วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

 ซ้อนเล่ห์รัก 


[ PART 1 : ฝ้าย ]

Chapter 6

บุกถึงห้อง

เข้าวันที่สี่ของการจงใจหลบหน้าฉันของยัยพี่นารา วันนี้ฉันตัดสินใจขึ้นไปหาเธอที่ชั้น8ที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเธออยู่ห้องไหนกันแน่ เพราะจากการที่ฉันได้ยินเธอสนทนากับป้าแม่บ้านในตอนนั้นเลยทำให้ฉันรู้แค่ชั้น แต่เรื่องของห้องเมื่อฉันลองไปสอบถามกับนิติคอนโดก็ได้คำตอบกลับมาว่าไม่ได้รับอนุญาติจากคุณนาราให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเธอเช่นเคย

เลยได้แต่เดินเตร็ดเตร่ไปมาด้วยความหวังว่าอาจจะเจอเข้ากับร่องรอยอะไรซักอย่างที่บ่งชี้ว่าเธออาจจะอยู่ห้องนี้ก็ได้ แต่จนแล้วจนรอดไม่ว่าฉันจะพยายามเดินผ่านไปผ่านมาสักกี่สิบรอบฉันก็ยังมองไม่เห็นร่องรอยอะไรอยู่ดี จนคนในชั้นนั้นเริ่มผิดสังเกตในตัวฉัน แล้วพากันออกจากห้องมามองฉันด้วยความไม่ไว้ใจ และฉันเองก็เริ่มอายสายตาผู้คนเลยจำใจต้องล่าถอยออกจากชั้นนั้นลงมานั่งหงุดหงิดที่ห้องตัวเองว่าโอกาสที่จะได้เจอยัยพี่นาราอีกครั้งคงเป็นไปได้ยากแล้วแน่ๆ

ดึกวันนั้น ฉันในเวอร์ชั่นเกรี้ยวกราดได้ถูกยัยนัทชักชวนให้ไปนั่งดื่มเหล้าที่บาร์แห่งหนึ่ง เมื่อเธออาสาจะปรับทุกข์ให้ฉันที่เปรยๆให้เธอฟังถึงเรื่องราวความเซ็งและความหงุดหงิดของตัวเองที่เกิดจากยัยเจ๊นาราตลอดระยะเวลาสามสี่วันที่ผ่านมานี้

คอยดูนะถ้ายัยเจ๊นารามาเป็นแฟนฉันได้นะ ฉันจะจับ...แรงๆแก้แค้นคืนเลยคำพูดจากน้ำเสียงจงเกลียดจงชังของฉันที่มีต่อบุคคลที่สามทำให้ยัยนัทแทบจะสำลักเหล้าออกมาทันทีที่ได้ยิน

แกจะจับเจ๊เขาทำอะไรแรงๆวะ เฮ้ยอย่าบอกว่าเรื่องนั้นนะ โหยนี่แกจะรุนแรงซาดิสต์กับเจ๊แกเลยว่างั้นเธอทั้งพูดทั้งไอแค่กๆก่อนจะหยิบขวดเหล้าขึ้นมารินเติมแก้วที่หล่อนทำคว่ำไปพร้อมๆกับการสำลักเมื่อครู่นี้

เออ..หมั่นไส้ว่ะ เข้าใจแล้วทำไมผู้ชายถึงชอบพูดเรื่องอย่างว่าเวลาหมั่นไส้ผู้หญิงคนไหน คอยดูนะแม่จะทำจนหล่อนต้องขอร้องให้หยุดเลยคอยดู

โอ้ยแก แกกำลังเหยียดเพศอยู่นะแก พูดอย่างนี้ไม่ดีเลยนะ

ฉันไม่ได้เหยียดเพศ แต่ฉันกำลังพูดอะไรก็ได้ที่ทำให้ฉันหายแค้นเว้ย หน็อยย..กล้าดียังไงมาหลบหน้าฉัน รู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร คนชอบฉันเยอะขนาดไหน ทำยังกับตัวเองสวยตายแหละ

ก็สวยนะแก ฉันก็คิดว่าเจ๊แกสวยเอาเรื่องอยู่นะยัยนัทเถียงแทนยัยพี่นาราแล้วอมยิ้มมองดูฉันที่หัวฟัดหัวเหวี่ยงขึ้นอีกเมื่อเห็นเพื่อนไปเข้าข้างคนอื่นอย่างนั้น

แกว่าใครสวย ยัยพี่นารานั่นเหรอสวย

ก็เออดิ อะไรอะแก แกอย่าใช้อารมณ์ได้ป่ะ ฉันจำได้วันแรกที่แกเห็นพี่เขาแกยังหลุดปากชมว่าเขาสวยอยู่เลย ใจเย็นดิแก เดี๋ยวพรุ่งนี้แกอาจจะเจอเขาแล้วก็ได้ ฉันว่าพี่แกอาจจะไปธุระต่างจังหวัดอะไรเงี้ยมากกว่า

ฉันพ่นลมหายใจแห่งความหงุดหงิดออกมา ก่อนจะยกเหล้าดื่มไปพลางพูดไป เป็นอย่างนั้นก็ดีไป อย่าให้ฉันรู้แล้วกันว่าจงใจหลบหน้าฉัน ไม่งั้นแม่จะจับ..”

จะจับ..พูดอย่างนี้อีกแล้วนะแก ทำอย่างกับว่าเวลาที่พวกแกได้กัน เขาจะไม่ทำอย่างนั้นแกคืนบ้างงั้นล่ะ

ไม่ทำดิ เพราะฉันจะไม่ยอมให้ใครทำอะไรฉันได้แน่นอน โดยเฉพาะคนที่ฉันไม่ได้รัก

ไม่ได้รัก? แต่แกก็จะเอาเขาอย่างนี้เนี่ยนะ โฮ๊ะ! เหลือเชื่อเลยแกนี่ ฉันนี่เริ่มสงสารยัยพี่นาราแกขึ้นมาจริงๆแล้วนะนี่ ไม่อยากจะคิดเลยนะว่าถ้าเขาหลงรักแกจริงๆแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วนี่แกไม่สงสารเขาบ้างหรือวะ เขาก็เป็นผู้หญิงเหมือนๆกับแกนะเว้ย

ไม่สงสารเลย ยิ่งตอนนี้ยิ่งไม่สงสารด้วย นอกจากฉันจะจับเจ๊แกมานั่นแล้ว ฉันยังจะสูบทุกอย่างของยัยนั่นให้หมดอีก

เฮ้ยแก เบาได้เบานะเว้ย อย่าลืมดิที่แกมาจีบยัยพี่นาราเพราะว่าแกต้องการแสดงให้เพื่อนๆเห็นเท่านั้นว่าแกเจ๋งแค่ไหนที่ทำให้คนระดับพิเศษๆอย่างพี่นารามาตกหลุมรักแกได้ ฉันว่าแกก็ไม่จำเป็นต้องทำร้ายใจเขาเลยนะเว้ย ฉันว่าแค่แกจะทิ้งเขาเขาก็คงเสียใจอยู่แล้วมั้ง นึกถึงเวลาที่เราโดนทิ้งบ้างสิ..”

คำพูดเตือนสติของยัยนัทพอทำให้อารมณ์เกรี้ยวกราดของฉันอ่อนลงได้บ้าง แต่มันก็เป็นแค่การเก็บซ่อนอารมณ์โกรธไว้ในใจลึกๆเท่านั้นไม่ได้หายไปไหนเลย มันแค่รอเวลาที่เหมาะสมที่ฉันจะปลดปล่อยออกมาเท่านั้นเอง

          กลางดึกวันนั้น ฉันขอตัวยัยนัทกลับคอนโดเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะอยู่ในขั้นเมามากๆและหากอยู่ดึกกว่านี้กลัวว่าตัวเองจะขับรถกลับไม่ได้ และแม้ว่ายัยนัทจะจะอยากให้ฉันไปกับเธอต่อยังไง เธอก็ต้องปล่อยให้ฉันกลับก่อนอยู่ดี อาจเป็นเพราะว่าเธอเห็นชุดของฉันนั้นเป็นชุดที่พร้อมเที่ยวมากเหลือเกินและคิดว่าฉันต้องไปแด๊นซ์ต่อแน่ๆเลยโทรเรียกกิ๊กเธอให้พาไปเที่ยวต่อ แล้วเลยกลายเป็นประหลาดใจที่ฉันปฏิเสธและให้เหตุผลที่แต่งตัวสวยเกินเบอร์แค่เพราะฉันไม่ยอมที่จะทิ้งคราบความเซ็กซี่ของตัวเองไปเด็ดขาดแม้สถานที่ที่ฉันไปจะเป็นแค่บาร์ธรรมดาๆก็ตาม

          รถฉันเข้าจอดที่จอดรถคอนโดราวๆตีสองของวัน ที่นั่นทำให้ฉันประหลาดใจและร้อนรนอย่างมากเมื่อพบว่ามีรถแลมโบกีนี่สีขาวจอดอยู่ที่จอดรถที่มันเคยจอดอยู่แล้ว

          รถยัยพี่นารานี่ นี่แสดงว่าเธออยู่ที่ห้องเธอแล้วใช่มั้ย

          แค่คิดได้ดังนั้นฉันก็รีบขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นเธอทันที ที่นั่นตอนนี้โถงทางเดินด้านหน้าห้องแต่ละห้องว่างเปล่าปราศจากผู้คน มันเงียบและสงบ ต่างจากใจฉันที่ร้อนรนและคุ้มคลั่ง ไม่ว่าจะมาจากความโมโหเธอหรือจากความเมาก็ดีต่างก็พากันสุมไฟเผาสติของฉันให้หมดไป คิดอะไรไม่ออก นึกอะไรก็ไม่ทัน ไม่รู้จะไปหาห้องยัยพี่นาราได้จากที่ไหน ตอนนี้เลยได้แต่วิ่งและร้องตะโกนโหวกเหวกโวยวายเป็นชื่อยัยพี่นาราเสียงดัง จนห้องแต่ละห้องเริ่มรำคาญเมื่อเวลาผ่านไปนานฉันก็ยังไม่หยุดร้องเรียกเสียที ห้องทุกห้องตอนนี้เลยพากันเปิดประตูออกมาดูฉันหมดแล้ว

          พี่นาราออกมาเดี๋ยวนี้นะ พี่จะหลบหน้าหนูทำไมเนี่ย พี่นารา พี่นาร๊าาา...”

          ผู้ชายหน้าตาแปลกๆจากหลายๆห้องเริ่มพากันเดินกรูเข้ามาหาฉัน เมื่อเขาเห็นว่าฉันเหมือนคนเมาไม่ได้สติ

          คุณครับ คุณจะร้องทำไม คุณ คุณ..” เขาพวกนั้นเริ่มมาประชิดตัวฉันและทำท่าเหมือนจะอุ้มฉันขึ้น จนฉันร้องโวยวายเสียงดังกว่าเดิม และพวกเขาก็ยิ่งพากันกรูเข้ามาจับฉันมากกว่าเดิมเสียด้วยเมื่อเห็นว่าฉันจะไม่ยอมง่ายๆอย่างนั้น

          ปล่อยนะ ปล่อย จะมาทำอะไรฉันเนี่ย ปล่อยยยย

          คุณนั่นแหละจะร้องทำไมเนี่ย เงียบและหยุดอยู่นิ่งๆ! เงียบ!” หนึ่งในนั้นตะโกนใส่ฉันคืนบ้างก่อนจะเงียบลงไปเมื่อมีเสียงสวรรค์เสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามาท่ามกลางความวุ่นวายต่างๆ

          เอ่อ..ขอโทษนะคะ น้องสาวดิฉันเอง แกกำลังเมา เดี๋ยวฉันพาแกกลับห้องเองค่ะ

          เป็นเสียงของยัยพี่นาราในชุดคลุมนอนผ้าซาตินสีดำที่มาพร้อมๆกับการแหวกร่างผู้ชายตัวใหญ่ๆสามสี่คนที่ทำท่าเหมือนกำลังจะอุ้มฉันไปไหนออก ซึ่งฉันก็ยิ้มออกทันทีที่เห็นว่าเป็นเธอ ต่างจากเธอที่หน้าบึ้งคิ้วขมวดจ้องมองฉันด้วยสายตาเชิงตำหนิอยู่ตลอด ในตอนที่เธอสอดกายเธอเข้ามาพยุงร่างของฉันให้ลุกขึ้นจากพื้นที่ฉันล้มลงกลิ้งเกลือกไปมาด้วยฤทธิ์เหล้าก่อนหน้านั้นเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายที่ไหนไม่รู้จะมาอุ้มตัวเองไปดื้อๆ

          ขอโทษที่รบกวนกลางดึกนะคะ ขอโทษจริงๆ ดิฉันสัญญาว่าจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีกแน่นอนค่ะ

          เสียงเซ็งแซ่ของบรรดาลูกบ้านคอนโดเงียบลงไปเมื่อพี่นาราพาฉันหลบเข้าไปในห้องของเธอที่ฉันมองและจำเลขที่ห้องไว้อย่างแม่นยำเลยทีเดียวในตอนที่เดินผ่านป้ายห้อง809

          เป็นบ้าอะไรเนี่ย รู้ตัวมั้ยว่าทำอะไรลงไป นึกยังไงมาร้องตะโกนโหวกเหวกตอนตีสองเนี่ย นี่มันเวลาพักผ่อนของคนเขารู้ตัวมั้ยเธอในชุดคลุมนอนผ้าซาตินสีดำต่อว่าฉันด้วยใบหน้าคิ้วขมวดบ่งบอกว่าเธอไม่พอใจฉันสุดๆ

          รู้สิทำไมจะไม่รู้ แต่เพราะพี่นารานั่นแหละที่หลบหน้าหนูเลยทำให้หนูต้องเป็นบ้าอย่างนี้ ทำไม! ทำไมต้องหนีหน้าหนูด้วย หนูทำอะไรผิด!”

          ใครหลบหน้าเธอ ฉันเนี่ยนะ มีความจำเป็นอะไรที่ต้องหลบหน้าเธอด้วย เธอเป็นใครมีความสำคัญอะไรกับฉันถึงทำให้ฉันต้องหลบหน้าเธออย่างนั้นรึ

ปากจิ้มลิ้มในตอนที่ยักคิ้วลิ่วตาถามคำถามที่รู้ว่าเธอกำลังแกล้งยั่วประสาทฉันคืนทำให้อดที่จะโมโหไม่ได้ แล้วเลยกลายเป็นยื่นมือไปล๊อคหน้าเธอดึงเข้ามาจุ๊ปปากเบาๆด้วยความหมั่นไส้เฉยเลย ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอรีบผลักฉันออกแล้วง้างมือตบหน้าฉันคืนมาฉาดใหญ่ๆ

          เป็นบ้าอะไรเนี่ย กล้าดียังไงมาทำยังนี้กับฉันเธอหน้าแดงแจ๋ยกมือถูปากตัวเองพัลวัล ต่างจากฉันที่แม้จะเจ็บแสบแก้มตัวเองยังไง แต่ความคุ้มค่าเมื่อได้รับสัมผัสนุ่มนิ่มจากปากแม่สาวถือยศถือตัวคนต่อหน้าก็ทำให้ฉันยิ้มกวนๆออกมาแทนเธอซะแล้ว

          เธอกัดปากกัดฟันมองฉันที่ยิ้มยั่วโทสะเธอคืนอย่างโมโห หน้าตาก็ดีทำไมทำนิสัยอย่างนี้ พ่อแม่ไม่ว่ารึไง รึไม่มี...”

          พี่หลอกด่าหนูอีกแล้ว

          ไม่ได้หลอก ด่าตรงๆ

          ฉันแสยะยิ้มทันทีที่ยัยพี่นารายอมรับว่าด่าฉันตรงๆ ก่อนจะแกล้งขู่เธอด้วยการย่างสามขุมไปประชิดตัว ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอผงะรีบเดินถอยหลังหนีฉันทันทีเมื่อเธอคิดว่าฉันอาจจะกำลังไปปล้ำเธอก็ได้

          หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ ไม่งั้นจะเรียกนิติมาล๊อคตัวไปส่งตำรวจจริงๆด้วย อุตสาห์ช่วยแล้วแท้ๆยังทำนิสัยอย่างนี้อีก

          ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยหนูแค่จะเดินเข้ามาคุยกับพี่ดีๆอมยิ้มมองท่าทางกล้าๆกลัวๆของเธอ

          แต่เมื่อกี้เธอก็ทำฉันแล้ว

          นั่นหนูโมโห หนูแค่เปลี่ยนจากตบเป็นจูบพี่ด้วยความนุ่มนวลเท่านั้น

          พี่นารายกปากแหยงๆทันทีที่ได้ยินฉันแก้ตัวด้วยใบหน้ายียวน ตบอย่างนั้นเหรอ นี่เธอจะกล้าตบฉันเหรอ

          ใช่ ถ้าเป็นคนอื่นมากวนหนูอย่างนี้เขาอาจจะโดนหนูตบด้วยข้อหาหมั่นไส้แล้วก็ได้

          โฮ๊ะ ลามปามมาก เธอนี่นอกจากหน้ามึนแล้วยังลามปามอีก เนี่ยแหละนะที่เค้าบอกกันว่าพูดกับหมา หมาเลียปาก ฉันไม่พูดกับเธอให้เสียปากดีกว่า ออกไปเลยไปว่าแล้วแม่เจ้าประคุณก็เดินเข้ามาพลักดันฉันให้ออกไปจากห้องเธอ ซึ่งนั่นก็ทำให้ฉันรู้ว่าเธอกำลังเริ่มโกรธจริงๆแล้ว และไม่แน่ว่าเมื่อเธอไล่ฉันออกไปแล้ว ฉันจะได้เจอเธอในวันข้างหน้าอีกมั้ย เธอคงจะหลบหน้าฉันอย่างก่อนนั้นอีก และดีไม่ดีเธออาจจะย้ายจากคอนโดนี้เพื่อหนีฉันเลยก็ได้

คิดได้ดังนั้นฉันก็เปลี่ยนใบหน้าจากยียวนอวดดีก่อนหน้านั้นกลายเป็นสลดและรู้สึกผิดทันที

          อ๊ะๆพี่นาราหนูขอโทษ หนูสัญญาว่าหนูจะไม่ทำอย่างเมื่อกี้กับพี่อีกแล้ว ต่อไปนี้หนูจะให้เกียรติพี่จะไม่ล่วงเกินพี่อย่างเมื่อกี้อีกแล้ว สัญญาค่ะทั้งพูดทั้งยกมือไหว้เจ้าหล่อน

          นะๆ อย่าพึ่งไล่หนูออกไปตอนนี้เลยนะ เมื่อกี้เห็นมั้ยว่าผู้ชายพวกนั้นจะทำอะไรหนู พี่ไม่เป็นห่วงหนูเหรอ หนูเป็นผู้หญิงเหมือนๆพี่นะ พีก็รู้ว่าตอนนี้หนูกำลังเมา บางทีหนูก็ควบคุมอารมณ์หนูไม่อยู่ แต่ใจจริงหนูไม่ได้คิดร้ายกับพี่จริงๆนะ”

          พี่นาราคงเห็นแก่สายตาออดอ้อนสำนึกผิดของฉัน หรือไม่ก็เห็นแก่การยกมือไหว้ขอโทษเป็นการเป็นงาน ทีท่าและใบหน้าคิ้วขมวดด้วยความโมโหก่อนหน้านั้นเลยอ่อนลง

          แล้วกินทำไมเหล้า

          ก็หนูคิดถึงพี่..”

          ก็เลยไปกินเหล้าด้วยชุดโป้ๆอย่างนี้เนี่ยนะ นี่..ถ้าเธอคิดถึงฉันจริงๆ คงไม่ใส่ชุดยั่วยวนสายตาคนอย่างนี้ไปกินเหล้าหรอกมั้ง ฉันว่าเธอแค่อยากไปเที่ยวเช็กเรตติ้งตัวเองมากกว่า

          ไม่ใช่สักหน่อย..”ก้มหน้าหลบตาทันทีเมื่อเธอจับไต๋ได้

          อย่ามาเถียง..นี่แต่งขนาดนี้ ฉันก็ไม่แปลกใจหรอกนะถ้าจะมีผู้ชายมาอุ้มเธอไปไหนเมื่อเห็นเธอกำลังเมาไม่ได้สติอย่างนั้นน่ะ

          ได้ยินพี่นาราบ่นเกี่ยวกับชุดฉันเลยได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำเป็นหยิบจับชุดเกาะอกตัวเองที่มองดูเหมือนจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่ พลอยโชว์ให้เห็นพื้นที่เนินเนื้อหน้าอกตัวเองล่อตาล่อใจคนอื่นมากไปหน่อย ตอนนี้เลยได้แต่ดึงๆมันขึ้นมาให้สุดจนขอบเกาะอกเกือบจะมาอยู่แถวๆคอหอยแล้ว

          หายโป้ยัง...”เงยหน้าสลดของตัวเองขึ้นมาถามเธอเมื่อเรียบร้อยดีแล้ว

          ไม่ต้องทำประชด! โน้น..นอนลงไปเลย นอนตรงโซฟาไปเลย ถ้าหายเมาแล้วค่อยกลับห้องตัวเองทั้งพูดทั้งชี้มือไปที่โซฟายาวในโซนรับแขกเธอ จนฉันหลุดยิ้มหวานนึกดีใจว่าจะได้นอนกับเธอในคืนนี้

          นี่ไม่ต้องมายิ้มอย่างนั้นเลยนะ ไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่านี้ทั้งนั้น ฉันให้นอนเพราะเห็นแก่มนุษยธรรม ถ้าปล่อยออกไปแล้วเจอผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาอุ้มเธอไปในสภาพอย่างนี้ฉันคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ๆ  แล้วก็นอนอยู่ตรงโซฟาตรงนั้นเท่านั้นห้ามลุกไปไหนมาไหนในห้องฉันเข้าใจมั้ย

          พยักหน้ารับใบหน้าคิ้วขมวดที่มองดูก็รู้ว่าเป็นห่วงของเธอ แม้แม่เจ้าประคุณจะทำเป็นเก๊กเสียงดุด่าฉันยังไงก็ตาม

น่ารักดีแฮะ..นั่นคือความคิดฉันในแว๊บแรกที่แอบมองใบหน้าแดงๆที่เธอเหลือบมาเห็นฉันตอนนั่งลงกับโซฟาแล้วทำทีเป็นเก๊กขมวดคิ้วของเธออีกครั้งก่อนจะเดินหนีหายเข้าไปในห้องนอนของเธอ คงกลัวว่าฉันจะรู้ว่าตัวเธอเองก็ประหม่าไม่ใช่น้อยเลยใช่มั้ยที่ต้องมาอยู่ร่วมชายคากับคนที่ตามตื้อคอยบอกว่าชอบตัวเองอย่างนี้น่ะ

          นึกถึงแววตาเลิ่กลั่กจากใบหน้าแดงเถือกเมื่อตอนที่ฉันโน้มหน้าไปจุ๊บปากเบาๆแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม ทำไมผู้หญิงใบหน้าเคร่งขรึมที่เจอนอกห้องก่อนหน้านั้นถึงแอบมีใบหน้าหวานและดวงตาสดใสเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสาได้ขนาดนี้นะ เธอดูสวยและดูน่ารักดีนะ แล้วทำไมเธอถึงไม่ยิ้มบ่อยๆกันล่ะ..

          นั่งอมยิ้มทั้งคิดทั้งชำเรืองมองนั่นมองมองนี่ในห้องเธออยู่พักใหญ่ๆ พี่นาราก็เดินมาหาฉันที่โซฟาพร้อมๆกับแก้วน้ำและยาหนึ่งเม็ด

          นี่ยาแก้เมา กินซะจะได้หายเมาเธอยื่นมาให้ฉันและรอจนฉันกินและดื่มน้ำตามเสร็จ กินแล้วก็นอนพักซักพัก เดี๋ยวเธอก็รู้สึกดีเอง เข้าใจมั้ย..”

          ค่ะพยักหน้ารับเธอก่อนจะหย่อนร่างกายลงบนโซฟา และภาพใบหน้าสวยของพี่นาราที่ยืนมองฉันกำลังหลับตาก็เป็นภาพสุดท้ายในคืนนี้ที่ฉันได้มองเห็นก่อนร่างกายตัวเองจะหลับและเข้าสู่ภวังค์...