วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2563


นิยายรักไม่จำกัดบท

Cheapter 14
ในห้วงความรัก
เริ่มรู้สึกอย่างนี้ตั้งแต่ตอนไหน”
เสียงของหญิงสาวเจ้าของห้องดังขึ้นในขณะที่เธอกำลังเลื่อนฝ่ามือลูบไล้เส้นผมสีน้ำตาลนุ่มสลวยผ่านโบว์ติดแผลเล็กๆที่เจ้าของนอนพิงตักของเธออยู่บนเตียงนอน
หมายถึงรู้สึกเจ็บอย่างนี้หรือว่ารู้สึกอย่างนี้กับพะแพงล่ะ..”
ก็..”อมยิ้มก้มลงมองเจ้าของดวงตาสวยภายใต้อ้อมแขนตัวเอง “จริงๆก็จริงก็อยากจะรู้ทั้งสองนั่นแหละ แต่ถ้าขี้เกียจเล่าก็ไม่เป็นไร”
คนโดนถามอมยิ้มเล็กๆแล้วยื่นมือขึ้นไปลูบแก้มคนสวยเจ้าของตัก
อยากฟังเหรอ งั้นไม่เป็นไรเล่าให้ฟังก็ได้ ก็..ถ้าเรื่องที่ว่ารู้สึกยังไงกับพะแพงก็รู้สึกอย่างนี้มานานแล้วแหละแต่ก็ไม่กล้าบอก ส่วนความรู้สึกปวดหัวจนแทบจะระเบิดน่ะก็พึ่งจะมาเป็นช่วงหลังๆที่เริ่มจะมีอะไรกับพะแพงนั่นแหละ..”
คนฟังหลุดยิ้มกว้างออกมาตั้งแต่ได้ยินว่าเอิ้นมีความรู้สึกกับตัวเองมาตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ เลยไม่ได้ตั้งใจฟังประโยคหลังนั้น แถมเมื่ออดดีใจไม่ได้ก็กลายเป็นเผลอโน้มหน้าลงไปหอมแก้มเอิ้นฟอดใหญ่ๆจนคนโดนหอมจ้องหน้าตาแป๋ว ทั้งงงทั้งดีใจและเขิน จนไม่กล้าพูดอะไรต่อได้แต่มองหน้าหวานๆของพะแพงที่ยิ้มแล้วยิ้มอีก ยิ้มในแบบที่แสดงความดีใจที่สุดในสามโลกของหล่อน จนเอิ้นรับรู้ได้ว่าหล่อนน่าจะรู้สึกดีมากๆนั่นล่ะถึงได้ลืมตัวก้มลงหอมตัวเองก่อนอย่างนี้ทั้งๆที่จริงแล้วตัวเองต้องเป็นฝ่ายจู่โจมก่อนแท้ๆ
รู้สึกอย่างนี้กับเค้ามานานแล้วอย่างนั้นเหรอ..” หล่อนเอ่ยปากถามออกมาแล้วหลังจากที่ยิ้มค้างมาพักใหญ่ๆ
อืม..ใช่”
แล้วทำไมไม่บอกกันบ้างเลย ทำไมใจร้ายปล่อยให้เค้า...คิดไปเองอยู่ได้ ทำไม..” พูดไม่จบคนที่นอนตักก็รีบยื่นนิ้วขึ้นไปปิดปากห้ามพะแพงก่อน
ชู่วว์...ใครจะกล้าคิดว่าเพื่อนสนิทของตัวเองที่คบกันมาเป็นสิบๆปีจะมีใจให้ตัวเองเหมือนๆกันเล่า เค้าไม่ใช่คนหลงตัวเองขนาดนั้น แค่รู้สึกว่าพะแพงติดเค้ามากๆและคงจะขาดเค้าไม่ได้ตามประสาวัยรุ่นทั่วไปเท่านั้น เค้าแค่คิดว่าพะแพงคงไม่ได้คิดอะไรกับเค้ามากเกินเพื่อนหรอก เค้าเลยพยายามไม่คิดอะไรกับพะแพงจนกระทั่งเริ่มรู้ตัวว่าพะแพงน่าจะคิดเหมือนๆกันกับเค้านั่นแหละ”
รู้ตัว..รู้ตัวตอนไหน..” เสียงเหนียมๆอายๆพยายามถามต่อ
ก็..” อมยิ้มหวานๆตอบเช่นเคย“ตอนที่เค้าเริ่มแกล้งเข้าไปคบกับหลินเป็นแฟนนั่นแหละ เค้าเลยเห็นอาการแปลกๆของพะแพง ตอนแรกก็ไม่แน่ใจหรอกว่าพะแพงเป็นอะไร แต่มาหลังๆก็เริ่มคิดว่าน่าจะใช่แล้วแหละว่าพะแพงน่าจะหึงเค้า ยิ่งวันที่เค้าจูบพะแพงแล้วพะแพงไม่ได้ต่อต้านอะไรก็เลยมั่นใจว่าพะแพงน่าจะคิดเหมือนกันกับเค้าแล้วแหละ เค้าก็เลย..”
ก็เลย..ก็เลยอะไร..”
ก็เลยปล้ำไง”
บ้า!” ถึงกลับสบถออกมาทันที “หายไปหมดเลยความโรแมนติก อุตสาห์ฟังตั้งนาน”
เอ้าก็มันเรื่องจริง ก็ที่เราเป็นมันก็เป็นอย่างนี้จะว่าไม่โรแมนติกมันก็ไม่โรแมนติกแหละ แต่มันก็ทำให้เค้ารู้ว่าพะแพงมีใจให้เค้าจริงป่ะล่ะ เพราะไม่งั้นพะแพงคงไม่ยอมให้เค้าทำอย่างนั้นมาเรื่อยๆหรอก ใช่มะ” เสียงอ่อนเสียงหวานอ้อนตอนท้ายเลยทำให้พะแพงแอบมองตาค้อนแสดงความงอนให้เล็กๆเพราะตัวเองก็เถียงต่อไม่ได้ในเมื่อมันก็เป็นความจริงทั้งนั้น
ถ้าพะแพงเป็นเค้าพะแพงจะทำยังไงให้คนปากแข็งยอมรับว่ากำลังมีใจให้กับเราล่ะ รึถ้าเขาไม่ทำวิธีนี้เราจะมีโอกาสได้เปิดใจกันอย่างนี้มั้ย” คนนอนหนุนตักพะแพงยังคงส่งเสียงอ้อนถามคำถามมาเช่นเคย แถมมือของหล่อนก็ยังโน้มขึ้นไปจับแก้มพะแพงลูบๆคลำๆเอาไว้อีก เล่นเอาเจ้าของตักจากที่หน้านิ่วคิ้วขมวดก่อนหน้านั้นค่อยๆคลายใบหน้าออกกลายเป็นยิ้มหวานไปในที่สุด
ก็น่าจะบอกดีๆก็ได้นี่นา” หล่อนพยายามอมลมทำเป็นต่อว่านิดๆแก้เก้อเขินตามสไตล์ไป
ก็บอกดีๆแล้วนี่ไงว่า..” หยุดชะงักเล็กๆด้วยความเคยชินเพราะกลัวว่าจะเจ็บก่อนจะพยายามเพยอปากอีกครั้ง“..รัก เค้ารักพะแพงนะ”
คนฟังยิ้มหวานหน้าแดงระเรื่อด้วยความดีใจแต่เมื่อนึกอะไรขึ้นได้แล้วจึงรีบเปลี่ยนสีหน้าและถามหล่อนออกไปทันที
ไม่ปวดหัวแล้วเหรอ”
ก็..ปวดอยู่ แต่ยาก็ช่วยไว้ได้มาก แต่เดี๋ยวก็คงต้องกินกันไว้อีก”
กินกันไว้อีก?นี่ปวดขนาดนั้นเลยเหรอ เค้ารู้สึกไม่ดีเลยนะ ถ้าการที่เอิ้นรักเค้าแล้วต้องเป็นอะไรแบบนี้เค้าขอให้เราเป็นแบบเดิมดีกว่า”
นั่นไง!ก็เพราะว่าพะแพงเป็นซะแบบนี้ไงเค้าก็เลยไม่กล้าที่จะบอกคำๆนี้กับพะแพง เพราะกลัวบอกไปแล้วพะแพงเห็นอาการของเค้าแล้วจะกลายเป็นไม่สบายใจ ดีไม่ดีพะแพงก็ไม่ยอมคบกับเค้าอีก”
ไม่ยอมคบ? นี่เอิ้นกลัวไม่ได้คบกับเค้าอย่างนั้นเหรอ”
ก็ใช่สิ”
แล้วไม่กลัวตัวเองจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้หรือไง ถามจริงๆเถอะ ถ้าวันหนึ่งเอิ้นปวดหัวหนักมากๆจนกระทั่งทนไม่ไหวแล้วจะทำยังไง”
ต้องไหวสิ และถึงไม่ไหวยังไงเค้าก็จะทน และเค้าก็ทนมาได้แล้วด้วย”
ทนมาได้แล้วอย่างนั้นเหรอ? นี่แสดงว่ามันมีตอนที่ปวดขนาดนั้นจริงๆด้วยใช่มั้ย ตอนไหนเนี่ย” มองคนนอนตักอย่างเป็นห่วง
อยากรู้เหรอ..” ถามกลับพะแพงที่รีบพยักหน้ารับทันที “..ถ้าอย่างนั้นพะแพงต้องสัญญานะว่าจะไม่บอกให้เราเลิกกันและไม่ห้ามให้เค้าทำอะไรต่อจากนี้ทั้งสิ้นถ้าเค้าเล่าให้ฟังหมดแล้วน่ะ..”
คนฟังมีสีหน้ากังวลเมื่อได้ยินคำขอ แต่เมื่อได้ยินหล่อนรบเร้าให้รับคำขอนั้นเธอก็เลยจำใจยอมตกลงว่าจะไม่เลิกกับเอิ้นเด็ดขาดถ้าเอิ้นเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังแล้ว
ก็..ถ้าตอนที่ปวดหนักๆและทรมานที่สุดก็คงจะเป็นตอนที่เราสองคนมีอะไรกันนั่นแหละ เค้าคิดว่าตอนนั้นอาจจะเป็นตอนที่เค้ามีความสุขที่สุดและรู้สึกรักและหลงพะแพงมากที่สุดมันก็เลยทำให้เค้าปวดหัวและทรมานมากที่สุดด้วยล่ะมั้ง”
ว่าไงนะ! งั้นไม่ต้อง..” ทำท่าเหมือนกำลังจะพูดอะไรแต่ก็โดนเอิ้นพูดขัดไว้ก่อน
หยุด!กำลังจะห้ามเค้าใช่มั้ย! สัญญาแล้วนะห้ามกลับคำสัญญา ห้ามสั่งไม่ให้เค้าเลิกทำอย่างนั้นกับพะแพงเลยนะ! และก็อย่าแม้แต่จะคิดเลย เพราะคนที่เจ็บคือเค้า และถ้าเค้าทนได้ก็แสดงว่าเค้าอยากทำอย่างนั้นจริงๆ”
แต่..”
นะ นี่พอซะทีเถอะวันนี้เค้าก็บอกไปแล้วว่าเค้ารักพะแพง แต่เค้ายังไม่ได้ยินคำว่ารักเค้าจากพะแพงบ้างเลยเอาแต่บอกให้เค้าเลิกรักๆ ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นทำท่าเหมือนจะต้องการเค้าม๊ากมาก แต่สุดท้ายพอได้ยินคำว่ารักจากปากเค้าแล้วทำไมพะแพงเองไม่คิดจะบอกให้เค้าดีใจบ้างเลย” คนโดนถามหยุดชะงัก หน้าตาเลิ่กลั่กทันทีเมื่อโดนถามคืน “หรือพะแพงไม่ได้รักเค้าอย่างนั้นเหรอ หรือแค่หวง หรือว่าแค่ไม่อยากให้คนอื่น..”
ทำไมจะไม่รัก! เค้าสิรักเอิ้นมากที่สุด รักมากๆ มากจนบางทีตัวเค้าเองยังกลัวว่าจะอยู่ยังไงในวันที่ต้องเสียเอิ้นไปเลย เค้าพูดจริงๆนะตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่เค้าไม่กล้าบอกรักเอิ้นก็เพราะว่าเค้ากลัวเสียเอิ้นไป เค้าไม่อยากให้เอิ้นจากเค้าไปไม่ว่าจะจากกันจากสถานะอะไรเค้าก็ทำใจไม่ได้ทั้งนั้น เค้าถึงไม่กล้าบอกรักเอิ้นไง เพราะเค้ากลัวว่าถ้าบอกไปแล้วแต่เอิ้นไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นกับเค้าแล้ว แม้แต่สถานะของเพื่อนเค้าก็อาจจะไม่ได้รับจากเอิ้นอีกน่ะ..”ทั้งพูดทั้งร้องไห้ออกมาจนได้
เด็กโง่..” คนบนตักค่อยๆลุกขึ้นนั่งยิ้มก่อนจะโน้มหน้าไปจุมพิตหล่อนเบาๆแถมด้วยการเช็ดน้ำตาบนใบหน้าสวยให้เมื่อเธอละใบหน้าออกมาอมยิ้มจ้องมองเจ้าของดวงตาหวานอีกครั้ง “ขอบใจนะที่สารภาพรักพร้อมๆกับบอกความกลัวที่จะเสียเพื่อนอย่างเค้าไปน่ะ แต่ไม่เฉลียวใจบ้างเลยเหรอว่าจะมีเพื่อนที่ไหนที่ตามใจตัวเองได้ทุกวันอย่างเค้าบ้าง ถ้าเราสองคนตัดคำว่าเพื่อนออกไปสิ่งที่เราสองคนพยายามทำให้กันเสมอมาตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีมานี้มันก็คือการเป็นแฟนดีๆนี่เองนะ ไม่มีเพื่อนผู้หญิงคนไหนที่เค้าทนตามง้องอนเพื่อนสาวของตัวเองได้ขนาดเค้าหรอก ถ้าเป็นคนอื่นพะแพงอาจโดนตบข้อหาสร้างความหมั่นไส้ไปแล้วก็ได้”
อ้อเหรอออ!” คนฟังจากกำลังเคลิ้มๆกลายเป็นใบหน้าคิ้วขมวดทันทีทั้งๆที่กำลังจะโรแมนติกแล้วแท้ๆ
นี่!เปรียบเทียบให้ฟังเฉยๆ ขี้งอนจังเลยนะเรา ตั้งแต่เด็กจนโตมีวันไหนบ้างมั้ยที่เค้าไม่ได้ง้อพะแพง จำได้บ้างหรือเปล่าเนี่ย” ทั้งพูดทั้งยื่นมือไปลูบผมให้พะแพงคลายอาการหัวร้อนเล็กๆของหล่อนลงและหล่อนก็เริ่มนึกตามขึ้นได้ว่าไม่มีวันไหนที่เอิ้นจะไม่ง้อตัวเองจริงๆด้วยแหละ
เถียงไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ” คนโดนถามพยักหน้ารับใบหน้าหงิ๋มๆเจี่ยมเจี๊ยมเมื่อเริ่มสำนึกได้ “งั้นก็ดีแล้วล่ะอย่ามัวแต่เถียงกันเลย เสียเวลาอยู่ด้วยกันมามากแล้ว เค้าไม่อยากให้เวลาที่มีค่าของเราสองคนต้องหมดไปโดยเปล่าประโยชน์มาเถอะนะ มาเถอะ เค้าคิดถึงอ้อมอกนุ่มๆของพะแพงจะแย่อยู่แล้ว” เสียงอ่อนเสียงหวานมาพร้อมแววตาอ่อนโยนและอ้อมกอดที่เอิ้นพยายามประครองกายของพะแพงลงกับพื้นเตียงหลังจากนั้น
แต่..แต่เค้ากลัวจังเลย เค้าทั้งกลัวว่าเอิ้นจะปวดหัวอีกถ้าเรามีอะไรกันอีก แถมทุกๆครั้งหลังจากที่เรามีอะไรกันแล้วมันยังมักจะมีเรื่องร้ายต่างๆตามมาอีกไม่รู้ว่าเอิ้นจะสังเกตุมั้ย”
ร่างข้างบนชะงักทันทีเมื่อตัวเองกำลังนั่งค่อมพะแพงและกำลังจะถอดเสื้อผ้าหล่อนออกทั้งหมดแต่ได้ยินน้ำเสียงไม่สบายใจของหล่อนดังขึ้นมาก่อน
พะแพงกลัวเหรอ..”
คนโดนถามพยักหน้ารับสีหน้าหวั่นๆ “กลัวสิ..”
งั้น..ถ้าหลังจากนี้ไปมันจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเรา หรือเราสองคนจะต้องเจ็บตัวเพราะการมีอะไรกัน เค้าก็ขอให้เราสองคนเต็มที่กับมันและมีความสุขกับมันให้มากๆให้สมกับที่เราจะเจ็บตัวเพราะมันดีมั้ย” พยายามยิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อเอ่ยคำปลอบขวัญหล่อน แม้จะเป็นคำกำกวมที่ฟังดูทะลึ่งตึงตัง แต่ความหมายของมันที่เอิ้นต้องการกล่าวกับพะแพงก็ทำให้อีกคนรู้และเข้าใจได้ว่าเธอกำลังกล่าวความรู้สึกของคำว่าสุขออกมาจากใจจริงๆอยู่ ไม่ได้ลามก ไม่ได้ทะลึ่ง แต่มันคือความสุขจากการที่ทั้งสองได้สลับกันสัมผัสกันและกัน เพื่อถ่ายเทความรู้สึกคิดถึงหรือแม้กระทั่งคำว่ารักที่ทั้งสองพึ่งสารภาพให้กันละกันฟังไปเมื่อครู่นี้..
หรือพะแพงกลัวที่จะมีความสุขกับเค้า”
ไม่ได้กลัว แต่เค้ากลัวเอิ้น..”
ชู่ว์..” รีบยื่นนิ้วลงไปปิดปากปรามคนสวยที่แสดงสีหน้าวิตกกังวลไม่เลิกซักทีแม้ร่างกายหล่อนจะถูกเธอปลดเปลื้องเสื้อผ้าทั้งหมดออกไปแล้วก็ตาม “พอเถอะนะ..วันนี้ตอนนี้เรายังอยู่ด้วยกันก็ยังมีความสุขกันอยู่ ทำไมต้องนึกถึงเรื่องที่ยังมาไม่ถึงด้วยล่ะ ป่วยการที่เราจะวิตกในสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า และถ้ามันจะเกิดขึ้นจริงๆยังไงมันก็คงต้องเกิดอยู่แล้วใช่มั้ย ทำไมเราไม่ตักตวงความสุขก่อนหน้านั้นให้มากที่สุดก่อนล่ะ..”
และน้ำเสียงอ่อนโยนจากเจ้าของดวงตาหวานที่เต็มไปด้วยแววความรักด้านบนก็ทำให้พะแพงค่อยๆคลายสีหน้ากังวลลง ก่อนจะปล่อยตัวปล่อยใจให้หล่อนนำพาร่างกายเข้าสู่บทเพลงรักอีกครั้งจนได้ แม้ภายในจริงๆเธอจะยังคงเป็นห่วงหล่อนอยู่ยังไงก็ตาม
--<><><><>--
พะแพงชอบส่วนไหนของเค้าที่สุด..”
เสียงแสนหวานของร่างเปลือยเปล่าขาวนวลด้านล่างดังขึ้นถามพะแพงเมื่อเธอกำลังก้มลงใช้ปลายลิ้นค่อยๆละเลงเลียไปทั่วๆผิวกายของหล่อน เริ่มจากปลายเท้า ขาหน้าแข้ง พื้นที่แสนรักแล้วมาหยุดอยู่ที่ใต้เนินเนื้อหน้าอก แต่เมื่อได้ยินหล่อนเอ่ยถามคำถามขึ้นมาก่อนก็เลยจำเป็นต้องหยุดชะงักลงกระทันหัน
ถามทำไมเนี่ย..” ถามหล่อนกลับด้วยความงงนิดๆเมื่อรู้ว่าหล่อนไม่ชอบให้หยุดลงกลางคันเท่าไหร่เหตุฉไนจึงถามขึ้นมาดื้อๆ
ก็อยากรู้ว่าพะแพงชอบส่วนไหนมากที่สุด ในเมื่อเราสองคนเปิดใจให้กันแล้ว เค้าก็อยากจะรู้ทุกๆอย่างจากปากพะแพงบ้าง อยากถามความรู้สึกของพะแพงบ้าง ว่าสำหรับเค้าแล้วพะแพงชอบส่วนไหนอะไรยังไงไง..”
อ๋อ” อมยิ้มนิดๆก่อนจะนึกคำตอบ “อืม..ก็ชอบทุกส่วนนะ”
ไม่เอาดิ เอาดีๆเอาที่ส่วนชอบที่สุด อย่างเค้าเค้าก็ยังบอกว่าเค้าชอบหน้าอกของพะแพงที่สุดเลย”
อ๋อ เอ่อ งั้นก็เอ่อ..เค้าก็ชอบหน้าอกเอิ้นเหมือนกัน หน้าอกเอิ้นก็สวยแล้วก็ใหญ่เหมือนๆกัน” หน้าแดงระเรื่อตอนที่บอกหล่อน และในขณะที่พูดก็อดที่จะยื่นมือไปบีบจับและออกแรงขยำมันไม่ได้
อ๊า~~เบาๆสิ” คนโดนจับถึงกับครางเสียงหลง
ขอโทษทีลืมตัวทุกทีเวลามองเห็น” ทั้งพูดทั้งยิ้มก่อนจะเลื่อนตาตัวเองจากตำแหน่งใบหน้าด้านบนลงมายังใบหน้าเล็กๆด้านล่างระหว่างกึ่งกลางขาเอิ้นอีกหน้า “เอ่อจริงๆก็มีอีกส่วนที่ชอบเหมือนกัน..” ทั้งพูดทั้งอมยิ้มเมื่อจ้องมองมันก่อนจะอดใจไม่ไหวเผลอก้มหน้าลงไปจุมพิตเบาๆจนเจ้าของร่างถึงกลับสะดุ้งแอ่นร่าง ณ ส่วนนั้นรับทันที
เค้าชอบส่วนนี้ของเอิ้น..” ยื่นมือไปลูบๆคลำๆในขณะที่บอก “เค้าชอบเอิ้นน้อยที่สุดเลย เห็นทีไรอดที่จะหอมไม่ได้ทุกครั้งเลยไม่รู้ว่าเป็นอะไร” พูดเสร็จก็ก้มลงไปหอมส่วน “เอิ้นน้อย”นั้นโชว์จนคนโดนหอมสะดุ้งโหยงอีกครั้ง
บ้าาา..นี่ไปๆมาๆพะแพงทะลึ่งกว่าเค้าแล้วนะนี่รู้มั้ย” หน้าแดงระเรื่อจ้องมองดวงตาหื่นกระหายของร่างด้านบนอย่างขำๆนึกถึงวันแรกที่เจ้าหล่อนโดนเธอปลดเปลื้องเสื้อผ้าแล้วหน้าแดงแจ๋ทำตัวไปถูกไม่กล้าแม้แต่กระทั่งลืมตามองหน้าตัวเธอแล้วก็ได้แต่หัวเราะ นี่เพราะหล่อนจำที่เธอทำแล้วนำมาเลียนแบบหรือว่าจริงๆแล้วหล่อนก็เป็นคนหื่นลึกแค่ไม่กล้าแสดงออกในช่วงแรกๆเท่านั้นใช่มั้ย
ทะลึ่งกว่าที่ไหนนี่ยังไม่ได้ครึ่งเอิ้นเสียด้วยซ้ำ”
จะถือว่าเป็นคำชมแล้วกันนะ” ร่างด้านล่างยิ้มหวานรับคำชมของพะแพงก่อนจะกลายเป็นครางเสียงหลงเมื่อหล่อนก้มลงละเลงปลายลิ้นลงใจกลางหว่างขาของเธอต่อ แถมหล่อนยังพยายามแยกหว่างขาทั้งสองออกจากกันให้มันที่สุด ในตอนที่ก้มใบหน้าของตัวเองลงไปซุกไซ้ดมดอมสลับกับใช้ปากดูดกลืนกลีบดอกไม้งามทั้งสองของเอิ้นอีกด้วย
เล่นเอาคนโดนระเรงบทรักถึงกลับสั่นคราง ขาทั้งสองข้างก็เริ่มเกร็งอีกครั้งเมื่อพะแพงพยายามใช้นิ้วมือทั้งสองของตัวเองดุนดันเข้าไปยังช่องว่างใจกลางนั้นต่อ ทั้งดูดทั้งดันเข้าดันออกเป็นจังหวะจากช้าไปเร็วด้วยท้วงท่าที่พะแพงคุ้นชินและรู้ดีว่าคนนอนรอรับบทรักนั้นชอบที่จะให้ดึงจังหวะรักเกมส์เอาไว้ให้นานที่สุด และหล่อนชอบมากที่จะให้ความรู้สึกเสียวสะท้านอย่างนี้เกิดขึ้นกับตัวเองเรื่อยๆไม่มีหยุด จนกว่าหล่อนจะร้องขอให้เร่งจังหวะเองเมื่อหล่อนเริ่มจะถึงจริงๆแล้วอย่างในตอนนี้..
อ๊ะ อ๊า พะแพง เร็วขึ้นอีก เร็วขึ้นอีกค่ะ เค้ากำลังจะถึงแล้ว อ๊ะ อ๊า~...” ส่งเสียงหวานสั่นบอกสัญญาณพร้อมๆกับลมหายใจที่ถี่ขึ้นเรื่อยๆตามการสูบฉีดของจังหวะหัวใจ เล่นเอาพะแพงใบหน้าแดงเถือกเมื่อเหลือบตาขึ้นไปมองวงหน้าสวยของเอิ้นที่กำลังขบกัดริมฝีปากตัวเองไปมาจนใบหน้าเหยเกไปหมด ยิ่งมองยิ่งจ้องความรู้สึกอยากก็ทำให้พะแพงรีบเร่งจังหวะพร้อมๆกับการโน้มใบหน้าไปมอบจุมพิตให้กับเอิ้นหลังจากนั้นด้วย
เอิ้น..เอิ้นสวยจังเลย เค้ารักเอิ้นนะ..เค้ารักเอิ้นที่สุดเลยรู้มั้ย”ละปากออกมาได้ก็เอ่ยปากเพ้อรำพันทันที
อ๊ะ..อ๊า เค้าก็รักพะแพง เค้าก็ อ๊ะ อ๊าา พะแพง พะแพง เค้าถึงแล้ว...” พูดไม่จบประโยคร่างกายเปลือยเปล่าขาวนวลของเอิ้นก็สั่นสะดุ้งขึ้นเสียก่อน เธอทิ้งร่างเหนื่อยหอบตัวเองลงกับพื้นเตียงก่อนจะค่อยๆหลับดวงตาสวยลงในตอนที่พะแพงเลื่อนตัวไปประพรมจูบปลอบประโลมร่างสั่นเทิ้มหลังจากนั้นด้วย
เค้ารักเอิ้นนะ ได้ยินมั้ย” ค่อยๆกระซิบกระซาบใบหน้าสวยที่หลับตาพริ้มหลังจากนั้น โดยที่เจ้าหล่อนก็พยักหน้ารับพร้อมกับโน้มหน้าขึ้นมามอบจูบลึกล้ำให้กับพะแพงแทนคำตอบจากปากว่า ใช่..เธอก็รักพะแพงมากเช่นเดียวกัน
ใกล้จะถึงเวลากลับแล้วใช่มั้ย..” ร่างที่นอนเหนื่อยล้าชำเรืองตามองนาฬิกาในห้องพะแพงก่อนจะหน้าละห้อยเมื่อพบว่ามันใกล้เวลากลับแล้วจริงๆด้วย “งื้ออ..ยังไม่อยากกลับเลยง่าา..”ส่งเสียงออดอ้อนร่างขาวนวลด้านข้างที่นอนตะแคงอมยิ้มจ้องมองท่าทางเหมือนเด็กน้อยของคนรักอย่างขำๆ
ไม่อยากก็ต้องกลับ เดี๋ยวเพื่อนจะซวยนะ อยากให้น้องเค้าซวยหรือไง นางยิ่งเคืองๆเอิ้นอยู่ ถ้าไปทำให้นางโดนพ่อดุอีกมีหวัง...”
เออ..จริงสินะ” ชะงักทันทีที่นึกขึ้นได้ “นี่..ถ้าไปทำให้เพื่อนโกรธอีกมีหวังเค้าโดนกีดกันไม่ให้มาหาพะแพงอีกแน่ๆ อุตส่าห์เข้าทางน้องได้แล้วแท้ๆ เออ..ว่าไปแล้วน้องพะแพงนี่เห็นยิ้มๆกระริ้มกระเรี่ยตลอดไม่นึกว่าตอนโมโหนางก็น่ากลัวนะ”
น่ากลัว?”
ใช่น่ากลัว ทั้งตอนที่เดินเข้าไปหาเข้าในโรงเรียนแล้วถามเรื่องที่ว่าพะแพงเป็นอะไร ทั้งตอนที่โทรเรียกให้เค้าออกมาหาพะแพงตอนค่ำแล้วพอเค้ามาถึง พะเพื่อนก็เอาแต่ทำหน้าตาถมึงทึงใส่เค้าเหมือนกับว่าไม่พอใจในตัวเค้ามากๆ นี่เค้ายังแอบคิดเลยนะว่าไม่แน่ว่าถ้าเค้าเป็นผู้ชายอาจจะโดนพะเพื่อนชกหน้าไปแล้วก็ได้”
หลุดขำทันทีที่ได้ยินข้อความที่คลับคล้ายคลับคลาว่าน้องชายก็บอกตัวเองอย่างนี้เหมือนกัน “บ้า..น้องเค้าไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกน่า” แก้ตัวแทนน้องชายด้วยรอยยิ้มมีพิรุธของตัวเองไป
ไม่ใจร้าย หึ ก็หวังว่าอย่างนั้นล่ะนะ ไหนบอกว่าแอบชอบเค้าแล้วไหงกลายเป็นวางท่าจะตีหัวกันไปได้ ถ้าไม่รู้จักกันจะคิดว่าพะเพื่อนจงเกลียดจงชังเค้าแล้วมั้งเนี่ย”
ไม่กล้าเกลียดเอิ้นหรอก อยากมากก็อาจจะแค่มีอารมณ์ร่วมกับพี่สาวมากไปเท่านั้น เค้าเดานะว่าเพื่อนอาจจะแค่สงสารเค้า”
ไม่ใช่แค่สงสารพะแพงหรอก...เค้าคิดว่าน้องชายพะแพงอาจจะรักพะแพงมากๆก็ได้ นี่คงรักมากจนกระทั่งมองข้ามความสำคัญของคนที่ตัวเองแอบปลื้มไปแล้วมั้ง เอ..จะว่าไปแล้วก็น่าอิจฉาพะแพงนะเนี่ยที่มีน้องชายน่ารักขนาดนี้ เห็นแอบกัดจิกพะแพงบ่อยๆจริงๆแล้วทั้งรักทั้งหวงพี่สาวของตัวเอง อืม..ผู้หญิงคนไหนได้ไปเป็นแฟนคงจะโชคดีเนอะ พะเพื่อนคงจะดูแลดีเหมือนดูแลพี่สาวตัวเอง”
งั้น..อยากโชคดีก็ลองไปเป็นแฟนน้องเค้าดูสิ”
บ้า ไปไม่ทันแล้ว สถานะเปลี่ยนตั้งแต่เห็นเค้าปีนขึ้นบ้านหาพะแพงแล้วมั้ง ป่านนี้คงรู้ตัวแล้วล่ะว่าเค้าเป็นได้แค่พี่สะใภ้ ไม่สิพี่เขย เอ้ย..เป็นอะไรดีอะ”
นั่นดิเป็นอะไรดีล่ะ” คนสวยต่อหน้าลุกขึ้นมาอมยิ้มทันทีที่เห็นเจ้าหล่อนทำเสียงยอกย้อนเล่นคำก่อนหน้านั้น
ยังจะถามอีก ก็..เป็นแฟนพะแพงไง เค้าเป็นแฟนของพะแพงแล้วนะ และวันนี้เราก็เป็นแฟนกันเต็มๆตัวแล้วด้วย นี่จะเป็นวันแรกที่เราได้เริ่มคบกันเป็นจริงเป็นจังสักทีหลังจากเราสองคนไม่ยอมบอกสถานะอะไรให้แก่กันเลย แต่วันนี้พะแพงรู้แล้วว่าเค้ารักพะแพง และเค้าก็รู้แล้วว่าพะแพงรักเค้า ใช่มั้ย..”เอ่ยปากถามคนสวยหน้าแดงระเรื่อต่อหน้าก่อนที่หล่อนจะพยักหน้าอายๆรับ
ไม่เอาดิ อย่าพยักหน้ารับเฉยๆบอกแล้วใช่มั้ยมีโอกาสบอกก็ให้รีบบอกอย่าเก็บเอาไว้ก่อนที่มันจะสายเกินไปน่ะ”
ได้ยินคนต่อหน้าบอกคำขอด้วยข้อความแปลกๆแล้วความรู้สึกกลัวลึกๆในใจพะแพงก็เกิดขึ้นอีก จริงสินะวันนี้ตอนนี้เมื่อเราสองคนได้มีโอกาสบอกรักกันแล้วเราก็ควรจะรีบใช้โอกาสนั้นให้คุ้มค่าที่สุดอย่างที่เอิ้นเฝ้าบอกเราใช่มั้ย ทั้งคิดทั้งจ้องมองดวงตาสวยต่อหน้าด้วยความรู้สึกทั้งรักและทั้งเป็นห่วงก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปสวมกอดหล่อนไว้แนบแน่นหลังจากนั้น
อย่าพูดคำว่าสายเกินไปอีกได้มั้ยเค้าไม่ชอบ ฟังนะ.. เค้ารักเอิ้นนะ รักมากที่สุด และเค้าจะไม่ยอมให้มีวันที่เอิ้นบอกว่ามันสายเกินไปแล้วอย่างเด็ดขาด..”
--<><><><>--
มีโอกาสบอกก็ให้รีบบอก อย่าเก็บเอาไว้ก่อนที่มันจะสายเกินไปน่ะ”
ประโยคจากเสียงหวานดังขึ้นซ้ำๆในหัวพะแพงตลอดเวลาที่เธอหันไปเห็นเจ้าของคำพูดในชุดนักเรียนยิ้มหวาน และเมื่อนึกภาพเหตุการณ์ณช่วงเวลาที่หล่อนกล่าวคำนี้กับเธอแล้วพะแพงก็อดที่จะดีใจจนกระทั่งเผลอยิ้มหวานหน้าแดงออกมาไม่ได้
ยิ้มอะไร” เจ้าของคำพูดในห้วงความคิดมีอาการงงเล็กๆจนกระทั่งวางปากกาในมือลง หลังจากที่จดงานบนกระดานสลับกับนั่งหันมายิ้มให้พะแพงอยู่พักใหญ่ๆ
ก็..ไม่มีอะไร แค่นึกถึงสิ่งดีๆก็เลยอดอมยิ้มไม่ได้”
สิ่งดีๆ?”
ใช่ ดีมากๆเลย..” กระซิบกระซาบบอกเอิ้นไปในขณะที่มือตัวเองก็ลอบลงไปใต้โต๊ะนั่งเรียนเพื่อที่จะไปจับมือหล่อนมาแอบกอบกุมไว้ เล่นเอาคนโดนจับมือถึงกลับหลุดยิ้มหวานหน้าแดงทันทีที่เห็นอาการแปลกๆแต่ก็แฝงไว้ด้วยความน่ารักของหล่อนอย่างนั้นเข้า
เป็นอะไร..” กระซิบกระซาบพะแพงด้วยน้ำเสียงเบาแสนเบาด้วยกลัวเพื่อนๆที่ยังนั่งทำงานอยู่ในห้องจะได้ยินเช่นเดียวกัน
ก็ไม่มีอะไร แค่อยากจะบอกว่า..” นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะดึงมือเอิ้นที่ตัวเองกอบกุมอยู่ขึ้นมาวางแผ่ไว้กับโต๊ะแล้วเอาปากกาในมือค่อยๆเขียนรูปหัวใจดวงโตๆลงไปกลางฝ่ามือนั้น จนคนโดนเขียนหน้าแดงกร่ำเมื่อพะแพงละใบหน้าออกมาจากฝ่ามือขึ้นมาบอกบางอย่างกับตัวเองหลังจากนั้นด้วย..
เค้าจะพยายามบอกคำนี้เสมอ ถ้าเค้ามีโอกาสบอกกับเอิ้นนะ”
ฮ้าา..น่าดีใจชะมัดเลยที่ทำให้นางฟ้าขี้งอนกลายร่างเป็นนางฟ้าขี้อ้อนได้ขนาดนี้ รู้งี้บอกรักนางตั้งแต่แรกแล้วก็ดี..นั้นคือความคิดที่เอิ้นเฝ้าแต่คิดเมื่อเห็นนางฟ้าแสนสวยพยายามเอาอกเอาใจเล็กๆน้อยๆให้กับตัวเองในระหว่างคาบที่เรียน หรือแม้กระทั่งคาบพักเที่ยงที่หล่อนชวนเธอซื้อขนมปังออกมานั่งทานเล่นที่ลานม้านั่งที่ห่างไกลผู้คนด้วยไม่อยากไปนั่งในโรงอาหารที่คนพลุกพล่าน และแค่เอิ้นได้ฟังข้อความอ้อนๆที่หล่อนบอกว่า “อยากนั่งคุยกับเอิ้นเพียงลำพังแค่สองคนเท่านั้น” เอิ้นก็เลยตามใจไม่ไปกินข้าวที่โรงอาหารแล้วมุ่งตรงไปนั่งกระหนุงกระหนิงคุยกันเพียงลำพังอย่างตอนนี้แทน..
กินแค่นี้แน่ใจนะว่าจะไม่หิวน่ะ”เป็นเอิ้นที่ถามขึ้นเมื่อมองเห็นพะแพงกัดกินแซนวิสแค่คำสองคำแล้วก็วางไว้ไม่กินอีกเลย
ไม่หิวหรอก เค้าอิ่มแล้ว”
อิ่ม อิ่มอะไรไม่เห็นกินอะไรเลย”
ก็..อิ่มใจไง อิ่มมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วด้วย”
บ้าาา..ระวังเหอะเดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะหรอก”
ก็เพาะว่ารักเอิ้นใช่ป่ะ”
แหนะ ยังกล้าเล่นมุกนี้อีกเนอะ นี่ละนะข้อเสียของคนขี้เก๊กมัวแต่เก๊กหน้าขรึมวางฟอร์มงอน เลยไม่รู้ว่ามุกอะไรที่เค้าเลิกเล่นกันไปนานแล้ว ทักท้วงไปด้วยใบหน้าแดงแจ๋ ไม่แพ้คนพูดเลยแต่หล่อนยังฝืนเล่นมุกฝืดๆของหล่อนต่อไปด้วยหวังว่ามันจะพออ้อนคนรักของตัวเองได้บ้าง และพะแพงก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอิ้นคงจะรู้ว่าที่เธอพยายามทำไปทั้งหมดทั้งๆที่มันไม่ใช่ตัวเองเลยก็เพราะว่าเธอรักหล่อนเหลือเกินนั่นแหละ..
ไม่ต้องฝืนหรอก ทำตัวเป็นปกติเหอะเค้ารู้แล้วแหละว่าพะแพงรักเค้า”
ทำไม ไม่ชอบให้เค้าอ้อนเหรอ” น่าละห้อยทันที่เมื่อได้ยินเช่นนั้น
ก็เปล่า ก็ชอบ แล้วก็ชอบมากด้วย แต่ก็กลัวว่าพะแพงจะเหนื่อยซะก่อนที่ต้องมาเอาใจเค้าทั้งๆที่ไม่เคยอย่างนี้ ไม่ต้องห่วงหรอกนะเค้ารักพะแพงที่เป็นพะแพง ไม่ว่าพะแพงจะเป็นยังไงเค้าก็รักเหมือนเดินนั่นล่ะ” ขยับหัวตัวเองไปมานิดๆในตอนที่พูดก่อนจะก้มลงล้วงหยิบยาในกระเป๋าขึ้นมากินอีก
ปวดหัวเหรอ”พะแพงรีบถามทันทีที่นึกขึ้นได้
อืม ปวดมาตลอดนั่นแหละ ตอนก่อนจะเรียนก็กินไม่เห็นเหรอ”
ก็เห็นอยู่ งั้น..”
นี่!จะบ่นเรื่องนี่อีกใช่มั้ย ห้ามบ่นเลยนะ เค้าทนได้และเค้าโอเคพะแพงรู้ไว้แค่นี้ก็พอ เค้าใจมั้ย”
คนฟังพยักหน้าที่คิ้วขมวดด้วยความเป็นห่วงรับอย่างหวั่นๆ ถึงแม้ต่อหน้าเธอจะไม่พูดอะไรแต่ในใจเธอกลับเป็นห่วงเอิ้นเหลือเกิน
อย่าว่างั้นงี้เลยนะ เอิ้นลองไปหาหมอตรวจดูมั้ย”
หมอเหรอ ไปมาแล้ว แล้วก็ไม่เจออะไรเลยสักอย่างหมอก็เลยให้ยามานี่แหละ แต่ก็ช่างมันเถอะสักวันมันคงจะหายเองแหละ เฮ้ย..ไม่เอาดิไม่พูดเรื่องนี้ ไหนบอกอยากคุย อยากสวีทกับเค้าไง”
ชะงักทันทีที่โดนเอิ้นเบรคไม่ให้พูดเรื่องนี้อีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆเรียบๆเคียงๆเล่าบางอย่างกับหล่อนในสิ่งที่ตัวเองเฝ้าแต่แอบคิดในใจว่าบางทีนี่อาจจะเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมดก็ได้..
ไม่รู้ว่าเอิ้นเคยอ่านนิยายหรือเปล่า คือมันมีนิยายเรื่องนึงที่แบบ..
คนฟังเลิ่กคิ้วด้วยความแปลกใจ “แบบ?”
ที่แบบเอิ้นเป็นพระเอก หลินเป็นนางเอก และเค้าเป็นนางอิจฉาไงเล่า” นั่นคือสิ่งที่พะแพงได้แต่คิดในใจเพราะเปลี่ยนใจไม่กล้าพูดออกมาเมื่อเห็นใบหน้าแปลกใจอย่างสุดๆของเอิ้น เมื่ออยู่ๆได้ยินคนอย่างพะแพงชวนคุยบางอย่างที่แปลกประหลาดในความคิดหล่อนอย่างนั้นเข้า
เดี๋ยวนะ! พะแพงอ่านนิยายด้วยเหรอ เฮ้ยจริงดิ! ไหนแต่ก่อนเค้าถามว่าชอบอ่านนิยายมั้ยทำไมบอกว่าไม่ชอบ จำได้ว่าพะแพงบอกว่าอ่านแต่หนังสือเรียนอย่างเดียวพ่อไม่ชอบให้ทำอะไรอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ แล้วนี่อ่านเรื่องอะไรล่ะ”
เอ่อ..” คนโดนทักเลิ่กลั่กหน้าเอ๋อทันทีเมื่อได้ยินท้าวความหลังครั้งเก่าเข้า เมื่อครั้งที่ตัวเองยังเก๊กวางฟอร์มแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรกับเอิ้นอยู่ ในตอนนั้นเมื่อเห็นเอิ้นชวนคุยเรื่องนิยายรักที่เกี่ยวกับเพื่อนรักเพื่อนด้วยความซึนของตัวเองที่ไม่อยากให้เพื่อนอ่านใจตัวเองออกในตอนนั้น เธอเองเลยรีบบอกปัดว่าไม่ชอบอ่านอะไรทำนองนี้เพราะเธอเป็นเด็กเรียนนั่นเอง
ตายแล้ว..ถ้าขืนมารู้อีกว่าเราโกหกนี่โดนเกทับด้วยคำพูดเหน็บแหนมของหล่อนแน่ๆเลย แถมรู้ว่าชอบอ่านนิยายแนวเพื่อนรักเพื่อนอีก แถมยังเพ้อเจ้อถึงขนาดคิดว่าตัวเองเป็นตัวเอกในเรื่องอีก โอ๊ยแม่คุณคงค่อนแคะเราต่างๆนาๆอีกแน่ๆ
อย่าบอกนะว่าชอบอ่านแนวเพื่อนรักเพื่อนอ่ะ”
เสียงดังเข้ามาในห้วงความคิดของพะแพงจนพะแพงเลิ่กลั่กรีบหันมาเก๊กยิ้มสวยต่อ “ปะๆเปล่าๆเขาอ่านนิยายทั่วไปน่ะ พวกซีไรท์น่ะ คือมันมีนิยายเกี่ยวกับเอ่อ เอ่อช่างมันเถอะ ไม่คุยเรื่องนี้ดีกว่า มาคุยเรื่องของเราสองคนดีกว่า”
เอ๊า เป็นงั้นไป” คิ้วขมวดมองด้วยความงงไปกันใหญ่ แต่เมื่อเห็นอีกคนยิ้มหวานออดอ้อนแล้วเอิ้นก็รีบเปลี่ยนเรื่องหันมาคุยกะหนุงกะหนิงกับหล่อนเพื่อรักษาบรรยากาศดีๆของการเป็นแฟนวันแรกของทั้งสองเอาไว้..
ไม่รู้ว่าเอิ้นจะจำแม่น้ำตอนที่เราเคยไปตอนป.3ได้ป่ะ แม่น้ำที่มีสะพานแขวนยาวๆที่...”
ที่มีทางเดินขนาบสะพานไปตลอดจนถึงอีกฝั่งใช่มั้ย” คนถามยิ้มหวานพยักหน้ารับทันที “จำได้สิทำไมจะจำไม่ได้”
ตอนนั้นเป็นวันเสาร์อาทิตย์เราสองคนไปเรียนพิเศษกันแล้ววันนั้น..”
พ่อกับแม่ของพะแพงไม่ได้มารับ พ่อเค้าเลยอาสาไปส่งพะแพงที่บ้านแต่ไปๆมาๆดันพาเราสองคนขับรถเล่นไปจนถึงแม่น้ำนั้นแล้วจอดรถแถวริมน้ำ พ่อเค้าชวนพวกเราไปถ่ายรูปที่สะพานและพวกเราก็เลยกลายเป็นนางแบบจำเป็นให้พ่อจนเหนื่อยเลยขอตัวลงมานั่งเล่นแถวๆริมน้ำกัน แล้ว..”คนพูดหันมาเหล่ตามองพะแพงเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ที่เธอก็ไม่อยากจะเล่าเลยเพราะห่วงความรู้สึกของคนฟัง จนคนฟังหันมายิ้มแล้วพยักหน้าตอบรับส่งสัญญาณให้รู้ว่าหล่อนโอเคกับเหตุการณ์นั้นแล้วและหล่อนก็เลยเล่าต่อเองเสียเลย..
“..วันนั้นเขาที่โต๋เต๋ๆเดินเล่นที่ริมน้ำเกิดลื่นหญ้าจนไหลตกลงไปในน้ำ ดีที่เอิ้นมาช่วยไว้ได้ก่อนเค้าเลยตะเกียกตะกายปีนฝั่งขึ้นมาได้ก่อนไม่งั้นเราทั้งคู่คงจมน้ำกันแน่เลย”
อืม..ก็ว่ายน้ำกันไม่เป็นทั้งสอง แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่เป็นเลย”
ใครว่ายไม่เป็น? เค้าว่ายเป็น มีแต่เอิ้นนี่ล่ะไม่ยอมหัดว่าย ชวนไปว่ายน้ำด้วยก็ไม่ยอม รู้มั้ยตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นเค้าก็รีบไปเรียนว่ายน้ำเลยนะ”
ก็รู้นี่ว่าทำไมเค้าถึงไม่อยากว่ายน้ำ จริงๆแค่เจอน้ำเค้าก็ไม่อยากเข้าใกล้แล้ว”
อืมก็รู้แหละก็เลยไม่ว่า เพราะรู้ว่าเอิ้นเป็นโรคกลัวน้ำตั้งแต่เรื่องของแม่ เค้าถึงรู้ไงว่าตอนที่เอิ้นช่วยเค้าตอนนั้นเอิ้นต้องใช่ความพยายามอย่างมากในการช่วยเค้าให้ขึ้นมาจากน้ำให้ได้ทั้งๆที่ตัวเองกลัวน้ำจะตายน่ะ แถมตอนนั้นรองเท้านักเรียนเค้าลอยน้ำไปเอิ้นยังพยามช่วยเอากลับมาให้อีก นี่ดีนะที่ได้เชือกฟางกับถุงพลาสติกที่เอิ้นนึกประดิษฐ์ขึ้นมาช่วยเค้าได้ทันทีทันใดน่ะ นึกถึงภาพที่เอิ้นขว้างให้ถุงมันลอยไปกับพื้นน้ำแล้วไปเกี่ยวเอารองเท้าลอยคืนกลับมาได้แล้วเค้ายังดีใจและตื่นเต้นไม่หายเลย ตอนนั้นเค้าดีใจมากๆเลยรู้มั้ยทั้งลุ้นทั้งเหนื่อยจนกระทั่งเผลอหลับคาตักเอิ้นไปเลยน่ะ”
อื้ม แล้วนี่นึกยังไงถึงพูดถึงเรื่องในตอนนั้นล่ะเนี่ย..”
คนโดนถามยิ้มหวานหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะค่อยๆรวบรวมความกล้าสารภาพความในใจของตัวเองออกมา เมื่อคิดว่าไหนๆก็ไหนๆแล้ว สิ่งต่างๆที่รู้สึกดีเกี่ยวกับหล่อนเธอควรจะบอกออกมาให้หมดดีกว่า “ก็..ตอนนั้นเป็นตอนที่เค้าเริ่มรู้สึกชอบเอิ้นจริงๆ เป็นครั้งแรกที่เค้ารู้สึกว่าเค้าชอบเอิ้นในแบบที่ไม่ใช่เพื่อนไง”
เหรอ..” คนฟังก็ยิ้มหวานด้วยความดีใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคุยกันแบบเปิดใจหลังจากที่สารภาพรักกันมาแล้ว ใช่สินะ เธอก็ควรจะบอกหล่อนเหมือนกันสินะ “อืม..เค้าก็คิดว่าเค้าก็น่าจะเริ่มชอบพะแพงก็จากตอนนั้นเหมือนกันพึ่งมารู้ตัวว่าตัวเองตอนนั้นว่าไม่อยากจะเสียเพื่อนคนนี้ไปจนกระทั่งลืมสิ่งที่กลัวที่สุดในชีวิตไปเลย เค้าพูดจริงๆนะจนถึงทุกวันนี้เค้าก็ยังกลัวการว่ายน้ำอยู่เลย แต่ในวันที่พะแพงตกน้ำวันนั้นเค้าดันลืมไปซะสนิทว่าเค้ากลัวน้ำ ตอนนั้นในหัวคิดแค่ว่าจะทำยังไงให้พะแพงปลอดภัยเท่านั้นเอง
บ้าจัง..เราเริ่มชอบกันพร้อมกันตั้งนานแล้วแต่แค่ไม่เคยบอกกันซักทีแค่นั้นหรือนี่.. นั้นคือสิ่งที่พะแพงคิดในขณะที่กำลังยิ้มหวานด้วยความดีใจเมื่อจ้องมองตาเจ้าของใบหน้าสวยที่ก็ยิ้มหวานไม่แพ้ตัวเองอยู่เลย
คิดถึงวันที่นอนตักเอิ้นในครั้งแรกตอนนั้นจัง...”
งั้นก็นอนตักอีกสิ..” ยิ้มแล้วก้มลงมองที่ตักตัวเองเสมือนเป็นการเชื้อเชิญให้พะแพงนอนตักตัวเองทางอ้อม
บ้า..นอนได้ที่ไหนในโรงเรียนคนตั้งเยอะตั้งแยะ”
งั้นก็ค่อยไปนอนที่บ้าน”
อีกตั้งนานกว่าจะค่ำ กว่าเอิ้นจะมาหาเค้าอาะ..” ส่งเสียงหงอยๆอ้อนเจ้าของใบหน้าสวยที่กำลังอมยิ้มอยู่ต่อหน้า
ทำไมทำเสียงอย่างนั้น น้อยใจใช่ม้าา..รู้มั้ยว่าเวลาพะแพงน้อยใจนี่สังเกตุง่ายมากๆเลยนะ แก้มพะแพงน่ะจะบวมๆเหมือนอึ่งอ่าง ยิ่งน้อยใจมากก็ยิ่งบวมมากเนี่ยตอนนี้กำลังบวมมากแสดงว่าน้อยใจมากเลยล่ะสิ” ทั้งพูดทั้งขำอีกคนที่ยังคงงอนแก้มอมลมตุ๊บป่องต่อไป “เอางี้มั้ยถ้าพะแพงกลัวว่าเราจะเจอกันดึก งั้นตอนเลิกเรียนพะแพงแวะไปที่บ้านเค้าก่อนมั้ย เราสองคนจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันนานขึ้นอีก”
ดวงตาเป็นประกายทันทีที่ได้ยินคำแนะนำอย่างนั้น แม้ไม่มีคำตอบออกจากปากพะแพงแต่ใบหน้าแดงระเรื่อและท่าทางหงิมๆติ๋มๆเมื่อยามที่คนถามยื่นมือมาดึงมือพะแพงที่วางไว้หน้าตักไปกอบกุมไว้ ก็ทำให้เอิ้นพอจะเดาได้ว่าอีกคนคงยินดีในคำเชิญชวนและไม่มีทางจะปฏิเสธแน่นอน
--<><><><>--
พี่แพงจะอยู่นานมั้ยเนี่ย”
เสียงที่เก๊กทำเป็นดุจากใบหน้าเรียบๆของหนุ่มน้อยหน้ามนดังขึ้นเมื่อเขาพาพี่สาวเดินผ่านบ้านแฟนสาวของหล่อนแล้วหยุดยืนถามด้วยความไม่พอใจนิดๆ แต่ก็จำใจต้องทำตามแผนการของหล่อนที่ขอร้องให้เขาช่วยพามาบ้านแฟนสาวในตอนเลิกเรียน เมื่อหล่อนยังติดทัณฑ์บนของพ่อที่ห้ามไม่ให้ออกจากบ้านอยู่ เลยจำเป็นต้องวางแผนหลอกพ่อกับแม่ว่าพวกเขาทั้งสองต้องการซื้อของและกินอาหารเย็นด้วยกันอีก เล่นเอาคนโดนถามสะดุ้งเฮือกเมื่อหันไปมองใบหน้าคิ้วขมวดของเขากำลังจ้องเขม็งไปที่แฟนสาวของตัวเองด้วยความไม่พอใจนิดๆ
เอ่อ ก็ไม่นานหรอก เดี๋ยวไงโทรหาอีกทีแล้วกัน”
ไม่นาน..หึ ไม่เชื่อหรอกเดี๋ยวก็เหมือนตอนกลางคืนอีกนั่นแหละ นี่ก็ไม่รู้ว่าจะมาหาทำไมอีกกลางคืนก็จะอยู่ด้วยกันแล้วแท้ๆ”
ชู่วววว์”
เมื่อพี่สาวได้ยินก็รีบเดินเข้าไปประชิดตัวน้องชายหวังให้เขาเงียบเสียงบ่นที่กำลังทำให้คนที่สามกำลังกระอักกระอ่วนใจอย่างที่เป็นอยู่นี้เสียที
นี่..พี่กับเอิ้นโอเคกันแล้ว เลิกบ่นได้แล้ว ไม่มีอะไรแล้วเข้าใจมั้ย แล้วก็นี่อ๊ะ เอิ้นเอามาฝากเราพี่เก็บเอาไว้ให้กะจะเอาให้เราตอนกลับบ้าน”
ชะงักทันทีเมื่อได้ยินพี่สาวบอกพร้อมๆกับยื่นตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆและห่อชอคโกแลค2ห่อมาให้ “มีลายเซ็นเอิ้นด้วยนะ เห็นมะ เขาเซ็นให้ตรงนี้” ชี้ชวนให้น้องชายตัวเองดูลอยปากกาที่เอิ้นเซ็นใส่โบว์พร้อมๆกับข้อความว่า ขอบใจนะ ของหล่อน ตอนนี้จากที่กำลังงอนๆอยู่ก็กลายเป็นลังเลใจว่าจะโกรธต่อหรือไม่โกรธต่อดีนะ
นะ พี่ขอโทษแทนเอิ้นแล้วกัน ถือว่าขอล่ะนะ ช่วยหน่อยนะเพราะถ้าเพื่อนไม่ช่วยพี่อีกพ่อก็คงดุพี่อีกเพราะพี่ก็ติดทัณฑ์บนออกจากบ้านไม่ได้อยู่ แต่ถ้าได้เพื่อนช่วยยืนยันว่าพาพี่ไปซื้อของด้วยอย่างน้อยพ่อกับแม่ก็น่าจะเชื่อ”เสียงอ่อนเสียงหวานสำหรับการขอร้องน้องชายในครั้งแรกของปี หรือว่าน่าจะทั้งชีวิตเลยก็ได้ที่เธอยอมพูดดีๆกับน้องแบบนี้ เล่นเอาน้องชายใจอ่อนได้แต่ถอนหายใจ แต่ก็ยังไม่วายขอถามให้หายข้องใจเสียก่อน
เฮ้อ..สรุปว่าดีกันจริงๆแล้วใช่ป่ะ ตอบมาให้สบายใจก่อน”
ดีกันแล้ว แล้วก็ดีกันมากๆด้วย ไปเหอะไปอยู่กับแบงค์ก่อนเถอะเดี๋ยวเสร็จธุระแล้วเดี๋ยวพี่โทรหา ไม่นานหรอก”
ไม่นานแน่นะ..”
คนโดนถามยิ้มแหยๆแทนคำตอบ และน้องชายตัวดีก็ดันหัวไวเข้าใจความหมายซะด้วยเลยไม่อยากต่อล้อต่อเถียงอะไรพี่สาวมาก ได้แต่บอกลาแล้วรีบเดินไปบ้านเพื่อนของเขาที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันฆ่าเวลารอดีกว่า เมื่อรู้อยู่แล้วว่ายังไงๆก็นานแน่ๆ
ดุจังเลยอ่ะ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะใจอ่อนนะ” เป็นเสียงของเอิ้นที่ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าน้องชายแฟนตัวเองเดินลับตาไปแล้ว
อื้ม ก็คงใกล้แล้วแหละ พยายามให้น้องเค้าเห็นว่าตัวเองจริงใจกับเค้าบ่อยๆก็แล้วกัน” อมยิ้มให้หล่อนก่อนจะเดินเข้าบ้านตามกันไปหลังจากนั้น