ซ้อนเล่ห์รัก
Chapter 6
บุกถึงห้อง
เข้าวันที่สี่ของการจงใจหลบหน้าฉันของยัยพี่นารา
วันนี้ฉันตัดสินใจขึ้นไปหาเธอที่ชั้น8ที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเธออยู่ห้องไหนกันแน่
เพราะจากการที่ฉันได้ยินเธอสนทนากับป้าแม่บ้านในตอนนั้นเลยทำให้ฉันรู้แค่ชั้น แต่เรื่องของห้องเมื่อฉันลองไปสอบถามกับนิติคอนโดก็ได้คำตอบกลับมาว่าไม่ได้รับอนุญาติจากคุณนาราให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเธอเช่นเคย
เลยได้แต่เดินเตร็ดเตร่ไปมาด้วยความหวังว่าอาจจะเจอเข้ากับร่องรอยอะไรซักอย่างที่บ่งชี้ว่าเธออาจจะอยู่ห้องนี้ก็ได้
แต่จนแล้วจนรอดไม่ว่าฉันจะพยายามเดินผ่านไปผ่านมาสักกี่สิบรอบฉันก็ยังมองไม่เห็นร่องรอยอะไรอยู่ดี
จนคนในชั้นนั้นเริ่มผิดสังเกตในตัวฉัน แล้วพากันออกจากห้องมามองฉันด้วยความไม่ไว้ใจ
และฉันเองก็เริ่มอายสายตาผู้คนเลยจำใจต้องล่าถอยออกจากชั้นนั้นลงมานั่งหงุดหงิดที่ห้องตัวเองว่าโอกาสที่จะได้เจอยัยพี่นาราอีกครั้งคงเป็นไปได้ยากแล้วแน่ๆ
ดึกวันนั้น
ฉันในเวอร์ชั่นเกรี้ยวกราดได้ถูกยัยนัทชักชวนให้ไปนั่งดื่มเหล้าที่บาร์แห่งหนึ่ง
เมื่อเธออาสาจะปรับทุกข์ให้ฉันที่เปรยๆให้เธอฟังถึงเรื่องราวความเซ็งและความหงุดหงิดของตัวเองที่เกิดจากยัยเจ๊นาราตลอดระยะเวลาสามสี่วันที่ผ่านมานี้
“คอยดูนะถ้ายัยเจ๊นารามาเป็นแฟนฉันได้นะ ฉันจะจับ...แรงๆแก้แค้นคืนเลย”
คำพูดจากน้ำเสียงจงเกลียดจงชังของฉันที่มีต่อบุคคลที่สามทำให้ยัยนัทแทบจะสำลักเหล้าออกมาทันทีที่ได้ยิน
“แกจะจับเจ๊เขาทำอะไรแรงๆวะ เฮ้ยอย่าบอกว่าเรื่องนั้นนะ โหยนี่แกจะรุนแรงซาดิสต์กับเจ๊แกเลยว่างั้น”เธอทั้งพูดทั้งไอแค่กๆก่อนจะหยิบขวดเหล้าขึ้นมารินเติมแก้วที่หล่อนทำคว่ำไปพร้อมๆกับการสำลักเมื่อครู่นี้
“เออ..หมั่นไส้ว่ะ
เข้าใจแล้วทำไมผู้ชายถึงชอบพูดเรื่องอย่างว่าเวลาหมั่นไส้ผู้หญิงคนไหน
คอยดูนะแม่จะทำจนหล่อนต้องขอร้องให้หยุดเลยคอยดู”
“โอ้ยแก แกกำลังเหยียดเพศอยู่นะแก พูดอย่างนี้ไม่ดีเลยนะ”
“ฉันไม่ได้เหยียดเพศ แต่ฉันกำลังพูดอะไรก็ได้ที่ทำให้ฉันหายแค้นเว้ย หน็อยย..กล้าดียังไงมาหลบหน้าฉัน รู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร คนชอบฉันเยอะขนาดไหน
ทำยังกับตัวเองสวยตายแหละ”
“ก็สวยนะแก ฉันก็คิดว่าเจ๊แกสวยเอาเรื่องอยู่นะ” ยัยนัทเถียงแทนยัยพี่นาราแล้วอมยิ้มมองดูฉันที่หัวฟัดหัวเหวี่ยงขึ้นอีกเมื่อเห็นเพื่อนไปเข้าข้างคนอื่นอย่างนั้น
“แกว่าใครสวย ยัยพี่นารานั่นเหรอสวย”
“ก็เออดิ อะไรอะแก แกอย่าใช้อารมณ์ได้ป่ะ
ฉันจำได้วันแรกที่แกเห็นพี่เขาแกยังหลุดปากชมว่าเขาสวยอยู่เลย ใจเย็นดิแก
เดี๋ยวพรุ่งนี้แกอาจจะเจอเขาแล้วก็ได้
ฉันว่าพี่แกอาจจะไปธุระต่างจังหวัดอะไรเงี้ยมากกว่า”
ฉันพ่นลมหายใจแห่งความหงุดหงิดออกมา
ก่อนจะยกเหล้าดื่มไปพลางพูดไป “เป็นอย่างนั้นก็ดีไป
อย่าให้ฉันรู้แล้วกันว่าจงใจหลบหน้าฉัน ไม่งั้นแม่จะจับ..”
“จะจับ..พูดอย่างนี้อีกแล้วนะแก
ทำอย่างกับว่าเวลาที่พวกแกได้กัน เขาจะไม่ทำอย่างนั้นแกคืนบ้างงั้นล่ะ”
“ไม่ทำดิ เพราะฉันจะไม่ยอมให้ใครทำอะไรฉันได้แน่นอน
โดยเฉพาะคนที่ฉันไม่ได้รัก”
“ไม่ได้รัก? แต่แกก็จะเอาเขาอย่างนี้เนี่ยนะ โฮ๊ะ!
เหลือเชื่อเลยแกนี่
ฉันนี่เริ่มสงสารยัยพี่นาราแกขึ้นมาจริงๆแล้วนะนี่
ไม่อยากจะคิดเลยนะว่าถ้าเขาหลงรักแกจริงๆแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
แล้วนี่แกไม่สงสารเขาบ้างหรือวะ เขาก็เป็นผู้หญิงเหมือนๆกับแกนะเว้ย”
“ไม่สงสารเลย ยิ่งตอนนี้ยิ่งไม่สงสารด้วย นอกจากฉันจะจับเจ๊แกมานั่นแล้ว
ฉันยังจะสูบทุกอย่างของยัยนั่นให้หมดอีก”
“เฮ้ยแก เบาได้เบานะเว้ย
อย่าลืมดิที่แกมาจีบยัยพี่นาราเพราะว่าแกต้องการแสดงให้เพื่อนๆเห็นเท่านั้นว่าแกเจ๋งแค่ไหนที่ทำให้คนระดับพิเศษๆอย่างพี่นารามาตกหลุมรักแกได้
ฉันว่าแกก็ไม่จำเป็นต้องทำร้ายใจเขาเลยนะเว้ย ฉันว่าแค่แกจะทิ้งเขาเขาก็คงเสียใจอยู่แล้วมั้ง
นึกถึงเวลาที่เราโดนทิ้งบ้างสิ..”
คำพูดเตือนสติของยัยนัทพอทำให้อารมณ์เกรี้ยวกราดของฉันอ่อนลงได้บ้าง
แต่มันก็เป็นแค่การเก็บซ่อนอารมณ์โกรธไว้ในใจลึกๆเท่านั้นไม่ได้หายไปไหนเลย
มันแค่รอเวลาที่เหมาะสมที่ฉันจะปลดปล่อยออกมาเท่านั้นเอง
กลางดึกวันนั้น
ฉันขอตัวยัยนัทกลับคอนโดเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะอยู่ในขั้นเมามากๆและหากอยู่ดึกกว่านี้กลัวว่าตัวเองจะขับรถกลับไม่ได้
และแม้ว่ายัยนัทจะจะอยากให้ฉันไปกับเธอต่อยังไง
เธอก็ต้องปล่อยให้ฉันกลับก่อนอยู่ดี อาจเป็นเพราะว่าเธอเห็นชุดของฉันนั้นเป็นชุดที่พร้อมเที่ยวมากเหลือเกินและคิดว่าฉันต้องไปแด๊นซ์ต่อแน่ๆเลยโทรเรียกกิ๊กเธอให้พาไปเที่ยวต่อ
แล้วเลยกลายเป็นประหลาดใจที่ฉันปฏิเสธและให้เหตุผลที่แต่งตัวสวยเกินเบอร์แค่เพราะฉันไม่ยอมที่จะทิ้งคราบความเซ็กซี่ของตัวเองไปเด็ดขาดแม้สถานที่ที่ฉันไปจะเป็นแค่บาร์ธรรมดาๆก็ตาม
รถฉันเข้าจอดที่จอดรถคอนโดราวๆตีสองของวัน
ที่นั่นทำให้ฉันประหลาดใจและร้อนรนอย่างมากเมื่อพบว่ามีรถแลมโบกีนี่สีขาวจอดอยู่ที่จอดรถที่มันเคยจอดอยู่แล้ว
รถยัยพี่นารานี่
นี่แสดงว่าเธออยู่ที่ห้องเธอแล้วใช่มั้ย
แค่คิดได้ดังนั้นฉันก็รีบขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นเธอทันที
ที่นั่นตอนนี้โถงทางเดินด้านหน้าห้องแต่ละห้องว่างเปล่าปราศจากผู้คน
มันเงียบและสงบ ต่างจากใจฉันที่ร้อนรนและคุ้มคลั่ง ไม่ว่าจะมาจากความโมโหเธอหรือจากความเมาก็ดีต่างก็พากันสุมไฟเผาสติของฉันให้หมดไป
คิดอะไรไม่ออก นึกอะไรก็ไม่ทัน ไม่รู้จะไปหาห้องยัยพี่นาราได้จากที่ไหน
ตอนนี้เลยได้แต่วิ่งและร้องตะโกนโหวกเหวกโวยวายเป็นชื่อยัยพี่นาราเสียงดัง
จนห้องแต่ละห้องเริ่มรำคาญเมื่อเวลาผ่านไปนานฉันก็ยังไม่หยุดร้องเรียกเสียที
ห้องทุกห้องตอนนี้เลยพากันเปิดประตูออกมาดูฉันหมดแล้ว
“พี่นาราออกมาเดี๋ยวนี้นะ
พี่จะหลบหน้าหนูทำไมเนี่ย พี่นารา พี่นาร๊าาา...”
ผู้ชายหน้าตาแปลกๆจากหลายๆห้องเริ่มพากันเดินกรูเข้ามาหาฉัน
เมื่อเขาเห็นว่าฉันเหมือนคนเมาไม่ได้สติ
“คุณครับ คุณจะร้องทำไม
คุณ คุณ..” เขาพวกนั้นเริ่มมาประชิดตัวฉันและทำท่าเหมือนจะอุ้มฉันขึ้น
จนฉันร้องโวยวายเสียงดังกว่าเดิม
และพวกเขาก็ยิ่งพากันกรูเข้ามาจับฉันมากกว่าเดิมเสียด้วยเมื่อเห็นว่าฉันจะไม่ยอมง่ายๆอย่างนั้น
“ปล่อยนะ ปล่อย
จะมาทำอะไรฉันเนี่ย ปล่อยยยย”
“คุณนั่นแหละจะร้องทำไมเนี่ย
เงียบและหยุดอยู่นิ่งๆ! เงียบ!” หนึ่งในนั้นตะโกนใส่ฉันคืนบ้างก่อนจะเงียบลงไปเมื่อมีเสียงสวรรค์เสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามาท่ามกลางความวุ่นวายต่างๆ
“เอ่อ..ขอโทษนะคะ น้องสาวดิฉันเอง แกกำลังเมา เดี๋ยวฉันพาแกกลับห้องเองค่ะ”
เป็นเสียงของยัยพี่นาราในชุดคลุมนอนผ้าซาตินสีดำที่มาพร้อมๆกับการแหวกร่างผู้ชายตัวใหญ่ๆสามสี่คนที่ทำท่าเหมือนกำลังจะอุ้มฉันไปไหนออก
ซึ่งฉันก็ยิ้มออกทันทีที่เห็นว่าเป็นเธอ
ต่างจากเธอที่หน้าบึ้งคิ้วขมวดจ้องมองฉันด้วยสายตาเชิงตำหนิอยู่ตลอด ในตอนที่เธอสอดกายเธอเข้ามาพยุงร่างของฉันให้ลุกขึ้นจากพื้นที่ฉันล้มลงกลิ้งเกลือกไปมาด้วยฤทธิ์เหล้าก่อนหน้านั้นเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายที่ไหนไม่รู้จะมาอุ้มตัวเองไปดื้อๆ
“ขอโทษที่รบกวนกลางดึกนะคะ
ขอโทษจริงๆ ดิฉันสัญญาว่าจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีกแน่นอนค่ะ”
เสียงเซ็งแซ่ของบรรดาลูกบ้านคอนโดเงียบลงไปเมื่อพี่นาราพาฉันหลบเข้าไปในห้องของเธอที่ฉันมองและจำเลขที่ห้องไว้อย่างแม่นยำเลยทีเดียวในตอนที่เดินผ่านป้ายห้อง809
“เป็นบ้าอะไรเนี่ย
รู้ตัวมั้ยว่าทำอะไรลงไป นึกยังไงมาร้องตะโกนโหวกเหวกตอนตีสองเนี่ย
นี่มันเวลาพักผ่อนของคนเขารู้ตัวมั้ย” เธอในชุดคลุมนอนผ้าซาตินสีดำต่อว่าฉันด้วยใบหน้าคิ้วขมวดบ่งบอกว่าเธอไม่พอใจฉันสุดๆ
“รู้สิทำไมจะไม่รู้
แต่เพราะพี่นารานั่นแหละที่หลบหน้าหนูเลยทำให้หนูต้องเป็นบ้าอย่างนี้ ทำไม! ทำไมต้องหนีหน้าหนูด้วย หนูทำอะไรผิด!”
“ใครหลบหน้าเธอ
ฉันเนี่ยนะ มีความจำเป็นอะไรที่ต้องหลบหน้าเธอด้วย เธอเป็นใครมีความสำคัญอะไรกับฉันถึงทำให้ฉันต้องหลบหน้าเธออย่างนั้นรึ”
ปากจิ้มลิ้มในตอนที่ยักคิ้วลิ่วตาถามคำถามที่รู้ว่าเธอกำลังแกล้งยั่วประสาทฉันคืนทำให้อดที่จะโมโหไม่ได้
แล้วเลยกลายเป็นยื่นมือไปล๊อคหน้าเธอดึงเข้ามาจุ๊ปปากเบาๆด้วยความหมั่นไส้เฉยเลย
ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอรีบผลักฉันออกแล้วง้างมือตบหน้าฉันคืนมาฉาดใหญ่ๆ
“เป็นบ้าอะไรเนี่ย
กล้าดียังไงมาทำยังนี้กับฉัน” เธอหน้าแดงแจ๋ยกมือถูปากตัวเองพัลวัล
ต่างจากฉันที่แม้จะเจ็บแสบแก้มตัวเองยังไง
แต่ความคุ้มค่าเมื่อได้รับสัมผัสนุ่มนิ่มจากปากแม่สาวถือยศถือตัวคนต่อหน้าก็ทำให้ฉันยิ้มกวนๆออกมาแทนเธอซะแล้ว
เธอกัดปากกัดฟันมองฉันที่ยิ้มยั่วโทสะเธอคืนอย่างโมโห
“หน้าตาก็ดีทำไมทำนิสัยอย่างนี้ พ่อแม่ไม่ว่ารึไง รึไม่มี...”
“พี่หลอกด่าหนูอีกแล้ว”
“ไม่ได้หลอก ด่าตรงๆ”
ฉันแสยะยิ้มทันทีที่ยัยพี่นารายอมรับว่าด่าฉันตรงๆ
ก่อนจะแกล้งขู่เธอด้วยการย่างสามขุมไปประชิดตัว
ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอผงะรีบเดินถอยหลังหนีฉันทันทีเมื่อเธอคิดว่าฉันอาจจะกำลังไปปล้ำเธอก็ได้
“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ
ไม่งั้นจะเรียกนิติมาล๊อคตัวไปส่งตำรวจจริงๆด้วย
อุตสาห์ช่วยแล้วแท้ๆยังทำนิสัยอย่างนี้อีก”
“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยหนูแค่จะเดินเข้ามาคุยกับพี่ดีๆ”
อมยิ้มมองท่าทางกล้าๆกลัวๆของเธอ
“แต่เมื่อกี้เธอก็ทำฉันแล้ว”
“นั่นหนูโมโห
หนูแค่เปลี่ยนจากตบเป็นจูบพี่ด้วยความนุ่มนวลเท่านั้น”
พี่นารายกปากแหยงๆทันทีที่ได้ยินฉันแก้ตัวด้วยใบหน้ายียวน
“ตบอย่างนั้นเหรอ นี่เธอจะกล้าตบฉันเหรอ”
“ใช่
ถ้าเป็นคนอื่นมากวนหนูอย่างนี้เขาอาจจะโดนหนูตบด้วยข้อหาหมั่นไส้แล้วก็ได้”
“โฮ๊ะ ลามปามมาก
เธอนี่นอกจากหน้ามึนแล้วยังลามปามอีก เนี่ยแหละนะที่เค้าบอกกันว่าพูดกับหมา
หมาเลียปาก ฉันไม่พูดกับเธอให้เสียปากดีกว่า ออกไปเลยไป” ว่าแล้วแม่เจ้าประคุณก็เดินเข้ามาพลักดันฉันให้ออกไปจากห้องเธอ
ซึ่งนั่นก็ทำให้ฉันรู้ว่าเธอกำลังเริ่มโกรธจริงๆแล้ว
และไม่แน่ว่าเมื่อเธอไล่ฉันออกไปแล้ว ฉันจะได้เจอเธอในวันข้างหน้าอีกมั้ย
เธอคงจะหลบหน้าฉันอย่างก่อนนั้นอีก
และดีไม่ดีเธออาจจะย้ายจากคอนโดนี้เพื่อหนีฉันเลยก็ได้
คิดได้ดังนั้นฉันก็เปลี่ยนใบหน้าจากยียวนอวดดีก่อนหน้านั้นกลายเป็นสลดและรู้สึกผิดทันที
“อ๊ะๆพี่นาราหนูขอโทษ
หนูสัญญาว่าหนูจะไม่ทำอย่างเมื่อกี้กับพี่อีกแล้ว
ต่อไปนี้หนูจะให้เกียรติพี่จะไม่ล่วงเกินพี่อย่างเมื่อกี้อีกแล้ว สัญญาค่ะ”
ทั้งพูดทั้งยกมือไหว้เจ้าหล่อน
“นะๆ
อย่าพึ่งไล่หนูออกไปตอนนี้เลยนะ เมื่อกี้เห็นมั้ยว่าผู้ชายพวกนั้นจะทำอะไรหนู
พี่ไม่เป็นห่วงหนูเหรอ หนูเป็นผู้หญิงเหมือนๆพี่นะ พีก็รู้ว่าตอนนี้หนูกำลังเมา
บางทีหนูก็ควบคุมอารมณ์หนูไม่อยู่ แต่ใจจริงหนูไม่ได้คิดร้ายกับพี่จริงๆนะ”
พี่นาราคงเห็นแก่สายตาออดอ้อนสำนึกผิดของฉัน
หรือไม่ก็เห็นแก่การยกมือไหว้ขอโทษเป็นการเป็นงาน
ทีท่าและใบหน้าคิ้วขมวดด้วยความโมโหก่อนหน้านั้นเลยอ่อนลง
“แล้วกินทำไมเหล้า”
“ก็หนูคิดถึงพี่..”
“ก็เลยไปกินเหล้าด้วยชุดโป้ๆอย่างนี้เนี่ยนะ
นี่..ถ้าเธอคิดถึงฉันจริงๆ คงไม่ใส่ชุดยั่วยวนสายตาคนอย่างนี้ไปกินเหล้าหรอกมั้ง
ฉันว่าเธอแค่อยากไปเที่ยวเช็กเรตติ้งตัวเองมากกว่า”
“ไม่ใช่สักหน่อย..”ก้มหน้าหลบตาทันทีเมื่อเธอจับไต๋ได้
“อย่ามาเถียง..นี่แต่งขนาดนี้
ฉันก็ไม่แปลกใจหรอกนะถ้าจะมีผู้ชายมาอุ้มเธอไปไหนเมื่อเห็นเธอกำลังเมาไม่ได้สติอย่างนั้นน่ะ”
ได้ยินพี่นาราบ่นเกี่ยวกับชุดฉันเลยได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำเป็นหยิบจับชุดเกาะอกตัวเองที่มองดูเหมือนจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่
พลอยโชว์ให้เห็นพื้นที่เนินเนื้อหน้าอกตัวเองล่อตาล่อใจคนอื่นมากไปหน่อย
ตอนนี้เลยได้แต่ดึงๆมันขึ้นมาให้สุดจนขอบเกาะอกเกือบจะมาอยู่แถวๆคอหอยแล้ว
“หายโป้ยัง...”เงยหน้าสลดของตัวเองขึ้นมาถามเธอเมื่อเรียบร้อยดีแล้ว
“ไม่ต้องทำประชด! โน้น..นอนลงไปเลย
นอนตรงโซฟาไปเลย ถ้าหายเมาแล้วค่อยกลับห้องตัวเอง” ทั้งพูดทั้งชี้มือไปที่โซฟายาวในโซนรับแขกเธอ
จนฉันหลุดยิ้มหวานนึกดีใจว่าจะได้นอนกับเธอในคืนนี้
“นี่ไม่ต้องมายิ้มอย่างนั้นเลยนะ
ไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่านี้ทั้งนั้น ฉันให้นอนเพราะเห็นแก่มนุษยธรรม
ถ้าปล่อยออกไปแล้วเจอผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาอุ้มเธอไปในสภาพอย่างนี้ฉันคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ๆ แล้วก็นอนอยู่ตรงโซฟาตรงนั้นเท่านั้นห้ามลุกไปไหนมาไหนในห้องฉันเข้าใจมั้ย”
พยักหน้ารับใบหน้าคิ้วขมวดที่มองดูก็รู้ว่าเป็นห่วงของเธอ
แม้แม่เจ้าประคุณจะทำเป็นเก๊กเสียงดุด่าฉันยังไงก็ตาม
น่ารักดีแฮะ..นั่นคือความคิดฉันในแว๊บแรกที่แอบมองใบหน้าแดงๆที่เธอเหลือบมาเห็นฉันตอนนั่งลงกับโซฟาแล้วทำทีเป็นเก๊กขมวดคิ้วของเธออีกครั้งก่อนจะเดินหนีหายเข้าไปในห้องนอนของเธอ
คงกลัวว่าฉันจะรู้ว่าตัวเธอเองก็ประหม่าไม่ใช่น้อยเลยใช่มั้ยที่ต้องมาอยู่ร่วมชายคากับคนที่ตามตื้อคอยบอกว่าชอบตัวเองอย่างนี้น่ะ
นึกถึงแววตาเลิ่กลั่กจากใบหน้าแดงเถือกเมื่อตอนที่ฉันโน้มหน้าไปจุ๊บปากเบาๆแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม
ทำไมผู้หญิงใบหน้าเคร่งขรึมที่เจอนอกห้องก่อนหน้านั้นถึงแอบมีใบหน้าหวานและดวงตาสดใสเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสาได้ขนาดนี้นะ
เธอดูสวยและดูน่ารักดีนะ แล้วทำไมเธอถึงไม่ยิ้มบ่อยๆกันล่ะ..
นั่งอมยิ้มทั้งคิดทั้งชำเรืองมองนั่นมองมองนี่ในห้องเธออยู่พักใหญ่ๆ
พี่นาราก็เดินมาหาฉันที่โซฟาพร้อมๆกับแก้วน้ำและยาหนึ่งเม็ด
“นี่ยาแก้เมา
กินซะจะได้หายเมา” เธอยื่นมาให้ฉันและรอจนฉันกินและดื่มน้ำตามเสร็จ
“กินแล้วก็นอนพักซักพัก เดี๋ยวเธอก็รู้สึกดีเอง เข้าใจมั้ย..”
“ค่ะ” พยักหน้ารับเธอก่อนจะหย่อนร่างกายลงบนโซฟา และภาพใบหน้าสวยของพี่นาราที่ยืนมองฉันกำลังหลับตาก็เป็นภาพสุดท้ายในคืนนี้ที่ฉันได้มองเห็นก่อนร่างกายตัวเองจะหลับและเข้าสู่ภวังค์...