วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

 ซ้อนเล่ห์รัก 


[ PART 1 : ฝ้าย ]

Chapter 2

โจทย์พิเศษ

ค่ำคืนแห่งการทับถมเย้ยหยันของกลุ่มสาวดาวมหาลัยอย่างพวกฉันจบลงไปพร้อมๆกับการทิ้งท้ายข้อความท้าทายแกมเสียดสี ทิ้งให้ฉันเฝ้าแต่ครุ่นคิดนึกถึงโจทย์ที่ตัวเองก็ยังไม่รู้เลยว่าความพิเศษที่กำลังหานั้นคืออะไร ได้แต่ทั้งคิดทั้งขับรถกลับคอนโดในคืนนั้นด้วยใจเหม่อลอย จนกระทั่งรถกำลังจะเข้าจอดเทียบท่าที่จอดรถประจำของตัวเองในคอนโด

“เฮ้ย!รถใครวะ” รีบสบถออกมาทันทีที่เห็นรถสีขาวคันงามของใครไม่รู้มาจอดแย่งที่จอดรถที่ประจำของตัวเองอยู่ในตอนนี้ ทำให้ฉันต้องขยับรถไปจอดในที่จอดรถที่ว่างอยู่ใกล้ๆแทนด้วยความหงุดหงิด

“เออว่ะ โห..รถใครวะโคตรสวยเลย แลมโบกินี่ป่ะเนี่ย อย่างแจ่ม” เป็นเสียงของยัยนัทที่ติดรถฉันกลับมาด้วยเนื่องจากอยู่คอนโดเดียวกันและเธอก็ขี้เกียจขับรถออกไปเอง

“นี่..ฉันหมายถึงว่ารถใครวะแย่งที่จอดฉัน ไม่ได้หมายความว่ามันสวยน่ะเว้ย”

“เอ้า..แล้วไงวะที่จอดรถว่างๆที่อื่นก็มีนี่ แกก็ให้เขาจอดไปเหอะ เนี่ย..รถคันนี้ต่ำๆยี่สิบล้านนะแก ถ้ามันจะมีใครสักคนที่เป็นเจ้าของรถคันนี้ได้ แสดงว่าคนๆนั้นต้องรวยมากๆ”

“แล้วไง” ฉันคิ้วขมวดยืนท้าวสะเอวจ้องมองตาลุกวาวของยัยนัท เมื่อเราทั้งสองเดินออกมาจากรถของฉันและมาหยุดอยู่หน้ารถคนนั้น “อย่าบอกนะว่าถ้าเป็นเสี่ยแก่ๆแกก็จะ...

“ใช่สิ โอกาสที่ฉันจะได้รู้จักคนรวยๆขนาดนั้นมาอยู่ตรงหน้าแล้วทำไมฉันจะไม่รีบคว้าล่ะยะ” เธอทั้งพูดทั้งกุมมือทำท่าทางและดวงตาชวนฝันในเรื่องเพ้อเจ้อของเธอไป ปล่อยให้ฉันได้แต่ท้าวสะเอวจ้องมองเจ้ารถยี่สิบล้านคันต่อหน้าด้วยความหงุดหงิด หงุดหงิดที่โดนแย่งที่ และหงุดหงิดที่อยู่ๆคอนโดแห่งนี้จะมีรถคันใหม่ที่สวยและหรูกว่าฉันมาจอดแล้ว

บ้าจริง..เจ้าของรถคันนี้เป็นใครกันนะ..

คำตอบสำหรับความสงสัยถูกเฉลยขึ้นในเช้าวันต่อมา เมื่อฉันกำลังเดินลงมายังที่จอดรถของคอนโดพร้อมๆกับยัยนัทเพื่อที่จะไปมหาลัยด้วยกันดังเช่นทุกๆเช้า

“เฮ้ย..นั่นเจ้าของรถแลมโบกีนี่คันนั้นป่ะวะ” เป็นยัยนัทที่รีบชี้ชวนฉันให้รีบมองดูด้านหลังของผู้หญิงผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยร่างสูงสะโอดสะองค์ในชุดสูทผ่าไหล่สีดำ ที่กำลังเดินนำหน้าพวกฉันไปที่รถคันนั้นพร้อมๆกับที่เสียงสัญญาณรถคันนั้นดังขึ้นเมื่อหล่อนเดินไปถึง ซึ่งทันทีที่ฉันเห็นอย่างนั้นฉันก็รีบดึงยัยนัทไว้แล้วลากให้เดินเข้าไปแอบมองหล่อนอยู่ที่หลังรถยนต์คันนึง

อะไรวะ?” ยัยนัทรีบถามฉันทันทีที่เห็นฉันกำลังจ้องมองและพิจารณาผู้หญิงคนนั้นอยู่อย่างเงียบๆเมื่อหล่อนหันใบหน้าเรียวสวยมาให้ฉันเห็นตอนที่กำลังยืนรอให้ประตูรถหล่อนเปิดขึ้น

หืมม..โคตรสวย.. นั่นคือความคิดของฉันในแว๊บแรกที่เห็นใบหน้าของหล่อนแบบเต็มๆ นี่ขนาดว่าฉันเป็นคนที่หลงตัวเองและก็ไม่เคยชมใครว่าสวยเลยนอกจากชมตัวเอง ฉันก็ยังเผลอชมหล่อนไปอย่างไม่ตั้งใจได้ขนาดนั้น

ดูผิวพรรณก็ขาวนวลดูก็รู้ว่าต้องเป็นผู้ดีมีตะกูลและน่าจะมีเชื้อสายจีน เพราะสายตาเธอดูโฉบเฉี่ยวสวยคม แถมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเครื่องประดับต่างๆก็ดูดีมีคราสไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า ต่างหูก็ดูเหมือนหล่อนเลือกสรรมาใส่แต่ของดีมีแบรนด์ทั้งสิ้น หล่อนดูสวยและเพอร์เฟ็กไปหมดเสียทุกอย่าง จนกระทั่งฉันยังอดที่จะอิจฉาไม่ได้เลยเมื่อคิดว่าหล่อนช่างเหมือนภาพวาดที่ถูกวาดมาให้องค์ประกอบทุกอย่างพอเหมาะพอเจาะและน่ามองอย่างไม่น่าเบื่อ..

และที่สำคัญ..รถที่หล่อนขึ้นไปนั่งก็ช่างสวยปราดเปรียวควรค่าที่จะเป็นรถของหล่อนเหลือเกิน

 อะไรวะ เมียน้อยใครหรือเปล่าวะ ทำไมถึงมีรถแพงขนาดนั้นได้

เมียน้อยเหรอ?”หันไปแหล่มองยัยนัทที่คงจะคิดเป็นแต่เรื่องเดียวซึ่งก็คือเรื่องที่ตัวเองเป็นนั่นแหละ แกคิดว่าจะมีเสี่ยที่ไหนทุ่มเงินยี่สิบกว่าล้านซื้อรถให้เมียน้อยขนาดนี้อยู่เหรอวะ เมียหลวงเขาจะไม่ว่าอย่างงั้นรึ

เอ้า ก็ไม่รู้แหละก็เห็นสวยขนาดนั้นก็เผื่อมีใครที่รวยมากๆอุปถัมป์อะไรอย่างนี้ไง เออ แล้วนี่แกจะมาขึ้นเสียงใส่ฉันทำไมวะ ทำยังกับว่าแกโกรธแทนเขาที่ฉันว่าเขาเป็นเมียน้อยงั้นแหละ

โดนทักอย่างนั้นฉันก็เลยเลิ่กลั่กเล็กๆ เมื่อใจก็แอบคิดไปแล้วจริงๆว่าพี่คนนั้นลักษณะท่าทางดูเป็นผู้ดีขนาดนั้นเขาคงไม่ใช่เมียน้อยหรอก

ฉันว่าไม่ใช่...พี่เขาคงไม่ใช่เมียน้อยหรอก ฉันดูโหงวเฮ้งคนออก เค้าดูบุคลิกดีเกินกว่าจะเป็นน้อยคนไปได้

ว่างั้น..” ยัยนัทแอบชำเรืองดูฉันทันทีที่ได้ยินเสียงอ่อยๆตอนที่เถียงแทนพี่เขาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ “เออๆช่างเถอะ งั้นเราก็รีบไปเรียนเถอะ เดี๋ยวจะสายเอาเปล่าๆ”

ในคาบเรียนวันนั้น ฉันได้แต่นั่งกอดอกไขว่ห้างเฝ้านึกถึงแต่ภาพใบหน้าเนียนสวยของพี่คนนั้น ทั้งคิดตามยัยนัทในเรื่องที่หล่อนทึกทักเอาว่าพี่คนนั้นอาจจะเป็นเมียน้อยใครสักคนก็ได้ถึงได้มีรถหรูขนาดนั้นขับ

ไม่ได้..อย่าเอามาตรฐานชีวิตตัวเองไปตัดสินคนอื่นสิ นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดได้เมื่อหันไปเห็นบรรดาเพื่อนในกลุ่มกำลังเมาส์มอยส์เรื่องกระเป๋าหรูของพวกหล่อน และแม้จะอยากคิดอย่างนั้น แต่สิ่งที่ฉันเห็นและรับรู้ได้จากการเป็นผู้หญิงในแบบของพวกฉันก็คือการที่ผู้หญิงอย่างเราจะมีเงินจับจ่ายใช้สอยซื้อหาของหรูหราต่างๆอย่างที่ใจต้องการได้มันก็ได้มาจากวิธีนี้ทั้งนั้นนี่นา..

ใช้เซ็กส์แลกเงิน เรือนร่างแลกเงิน แม้ฉันจะไม่ได้แลกสิ่งของพวกนั้นมาจากเรือนร่างของฉันโดยตรง แต่ยังไงวันหนึ่งฉันก็คงต้องให้ใครสักคนไปแน่ๆ

ใครสักคนที่มีค่าและสามารถตอบแทนสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตฉันด้วยมูลค่าที่ฉันพึงพอใจได้..

และใครคนนั้นเขาอาจจะเป็นโจทย์พิเศษอย่างที่เพื่อนพวกนี้กำลังรอจากฉันอยู่ก็เป็นได้...

////////////////////

เย็นวันนั้นหลังจากที่ฉันกลับเข้าคอนโดแล้วและชวนยัยนัทออกมาหาอะไรกินข้างนอกในช่วงค่ำๆของวัน ระหว่างที่พวกฉันกำลังเดินมายังลานจอดรถภาพของผู้หญิงที่ปรากฏอยู่ในห้วงความคิดฉันทั้งวันก็ปรากฏต่อหน้าอีกครั้ง...

“หนูพึ่งย้ายมาอยู่ใหม่หรือจ๊ะ”

เสียงของป้าแม่บ้านคอนโดดังขึ้นอยู่แถวๆรถแลมโบกี่นี่คันงามที่พี่คนนั้นกำลังยกกล่องอะไรลงมาอยู่สองสามกล่อง ซึ่งแค่ได้ยินว่าแม่บ้านกำลังคุยกับพี่คนนั้น ฉันก็รีบดึงยัยนัทที่กำลังจะเดินตรงไปที่รถตัวเองให้มาแอบที่หลังรถใกล้ๆกับจุดที่หล่อนอยู่ทันที..

ค่ะ พึ่งมาเมื่อวานก่อนนี่เองค่ะป้า

อ้อเหรอจ๊ะ แล้วหนูมาอยู่กับใครล่ะ

อยู่คนเดียวค่ะ ห้องหนูชั้น8ค่ะป้า เดี๋ยวไงฝากป้าช่วยดูแลให้ด้วยนะคะพี่คนนั้นทั้งพูดทั้งยื่นแบงค์สีม่วงวางลงบนมือป้าแม่บ้าน

“อุ้ย ตายแล้วลูกป้ารับไว้ไม่ได้ หน้าที่ดูแลที่นี่มันก็เป็นหน้าที่ป้าอยู่แล้วหนูไม่ต้องให้เอ่อ..

“ไม่เป็นไรค่ะป้า เมื่อกี้ป้าก็ช่วยหนูยกของตั้งเยอะ แล้วหนูอยู่ที่นี่คนเดียวตัวคนเดียว พึ่งมาอยู่ได้ไม่นานยังไม่รู้จักอะไรอีกเยอะเลย หนูคงจะได้รบกวนป้าอยู่เรื่อยๆแน่เลย ยังไงป้าช่วยรับน้ำใจจากหนูไปด้วยแล้วกันนะคะ คิดซะว่าช่วยดูแลลูกสาวอีกคนแล้วกัน..” พี่คนนั้นทั้งพูดทั้งรบเร้าให้ป้าแม่บ้านรับเงินไป จนป้าเกรงใจต้องรับสินน้ำใจจากเธอไปในที่สุด

สปอร์ตชะมัด..นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดในขณะที่แอบมองพี่คนนั้นเดินถือกล่องนำป้าเข้าลิฟท์ไป

ดีจัง สวยก็สวย รวยก็รวย แถมยังใจป้ำอีก และที่สำคัญก็มาอยู่ที่นี่คนเดียวเสียด้วย นึกถึงประโยคที่เธอย้ำกับป้าว่าอยู่ที่นี่ตัวคนเดียวแล้วก็พอจะเดาได้ว่า เธอน่าจะโสดแน่ๆ...

หลังจากที่แอบมองเธออย่างเงียบๆอยู่นาน ตอนนี้ใบหน้าฉันก็กลายเป็นเปื้อนรอยยิ้มขึ้นมาเพราะมีความคิดบางอย่างโลดแล่นอยู่ในหัวตัวเองเสียแล้ว

“แกว่าผู้หญิงที่สวยและรวยขนาดนั้นจะจีบยากมั้ยวะ” รีบหันไปถามยัยนัททันที

“ก็ต้องยากสิ เมื่อกี้ได้ยินว่าอยู่คนเดียวตัวคนเดียวด้วยก็แสดงว่ายังไม่มีใครจีบติดสักคน..”

“ใช่มะ..” อมยิ้มทันทีเมื่อได้ยินเพื่อนพูดอย่างนั้น งั้น..ฉันรู้แล้วว่าโจทย์พิเศษของฉันคือใคร..”

ใครวะ..” ยัยนัทคิ้วขมวดหันมามองฉันที่จ้องมองไปที่รถแลมโบกี่นี่คันนั้นก่อนจะตาโตเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ด้วยความฉลาดล้ำเลิศของเธอเข้า

เฮ้ยยย..อย่าบอกนะว่า..พี่ผู้หญิงคนเมื่อกี้อ่ะ

ฉันหันมายักคิ้วให้ยัยนัท ใช่..แกว่าไง โจทย์ของฉันยากพอมั้ย มันยากพอที่จะให้พวกแกรับคำท้าของฉันได้ป่ะทั้งพูดทั้งยิ้มจ้องมองไปที่ใบหน้างงๆของยัยนัท

เอาจริงดิแก แกมาแนวไหนเนี่ย เป็นเลสป่ะเนี่ย ทำไมอยู่ๆจะมาเอาผู้หญิง ขนลุกป่ะเนี่ย

เลสบ้าอะไร แกก็เห็นว่าฉันชอบผู้ชาย แต่นี่คือความท้าทายที่สุดของฉันเว้ย ผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งรวยขนาดนี้ แกคิดว่าเขาจะหลงฉันหัวปักหัวปำอย่างที่พวกผู้ชายพวกนั้นเป็นกันมั้ย” อมยิ้มในตอนที่คิดถึงภาพต่างๆที่เคยเกิดขึ้นในอดีตในตอนที่เทผู้ชายซ้ำแล้วซ้ำเล่าของฉัน ฉันอยากรู้ว่าเสน่ห์ของฉันมันจะมีมากขนาดไหน..”

ว่างั้น..ยัยนัทอมยิ้มทั้งยักคิ้วท่าทางมีพิรุธเหมือนแอบขำในท่าทางหลงตัวเองของฉัน และถ้าเดาไม่ผิดเธอก็คงจะรอสมน้ำหน้าฉันในตอนที่รู้ว่าฉันจีบพี่คนนั้นไม่ติด ไม่แม้แต่จะคุยกับฉันสักคำเลย แม้เวลาจะผ่านจากวันนั้นมาเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์อย่างในตอนนี้ก็ตาม...

“เอาไงวะเปลี่ยนแผนดีมั้ย เปลี่ยนไปจับเสี่ยแก่ๆดีกว่าเนอะ”น้ำเสียงปนหัวเราะของยัยนัทดังขึ้นมาเรียกสติฉันที่จ้องมองรอยล้อรถแลมโบกีนี่คันนั้นอีกครั้งหนึ่ง

“ไม่..ทำไมฉันจะต้องเปลี่ยนด้วย ยังไม่ทันได้เริ่มสักหน่อย”

“ไม่ทันได้เริ่ม” เธอหัวเราะดังกว่าเมื่อกี้เสียอีก “ได้ๆงั้นเดี๋ยวฉันจะไปบอกเพื่อนๆที่เหลือให้ว่าแกยังไม่ถอดใจหรอกเพราะแผนของแกยังไม่เริ่มเลยแล้วกันนะ”

เสียงหัวเราะจากหลังประโยคนั้นดังอยู่ในหัวฉันทั้งวัน และภาพใบหน้าบึ้งมึนตรึงของพี่คนนั้นก็อยู่ในหัวของฉันทั้งวันเช่นเดียวกัน น่าโมโหชะมัด ทั้งๆที่ฉันพยายามเข้าไปตีสนิทอย่างสุภาพแล้วแท้ๆแต่ทำไมเธอถึงวางตัวเฉยชากับฉันได้ถึงเพียงนี้นะ

นึกถึงวันแรกที่ตัวเองแกล้งวิ่งตามเข้าไปในลิฟท์ให้ทันพี่คนนั้นในตอนเช้าและได้อยู่กับเธอสองต่อสองในลิฟท์

“ขอบคุณนะคะ ที่เปิดลิฟท์ให้” เป็นฉันที่ทักทายเธอด้วยน้ำเสียงที่แกล้งทำเป็นกระหืดกระหอบเมื่อตัวเองแกล้งทำเป็นวิ่งเข้ามาเกือบไม่ทันจนพี่คนนั้นต้องกดลิฟท์ค้างไว้ให้

“ถ้าไม่ได้พี่กดลิฟท์ให้หนูต้องไปเรียนสายแน่ๆเลยค่ะ” ทั้งพูดทั้งพยายามจัดชุดนักศึกษาของตัวเองเพื่อให้พี่คนนั้นเห็นว่าตัวเองดูดีแค่ไหนในชุดนักศึกษา ด้วยหวังว่าจะได้รับรอยยิ้มจากเธอบ้าง แต่ก็เปล่าเลย มีเพียงใบหน้าสวยที่จ้องมองมาที่ฉันด้วยดวงตาราบเรียบเหมือนกำลังพินิจพิเคราะห์อะไรบางอย่างในตัวฉันอยู่

“พี่พึ่งย้ายมาอยู่ที่นี่หรือคะ หนูไม่คุ้นหน้าพี่เลย จำได้ว่าไม่เคยมีคนสวยขนาดนี้อยู่ในคอนโดนี้มาก่อน”

แอบปล่อยมุกหยอดเธอนิดๆด้วยหวังจะตีสนิทนั่นแหละ แต่ก็เหมือนเคย มีเพียงใบหน้าสวยที่ปราศจากรอยยิ้มจ้องมองมาที่ฉันเท่านั้น ฉันพยายามส่งยิ้มให้เธอแต่ก็ต้องเก้อเมื่อเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาใครแล้วรีบเดินออกจากลิฟท์ไปทันทีเมื่อลิฟท์เปิดออก

ปล่อยให้ฉันยืนอึ้ง ได้แต่จ้องมองภาพไร้มนุษยสัมพันธ์โดยสิ้นเชิงของพี่คนนั้นด้วยอาการเหวอๆของตัวเองไป

นั่นคือการวืดครั้งแรก..และถึงแม้จะคิดได้ว่ามันเงียบผิดปกติตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันยังไง และส่อแววว่าจะนกจริงจังขนาดไหน แต่ฉันก็ยังพยายามฝืนตัวเองให้ไปพบเจอเธอเพื่อสร้างความบังเอิญแบบจอมปลอมต่อไป

ไม่ว่าจะเป็นแกล้งเข้าไปทักเธอที่คอฟฟี่ช๊อปด้านล่างคอนโดเสมือนว่าบังเอิญมาเจอเธอที่มาดื่มกาแฟ ทั้งที่จริงตัวฉันแอบสะกดรอยเดินตามมา หรือไม่ว่าจะเป็นแกล้งออกมาจากห้องน้ำในฟิตเนสที่ตัวเองก็แอบซ่อนอยู่ในนั้นตั้งนานกว่าเธอจะเดินเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเห็นฉันในนั้น ซึ่งแน่นอนว่าในการทักทายอย่างบังเอิญของฉันนั้นมันมักจะนำพาใบหน้าราบเรียบจนเหมือนคนหน้าบึ้งมาให้ฉันซะทุกที ทั้งๆที่ฉันจำได้ว่าเธอเองยิ้มให้คนนั้นคนนี้ในคอนโดบ่อยไป

เอ..หรือเธอเกลียดฉันที่ฉันสวยและสาวกว่าหรือเปล่านะ ทำไมเธอจึงเอาแต่หน้าบึ้งใส่ฉันอย่างนั้นกัน

นั่นคือความคิดของฉันเมื่อเริ่มนึกขึ้นได้ถึงอาการเฉยชาแปลกๆทุกๆครั้ง ทั้งๆที่ยังไม่ได้รู้จักกันเลย

ก็อาจใช่..คนสวยบางทีก็อิจฉาคนที่ดูสวยกว่าและสาวกว่า นี่คงกลัวฉันแย่งซีนซินะถึงได้แสดงท่าทางแย่ๆออกมาต่อฉันตลอดน่ะ เมื่อเริ่มขบคิดถึงต้นเหตุปัญหาขึ้นมาได้ตอนนี้ฉันก็เริ่มสบายใจขึ้นมาหน่อยแล้ว แต่กระนั้นก็ยังไม่วายพยายามคิดหาหนทางที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้หมดไปอยู่เช่นเคย

แย่สิทีนี้ ในเมื่อเธอรู้สึกไม่ถูกชะตากับฉันอย่างนี้แล้ว การเข้าหาแบบบังเอิญของฉันก็คงจะใช้ไม่ได้ผลแล้วใช่มั้ย?