วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563


นิยายรักไม่จำกัดบท

Cheapter 12
อุบัติเหตุและความพิศวง
พะแพงขาเป็นอะไรน่ะ ทำไมได้เดินท่านั้นล่ะเธอ” เสียงเพื่อนสาวร่วมห้องของพะแพงทักเธอหน้าโรงเรียนเมื่อหล่อนกำลังยืนรอเพื่อนอยู่แล้วเห็นพะแพงเดินกระโผลกกะเผลกผ่านตัวเองไป
คนโดนทักสะดุ้งนิดๆ “เอ่อ เค้าปวดขาน่ะ เอ่อพอดีขาเคล็ดน่ะ คือนั่งผิดท่าไปหน่อย..”แอบยิ้มแหยๆเมื่อนึกถึงการนั่งผิดท่าที่ดุเดือดของตัวเองเมื่อคืนนี้ ที่คงจะเกร็งมากเกินไปหน่อยเพราะทำเสร็จใหม่ๆเธอก็ถึงกับขาชาจนเธอเองยังทายว่าพรุ่งนี้คงต้องปวดขาแน่ๆ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆซะด้วย..
อ้าวเหรอ อ้าวนี่แขนก็เป็นแผลนี่ไปโดนอะไรมาอีกล่ะนั้น” ชี้ไปที่แผลที่แขนซ้ายของพะแพงอีก
อันนี้น่ะเหรอเอ่อ อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ เค้าโดนรถเฉี่ยวน่ะ”
อ้าว อีกแล้วเหรอ เห็นวันศุกร์ก็โดนกระถางตกใส่กับเอิ้นนี่ ใช่ป่ะ” พะแพงพยักหน้ารับทั้งยิ้มแหยๆ “เฮ้ย ช่วงต้องระวังหน่อยนะเนี่ย เข้าวัดทำบุญบ่อยๆเลยนะ ดวงไม่ดีกันทั้งคู่เลยสังเกตป่ะเนี่ย”
ชะงักนิดๆแต่ก็คิดตามเพื่อนคนนั้นเหมือนกัน เออ..ใช่สินะ ช่วงนี้เรากับเอิ้นรู้สึกว่าจะดวงไม่ค่อยดีเลยเจอแต่อุบัติเหตุตลอด โดยเฉพาะเอิ้นที่เจ็บตัวมาตลอดเลยตั้งแต่..ตั้งแต่ตอนที่แขนเข้าเฝือกตอนนั้นแล้ว
หันไปขอบใจเพื่อนคนนั้นที่เป็นห่วงตัวเอง ก่อนจะบอกลาหล่อนที่เดินไปกับเพื่อนของหล่อนต่อ ส่วนตัวเองก็ได้แต่ยืนอึ้งคิดถึงอุบัติเหตุต่างๆที่คนรักของตัวเองเจอมาตั้งแต่ตอนที่เริ่มมีปัญหากัน..ใช่สินะ เริ่มจากที่เอิ้นเริ่มจะเข้ามาประชิดตัวฉันแล้วก็เริ่มล่วงเกินฉันตั้งแต่ตอนนั้นนั่นแหละ แล้วเอิ้นก็โดนเลย..
นึกถึงภาพที่หล่อนแขนหัก หัวแตก หรือแม้กระทั่งปวดหัวบ่อยๆจนเลือดกำเดาออกแล้วก็เห็นได้ชัดว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นภายในช่วงระยะเวลาที่เราเริ่มที่จะมีอะไรกันตลอด ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นหล่อนไม่เคยจะเป็นอะไรเลย สุขภาพก็แข็งแรงดีทุกอย่าง ส่วนตัวเอง มาคิดๆดูแล้วแม้จะไม่ได้โดนเต็มๆเหมือนเอิ้นแต่ก็ถือว่าเกือบจะโดนในทุกๆครั้งเลยตั้งแต่รอบที่กระถางตกลงมานั่นแล้วด้วย
ใช่สินะ..ทั้งกระถาง ทั้งเกือบโดนรถชนตอนยืนรอรถอยู่หน้าโรงพยาบาลแล้วเอิ้นมาช่วยไว้ได้ แล้วก็กลายเป็นมาโดนรถเฉี่ยวในหมู่บ้านนั่นอีก จริงๆแล้วฉันก็เกือบจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับตัวเองตลอดนี่นา ไม่สิจริงๆแล้วครั้งที่กระถางตกลงมานั่นถ้าเอิ้นไม่ช่วยไว้ก็ไม่แน่ว่าจริงๆแล้วคนโดนอาจจะเป็นตัวเองก็ได้..
ยิ่งคิดยิ่งนึกก็ยิ่งเห็นความผิดปกติของชีวิตตัวเองในช่วงนี้ หรือว่าเหตุการณ์ร้ายๆทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี่มันเป็นเพราะฉันกับเอิ้นมีอะไรกันอย่างนั้นเหรอ แอบคิดด้วยความกังวลใจก่อนจะมีเสียงๆหนึ่งดังเรียกสติด้านข้าง
พะแพงเป็นอะไรนี่ ทำไมแขนเป็นแผลอย่างนี้ล่ะ..”
หันไปหาเจ้าของเสียงก็เห็นเป็นครูพี่แอนยืนทำหน้าสงสัยในชุดฟอร์มนักศึกษาอยู่ด้านข้างตัวเอง จนตัวเองต้องรีบยกมือไหว้หล่อน
เฮ้ย บอกแล้วไงว่าไม่ต้องไหว้” หล่อนแอบดุเบาๆก่อนจะหันมาคุยเรื่องแผลต่อ
หรือเป็นแผลที่โดนกระถางตกใส่เมื่อวันศุกร์หรือเปล่า”
เอ่อ เปล่าๆค่ะ เป็นแผลจากที่หนูโดนรถเฉี่ยวน่ะค่ะ”
อ้าว โดนรถเฉี่ยว เดี๋ยวนะวันศุกร์ก็โดนกระถางตกใส่นี่ แล้วนี่ก็โดนรถเฉี่ยวอีกอย่างนั้นเหรอ เฮ้ยระวังตัวด้วยนะช่วงนี้ทำไมเจอแต่อุบัติเหตุเลยล่ะ”
เป็นคนที่ทักคนที่สองของวันสำหรับเรื่องนี้ จนพะแพงเองก็เริ่มหน้าเสีย เมื่อตัวเองก็เริ่มคิดได้แล้วแต่ก็ยังมีคนตามมาย้ำให้คิดซ้ำอีก
เฮ้ย หน้าซีดเลยอ่ะ พี่ขอโทษนะที่ทักไปอย่างนั้นน่ะ อย่าคิดมากดิ” คนบอกยื่นมือไปตบไหล่ให้กำลังใจพะแพงจนพะแพงเริ่มยิ้มออก
เป็นยังไงบ้าง ไม่ได้คุยกันเลยนะ ตั้งแต่..เอ่อ ตั้งแต่..”คุณครูคนสวยพยายามชวนคุยต่อถึงเรื่องครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกันในตอนที่เธอพยายามวีดีโดคอลไปหาพะแพงแล้วเจอเอิ้นเดินเข้ามาขัดจังหวะ จนพะแพงก็เริ่มนึกขึ้นได้ถึงเรื่องในวันนั้นเช่นเดียวกัน เธอจึงรีบยกมือขึ้นไหว้ขอโทษหล่อนด้วยความรู้สึกผิดทั้งจากตัวเองและแทนอีกคนที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับครูในวันนั้นด้วย
เอ่อ หนูขอโทษนะคะครูพี่แอน ขอโทษแทนเอิ้นด้วยที่เสียมารยาทกับครูวันนั้น คือวันนั้นเอิ้นอารมณ์ไม่ค่อยดีน่ะค่ะ เค้าก็เลยหงุดหงิดและก็กวน..เอ่อ อย่างที่เห็น”
หงุดหงิด..” ครูพี่แอนอมยิ้ม “หงุดหงิดเพราะว่าหึงพะแพงใช่มั้ยล่ะ คงโกรธที่พี่โทรหาพะแพงใช่มั้ย”
คนโดนทักสะดุ้งโหยงรีบมองซ้ายมองขวาทันทีที่โดนครูพี่แอนแซวด้วยกลัวใครจะมาได้ยินด้วย โชคดีที่บริเวณนั้นไม่มีใครยืนอยู่ใกล้ๆ “ไม่ใช่ๆค่ะ ไม่ได้หึง” หันมายิ้มแหยๆตอบหล่อน “เค้าชอบแกล้งหนูอย่างนี้ตลอดแหละค่ะ”
แกล้งเหรอ งั้นก็แล้วไป นึกว่าหึง งั้นก็แสดงว่าพี่โทรไปหาพะแพงได้ใช่มั้ยถ้างั้น”
ก็..เอ่อ..ก็ได้นะคะ ก็ถ้าครูอยากโทรมา ก็โทรค่ะ” ได้แต่ยิ้มแหยๆให้หล่อน ในใจก็นึกถึงบทในนิยายที่แพรี่หึงเอริณเรื่องครูฝึกสอน นี่ฉันคงไม่โดนเอิ้นหึงจากเรื่องครูฝึกสอนอีกใช่มั้ยถ้ายังคุยอยู่กับครูพี่แอนอย่างนี้เนี่ย มีการเป็นห่วงความรู้สึกของคนรักตัวเองนิดๆเมื่อคิดว่าคงจะดีกว่านี้ถ้าเธอเลิกคุยกับครูพี่แอนดีกว่าหากว่าใครผ่านมาเห็นเข้าแล้วเอาไปนินทาแล้วเอิ้นได้ยินเข้าหล่อนคงเสียความรู้สึกอีกแน่ๆ
เอ่อ งั้นเดี๋ยวไงหนูขอตัวเข้าห้องเรียนก่อนนะคะ” พยายามจะบอกลาหล่อนไปทันทีเมื่อคิดได้
อ้าวเดี๋ยวสิ พี่ว่าจะคุยเรื่องนิยายกับเราอยู่เลยอ่ะ พี่ว่านิยายมันแปลกๆไปอ่ะ พะแพงได้เข้าไป..”
ทำไมโทรหาแล้วไม่รับสายอ่ะ มัวทำอะไรอยู่คะ ที่รัก” ยังไม่ทันที่ครูพี่แอนจะอธิบายหรือถามไถ่เกี่ยวกับนิยายที่หล่อนสงสัยเสียงจากบุคคลที่สามที่พะแพงกลัวเหลือเกินว่าหล่อนจะมาเห็นเข้าก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะให้พะแพงสะดุ้งโหยงเหงื่อตกเข้าจนได้
ทำไรอยู่คะ ที่รัก” หล่อนเดินมาโอบไหล่พะแพงพร้อมทั้งย้ำคำสรรพนามก่อนหน้านั้น ก่อนจะหันไปยิ้มน้อยให้ครูพี่แอน จนคนโดนโอบต้องพยายามสะบัดอ้อมแขนเอิ้นออกจากไหล่ตัวเองแล้วเตือนสติหล่อนเบาๆ
กำลังคุยกับครูพี่แอนอยู่..”
อืม..” หล่อนพยักหน้ารับงึกๆ
ครู..” พะแพงเตือนสติหล่อนอีกครั้งให้เข้าใจถึงคำว่าครูแล้วควรจะยกมือไหว้ครูเดี๋ยวนี้ด้วย แต่หล่อนก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ซ้ำยังหันมาชวนพะแพงให้เดินขึ้นห้องไปด้วยกันอีก
เอ่อ งั้นพะแพงขึ้นห้องไปเถอะเดี๋ยวพี่ไปเซ็นชื่อก่อนก็ได้ เหมือนเพื่อนพะแพงกำลังหงุดหงิดน่ะ..”
ใครเพื่อน?” คนได้ยินหันไปมองพะแพงทันทีที่ได้ยินครูพี่แอนบอกอย่างนั้น “เค้าเป็นเพื่อนพะแพงงั้นรึ?” กระซิบกระซาบถามพะแพงด้วยความไม่พอใจทันที
เออ ดิ” ขยิบตาส่งซิกให้เอิ้นก่อนจะหันไปส่งยิ้มแหยๆให้ครูพี่แอน “เดี๋ยวไงไว้เจอกัน แล้วค่อยคุยกันใหม่นะคะ”
ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่โทรหาพะแพงเลยดีกว่า เดี๋ยวเย็นนี้พี่โทรไปหานะคะ ไปล่ะคนสวย”
คนนอกบทสนทนาถึงกลับหันขวับไปมองพะแพงทันทีที่ได้ยินครูพี่แอนบอกจะโทรหาหล่อน เล่นเอาพะแพงสะดุ้งเฮือกทั้งเหงื่อตกทั้งเลิ่กลั่กทำอะไรไปต่อไม่เป็นเลยเมื่อเอิ้นยื่นแขนมาหยิกตัวเองรัวๆหลังจากนั้น
โทรหาอย่างงั้นรึ!”
โอ๊ย! เจ็บ! หยิกทำไมนิ!”
บอกไม่ให้คุยกับครูคนนี้แล้วยังจะหน้ามึนคุยอีกเหรอ หน็อยย..ว่าคนอื่นเจ้าชู้หลายใจ ทีตัวเองแอบกิ๊กกับใครซะเองอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน”
ไม่ได้กิ๊กอะไรเลย บ้าเปล่า แล้วก็เลิกบ่นได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน เข้าใจมั้ย!”
คนโดนห้ามหน้ามุ้ยอย่างเสียอารมณ์สุดๆ ได้แต่เดินกระฟัดกระเฟียดด้วยอารมณ์งอนหนีจากหล่อนไป จนพะแพงต้องรีบวิ่งตามและไปทันเจ้าหล่อนอยู่ที่ด้านข้างของอาคารเรียนตัวเอง เธอเลยรีบดึงหล่อนให้เข้าไปนั่งคุยที่นั่งด้านหลังที่ไม่ค่อยมีคนเดินเพ่นพล่านเท่าไหร่
เดี๋ยวก่อนเซ้! จะรีบไปไหนเนี่ย!” ดึงมือหล่อนไว้เมื่อเห็นหล่อนตั้งท่าจะลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินหนีอีก
อ้าวก็ทำท่าเหมือนไม่อยากคุยกับเค้าไม่ใช่เหรอ ถ้ากลัวครูคนนั้นเห็นก็จะไม่คุยให้ไง”
บ้าหรือเปล่าใช่ที่ไหนกัน เค้าแค่ไม่อยากให้คนอื่นมาแซวเราไม่ใช่เฉพาะแค่ครูคนนั้นหรอกน่า” พยายามอธิบายหล่อนไปในตอนที่มองใบหน้าซีเรียสไม่พอใจของหล่อน “อะไรกัน..เอิ้นไม่เคยเป็นอย่างนี้ซักที หรือนี่คือหึงเค้าอย่างนั้นเหรอ” อมยิ้มกระซิบกระซาบถามหล่อนในประโยคสุดท้ายนั่น
แล้วคิดว่าไงล่ะ” คนตอบหันมาถามกลับหน้าตายเฉย แทนที่จะตอบตรงๆ
ก็ไม่รู้สิ แต่ไม่กล้าคิดว่าหึงหรอก ไม่กล้าคิดว่าตัวเองจะสำคัญกับเอิ้นขนาดนั้น” ทั้งพูดทั้งยิ้มหวานมือก็ยื่นไปแอบจับมือเอิ้นที่วางอยู่บนหน้าตักภายใต้โต๊ะม้าหินอ่อนที่ทั้งสองนั่งอยู่ คิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะง้อหล่อนบ้าง และการง้อในฉบับของพะแพงแม่สาวจอมเก๊กและขี้อายก็เลยทำได้แค่แอบซ่อนมือตัวเองไปจับมือหล่อนอยู่ใต้โต๊ะอย่างที่เห็นนั่นแหละ..
ดีกันนะ ไม่มีอะไรหรอก เค้าพึ่งได้คุยกับครูพี่แอนแค่วันนี้เมื่อกี๊ แป๊บเดียวเท่านั้นเอง ก่อนหน้านั้นเอิ้นก็เห็นนี่ว่าเค้าแทบจะไม่ได้คุยโทรศัพท์กับใครเลย นอกจาก..กับเอิ้นแค่สองคนอย่างนั้น..” ทั้งพูดทั้งหน้าแดงระเรื่อ เมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่พะแพงพยายามง้อเอิ้นด้วยน้ำเสียงหวานๆอย่างที่เอิ้นมักจะพูดกับตัวเอง และนั่นเลยทำให้คนโดนง้อแอบหันมาเหล่มองมือใหม่หัดอ้อนอย่างพะแพงเข้า ด้วยอารมณ์ที่ว่าไม่รู้ควรจะตกใจหรือจะขำเจ้าหล่อนดี..
ง้อเป็นด้วย? ปกติไม่เคยเสียงหวานง้อใครอย่างนี้สักทีนิ”ทั้งพูดทั้งหัวเราะหึๆ
ก็ไม่เคยง้อหรอก ถ้าคนนั้นไม่สำคัญกับเค้าน่ะ..” ต่อปากต่อคำไปโดยที่มือข้างล่างก็ยังกอบกุมมือหล่อนไว้อยู่ก่อนจะเริ่มรู้สึกถึงอะไรที่ผิดปกติบางอย่างจึงดึงมือหล่อนขึ้นมาดูใกล้ๆ
เฮ้ยมือเอิ้นไปโดนอะไรมาอีกเนี่ย!”สะดุ้งตกใจทันทีที่เพ่งมองแล้วเห็นเป็นพลาสเตอร์ปิดแผลติดไว้ที่รอบๆมือซ้ายหล่อนอีกแล้ว
เนี่ยเหรอ.. ก็เมื่อเช้าตอนกลับบ้านโดนประตูหนีบมือน่ะ คือตอนนั้นมันมึนๆง่วงๆเปิดประตูเสร็จแล้วก็ยกมือหนีไม่ทันมันก็เลยหนีบเข้าให้ แต่ไม่ต้องห่วงนะ เนี่ยมือซ้าย มือขวาน่ะเค้าจับลูกบิดค้างไว้เลยไม่เป็นอะไรยังใช้ได้อยู่..” คนตอบยกมือขึ้นโชว์ในตอนที่บอกเล่าเรื่องราวด้วยใบหน้าราบเรียบของตัวเองราวกับว่าไม่มีอะไรหนักหนาสาหัส
ซึ่งช่างแตกต่างจากคนฟังที่หน้าถอดสีไม่มีอารมณ์จะขำหรือจะอายข้อความสองแง่สองง่ามของหล่อนเลย เมื่อมองแผลที่มือของคนรักแล้วก็นึกถึงเรื่องที่ตัวเองโดนทักเมื่อเช้าแล้วก็เลยกลายเป็นคิดมากจนใจเสียไปกันใหญ่..
นี่มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วล่ะ เดี๋ยวคอยดูนะถ้าวันนี้เราโดนอะไรเหมือนเอิ้นอีกก็คงจะชัดว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับชีวิตเราจริงๆแล้วล่ะช่วงนี้
--<><><><>--
เอิ้นเป็นไงบ้างได้ข่าวว่าโดนกระถางตกใส่หัวนี่นา” เป็นเสียงจากตัวแทนเพื่อนร่วมห้องที่พากันเดินกรูเข้ามาถามไถ่เอิ้น เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปถึงในห้องเรียนแล้ว
ก็โอเคขึ้นแล้วล่ะ นี่ไงมีโบว์เก๋ๆติดหัวด้วยสวยมะ” ทำเป็นปล่อยมุกให้เพื่อนๆได้หัวเราะกันครืนก่อนที่พวกเขาจะพากันสำรวจบาดแผลเอิ้นต่อด้วยความเป็นห่วง บ้างก็ลูบๆคลำๆที่หัว บ้างก็มองรอบๆตัวเอิ้นเพื่อหาร่องรอยบาดแผลวันนั้นอีก
แสดงว่าโดนกระแทกแรงเลยใช่ป่ะ หัวก็แตก คอก็เคล็ดเนี่ย”
หืม?” คนโดนถามทำหน้างง “ยังไงนะ?”
อ้าวก็นี่ไง คอก็เป็นรอยช้ำจ้ำๆอยู่นี่ไง มันฟกช้ำเพราะโดนเศษกระถางร่วงใส่อีกใช่ป่ะ”ชี้มือไปที่แถวๆหลังคอของเอิ้นด้วย
คนโดนทักถึงกับชะงักกึก รีบเอามือจับคอตัวเองก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้แล้วรีบหันมามองตัวการร่องรอยนั้นที่ก็นั่งยิ้มแหยๆตั้งแต่เห็นเพื่อนทักแล้วล่ะแต่ก็ไม่กล้าจะบอกให้เอิ้นรู้ตรงๆว่ารอยที่เพื่อนทักตรงนั้นมันไม่ได้โดนกระถางหรอกนะ ซึ่งเจ้าของร่องรอยก็รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าเมื่อเช้าเธอคงจะพลาดลืมสำรวจร่องรอยเหล่านั้นไปด้วยนั่นแหละ เลยปล่อยให้มันเป็นรอยประเจิดประเจ้อมาโรงเรียนขนาดนี้ เลยได้แต่ทำใจดีสู้เสือเออออห่อหมกกับเพื่อนไปว่ารอยที่เห็นนั้นก็คือรอยช้ำจากการที่โดนกระถางกระเด็นใส่นั่นเอง..
เออใช่ กระถางมันกระเด็นใส่แรงมาก นึกขึ้นมาแล้วก็โมโหให้กระถางจริงๆเลย เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง!”
ห๊ะ!” เพื่อนชะงักทันทีที่ได้ฟังในประโยคหลังนั้น โดยเฉพาะพะแพงที่รู้แล้วล่ะว่าหล่อนกำลังแขวะตัวเองอยู่เลยถึงกับเลิ่กลั่กแกล้งหันไปยิ้มหวานกับเพื่อนที่งงๆไป ก่อนที่เจ้าของประโยคแสนงงเมื่อกี้จะพยายามอธิบายให้เพื่อนฟังใหม่อีกครั้ง
เอ่อ..หมายถึง เด็กพวกนั้นที่แตะบอลน่ะ แตะไม่รู้เรื่องไง ใช่มั้ยพะแพง” เจ้าของชื่อสะดุ้งทันที ได้แต่พยักหน้าแหยๆของตัวเองรับเมื่อหันไปเห็นเอิ้นเหล่ตามองแรงด้วยทั้งค้อนทั้งเคืองจนต้องแอบแขวะตัวเองทางอ้อมอย่างนี้
อะห๊ะ ใช่ๆเล่นอะไรก็ไม่รู้เนอะ สงสัยเค้าคงไม่ได้ตั้งใจอะนะ เอิ้นอย่าโกรธเค้าเลยน้า” ทำเป็นยกมือขึ้นมาตบไหล่เอิ้นปลอบใจ ทั้งที่จริงทำเพื่อแก้เขินในตอนที่ตอบรับคำกระแนะกระแหนตัวเองทางอ้อมของหล่อน ซึ่งนั่นก็ทำให้เพื่อนๆที่อยู่ต่อหน้าสังเกตุเห็นแผลที่มือพะแพงจนต้องพากันร้องทักกันอีกครั้ง
เฮ้ย มือไปโดนอะไรมาพะแพง ไหนวันที่โดนกระถางตกใส่น่ะมีแต่เอิ้นไม่ใช่เหรอที่โดน ได้ข่าวว่าพะแพงไม่โดนนี่ แล้วนี่แผลอะไรเหรอ”
คนโดนทักชะงักอีกครั้ง “เอ่อนี่อ่ะเหรอ เค้าโดนรถเฉี่ยวเมื่อวานนี้น่ะ”
อ้าว อีกแล้วเหรอเฮ้ยทำไมมีเรื่องต่อๆกันเลยล่ะ ดวงไม่ดีแพคคู่หรือเปล่านี่ทั้งเอิ้นทั้งพะแพงเลย คราวก่อนก็เห็นเอิ้นเข้าเฝือกใช่ป่ะ แล้วก็หัวแตก แล้ววันนี้ก็พะแพงอีก”
แล้วพอได้ยินเพื่อนคนนั้นทักแค่นั้นทั้งวงสนทนาก็พากันเออออห่อหมกเห็นด้วยถึงความซวยของทั้งสองในช่วงนี้ไปกันใหญ่ จนพะแพงจากที่ได้ยินเพื่อนทักขึ้นมาก่อนหน้านี้ก็หน้าเสียไปรอบหนึ่งแล้ว ยิ่งมาฟังหลายๆคนที่สังเกตุเหมือนกันและพูดเป็นเสียงเดียวกันเธอก็ยิ่งใจเสียไปกันใหญ่ ได้แต่หันไปมองหน้าเอิ้นที่คิ้วขมวดมองพวกเขาเหล่านั้นจับกลุ่มพูดกันถึงเรื่องความซวยของทั้งสองก่อนจะหันมามองพะแพงแล้วส่ายหน้าให้หล่อนเบาๆ
เรื่องไร้สาระ อย่าคิดมากเลยนะ..” นั่นเป็นข้อความจากน้ำเสียงกระซิบกระซาบเบาๆของเอิ้นที่พูดขึ้นเมื่อเธอแอบกุมมือพะแพงไว้ที่ใต้โต๊ะเรียน แล้วทำเป็นหันไปฟังเพื่อนๆพูดกันจนกระทั่งพวกเขาพากันแยกย้ายออกจากโต๊ะของทั้งสองไป
เค้าไม่คิดว่ามันไร้สาระนะเอิ้น จริงๆแล้วเค้าก็เริ่มคิดได้เรื่องนี้มาสักพักแล้วล่ะ จริงๆนะ ตั้งแต่พวกเราสองคน..เอ่อ..ตั้งแต่ครั้งนั้นแล้วที่อยู่ในหอประชุมน่ะ ถ้าเอิ้นจำได้ ครั้งนั้นวันต่อมาเอิ้นก็แขนเข้าเฝือกเลยจำได้มั้ย แล้วที่เอิ้นหัวแตกนั่นก็อีก..”เป็นพะแพงที่เริ่มหันมาพูดเรื่องนี้กับเอิ้นอีกครั้งเมื่อทั้งสองอยู่กันตามลำพังแล้ว เธอพยายามอธิบายถึงการใกล้ชิดกันของทั้งสองตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอโดนเอิ้นจูบในหอประชุมเก่าและครั้งต่อๆมาเมื่อเริ่มมีอะไรกันอีก
แล้วไง? พะแพงกำลังจะบอกว่าที่เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นนี้มันเป็นเพราะเราสองคนอยู่ใกล้กันอย่างนั้นเหรอ..”
ก็..เค้าก็ไม่แน่ใจหรอก แต่มันก็แปลกที่แต่ก่อนเราก็ไม่ได้เป็นอะไรต่อๆกันขนาดนี้เลย”
พะแพงไม่สบายใจใช่มั้ย” ถามคนหน้าซีดๆต่อหน้าที่ยังคงมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัดอยู่เหมือนเดิม “งั้นเราจะลองห่างกันดูสักพักมั้ยล่ะ เผื่อพะแพงจะได้สบายใจขึ้น”
ไม่ใช่อย่างนั้นนะ เฮ้อ.. เค้าแค่..แค่กลัวว่าเอิ้นจะเจ็บตัวกับเรื่องอะไรอีกแค่นั้นเอง”
กลัว?กลัวทำไม ถ้ามันจะเป็นเรื่องจริง พะแพงก็ควรจะกลัวที่ตัวเองจะเจ็บตัวเหมือนกันสิ” ส่งสายตาเป็นห่วงมองไปยังแผลที่แขนของพะแพงเหมือนกัน “อย่าคิดมากสิ มันอาจเป็นแค่ช่วงเวลานี้เท่านั้นแหละ เดี๋ยวมันก็หายเอง ”ยื่นมือไปจับมือพะแพงกุมไว้อีกครั้งหวังจะปลอบใจให้หล่อนหยุดอาการคิดมากอย่างนี้เสียที แต่หล่อนก็ยังมีสีหน้าวิตกกังวลอยู่เช่นเดิม
งั้นเอาเป็นว่า..ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องที่พะแพงคิดจะเป็นจริงมั้ย เดี๋ยวไงเราพิสูจน์ดูมั้ย..”
พิสูจน์ยังไง” คนฟังตื่นเต้นขึ้นมาทันทีที่เห็นอีกคนทำท่าเหมือนจะเริ่มเชื่อเธอบ้างแล้ว
ก็..” โน้มหน้าเข้าไปเอามือป้องปากตัวเองกระซิบกระซาบกับหูพะแพง “เดี๋ยวคืนนี้เค้าไปหาพะแพงอีกนะ แล้วเราก็ลองทำแบบนั้นอีกดูว่าจะเป็นอะไรอีกมั้ย”
บ้า!” คนฟังผละหน้าแดงๆออกมาจากหล่อนทันที “นี่ก็..ไม่ดูเวล่ำเวลาเลยเนอะ อุตสาห์ตั้งใจฟัง” ยื่นแขนไปตบแขนเอิ้นเบาๆด้วยความหมั่นไส้ในขณะที่คนโดนตบนั้นได้แต่หัวเราะคิกๆคักๆชอบใจที่ทำให้พะแพงหลุดออกมาจากห้วงอารมณ์กังวลจนได้ถึงแม้จะด้วยเรื่องทะลึ่งตึงตังก็ตามทีเถอะ ยังไงซะนางฟ้าก็ควรจะมีใบหน้าสดใสยิ้มแย้มตลอดเวลาดีกว่าจะมาเครียดทำหน้ามุ้ยอย่างนี้นะ ทั้งคิดทั้งมองหญิงสาวคนต่อหน้าที่ก็จ้องตาเธออย่างงอนๆแต่ก็ไม่วายแอบมีความเว้าวอนประหลาดๆเจือออกมาให้เห็นตลอด และมันคงเป็นสายตาของสถานะบางอย่างที่เปลี่ยนไปจากคำว่าเพื่อนของเธอทั้งสองแล้วนั่นเอง
นั่งจ้องตากันอมยิ้มกันอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงเพื่อนที่นั่งแถวๆประตูห้องเรียกเอิ้นว่ามีคนมาหาและนั่นเลยทำให้พะแพงเปลี่ยนสีหน้าทันทีเมื่อหันไปมองหน้าห้องแล้วเจอเข้ากับหลินที่กำลังยืนอมยิ้มมองมาที่ทางนี้อยู่
เอ่อ เดี๋ยวเค้าไปหาน้องเค้าแป๊บนึงนะ” เจ้าตัวเหมือนจะรู้ว่าพะแพงเริ่มจะไม่พอใจอีกแล้ว เธอเลยเลิ่กลั่กเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์และกระเป๋าตังค์ออกมาวางไว้กับหน้าตักพะแพงทั้งหมด
เค้าไปคุยไม่นานหรอก อ๊ะนี่โทรศัพท์เค้ากระเป๋าตังค์เค้า ของๆเค้าทุกอย่างอยู่กับพะแพงหมดเลย”
เพื่อ??” เงยหน้างงๆทั้งคิ้วขมวดขึ้นมาถามหล่อนน้ำเสียงไม่พอใจนิดๆ
ก็จะได้แน่ใจไงว่าไปไม่นานจริงๆ แล้วเค้าก็จะกลับมาหาพะแพงจริงๆ เพราะว่าของทุกอย่างของเขาอยู่กับพะแพงหมดเลย รวมทั้ง..” อมยิ้มให้คนฟังที่ยังคงทำหน้างงๆอยู่ ก่อนจะโน้มหน้าลงไปกระซิบกระซาบข้อความที่เบาแสนเบากับหล่อนต่อจากประโยคนั้นต่อ “หัวใจของเขาด้วย..”
คนฟังหน้าแดงฉ่าเมื่อหล่อนเงยหน้ามาส่งยิ้มหวานไร้เดียงสาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นให้ “ไปนะ อย่าลืมดูแลให้เค้าดีๆล่ะ”
ว่าจะโกรธก็โกรธไม่ลงซะแล้วเมื่อเจอลูกอ้อนลูกใหญ่ของเอิ้นอย่างนั้น ตอนนี้พะแพงเลยได้แต่นั่งหน้าแดงระเรื่อหัวใจก็พองโตทั้งสั่นทั้งรู้สึกดี เรียกได้ว่าจะโกรธก็โกรธไม่ลงเลยแม้จะเห็นหล่อนวิ่งกระดี้กระด้าออกไปหาใครบางคนข้างนอกนั้นด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้แค่ไหนก็ตาม
ให้ตายเถอะ...แล้วนี่หัวใจของฉันก็คงไปอยู่กับเธอทั้งหมดเหมือนกันแล้วใช่มั้ยเอิ้น ฉันถึงไม่กล้าที่จะโกรธอะไรเธอ เพราะกลัวจะเป็นการทำลายหัวใจตัวเองด้วยหากเราสองคนจะต้องทะเลาะกันเรื่องนั้นอีกครั้ง..
--<><><><>--
เย็นวันนั้น..เป็นอันว่าวันนี้ทั้งสองไม่ได้ทะเลาะกันเรื่องเด็กหลินเพราะว่าเอิ้นทำตามที่บอกคือออกไปคุยกับหล่อนแป๊บเดียวแล้วก็รีบกับมาหาพะแพงในห้องเรียนต่อ และแม้ทั้งสองจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลาในวันนี้พะแพงก็ไม่ได้คุยอะไรเกี่ยวกับหลินกับเอิ้นเลย ด้วยกลัวว่าบรรยากาศระหว่างเธอทั้งสองจะเสียไป ในเมื่อเธอเองก็เห็นแล้วว่าเอิ้นนั้นพยายามขนาดไหนที่จะแสดงให้เห็นว่าระหว่างหล่อนและหลินไม่มีอะไรกันจริงๆ
จนกระทั่งคาบเลิกเรียนที่ทั้งสองต้องแยกกันกับบ้านเพราะเอิ้นมีนัดกับเพื่อนในชมรมจึงบอกให้พะแพงกลับบ้านก่อน
พี่พะแพงคะ”
เป็นเสียงของใครบางคนที่ตอนเช้าเธอเห็นหล่อนเดินมาหาคนรักของตัวเองที่หน้าห้องเรียน และตอนนี้หล่อนก็ยืนแอบอยู่ที่มุมตึกที่ไม่มีคนอยู่และเมื่อพะแพงเดินผ่านหล่อน หล่อนก็รีบเรียกพะแพงไว้
หลิน ว่าไง เอ่อ เอิ้นไม่ได้อยู่กับพี่หรอกนะ เค้าไปชมรมน่ะ”นึกขึ้นได้ว่าหล่อนอาจจะถามหาเอิ้นอีกเลยบอกหล่อนไปก่อน
ค่ะ หลินทราบค่ะ เมื่อกี้โทรถามพี่เอิ้นพี่เอิ้นก็บอกแล้วค่ะ คือหลินอยากคุยกับพี่พะแพงค่ะ ขอคุยด้วยได้มั้ยคะ
ยิ้มรับหล่อนอย่างงงๆ “ได้สิ คุยเรื่องอะไรล่ะ”
ก็เรื่องพี่เอิ้นแหละค่ะ พอดีหลินคิดว่าหลินไม่ค่อยสบายใจเรื่องพี่เอิ้นเท่าไหร่เลย เดี๋ยวนี้พี่เอิ้นแปลกๆไปน่ะค่ะ หลินเลยอยากจะมาถามพี่พะแพง เพราะเห็นพี่เอิ้นบอกว่าพี่พะแพงเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุด..” หล่อนย้ำสถานะสุดท้ายจนพะแพงเองก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของคำนั้น จนเธอเองก็เริ่มหน้าเปลี่ยนสี จากที่ยิ้มแย้มก่อนหน้านั้นก็เริ่มซีเรียสขึ้นมาเมื่อเห็นแววตาหยีๆของหล่อนกำลังมองตัวเองเหมือนกำลังจับผิดอะไรอยู่
พี่พะแพงรู้หรือเปล่าคะว่าเมื่อวานหนูไปเยี่ยมพี่เอิ้นอยู่ที่บ้าน และพี่เอิ้นก็ชวนหนูให้ค้างที่บ้านพี่เขาด้วย แต่ว่าหนูก็ไม่ได้ค้างเพราะว่ามีน้องของพี่พะแพงมาบอกเรื่องที่พะแพงโดนรถเฉี่ยว”
หน้าพะแพงตอนนี้กลายเป็นคิ้วขมวดซีเรียสอย่างเห็นได้ชัดมือของเธอที่จับกระเป๋าก็กลายเป็นเริ่มสั่น เพราะแค่ได้ยินคำว่าเอิ้นชวนให้หล่อนค้างที่บ้านลมในหูของพะแพงก็เริ่มไม่เท่ากันทันที
แต่มันก็มีเรื่องที่น่าแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งค่ะ เพราะตอนที่หลินอยู่กับพี่เอิ้นที่บ้าน หลินก็ดูแผลพี่เอิ้นทั้งหมดเลยนะคะ และก็จำได้ว่าพี่เอิ้นเป็นแผลแค่เฉพาะที่หัวเท่านั้น บริเวณอื่นไม่มีร่องรอยฟกช้ำอะไรเลย แต่ทำไมเมื่อเช้าพี่เอิ้นกลายเป็นมีรอยช้ำที่คอได้ก็ไม่รู้”
คนฟังชะงักนิดๆเมื่อคิดตามได้ว่ารอยช้ำนั้นคือรอยช้ำอะไร
ไอ้แผลที่มือที่มาใหม่หลินยังพอเข้าใจนะคะว่าพี่เอิ้นบอกว่าประตูหนีบ แต่รอยที่คอหลินถาม พี่เอิ้นก็เอาแต่บอกว่าไม่มีอะไรๆเป็นแค่รอยแผลเก่า ทำยังกับหลินโง่ไม่รู้ว่าอะไรเป็นไร” ทั้งพูดทั้งหัวเราะก่อนจะยิ้มให้พะแพง “แล้วพี่พะแพงล่ะค่ะคิดว่าหลินโง่มั้ย”
เอ่อ..พี่ไม่รู้ว่าหลินหมายถึงอะไรนะ หรือหลินอาจจะโมโหให้เอิ้นเกินไปก็ได้ เดี๋ยวไงอารมณ์ดีๆก่อนค่อยไปถามเขาใหม่อีกทีก็แล้วกันนะ”
ไม่รู้ว่าหลินหมายถึงอะไรหรือคะ หึ งั้นหลินขอถามพี่แพงตรงๆได้มั้ยคะ เมื่อคืนนี้พี่เอิ้นไปค้างกับพี่แพงใช่มั้ยคะ”
ชะงักอีกครั้งแต่ก็ยังฝืนยิ้มตอบ“พี่ไม่ขอตอบนะ อยากรู้อะไรก็ไปถามเอิ้นเอาเองเถอะ พี่จะกลับบ้านแล้ว”
พี่แพง” ร้องเรียกพะแพงที่กำลังจะเดินหนีตัวเองไป “หนูคิดว่าหนูกำลังจะโดนแย่งแฟน”
ได้ยินแค่นั้นพะแพงก็ถึงกลับหยุดชะงักทันที
ถ้าพี่เป็นหนู พี่จะทำยังไง จะแย่งตอบมั้ยหรือจะปล่อยให้เขาเอาของๆเราไปดี”
หันมายิ้มให้หลิน แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูก็รู้แล้วว่าฝืนสุดๆ “แล้วแต่หลินนะ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พี่ก็เอาใจช่วยหลินนะ”
เอาใจช่วยหลินเหรอคะ” หลินหัวเราะเบาๆ “ทำไมพี่ตอบเหมือนนางเอกเลยล่ะ เอ..หรือว่าพี่จะเป็นนางเอกของเรื่องนี้จริงๆกันนะ..”
คิ้วขมวดทันทีที่ได้ยินเด็กสาวคนข้างหน้าทั้งพูดทั้งหัวเราะ มองดูท่าทางก็น่าหมั่นไส้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนแถมน่าตาที่พะแพงเคยคิดว่าหล่อนก็ดูสวยน่ารักไร้เดียงก็ยังมองดูแล้วให้ความรู้สึกไม่น่าไว้วางใจเหมือนหล่อนกำลังคิดไม่ดีอะไรกับตัวเองอยู่ หรือไม่ก็คงกำลังจะเกลียดตัวเองอย่างน้ำเสียงจงเกลียดจงชังที่หล่อนพูดมาหลังจากนั้นนั่นแหละ
แต่หลินไม่คิดหรอกนะว่าตัวร้ายในนิยายมันจะเปลี่ยนมาเป็นนางเอกในชีวิตจริงได้...และหลินจะคอยดูว่านิยายรักเรื่องนี้มันจะจบลงยังไง ยังไงพี่พะแพงก็คอยเอาใจช่วยหลินแล้วกันนะคะ”
--<><><><>--
เย็นวันนั้นพะแพงกลับบ้านมาด้วยความรู้สึกทั้งโกรธทั้งโมโห เนื่องจากได้ยินคำพูดกระแนะกระแหนของเด็กหลิน และเธอมั่นใจว่าหล่อนคงจะระแคะระคายเรื่องเธอกับเอิ้นเข้าแล้วล่ะ แต่หล่อนอาจจะยังไม่มีหลักฐานเลยทำให้ไม่มั่นใจเท่านั้น และการที่หล่อนมาพูดกับเธอในวันนี้ก็เป็นเหมือนการเหวี่ยงแหลงในน้ำมั่วๆเพื่อหวังให้โดนปลาบ้างนั้นเอง
แต่ช่างเถอะ นั่นมันยังไม่น่าโมโหเท่ากับที่หล่อนบอกเธอว่าเอิ้นชวนหล่อนค้างที่บ้านเมื่อคืนนี้เลย ยิ่งได้นึกเทียบกับสิ่งที่เห็นในตอนที่ถามเอิ้นเรื่องที่ว่าหล่อนได้ชวนหลินนอนที่บ้านมั้ย แล้วหล่อนทำเป็นโมเมไม่ยอมตอบคำถามยิ่งทำให้เธอเชื่อว่าเจ้าคนหื่นของเธอนั้นกำลังจะส่ำส่อนแอบเล่นบทรักคาสโนวี่สับรางอยู่แน่ๆ ถ้าหล่อนไม่ทะเลาะกับเธอจนต้องมาง้อที่บ้านเสียก่อน
หน็อยแน่คนเจ้าชู้..นี่พอออกจากเราปุ๊บก็จะเอาคนอื่นมาเสียบปั๊บเลยอย่างนั้นรึ คิดว่าชั้นจะจับไม่ได้ไล่ไม่ทันเลยหรือไงถึงกล้าที่จะหลอกกันอย่างนี้ หึ.. พอเราคุยกับครูพี่แอนแค่นี้ทำเป็นหึงมาต่อว่าเรามากมายและไม่ยอมให้เราคุยด้วย แต่ทีตัวเองเอาคนอื่นมานอนด้วยก็ได้งั้นรึ...เกินไปแล้วนะ
ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหยิ่งเสียใจ จากที่วันนี้หัวใจอิ่มเอมไปด้วยความรักสีชมพูก็เริ่มกลายเป็นหม่นหมองด้วยสีดำแห่งความระแวงแทนเสียแล้ว นี่ดีที่เราอ่านนิยายของไรท์เตอร์ไปก่อนเลยรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง แผนการจับปลาสองมือของเอิ้นก็เลยถูกยับยั้งไว้ เออ..จริงสินะ แล้ววันนี้ไรท์เตอร์อัพนิยายตอนต่อไปหรือยัง คิดได้ดังนั้นพะแพงก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูบล๊อกหวังจะอ่านดูตอนต่อไปหากวันนี้ไรท์เตอร์ใจดีอัพตอนใหม่ขึ้นมาอีก..
เอ๊ะ..เนื้อเรื่องเปลี่ยนอีกแล้วเหรอนี่ คิ้วขมวดทันทีที่เห็นเนื้อหาในนิยายเมื่อวานตอนที่รัณห์ไปนอนค้างที่บ้านแพรี่แล้วมีอะไรกันหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ตอนนี้มีเพียงตอนที่แพรี่และเอริณได้กันแล้วตัดบทเป็นเนื้อหาใหม่อีก..

พี่แพรี่กำลังโกหกอะไรรัณห์อยู่หรือเปล่าคะ” เสียงของรัณห์ดังขึ้นในตอนที่แพรี่กำลังจะเดินออกจากห้องของรัณห์ไป เมื่อหล่อนพบว่าการนัดมาหาในวันครบรอบครบกัน1อาทิตย์ของเธอและรัณห์ด้วยการแท๊กหล่อนในFacebookจนเป็นข่าวดังเกรียวกราวไม่เห็นจะมีอะไรมากมายเลย นอกจากสายตาแปลกๆที่เธอกำลังจ้องมองตามเนื้อตามตัวรวมทั้งใบหน้าตัวเองอยู่..
ไม่นี่”แกล้งยิ้มกลบเกลื่อนให้หล่อน “งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วพี่ไปล่ะนะ พี่นัดเอริณไว้ ต้องรีบไปทำธุระด้วยกัน”
ไปทำธุระด้วยกัน” รัณห์หัวเราะหึ “ธุระที่ทำให้คอเป็นรอยอย่างนี้ใช่มั้ย” ชี้มือไปที่รอยที่คอของแพรี่ทันทีจนคนโดนทักสะดุ้งเฮือกหันไปมองรัณห์ด้วยท่าทางเลิ่กๆลั่กๆ
เอ่อ..รอยพี่โดนขอบประตูชนน่ะ”
ประตูชน?คิดว่ารัณห์ไม่รู้เหรอว่านี่คือรอยอะไร หรือคิดว่ารัณห์โง่มากใช่มั้ยถึงจะกล้ามาโกหกรัณห์หน้าด้านๆอย่างนี้ รอยอย่างนี้ใครเห็นก็ดูออกทั้งนั้นแหละว่ามันคือรอยดูดน่ะ”
แพรี่ชะงัก ใบหน้าสลดลงทันที เมื่อใจลึกๆของตัวเองก็ไม่ได้อยากโกหกหล่อนเลยได้แต่ก้มหน้ายอมรับหลังจากนั้น
พี่ขอโทษ พี่แค่ไม่อยากจะเสียเค้าไป” สารภาพความจริงหลังจากนั้น
แล้วไง งั้นตอนนี้ก็เลยจะทิ้งรัณห์ไปหาพี่เอริณอย่างนั้นใช่มั้ย”
พี่ขอโทษ แต่พี่ต้องไปดูแลเขา..”
ดูแลเค้า แต่วันนี้ครบรอบอาทิตย์หนึ่งที่เราครบกันนะ พี่แพรี่ไม่เห็นความสำคัญของรัณห์เลยใช่มั้ย” ทั้งพูดทั้งร้องไห้จ้องมองใบหน้ารู้สึกผิดของแพรี่ก่อนจะร้องไห้โวยวายขึ้น “งั้นไปเลย ถ้าพี่แพรี่ไม่เห็นความสำคัญของรัณห์ พี่ก็แพรี่ไปเลย แต่ถ้าไม่อยู่กับรัณห์ในวันนี้ รัณห์จะถือว่าพี่แพรี่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับรัณห์ และรัณห์จะตัดขาดจากพี่แพรี่ทันทีถ้าพี่แพรี่ก้าวออกจากห้องของรัณห์ไป”
คนโดนขู่ชะงักทันทีที่หันไปเห็นอีกคนร้องไห้ฟูมฟายอย่างนั้น เธอไม่ได้ต้องการทำให้เด็กน้อยไร้เดียงสาคนนี้ต้องเสียน้ำตาเลย แล้วตอนนี้เธอจะทำอย่างไรดี เธอรู้สึกผิดจนไม่กล้าที่จะทำอะไรให้หล่อนต้องร้องไห้เสียใจเพราะตัวเองอีกแล้ว
คิดได้ดังนั้นแพรี่ก็เอื้อมมือไปดึงร่างสั่นสะอื้นของรัณห์มากอดปลอบใจ ก่อนจะประพรมจูบไปทั่วๆใบหน้าแล้วพาอุ้มร่างของหล่อนไปที่เตียงนอนต่อ...

เฮ้ยยย..จะได้กันอีกแล้วร๊อะ!” ถึงกลับอุทานออกมาเมื่ออ่านมาถึงตอนนี้แล้วพบว่านิยายกำลังจะเข้าสู่บทNCของแพรี่กับรัณห์อีกครั้งแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านั้นพะแพงอุตส่าห์ดีใจว่าไรท์เตอร์เปลี่ยนบทใหม่ไม่ให้สองคนนี้ได้กันที่บ้านของแพรี่ แต่มาตอนนี้กลายเป็นว่าแพรี่โดนหลอกให้ไปที่บ้านรัณห์ด้วยเรื่องของวันครบรอบคบกันหนึ่งอาทิตย์บ้าบออะไรนั่น แล้วโดนอีกคนใช้ความสงสารหลอกล่อให้แพรี่หลงมีอะไรกับตัวเองแทน
คิ้วขมวดจ้องมองบทเลิฟซีนถึงพริกถึงขิงของตัวละครทั้งสองต่อจากนั้นก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ เดี๋ยวนะบทเปลี่ยนอีกแล้ว ถ้างั้น..
พะแพงรีบเปิดFacebookทันที ในนั้นมีการแจ้งเตือนของคำขอเป็นเพื่อนของครูพี่แอนและการแจ้งเตือนข่าวที่เอิ้นโดนแท๊กสถานะอะไรบางอย่าง และเมื่อคลิ๊กเข้าไปอ่านก็พบว่าเป็นสถานะของยัยเด็กหลินที่แท๊กเอิ้นไปว่า..
ครบรอบ1อาทิตย์แล้วนะคะที่รัก”
นึกแล้วเชียว..ว่าต้องเป็นไปตามบทในนิยาย นี่ยัยเด็กหลินกล้าโพสสถานะในเฟสอย่างที่รัณห์ทำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากแพรี่จริงๆด้วย (แอบคิดด้วยความโมโหจนลืมเรื่องน่ากลัวที่ว่าชีวิตจริงกำลังเปลี่ยนไปตามนิยายอีกแล้วไปเลย )
กัดปากกัดฟันอ่านข้อความต่อด้วยความโมโหค้าง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะโมโหให้ยัยเด็กหลินดีหรือเอิ้นดีเพราะรายนั้นก็ดันไปคอมเมนท์กุ๊กๆกิ๊กๆหยอดหวานตอบเด็กคนนั้นเฉยอีก..
ฉลองมั้ยล่ะ จะกินอะไรว่ามา” นั่นคือสิ่งที่เอิ้นคอมเมนต์เด็กคนนั้น
มาม่าก็พอค่ะ ต้มให้กินหน่อยนะคืนนี้”
ลมออกหูพะแพงทันทีที่ได้อ่านข้อความตอบกลับของหลิน ตอนนี้ใจพะแพงเดือดปุดๆ จนแทบอยากจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งทันทีที่นึกถึงหน้าตากระริ้มกระเหรี่ยของเอิ้นเวลาที่หล่อนพูดจาเอาใจใครต่อใครอย่างนั้นได้
หน็อยยย..ยัยคนเจ้าชู้ทำไมถึงไม่เก็บอาการบ้าง ทำไมกล้าออกหน้าออกตาได้ถึงขนาดนี้ นี่ไม่คิดว่าถ้าเรามาอ่านเจอจะรู้สึกเสียใจเลยใช่มั้ย
ทำไมเธอไม่นึกถึงใจคนอื่นบ้างนะ ทีตัวเองเห็นเราคุยกับคนอื่นยังโกรธแทบเป็นแทบตายแล้วตัวเองมาคุยกับคนอื่นด้วยถ้อยคำอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน คิ้วขมวดน้ำตาคลอจ้องมองข้อความโทรศัพท์ด้วยความน้อยใจและเสียใจก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ เออจริงสินะ รู้แล้วว่าจะสั่งสอนไอ้คนไม่รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราอย่างไร แถมวิธีนี้น่าจะเรียกร้องความสนใจเอิ้นจากยัยเด็กหลินได้อีก ทีใครทีมันใช่มั้ย งั้นด้ายยยย...
รีบคลิ๊กกลับไปที่หน้าการแจ้งเตือนของตัวเองแล้วกดรับคำขอเป็นเพื่อนของครูพี่แอนทันที ตอนนี้พะแพงคนสวยไม่สนสี่สนแปด ไม่ได้อ่านสถานะหรือรายละเอียดโพสอะไรของครูพี่แอนเลย เธอเอาแต่กดไลค์รัวๆทุกโพสทุกข้อความทุกรูปภาพ ด้วยหวังว่ามันจะแจ้งเตือนขึ้นฟีดข่าวใครบางคนว่าเธอกับครูพี่แอนเป็นเพื่อนกันในเฟสแล้วนะ
ไม่สิแค่นี้ยังไม่หนำใจ แค่การกดไลค์โพสและภาพคนหน้ามึนอย่างเอิ้นจะไปแคร์อะไร มันต้องคอมเมนต์ข้อความเหมือนอย่างที่หล่อนทำกับเด็กของหล่อนสิ..
พยายามเลื่อนอ่านสถานใหม่ๆของครูพี่แอนก่อนจะเลือกคอมเมนต์สเตตัสที่ว่า
มีนักเรียนแวะเอาขนมมาให้คุณครูที่หอด้วย น่ารักมากๆ”
พึ่งรู้ว่าหอครูพี่แอนอยู่ใกล้ๆบ้านหนูนี่เอง เดี๋ยววันหลังหนูแวะเอาขนมไปฝากบ้างนะคะ” นั่นคือสิ่งที่พะแพงคอมเมนต์ในสเตตัสที่ครูพี่แอนเช็คอินที่หอตัวเอง
มาสิคะ มาวันนี้ก็ได้นะ กำลังหิวเลย ถ้าพะแพงเอาข้าวมาฝากก็คงจะดีย์^_^”
เอาเป็นข้าวเลยเหรอ งั้นต้องรอหนูทำก่อนนะ”
ได้ๆยินดีรอเลยค่ะ รีบๆมานะคะคนสวย^_^”
นั่งยิ้มแหยๆมองข้อความตอบกลับของตัวเอง ด้วยนึกละอายใจที่แอบใช้ประโยชน์จากครูพี่แอนอยู่ครูหนึ่งก็มีสายจากคนที่เธอหวังผลให้หล่อนเห็นความสำคัญวีดีโอคอลมาจนได้..
ว่างมากเหรอถึงได้มีเวลาจะทำกับข้าวให้คนอื่นกินน่ะ!”
นั่นคือประโยชน์แรกที่หล่อนทักพะแพงเมื่อพะแพงรับสายหล่อนแล้วแถมการทักของหล่อนยังมาพร้อมแววตาขมึงทั้งดุทั้งค้อนในเวลาเดียวกันอีก เล่นเอาคนโดนแขวะถึงกลับสะดุ้งโหยงแต่ก็ยังไม่ลืมความโมโหก่อนหน้านั้น จึงจิกกัดหล่อนกลับไปบ้าง
ก็ไม่ได้ว่างเท่าไหร่ แต่ก็พอจะมีเวลาต้มมาม่าให้คนอื่นกินได้บ้าง..”
ต้มมาม่า?”ปลายสายคิ้วขมวดทันที “หน็อยย นี่ประชดเค้าเหรอ อ๋อนี่ที่คอมเมนต์ครูคนนั้นเพราะต้องการประชดเค้าที่เค้าคอมเมนท์น้องเค้าแค่นั้นเหรอ”
ก็ไม่นี่ ประชดอะไร เค้าก็คุยกับครูตามปกติ เอิ้นน่าจะเข้าใจผิดมากกว่านะ” ยิ้มน้อยยียวนคนปลายสายไปน่าหมั่นไส้สุดๆ
เข้าใจผิดเหรอ..” เอิ้นหัวเราะหึแววตาฉายแววเจ้าเล่ห์ขึ้นบ้าง “งั้นไม่คุยก็ได้ เชิญพะแพงคุยกับครูพี่แอนตัวเองไปเถอะถ้างั้น เค้าก็จะไปคุยกับน้องเค้าเหมือนกัน ไปล่ะ”
เฮ้ย!” รีบร้องเรียกเสียงหลงทันทีที่เห็นอีกคนจะวางสายทิ้งตัวเองไปดื้อๆอย่างนั้น “อะไรอ่ะ นี่ยังจะไปคุยกับหลินอีกเหรอ เอ๊! เดี๋ยวนะคุยกับหลิน ตอนนี้เอิ้นอยู่ไหนนี่”รีบถามหล่อนกลับทันทีที่นึกอะไรขึ้นได้
อยู่บ้าน..” หล่อนตอบกลับด้วยใบหน้าราบเรียบแต่แววตากลับมีบางอย่างที่ผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด
บ้านใคร ไหนลองแพนกล้องให้เค้าดูซิ” ปลายสายมีท่าทางอึกอักไม่ยอมทำตามอยู่ครู่หนึ่งจนพะแพงต้องออกคำสั่งซ้ำ และนั่นก็ทำให้พะแพงแทบจะน้ำตาหยดต่อหน้าเอิ้นทันทีเมื่อหล่อนแพนกล้องไปให้เห็นว่าหล่อนกำลังยืนอยู่ใกล้ๆกับเตาแก๊สที่กำลังต้มมาม่าในห้องครัวของใครสักคนที่พะแพงมั่นใจว่าไม่ใช่ของบ้านเอิ้นแน่นอน..
หึ กำลังต้มมาม่าอยู่อย่างนั้นเหรอ หึ ขอโทษที่ขัดจังหวะวันครบรอบนะถ้างั้น ลาก่อน แล้วก็ไม่ต้องมาเจอกันอีกเลยนะ..ชาตินี้” ทั้งพูดทั้งหัวเราะด้วยน้ำเสียงสมเพชตัวเองที่สุดก่อนจะตัดสายทิ้ง แล้วปิดเครื่องทันที
บ้าชะมัดเลยทำไมชีวิตฉันต้องมาเจออะไรแย่อย่างนี้ด้วยนะ นั่นคือความคิดของพะแพงในตอนที่เธอเอาแต่ร้องไห้พรั่งพรูน้ำตาแห่งความเสียใจออกมา เมื่อได้รับรู้ว่าตัวเองกำลังจะกลับไปเป็นนางอิจฉาของนิยายรักในชีวิตจริงอีกครั้งแล้ว..