นิยายรักไม่จำกัดบท
Cheapter
5
บทรักที่เริ่มเปลี่ยนไป
“ส่งถึงตรงนี้ก็ได้ค่ะคุณครู
เอ่อ..”
เสียงพะแพงดังขึ้นในขณะที่กำลังเดินลงบันไดจากชั้นดาดฟ้ามาจนถึงชานพักของชั้นเรียนตัวเอง
และตอนนี้คุณครูคนสวยที่ยืนคุยเป็นเพื่อนเธอตั้งแต่ตอนที่อยู่ข้างบนก็ยังคงเดินคุยลงมาส่งเป็นเพื่อนเธอจนกระทั่งจนเกือบจะถึงห้องเรียนแล้ว
และด้วยความเกรงใจไม่อยากให้ครูฝึกสอนที่พึ่งจะรู้จักกันไม่เท่าไหร่ต้องลำบากเดินไปส่งถึงหน้าห้อง
เธอเลยถือโอกาสบอกลาหล่อนเสียตั้งแต่ตอนนี้
แต่ยังไม่ทันได้บอกลาหล่อนดีพะแพงก็นึกอะไรขึ้นได้ก่อน
“เอ่อ..ครูชื่ออะไรนะคะ
หนูยังไม่รู้จักชื่อครูเลยมัวแต่เรียกครูว่าครู...”
ครูคนนั้นอมยิ้มโชว์ใบหน้าหวานอีกครั้ง
“อืม..ครูชื่อแอนค่ะ”
“งั้น
หนูเรียกครูว่าครูพี่แอนได้มั้ยคะ”
“ได้สิ
ทำไมจะไม่ได้ล่ะ
เด็กๆที่ครูสอนก็เรียกครูว่าครูพี่แอนกันทั้งนั้นล่ะ”
“ค่ะ”
พะแพงยิ้มรับ
“งั้นขอบคุณนะคะครูพี่แอนมีโอกาสเราคงได้คุยกันอีกนะคะ”
“มีโอกาส?”
ครูพี่แอนหลุดหัวเราะ
“ทำไมต้องรอให้มีโอกาสล่ะ
ถ้าครูอยากคุยกับพะแพงครูก็ต้องรอโอกาสด้วยใช่มั้ย
แต่..ครูไม่ชอบการรอคอยเลย”
“คะ??
หมายความว่า..”
“ก็หมายความว่า..”
ทั้งพูดทั้งหยิบโทรศัพท์ตัวเองยื่นให้พะแพง
“เราสองคนมาแลกเบอร์ติดต่อกันดีกว่ามั้ย
มีอะไรจะได้โทรหากันได้ง่ายๆไง”
“อ๋อ
ได้สิคะ” พะแพงยิ้มหวานรับ
รีบหยิบโทรศัพท์มาทำการยิงเบอร์แลกกันอยู่ครูหนึ่งครูพี่แอนคนสวยก็กล่าวลาพะแพงเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาเข้าคาบสอนของตัวเองเต็มที่แล้ว
และเธอก็ต้องไปเตรียมการสอนก่อนด้วย
“ไว้เดี๋ยวครูโทรหานะคะ”เป็นประโยคสุดท้ายที่ครูพี่แอนบอกลาในตอนที่หล่อนยื่นมือมารับโทรศัพท์จากพะแพงคืน
แต่มันเป็นการรับโทรศัพท์คืนที่ค่อนข้างจะแปลกมากๆเมื่อพะแพงสัมผัสได้ว่าครูคนสวยแอบยื่นมือมาจับมือพะแพงค้างไว้ตอนที่กล่าวคำลาด้วยสายตาหวานหยดย้อยของหล่อนอีกด้วย
“ค่ะ..”
ยิ้มแหยๆงงๆรับคำลาแล้วมองดูหล่อนเดินหายไปยังชั้นเรียนที่ตัวเองจะสอน
ส่วนพะแพงเองเมื่อก้มลงมองนาฬิกาแล้วเห็นว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบนาทีก็จะเข้าคาบบ่ายแล้ว
แต่ตัวเธอยังไม่ทันทำธุระส่วนตัวอย่างการเข้าห้องน้ำเลย
นึกได้ดังนั้นเธอก็รีบเดินตรงลงไปเข้าห้องน้ำหลังอาคารทันที
ด้วยความที่จะใกล้เข้าคาบบ่ายภายในห้องน้ำตอนนี้จึงไม่มีใครอยู่
พะแพงคนสวยเลยต้องรีบเดินเข้าไปทำธุระภายในนั้นทันทีเมื่อเริ่มรับรู้ได้ถึงความวังเวงและเงียบแบบแปลกๆ
และความแปลกเหล่านั้นก็เริ่มปรากฏให้เธอเห็นทันทีที่เธอเดินพ้นประตูห้องน้ำย่อยๆเข้าไป
มีเสียงกึ๊กเสียงหนึ่งดังขึ้นในขณะที่เธอกำลังจะปิดห้องน้ำและมีแรงดึงปริศนาที่กระทำต่อประตูจนเธอเสียหลักเซเข้าไปในห้องเมื่อแรงนั้นผลักประตูเข้ามาข้างในอย่างแรงจนชนเธอ
“โอ๊ย!!
ใครน่ะ!!
อุ๊บส์”
ไม่ทันที่พะแพงจะโวยวายร่างปริศนาเจ้าของแรงผลักประตูก่อนหน้านั้นก็พุ่งพรวดเข้ามาในห้องน้ำแล้วรีบปิดปากเธอไว้
“เงียบๆสิ
ไม่ต้องร้อง อยากให้คนได้ยินที่เราคุยกันเหรอ”
“เอิ้น!!”
รีบร้องชื่อคนต่อหน้าทันทีที่หล่อนปล่อยมือออก
“มาทำอะไรในนี้เนี่ย ปล่อยนะ!!
อุ๊บส์!!”
ปากหยุดพูดเมื่อโดนปิดปากและดวงตาพะแพงก็เหลือกลานจ้องมองคนต่อหน้าค่อยๆโน้มตัวเข้ามาใกล้ใบหน้าตัวเอง
“บอกให้เงียบๆไง!!
จะคุยด้วยดีๆก็ไม่ยอมให้คุยมันก็ต้องคุยด้วยวิธีนี้นี่ล่ะ”
คนขู่ออกแรงกดฝ่ามือลงไปที่ปากหล่อน
ดวงตาก็จ้องเขม็งด้วยความไม่พอใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกัดปากกัดฟันยุบยิบๆเพราะทนที่จะไม่พูดไม่ถามในสิ่งที่อยากรู้ไม่ได้..
“นึกยังไงไปให้เบอร์ครูคนนั้นเนี่ย!”
ถามพะแพงด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเมื่อปล่อยมือออกจากปากหล่อนแล้ว
“ครูคนนั้น??!!
คนไหน?
ครูพี่แอนน่ะเหรอ”
“เออ
ชื่ออะไรก็ช่างเถอะ
ก็คนที่พะแพงเดินมาส่งกันอยู่ตรงบันไดแล้วแลกเบอร์กันนั่นแหละ”
“อ๊ะ!
นี่เห็นด้วยนี่”
“เห็น!
เห็นหมดทุกอย่างแหละ
ตั้งแต่พากันเดินลงมาจากดาดฟ้าแล้วยังแอบจับมือกันตอนจะออกจากกันอีก”
คนฟังหลุดอมยิ้มทันที
“แล้วไง ก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่”
“ทำไมจะไม่เป็นไร
นี่รู้จักกันนานแค่ไหนถึงยอมให้เบอร์คนอื่นง่ายๆอย่างนี้เนี้ย
แล้วนี่โง่ขนาดไม่รู้เลยเหรอว่าเขาเนียนหลอกขอเบอร์ตัวเองเฉยๆน่ะ”
ตาโตอ้าปากหวอทันทีที่ได้ยินเอิ้นต่อว่าตัวเองอย่างนั้น
“เฮ้ย!นี่เอิ้นว่าเค้าโง่อีกแล้วเหรอ”
“เออดิ
หรือไม่ใช่
อ๋อหรือที่ยอมให้เบอร์เขาง่ายๆอย่างนี้คือชอบเขาแล้วใช่มั้ย”
“บ้าเหรอ!
ชอบ!..ฮึ๊ยย..ชอบพ่องงดิ!”
คำหยาบคำที่สามในชีวิตหลุดออกมาจากปากพะแพงอีกแล้ว
นั่นเลยทำอีกคนถึงกับหัวเสียเมื่อได้รู้ว่าตัวเองช่างเป็นคนโชคร้ายที่สุดในโลกที่โดนเจ้าหล่อนด่าแล้วด่าอีกด้วยคำหยาบที่หล่อนไม่เคยว่าใครในชีวิตเลย
เธอตรงปรี่เข้าไปประชิดหล่อนก่อนจะใช้มือข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกจับริมฝีปากนุ่มนิ่มของหล่อนมาบีบจนรูปทรงของปากเสียทรงกลายเป็นบิดเบี้ยวบู้บี้เป็นคนปากจู๋ไปแล้ว
“ด่าเค้าอีกแล้ว!
ใครสอนให้พูดคำนี้เนี่ย
ถ้าแม่รู้จะทำไง
เดี๋ยวคอยดูเถอะเค้าจะไปฟ้องแม่พะแพงแน่ถ้าขืนพะแพงยังด่าเค้าแบบนี้อีกน่ะ”
คนโดนขู่สะบัดหน้าออกจากมือก่อนจะฮึดฮัดเถียงสู้
“หน็อยยย..ฟ้องแม่เค้าเรื่องที่เอิ้นทำอย่างนี้กับเค้าจะไม่น่ากลัวกว่าเร๊อะ!
“ทำอะไรมิทราบ!”
ยัง..ยังโยกโย้อีก
“หน็อย..
ก็ทำ
ก็ทำ..”
คันปากอยากเถียงบางอย่างกับหล่อนเต็มแก่
แต่ด้วยกระดากปากกระดากใจและไม่อยากจะนึกถึงเรื่องบัดสีบัดเถลิงก่อนหน้านั้นเลยไม่ได้เถียงอะไร
ได้แต่กัดปากกัดฟันมองคนต่อหน้ายิ้มเยาะเย้ยเมื่อเห็นว่าเธอกำลังอายเมื่อนึกถึงเรื่องอย่างว่าด้วย
“ทำอย่างนี้ใช่มะ!”
คนถามอมยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะโน้มหน้าไปมอบจุมพิตกับพะแพงที่ตาโตหน้าตื่นอีกแล้ว
ด้วยไม่นึกว่าหล่อนจะกล้าจูบตัวเองง่ายๆในโรงเรียนอย่างนี้อีก
แถมยังเป็นจูบลึกล้ำอีก
ทำให้พะแพงกลายเป็นตัวแข็งทื่อด้วยไม่กล้าขัดขืนหล่อน
เพราะกลัวหล่อนเจ็บลิ้นหากเธอยึกยักขัดขืนอะไรหล่อนผิดท่าเข้า
โอ๊ยย!!
อีกแล้วยัยคนนี้ทำไมชอบปล้นจูบฉันไปง่ายๆอย่างนี้เนี่ยยย
แถมยังเป็นจูบที่ไม่มีความโรแมนติกใดๆเจือปนมาอีก
คอยดูนะถ้าจูบเสร็จแล้วมาบอกว่าจูบแบบเพื่อนสนิทที่นี้แม่จะตบให้หน้าหันจริงๆด้วย
ทั้งคิดทั้งหลับตาด้วยพยายามควบคุมสติไม่ให้หลงไปกับจูบที่ตัวเองคิดว่ามันคือจูบแบบเฟรนด์คิสของหล่อน
ส่วนอีกคนพอได้จูบลึกล้ำไปแล้วก็ใช่ว่าจะยอมหยุดง่ายๆ
ด้วยเพราะเห็นท่าทางอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดของหล่อนก็นึกว่าอีกคนน่าจะชอบ
เธอเลยละจากจูบออกมาประพรมตามส่วนต่างๆของพะแพงต่อ
เริ่มจากลำคอแล้วค่อยๆชอนไชลงมาตามรอยเปิดของกระดุมเสื้อที่เธอจัดการปลดออกให้หล่อนสามสี่เม็ดหลังจากนั้น
ซึ่งนั่นก็เริ่มทำให้พะแพงเริ่มกลับมาดิ้นดุกดิกพยายามขัดขืนอีกครั้ง
แต่ก็เป็นเพียงการขัดขืนแบบเงียบๆในเมื่อเธอเองก็กลัวว่าจะมีใครได้ยินเสียงของเธอข้างนอกนั่นด้วย..
“เอิ้น
หยุดเถอะ..พอได้แล้ว
จะทำอย่างนี้ทำไมเนี่ย..”
ค่อยๆบอกหล่อนไปในตอนที่พยายามดันใบหน้าหล่อนออกจากหน้าอกตัวเองเนื่องจากหล่อนกำลังก้มลงหอมและพยายามจะดูดเนินเนื้อนั้นเหมือนครั้งนั้นอีกแล้ว
“อย่า..อย่าทำอย่างนี้
พอเถอะ หยุด อ๊ะ..”
เสียงจากความรู้สึกแปลกๆที่พะแพงไม่เคยได้สัมผัสสักที
เป็นความรู้สึกร้อนรุ่มอยู่ในท้องที่มันทั้งร้อนทั้งหนาว
ทั้งวูบๆวาบๆเมื่ออีกคนพยายามก้มลงดูดและหอมเนินเนื้อนั้นสลับไปมา
ให้ตายเถอะเธอไม่ชอบความรู้สึกประหลาดๆแบบนี้เลย
มันเป็นความรู้สึกวูบๆวาบๆประหนึ่งจะขาดใจตายเสียให้ได้ถ้าคนตรงหน้าไม่หยุดหรือไม่ทำอะไรต่อไปให้มันมากกว่านี้น่ะ..
“เอิ้น..พอได้แล้ว
ขอร้องล่ะ..”
เมื่อทนไม่ไหวพะแพงเลยได้แต่พยามดันใบหน้าหล่อนออกพร้อมๆกับน้ำเสียงขอร้องสั่นเครือในแบบที่ว่าถ้าหล่อนไม่หยุดทำตอนนี้เธอก็จะร้องไห้แล้วนะ..
คนโดนขอร้องละสายตาจากเนินอกสวยแล้วกลายเป็นสะดุ้งเล็กๆเมื่อเห็นน้ำตาของหล่อนกำลังคลอเบ้าตาแบบจะร้องไม่ร้องเหล่
และนั่นเลยทำให้เธอพยายามตั้งสติแม้จะกำลังหลงไหลไปกับกลิ่นกายหอมๆของหล่อนที่ยั่วยวนปลายจมูกอยู่ไม่ขาด
ให้ตายเถอะว่าจะไม่ทำอะไรอย่างนี้ทีไรก็กลายเป็นทนไม่ได้ทุกทีสินะ..
ยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้พะแพงด้วยความรู้สึกผิดทันที
“เค้าขอโทษนะที่ทำแบบนี้
คือ..เฮ้อ..เค้าแค่คิดว่าพะแพงน่าจะชอบ”
คนร้องไห้เงยหน้าขึ้นมามองด้วยอาการตัดพ้อทั้งน้ำตาเมื่อได้ฟังคำตอบแบบเสียไม่ได้ของหล่อน
“ชอบเหรอ?
หึ
ไม่มีใครชอบให้ใครทำกับตัวเองอย่างนี้หรอกนะ
โดยเฉพาะคนที่ย้ำแล้วย้ำอีกว่าตัวเองคือเพื่อนสนิทน่ะ”
“เพื่อนสนิท??”
“ใช่ไง
เราก็เป็นแค่เพื่อนกันไม่ใช่เหรอ
แล้วเอิ้นจะมาทำกับเค้าอย่างนี้ทำไม”
หลุดร้องไห้เสียงดังออกมาอีกจนได้เมื่อได้พูดถึงความคับแค้นใจที่เก็บไว้มาโดยตลอด
และนั่นเลยทำให้อีกคนถึงกลับส่ายหน้าเบาๆด้วยหนักใจไม่รู้จะอธิบายในสิ่งที่คนต่อหน้าเข้าใจตัวเองว่าอย่างไรดี..
“นี่พะแพง..ขนาดพะแพงยังรู้เลยว่าเพื่อนกันเค้าไม่ทำอะไรกันอย่างนี้
แล้วยังจะมาถามเค้าทำไมอีก
ทำไมถึงต้องถามว่าเค้าทำอย่างนี้กับพะแพงทำไมในเมื่อพะแพงก็รู้เหตุผลดีอยู่แล้วว่าเค้าน่ะ..โอ๊ะ!...เค้า..โอ๊ะ!..เค้า..
โอ๊ยยย!!
พะแพง!!”
คนตั้งใจฟังถึงกับชะงักตกใจ
เมื่ออยู่ๆอีกคนที่ทำท่าเหมือนกำลังจะสารภาพอะไรบางอย่างกลายเป็นร้องเสียงหลงออกมาราวกับหล่อนกำลังเจ็บปวดทรมานอะไรสักอย่าง
หล่อนก้มหน้าก้มตาเอามือข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกกุมขมับตัวเองไว้แน่นก่อนจะกลายเป็นพยายามยื่นมือมาดึงพะแพงไว้เหมือนพยายามขอความช่วยเหลือจากพะแพง
ซึ่งทันทีที่หล่อนเงยหน้าขึ้นมา
ร่องรอยของเลือดกำเดาที่ไหลออกมาจากจมูกทั้งสองข้างก็กลายเป็นเลอะไปทั่วๆใบหน้าเหยเกของหล่อนแล้ว
และนั้นก็ทำให้พะแพงกลายเป็นร้องกรี๊ดเสียงหลงด้วยความตกใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเอิ้นคงจะเป็นอะไรสักอย่างที่หนักมากจนหล่อนถึงขั้นควบคุมตัวเองให้ยืนตรงๆไม่ได้และล้มแผละลงไปกลับพื้นในที่สุดอยางนี้
“เอิ้น!!
เอิ้น!!
เป็นอะไรไป!!
อย่าเป็นอะไรไปนะ!!
เอิ้น!!”
--<><><><>--
“ให้เพื่อนกินยาแล้วนอนพักดูอาการก่อนนะ
ถ้ายังปวดหัวหรือยังไม่ดีขึ้นยังไงมาเรียกครูอีกทีครูจะนำส่งตัวเอิ้นไปโรงพยาบาลอีกที”
เสียงคุณครูวัยเกือบๆจะห้าสิบดังขึ้นพร้อมๆกับรอยยิ้มอ่อนโยนในตอนที่ละสายตาจากเด็กสาวหน้าซีดเซียวคนที่พยายามนอนลงบนเตียงเพื่อมาคุยกับเพื่อนของหล่อนที่นำพากันมาส่งในห้องพยาบาลนี้
หลังจากที่พะแพงเห็นว่าอาการเอิ้นไม่ค่อยจะสู้ดีเพราะถึงกลับทรุดนั่งในห้องน้ำนั่น
พะแพงที่ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยตัดสินใจประครองร่างเอิ้นอย่างทุลักทุเลพามาที่ห้องพยาบาลเพื่อให้ครูพยาบาลประจำโรงเรียนช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ก่อน
ซึ่งก็นับว่าเป็นโชคดีเพราะคุณครูก็กำลังอยู่ในห้องพอดีจึงได้รีบช่วยเอิ้นทันที
ทั้งช่วยห้ามเลือดกำเดาทั้งวัดความดันและนำยาแก้ปวดมาให้เธอกินเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวที่รู้สึกว่าเธอจะเป็นหนักมากไปก่อน
“ค่ะ..”พะแพงยิ้มรับครูที่หันกลับไปคุยกับเอิ้นที่นอนอยู่บนเตียงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง
“แล้วเอิ้นก็พยายามพักผ่อนนะ
นอนหลับตาลงสักครู่
ให้ร่างกายได้พักสักหน่อย
ครูว่าอากาศมันอาจจะร้อนเกินไป
ความดันในตัวเธอเลยอาจสูงขึ้นจนเลือดกำเดาเธอไหลออกมาอย่างนี้
แล้วอาการปวดหัวก็คงจะมาจากอากาศร้อนนั่นแหละ
กินยาแก้ปวดหัวดูก่อนถ้าไม่ดีขึ้นยังไงเดี๋ยวครูจะพาเธอไปโรงพยาบาลเอง
แต่ตอนนี้ครูขอตัวขึ้นไปสอนต่อก่อนนะ
เดี๋ยวไงครูสั่งงานเด็กแล้วครูจะแวะลงมาหาเธออีกที”
“ได้ค่ะครู
ขอบคุณคุณครูมากๆเลยนะคะ”
เสียงอ่อนระโหยโรยแรงของคนบนเตียงบอกออกไปพร้อมๆกับการยกมือไหว้ขอบคุณคุณครูที่ยิ้มรับและเดินจากไปหลังจากนั้น
และเมื่อเธอเห็นว่าในห้องนี้ไม่มีใครอยู่อีกนอกจากเธอกับเพื่อนสาวแสนสวยของเธอแล้วเธอก็กลายเป็นร้องโอดโอยครวญครางขึ้นทันที
“อ้าวเป็นอะไร
ไม่ดีขึ้นเหรอ
ทำไมเมื่อกี้เหมือนจะดีขึ้นแล้ว
ไหงพอครูออกไปแล้วกลับมาเป็นอีกล่ะเนี่ย”
ทั้งพูดทั้งรีบวิ่งเข้ามาหาเอิ้นที่เตียงด้วยความเป็นห่วง
มือก็พยายามลูบที่หัวหล่อน
เมื่อเห็นว่าหล่อนกำลังกุมหัวไว้เหมือนเดิม
ทั้งมองซ้ายมองขวาหาคนที่จะมาช่วยอีก
“งั้นอยู่นี่นะเค้าออกไปตามครูแป๊บครูคงเดินไปไม่ทันไกล”
บอกหล่อนออกไปเมื่อคิดได้ว่าควรออกไปตามครูมาดูอาการหล่อนอีกครั้งดีกว่า
“มะๆ
ไม่ต้องไปตามก็ได้
อยู่อย่างนี้ตรงนี้ล่ะ”
คนร้องโอดโอยเมื่อครู่กลายเป็นเลื่อนมือจากหัวตัวเองมาดึงมือพะแพงมาแนบแก้มตัวเองไว้
ใบหน้าท่าทางเจ็บๆเมื่อครู่นี้ก็กลายเป็นอมยิ้มเล็กๆเมื่อเห็นว่าอีกคนหันมามองตัวเองด้วยความงงงวย
“อะไรอ่ะ
ตกลงป่วยจริงหรือป่วยการเมืองกันแน่นี่
นี่อำกันว่าปวดหัวอีกแล้วใช่มั้ย”
“ปวดจริงๆสิ
ไม่ปวดจริงๆจะเลือดกำเดาออกขนาดนั้นมั้ยนี่
ตอนนี้ก็ยังปวดหนึบๆอยู่แต่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อกี้มาก”
“แล้วที่ร้องเมื่อกี้คือ??...”
“ก็ปวดอีกไง..”
อมยิ้มกวนๆนิดๆ
“ก็อยากให้พะแพงมาดูเค้าใกล้ๆไง
ถ้าเค้าไม่ร้องขึ้นอย่างนั้นพะแพงจะเดินเข้ามาดูเข้าใกล้ๆมั้ยล่ะ”
ทั้งพูดทั้งดึงมืออีกคนลงมาหอมเฉยเลย
และนั่นเลยทำให้คนที่โดนหอมถึงกลับตาเหลือกลานก่อนจะมองซ้ายมองขวาด้วยกลัวว่าจะมีใครอยู่แถวนี้แล้วเห็นที่หล่อนทำกับเธอเมื่อกี้หรือเปล่า
โชคดีที่ไม่มีใคร
หรือจะเป็นโชคร้ายก็ไม่รู้นะเพราะอีกคนเมื่อรู้ว่าไม่มีใครอยู่ในนี้เช่นเดียวกัน
หล่อนก็จัดการดึงร่างพะแพงด้วยมือข้างเดียวลงมานั่งจุ๊มปุ๊กอยู่บนเตียงข้างๆกันนั่นแหละ
“เล่นอะไรอี๊กกก...”
“ดูแลเค้าหน่อยสิ..”
“ดูแลอะไรมิ๊ทราบ
ก็เห็นๆกันอยู่ว่าหายดีแล้ว”
“ยังไม่หายเท่าไหร่หรอกนะ
ดีไม่ดีจะปวดขึ้นกว่าเมื่อกี้อีกถ้าพะแพงทำเสียงดุๆใส่เค้าอย่างนี้เนี่ย”
ทำตาเล็กตาน้อยออดอ้อนหล่อนทันที
นั่นเลยทำให้คนโดนอ้อนหมั่นไส้จนถึงกับเอื้อมมือไปตบแขนหล่อนอีกข้างดังแป๊ะแต่ดันลืมไปว่ามือข้างนั้นหล่อนเข้าเฝือก
หล่อนเลยกลายเป็นร้องโอดโอยขึ้นเสียงดังจริงๆในรอบนี้
“อุ๊ย
ขอโทษ ลืมไปว่ามือเอิ้นข้างนั้นเจ็บ”
ยกมือไหว้หล่อนประหลกๆด้วยความตกใจก่อนจะเอื้อมลงไปจับแขนข้างนั้นหล่อนมาลูบๆคลำๆเพื่อเป็นการขอโทษ
“ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ..”
ตาละห้อยขอโทษหล่อนที่ยังคงทำตาเล็กตาน้อยและร้องโอดโอยไม่หยุดเสียที
นั่นเลยทำให้พะแพงถึงกับเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่งด้วยรู้ตัวว่าทิ้งแขนตีหล่อนไปแรงเหมือนกันและหล่อนก็คงจะเจ็บจริงๆไม่ได้แสแสร้งแน่ๆ
“เอ่อ..ลืมถามไปเลยว่าแขนไปโดนอะไรมา”
ถามหล่อนแก้เขินในตอนที่ยกขึ้นมาลูบๆคลำๆ
นั่นเลยทำให้อีกคนชะงักหยุดทำตาเล็กตาน้อยแล้วหันมามองค้อนเธอแทน
“นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ววันนี้
คนอะไรใจร้ายชะมัด”
“ก็ถามแล้วนี่ไง
เป็นอะไร ไปโดนตัวอะไรมา”
เหล่มองแรงทันที
“นั่นคำถามเหรอนั่น
ฟังดูกระแนะกระแหนยังไงไม่รู้เนอะ
หน้าบึ้งมองค้อนอีกคนก่อนจะก้มลงมองมือตัวเอง
“นิ้วซ้น โน๊ตบุ๊คตกใส่มือน่ะ”
“ห๊ะ!
โน๊ตบุ๊คตกใส่มือ!
ไปทำยังไงให้มันตกใส่มือล่ะนั่น”
“ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย
แค่กำลังจะพิมพ์งาน
แต่เท้าดันไปเกี่ยวสายโน๊ตบุ๊คจนโน๊คบุ๊คจะหล่นจากโต๊ะแล้วเค้าเห็นก่อนก็เลยรีบยื่นมือไปรับมันไว้เลยไม่ทันระวังว่าสันมันจะกระแทกโดนมือตัวเองเสียจนเจ็บอย่างนี้น่ะ”
“แล้ว..โน๊คบุ๊คเป็นอะไรหรือเปล่า”
เหล่ตามองค้อนพะแพงอีกรอบ
“ดีเนอะ..แทนที่จะถามคนว่าเจ็บมั้ยกลับถามว่าคอมเป็นอะไรมั๊ย”
“เอ้า
คนก็มีคนถามคนเป็นห่วงแล้วนี่นา
เห็นเด็กใครก็ไม่รู้ออเซาะเอาใจเป็นห่วงกันตั้งแต่เช้าเลยคิดว่าคงไม่ต้องการให้คนอื่นเป็นห่วงหรอกมั้ง”
“นี่หวงนี่..”
เอิ้นอมยิ้ม
“ก็นั่นเด็กก็ส่วนเด็กป่ะ
แต่นี่พะแพง ยังไงความสำคัญมันก็แตกต่างกันป่ะ”
“แตกต่างกันยังไงมิ๊ทร๊าบ
อ๋อใช่สินะเพื่อน..”
ยังไม่ทันจะบ่นจบก็โดนอีกคนเบรคด้วยการกระชากแขนให้เงียบไว้ก่อน
“หยุด!!
ห้ามพูดคำว่าเพื่อนถ้าตัวเองรู้อยู่แล้วว่ามันคืออะไรน่ะ!”
พะแพงคิ้วขมวดมองหน้าอีกคนอย่างไม่เข้าใจ
“พูดแบบนี้อีกแล้ว
ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
ตกลงต้องการจะพูดอะไรกันแน่
ทำไมจะพูดว่าเพื่อนไม่ได้ก็ในเมื่อเอิ้นย้ำแล้วย้ำอีกไม่ใช่เหรอว่าเราน่ะเป็นเพื่อนกันน่ะ”
“แกล้งโง่หรือเปล่าเนี่ย
ดูไม่ออกเหรอว่าเค้าน่ะ
โอ๊ะ โอ๊ะ อะไรเนี่ย..เป็นอีกแล้วอ่ะ
โอ๊ยย!!...”
ทั้งร้องทั้งก้มหน้าก้มก้มตากุมขมับตัวเองอีกครั้ง
และนั่นเลยทำให้พะแพงคิ้วขมวดมองคนตรงหน้าอย่างหมั่นไส้เมื่อคิดว่าหล่อนกำลังอำเธออีกแล้ว
“นี่เลิกเล่นมุกนี้ไปเลยนะ
เลิกแกล้งปวดหัวได้แล้ว
เมื่อกี้ยังทะลึ่งตึงตังอยู่เลย
พอจะจริงจังแล้วก็แกล้งเป็นอย่างนี้ตลอดไม่ตลกด้วยหรอกนะ
ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด
ไม่ต้องมาแกล้งอำบ้อบออย่างนี้ไม่ชอบ!”
“ไม่ได้แกล้ง..”เสียงงึมงัมของหล่อนดังขึ้นขณะที่กำลังก้มหน้า
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นโชว์ให้พะแพงเห็นว่าตอนนี้เธอมีเลือดกำเดาไหลออกมาอีกแล้ว
“..เค้าเป็นจริงๆ
เป็นแบบเมื่อกี้อีกแล้ว
ไม่รู้ว่าเป็นอะไร”
ทั้งพูดทั้งพยายามเงยหน้าตัวเองขึ้นหวังห้ามเลือดกำเดาไม่ให้ไหลลง
ซึ่งนั่นก็ทำให้พะแพงตกใจที่เห็นอีกคนกลับไปมีอาการเจ็บแบบเดิมอีกแล้วเธอเลยรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเลือดหล่อนออกให้ด้วยอาการรนรานเป็นห่วง..
“เฮ้ย
เอิ้นเป็นอะไร นี่แปลกๆแล้วนะ
เรียกครูอีกมั้ย ครูจะได้พาไปโรงพยาบาล”
“มะๆไม่ต้องหรอก
เค้าขอนอนพักผ่อนดีกว่า..”ทั้งพูดทั้งพยายามหย่อนตัวเองลงนอนบนเตียงแล้วหลับตา“พะแพงก็ขึ้นห้องไปก่อนเถอะไป
เค้าขอนอนพักผ่อนอยู่ตรงนี้คนเดียวก่อนได้มั้ย..”
แม้จะรู้สึกว่าหล่อนกำลังไล่ทางอ้อม
แต่พะแพงก็ต้องจำใจลาจากเอิ้นทันทีที่ได้ยินคำขอร้องอีกประโยคที่ฟังดูมีเหตุผลที่ดีหลังจากนั้นอีก
“ยังไงช่วยขึ้นไปเรียนแล้วจดเลคเชอร์ในคาบเรียนเผื่อเค้าดีกว่านะ
ถ้าเราสองคนอยู่ในนี้ก็เท่ากับว่าวันนี้เราขาดเรียนทั้งสองไม่มีงานส่งทั้งสอง
อย่างน้อยๆถ้าพะแพงไปเรียน
พะแพงก็ยังจะพอช่วยจดเลคเชอร์ไว้เผื่อเค้าได้บ้าง...”
บ่ายวันนั้นพะแพงกลับเข้าไปนั่งเรียนด้วยความกังวลใจ
เธอทั้งเป็นห่วงเอิ้นไม่รู้ว่าเอิ้นเป็นอะไรทำไมหล่อนถึงมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับร่างกายขนาดนั้น
ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นก็ยังคุยกันดีๆอยู่เลย
แค่วกเข้ามาทะเลาะกันเอิ้นก็กลายเป็นปวดหัวไม่สบายไปแล้ว
หรือหล่อนจะเครียดเรื่องเธอจริงๆอย่างนั้นเหรอ
ก็อาจจะใช่
เห็นได้ชัดว่าพอหล่อนโมโหเรื่องเธอทีไรเธอก็จะปวดหัวขึ้นทันที
นี่ฉันสร้างความรำคาญใจให้เพื่อนจนถึงกับไมเกรนจับขนาดนั้นเลยหรือนี่
ทั้งคิดทั้งเหม่อมองไปที่โต๊ะของคนในห้วงความคิดก่อนจะรู้สึกได้ว่าโทรศัพท์ของตัวเองกำลังสั่น
และเมื่อพะแพงหยิบมันขึ้นมาดูก็พบว่ามันเป็นการแจ้งเตือนของข้อความไลน์จากเอิ้น
“พะแพงฝากเก็บกระเป๋าเค้าแล้วเอามาส่งที่บ้านเค้าได้มั๊ย
เค้ารู้สึกไม่ไหวจริงๆ
เค้าเลยขอครูห้องพยาบาลกลับไปนอนที่บ้านก่อน
เดี๋ยวไงตอนเย็นเจอกันแล้วกันนะ”
และนั่นก็ทำให้พะแพงเพิ่มความกังวลใจขึ้นเป็นอีกเท่าตัวเมื่อได้รู้ว่าตัวเองได้ทำให้เพื่อนไม่สบายหนักจนถึงขึ้นที่ต้องขาดเรียนจริงๆซะด้วย...
โอ๊ยให้ตายเถอะ..อย่าเป็นอะไรเลยนะ..เอิ้น
--<><><><>--
“ค่ะ
แม่เดี๋ยวยังไงหนูจะโทรหาอีกทีนะคะ
ค่ะ..ได้ค่ะ..”
เสียงคุยโทรศัพท์ของพะแพงหยุดลงเมื่อเธอเดินก้าวย่างมาสู่หน้าบ้านหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นที่ทั้งสวยและดูดีมีสไตล์แถมยังมีพื้นที่ภายในบ้านกว้างใหญ่จนภายในสามารถสร้างสตูดิโอสำหรับถ่ายภาพได้อีกตั้งสองหลัง
ซึ่งบ้านหลังที่ว่าก็คือบ้านของเอิ้นที่ตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านที่เธออยู่นัก
เวลานี้เลยเวลาเลิกเรียนมาไม่นานแต่ด้วยความที่ครอบครัวของพะแพงค่อนข้างเข้มงวดกับเวลาเข้าออกบ้าน
เธอจึงจำเป็นต้องรีบโทรไปแจ้งแม่เรื่องที่เธอต้องแวะเอาของมาให้เอิ้นที่เธอบอกแม่ไปก่อนหน้านี้แล้วว่าหล่อนไม่สบายอย่างหนักจนต้องกลับบ้านมาพักก่อน
ตอนนี้เมื่อเธอหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของเอิ้นแล้วเธอก็รีบกดกริ่งเรียกให้เพื่อนสาวของตัวเองมาเปิดให้ทันที
แต่น่าแปลกว่าแทนที่หล่อนจะลงมาเปิดบ้านให้หล่อนกลับโทรศัพท์เข้าหาเบอร์พะแพงแทน
“พะแพงอยู่หน้าบ้านแล้วใช่ป่ะ
เดินเข้ามาในบ้านเค้าเลยนะ
เค้าไม่ได้ล๊อค
เอ่อ..โทษทีนะเค้าไม่สะดวกลงไปรับน่ะ
ยังไงพะแพงก็เดินขึ้นมาหาเค้าในห้องเลยแล้วกันนะ
”
นี่ไม่ไหวขนาดนั้นเลยเหรอ..นั่นคือสิ่งที่พะแพงคิดในขณะที่ขานรับหล่อนก่อนจะรีบถือกระเป๋าหล่อนเข้าไปในบ้านเมื่อคิดได้ว่าอีกคนคงกำลังแย่แน่ๆ
ดีไม่ดีตอนนี้หล่อนอาจจะอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีใครดูแลหล่อนเหมือนทุกๆวันก็เป็นได้..
นึกถึงหน้าพ่อของหล่อน
“วิศรุต”หรือที่พะแพงมักจะเรียกว่า“น้าวิศ”
ผู้ปกครองคนเดียวในชีวิตที่เอิ้นมี
ตากล้องหนุ่มวัยสี่สิบกระรัตที่ทั้งหล่อทั้งรวยและดัง
ที่สำคัญมักจะเป็นข่าวกับนางแบบสาวๆสวยๆประจำ
และเขามักจะเห็นงานสำคัญกว่าลูกสาวเสมอ
มีพ่อก็เหมือนไม่มี
นั่นเป็นคำที่เอิ้นมักจะบ่นให้พะแพงฟังเสมอเวลาที่หล่อนต้องการพ่อแล้วพ่อไม่ได้อยู่ดูแลใกล้ๆ
สำหรับแม่ของเอิ้น
พะแพงได้รู้แค่ว่าเป็นหนึ่งในนางแบบสาวสวยที่พ่อของเอิ้นรักและแต่งงานด้วยจนมีเอิ้นออกมาเป็นพยานรัก
แต่ท่านอยู่ดูแลเอิ้นได้เพียงไม่นานก็ต้องมาประสบอุบัติเหตุทางน้ำจนเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาลูกสาว
จนทำให้เอิ้นกลัวน้ำตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
และเธอก็ต้องอยู่กับพ่อที่ทำหน้าที่เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวตั้งแต่ตอนนั้นด้วย
ซึ่งไม่ว่าพ่อจะแย่ในเรื่องผู้หญิงหรือบ้างานหนักสักเท่าไหร่
แต่สำหรับหน้าที่ของพ่อ
เอิ้นก็มักจะยอมรับและชื่นชมให้เธอฟังเสมอว่าพ่อตัวเองก็ทำหน้าที่ได้ไม่เคยขาดตกบกพร่องสักครั้งเลยตั้งแต่เล็กจนโต
เขาก็พยายามเติมเต็มทุกอย่างให้เอิ้นเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำให้ได้..ซึ่งก็หมายถึงทำได้ในแบบของผู้ชายนั่นแหละ..
ดูๆไปแล้วชีวิตเอิ้นก็น่าสงสาร
นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งในเรื่องที่ว่าทำไมพะแพงถึงไม่ชอบไปไหนไกลจากเอิ้นเลย
เธอรู้ว่าเอิ้นเหงาและเธอก็ชอบที่เป็นอะไรก็ได้ถ้ามันจะทดแทนความรู้สึกหว้าเหว่ของเอิ้นเหล่านั้นให้หมดไปด้วย..
เสียงเคาะประตูหน้าห้องเอิ้นดังขึ้นเพื่อขออนุญาติสองสามทีเมื่อพะแพงเดินมาถึงแล้ว
ได้ยินเสียงแว่วๆดังมาจากให้ห้องว่าให้เข้ามาเลยประตูไม่ได้ล๊อคไว้
พะแพงเลยถือวิสาสะเข้าไปโดยไม่ได้คิดว่าจะได้เห็นภาพบางอย่างที่น่าตกใจจนตัวเองตาแข็งขนาดนี้
“อุ๊ย!!”
รีบเบือนหน้าหนีทันทีที่เห็นแค่ภาพแว๊บๆของเอิ้นที่กำลังยกแขนข้างเดียวสวมใส่เสื้อด้วยอาการทุลักทุเลของหล่อนโดยที่เสื้อยังคลุมตัวเองไม่เรียบร้อยดี
มันแค่กำลังเคลื่อนจากส่วนหัวของร่างกายลงมาแถวๆคอ
และช่วงข้างล่างตั้งแต่คอลงไปนั้นยังไม่ทันมีอะไรคลุมไว้เลย
ดีที่ส่วนล่างของร่างกายหล่อนใส่กางเกงไว้แล้วไม่งั้นพะแพงคงจะช๊อคตาแข็งค้างยิ่งกว่านี้แน่ๆ
“อะไร
ทำไมต้องหันหน้าหนีอย่างนั้นด้วย”
คนตาหวานที่กำลังเปลี่ยนเสื้ออยู่ถามพะแพงด้วยความสงสัยเมื่อเห็นท่าทางตื่นตะหนกตกใจของหล่อนที่มีต่อตัวเอง
ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้
“นี่อายเหรอ..”
ทั้งถามทั้งยิ้ม
จ้องมองท่าทางเลิ่กๆลั่กๆไม่ตอบเอาแต่เบือนหน้าหนีของพะแพงอย่างขำๆก่อนจะแกล้งเดินเข้าไปประชิดตัวหล่อนต่อ
“หันมาได้แล้ว
เปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วเห็นมั้ย
จะอะไรกันนักหนา แค่นี้ก็ต้องอายด้วย
อายทำไมกัน..ก็มีเหมือนๆกันแท้ๆ”
พะแพงแอบคิ้วขมวดเหล่มองเจ้าของร่างสะโอดสะองค์ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงขำๆของหล่อน
“ก็คนมีมารยาทมันก็ต้องอายเป็นธรรมดาป่ะ
ใครเขาจะคิดว่าจะเปิดประตูมาเจออะไรประเจิดประเจ้อขนาดนี้ถ้าไม่อายยืนจ้องอยู่ตลอดน่ะสิถึงจะแปลกคน”
พยายามเถียงหล่อนข้างๆคูๆใบหน้าก็แดงระเรื่อตอนที่หันมาเห็นหน้าใสๆสวยๆของหล่อน
ที่ตอนนี้แม้จะไร้เครื่องสำอางไร้แป้งพับ
โชว์แต่ใบหน้าสดที่พึ่งผ่านการอาบน้ำล้างหน้าล้างตาแต่ก็ใสและผิวดีเสียจนคนอยู่ใกล้แอบที่จะอดชื่นชมในใจไม่ได้(ทั้งๆที่ตัวเองก็สวยเหมือนๆกันแท้ๆ)
เหล่ๆมองหน้ายิ้มๆของหล่อนอยู่ครู่หนึ่งสายตาก็เลื่อนมามองภาพด้านล่างของหล่อนเข้า
และนั่นก็ทำให้พะแพงแทบจะรีบเบือนหน้าหนีอีกทันทีที่เห็นว่าเสื้อที่หล่อนใส่นั้นเป็นเสื้อกล้ามตัวเล็กๆที่โชว์ให้เห็นสัดส่วนของเนินเนื้อและปุ่มจุดศูนย์กลางของมันทั้งสองในแบบที่ว่าไม่ต้องเพ่งมากมายก็เห็นรูปทรงเจ้าก้อนเนื้อปริศนาเต็มๆตาแล้ว
ให้ตายเถอะ..นี่หล่อนทำไมกล้าโนบราอย่างนี้นะ
เป็นสาวเป็นนางแท้ๆ
หันหน้าหนีไปตัวแข็งทื่อต่อว่าหล่อนในใจ
ปากก็พึมพัมภาวนายุบหนอพองหนอไปด้วยกลัวตัวเองจะสงบสติอารมณ์ไม่ได้แล้วกลายเป็นเผลอแสดงอาการไก่ตื่นให้หล่อนได้แซวอีก
โอ๊ยให้ตายเถอะ..คิดถูกหรือเปล่านี่ที่มาหาหล่อนที่บ้าน
“นี่ทำไมต้องหลบหน้าอย่างนั้นด้วย
กลัวอะไร..”เสียงขำๆของคนข้างหลังดังขึ้นในตอนที่หล่อนยื่นมือมาจับไหล่พะแพงดังแป๊ะ
จนพะแพงสะดุ้งเฮือกต้องพยามท่องพุทโธในใจรัวๆด้วยกลัวว่าจะเผลอหลุดไปจนได้
“แหนะ
มีสั่นด้วยแหะ กลัวอะไรกันน้าาา”
ยัง ยังพยายามแซวอาการตื่นกลัวของพะแพงอยู่
“ไม่ได้กลัว!”
หันมามองค้อนหล่อนในตอนที่เริ่มตั้งสติได้แล้ว
“แค่ไม่อยากมองภาพอุจาดตา!”
“อุจาดตาเลย!”
“ใช่!อุจาดตา!
กล้ามากเลยนะที่แต่งตัวโป๊ๆอย่างนี้
ทำไมไม่แต่งให้มันเรียบร้อยกว่านี้อ่ะ
ดูสินี่กล้าโนบราใส่กับเสื้อกล้ามตัวเล็กๆ
แถมยังใส่กางเกงสั้นซะขนาดนี้คิดว่ามันไม่อุจาดตาเหรอ”
เถียงหล่อนด้วยอาการฉุนเฉียวเมื่อเธอแกล้งทำเป็นโมโหและดุให้หล่อนด้วยหวังตีเนียนแสดงความเป็นห่วงเหมือนเพื่อนทั่วๆไปเค้าห่วงกัน
“นี่!ไม่มีใครคิดว่ามันอุจาดตาหรอกนะเพราะว่าเค้าก็ใส่อย่างนี้ในบ้านของเค้า
แล้วทำไมอ่ะ แต่งตัวอย่างนี้มันผิดตรงไหน
ก็เค้าจะนอนพักผ่อนแล้ว
เค้าเลิกเรียนมาได้นอนพักแป๊บเดียวรู้สึกไม่สบายตัวเค้าก็เลยอาบน้ำ
แล้วพะแพงก็มาหาเค้าตอนที่เค้าอาบน้ำเสร็จพอดี
แล้วก็เห็นเค้าในสภาพนี้พอดี
แล้วมันเป็นความผิดของเค้าอย่างนั้นเหรอ
นี่จะบอกอะไรไว้ให้นะ
ถ้าไม่ได้คิดลึกตั้งแต่แรกก็ไม่มีใครว่าเค้าแต่งตัวโป๊อุจาดตาหรอก
หรือพะแพงคิดใช่มั้ย”
“บ้า!”หน้าตาเลิ่กลั่กทันที
“ใครจะไปบ้าคิดอะไรอย่างนั้น
เค้านะไม่ใช่..”
หยุดกลืนน้ำลายด้วยนึกกระดากปากกระดากใจถึงคนในคำพูดที่ยืนยิ้มมองตัวเองขำๆอยู่
“ไม่ใช่ใคร..ไม่ใช่เค้างั้นหรอออ..”
ยิ้มน้อยทันที
“โฮ๊ะ~~
นี่รู้ด้วยว่าเค้าคิด..”
แกล้งยื่นมือไปจับแก้มพะแพงในตอนที่ทำตาหวานๆยั่วหล่อน
ซึ่งนั่นก็ทำให้พะแพงเลิ่กลั่กไปกันใหญ่
ได้แต่ตัวแข็งทื่อหลับตาปี๋ทันทีที่เห็นเอิ้นทำทีเป็นหลับตาโน้มหน้าจะมาจูบตัวเองอย่างนั้นเข้า
โอ๊ยย...ตายแล้วชั้น
ภาพมโนของอะไรต่อมิอะไรเกิดขึ้นในหัวของพะแพงแว๊บๆแล้วก็โดนหยุดด้วยเสียงโทรศัพท์ชองเอิ้นที่ดังขึ้นขัดจังหวะ
ซึ่งนั่นก็ทำให้พะแพงรีบลืมตามองดูอีกคนรีบวิ่งไปรับโทรศัพท์ด้วยท่าทางกุลีกุจอทันที
ใครโทรมาทำไมเอิ้นถึงได้ดูรีบร้อนขนาดนั้น
พ่อเหรอ
ทั้งคิดทั้งแอบมองอีกคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมองแล้วอมยิ้มเล็กๆในตอนที่เห็นชื่อในหน้าจอแล้ว..
“ว่าไงยัยลิงน้อย..”ได้ยินแค่นั้นพะแพงก็แทบจะหมุนตัวเดินออกจากห้องทันที
หน็อยย..เสียงเล็กเสียงน้อยเรียกกันเชียวนะ
ยัยลิงน้อย!ยัยลิงน้อย!
คิดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจในตอนที่กำลังบิดลูกบิดประตูหวังจะออกไปโดยไม่ต้องร่ำลาหล่อน
แต่คนที่อยู่ด้านหลังกลับรีบเดินเข้ามาดึงแขนพะแพงไว้ก่อน
และเมื่อพะแพงหันกลับไปมองก็เห็นหล่อนเอามือปิดโทรศัพท์กันเสียงเล็ดลอดเข้าไปก่อนจะกระซิบกระซาบบอกกับเธอว่า
“อยู่ก่อน..จะรีบกลับไปไหน”
“จะให้อยู่ทำไม
ก็คุยกับลิงน้อยตัวเองไปสิ”
“พะแพง..ชูว์
เงียบก่อน...เดี๋ยวเค้าอธิบายให้ฟังทีหลัง
อย่าพึ่งงอนดิ..”ทำตาเล็กตาน้อยขอร้องเพื่อนสาวคนที่กำลังจะเดินออกจากห้องอยู่ครู่หนึ่งหล่อนก็จะใจอ่อนยอมยืนรอฟังเธอกลับไปคุยกับยัยลิงน้อยของตัวเองใหม่
ถึงแม้ว่าหล่อนจะรู้สึกเจ็บในใจแค่ไหนก็ตาม
ได้ยินเสียงเล็กเสียงน้อยหล่อนคุยกับคนในสายอยู่ครู่หนึ่งเสียงโทรศัพท์ตัวเองก็ดังขึ้นบ้าง
หยิบขึ้นมาดูก็เห็นเป็นสายวิดีโอคอลของคนที่พึ่งได้เบอร์เธอไปเมื่อตอนกลางวันนี่เอง
“ครูพี่แอน..”แอบพึมพัมในตอนที่เห็นชื่อหล่อนก่อนจะลังเลว่าควรจะกดรับสายดีมั้ย
หันไปมองเพื่อนของเธอก็เห็นหล่อนกำลังคุยโทรศัพท์กับคนในสายอย่างออกรสออกชาดอยู่และดูเหมือนว่าหล่อนก็ไม่ได้สนใจใยดีที่จะมองดูเธออยู่แล้วด้วยซ้ำ
อืม..รับๆไปเถอะครูคงคุยอะไรด้วยไม่นานหรอกมั้ง
นั่นคือความคิดในใจพะแพงในตอนที่กดรับสายวีดีโอคอลโดยหันหลังเข้าฉากพนังห้องเอิ้นด้านที่มีรูปภาพตกแต่งสไตล์วินเทจที่พ่อหล่อนถ่ายที่เธอคิดว่าสวยและดูดีมีสไตล์ดี
“ครูพี่แอน
สวัสดีค่ะ”
“ฮายพะแพง
เฮ้ยไม่ต้องไหว้นะนอกเวลาเรียนแล้ว”
คนในสายรีบร้องเรียกทันทีที่เห็นพะแพงยกมือข้างเดียวทำท่าไหว้หล่อนด้วย
“นี่แล้วก็ไม่ต้องเรียกครูแล้วอยู่นอกโรงเรียนถ้าเจอกันหรือโทรคุยกันก็เรียกพี่แอนเฉยๆก็นะ
ไม่อยากแก่”
“ไม่อยากแก่!แต่ก็แก่!”
“หึ๊ม!!”
หน้างงเป็นไก่ตาแตกทั้งสองเมื่อได้ยินบางข้อความแทรกขึ้นมา
“พะแพงว่าพี่เหรอคะ?..”
“ปะๆเปล่าค่ะ
มะไม่ใช่เสียงพะแพงค่ะ”
คนต้นทางหน้าตาตื่นด้วยความงงทั้งกลัวว่าครูจะเข้าใจผิดว่าตัวเองว่าทั้งกลัวว่าครูจะโกรธ
ทั้งงงว่าเสียงนี้มาจากไหนและก็ไม่นานเลยที่ความสงสัยนั้นถูกเฉลยด้วยแรงกระชากไหล่จากวงแขนเล็กๆของคนที่เดินเข้ามาโอบกอดเธอจากด้านหลังหลังจากนั้น..
“คุยกับใครคะที่รัก
กึ๊ก!!..ตึ๊ดๆๆ”
โทรศัพท์ของพะแพงถูกตัดสายทิ้งทันทีที่ปรากฏเป็นภาพเอิ้นเข้ามาสวมกอดคอเธอเข้าไปหอมแก้ม
ตอนที่หล่อนถามคำถามนั้นให้เสียงดังเข้าไปในสายด้วย
แน่นอนว่าคนตัดสายทิ้งย่อมเป็นพะแพงที่ทำตัวไม่ถูกไม่รู้ควรจะไปต่อยังไงเมื่อคนปลายสายเห็นภาพนั้นเต็มๆตาอย่างนี้
แม้จะเป็นเพียงแค่แว็บเดียวก็เถอะ
“เอิ้น!
ทำบ้าอะไรเนี่ย”
เมื่อตั้งสติได้ก็หันมาต่อว่าหล่อนด้วยความโมโหทันที
“นั่นครูนะ!!”
“ครูบ้า!อะไรมาหลอกจับมือแล้วหลอกขอเบอร์นักเรียนอย่างนั้น
หนำซ้ำยังไม่ได้สอนกัน
ไม่ได้สนิทกัน
พึ่งเจอกันไม่เท่าไหร่ทำไมจะต้องคอลมาหากันด้วย”
“ก็ทำไมล่ะ
ครูเขาก็คงอยากคุยด้วยธรรมดา”
“ธรรมดาอย่างนั้นเหรอ
แต่เจตนามันไม่ใช่
เค้าดูออกว่าครูคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่”
“คิดอะไร!
ครูเขาคิดอะไรมิทราบ!”
“ทำไมต้องถามด้วย
อ้อนี่อย่าบอกนะว่าดูไม่ออกอีก
นี่กะจะตีหน้าใสซื่อกับทุกเรื่องที่เจอเลยอย่างนั้นเรอะ
นี่จะบอกว่าไม่รู้ตัวเลยใช่มั้ยว่าครูคนนี้เขาเข้ามาจีบตัวเองอ่ะ”
“จีบ!”
พะแพงหัวเราะหึ
“บ้าหรือเปล่า
ครูเขาเป็นผู้หญิงเขาคงไม่นึกพิศวาสเค้าหรอกมั้ง”
“ทำไมจะไม่พิศวาสดูแค่ปลายหางตาก็รู้”
“รู้อย่างงั้นรึ
หึ รู้ได้ยังไงมิทราบ!”
“รู้ก็แล้วกัน
ไม่ต้องมาเถียง
แล้วหัวอ่อนอย่างพะแพงนี่เดี๋ยวก็โดนเขาหลอกฟันแล้วทิ้ง”
“ฟันแล้วทิ้ง!
โอ๊ย!
ไปกันใหญ่แล้วเอิ้น
สมองคิดแต่เรื่องนี้หรือเปล่านี่
นี่ถ้าจะคิดแต่เรื่องอย่างนี้ก็เชิญคิดไปคนเดียวเลยไป
อ้อ!
หรือจะคิดกับยัยลิงน้อยของเอิ้นก็ได้นะท่าทางจะใช่ทางเดียวกันนี่”
ปราดหางตามองเหยียดอีกคนที่กัดฟันกรอดๆมองเธอด้วยความโมโห
“ทำไมต้องไปลงหลิน
พูดกันแค่สองคนวกไปหาหลินทำไม
โอ๊ะ!หรือว่าหวง
เอ๊ะ!ไม่สิหรือจะเรียกว่าหึงดี”
สะดุ้งทันทีที่ได้ยินข้อความจี้ใจดำอย่างนั้น
“หึงใคร!
บ้าหรือเปล่า
พูดบ้าอะไร เค้าจะหึงใครมิทราบ”
คนฟังยิ้มน้อย
ก่อนจะค่อยๆขยับตัวไปชิดพะแพงแล้วจับมือหล่อนล๊อคไว้
“หึงใครอย่างงั้นเหรอ
หึ คิดว่าเค้าดูไม่ออกหรือไงว่าพะแพงคิดอะไรกับเค้า”
ดึงตัวพะแพงเค้ามาโอบเอวก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปมองตาหล่อนใกล้ๆอีก
ซึ่งนั่นก็ทำให้อีกคนที่ตัวแข็งทื่อก่อนหน้านั้นถึงกลับเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
“พะ..พูดอะไร
ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”
ตะกุกตะกักถามคืน
ทั้งหลบตาหล่อนที่จ้องมองตัวเองด้วยแววตานิ่งๆ
“ไม่เข้าใจแล้วจะหลบตาทำไม
แน่จริงก็จ้องตาเค้าคืนสิ”
คนโดนท้าชะงักกลายเป็นยิ่งเบือนหน้าหนีหล่อนเข้าไปใหญ่
นั่นเลยทำให้คนที่สวมกอดยิ่งออกแรงโอบเอวพะแพงให้เข้าชิดตัวเองอีกในตอนที่หล่อนโน้มหน้าลงไปค่อยๆหอมแก้มพะแพงแล้วดุนดันจมูกเข้าไปไซ้ซอกคอข้างๆของหล่อนด้วย
“เฮ้ย!
ทำอะไรน่ะ!”
พยายามผลักๆดันๆหล่อนออกจากตัวในตอนที่ร้องเสียงหลง
“ทำไมต้องถามด้วย
ในเมื่อก็รู้อยู่แล้ว”
คนตอบตอบเสียงงึมๆงัมๆในขณะที่พยายามยื่นมือไปปลดกระดุมพะแพงออก
ซึ่งนั่นเลยทำให้หล่อนยิ่งออกแรงขัดขืนจนอีกคนร้องขึ้นเสียงดังเมื่อหล่อนโดนผลักแรงๆเข้า
“โอ๊ย!
เค้าไม่สบายอยู่นะ
ทำไมพะแพงต้องผลักเค้าแรงอย่างนี้ด้วยล่ะ”
ทำสีหน้าเจ็บปวดตาเล็กตาน้อยในตอนที่ยกตัวขึ้นมองหน้าพะแพงที่กลายเป็นเลิ่กลั่ก
เมื่อได้ยินที่เอิ้นร้องบอกแล้วนึกขึ้นได้ว่าหล่อนก็ไม่สบายจริงๆนั่นแหละ
“เอ่อ..ก็เอิ้นมาทำอย่างนี้ทำไมล่ะ
เค้าก็ต้อง..ก็ต้อง..”
“ก็ต้อง??
ก็ต้องอะไร??
ก็ต้องขัดขืนใช่มั้ย??”
อมยิ้มเล็กๆเมื่อเอิ้นเห็นพะแพงทำหน้าแดงๆเลิ่กลั่กตอบตัวเองแบบแบ่งรับแบ่งสู้อย่างนั้น
“อ๋อนี่จะขัดขืนเค้าเพราะไม่อยากให้ใครคิดว่าพะแพงสมยอมเค้าใช่มั้ย”
ทั้งพูดทั้งยิ้ม
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะ
ไม่มีใครรู้หรอกว่าพะแพงสมยอมเค้า
เค้าจะไม่บอกคนอื่นหรอก
เลิกฝืนความรู้สึกตัวเองซะทีเถอะ”
“ใครฝืนอะไร..”
“ยัง
ยังจะแถอีก งั้น..”คนพูดอมยิ้ม
ก่อนจะก้มลงจับมือของพะแพงยัดเข้าไปในชายเสื้อของตัวเองแล้วนำทางมันผ่านจากลำตัวไปวางแมะอยู่ที่เนินเนื้อหน้าอกของตัวเอง
“เฮ้ย!
ทำอะไรน่ะ”
คนโดนจับมือถึงกับหน้าแดงฉ่าพยายามสบัดมือตัวเองออกแต่ก็โดนอีกคนลอคแขนเอาไว้เสียแน่น
“ทำไม!..รังเกียจเค้าเหรอ”
สีหน้าจริงจังของเอิ้นทำเอาพะแพงที่หน้าแดงแล้วแดงอีกถึงกลับทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
“ปะ..เปล่า..”
“เปล่า..แล้วจะสบัดมือออกทำไม”
“ก็..ก็
ก็..”
ไม่รู้ว่าจะตอบหล่อนว่าอย่างไรดีในหัวพะแพงทื่อไปหมดเลยเมื่อคนต่อหน้ากำลังบังคับมือเธอให้ออกแรงจับและขยำเนินเนื้อนั้นจากเบาเป็นแรงขึ้นและแรงขึ้นไปเรื่อยๆอีก
แถมใบหน้าแดงระเรื่อของหล่อนที่หลับตาพริ้มอยู่นี้ก็ชวนมองมาก
เมื่อหล่อนทำท่าเหมือนกำลังจะครางออกมาเบาๆในตอนที่พะแพงออกแรงบีบเนินนั้นแรงขึ้นด้วย
“พะแพง..”
ฟังน้ำเสียงสั่นเครือของคนสวยต่อหน้าเมื่อหล่อนครางออกมาเป็นชื่อตัวเองแล้วพะแพงก็ไม่กล้าฝืนอะไรต่อ
มือที่ช่วยจับขยำ ณ
จุดนั้นก็ยังคงขยำอยู่เช่นเคย
แถมเมื่อหล่อนโน้มตัวเข้ามามอบจูบลึกล้ำ
เธอก็ยังโอนอ่อนผ่อนตามไม่กล้าแม้แต่จะขัดขืนฝืนอะไรอีก
ในเมื่อจุมพิตครั้งนี้ครั้งนี้มันมีรสชาดของความรู้สึกวาบหวามจากน้ำเสียงสั่นเครือของคนที่ตัวเองแอบรักเจือออกมาด้วยทำไมเธอจะกล้าปฏิเสธมันเล่า
อา..เธอชอบฟังเสียงหล่อนที่กำลังครางงึมๆงัมๆในตอนที่ปลายลิ้นของหล่อนกำลังหยอกล้อกับของเธออยู่นี่จังเลย
มันทั้งน่าฟัง น่าทะนุถนอม
และน่ารักในคราเดียวกัน..
ทั้งคิดทั้งเคลิ้มจากที่ปล่อยให้หล่อนเป็นฝ่ายมอบจูบหยอกล้อปลายลิ้นตัวเองอยู่ฝ่ายเดียวตอนนี้พะแพงก็เริ่มจะตอบโต้บ้าง
ซึ่งนั่นก็ทำให้พะแพงติดอยู่ในวังวนของจูบรสหวานที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมลดลาว่าศอกหรือจะยอมหยุดลงไปง่ายๆ
รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่หล่อนละจูบออกมาแล้วก้มหน้าลงมาจุมพิตเนินเนื้อหน้าอกของตัวเอง
เมื่อตอนนี้เสื้อนักเรียนโดนปลอดกระดุมและโดนถอดออกไปจากตัวโดยที่เธอยังไม่รู้ตัวเลย
และพึ่งจะมารู้ตัวก็ตอนที่เห็นหล่อนเอื้อมมือข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกไปด้านหลังแล้วปลดตะขอเสื้อชั้นในตัวเองออกด้วยมือข้างเดียวนั่นแหละ..
“เอิ้น..อุบส์”
“หึ้มมม..”
พะแพงแอบร้องเรียกเอิ้นด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆตอนนี้ตัวเองกลายเป็นเปลือยครึ่งท่อนไปแล้ว
แต่ก็ยังไม่ทันได้พูดอะไรมาก
ปากของเธอก็โดนห้ามด้วยจูบของอีกคนก่อน
ซึ่งมันก็เป็นจูบที่ช่วยดึงดูดความสนใจได้ดีเลยทีเดียว
เพราะนอกจากพะแพงจะไม่งอแงต่อต้านแล้ว
เธอยังโอนอ่อนผ่อนตามแรงที่อีกคนพยายามพาร่างเธอไปที่เตียงต่อด้วย
รู้สึกตัวอีกทีตอนนี้พะแพงก็กลายเป็นนอนแผ่หลาลงกับเตียงโดยที่มีเอิ้นตามลงไปนั่งค่อมทับร่างของเธอไว้แล้ว
“สวยจัง..”เสียงของเอิ้นดังขึ้นมาหลังจากนั้นเมื่อเธอก้มหน้าลงมามองเนินหน้าอวบอิ่มของพะแพงที่โชว์ความงามล่อตามล่อใจตัวเองไม่วางตาและแทบจะไม่อยากวางมือออกจากมันง่ายๆเลยเมื่อเธอเลื่อนไปจับแล้วออกแรงบีบมันแรงขึ้นเรื่อยๆอย่างนี้
และเมื่อล่อตาล่อใจเธอมากๆเข้า
เอิ้นก็อดรนทนไม่ไหวต้องขอก้มลงไปดูดดื่มสัมผัสกับปุ่มใจกลางเนินเนื้อนั้นทั้งสองข้างดูบ้าง
เธอทั้งดูดทั้งละเลงปลายลิ้นไปทั่วๆจุดหวังจะซึมซับความหอมหวานของผิวเนื้อและเนินนมสาวที่อวบอิ่มสวยเกินวัย
และเธอก็ทายถูกมาเสมอว่าของพะแพงน่าจะโตมากกว่าเด็กสาวทั่วๆไปในวัยเดียวกันจริงๆเสียด้วย..
“เอิ้น..”
อีกคนหลับตาพริ้มด้วยความอายแสนอาย
ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามองเลยว่าหล่อนทำอะไรกับร่างกายตัวเองไปบ้าง
ในหัวของพะแพงตอนนี้มันขาวโพลนไปหมด
ไม่อยากจะคิดและไม่อยากจะถามอะไรทั้งนั้นได้แต่ปล่อยให้มันเป็นไปตามคำบัญชาของร่างด้านบนที่ออกคำสั่งให้ทำนั้นทำนี้อยู่ตลอดเวลา..
“พะแพง..ถอดกระโปรงพะแพงให้เค้าหน่อยสิ
เค้ามีมือเดียว..ถอดไม่ถนัด..”
แน่นอนว่าอีกคนก็พยายามยื่นมือมาปลดกระโปรงตัวเองออกให้แม้จะหลับตาอยู่ก็ตาม
และตอนนี้เมื่อกายท่อนล่างเหลือแต่ชั้นในลูกไม้สีดำตัวจิ๋วคนข้างบนก็โน้มตัวลงมาหอมส่วนนั้นเบาๆทันที
“อะ...เอิ้นน
อ๊ะ..”
คนนอนถึงกลับร้องครวญครางไม่เป็นคำ
เมื่อหล่อนออกแรงขบกัดผ่านชั้นในตัวจิ๋วมาโดนเนินเนื้อเธออย่างนั้น
จูบๆขบๆมันได้สักพักเอิ้นก็ยกตัวขึ้นมองร่างขาวนวลเนียนที่นอนอวดทรวดทรวงโค้งเว้าสะโอดสะองค์และกำลังบิดตัวไปมาเมื่อทนต่อแรงหยอกเย้าเหล่านั้นไม่ได้
“ไม่ต้องเกร็งนะ..”
ค่อยๆกระซิบพะแพงตอนโน้มตัวขึ้นไปอยู่ใกล้ๆหน้าหล่อน
แล้วใช้มือค่อยๆลูบหัวหวังให้อาการตื่นกลัวของหล่อนค่อยๆคลายลงไปบ้าง
“เค้าจะทำเบาๆ..”
แต่ถึงแม้จะบอกหล่อนไปอย่างนั้นยังไง
เมื่อเอิ้นมองเห็นเนินเนื้อขาวเนียนและสัดส่วนโค้งเว้าล่อตาล่อใจอยู่ตลอดความกระสันในใจลึกๆก็ทำให้เธอพยายามเลื่อนมือมาจับและบีบในทุกๆสัดส่วนจนได้
เธอแค่อยากจะซึมซับความสวยงามของร่างกายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอให้ได้มากที่สุด
ในเมื่อครั้งนี้มันเป็นครั้งแรกระหว่างเธอทั้งสอง
เธอแค่อยากจะจับอยากจะมองทุกส่วนของพะแพงให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
และในตอนนี้ ยิ่งเธอได้มองได้สัมผัส
ความรู้สึกอยากครอบครองทุกอย่างก็กระตุ้นให้เธอเริ่มทำบางอย่างกับพะแพงทันที
เธอเอื้อมมือลงไปจับเนินเนื้อภายใต้ชั้นในตัวจิ๋ว
ค่อยๆลูบๆคลำๆใจกลางมันจากด้านนอกจนรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นบางอย่าง
ท่ามกลางเสียงร้องครางของร่างอรชนที่ยังคงหลับตาพริ้มไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามองตัวเธอ
และแค่เอิ้นชำเรืองตามองใบหน้าเรียวยาวที่แดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แรงสัมผัสนี่ก็พอจะรู้ได้ว่าหล่อนคงกำลังทนไม่ไหวแล้ว
ได้ยินเสียงหล่อนครางร้องเรียกชื่อตัวเองเสียงหลงเหมือนทั้งทั้งห้ามและทั้งขอร้องในคราวเดียวกันแล้วเอิ้นก็รีบดึงชั้นในตัวน้อยออกจากส่วนนั้นทันที
“เอิ้นนน...”
หล่อนพยายามหนีบขาตัวเองไว้เมื่อรู้สึกตัวว่าโดนดึงชั้นในออก
และยิ่งรู้ตัวว่าเอิ้นก้มลงจูบพื้นที่นั้นซ้ำๆแล้วอาการเกร็งเพราะความเสียวซ่านก็ทำให้พะแพงถึงกลับบิดตัวไปมา
ใบหน้าก็เหยเกบอกอารมณ์ไม่ถูก
นี่เธอควรจะหยุดหล่อนไม่ให้ทำอะไรที่มันเกินจากนี้ไปดีมั้ย..
“เอิ้น
พอเถอะ..”พยายามห้ามหล่อนด้วยเสียงสั่นเครือ
ส่วนขาตัวเองก็พยายามหนีบไว้
หวังช่วยมันให้หลุดพ้นจากโจรปล้นสวาทที่พยายามระดมจูบไม่หยุดไม่หย่อนอย่างนี้เสียที
“พอเถอะ..”ขอร้องอีกรอบพร้อมๆกับมือตัวเองที่เลื่อนลงมาปิดส่วนนั้นไว้ด้วย
“เราพอแค่นี้เถอะนะ..”
“ไม่เอา
บอกแล้วไง อย่าพยายามฝืนใจตัวเองได้มั้ย”
คนโดนห้ามชะโงกหน้าขึ้นมามองหล่อน
พร้อมๆกับจับมือที่บังออก
“แล้วก็..ไม่ต้องบังได้มั้ย
เค้าอยากเห็น เค้าอยากมองทุกๆส่วนของพะแพง
รู้มั้ยว่าพะแพงสวยมากๆเลยนะ
โดยเฉพาะตรงนี้..”
พูดเสร็จก็ก้มลงจูบเนินเนื้อแสนรักต่อหน้า
เล่นเอาคนโดนจูบนั้นหน้าแดงกร่ำและทำอะไรไปไม่ถูกเลย
ได้แต่เกร็งตัวพยายามโน้มมือลงมาจับหัวเอิ้นไว้
เมื่อหล่อนออกแรงจุตพิตแรงขึ้นและถี่ขึ้นแถมยังเลื่อนตำแหน่งจากด้านบนลงมาตรงใจกลางระหว่างเนินเนื้อแสนรักสองข้างนั้นเสียอีก
พะแพงแทบจะโยนตัวขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายพยายามใช้ลิ้นกับจุดนั้นของเธอด้วย
“เอิ้นนน~~”เสียงครวญครางดังมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
รู้แต่ว่าความรู้สึกเย็นท้องน้อยวูบๆวาบๆที่เกิดขึ้นกับพะแพงนี้ทำให้เธอทนนอนอยู่เฉยๆไม่ได้แล้ว
เธอทั้งยกตัวขึ้นมาจับหัวของเอิ้นไว้ทั้งทิ้งตัวลงไปนอนแผ่หลาสลับกับการจิกนิ้วลงบนผ้าปูที่นอนและดึงมันขึ้นมาเมื่อความรู้สึกเสียวซ่านเริ่มจะมากขึ้นเรื่อยๆ
จนในที่สุดความรู้สึกเหมือนร่างกายส่วนล่างปลดปล่อยของเหลวบางอย่างออกมาก็ทำให้พะแพงรีบสะดุ้งร่างขึ้นมาผลักหัวของเอิ้นออกจากจุดนั้นทันที
“เอิ้น
ออกมา ออกมา อ๊ะ!”
เสียงหลังนั้นเกิดจากการที่เธอรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนที่ผ่านเข้าไปในช่องแคบแสนแคบของตัวเองหลังจากนั้น
ซึ่งแน่นอนว่าเกิดจากการที่เอิ้นพยายามสอดใส่นิ้วมือของตัวเองเข้าไปในส่วนนั้นของพะแพง
เมื่อเธอเห็นว่าความชุ่มชื้นที่กำลังเกิดขึ้นกับหล่อนในตอนนี้น่าจะทำให้หล่อนไม่เจ็บมากนัก
แต่ฟังจากเสียงร้องครวญครางไม่ได้ศัพท์และท่าทางบิดร่างกายไปมาของพะแพงแล้วมันก็ทำให้เอิ้นกังวลไม่น้อย
แม้นิ้วมือทั้งสองของตัวเองจะเคลื่อนที่ผ่านความแน่นและคับแคบนั้นไปได้ทั้งหมดแล้วก็ตาม
“เจ็บ..”เสียงพะแพงดังขึ้น
“ก็อย่าเกร็งสิ
ไม่งั้นพะแพงจะเจ็บยิ่งกว่านี้นะ”
โน้มตัวขึ้นไปกระซิบกระซาบบอกหล่อนใกล้ๆในตอนที่พยายามเคลื่อนที่นิ้วมือทั้งสองผ่านช่องแคบเหล่านั้นเข้าๆออกๆด้วยความระมัดระวังต่อเรื่อยๆ
“แต่..แต่
แต่เค้าเจ็บ..
อ๊ะ..เอิ้น
เอิ้น..อ๊าาา..”
เริ่มครางไม่เป็นเสียงยิ่งกว่าเดิมเมื่ออีกคนเร่งจังหวะขึ้นอีก
ตอนนี้เมื่อพะแพงลืมตามองร่างข้างบนก็กำลังโน้มตัวลงจ้องมองใบหน้าเหยเกของตัวเองอยู่
ดูหล่อนก็หน้าแดงกร่ำแถมแววตาที่จ้องใบหน้าพะแพงในตอนนี้ก็บ่งบอกความรู้สึกกระหายใคร่อยากไม่แพ้ตัวเองเลย
ยิ่งเธอร้องครางดังเป็นชื่อหล่อน
หล่อนก็ยิ่งเพิ่มแรงกระแทกกระทั้นจนร่างเธอสั่นกระเพื่อมเพราะไม่อาจจะทนต่อกรกับความรู้สึกรัญจวนต่างๆที่ถาโถมเด็กสาวที่ไม่ประสีประสากับเซ็กส์ครั้งแรกอย่างเธอได้
ได้แต่ยื่นมือทั้งสองขึ้นไปจับแก้มหล่อนแล้วโน้มหน้าหล่อนลงมาจุมพิตลึกล้ำหวังช่วยให้มันลดความสั่นเกร็งของร่างกายได้บ้าง
และแม้มันไม่ได้ช่วยอะไร
แต่ความนุ่มนวลในรสจูบของหล่อนก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมากๆเมื่อทุกๆอย่างกำลังพาเธอถึงจุดสูงสุดของเพลงรักหลังจากนั้นแล้ว..
“เอิ้น
อ๊ะ..เอิ้น
อ๊ะ..
อ๊าาา!”
พยายามร้องเรียกชื่อหล่อนไปพร้อมๆกับจังหวะสูบฉีดหัวใจรุนแรงและแรงกระทำของปลายนิ้วอีกคนที่เริ่มเร่งความเร็วขึ้นเร่งขึ้นจนในที่สุด
ความรู้สึกล่องลอยแบบฉับพลันก็เกิดขึ้นกับตัวพะแพงจนเธอร้องเรียกเอิ้นเสียงหลง
ก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่หลาไปกับที่นอนที่เธอสัมผัสได้ถึงความเปียกปอนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นด้วย
และไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ความรู้สึกผ่อนคลายที่เกิดขึ้นจากส่วนล่างได้นำพาเธอให้ผล็อยหลับไปด้วยความสุขอย่างเปี่ยมล้นหลังจากนั้น..