นิยายรักไม่จำกัดบท
Cheapter
6
ทำตัวไม่ถูกและเรื่องที่ดูผิดปกติ
ตื้ด..ตื้ด..ตื้ด..ตื้ด..
เสียงสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋าของพะแพงดังขึ้นซ้ำๆกันหลายครั้ง
จนเจ้าของเครื่องเริ่มได้สติและลืมตางัวเงียขึ้นมามองหาที่มาของเสียง
ภาพแรกและความรู้สึกแรกที่เธอรับรู้ได้เมื่อมีสติคือมีส่วนหัวของใครบางคนกำลังนอนซบหน้ากับหน้าอกเปลือยเปล่าของเธออยู่...
“เอิ้น..”สะดุ้งขึ้นมาสุดตัวและพยายามจะดันหัวหล่อนออกจากร่องกลางเนินหน้าอกตัวเอง
แต่หล่อนกลับไม่ยอมออก
แม้จะเห็นว่าหล่อนหลับตายังไงแต่ท่าทางที่หล่อนพยายามซุกไซ้ใบหน้าเข้าไปดุนดันร่องใจกลางนั้นอีกก็ทำให้รู้ว่าหล่อนน่าจะตื่นแล้วล่ะ
“นี่แหนะ!
รู้นะว่าตื่นแล้วน่ะ!”
เขกหัวเรียกสติหล่อนไปหนึ่งทีจนหล่อนร้องโอดโอยก่อนจะผลักร่างหล่อนออกแล้วควานหาผ้าห่มบนเตียงหล่อนขึ้นมาคลุมม้วนต้วนตัวเองเอาไว้ลวกๆเพื่อกระโดดโหยงเหยงไปหากระเป๋าค้นเอาโทรศัพท์ออกมาดูว่าใครโทรหาตัวเองกันแน่
“แม่!”
อุทานด้วยความตกใจ
เมื่อเห็นหน้าจอโชว์ชื่อคนโทรเข้าก่อนจะพยายามกระแอมเสียงแล้วกดรับสาย
“ค่ะแม่ ว่าไงคะ”
“พะแพงทำอะไรอยู่แม่โทรหาตั้งนานแล้ว
ทำไมหนูไม่รับสาย
แล้วนี่ค่ำแล้วทำไมหนูยังไม่กลับบ้านอีก
เดี๋ยวพ่อก็จะกลับเข้าบ้านแล้วนะ
ถ้าพ่อกลับถึงบ้านแล้วไม่เจอเราเดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีก”
น้ำเสียงดุๆจากปลายสายต่อว่าเธอมาเป็นชุด
และพะแพงก็เลิ่กลั่กทันทีที่หันไปมองดูนาฬิกาในห้องเอิ้นแล้วเห็นว่าตอนนี้เวลาก็ปาไปหกโมงเย็นแล้ว
คุณพระ!!
นี่ฉันเผลอหลับไปนานขนาดนั้นเลยหรือนี่
“ขอโทษค่ะแม่คือ..เอ่อ
พอดี พอดี พอดีหนูอยู่เป็นเพื่อนเอิ้นก่อนน่ะค่ะ
คือรอพ่อเอิ้นกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเอิ้นก่อนก็เลยยังไม่ทันกลับน่ะค่ะ
คืออาการของเอิ้นยังไม่ดีขึ้นเลย
หนูเลยไม่กล้าปล่อยเอิ้นทิ้งไว้ให้อยู่คนเดียวน่ะค่ะ”
รีบไขว้นิ้วทันทีที่จำใจต้องโกหกแม่ตัวเองผ่านเข้าไปในสายอย่างนั้น
“อ้าว
แล้วอีกนานแค่ไหนพ่อเขาถึงจะกลับมาล่ะนั่น
เดี๋ยวพ่อเราก็กลับมาแล้วนะ
เดี๋ยวพ่อก็บ่นอีกว่าชอบไปขลุกอยู่กับลูกสาวบ้านนั้น”
ยิ้มแหยๆทันทีที่ได้ยินแม่ยกเหตุผลที่พ่อชอบบ่นขึ้นมาอ้าง
“เอ่อ ก็อีกหน่อยคงมาแล้วค่ะ”
“เหรอ
งั้นเดี๋ยวพ่อก็คงใกล้จะกลับบ้านเหมือนกัน
เอาอย่างนี้เดี๋ยวแม่โทรบอกพ่อให้แวะไปรับเราที่บ้านเอิ้นด้วยดีกว่าจะได้กลับพร้อมกันกับพ่อเลย
เดี๋ยวไงแม่จะให้พ่อโทรหาเราอีกทีแล้วกันนะถ้าพ่อไปถึงบ้านเอิ้นแล้วน่ะ”
“ค่ะได้ค่ะแม่”
ตอบรับปลายสายที่วางสายไปหลังจากนั้นก่อนจะรู้สึกว่ามีอะไรสักอย่างกำลังแอบอยู่ด้านหลังตัวเอง
และเมื่อหันไปมองก็เห็นหล่อนพุ่งตัวเข้ามาสวมกอดด้านหลังแล้วทำท่าซุกไซ้ดุนดันผ้าห่มจนกระทั่งเลยเถิดมาถึงเนื้อแก้มเธอข้างบนอีก
“แม่บ่นอีกแล้วใช่มั้ย”
เป็นคำถามที่หล่อนถามในขณะที่หยุดใบหน้าอ้อนๆต่อหน้าเธอแล้ว
“ได้ยินแล้วนี่..ถามทำไมอีก”
ตอบหล่อนไปด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะพยายามดันหล่อนออกจากตัวเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
แต่หล่อนก็ไม่ปล่อยเอาแต่สวมกอดพะแพงไว้แน่นแถมยังลากร่างเธอไปนอนแผละอยู่ที่เตียงอีก
“ปล๊อยยย
จะทำอะไรอีกเนี่ย เค้าจะกลับบ้านแล้ว
จะเปลี่ยนเสื้อผ้า”
“ยังไม่ได้กลับตอนนี้ซะหน่อย
เมื่อกี้ได้ยินว่าจะให้รอพ่อพะแพงมารับที่นี่นี่
แสดงว่าก็ต้องรอจนกว่าพ่อพะแพงเลิกงาน
ซึ่งก็คงจะนานพอที่จะทำอะไรได้อีกอยู่”
“อะไร!
ทำอะไรอี๊กกก”
หน้าตื่นถามหล่อนเสียงหลงทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น
“ถามอีกแล้ว
จะถามทั้งๆที่รู้อยู่แล้วทำไมก็ไม่รู้เนอะพะแพงนี่”
ยิ้มน้อยตอบในตอนที่พยายามดึงผ้าห่มออกจากร่างพะแพง
ซึ่งนั่นก็ทำให้หล่อนรีบม้วนต้วนผ้าห่มกันไว้ไม่ให้อีกคนดึงได้ถนัด
แน่นอนว่าเอิ้นไม่ยอมง่ายๆแน่
เธอจึงรีบโน้มตัวไปสวมกอดพะแพงไว้แล้วใช้มือข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกพยามชอนไชเข้าไปใต้ผ้าห่มเพราะรู้ว่าภายในมีร่างกายที่ยังเปลือยเปล่าของพะแพงซ่อนไว้อยู่เหมือนเคย
และเธอก็ค่อนข้างมั่นใจว่าตำแหน่งไหนที่มือเคลื่อนผ่านไปโดนแล้วหล่อนจะไม่ร้องโยเยเลย
ได้ผล
เพราะเมื่อมือเคลื่อนผ่านจากด้านล่างผ้าห่มมาถึงแถวๆต้นขาแล้วหยุดอยู่ใจกลางบริเวณนั้นหล่อนก็ชะงักทันที
แต่จะผิดตรงที่หล่อนอาจจะร้องโยเยขึ้นมาบ้างเมื่อเธอเริ่มขยับปลายนิ้วซอกซอนร่องเนื้อนั้นอีกครั้ง
“อืออ..เค้ายังเจ็บอยู่..”
“เจ็บ??”
“ใช่..เจ็บ..ตอนนี้ก็ยังเจ็บอยู่เลย..”หน้าละห้อยตอนที่บอกเอิ้นไป
“งั้นทำเบาๆ
ไม่เอาเข้าข้างในก็ได้..”
หน้าแดงกร่ำทันทีที่ได้ยินเอิ้นบอกอย่างนั้น
โอ๊ย..ให้ตายเถอะฉันกำลังพูดอะไรอยู่กับเธออยู่เนี่ยเอิ้น..
จริงๆแล้วพะแพงอายมากจนหน้าแทบจะแทรกแผ่นดินตั้งแต่ตื่นรอบแรกแล้วด้วยซ้ำ
แต่เมื่อเห็นอีกคนทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋อออดอ้อนเหมือนไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรแล้วเธอเลยต้องจำใจฝืนเก็บความอายเหล่านั้นไว้แม้จะลำบากใจขนาดไหนก็ตาม
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันจะคุยเรื่องเซ็กส์กับเธอนะเอิ้น..ไม่สิ..จริงๆต้องบอกว่านี่คือเซ็กส์ครั้งแรกในชีวิตของเธอและคนต่อหน้าก็เป็นคนหยิบยื่นบทเรียนเหล่านั้นให้
ยิ่งคิดยิ่งมองคนสวยที่ยิ้มหวานออดอ้อนขอทำอะไรก็ไม่รู้ข้างนอกของหล่อนแล้วพะแพงก็ได้แต่อายจนต้องพยายามเบือนหน้าหนีเมื่อหล่อนพุ่งตัวเข้ามาหอมแล้วใช้มือข้างนั้นพยามเคลื่อนที่ไปๆมาๆตามแนวร่องใจกลางของเธอจนเธอเริ่มทนไม่ไหวอีกครั้งจนได้
และหลังจากนั้นผ้าห่มที่ทำหน้าที่พันธการก็ถูกปลดปล่อยออก
และร่างกายเปลือยเปล่าของพะแพงก็ถูกปลดปล่อยให้เป็นไปตามท้วงท่าที่อีกคนพยายามจัดท่าทางให้
เมื่อหล่อนหว่านล้อมว่ามันจะทำให้พะแพงมีความสุขยิ่งกว่าที่หล่อนทำให้พะแพงทำตอนแรกเสียอีก..
ซึ่งมันก็จริงดังนั้นเพราะแค่เวลาที่รอให้พ่อมารับแม้ไม่นานเท่าไหร่
แต่หล่อนก็พาพะแพงขึ้นสวรรค์ครั้งแล้วครั้งเล่า
จนพะแพงแทบจะไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือเซ็กส์ครั้งแรกของตัวเองจริงๆ...
--<><><><>--
“พี่แพงไปทำอะไรมา
ดูหน้าล้าๆนะ ไหนบอกไปดูแลพี่เอิ้นที่ป่วย
นี่แสดงว่าป่วยมากใช่มั้ยถึงได้ดูแลกันหนักขนาดนี้น่ะ”
ข้าวในปากพะแพงแทบจะพุ่งออกมาทันทีที่ได้ยินพะเพื่อนน้องชายตัวแสบถามคำถามด้วยหน้าตาใสซื่อแต่ก็แอบมีความประชดประชันประหลาดเจือมากับน้ำเสียงของเขาด้วย
ทำเอาพะแพงสำลักไอแค่กๆก่อนจะตั้งสติพยายามตอบน้องไปด้วยท่าทางที่คิดว่าเป็นธรรมชาติที่สุดเมื่อคิดได้ว่าพ่อกับแม่ก็กำลังนั่งทานอาหารเย็นร่วมโต๊ะอยู่ด้วยหลังจากที่พ่อรับเธอกลับมาจากบ้านเอิ้นแล้ว..
“ก็..ก็ใช่ไง
พี่ก็ออกไปหาซื้อโจ๊กให้เขากินด้วย
เขาไม่มีข้าวกิน
ก็ทำนั้นทำนี่ให้เขาก่อนจะกลับมาจะไม่ให้เหนื่อยได้ไง”
“อ่อเหรอ
ดูเสื้อยับๆนะ”
สะดุ้งทันทีที่เจ้าน้องชายตัวแสบยังกัดไม่ปล่อย
และก็ลามปามมาจนถึงชุดนักเรียนที่เธอยังไม่ทันได้เปลี่ยนออกเนื่องจากพอมาถึงบ้านแล้วพ่อก็เรียกให้ทานข้าวพร้อมกันเดี๋ยวนั้นเลย
นี่ไม่รู้ว่าจะช่างสังเกตุสังกาอะไรนักหนา
ไม่รู้ว่าเพราะเขาชอบดูโคนันด้วยหรือเปล่า
แค่จุดเล็กจุดน้อยก็ทักซะเป็นเรื่องใหญ่เล่นเอาทั้งพ่อทั้งแม่ที่กำลังทานข้าวอยู่หันมามองตามที่เขาทักทันที
เลิ่กลั่กมองหน้าพ่อแม่ก่อนจะมาคิ้วขมวดดุน้องชายขี้แกล้ง
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนั้นก็ถอดเสื้อออกแล้ว
จะเอาอะไรมายับอีกฟะ!
“ยับตรงไหน!
ไม่เห็นจะยับเลย
บ้าป่ะ!”
“อ้าวเหรอ
สงสัยตาลาย” พะเพื่อนอมยิ้มนิดๆตอนที่แถต่อ
เขามองหน้าพี่สาวที่นั่งอยู่ด้านข้างออกอาการเลิ่กลั่กอยู่ครู่หนึ่งก็ทำจมูกฟุดฟิดๆแล้วโน้มหน้ามาดมตัวพี่สาวเหมือนได้กลิ่นอะไรบางอย่าง
“กลิ่นพี่แพงแปลกๆไปง่าาา..
ทำไมกลิ่นน้ำหอมเป็นกลิ่นนี้
ปกติไม่เคยใช้น้ำหอมกลิ่นนี้นี่
หอมเว่อร์เลย”
เป็นการทักที่ทำเอาพะแพงสะดุ้งเป็นรอบที่สอง
แถมครั้งนี้ยังสะดุ้งแรงกว่าครั้งแรกที่โดนทักเรื่องหน้าเสียอีก
เพราะพะแพงก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่เธออยู่บ้านเอิ้นในตอนที่เสร็จจากเรื่องอย่างว่ารอบสุดท้ายแล้ว
และพ่อก็โทรหาว่าจะมารับ
ด้วยความรีบร้อนจึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ดันลืมไปว่าตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของเธอมีกลิ่นน้ำลายของเอิ้นที่แทบจะเลียเธอทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าในตอนที่มีอะไรกันในทุกรอบที่ผ่านมา
เมื่อทำอะไรไม่ทันแล้วก็ได้แต่ขอน้ำหอมของเจ้าของห้องมาประพรมร่างกายตัวเองเพื่อกลบกลิ่นนั้นลงไปกันไม่ให้พ่อสงสัย
แต่เธอคงจะลงน้ำหอมหนักไปหน่อยเจ้าน้องชายตัวแสบก็เลยได้กลิ่นแปลกๆที่เขาไม่เคยได้จากพี่สาวเสียทีแถมตอนนี้เจ้าโคนันน้อยยังคิ้วขมวดสงสัยก่อนจะดีดนิ้วดังเป๊าะเมื่อเขาคิดอะไรออกแล้วอีก..
“อ้อ
นึกออกแล้ว กลิ่นเหมือนพี่เอิ้นนี่เอง
ใช่แล้วน้ำหอมกลิ่นนี้กลิ่นของพี่เอิ้นผมจำได้
เพราะผมชอบกลิ่นพี่เอิ้น”
ยังไม่วายเผยความปลื้มปริ่มถึงพี่เอิ้นที่เขาปลื้มนักปลื้มหนาออกมาในตอนที่ทัก
เล่นเอาซะคนโดนทักหน้าซีดเผือกลงอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเห็นเค้าลางว่าน้องชายตัวร้ายทำไมมันทักอะไรได้แม่นอย่างนี้
นี่ดีไม่ดีอีกหน่อยเขาคงจะรู้ทั้งหมดแน่ๆใช่มั้ย
เลิ่กลั่กมองหน้าพ่อกับแม่ที่หันมามองตัวเองตามที่น้องชายทักอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบกลับเขาด้วยความฉุนเฉียวที่เห็นว่าทักอะไรนักหนาก็ไม่รู้
“เออใช่!
น้ำหอมเอิ้นนั่นแหละ
ก็เห็นว่ามันหอมก็เลยขอเอ้ยเทสดูก็เท่านั้น
จะอะไรนักหนาใช้น้ำหอมกับเพื่อนไม่ได้หรือไง!”
“เอ้าก็ไม่ได้ว่าอะไร
ก็แค่บอกว่าหอมเหมือนพี่เอิ้นแค่นี้ทำไมต้องโมโหด้วย”
“เออนั่นสิจะโมโหน้องทำไมน้องมันก็แค่ทักเฉยๆ
มันคงผิดกลิ่นพี่สาวมันมั้ง”
เป็นพลโทพนัสที่พูดแทรกช่วยลูกชายเมื่อเห็นลูกสาวอยู่ๆก็ทำทีเป็นโมโหในเรื่องที่พ่อคิดว่าไร้สาระอย่างนั้น
“เพื่อนก็เลิกถามนั้นถามนี่พี่แพงได้แล้วล่ะเดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีก
รีบๆกินข้าวซะจะได้ไปพักผ่อน”
“ครับพ่อ..”
“แล้วเป็นไงบ้างพะแพงเพื่อนหนูไอ้เจ้าเอิ้นเป็นยังไงบ้าง
เห็นว่าไม่สบายหนักเหรอ”
“ค่ะ
ก็หนักอยู่ค่ะพ่อ อาจจะแพ้อากาศน่ะค่ะ
คือเอิ้นเขาปวดหัวหนักมากจนเลือดกำเดาออกมาด้วยในตอนที่เขาปวดหัวเลยค่ะ
หนูก็เลยต้องดูแลเขา
คือเป็นห่วงเขาเพราะไม่มีใครดูแลเขาน่ะค่ะ”
พยายามอธิบายอาการของหล่อนให้พ่อที่ทั้งตั้งใจฟังลูกสาวทั้งทานอาหารไปด้วย
“อืม..แล้วตอนที่พะแพงกลับมานี่พ่อเค้าก็ยังไม่กลับอีกเหรอ”
“เอ่อ
ยังค่ะ”
“หึ..ตลกดีเนอะ
มีลูกสาวคนเดียวแท้ๆก็น่าจะเป็นห่วงบ้าง
แถมลูกสาวยังหน้าตาดีอีกไม่ห่วงบ้างหรือไงนะปล่อยให้อยู่บ้านคนเดียวตลอด
หรือว่าเพราะเลี้ยงปล่อยๆยังนี้
ลูกสาวก็เลยเรียกร้องความสนใจด้วยการมามีข่าวบ้าๆบอๆกับเรา”
ลูกสาวสะดุ้งเฮือกเลิ่กลั่กเมื่อได้ยินพ่อเริ่มบ่นให้เอิ้นอีกแล้ว
“ไม่มีข่าวกับพี่แพงแล้วพ่อ
พี่เอิ้นเขามีข่าวกับคนใหม่แล้ว
ตอนนี้เขามีคนจิ้นใหม่แล้วพ่อ”
“หมายความว่าไง
มีข่าวจิ้นกับคนใหม่
มีแฟนใหม่แล้วอย่างงั้นเรอะ”
“ก็..”
พะเพื่อนอมยิ้มเล็กๆเมื่อเหล่ตามามองเห็นพี่สาวตัวเองกำลังสำลักน้ำไอแค่กๆเนื่องจากได้ยินว่าแฟนใหม่จากพ่อ
“..ประมาณนั้นแหละครับพ่อ
พี่เอิ้นเขามีเด็กใหม่แล้ว
ส่วนพี่แพงก็นกครับ โดนพี่เอิ้นเท”
“ใครโดนเท
เดี๋ยวเถอะ” หันไปยิงฟันให้น้องชายจอมกวนทันที
“อ้าว
ก็พี่เอิ้นมีแฟนใหม่กับพี่หลินม.4นั่นไง
เพื่อนเขาก็พูดกันหมดแหละว่าพี่เอิ้นเลิกกับพี่แพงแล้ว”
“ใคร!”
“อะๆหยุดๆพอๆเลย
เดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีก”
พ่อเห็นท่าจะไม่ดีจึงรีบห้ามศึกสายเลือดระหว่างพะแพงกับพะเพื่อนก่อนจะมีมวยคู่ใหม่เกิดขึ้นกลางวงข้าว
ซึ่งนั่นก็ทำให้พะแพงได้แต่หน้านิ่วคิ้วขมวดมองน้องชายตัวแสบด้วยความงอน
ทั้งโกรธให้เรื่องที่จี้ใจดำเรื่องเด็กหลิน
ทั้งโกรธให้ที่เปิดประเด็นให้พ่อต้องมาบ่นเรื่องเอิ้นอีก
กลายเป็นว่าอาหารค่ำเย็นนั้นพะแพงเลยต้องทานข้าวไปพร้อมๆกับการร่ายโอวาทยาวของพ่อเรื่องของเธอและเอิ้นและลามปามไปจนถึงการเลี้ยงดูสั่งสอนลูกของพ่อเอิ้นอีก..
เฮ้อน่าเบื่อจังเลย..บางทีการอยู่คนเดียวแบบเอิ้นมันก็คงจะสบายใจกว่าอยู่กันครบทั้งครอบครัวแบบนี้ล่ะมั้งเนอะ..
--<><><><>--
เสียงวีดีโอคอลจากโทรศัพท์พะแพงดังขึ้นเมื่อเธอกำลังเดินเช็ดผมเปียกของตัวเองออกจากห้องน้ำ
และเมื่อเธอรีบเดินมารับก็พบว่ามันเป็นสายจากคนบางคนที่พ่อเธอพึ่งจะบ่นให้เมื่อตอนเย็นเรื่องที่ว่าเธอชอบไปขลุกอยู่กับหล่อนนัก
เธอขยับชายเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวของตัวเองเข้าหากันให้เรียบร้อยก่อนจะรับสายหล่อนด้วยความดีใจ
“นึกว่าจะไม่รับสายซะแล้ว”
ปลายสายส่งยิ้มหวานผ่านทางหน้าจอมาเมื่อเห็นหน้าพะแพงในสายแล้ว
“ทำอะไรอยู่พึ่งอาบน้ำเหรอ”
“ใช่
พึ่งอาบน้ำ แล้วเอิ้นล่ะ..ทำอะไรอยู่”
“เค้าเหรอ
เค้าพึ่งตื่น
พอพะแพงกลับแล้วเค้าก็เพลียหลับไปเลย
พึ่งรู้สึกตัวเมื่อกี้ก็เลยโทรหานี่ล่ะ
แล้ว..แล้วพะแพงล่ะเป็นยังไงบ้าง”
“ก็..ก็ดี..”
ยิ้มอายๆส่งผ่านสายไป
“ยังเจ็บอยู่มั้ย..”
พะแพงไม่ตอบคำถามคนในสายแต่พยักหน้าแดงๆของตัวเองเป็นคำตอบแทน
ซึ่งนั่นก็ทำให้หล่อนอมยิ้มทันที
“ขอโทษนะ
ขอโทษที่ทำให้พะแพงเจ็บ..”
เสียงละห้อยขอโทษหล่อนไปด้วยทั้งความรู้สึกผิดทั้งสงสารจริงๆเพราะตอนนั้นทั้งที่ตั้งใจจะทำให้หล่อนด้วยความนุ่มนวลแล้วแท้ๆ
แต่แค่ได้ยินเสียงร้องและใบหน้าสวยเวลาที่หล่อนออกอาการทนไม่ไหว
หรือแม้แต่เวลาที่หล่อนส่งเสียงร้องครางเป็นชื่อเธอก็แทบจะทำให้เธอสติหลุดลอยและเผลอทำอย่างนั้นกับหล่อนแรงๆไปทุกครั้ง
อย่างครั้งแรกที่สอดใส่นิ้วเข้าไปแล้วเอิ้นแอบเห็นว่าพะแพงเลือดออกและตั้งใจว่าจะหยุดทำ
แต่ด้วยอารมณ์พลุกพล่านทั้งได้ยินเสียงร้อง
ทั้งได้มองท่าทางก็กลายเป็นต้องปล่อยเลยตามเลยเผลอเล่นบทรักจนอีกคนบ่นว่าเจ็บในรอบต่อมาอีกจนได้
ดีที่ตอนที่หล่อนนอนหลับไปในรอบแรกเธอไปเอาผ้าชุบน้ำมาทำความสะอาดส่วนนั้นของหล่อนให้
หล่อนเลยไม่ได้รู้สึกตกใจอะไรเมื่อตื่นขึ้นมาไม่มีร่องรอยเลือดเหลือให้เห็นแล้ว...
“ครั้งหน้าจะระวังมากกว่านี้นะ”
“บ้า..ใครจะยอมให้มีครั้งหน้ากัน”
แอบทำหน้าอมลมให้หล่อนทันที
“ก็ได้ไม่มีก็ไม่มี..แค่อยากจะบอกให้รู้ว่าเป็นห่วงนะ..”นี่ก็ยังพยายามอ้อนคนสวยที่งอนตุ๊บป่องอีก
“รู้แล้วน่า
เป็นห่วงตัวเองบ้างเถอะน่ะ
เป็นยังไงบ้าง
เลือดกำเดายังไหลออกอีกหรือเปล่า..”
ถามหล่อนไปเมื่อนึกขึ้นได้ในเรื่องที่หล่อนเลือดกำเดาไหลในตอนที่มีอะไรกัน
ในตอนแรกที่พะแพงสังเกตุเห็นก็คือตอนที่เอิ้ยเงยหน้าจากการละเลงลิ้นลงในเนินเนื้อส่วนล่างของเธอขึ้นมาหยุดมองเมื่อเห็นเธอร้องหนักมาก
และเธอก็สะดุ้งทันทีที่เห็นใบหน้าแดงๆคิ้วขมวดของเอิ้นกลายเป็นค่อยๆมีเลือดกำเดาไหลออกมาจากจมูก
“เฮ้ย!
เอิ้น!
เอิ้นเลือดกำเดาไหลอีกแล้วอ่ะ”
รีบยกตัวขึ้นมาจับใบหน้าหล่อนดูใกล้ๆซึ่งนั่นก็ทำให้หล่อนรีบสะบัดหน้าหนีแล้วรีบลุกขึ้นหาทิชชู่มาซับเลือดกำเดาตัวเองออก
“เอิ้นยังไม่โอเคอีกเหรอ
นี่ ถ้าไม่ไหวก็นอนพักไปเถอะอย่ามา..”
“ก็ไม่ได้ไม่ไหว
แค่..แค่
อาจจะความดันขึ้นตอนที่กำลังทำอย่างนี้ก็ได้”
หันมายิ้มหวานพูดแทรกพะแพงเมื่อหล่อนเช็ดเลือดออกหมดแล้ว
“หมายความว่าไง..”
ถามคนตรงหน้าอย่างแปลกใจเมื่อเห็นหล่อนยังคงยิ้มแล้วค่อยๆเดินย่างสามขุมมาหาเธอที่เตียงต่อ
“ก็หมายความ
เค้าอาจจะ แบบว่า..อาจจะมีอารมณ์มากเกินไป
มันก็เลย..เลือดกำเดาออกมั้ง”
“มีอารมณ์มากเกินไป
หึ!”
ยื่นมือไปหยิกแขนเอิ้นด้วยความหมั่นไส้ทันที
“ก็บอกแล้วว่าอย่าทำๆ
นี่ล่ะผลของการคิดแต่เรื่องเดียว
ชิ!..คนลามก!
ไม่สิต้องเรียกว่าหื่นถึงจะถูก”
“ว่าใครหื่น”
“เอิ้นไง!”
อมยิ้มกรุ้มกริ่มทันที..“ไม่หรอกมั้ง
เค้าว่าพะแพงก็หื่นเหมือนกันนั้นล่ะ
ไม่งั้นไม่ยอมให้เค้าทำอย่างนี้ง่ายๆหรอก..ใช่มั้ย..”
พูดเสร็จก็ก้มลงทำตัวอย่างคำว่า
“อย่างนี้”ของหล่อนให้ดูด้วยการใช้ปลายลิ้นละเลงรักณจุดนั้นให้พะแพงต่อ
นั่นเลยทำให้พะแพงได้แต่ร้องโวยวายต่อว่าคนหื่นของเธอว่าหล่อนช่างเจ้าเล่ห์และลามกสัปดนยิ่งนัก
และเธอก็คิดว่าหล่อนค่อนข้างจะหื่นและลามกมากๆด้วย
เพราะทุกๆครั้งที่ทำอะไรหลังจากนั้นเธอก็จะเห็นหล่อนเลือดกำเดาไหลออกมาตลอดไม่มากก็น้อยอยู่เรื่อยๆจนกระทั่งเสร็จกามกิจ
แต่ถึงแม้เธอจะคิดว่าหล่อนเลือดกำเดาไหลเพราะความหื่นของหล่อนยังไง
ในใจลึกๆก็ยังแอบห่วงหล่อนอยู่เหมือนเดิมจนกระทั่งต้องถามหล่อนอย่างตอนนี้นี่แหละ..
“ดีขึ้นแล้วล่ะ..”
เสียงเอิ้นดังเรียกสติพะแพงจากห้วงความคิดก่อนหน้านั้น
“ทีหลังไม่ต้องทำอย่างนี้เลยนะ
แล้วถ้าคิดแต่เรื่องอย่างนี้วันหลังก็หัดสงบจิตสงบใจตัวเองบ้าง
ถ้าทนไม่ได้มันจะกลายเป็นทำร้ายตัวเองเปล่าๆ
หัดนั่งสมาธิซะบ้าง”
คนฟังหลุดขำทันที
“นี่จะให้เค้าไปบวชชีว่างั้น”
“ก็แล้วแต่จะคิด
ถ้าเลิกคิดฟุ้งซ่านไม่ได้ก็คงต้องพึ่งทางนั้นล่ะนะ”
“นี่..เค้าก็ไม่ได้มีอารมณ์คิดแต่เรื่องอย่างว่าอะไรขนาดนั้นหรอกนะ
แล้วที่ทำๆอยู่ก็มีแต่เค้าทำให้พะแพงคนเดียวด้วย
ตัวเองมีแต่ได้กับได้อยู่ฝ่ายเดียวแท้ๆ
เค้าไม่เห็นจะได้อะไรด้วยเลย
ไม่มีประโยชน์อะไรเลยเห็นมั้ยที่เค้าจะเอาแต่คิดเรื่องอย่างว่าน่ะ”
“งั้นทำทำไม!
ไม่คิดแล้วทำทำมะ!”
หน้าแดงเถียงหล่อนด้วยความฉุนเฉียวทั้งอายทั้งโมโห
“ถ้าไม่ได้คิดเรื่อง...”
“เค้าอยากให้พะแพงมีความสุขไง!”
ตัดบทพะแพงทันทีจนอีกคนชะงัก
“อะไรก็ตามที่ทำให้พะแพงรู้สึกดี
เค้าจะทำให้พะแพงทุกอย่างเข้าใจมั้ย
นี่!เรากำลังจะทะเลาะกันอีกแล้วนะพะแพง
เค้าไม่อยากให้เราทะเลาะกันนะ
แล้วตอนนี้เค้าก็ไม่ได้อยู่ใกล้ๆพะแพงพอที่จะง้อพะแพงได้ด้วย
เค้าไม่อยากให้เราทะเลาะกันในสายแล้วพะแพงก็ปิดเครื่องหนีเค้าไป
อยากให้เราคุยกันดีๆวางสายกันด้วยความรู้สึกดีๆสักวันจะได้มั้ย”
เงียบทันทีที่ได้ยินอีกคนขอร้องด้วยใบหน้าซีเรียสจริงจังอย่างนั้น
“จะบอกอะไรให้รู้นะ
ว่าถึงเค้าจะไม่ได้มีความสุขกายอย่างที่พะแพงมี
แต่เค้าก็มีความสุขใจมากๆที่ได้เห็นพะแพงมีความสุขทุกๆครั้งอย่างนี้
เค้าอยากมองเห็นใบหน้าของพะแพงเวลามีความสุขอย่างนั้นทุกๆครั้งเลยได้ยินมั้ย”
คนฟังหน้าแดงระเรื่อขึ้นเมื่อเริ่มเข้าใจความหมาย
ข้อความนี้ถ้าตัดเรื่องลามกออกไปแล้วฟังด้วยหัวใจจะพบว่ามันเป็นข้อความที่แสนจะโรแมนติกสำหรับเด็กสาวอย่างเธอเป็นที่สุด
ความสุขที่ได้รับเพียงฝ่ายเดียวแต่อีกฝ่ายก็เต็มจะมอบให้ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างนั้นเหรอ
แถมหล่อนยังสารภาพว่านั้นคือความสุขที่สุดของหล่อนแล้วด้วย
ทำไมเธอจะไม่รู้สึกดีจนกระทั่งหัวใจพองโตเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ
และไม่สามารถจะละตาออกจากใบหน้าสวยของอีกฝ่ายที่จ้องมองเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างนี้กันเล่า
เธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอมีความสุขที่สุด
และหลงรักหล่อนอย่างหัวปรักหัวปรำจนมันก้าวผ่านล้ำเส้นกั้นสถานะที่เธอใช้กั้นใจของเธอและหล่อนไว้ด้วยคำว่าเพื่อนไปแล้ว
และเธอก็ข้ามมันไปไกลมากแล้วด้วย
นี่เธอคงจะย้อนกลับไปยืน
ณ จุดเดิมของความรู้สึกไม่ได้แล้วใช่มั้ย...
ดึกวันนั้น
หลังจากที่เอิ้นเห็นว่าหากทั้งสองคุยกันนานกว่านี้อาจจะทะเลาะกันอีก
เธอจึงขอวางสายจากพะแพงในแบบดีๆที่ช่วงนี้ไม่ค่อยจะได้ทำเสียทีด้วยเรื่องที่ว่า...
“อ๊ะ
จะวางสายแล้วล่ะ
จะนอนแล้วเค้ารู้สึกเพลีย
แต่ก่อนนอนขออะไรก่อนดิ”
“อะไร..”
“บอกคิดถึงให้ชื่นใจหน่อยสิ
จะได้นอนหลับฝันดี”
“คิดถึงอะไรอีกล่ะ”
อมลมด้วยความเขินขึ้นมาทันที
“แหนะ
บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าฝืนความรู้สึก
อยากพูดอะไรก็พูดออกมาอย่าเก๊ก
อุตสาห์ถามนำทางให้แล้ว
จะบอกหรือไม่บอกว่าคิดถึง
อุตสาห์อ่อยล่ะนะ..”
ชะงักทันทีที่เห็นอีกคนทำหน้าจริงจังผ่านกล้อง
ตอนนี้ดวงตาสวยของหล่อนก็กำลังจ้องมองมานิ่งๆทำให้รู้ว่านี่หล่อนไม่ได้มาเล่นๆนะ
จะจริงจังก็จริงจัง
จะบอกอะไรก็บอกมาซะที
ขี้เกียจรอ..
“เอ่อ..คะ..คิด..ถึง..”
แหนะ..หลุดปากบอกออกมาแล้วจนได้..
“ว่าไงนะไม่ค่อยได้ยินเลย”
พะแพงเหล่ตามองหล่อนทันทีที่ได้ยินข้อความยอกย้อนโยเยเหมือนแกล้งกันยังไงก็ไม่รู้
“สงสัยคลื่นไม่มี..เร็วๆบอกใหม่
ไม้ได้ยินเลย ว่าอะ..”
“โอ๊ย!
คิดถึงค่าาา
ได้ยินมั้ย ไปนอนได้แล้วไปนี่ก็ง่วงเหมือนกัน”
กลั้นใจพูดตัดบทคนขี้แกล้งด้วยความอายแสนอายซึ่งนั้นก็ทำให้อีกคนอมยิ้มโชว์หน้าหวานระเรื่อของหล่อนผ่านมาตามสาย
“อะเค~~
แค่นี้ก็ฝันดีแล้ว
กู๊ดไนท์ค่ะ พรุ่งนี้เจอกันนะคะที่รัก
มว๊วฟฟ”
หน้าแดงกร่ำตอนได้ยินเอิ้นบอกลาด้วยคำว่าที่รักและส่งจูบลาผ่านสาย
และตอนนี้เมื่อหล่อนวางสายไปแล้วพะแพงก็ได้แต่นั่งหน้าแดงใจสั่นอยู่บนเตียงนอนจนไม่สามารถทำอะไรได้ต่อ
ได้แต่ฝืนบอกตัวเองให้ทำตัวเป็นปกติเข้าไว้แม้ว่าจะฝืนลำบากแค่ไหนก็ตาม
แต่ไม่ว่าจะทำอะไรภาพใบหน้าของเอิ้นและท้วงท่าอริยาบทที่หล่อนมีต่อเธอทุกๆอย่างก็ปรากฏสว่างไสวขึ้นมา
ยิ่งตอนที่พะแพงพยายามเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนแล้วเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองในกระจก
ภาพรอยจุมพิตรักที่หล่อนฝากไว้ทั่วๆเนินอกและทั่วๆผิวเนื้อก็ทำให้ความรู้สึกวาบหวามในตอนนั้นเกิดขึ้นกับร่างกายตัวเองอีกครั้งจนได้
ให้ตายเถอะ..ทำไมใจเราถึงสั่นและเต้นแรงอย่างนี้
แถมยังรู้สึกร้อนวูบวาบๆไปทั่วกายในตอนที่คิดถึงภาพเอิ้นในตอนนั้นอีก
ทำไมความทรมานที่มาพร้อมกับความสุขแปลกๆจึงเกิดขึ้นในทุกๆครั้งที่ภาพห้วงเวลานั้นปรากฏขึ้นในความทรงจำนะ
ค่อยๆลูบไล้ร่างกายเปลือยเปล่าตัวเองไปมาก่อนจะหลับตาแล้วพ่นลมหายใจ
ร่างกายที่ไม่เคยได้รับสัมผัสแปลกปลอมใดๆไม่ว่าจะตัวเองหรือใครตอนนี้มันกลายเป็นของหล่อนไปหมดทุกส่วนแล้ว
ฉันเป็นของเธอไปแล้ว
แล้วนี่เราสองคน..จะเป็นอะไรยังไงต่อไปกันนะ..เอิ้น..
--<><><><>--
“ฮาย...พะแพงคนสวยวันนี้แต่งหน้ามาโรงเรียนด้วยเหรอ”
เสียงเพื่อนร่วมห้องดังทักพะแพงขึ้นในขณะที่พะแพงกำลังเดินยิ้มหวานเข้ามาในห้องเรียนด้วยความอารมณ์ดี
เล่นเอาพะแพงหุบยิ้มทันทีที่ได้ยินข้อความทะแม่งๆจากเพื่อนคนนั้น
“ปะๆเปล่า
เค้าไม่ได้แต่งหน้า
ไม่ได้ทำอะไรมาเลย
แป้งพับก็ไม่ได้ทา”
ยกมือขึ้นจับหน้าตัวเองท่าทางเหรอหราตอนที่เดินไปที่โต๊ะตัวเองโดยมีเพื่อนคนเก่าเดินตามเข้ามาดูใกล้ๆอีก
“จริงอะ
ทำไมหน้าพะแพงดูใสๆแก้มแดงๆไงไม่รู้
ดูแบบมีน้ำมีนวลมากๆเลย
มองแว๊บแรกยังนึกว่าแต่งหน้า
นี่แสดงว่ามีสูตรบำรุงผิวหน้าตัวเองดีใช่มั้ย
ผิวหน้าถึงดูสวยสุขภาพดีอย่างนี้อ่ะ
ไปทำอะไรมาบอกหน่อยดิ”
ตั้งคำถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
นั่นเลยทำให้พะแพงได้แต่ยิ้มแหยๆแทนคำตอบในใจที่ว่า..ก็ไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆตื่นมาก็อาบน้ำล้างหน้าทาครีมบำรุงผิวธรรมด๊าธรรมดา
บอกไปอย่างนั้น จะเชื่อมั้ยล่ะ..
“ก็..เอ่อ”
ยังไม่ทันที่พะแพงจะพยายามอธิบายเพื่อนคนนั้นเสียงบุคคลที่สามก็ดังแทรกขึ้นมาก่อน
“ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก
คนมีความรักก็เงี้ยแหละ
ที่หน้ามีน้ำมีนวลตลอดก็เพราะกำลังอินเลิฟไง
ใช่มั้ยคะที่รัก”
สะดุ้งเฮือกทันทีที่หันไปมองเจ้าของเสียงที่เธอรู้แล้วล่ะว่าเป็นใคร
และแน่นอนว่าตอนนี้หล่อนก็เดินเข้ามาประชิดตัวเธอข้างๆโต๊ะก่อนจะทำเป็นก้มลงหอมแก้มเธอโชว์เพื่อนคนนั้นด้วยความอารมณ์ดี..
“เอ..ไม่หอมดีกว่า..”
คนหอมเปลี่ยนใจทันทีเมื่อเห็นพะแพงนั่งหน้าแดงตัวแข็งทื่อไม่ต่อต้านใดๆทั้งๆที่ปกติจะต้องโดนหล่อนด่าไปแล้ว
แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่าหล่อนคงอายค้างจากเรื่องเมื่อวานและคงทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรเมื่อเจอกันอีกครั้งดี
เอิ้นเลยพยายามทำตัวปกติให้เป็นตัวอย่างด้วยการหันไปทักทายและคุยเล่นเรื่องอื่นกับเพื่อนคนนั้นสักพักจนเพื่อนคนนั้นบอกลาเธอทั้งสองคนไปแล้ว
“ทำตัวปกติสิ..”
เป็นเสียงของเอิ้นที่กระซิบกระซาบพะแพงขึ้นเมื่อเธอเดินเข้ามานั่งที่นั่งตัวเองแล้วแต่พะแพงยังนั่งหน้าแดงตัวแข็งทื่ออยู่เหมือนเดิม
ไม่แม้จะทักทายหรือยิ้มแย้มอะไรให้เธอเลยทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ยังเห็นหล่อนยิ้มแย้มอยู่กับเพื่อนคนนั้นอยู่เลย
“ยิ่งมีพิรุธเพื่อนยิ่งสงสัยนะ..”
ค่อยๆโน้มหน้าลงไปตะแคงแนบหัวกับพื้นโต๊ะตอนที่พยายามยิ้มหวานออดอ้อนพะแพงคนขี้อายที่ยังแข็งทื่อเป็นท่อนไม้อยู่เหมือนเดิม
ดีที่หล่อนหันมามองหน่อยๆในตอนที่เธอค่อยๆเลื่อนมือไปใต้โต๊ะแล้วไปวางที่กระโปรงเธอแผละ
“ทำอะไร..เดี๋ยวเถอะ”
ขมึงตามองเอิ้นตอนที่กระซิบกระซาบด้วยเสียงที่เบาแสนเบาถามหล่อน
“ล้อเล่นน่า
หยอกๆ” อมยิ้มกรุ้มกริ่มตอนที่ทำเสียงกะล่อนบอก
“เค้าแค่อยากให้พะแพงทำตัวตามสบายกว่าตอนนี้แค่นั้น
ไม่ได้คิดอะไรมากหรอกน่า
ใครเค้าจะกล้า..”
“ใช่สิ..ไม่มีใครกล้าหรอก
ยกเว้น..”
ชายหางตามองมาที่หล่อนที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุด
“อ๊ะ
ต่อล้อต่อเถียงได้แล้ว
แสดงว่าสถานการณ์เป็นปกติแล้วสินะ
เย้ ดีใจจังเยยย”
แกล้งปรบมือแป๊ะๆให้พะแพงที่ขมึงตามองเธอด้วยความหมั่นไส้
ก่อนจะก้มลงหยิบเอาถุงพลาสติกสีขาวที่วางไว้ข้างๆกระเป๋าตัวเองยื่นส่งไปให้พะแพงที่หน้าโต๊ะต่อ
“อ๊ะนี่..ซื้อมาฝาก”
“อะไร..”
เหล่ตามองนิดหนึ่งเมื่อเห็นเอิ้นค่อยๆหยิบบรรดาของในถุงออกมาวางไว้ที่หน้าโต๊ะไม่ว่าจะเป็นป๊อกกี้กล่องสีแดงสีชมพูสามสี่กล่อง
ชอคโกแลคทอบบาโลนสีขาวและสีแดงอีกอย่างละสองสามแท่ง
ทั้งชอคกาแลคคิทแคทอีกหลายห่อ
และห่อลูกอมฮาร์ทบีทห่อใหญ่อีกสองห่อ
“เดี๋ยว
ซื้อมาทำไมตั้งเยอะแยะ”
“ก็อยากซื้อมาให้
คิดว่าน่าจะต้องการน้ำตาลเยอะ”
“บ้า
ตัวเองบอกคนอื่นให้ทำตัวปกติแต่ตัวเองดันเวอร์ซะเอง
ซื้อมากองให้ซะขนาดนี้คิดว่าคนอื่นจะไม่สงสัยรึไง”
“ไม่สงสัยดิ
ถ้าเพื่อนถามเค้าก็จะบอกว่าพะแพงฝากซื้อแค่นั้นจบ”
“โฮ๊ะ
ยังแถไปได้เนอะ”
เหล่มองกองเครื่องบรรณาการต่อหน้าอยู่ครู่หนึ่งก็เห็นเอิ้นหยิบเอาซองฮาร์ทบีทมาเกะขยุกขยิกแล้วส่งมาให้เธอเม็ดหนึ่ง
“อ้าปากเร็ว”
“ฮ๊ะ!!”
ตกใจก่อนจะมองซ้ายมองขวาด้วยกลัวเพื่อนเห็น
“ทำอะไร๊ เดี๋ยวเพื่อนเห็น”
กระซิบกระซาบบอกหล่อนด้วยเสียงที่เบาแสนเบา
“ก็เร็วๆสิ
ตอนนี้ไม่มีใครเห็นช้ากว่านี้เดี๋ยวก็มีเพื่อนมาแซวนะ”
ทำเสียงดุขู่อีกคนที่หน้าแดงมองฮาร์ทบีทต่อหน้าอย่างกล้าๆกลัวๆ
“เร็วๆจะกินหรือไม่กิน
นี่ไม่ได้ป้อนใครง่ายๆนะถ้าคนนั้นไม่ได้สำคัญจริงๆน่ะ”กลับมายิ้มหวานให้หล่อนอีกครั้งในตอนที่หลอกล่อด้วยคำหวาน
นั่นเลยทำให้พะแพงแอบอมยิ้มด้วยความดีใจเล็กๆก่อนจะยื่นใบหน้าไปอ้าปากรับฮาร์ทบีทเม็ดนั้นมากิน
อารมณ์ทั้งเขินทั้งอายทั้งกลัวเพื่อนๆจะเห็น
โอ๊ยให้ตายเถอะ~~
ทำไมเวลาที่เอิ้นเอาอกเอาใจเธอมันถึงได้น่ารักมุ้งมิ๊งอย่างนี้นะ
แค่ไม่ทำอะไรก็หลงหล่อนจะแย่อยู่แล้วยิ่งมาเจอลูกอ้อนอย่างนี้ทำเอาพะแพงถึงกลับเขินจนทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
ได้แต่แอบมองสายตาคู่หวาน
ที่จนป่านนี้ก็ยังคงจ้องมองมาที่เธอด้วยความอ่อนโยนอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าฮาร์ทบีทเม็ดนั้นจะถูกส่งเข้าปากไปแล้วก็ตาม
นั่งจ้องมองคนสวยต่อหน้าด้วยอาการเคลิ้มๆเหม่อๆอยู่ครู่หนึ่งก็ได้สติ
เมื่ออีกคนละสายตาจากพะแพงออกไปมองที่ด้านนอกระเบียง
แล้วรีบหันมาหาพะแพงด้วยอาการรีบร้อน
“เอ่อ
พะแพงเดี๋ยวเค้ามานะ
ขอไปคุยธุระแป๊บนึง”
พูดเสร็จหล่อนก็รีบเดินออกไปด้านหน้าระเบียง
และเมื่อพะแพงมองตามก็เห็นว่ามีใครบางคนกำลังยืนยิ้มมองดูหล่อนกำลังเดินออกไปหาด้วยใจจดจ่อ
หลิน..แอบรำพึงรำพันชื่อของใครคนนั้นในใจในตอนที่เห็นเอิ้นและหล่อนเดินออกจากหน้าห้องไปไหนสักที่ด้วยกัน
และในคาบก่อนเข้าเรียนวันนั้นหล่อนก็ไม่กลับมาหาพะแพงที่นั่งรอหล่อนอยู่ในห้องอีกเลย
มีเพียงข้อความสั้นๆที่หล่อนส่งมาบอกพะแพงก่อนหน้าที่เสียงออดจะดังขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น..
“พะแพงลงมาเข้าแถวเลยนะ
เค้าไม่ได้ขึ้นไปหาแล้ว
เดี๋ยวค่อยเจอกันในแถว”
ข้อความประโยคเดียวสั้นๆแต่ทำเอาความรู้สึกดีๆที่พะแพงมีต่อเจ้าของข้อความหายไปจนเกือบจะหมด
เหลือเพียงความเสียใจและน้อยเนื้อต่ำใจ
จนวันนั้นทั้งวันเธอเลือกที่จะไม่คุยอะไรกับเอิ้นอีกเลย
--<><><><>--
เฮ้อออ..เสียงถอดถอนใจของพะแพงดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากที่เธอพยายามกดตัดสายคนที่โทรหาเธอซ้ำๆซึ่งก็เป็นคนเดียวกันกับที่ทำให้เธอรู้สึกเสียใจจนเธอตัดสินใจไม่คุยอะไรกับหล่อนเลยทั้งวันนั้นแหละ
ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยงแล้ว
และพะแพงก็เลือกที่จะหนีเพื่อนของเธอโดยไม่ปล่อยให้หล่อนได้ถามไถ่หรืออธิบายเรื่องที่หล่อนพยายามชวนพะแพงคุยในคาบตลอด
แต่พะแพงก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินและไม่ยอมฟังใดๆตลอด
จนกระทั่งพอออดพักเที่ยงดังขึ้นเธอก็รีบลุกขึ้นวิ่งหนีเอิ้นออกจากห้องไปทันที
และกลายเป็นมานั่งเหงาคนเดียวอย่างนี้
ได้ยินเสียงตะโกนโวกเวกของนักเรียนชายม.ต้น7-8ที่กำลังเตะฟุตซอลที่สนามใกล้ๆกับโต๊ะม้าหินอ่อนที่เธอนั่งเล่นด้านหลังอาคารเรียนแล้วพะแพงก็ได้แต่ชำเรืองมอง
เห็นบางคนวิ่งหลอกล่อเตะแข้งเตะขาในสนามเพื่อสกัดกันไม่ให้อีกฝ่ายได้ลูกบอลไป
แล้วกลายเป็นฝ่ายที่โดนสกัดเตะสะดุดขาเขาล้มลงไปกองกับสนามจริงๆ
พะแพงเห็นคนที่ล้มลงไปกลิ้งไปกลิ้งมากับพื้นอยู่ครู่หนึ่งเพื่อนคนที่แกล้งเตะก็ยื่นมือลงมาดึงมือเขาให้ลุกขึ้นยืนข้างๆก่อนจะกลายเป็นยื่นแขนไปกอดไหล่กันขอโทษขอโพยกันไป
น่ารักดีเนอะ..เพื่อนกันจะโกรธกันได้นานแค่ไหน
ยังไงๆก็ให้อภัยกันล่ะเนอะ..หมายถึงถ้าเป็นเพื่อนกันจริงๆอ่ะนะ..
ทั้งคิดทั้งชำเรืองมองพวกเขากอดคอส่งยิ้มให้กันก่อนจะหันมามองที่โทรศัพท์ของตัวเองที่ตอนนี้มันสั่นเพราะเอิ้นกำลังโทรเข้าหาอีกครั้ง
หึ..นี่ก็คงเห็นฉันเป็นแค่เพื่อนเหมือนกันใช่มั้ย
ก้มลงตัดสายหล่อนทันทีที่ความรู้สึกน้อยใจปรากฏขึ้นมาในหัวก่อนจะพยายามกดบล๊อกเบอร์หล่อนไว้
ณ เดี๋ยวนั้น
ด้วยความคิดที่ว่าเธอยังไม่พร้อมจะคุยกับหล่อนจริงๆในตอนนี้
เพราะยังไม่เข้าใจในสถานะที่หล่อนกำลังหยิบยื่นให้ตัวเอง
ทั้งๆที่คิดว่าเธอทั้งสองคนน่าจะผ่านข้ามเส้นคำว่าเพื่อนไปแล้วแท้ๆแต่สิ่งที่หล่อนทำในวันนี้กำลังทำให้เธอสับสนอีกครั้ง
แค่เธอเห็นเด็กคนนั้นเธอก็ทิ้งฉันหนีหายไปทันทีทันใดเลย
แค่นี้ก็รู้แล้วว่าใครสำคัญกว่าใคร
นี่สินะ..นางเอกตัวจริงของเรื่อง
หัวเราะออกมาด้วยความสมเพชตัวเองเมื่อนึกขึ้นได้ถึงนิยายเรื่องนั้น
ที่เมื่อวานเธอแอบดีใจว่าชีวิตเธอไม่ใช่นิยายเรื่องนั้นสักหน่อย
ก็เมื่อเอิ้นกับเธอมีอะไรกันทำให้เธอพลอยนึกดีใจว่าสุดท้ายแล้วบทนางอิจฉาที่เธอกลัวนักกลัวหนาก็ไม่ใช่เธอนี่นา
เพราะเพื่อนรักทั้งสองในนิยายไม่ได้ลงเอยได้กันแบบในชีวิตของเธอนี่
นั่นคือสิ่งที่เธอคิดไว้เมื่อวานก่อนจะมาเจอภาพบาดตาบาดใจที่เห็นเอิ้นตัดสินใจเลือกหลินแล้วหายไปกับหล่อนดื้อๆ
แต่..ยังไงๆซะในนิยายเพื่อนรักสองคนแพรี่กับเอรินก็ไม่ได้มีอะไรอย่างฉันกับเอิ้นสักหน่อย
มันน่าจะไม่ใช่เรื่องเดียวกันและมันก็อาจจะไม่จบอย่างเดียวกันหรอกใช่มั้ย
แอบคิดเข้าข้างตัวเองอย่างเศร้าๆก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นเปิดดูบล๊อกที่อัพโหลดนิยายเรื่องนั้นในหน้าเว็บของตอนที่เธอเปิดอ่านค้างไว้..
อ้าว..ทำไมกลายเป็นหน้าเว็บว่างเปล่าไปแล้วล่ะ
พะแพงถึงกับประหลาดใจเมื่อพบว่าตอนที่เป็นอ่านค้างไว้กลายเป็นหน้าเว็บเพจเปล่าและเมื่อเธอลองกดย้อนกลับไปดูที่หน้าสารบัญก็พบว่าจากที่นิยายที่เคยอัพไว้40กว่าตอนจบก็ได้กลายเป็นเหลือแค่20ตอนเท่านั้น
และเมื่อเธอคลิกเข้าไปดูที่ตอนที่20ก็พบว่ามีบางอย่างในเนื้อหาของนิยายที่เปลี่ยนไปจากเดิม
นิยายที่เธอเคยอ่านซ้ำๆ3-4รอบตอนนี้ได้เปลี่ยนเนื้อหาไปแล้ว
คิ้วขมวดก้มลงอ่านเนื้อหาในนิยายเรื่องนั้นด้วยความงุนงง..
แพรี่พยายามดึงมือหญิงสาวร่างบางที่สูงกว่าเธอเกือบๆจะสิบเซนติเมตรให้หยุดหันมามองเธอเมื่อหล่อนกำลังจับแขนของเอริณดึงรั้นไว้เหมือนจะบังคับอะไรสักอย่าง
“คุณทำอะไรน่ะ”
หล่อนหันมองก่อนจะอมยิ้มนิดๆ
“ก็กำลังจะคุยกับเอริณไง
ทำไม คุยไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้
เอริณจะกลับบ้านแล้ว
ใช่มั้ยเอริณ”
หันมาขมึงตามองเอริณให้ตอบรับตามที่เธอสั่ง
“เอ่อ
ยังไม่ได้กลับตอนนี้
คือเค้ากำลังจะคุยธุระกับครูพี่แนนอยู่”
ครูพี่แนนอย่างนั้นเหรอ??
พะแพงคิ้วขมวดด้วยความงุนงงเมื่อเห็นชื่อตัวละครใหม่ในนิยาย
“แพรี่ไปพูดไม่มีหางเสียงอย่างนั้นทำไม
นั่นครูนะ”
“ทำไมจะพูดไม่ได้กะอีกแค่ครูฝึกสอนยังไม่ทันได้เป็นครูจริงๆสักหน่อย
แถมอายุแก่กว่าเราแค่กี่ปีเอง”
ครูฝึกสอนชื่อครูพี่แนนอย่างนั้นเหรอ??
คิ้วขมวดด้วยสงสัยในเนื้อหาใหม่ที่อ่านดูคุ้นอย่างทะแม่งๆ
เดี๋ยวนะแล้วทำไมอ่านๆดูแล้วเหมือนแพรี่กำลังหวงเอรินเลยอ่ะ
แล้วรัณห์ล่ะไปอยู่ไหนทำไมเนื้อหาในตอนนี้ถึงมีแค่แพรี่
เอรินกับครูพี่แนน?เท่านั้น
ค่อยๆเลื่อนอ่านนิยายจนจบบทก็ยังไม่เห็นย่อหน้าที่กล่าวถึงรัณห์เลย
เออ..จริงๆด้วยตอนนี้นิยายเรื่องนี้อัพถึงCheapterที่20แล้วก็ยังไม่ได้อัพCheapterใหม่
นี่ไรท์เตอร์ลบเนื้อหานิยายออกเพื่อที่จะรีไรท์ใหม่ทั้งหมดอย่างนั้นเหรอ..
ยังคงคิ้วขมวดสงสัยด้วยความงงก่อนจะพยายามกดอ่านCheapterก่อนหน้านั้นซึ่งก็พบว่าเนื้อหายังคงเหมือนเดิมอยู่คือแพรี่กำลังเริ่มมีใจให้กับรัณห์ในลุคใหม่ที่ถอดแว่นมาโรงเรียนและกำลังอยู่ในช่วงกะหนุงกะหนิงกันแต่พอมาเป็นเนื้อหาใหม่ในCheapter20กลายเป็นแพรี่เริ่มหันมาหวงเอริณที่มีมีครูฝึกสอนสาวแสนสวยมาสนใจและดูเหมือนว่ากำลังจะจีบแล้ว..
เอ๋..คุ้นๆน่ะ
ทำไมเนื้อหามันเหมือนกับเราตอนที่นี้ที่เอิ้นกำลังหึงเราเลยล่ะ
ยิ่งคิดก็ยิ่งงงยิ่งสงสัยในเนื่อเรื่องของนิยาย
นี่ไรท์เตอร์นึกยังไงถึงได้มาเปลี่ยนเนื้อหาในนิยายใหม่เสียล่ะ
แล้วนี่เปลี่ยนมาตั้งแต่วันไหนเนี่ย
พยายามอ่านดูวันที่นิยายChepterนี้อัพลงบล๊อกก่อนจะเห็นว่ามันพึ่งอัพเมื่อสองวันก่อนหน้านั้นเอง
สองวันก่อนหน้านั้นเหรอ..เออจริงด้วยเราก็ไม่ได้มาเปิดอ่านนิยายเรื่องนี้ช่วงนั้นเลย
ด้วยกำลังเครียดๆกับเรื่องเอิ้นอยู่ก็เลยปล่อยผ่านมาจนถึงวันนี้
และหนึ่งก็ด้วยเพราะว่าอ่านจบตั้งหลายรอบแล้ว
และสองก็คิดว่าเนื้อเรื่องคงจะไม่ใช่เรื่องของตัวเองแล้วด้วยก็เลยไม่ได้สนใจอะไร
กลายเป็นว่าพอมาเปิดอีกทีเนื้อเรื่องทั้งหมดดันเข้าเค้าเรื่องของตัวเองอีกแล้ว
ให้ตายเถอะ
นี่นิยายมันเปลี่ยนตามเรื่องของฉัน
หรือเรื่องของฉันเปลี่ยนตามนิยายเรื่องนี้กันแน่เนี่ย
พะแพงเริ่มรับรู้ได้ถึงความผิดปกติที่น่ากลัวแบบแปลกๆจนถึงกับเผลอร้องกรี๊ดทันทีที่รู้สึกเหมือนมีใครบางคนเดินเข้ามาจับไหล่เธอเงียบๆหลังจากนั้น
“เฮ้ยยย!!
กรี๊ดทำไมพะแพง!!”เจ้าของมือที่จับไหล่ก็ตกใจที่เห็นพะแพงร้องกรี๊ดเสียงหลง
“..นี่เค้าเอง”
คนกรี๊ดค่อยๆคลายอาการตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นเอิ้น
แต่พอนึกขึ้นได้ว่ากำลังโกรธให้หล่อนอยู่เธอก็รีบยกตัวขึ้นแล้วเดินหนีหล่อนออกจากที่นั่งตรงนั้นทันที
“เฮ้ย
พะแพงจะไปไหน
นี่คุยกันก่อนได้มั้ยจะเดินหนีเค้าทำไมนี่เค้าอุตสาห์เดินหา”
คนเดินตามพยายามร้องเรียกทั้งรีบวิ่งเข้าไปประชิดตัวพะแพงที่เดินลิ่วๆหวังจะเดินหนีเอิ้นเข้าไปในอาคารเรียนด้านหน้า
“พะแพง”
เอิ้นรีบดึงแขนพะแพงไว้ในตอนที่วิ่งมาทันหล่อนด้านหลังอาคารเรียนนั้นแล้ว
แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกับหล่อนดีเสียงดังตุ๊บแรงๆก็ดังเรียกความสนใจให้เอิ้นหันไปมองตามก่อนจะพบว่ามันเป็นเสียงจากลูกบอลที่โดนเตะอย่างแรงจนลอยโด่งขึ้นไปชนเข้ากับกระถางต้นไม้บนระเบียงอาคารข้างบนและมันก็กำลังหล่นลงมายังจุดที่พวกเธอทั้งสองกำลังดึงรั้งกันอยู่พอดีเป๊ะ..
“เฮ้ย
พะแพงระวัง!!”
รีบดึงร่างพะแพงสุดแรงแขนตัวเองเมื่อเห็นว่ามันกำลังตรงลงมาจวนตัวพวกเธอทั้งสองแล้ว
เพล้งงง!!
เสียงกระถางแตกดังไปรอบๆบริเวณนั้น
ซึ่งนั่นก็ทำให้พะแพงที่เซล้มลงไปนอนกับพื้นตามแรงดึงของเอิ้นได้แต่ตกใจเมื่อเห็นภาพที่ว่าตรงที่เธออยู่กับจุดที่กระถางต้นไม้ตกนั้นห่างกันไม่กี่คืบเอง
นี่ถ้ามันตกลงมาโดนเธอจริงๆไม่แน่ว่าตอนนี้เธอคงเจ็บตัวไปแล้วก็ได้
โอ๊ย..โชคดีชะมัดเลย
ตอนนี้หัวใจพะแพงเต้นระรัวทั้งตกใจและดีใจผสมปนเปกันไปหมดทั้งเริ่มนึกขึ้นได้ว่าถ้าไม่มีเอิ้นมาดึงเธอไว้ก่อนเธอจะเป็นยังไงบ้างในตอนนี้
เออ..จริงสินะ
แล้วเอิ้นล่ะ..
ค่อยๆหันไปมองคนด้านข้างที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นด้วยความตกใจ
และยิ่งเห็นว่าที่หัวของหล่อนมีเลือดไหลลงมาเป็นทางจนอาบไปทั่วๆแก้มของหล่อนแล้วพะแพงก็ทำตัวไม่ถูกได้แต่ร้องโวยวายเพราะคิดว่าเอิ้นคงเป็นอะไรไปแล้ว
“เฮ้ย
เอิ้น เอิ้น ไม่นะเอิ้น!!เอิ้นอย่าเป็นอะไรนะ”