็นเอิ้นที่พยายามเรียกสติพะแพงที่ยืนเหม่อรอรถแท๊กซี่อยู่หน้าโรงพยาบาล
แต่พอรถมาจอดแล้วเธอกลับไม่ยอมขยับตัวหลบรถ
จนรถที่พุ่งเข้ามาจอดเทียบท่าแฉลบมาเฉียดพะแพง
ดีที่เอิ้นถอดเฝือกออกมาแล้วเธอจึงสามารถออกแรงมือทั้งสองข้างดึงร่างพะแพงให้หลบพ้นจากจุดอันตรายจุดนั้นได้อย่างเฉียดฉิวอีกแล้ว..
และตอนนี้แทนที่พะแพงจะกลับมาได้สติต่อ
หล่อนกลับนั่งเหม่อนั่งซึมอีกจนเอิ้นต้องทักหล่อนอีกครั้ง
“จริงๆก็ว่าจะถามตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ
เห็นแปลกๆไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว..”
ดึงมือหล่อนให้หันมาฟังที่ตัวเองกระซิบกระซาบถึงคำว่า
“ตอนนั้น”
ที่หมายถึงรอบสุดท้ายที่ทั้งสองมีอะไรกันแล้วพะแพงเริ่มเงียบและไม่แสดงออกทั้งทางสีหน้าและน้ำเสียง
เหมือนไม่มีอารมณ์ร่วมเลยทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นหล่อนเองก็ดีมีความสุขดีแฮปปี้ทุกๆท่าทางที่เธอจัดให้
“หรือยังเจ็บอยู่เหรอ
หรือว่า..”
“เปล่าหรอก
เค้าแค่เหนื่อยน่ะ
เดี๋ยวสักพักคงดีขึ้น
ไม่มีอะไรหรอก”พะแพงบอกปัดหล่อนไปในขณะที่ยื่นมือตัวเองไปจับมือหล่อนออก
ส่วนตัวเองนั้นหันหน้าไปเหม่อมองนอกหน้าต่างรถแท๊กซี่ทั้งคิดทั้งกังวลอยู่ในใจเงียบๆเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ในรอบเมื่อเช้าที่ยังคงรบกวนจิตใจเธอตลอด
หวังว่าบรรดาวิวทิวทัศน์ต่างๆที่วิ่งผ่านสายตาจะช่วยคลายความเครียดเหล่านั้นได้
แต่จนแล้วจนรอดตั้งแต่ที่มองภาพเมื่อนั่งบนรถแท๊กซี่จนกระทั่งกลับมาถึงบ้านเอิ้นเธอก็ยังไม่หายอาการเหม่อลอย
ในใจก็ยังคงคิดถึงแต่ภาพกวนใจที่ว่าทุกๆท่าทางที่เอิ้นทำให้กับเธอ
หล่อนก็คงจะทำให้กับเด็กคนนั้นไปเหมือนกัน
และที่สำคัญเด็กคนนั้นอาจจะได้ตัวเอิ้นไปครอบครองด้วยในขณะที่เธอนั้นยังไม่ทันได้ทำอะไรเอิ้นเลย
ใช่..เธอหมายถึงเซ็กส์ที่ต่างฝ่ายต่างทำให้กันละกันมีความสุข
ไม่ใช่อย่างที่เธอได้รับฝ่ายเดียวแบบที่เอิ้นทำให้เธออย่างในครั้งที่ผ่านๆมานั้น
นี่เด็กคนนั้นอาจจะได้ทำให้เอิ้น
และดีไม่ดีหล่อนอาจเป็นคนแรกของเอิ้นไปแล้วก็ได้
ความกังวลใจเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเมื่อได้รับรู้ว่าคนที่ตัวเองรักอาจจะไม่ได้มีเราเป็นคนแรก
และที่สำคัญเธอก็ยังไม่ทันได้ทำอะไรหล่อนด้วยนี่สิ
น่าเจ็บใจชะมัด
เพราะตั้งแต่วันแรกที่ทำยันเมื่อวาน
หล่อนก็เป็นฝ่ายรุกแล้วรุกอีก
รุกแบบไม่ยอมให้เธอได้ลุกขึ้นมานั่งมองหน้าเธอบ้างเลย
เอาแต่กดเธอลงกับที่นอนแล้วก็ทำอย่างนั้นกับเธอฝ่ายเดียวตลอด
คิดแล้วก็น่าน้อยใจนัก
นี่ขนาดว่าตอนแรกเธอเห็นเจ้าหล่อนแก้ผ้าต่อหน้าแล้วเธอโน้มหน้าไปจุมพิตเนินเนื้อนั้นของหล่อนแล้วแท้ๆ
แต่ก็ไม่วายโดนเจ้าหล่อนเบรคเอาไว้ไม่ให้ทำอะไรต่อได้อีก..
หรือเธอจะคิดว่าฉันทำอะไรไม่เป็นอย่างนั้นเหรอ
แอบคิดเข้าข้างหล่อนด้วยอยากให้โอกาสหล่อน
ไม่อยากให้หล่อนถูกเธอเข้าใจผิดไปเองฝ่ายเดียวอย่างนั้น
อย่างน้อยๆเราก็ไม่ได้ถามหล่อน
นี่ก็คิดเองเออเองตลอด
เลยไม่รู้ว่ามันจริงหรือมั่วสำหรับสมมุติฐานที่ว่าหล่อนกับเด็กหลินมีอะไรกันแล้ว
แต่ก็นะ..ถ้าไม่เคยทำแล้วทำไมจะทำเก่งซะขนาดนั้นล่ะ
คนไม่เคยทำก็ต้องเงอะๆงะๆอย่างเธอสิถึงจะถูก..
คิดถึงภาพตัวเองเมื่อยามเลิ่กลั่กตอนที่เห็นหล่อนถอดเสื้อผ้าออก
หรือแม้แต่ตอนที่เห็นหล่อนจัดท่าทางประหลาดต่างๆให้แล้วตัวเองทำตัวเหวอๆ
นี่ขนาดว่าเคยอ่านบทNCในนิยายยูริมานักต่อนักแล้ว
มาเจอของจริงอย่างนี้พะแพงยังไปไม่ถูกไม่รู้ว่าควรจะอะไรยังไงกับเจ้าหล่อนต่อ
เพราะเรื่องจริงมันดันมีความรู้สึกอายกับคนที่เราทำด้วยนี่นาเลยทำให้เราทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างที่อ่านในนิยายดีหรือแกล้งทำเป็นอินโนเซนส์ดี
ครุ่นคิดถึงใบหน้าคนที่ตัวเองรัก
จริงๆเธอก็อยากมองเห็นหล่อนมีความสุขบ้างจัง
อย่างน้อยๆถ้าหล่อนมีอะไรกับใครมาเธอก็อยากให้หล่อนรู้สึกดีกับเธอมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบบทรักกับอีกคน
แอบมีความหวังในใจเล็กๆตอนที่มองหล่อนเดินนำทางเข้าไปในบ้าน
คงจะดีไม่น้อยถ้าบทรักของวันนี้เธอจะเป็นฝ่ายเริ่มเองก่อนซะทีนะ..
ค่อยๆเดินไปนั่งกับโซฟารับแขกในบ้านหล่อนพร้อมกับความครุ่นคิดถึงบทรักบทแรกของตัวเองว่าจะต้องเริ่มต้นยังไง
ในหัวก็นึกถึงภาพที่เธอเคยจินตนาการบทรักNCของนิยายยูริเรื่องจิ้นนักรักซะเลยที่เธอคิดว่าเป็นบทNCที่ร้อนแรงมาก
และไรท์เตอร์
Dark
Wormก็บรรยายได้เห็นภาพมากจนเธอเองยังแอบคิดว่าหรือเขาจะเอาบทรักของตัวเองมาเขียนด้วยใช่มั้ยถึงได้เขียนได้ละเอียดละออและบรรยายได้สมจริงสมจังขนาดนั้น
ทั้งท่าทางการร่วมรักในแบบต่างๆ
ทั้งภาพการแสดงออกของหน้าตาตัวเอกที่เขาบรรยายไว้ก็แทบจะทำให้พะแพงรู้สึกว่าตัวเองกำลังเกาะขอบเตียงดูบทรักยังไงยังงั้น
พยายามนึกถึงบทบรรยายNCของนิยายเรื่องโปรดของตัวเองที่เธออ่านซ้ำไปซ้ำมาไม่น่าจะต่ำกว่าสิบรอบแต่ตอนนี้มันดันลบไปซะแล้วน่าเสียดายจัง
แต่ไม่เป็นไรจำได้และรู้ด้วยว่าอะไรเป็นอะไรจากบทเรียนภาคทฤษฎีสำหรับภาคปฏิบัติจริงคืนนี้พะแพงคิดว่าคงจะไม่ยาก..
“พะแพง..คืนนี้กินนี่กันมั้ย..”
เสียงหวานของเจ้าของหัวใจดังเรียกสติเธอ
หันไปมองก็เห็นหล่อนถือขวดเชมเปญจากมุมบาร์เครื่องดื่มพ่อเธอขึ้นมาโชว์พร้อมรอยยิ้มหวานในแบบยั่วๆของหล่อนอีก..
“ของพ่อพะแพงนี่
กินได้เหรอ”
“ทำไมจะกินไม่ได้
เวลาไม่มีใครกินเป็นเพื่อนพ่อ
ก็เค้านี่แหละกินด้วย”
เบ๊ปากให้หล่อนทันทีที่เห็นอีกคนทำตัวเหมือนเจนโลกอย่างนั้น
“หึ กินบ่อยล่ะซิ ไม่เอาหรอก
ไม่ใช่แนว”
“อ้อ
ไม่ใช่แนว คงกินนมสดใช่มั้ย
ใช่สินะลืมไปว่าเป็นคุณหนูลูกนายพลนี่
กินเหล้าไม่ได้เดี๋ยวพ่อดุ
แต่เอ๊ะ!เมื่อก่อนก็เคยเห็นกินอยู่นี่
ตอนไปงานปีใหม่บ้านนัท”
ทักท้วงหล่อนไปทันทีที่นึกถึงภาพหล่อนนั่งกินเหล้าในงานปีใหม่บ้านเพื่อน
แล้วไม่ใช่น้อยด้วยนะ
กินเยอะด้วยตอนนั้น..
“ก็กินเป็น
แต่แค่ไม่อยากกิน แล้วจะทำไม
จะชวนกินทำไม
ตัวเองก็ไม่สบายยังจะไม่เจียมตัวอีก
เดี๋ยวเถอะ”
“ก็เห็นซีเรียส
คิดว่าถ้าได้กินนี่แล้วอาจจะอารมณ์ดี”
“ไม่เอา
เค้าไม่อยากเมา
เค้าอยากอยู่อย่างมีสติครบถ้วน..”
จะได้ทำอะไรได้อย่างถูกต้อง
นั่นคือความคิดที่พะแพงคิดไว้ในใจต่อจากนั้น
แต่ไม่ได้พูดออกไปด้วยกลัวอีกคนรู้ตัวก่อนแล้วไม่ยอมให้เธอทำอะไรหล่อนได้อีก
“งั้นก็ตามใจ
ไม่กินก็ไม่กิน”
ยกไหล่ขึ้นพร้อมๆกับหันไปเก็บขวดเชมเปญไว้ที่ชั้นเหมือนเดิมก่อนจะเดินยิ้มหวานด้วยท่าทางร่าเริงเข้ามานั่งโอบกอดเอวพะแพงที่นั่งอยู่บนโซฟา
โดยที่หัวเธอก็หนุนไหล่พะแพงไว้ด้วยท่าทางออดอ้อนต่อ
“..แต่อย่าลืมทำกับข้าวให้เค้ากินล่ะ
เค้าอยากกินฝีมือพะแพง”
หลุดยิ้มหน้าแดงขึ้นทันทีที่หันไปเห็นแววตาสาวขี้อ้อนด้านข้างที่จ้องมองขอความเมตตาจากเธอในสิ่งที่หล่อนอ้อนแล้วอ้อนอีกตั้งแต่ที่นั่งแท๊กซี่จนมาถึงบ้านก็ขอแต่ให้ทำอาหารๆ
สงสัยคงไม่เคยมีใครทำให้กินจริงๆแฮะ
“อื้ม”
แกล้งเก๊กหน้าซีเรียสนิดๆ
“ก็ถ้าอยากกินก็จะทำให้กินก็ได้..”
“จริงนะ
ใจดีจังเลย”
คนขอตาโตโน้มตัวเข้าไปซบกอดด้วยท่าทางดีใจเข้าไปใหญ่
เธอก้มหน้าไปซุกไหล่พะแพงดุนดันอยู่ครู่หนึ่งก็ผละหน้าออกมาอมยิ้มมองหล่อนต่อ
“จูบหน่อยสิ..”
“ฮึ้ม?”
ทำหน้าสงสัยได้สักพักเจ้าของคำขอก็โน้มใบหน้ามาขอจูบดื่มด่ำจากพะแพงต่อโดยไม่รอให้อนุญาติหรือปฏิเสธในคำขอจูบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของหล่อน
และก็เนิ่นนานกว่าเจ้าของจูบจะยอมปล่อยให้พะแพงหลุดออกมาจากห้วงจุมพิตรักที่ทั้งหวานและนุ่มละมุน
ซ้ำยังมาพร้อมสัมผัสที่นุ่มนวลของสองมือหล่อนที่ค่อยๆจับแก้มของพะแพงและค่อยๆลูบไล้จากใบหน้าไปทั่วๆตัวของพะแพงแล้วหยุดลงตรงที่หล่อนใช้สองมือค่อยๆสวมกอดเอวพะแพงเข้ามาแนบชิดร่างกายตัวเองไว้เหมือนพยายามจะซึมซับเอาอะไรบางอย่างจากสัมผัสนั้นให้นานที่สุดหลังจากนั้น..
“เค้าดีใจนะ..”
“ดีใจ?
ดีใจอะไร”
“ดีใจที่เค้าใช้สองมือของเค้ากอดพะแพงได้เต็มที่แล้ว
เห็นมั้ย..”
ผละใบหน้าออกมาจากลำตัวพะแพงก่อนจะยื่นสองมือไปจับแก้มพะแพงอีก
“เค้าใช้สองมือเค้าสัมผัสพะแพงได้แล้ว
ดีใจจังเลย”
“เว่อร์”หน้าอมลมแขวะเอิ้นอีกล่ะ
“จริงๆไม่ได้เวอร์
พะแพงไม่รู้หรอกว่ามันทรมานขนาดไหนที่เค้าไม่สามารถกอดพะแพงดีๆด้วยแขนทั้งสองข้างได้เวลาที่เค้าอยากกอด
รวมทั้งเวลาไอ้นั้นด้วยน่ะ”
เลิ่กลั่กเล็กๆเมื่อได้ยินหล่อนบอก
“ทะลึ่ง!”
“ก็ไม่ได้พูดให้ฟังดูทะลึ่งสักหน่อย
ถ้าไม่คิดให้มันทะลึ่งมันก็ไม่ทะลึ่งป่ะ
เค้าแค่อยากบอกให้รู้ว่าเค้าอยากใช้สองมือของเค้าโอบกอดพะแพงไว้ตลอดเวลา
ยิ่งเวลาที่เรามีความสุขด้วยกันเค้าก็ยิ่งอยากกอดพะแพงไว้แน่นๆ
อย่างนี้”
เจ้าของอ้อมกอดออกแรงกอดพะแพงแล้วทิ้งตัวลงซบดุนดันกับไหล่พะแพงไว้
ราวกับกำลังพยายามซึมซับสัมผัสเหล่านั้นเอาไว้ให้มากที่สุด
จนคนในอ้อมกอดจากที่นั่งเก้ๆกังๆด้วยกำลังเขินอายเมื่อได้ยินหล่อนพูดเรื่องทะลึ่งก่อนหน้านั้นก็กลายเป็นหลุดยิ้มแล้วก้มลงมองท่าทางที่เหมือนเด็กน้อยสุดแสนจะขี้อ้อนของหล่อน
และแน่นอนว่าคำพูดคำจาของหล่อนก็อ้อนไม่แพ้ท่าทางเลยทีเดียว
“ฮ้าาา..ได้กอดพะแพงอย่างนี้แล้ว..รู้สึกดีจังเลย
พะแพงล่ะ รู้สึกดีมั้ย”
อมยิ้มเล็กๆส่งให้คนตาหวานด้านข้างไหล่
“อืม..ดีสิ”
“คิดถึงตอนที่พะแพงมานอนค้างบ้านเค้าครั้งแรกจังเลยนะ
พะแพงจำได้หรือเปล่าเมื่อครั้งตอนที่อยู่ป.3
ตอนนั้นเป็นวัน..”
“วันเกิดเอิ้น”พูดแทรกหล่อนขึ้นมาทันทีในสิ่งที่อยู่ในความทรงจำดีๆในครั้งแรกระหว่างพวกเธอทั้งสอง
ที่พะแพงก็ไม่มีวันจะลืมเช่นเดียวกัน
“ใช่ๆ
ตอนนั้นกว่าเค้าจะขอพ่อแม่พะแพงให้พะแพงมาค้างที่บ้านได้เล่นเอาเหนื่อยแทบแย่แน่
ตอนนั้นถ้าขอไม่ได้จริงๆ
คิดว่าคงจะต้องเขียนจดหมายให้ครูและพ่อเค้าเซ็นรับรองว่าจัดงานวันเกิดที่บ้านเค้าจริงๆซะแล้ว”
“เว่อร์อ่ะ”
หลุดหัวเราะทันที
“ไม่ได้เว่อร์แต่ตอนนั้นขอยากจริงๆ
นี่ยังคิดเลยว่าทำไมหวงลูกสาวหนักอย่างนี้
ขนาดพ่อเค้าก็ยังไม่หวงเค้าขนาดนั้นเลย”
อมยิ้มอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเมื่อนึกอะไรขึ้นได้
“เออ..จะว่าไปแล้วก็จริงๆล่ะ
พ่อตัวเองไม่เห็นจะห่วงอะไรเลย
ลูกเจ็บขนาดนี้ยังไม่สนใจมาดูอีก”
เสียงละห้อยตอนท้ายเรียกความสงสารจากพะแพงได้ทันที
“ไม่เอาน่า
พ่อเอิ้นคงยังไม่ว่าง”
“ถึงว่างก็ไม่มาดูหรอก
เค้าไม่น่าสนใจเท่า..”
“เท่าอะไร
หึ” หลุดหัวเราะทันทีทีได้ยินเสียงประชดประชันพ่อของเอิ้น
“นี่ไม่ต้องน้อยใจไปหรอกนะ
ถึงพ่อเอิ้นจะไม่ได้อยู่ดูแล
แต่ตอนนี้เค้าก็อยู่ข้างๆอยู่ยังจะต้องน้อยใจอะไรอีก”
พยายามปลอบใจอีกคนด้วยน้ำเสียงเคอะๆเขินๆเมื่อเธอก็ไม่เคยพูดหวานๆกับหล่อนอย่างนี้เสียที
เล่นเอาคนฟังก็ยังงงเลยว่าทำไมวันนี้นางฟ้าแสนงอนถึงได้ปากหวานใจดีอย่างนี้หนอ
“หรือว่าเค้าไม่สำคัญ”
คนพยายามพูดหวานกล่าวตัดบทด้วยเสียงห้วนๆ
เมื่อเริ่มจะนึกอายขึ้นมาจริงๆเสียแล้ว
นั่นเลยทำให้คนที่นั่งข้างๆถึงกับอมยิ้มเมื่อหันไปเห็นใบหน้าหวานๆของพะแพงแดงแล้วแดงอีกก็พอจะเดาได้อยู่หรอกว่าหล่อนคงเขินหนักมากที่ต้องมาพูดจาหวานๆทั้งๆที่ปากหล่อนน่ะหนักยิ่งกว่าหินเสียอีกน่ะ
“สำคัญสิ”ยื่นหน้าไปมองหน้าแดงๆของพะแพงใกล้ๆก่อนจะแซวเล็กๆ
“น่ารักจังเลยอ่ะ ขอหอมหน่อยนะ”
ยังไม่ทันตกปากรับคำให้อนุญาติอะไร
คนขอก็โน้มหน้าขโมยหอมแก้มพะแพงไปแล้ว
และที่สำคัญเมื่อหล่อนละใบหน้าออกมาจากแก้มได้ก็เอาแต่ชื่นชมพะแพง
จนเธอนั้นเขินแทบจะม้วนตัวทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงอ้อนๆของหล่อนหลังจากนั้นเข้า
“รู้มั้ยว่าเวลาพะแพงใจดีอย่างนี้แล้วพะแพงน่ารักมากๆเลยนะ
โลกสดใสขึ้นเยอะเลย
เวลาที่เค้าท้อแท้หรือเหนื่อยจากอะไรแล้วถ้าหันมาเห็นพะแพงยิ้มให้อย่างนี้ตลอดเค้าคงหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง..”
ทั้งพูดทั้งเอนหัวดุนดันไปที่ไหล่ของพะแพงที่ยิ้มแล้วยิ้มอีก
ยิ้มในแบบที่โลกทั้งโลกต้องยิ้มตามพะแพงเลยทันทีถ้ามาเห็นรอยยิ้มทีแสนจะสดใสของพะแพงเข้า
และรอยยิ้มอย่างนี้แหละที่ทำให้หัวใจของเอิ้นแทบละลายจนทนไม่ไหวต้องโน้มหน้าไปขอจูบจากพะแพงหลังจากนั้นอีกครั้ง
และเนิ่นนานกว่าที่จูบรสหวานครั้งนี้จะจบลงเมื่อคนขอจูบพยายามหยุดจูบไว้แล้วเปลี่ยนเป็นทิ้งตัวลงนอนซบกับตักของพะแพงหลังจากนั้นแทน..
“เค้ามีความสุขจังเลย
พะแพงอยู่อย่างนี้กับเค้านานๆได้มั้ย
อย่าทิ้งเค้าไปไหนนะ”
เจ้าของตักหน้าแดงระเรื่อตั้งแต่ได้รับจูบลึกล้ำแล้ว
ยิ่งได้ก้มลงมองคนสวยที่ส่งสายตาอ้อนพร้อมทั้งสัมผัสจากแก้มที่หล่อนดึงมือพะแพงไปวางคลอเคลียที่แก้มตัวเองแล้วก็ยิ่งแดงระเรื่อด้วยความสุขไปกันใหญ่
นี้ใช่มั้ยความรัก
ทำไมแค่สัมผัสจากสองมือหรือแค่สายตา
แค่เสียงออดอ้อน แค่คำขอร้องพื้นๆ
ก็สามารถสั่นคลอนหัวใจแข็งๆขืนๆของเธอให้อ่อนปวกเปียกได้
คำว่ารักไม่จำเป็นต้องบอก
แต่แค่ได้เห็น ได้สัมผัส
แค่นี้มันก็ทำให้หัวใจเธอพองโตและอิ่มเอมไปด้วยความสุขจนเธอคิดว่าเธอคงจะขาดหล่อนอย่างที่หล่อนกำลังบอกในตอนนี้ไม่ได้แน่ๆ
เอื้อมมือลงไปปัดปลายผมให้หล่อนเบาๆในตอนที่ตอบรับคำขอร้องของหล่อนด้วยรอยยิ้มหลังจากนั้น..
“ได้สิ..เอิ้น..ก็อย่าทิ้งเค้าไปไหนนะ”