วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563

นิยายรักไม่จำกัดบท

Cheapter 5
บทรักที่เริ่มเปลี่ยนไป
ส่งถึงตรงนี้ก็ได้ค่ะคุณครู เอ่อ..”
เสียงพะแพงดังขึ้นในขณะที่กำลังเดินลงบันไดจากชั้นดาดฟ้ามาจนถึงชานพักของชั้นเรียนตัวเอง และตอนนี้คุณครูคนสวยที่ยืนคุยเป็นเพื่อนเธอตั้งแต่ตอนที่อยู่ข้างบนก็ยังคงเดินคุยลงมาส่งเป็นเพื่อนเธอจนกระทั่งจนเกือบจะถึงห้องเรียนแล้ว และด้วยความเกรงใจไม่อยากให้ครูฝึกสอนที่พึ่งจะรู้จักกันไม่เท่าไหร่ต้องลำบากเดินไปส่งถึงหน้าห้อง เธอเลยถือโอกาสบอกลาหล่อนเสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่ยังไม่ทันได้บอกลาหล่อนดีพะแพงก็นึกอะไรขึ้นได้ก่อน
เอ่อ..ครูชื่ออะไรนะคะ หนูยังไม่รู้จักชื่อครูเลยมัวแต่เรียกครูว่าครู...”
ครูคนนั้นอมยิ้มโชว์ใบหน้าหวานอีกครั้ง “อืม..ครูชื่อแอนค่ะ”
งั้น หนูเรียกครูว่าครูพี่แอนได้มั้ยคะ”
ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เด็กๆที่ครูสอนก็เรียกครูว่าครูพี่แอนกันทั้งนั้นล่ะ”
ค่ะ” พะแพงยิ้มรับ “งั้นขอบคุณนะคะครูพี่แอนมีโอกาสเราคงได้คุยกันอีกนะคะ”
มีโอกาส?” ครูพี่แอนหลุดหัวเราะ “ทำไมต้องรอให้มีโอกาสล่ะ ถ้าครูอยากคุยกับพะแพงครูก็ต้องรอโอกาสด้วยใช่มั้ย แต่..ครูไม่ชอบการรอคอยเลย”
คะ?? หมายความว่า..”
ก็หมายความว่า..” ทั้งพูดทั้งหยิบโทรศัพท์ตัวเองยื่นให้พะแพง “เราสองคนมาแลกเบอร์ติดต่อกันดีกว่ามั้ย มีอะไรจะได้โทรหากันได้ง่ายๆไง”
อ๋อ ได้สิคะ” พะแพงยิ้มหวานรับ รีบหยิบโทรศัพท์มาทำการยิงเบอร์แลกกันอยู่ครูหนึ่งครูพี่แอนคนสวยก็กล่าวลาพะแพงเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาเข้าคาบสอนของตัวเองเต็มที่แล้ว และเธอก็ต้องไปเตรียมการสอนก่อนด้วย
ไว้เดี๋ยวครูโทรหานะคะ”เป็นประโยคสุดท้ายที่ครูพี่แอนบอกลาในตอนที่หล่อนยื่นมือมารับโทรศัพท์จากพะแพงคืน แต่มันเป็นการรับโทรศัพท์คืนที่ค่อนข้างจะแปลกมากๆเมื่อพะแพงสัมผัสได้ว่าครูคนสวยแอบยื่นมือมาจับมือพะแพงค้างไว้ตอนที่กล่าวคำลาด้วยสายตาหวานหยดย้อยของหล่อนอีกด้วย
ค่ะ..” ยิ้มแหยๆงงๆรับคำลาแล้วมองดูหล่อนเดินหายไปยังชั้นเรียนที่ตัวเองจะสอน ส่วนพะแพงเองเมื่อก้มลงมองนาฬิกาแล้วเห็นว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบนาทีก็จะเข้าคาบบ่ายแล้ว แต่ตัวเธอยังไม่ทันทำธุระส่วนตัวอย่างการเข้าห้องน้ำเลย นึกได้ดังนั้นเธอก็รีบเดินตรงลงไปเข้าห้องน้ำหลังอาคารทันที
ด้วยความที่จะใกล้เข้าคาบบ่ายภายในห้องน้ำตอนนี้จึงไม่มีใครอยู่ พะแพงคนสวยเลยต้องรีบเดินเข้าไปทำธุระภายในนั้นทันทีเมื่อเริ่มรับรู้ได้ถึงความวังเวงและเงียบแบบแปลกๆ และความแปลกเหล่านั้นก็เริ่มปรากฏให้เธอเห็นทันทีที่เธอเดินพ้นประตูห้องน้ำย่อยๆเข้าไป
มีเสียงกึ๊กเสียงหนึ่งดังขึ้นในขณะที่เธอกำลังจะปิดห้องน้ำและมีแรงดึงปริศนาที่กระทำต่อประตูจนเธอเสียหลักเซเข้าไปในห้องเมื่อแรงนั้นผลักประตูเข้ามาข้างในอย่างแรงจนชนเธอ
โอ๊ย!! ใครน่ะ!! อุ๊บส์” ไม่ทันที่พะแพงจะโวยวายร่างปริศนาเจ้าของแรงผลักประตูก่อนหน้านั้นก็พุ่งพรวดเข้ามาในห้องน้ำแล้วรีบปิดปากเธอไว้
เงียบๆสิ ไม่ต้องร้อง อยากให้คนได้ยินที่เราคุยกันเหรอ”
เอิ้น!!” รีบร้องชื่อคนต่อหน้าทันทีที่หล่อนปล่อยมือออก “มาทำอะไรในนี้เนี่ย ปล่อยนะ!! อุ๊บส์!!” ปากหยุดพูดเมื่อโดนปิดปากและดวงตาพะแพงก็เหลือกลานจ้องมองคนต่อหน้าค่อยๆโน้มตัวเข้ามาใกล้ใบหน้าตัวเอง
บอกให้เงียบๆไง!! จะคุยด้วยดีๆก็ไม่ยอมให้คุยมันก็ต้องคุยด้วยวิธีนี้นี่ล่ะ” คนขู่ออกแรงกดฝ่ามือลงไปที่ปากหล่อน ดวงตาก็จ้องเขม็งด้วยความไม่พอใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกัดปากกัดฟันยุบยิบๆเพราะทนที่จะไม่พูดไม่ถามในสิ่งที่อยากรู้ไม่ได้..
นึกยังไงไปให้เบอร์ครูคนนั้นเนี่ย!” ถามพะแพงด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเมื่อปล่อยมือออกจากปากหล่อนแล้ว
ครูคนนั้น??!! คนไหน? ครูพี่แอนน่ะเหรอ”
เออ ชื่ออะไรก็ช่างเถอะ ก็คนที่พะแพงเดินมาส่งกันอยู่ตรงบันไดแล้วแลกเบอร์กันนั่นแหละ”
อ๊ะ! นี่เห็นด้วยนี่”
เห็น! เห็นหมดทุกอย่างแหละ ตั้งแต่พากันเดินลงมาจากดาดฟ้าแล้วยังแอบจับมือกันตอนจะออกจากกันอีก”
คนฟังหลุดอมยิ้มทันที “แล้วไง ก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่”
ทำไมจะไม่เป็นไร นี่รู้จักกันนานแค่ไหนถึงยอมให้เบอร์คนอื่นง่ายๆอย่างนี้เนี้ย แล้วนี่โง่ขนาดไม่รู้เลยเหรอว่าเขาเนียนหลอกขอเบอร์ตัวเองเฉยๆน่ะ”
ตาโตอ้าปากหวอทันทีที่ได้ยินเอิ้นต่อว่าตัวเองอย่างนั้น “เฮ้ย!นี่เอิ้นว่าเค้าโง่อีกแล้วเหรอ”
เออดิ หรือไม่ใช่ อ๋อหรือที่ยอมให้เบอร์เขาง่ายๆอย่างนี้คือชอบเขาแล้วใช่มั้ย”
บ้าเหรอ! ชอบ!..ฮึ๊ยย..ชอบพ่องงดิ!” คำหยาบคำที่สามในชีวิตหลุดออกมาจากปากพะแพงอีกแล้ว นั่นเลยทำอีกคนถึงกับหัวเสียเมื่อได้รู้ว่าตัวเองช่างเป็นคนโชคร้ายที่สุดในโลกที่โดนเจ้าหล่อนด่าแล้วด่าอีกด้วยคำหยาบที่หล่อนไม่เคยว่าใครในชีวิตเลย เธอตรงปรี่เข้าไปประชิดหล่อนก่อนจะใช้มือข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกจับริมฝีปากนุ่มนิ่มของหล่อนมาบีบจนรูปทรงของปากเสียทรงกลายเป็นบิดเบี้ยวบู้บี้เป็นคนปากจู๋ไปแล้ว
ด่าเค้าอีกแล้ว! ใครสอนให้พูดคำนี้เนี่ย ถ้าแม่รู้จะทำไง เดี๋ยวคอยดูเถอะเค้าจะไปฟ้องแม่พะแพงแน่ถ้าขืนพะแพงยังด่าเค้าแบบนี้อีกน่ะ”
คนโดนขู่สะบัดหน้าออกจากมือก่อนจะฮึดฮัดเถียงสู้ “หน็อยยย..ฟ้องแม่เค้าเรื่องที่เอิ้นทำอย่างนี้กับเค้าจะไม่น่ากลัวกว่าเร๊อะ!
ทำอะไรมิทราบ!” ยัง..ยังโยกโย้อีก
หน็อย.. ก็ทำ ก็ทำ..” คันปากอยากเถียงบางอย่างกับหล่อนเต็มแก่ แต่ด้วยกระดากปากกระดากใจและไม่อยากจะนึกถึงเรื่องบัดสีบัดเถลิงก่อนหน้านั้นเลยไม่ได้เถียงอะไร ได้แต่กัดปากกัดฟันมองคนต่อหน้ายิ้มเยาะเย้ยเมื่อเห็นว่าเธอกำลังอายเมื่อนึกถึงเรื่องอย่างว่าด้วย
ทำอย่างนี้ใช่มะ!” คนถามอมยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะโน้มหน้าไปมอบจุมพิตกับพะแพงที่ตาโตหน้าตื่นอีกแล้ว ด้วยไม่นึกว่าหล่อนจะกล้าจูบตัวเองง่ายๆในโรงเรียนอย่างนี้อีก แถมยังเป็นจูบลึกล้ำอีก ทำให้พะแพงกลายเป็นตัวแข็งทื่อด้วยไม่กล้าขัดขืนหล่อน เพราะกลัวหล่อนเจ็บลิ้นหากเธอยึกยักขัดขืนอะไรหล่อนผิดท่าเข้า
โอ๊ยย!! อีกแล้วยัยคนนี้ทำไมชอบปล้นจูบฉันไปง่ายๆอย่างนี้เนี่ยยย แถมยังเป็นจูบที่ไม่มีความโรแมนติกใดๆเจือปนมาอีก คอยดูนะถ้าจูบเสร็จแล้วมาบอกว่าจูบแบบเพื่อนสนิทที่นี้แม่จะตบให้หน้าหันจริงๆด้วย ทั้งคิดทั้งหลับตาด้วยพยายามควบคุมสติไม่ให้หลงไปกับจูบที่ตัวเองคิดว่ามันคือจูบแบบเฟรนด์คิสของหล่อน
ส่วนอีกคนพอได้จูบลึกล้ำไปแล้วก็ใช่ว่าจะยอมหยุดง่ายๆ ด้วยเพราะเห็นท่าทางอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดของหล่อนก็นึกว่าอีกคนน่าจะชอบ เธอเลยละจากจูบออกมาประพรมตามส่วนต่างๆของพะแพงต่อ เริ่มจากลำคอแล้วค่อยๆชอนไชลงมาตามรอยเปิดของกระดุมเสื้อที่เธอจัดการปลดออกให้หล่อนสามสี่เม็ดหลังจากนั้น ซึ่งนั่นก็เริ่มทำให้พะแพงเริ่มกลับมาดิ้นดุกดิกพยายามขัดขืนอีกครั้ง แต่ก็เป็นเพียงการขัดขืนแบบเงียบๆในเมื่อเธอเองก็กลัวว่าจะมีใครได้ยินเสียงของเธอข้างนอกนั่นด้วย..
เอิ้น หยุดเถอะ..พอได้แล้ว จะทำอย่างนี้ทำไมเนี่ย..” ค่อยๆบอกหล่อนไปในตอนที่พยายามดันใบหน้าหล่อนออกจากหน้าอกตัวเองเนื่องจากหล่อนกำลังก้มลงหอมและพยายามจะดูดเนินเนื้อนั้นเหมือนครั้งนั้นอีกแล้ว
อย่า..อย่าทำอย่างนี้ พอเถอะ หยุด อ๊ะ..” เสียงจากความรู้สึกแปลกๆที่พะแพงไม่เคยได้สัมผัสสักที เป็นความรู้สึกร้อนรุ่มอยู่ในท้องที่มันทั้งร้อนทั้งหนาว ทั้งวูบๆวาบๆเมื่ออีกคนพยายามก้มลงดูดและหอมเนินเนื้อนั้นสลับไปมา ให้ตายเถอะเธอไม่ชอบความรู้สึกประหลาดๆแบบนี้เลย มันเป็นความรู้สึกวูบๆวาบๆประหนึ่งจะขาดใจตายเสียให้ได้ถ้าคนตรงหน้าไม่หยุดหรือไม่ทำอะไรต่อไปให้มันมากกว่านี้น่ะ..
เอิ้น..พอได้แล้ว ขอร้องล่ะ..” เมื่อทนไม่ไหวพะแพงเลยได้แต่พยามดันใบหน้าหล่อนออกพร้อมๆกับน้ำเสียงขอร้องสั่นเครือในแบบที่ว่าถ้าหล่อนไม่หยุดทำตอนนี้เธอก็จะร้องไห้แล้วนะ..
คนโดนขอร้องละสายตาจากเนินอกสวยแล้วกลายเป็นสะดุ้งเล็กๆเมื่อเห็นน้ำตาของหล่อนกำลังคลอเบ้าตาแบบจะร้องไม่ร้องเหล่ และนั่นเลยทำให้เธอพยายามตั้งสติแม้จะกำลังหลงไหลไปกับกลิ่นกายหอมๆของหล่อนที่ยั่วยวนปลายจมูกอยู่ไม่ขาด ให้ตายเถอะว่าจะไม่ทำอะไรอย่างนี้ทีไรก็กลายเป็นทนไม่ได้ทุกทีสินะ..
ยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้พะแพงด้วยความรู้สึกผิดทันที
เค้าขอโทษนะที่ทำแบบนี้ คือ..เฮ้อ..เค้าแค่คิดว่าพะแพงน่าจะชอบ”
คนร้องไห้เงยหน้าขึ้นมามองด้วยอาการตัดพ้อทั้งน้ำตาเมื่อได้ฟังคำตอบแบบเสียไม่ได้ของหล่อน “ชอบเหรอ? หึ ไม่มีใครชอบให้ใครทำกับตัวเองอย่างนี้หรอกนะ โดยเฉพาะคนที่ย้ำแล้วย้ำอีกว่าตัวเองคือเพื่อนสนิทน่ะ”
เพื่อนสนิท??”
ใช่ไง เราก็เป็นแค่เพื่อนกันไม่ใช่เหรอ แล้วเอิ้นจะมาทำกับเค้าอย่างนี้ทำไม” หลุดร้องไห้เสียงดังออกมาอีกจนได้เมื่อได้พูดถึงความคับแค้นใจที่เก็บไว้มาโดยตลอด และนั่นเลยทำให้อีกคนถึงกลับส่ายหน้าเบาๆด้วยหนักใจไม่รู้จะอธิบายในสิ่งที่คนต่อหน้าเข้าใจตัวเองว่าอย่างไรดี..
นี่พะแพง..ขนาดพะแพงยังรู้เลยว่าเพื่อนกันเค้าไม่ทำอะไรกันอย่างนี้ แล้วยังจะมาถามเค้าทำไมอีก ทำไมถึงต้องถามว่าเค้าทำอย่างนี้กับพะแพงทำไมในเมื่อพะแพงก็รู้เหตุผลดีอยู่แล้วว่าเค้าน่ะ..โอ๊ะ!...เค้า..โอ๊ะ!..เค้า.. โอ๊ยยย!! พะแพง!!”
คนตั้งใจฟังถึงกับชะงักตกใจ เมื่ออยู่ๆอีกคนที่ทำท่าเหมือนกำลังจะสารภาพอะไรบางอย่างกลายเป็นร้องเสียงหลงออกมาราวกับหล่อนกำลังเจ็บปวดทรมานอะไรสักอย่าง หล่อนก้มหน้าก้มตาเอามือข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกกุมขมับตัวเองไว้แน่นก่อนจะกลายเป็นพยายามยื่นมือมาดึงพะแพงไว้เหมือนพยายามขอความช่วยเหลือจากพะแพง ซึ่งทันทีที่หล่อนเงยหน้าขึ้นมา ร่องรอยของเลือดกำเดาที่ไหลออกมาจากจมูกทั้งสองข้างก็กลายเป็นเลอะไปทั่วๆใบหน้าเหยเกของหล่อนแล้ว
และนั้นก็ทำให้พะแพงกลายเป็นร้องกรี๊ดเสียงหลงด้วยความตกใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเอิ้นคงจะเป็นอะไรสักอย่างที่หนักมากจนหล่อนถึงขั้นควบคุมตัวเองให้ยืนตรงๆไม่ได้และล้มแผละลงไปกลับพื้นในที่สุดอยางนี้
เอิ้น!! เอิ้น!! เป็นอะไรไป!! อย่าเป็นอะไรไปนะ!! เอิ้น!!”
--<><><><>--
ให้เพื่อนกินยาแล้วนอนพักดูอาการก่อนนะ ถ้ายังปวดหัวหรือยังไม่ดีขึ้นยังไงมาเรียกครูอีกทีครูจะนำส่งตัวเอิ้นไปโรงพยาบาลอีกที”
เสียงคุณครูวัยเกือบๆจะห้าสิบดังขึ้นพร้อมๆกับรอยยิ้มอ่อนโยนในตอนที่ละสายตาจากเด็กสาวหน้าซีดเซียวคนที่พยายามนอนลงบนเตียงเพื่อมาคุยกับเพื่อนของหล่อนที่นำพากันมาส่งในห้องพยาบาลนี้
หลังจากที่พะแพงเห็นว่าอาการเอิ้นไม่ค่อยจะสู้ดีเพราะถึงกลับทรุดนั่งในห้องน้ำนั่น พะแพงที่ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยตัดสินใจประครองร่างเอิ้นอย่างทุลักทุเลพามาที่ห้องพยาบาลเพื่อให้ครูพยาบาลประจำโรงเรียนช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ก่อน ซึ่งก็นับว่าเป็นโชคดีเพราะคุณครูก็กำลังอยู่ในห้องพอดีจึงได้รีบช่วยเอิ้นทันที ทั้งช่วยห้ามเลือดกำเดาทั้งวัดความดันและนำยาแก้ปวดมาให้เธอกินเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวที่รู้สึกว่าเธอจะเป็นหนักมากไปก่อน
ค่ะ..”พะแพงยิ้มรับครูที่หันกลับไปคุยกับเอิ้นที่นอนอยู่บนเตียงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง
แล้วเอิ้นก็พยายามพักผ่อนนะ นอนหลับตาลงสักครู่ ให้ร่างกายได้พักสักหน่อย ครูว่าอากาศมันอาจจะร้อนเกินไป ความดันในตัวเธอเลยอาจสูงขึ้นจนเลือดกำเดาเธอไหลออกมาอย่างนี้ แล้วอาการปวดหัวก็คงจะมาจากอากาศร้อนนั่นแหละ กินยาแก้ปวดหัวดูก่อนถ้าไม่ดีขึ้นยังไงเดี๋ยวครูจะพาเธอไปโรงพยาบาลเอง แต่ตอนนี้ครูขอตัวขึ้นไปสอนต่อก่อนนะ เดี๋ยวไงครูสั่งงานเด็กแล้วครูจะแวะลงมาหาเธออีกที”
ได้ค่ะครู ขอบคุณคุณครูมากๆเลยนะคะ” เสียงอ่อนระโหยโรยแรงของคนบนเตียงบอกออกไปพร้อมๆกับการยกมือไหว้ขอบคุณคุณครูที่ยิ้มรับและเดินจากไปหลังจากนั้น และเมื่อเธอเห็นว่าในห้องนี้ไม่มีใครอยู่อีกนอกจากเธอกับเพื่อนสาวแสนสวยของเธอแล้วเธอก็กลายเป็นร้องโอดโอยครวญครางขึ้นทันที
อ้าวเป็นอะไร ไม่ดีขึ้นเหรอ ทำไมเมื่อกี้เหมือนจะดีขึ้นแล้ว ไหงพอครูออกไปแล้วกลับมาเป็นอีกล่ะเนี่ย” ทั้งพูดทั้งรีบวิ่งเข้ามาหาเอิ้นที่เตียงด้วยความเป็นห่วง มือก็พยายามลูบที่หัวหล่อน เมื่อเห็นว่าหล่อนกำลังกุมหัวไว้เหมือนเดิม ทั้งมองซ้ายมองขวาหาคนที่จะมาช่วยอีก
งั้นอยู่นี่นะเค้าออกไปตามครูแป๊บครูคงเดินไปไม่ทันไกล” บอกหล่อนออกไปเมื่อคิดได้ว่าควรออกไปตามครูมาดูอาการหล่อนอีกครั้งดีกว่า
มะๆ ไม่ต้องไปตามก็ได้ อยู่อย่างนี้ตรงนี้ล่ะ” คนร้องโอดโอยเมื่อครู่กลายเป็นเลื่อนมือจากหัวตัวเองมาดึงมือพะแพงมาแนบแก้มตัวเองไว้ ใบหน้าท่าทางเจ็บๆเมื่อครู่นี้ก็กลายเป็นอมยิ้มเล็กๆเมื่อเห็นว่าอีกคนหันมามองตัวเองด้วยความงงงวย
อะไรอ่ะ ตกลงป่วยจริงหรือป่วยการเมืองกันแน่นี่ นี่อำกันว่าปวดหัวอีกแล้วใช่มั้ย”
ปวดจริงๆสิ ไม่ปวดจริงๆจะเลือดกำเดาออกขนาดนั้นมั้ยนี่ ตอนนี้ก็ยังปวดหนึบๆอยู่แต่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อกี้มาก”
แล้วที่ร้องเมื่อกี้คือ??...”
ก็ปวดอีกไง..” อมยิ้มกวนๆนิดๆ “ก็อยากให้พะแพงมาดูเค้าใกล้ๆไง ถ้าเค้าไม่ร้องขึ้นอย่างนั้นพะแพงจะเดินเข้ามาดูเข้าใกล้ๆมั้ยล่ะ” ทั้งพูดทั้งดึงมืออีกคนลงมาหอมเฉยเลย และนั่นเลยทำให้คนที่โดนหอมถึงกลับตาเหลือกลานก่อนจะมองซ้ายมองขวาด้วยกลัวว่าจะมีใครอยู่แถวนี้แล้วเห็นที่หล่อนทำกับเธอเมื่อกี้หรือเปล่า โชคดีที่ไม่มีใคร หรือจะเป็นโชคร้ายก็ไม่รู้นะเพราะอีกคนเมื่อรู้ว่าไม่มีใครอยู่ในนี้เช่นเดียวกัน หล่อนก็จัดการดึงร่างพะแพงด้วยมือข้างเดียวลงมานั่งจุ๊มปุ๊กอยู่บนเตียงข้างๆกันนั่นแหละ
เล่นอะไรอี๊กกก...”
ดูแลเค้าหน่อยสิ..”
ดูแลอะไรมิ๊ทราบ ก็เห็นๆกันอยู่ว่าหายดีแล้ว”
ยังไม่หายเท่าไหร่หรอกนะ ดีไม่ดีจะปวดขึ้นกว่าเมื่อกี้อีกถ้าพะแพงทำเสียงดุๆใส่เค้าอย่างนี้เนี่ย” ทำตาเล็กตาน้อยออดอ้อนหล่อนทันที นั่นเลยทำให้คนโดนอ้อนหมั่นไส้จนถึงกับเอื้อมมือไปตบแขนหล่อนอีกข้างดังแป๊ะแต่ดันลืมไปว่ามือข้างนั้นหล่อนเข้าเฝือก หล่อนเลยกลายเป็นร้องโอดโอยขึ้นเสียงดังจริงๆในรอบนี้
อุ๊ย ขอโทษ ลืมไปว่ามือเอิ้นข้างนั้นเจ็บ” ยกมือไหว้หล่อนประหลกๆด้วยความตกใจก่อนจะเอื้อมลงไปจับแขนข้างนั้นหล่อนมาลูบๆคลำๆเพื่อเป็นการขอโทษ “ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ..” ตาละห้อยขอโทษหล่อนที่ยังคงทำตาเล็กตาน้อยและร้องโอดโอยไม่หยุดเสียที นั่นเลยทำให้พะแพงถึงกับเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่งด้วยรู้ตัวว่าทิ้งแขนตีหล่อนไปแรงเหมือนกันและหล่อนก็คงจะเจ็บจริงๆไม่ได้แสแสร้งแน่ๆ
เอ่อ..ลืมถามไปเลยว่าแขนไปโดนอะไรมา” ถามหล่อนแก้เขินในตอนที่ยกขึ้นมาลูบๆคลำๆ นั่นเลยทำให้อีกคนชะงักหยุดทำตาเล็กตาน้อยแล้วหันมามองค้อนเธอแทน
นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ววันนี้ คนอะไรใจร้ายชะมัด”
ก็ถามแล้วนี่ไง เป็นอะไร ไปโดนตัวอะไรมา”
เหล่มองแรงทันที “นั่นคำถามเหรอนั่น ฟังดูกระแนะกระแหนยังไงไม่รู้เนอะ หน้าบึ้งมองค้อนอีกคนก่อนจะก้มลงมองมือตัวเอง “นิ้วซ้น โน๊ตบุ๊คตกใส่มือน่ะ”
ห๊ะ! โน๊ตบุ๊คตกใส่มือ! ไปทำยังไงให้มันตกใส่มือล่ะนั่น”
ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย แค่กำลังจะพิมพ์งาน แต่เท้าดันไปเกี่ยวสายโน๊ตบุ๊คจนโน๊คบุ๊คจะหล่นจากโต๊ะแล้วเค้าเห็นก่อนก็เลยรีบยื่นมือไปรับมันไว้เลยไม่ทันระวังว่าสันมันจะกระแทกโดนมือตัวเองเสียจนเจ็บอย่างนี้น่ะ”
แล้ว..โน๊คบุ๊คเป็นอะไรหรือเปล่า”
เหล่ตามองค้อนพะแพงอีกรอบ “ดีเนอะ..แทนที่จะถามคนว่าเจ็บมั้ยกลับถามว่าคอมเป็นอะไรมั๊ย”
เอ้า คนก็มีคนถามคนเป็นห่วงแล้วนี่นา เห็นเด็กใครก็ไม่รู้ออเซาะเอาใจเป็นห่วงกันตั้งแต่เช้าเลยคิดว่าคงไม่ต้องการให้คนอื่นเป็นห่วงหรอกมั้ง”
นี่หวงนี่..” เอิ้นอมยิ้ม “ก็นั่นเด็กก็ส่วนเด็กป่ะ แต่นี่พะแพง ยังไงความสำคัญมันก็แตกต่างกันป่ะ”
แตกต่างกันยังไงมิ๊ทร๊าบ อ๋อใช่สินะเพื่อน..” ยังไม่ทันจะบ่นจบก็โดนอีกคนเบรคด้วยการกระชากแขนให้เงียบไว้ก่อน
หยุด!! ห้ามพูดคำว่าเพื่อนถ้าตัวเองรู้อยู่แล้วว่ามันคืออะไรน่ะ!”
พะแพงคิ้วขมวดมองหน้าอีกคนอย่างไม่เข้าใจ “พูดแบบนี้อีกแล้ว ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ตกลงต้องการจะพูดอะไรกันแน่ ทำไมจะพูดว่าเพื่อนไม่ได้ก็ในเมื่อเอิ้นย้ำแล้วย้ำอีกไม่ใช่เหรอว่าเราน่ะเป็นเพื่อนกันน่ะ”
แกล้งโง่หรือเปล่าเนี่ย ดูไม่ออกเหรอว่าเค้าน่ะ โอ๊ะ โอ๊ะ อะไรเนี่ย..เป็นอีกแล้วอ่ะ โอ๊ยย!!...” ทั้งร้องทั้งก้มหน้าก้มก้มตากุมขมับตัวเองอีกครั้ง และนั่นเลยทำให้พะแพงคิ้วขมวดมองคนตรงหน้าอย่างหมั่นไส้เมื่อคิดว่าหล่อนกำลังอำเธออีกแล้ว
นี่เลิกเล่นมุกนี้ไปเลยนะ เลิกแกล้งปวดหัวได้แล้ว เมื่อกี้ยังทะลึ่งตึงตังอยู่เลย พอจะจริงจังแล้วก็แกล้งเป็นอย่างนี้ตลอดไม่ตลกด้วยหรอกนะ ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด ไม่ต้องมาแกล้งอำบ้อบออย่างนี้ไม่ชอบ!”
ไม่ได้แกล้ง..”เสียงงึมงัมของหล่อนดังขึ้นขณะที่กำลังก้มหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นโชว์ให้พะแพงเห็นว่าตอนนี้เธอมีเลือดกำเดาไหลออกมาอีกแล้ว “..เค้าเป็นจริงๆ เป็นแบบเมื่อกี้อีกแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นอะไร” ทั้งพูดทั้งพยายามเงยหน้าตัวเองขึ้นหวังห้ามเลือดกำเดาไม่ให้ไหลลง ซึ่งนั่นก็ทำให้พะแพงตกใจที่เห็นอีกคนกลับไปมีอาการเจ็บแบบเดิมอีกแล้วเธอเลยรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเลือดหล่อนออกให้ด้วยอาการรนรานเป็นห่วง..
เฮ้ย เอิ้นเป็นอะไร นี่แปลกๆแล้วนะ เรียกครูอีกมั้ย ครูจะได้พาไปโรงพยาบาล”
มะๆไม่ต้องหรอก เค้าขอนอนพักผ่อนดีกว่า..”ทั้งพูดทั้งพยายามหย่อนตัวเองลงนอนบนเตียงแล้วหลับตา“พะแพงก็ขึ้นห้องไปก่อนเถอะไป เค้าขอนอนพักผ่อนอยู่ตรงนี้คนเดียวก่อนได้มั้ย..”
แม้จะรู้สึกว่าหล่อนกำลังไล่ทางอ้อม แต่พะแพงก็ต้องจำใจลาจากเอิ้นทันทีที่ได้ยินคำขอร้องอีกประโยคที่ฟังดูมีเหตุผลที่ดีหลังจากนั้นอีก
ยังไงช่วยขึ้นไปเรียนแล้วจดเลคเชอร์ในคาบเรียนเผื่อเค้าดีกว่านะ ถ้าเราสองคนอยู่ในนี้ก็เท่ากับว่าวันนี้เราขาดเรียนทั้งสองไม่มีงานส่งทั้งสอง อย่างน้อยๆถ้าพะแพงไปเรียน พะแพงก็ยังจะพอช่วยจดเลคเชอร์ไว้เผื่อเค้าได้บ้าง...”
บ่ายวันนั้นพะแพงกลับเข้าไปนั่งเรียนด้วยความกังวลใจ เธอทั้งเป็นห่วงเอิ้นไม่รู้ว่าเอิ้นเป็นอะไรทำไมหล่อนถึงมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับร่างกายขนาดนั้น ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นก็ยังคุยกันดีๆอยู่เลย แค่วกเข้ามาทะเลาะกันเอิ้นก็กลายเป็นปวดหัวไม่สบายไปแล้ว หรือหล่อนจะเครียดเรื่องเธอจริงๆอย่างนั้นเหรอ ก็อาจจะใช่ เห็นได้ชัดว่าพอหล่อนโมโหเรื่องเธอทีไรเธอก็จะปวดหัวขึ้นทันที
นี่ฉันสร้างความรำคาญใจให้เพื่อนจนถึงกับไมเกรนจับขนาดนั้นเลยหรือนี่
ทั้งคิดทั้งเหม่อมองไปที่โต๊ะของคนในห้วงความคิดก่อนจะรู้สึกได้ว่าโทรศัพท์ของตัวเองกำลังสั่น และเมื่อพะแพงหยิบมันขึ้นมาดูก็พบว่ามันเป็นการแจ้งเตือนของข้อความไลน์จากเอิ้น
พะแพงฝากเก็บกระเป๋าเค้าแล้วเอามาส่งที่บ้านเค้าได้มั๊ย เค้ารู้สึกไม่ไหวจริงๆ เค้าเลยขอครูห้องพยาบาลกลับไปนอนที่บ้านก่อน เดี๋ยวไงตอนเย็นเจอกันแล้วกันนะ”
และนั่นก็ทำให้พะแพงเพิ่มความกังวลใจขึ้นเป็นอีกเท่าตัวเมื่อได้รู้ว่าตัวเองได้ทำให้เพื่อนไม่สบายหนักจนถึงขึ้นที่ต้องขาดเรียนจริงๆซะด้วย...
โอ๊ยให้ตายเถอะ..อย่าเป็นอะไรเลยนะ..เอิ้น
--<><><><>--
ค่ะ แม่เดี๋ยวยังไงหนูจะโทรหาอีกทีนะคะ ค่ะ..ได้ค่ะ..”
เสียงคุยโทรศัพท์ของพะแพงหยุดลงเมื่อเธอเดินก้าวย่างมาสู่หน้าบ้านหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นที่ทั้งสวยและดูดีมีสไตล์แถมยังมีพื้นที่ภายในบ้านกว้างใหญ่จนภายในสามารถสร้างสตูดิโอสำหรับถ่ายภาพได้อีกตั้งสองหลัง ซึ่งบ้านหลังที่ว่าก็คือบ้านของเอิ้นที่ตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านที่เธออยู่นัก เวลานี้เลยเวลาเลิกเรียนมาไม่นานแต่ด้วยความที่ครอบครัวของพะแพงค่อนข้างเข้มงวดกับเวลาเข้าออกบ้าน เธอจึงจำเป็นต้องรีบโทรไปแจ้งแม่เรื่องที่เธอต้องแวะเอาของมาให้เอิ้นที่เธอบอกแม่ไปก่อนหน้านี้แล้วว่าหล่อนไม่สบายอย่างหนักจนต้องกลับบ้านมาพักก่อน
ตอนนี้เมื่อเธอหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของเอิ้นแล้วเธอก็รีบกดกริ่งเรียกให้เพื่อนสาวของตัวเองมาเปิดให้ทันที แต่น่าแปลกว่าแทนที่หล่อนจะลงมาเปิดบ้านให้หล่อนกลับโทรศัพท์เข้าหาเบอร์พะแพงแทน
พะแพงอยู่หน้าบ้านแล้วใช่ป่ะ เดินเข้ามาในบ้านเค้าเลยนะ เค้าไม่ได้ล๊อค เอ่อ..โทษทีนะเค้าไม่สะดวกลงไปรับน่ะ ยังไงพะแพงก็เดินขึ้นมาหาเค้าในห้องเลยแล้วกันนะ ”
นี่ไม่ไหวขนาดนั้นเลยเหรอ..นั่นคือสิ่งที่พะแพงคิดในขณะที่ขานรับหล่อนก่อนจะรีบถือกระเป๋าหล่อนเข้าไปในบ้านเมื่อคิดได้ว่าอีกคนคงกำลังแย่แน่ๆ ดีไม่ดีตอนนี้หล่อนอาจจะอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีใครดูแลหล่อนเหมือนทุกๆวันก็เป็นได้..
นึกถึงหน้าพ่อของหล่อน วิศรุต”หรือที่พะแพงมักจะเรียกว่าน้าวิศ” ผู้ปกครองคนเดียวในชีวิตที่เอิ้นมี ตากล้องหนุ่มวัยสี่สิบกระรัตที่ทั้งหล่อทั้งรวยและดัง ที่สำคัญมักจะเป็นข่าวกับนางแบบสาวๆสวยๆประจำ และเขามักจะเห็นงานสำคัญกว่าลูกสาวเสมอ
มีพ่อก็เหมือนไม่มี นั่นเป็นคำที่เอิ้นมักจะบ่นให้พะแพงฟังเสมอเวลาที่หล่อนต้องการพ่อแล้วพ่อไม่ได้อยู่ดูแลใกล้ๆ
สำหรับแม่ของเอิ้น พะแพงได้รู้แค่ว่าเป็นหนึ่งในนางแบบสาวสวยที่พ่อของเอิ้นรักและแต่งงานด้วยจนมีเอิ้นออกมาเป็นพยานรัก แต่ท่านอยู่ดูแลเอิ้นได้เพียงไม่นานก็ต้องมาประสบอุบัติเหตุทางน้ำจนเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาลูกสาว จนทำให้เอิ้นกลัวน้ำตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา และเธอก็ต้องอยู่กับพ่อที่ทำหน้าที่เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวตั้งแต่ตอนนั้นด้วย ซึ่งไม่ว่าพ่อจะแย่ในเรื่องผู้หญิงหรือบ้างานหนักสักเท่าไหร่ แต่สำหรับหน้าที่ของพ่อ เอิ้นก็มักจะยอมรับและชื่นชมให้เธอฟังเสมอว่าพ่อตัวเองก็ทำหน้าที่ได้ไม่เคยขาดตกบกพร่องสักครั้งเลยตั้งแต่เล็กจนโต เขาก็พยายามเติมเต็มทุกอย่างให้เอิ้นเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำให้ได้..ซึ่งก็หมายถึงทำได้ในแบบของผู้ชายนั่นแหละ..
ดูๆไปแล้วชีวิตเอิ้นก็น่าสงสาร นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งในเรื่องที่ว่าทำไมพะแพงถึงไม่ชอบไปไหนไกลจากเอิ้นเลย เธอรู้ว่าเอิ้นเหงาและเธอก็ชอบที่เป็นอะไรก็ได้ถ้ามันจะทดแทนความรู้สึกหว้าเหว่ของเอิ้นเหล่านั้นให้หมดไปด้วย..
เสียงเคาะประตูหน้าห้องเอิ้นดังขึ้นเพื่อขออนุญาติสองสามทีเมื่อพะแพงเดินมาถึงแล้ว ได้ยินเสียงแว่วๆดังมาจากให้ห้องว่าให้เข้ามาเลยประตูไม่ได้ล๊อคไว้ พะแพงเลยถือวิสาสะเข้าไปโดยไม่ได้คิดว่าจะได้เห็นภาพบางอย่างที่น่าตกใจจนตัวเองตาแข็งขนาดนี้
อุ๊ย!!” รีบเบือนหน้าหนีทันทีที่เห็นแค่ภาพแว๊บๆของเอิ้นที่กำลังยกแขนข้างเดียวสวมใส่เสื้อด้วยอาการทุลักทุเลของหล่อนโดยที่เสื้อยังคลุมตัวเองไม่เรียบร้อยดี มันแค่กำลังเคลื่อนจากส่วนหัวของร่างกายลงมาแถวๆคอ และช่วงข้างล่างตั้งแต่คอลงไปนั้นยังไม่ทันมีอะไรคลุมไว้เลย ดีที่ส่วนล่างของร่างกายหล่อนใส่กางเกงไว้แล้วไม่งั้นพะแพงคงจะช๊อคตาแข็งค้างยิ่งกว่านี้แน่ๆ
อะไร ทำไมต้องหันหน้าหนีอย่างนั้นด้วย” คนตาหวานที่กำลังเปลี่ยนเสื้ออยู่ถามพะแพงด้วยความสงสัยเมื่อเห็นท่าทางตื่นตะหนกตกใจของหล่อนที่มีต่อตัวเอง ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ “นี่อายเหรอ..” ทั้งถามทั้งยิ้ม จ้องมองท่าทางเลิ่กๆลั่กๆไม่ตอบเอาแต่เบือนหน้าหนีของพะแพงอย่างขำๆก่อนจะแกล้งเดินเข้าไปประชิดตัวหล่อนต่อ
หันมาได้แล้ว เปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วเห็นมั้ย จะอะไรกันนักหนา แค่นี้ก็ต้องอายด้วย อายทำไมกัน..ก็มีเหมือนๆกันแท้ๆ”
พะแพงแอบคิ้วขมวดเหล่มองเจ้าของร่างสะโอดสะองค์ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงขำๆของหล่อน
ก็คนมีมารยาทมันก็ต้องอายเป็นธรรมดาป่ะ ใครเขาจะคิดว่าจะเปิดประตูมาเจออะไรประเจิดประเจ้อขนาดนี้ถ้าไม่อายยืนจ้องอยู่ตลอดน่ะสิถึงจะแปลกคน” พยายามเถียงหล่อนข้างๆคูๆใบหน้าก็แดงระเรื่อตอนที่หันมาเห็นหน้าใสๆสวยๆของหล่อน ที่ตอนนี้แม้จะไร้เครื่องสำอางไร้แป้งพับ โชว์แต่ใบหน้าสดที่พึ่งผ่านการอาบน้ำล้างหน้าล้างตาแต่ก็ใสและผิวดีเสียจนคนอยู่ใกล้แอบที่จะอดชื่นชมในใจไม่ได้(ทั้งๆที่ตัวเองก็สวยเหมือนๆกันแท้ๆ) เหล่ๆมองหน้ายิ้มๆของหล่อนอยู่ครู่หนึ่งสายตาก็เลื่อนมามองภาพด้านล่างของหล่อนเข้า และนั่นก็ทำให้พะแพงแทบจะรีบเบือนหน้าหนีอีกทันทีที่เห็นว่าเสื้อที่หล่อนใส่นั้นเป็นเสื้อกล้ามตัวเล็กๆที่โชว์ให้เห็นสัดส่วนของเนินเนื้อและปุ่มจุดศูนย์กลางของมันทั้งสองในแบบที่ว่าไม่ต้องเพ่งมากมายก็เห็นรูปทรงเจ้าก้อนเนื้อปริศนาเต็มๆตาแล้ว
ให้ตายเถอะ..นี่หล่อนทำไมกล้าโนบราอย่างนี้นะ เป็นสาวเป็นนางแท้ๆ หันหน้าหนีไปตัวแข็งทื่อต่อว่าหล่อนในใจ ปากก็พึมพัมภาวนายุบหนอพองหนอไปด้วยกลัวตัวเองจะสงบสติอารมณ์ไม่ได้แล้วกลายเป็นเผลอแสดงอาการไก่ตื่นให้หล่อนได้แซวอีก โอ๊ยให้ตายเถอะ..คิดถูกหรือเปล่านี่ที่มาหาหล่อนที่บ้าน
นี่ทำไมต้องหลบหน้าอย่างนั้นด้วย กลัวอะไร..”เสียงขำๆของคนข้างหลังดังขึ้นในตอนที่หล่อนยื่นมือมาจับไหล่พะแพงดังแป๊ะ จนพะแพงสะดุ้งเฮือกต้องพยามท่องพุทโธในใจรัวๆด้วยกลัวว่าจะเผลอหลุดไปจนได้
แหนะ มีสั่นด้วยแหะ กลัวอะไรกันน้าาา” ยัง ยังพยายามแซวอาการตื่นกลัวของพะแพงอยู่
ไม่ได้กลัว!” หันมามองค้อนหล่อนในตอนที่เริ่มตั้งสติได้แล้ว “แค่ไม่อยากมองภาพอุจาดตา!”
อุจาดตาเลย!”
ใช่!อุจาดตา! กล้ามากเลยนะที่แต่งตัวโป๊ๆอย่างนี้ ทำไมไม่แต่งให้มันเรียบร้อยกว่านี้อ่ะ ดูสินี่กล้าโนบราใส่กับเสื้อกล้ามตัวเล็กๆ แถมยังใส่กางเกงสั้นซะขนาดนี้คิดว่ามันไม่อุจาดตาเหรอ” เถียงหล่อนด้วยอาการฉุนเฉียวเมื่อเธอแกล้งทำเป็นโมโหและดุให้หล่อนด้วยหวังตีเนียนแสดงความเป็นห่วงเหมือนเพื่อนทั่วๆไปเค้าห่วงกัน
นี่!ไม่มีใครคิดว่ามันอุจาดตาหรอกนะเพราะว่าเค้าก็ใส่อย่างนี้ในบ้านของเค้า แล้วทำไมอ่ะ แต่งตัวอย่างนี้มันผิดตรงไหน ก็เค้าจะนอนพักผ่อนแล้ว เค้าเลิกเรียนมาได้นอนพักแป๊บเดียวรู้สึกไม่สบายตัวเค้าก็เลยอาบน้ำ แล้วพะแพงก็มาหาเค้าตอนที่เค้าอาบน้ำเสร็จพอดี แล้วก็เห็นเค้าในสภาพนี้พอดี แล้วมันเป็นความผิดของเค้าอย่างนั้นเหรอ นี่จะบอกอะไรไว้ให้นะ ถ้าไม่ได้คิดลึกตั้งแต่แรกก็ไม่มีใครว่าเค้าแต่งตัวโป๊อุจาดตาหรอก หรือพะแพงคิดใช่มั้ย”
บ้า!”หน้าตาเลิ่กลั่กทันที “ใครจะไปบ้าคิดอะไรอย่างนั้น เค้านะไม่ใช่..” หยุดกลืนน้ำลายด้วยนึกกระดากปากกระดากใจถึงคนในคำพูดที่ยืนยิ้มมองตัวเองขำๆอยู่
ไม่ใช่ใคร..ไม่ใช่เค้างั้นหรอออ..” ยิ้มน้อยทันที “โฮ๊ะ~~ นี่รู้ด้วยว่าเค้าคิด..” แกล้งยื่นมือไปจับแก้มพะแพงในตอนที่ทำตาหวานๆยั่วหล่อน ซึ่งนั่นก็ทำให้พะแพงเลิ่กลั่กไปกันใหญ่ ได้แต่ตัวแข็งทื่อหลับตาปี๋ทันทีที่เห็นเอิ้นทำทีเป็นหลับตาโน้มหน้าจะมาจูบตัวเองอย่างนั้นเข้า
โอ๊ยย...ตายแล้วชั้น ภาพมโนของอะไรต่อมิอะไรเกิดขึ้นในหัวของพะแพงแว๊บๆแล้วก็โดนหยุดด้วยเสียงโทรศัพท์ชองเอิ้นที่ดังขึ้นขัดจังหวะ ซึ่งนั่นก็ทำให้พะแพงรีบลืมตามองดูอีกคนรีบวิ่งไปรับโทรศัพท์ด้วยท่าทางกุลีกุจอทันที ใครโทรมาทำไมเอิ้นถึงได้ดูรีบร้อนขนาดนั้น พ่อเหรอ ทั้งคิดทั้งแอบมองอีกคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมองแล้วอมยิ้มเล็กๆในตอนที่เห็นชื่อในหน้าจอแล้ว..
ว่าไงยัยลิงน้อย..”ได้ยินแค่นั้นพะแพงก็แทบจะหมุนตัวเดินออกจากห้องทันที
หน็อยย..เสียงเล็กเสียงน้อยเรียกกันเชียวนะ ยัยลิงน้อย!ยัยลิงน้อย! คิดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจในตอนที่กำลังบิดลูกบิดประตูหวังจะออกไปโดยไม่ต้องร่ำลาหล่อน แต่คนที่อยู่ด้านหลังกลับรีบเดินเข้ามาดึงแขนพะแพงไว้ก่อน และเมื่อพะแพงหันกลับไปมองก็เห็นหล่อนเอามือปิดโทรศัพท์กันเสียงเล็ดลอดเข้าไปก่อนจะกระซิบกระซาบบอกกับเธอว่า
อยู่ก่อน..จะรีบกลับไปไหน”
จะให้อยู่ทำไม ก็คุยกับลิงน้อยตัวเองไปสิ”
พะแพง..ชูว์ เงียบก่อน...เดี๋ยวเค้าอธิบายให้ฟังทีหลัง อย่าพึ่งงอนดิ..”ทำตาเล็กตาน้อยขอร้องเพื่อนสาวคนที่กำลังจะเดินออกจากห้องอยู่ครู่หนึ่งหล่อนก็จะใจอ่อนยอมยืนรอฟังเธอกลับไปคุยกับยัยลิงน้อยของตัวเองใหม่ ถึงแม้ว่าหล่อนจะรู้สึกเจ็บในใจแค่ไหนก็ตาม
ได้ยินเสียงเล็กเสียงน้อยหล่อนคุยกับคนในสายอยู่ครู่หนึ่งเสียงโทรศัพท์ตัวเองก็ดังขึ้นบ้าง หยิบขึ้นมาดูก็เห็นเป็นสายวิดีโอคอลของคนที่พึ่งได้เบอร์เธอไปเมื่อตอนกลางวันนี่เอง
ครูพี่แอน..”แอบพึมพัมในตอนที่เห็นชื่อหล่อนก่อนจะลังเลว่าควรจะกดรับสายดีมั้ย หันไปมองเพื่อนของเธอก็เห็นหล่อนกำลังคุยโทรศัพท์กับคนในสายอย่างออกรสออกชาดอยู่และดูเหมือนว่าหล่อนก็ไม่ได้สนใจใยดีที่จะมองดูเธออยู่แล้วด้วยซ้ำ
อืม..รับๆไปเถอะครูคงคุยอะไรด้วยไม่นานหรอกมั้ง นั่นคือความคิดในใจพะแพงในตอนที่กดรับสายวีดีโอคอลโดยหันหลังเข้าฉากพนังห้องเอิ้นด้านที่มีรูปภาพตกแต่งสไตล์วินเทจที่พ่อหล่อนถ่ายที่เธอคิดว่าสวยและดูดีมีสไตล์ดี
ครูพี่แอน สวัสดีค่ะ”
ฮายพะแพง เฮ้ยไม่ต้องไหว้นะนอกเวลาเรียนแล้ว” คนในสายรีบร้องเรียกทันทีที่เห็นพะแพงยกมือข้างเดียวทำท่าไหว้หล่อนด้วย “นี่แล้วก็ไม่ต้องเรียกครูแล้วอยู่นอกโรงเรียนถ้าเจอกันหรือโทรคุยกันก็เรียกพี่แอนเฉยๆก็นะ ไม่อยากแก่”
ไม่อยากแก่!แต่ก็แก่!”
หึ๊ม!!” หน้างงเป็นไก่ตาแตกทั้งสองเมื่อได้ยินบางข้อความแทรกขึ้นมา
พะแพงว่าพี่เหรอคะ?..”
ปะๆเปล่าค่ะ มะไม่ใช่เสียงพะแพงค่ะ” คนต้นทางหน้าตาตื่นด้วยความงงทั้งกลัวว่าครูจะเข้าใจผิดว่าตัวเองว่าทั้งกลัวว่าครูจะโกรธ ทั้งงงว่าเสียงนี้มาจากไหนและก็ไม่นานเลยที่ความสงสัยนั้นถูกเฉลยด้วยแรงกระชากไหล่จากวงแขนเล็กๆของคนที่เดินเข้ามาโอบกอดเธอจากด้านหลังหลังจากนั้น..
คุยกับใครคะที่รัก กึ๊ก!!..ตึ๊ดๆๆ”
โทรศัพท์ของพะแพงถูกตัดสายทิ้งทันทีที่ปรากฏเป็นภาพเอิ้นเข้ามาสวมกอดคอเธอเข้าไปหอมแก้ม ตอนที่หล่อนถามคำถามนั้นให้เสียงดังเข้าไปในสายด้วย แน่นอนว่าคนตัดสายทิ้งย่อมเป็นพะแพงที่ทำตัวไม่ถูกไม่รู้ควรจะไปต่อยังไงเมื่อคนปลายสายเห็นภาพนั้นเต็มๆตาอย่างนี้ แม้จะเป็นเพียงแค่แว็บเดียวก็เถอะ
เอิ้น! ทำบ้าอะไรเนี่ย” เมื่อตั้งสติได้ก็หันมาต่อว่าหล่อนด้วยความโมโหทันที “นั่นครูนะ!!”
ครูบ้า!อะไรมาหลอกจับมือแล้วหลอกขอเบอร์นักเรียนอย่างนั้น หนำซ้ำยังไม่ได้สอนกัน ไม่ได้สนิทกัน พึ่งเจอกันไม่เท่าไหร่ทำไมจะต้องคอลมาหากันด้วย”
ก็ทำไมล่ะ ครูเขาก็คงอยากคุยด้วยธรรมดา”
ธรรมดาอย่างนั้นเหรอ แต่เจตนามันไม่ใช่ เค้าดูออกว่าครูคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่”
คิดอะไร! ครูเขาคิดอะไรมิทราบ!”
ทำไมต้องถามด้วย อ้อนี่อย่าบอกนะว่าดูไม่ออกอีก นี่กะจะตีหน้าใสซื่อกับทุกเรื่องที่เจอเลยอย่างนั้นเรอะ นี่จะบอกว่าไม่รู้ตัวเลยใช่มั้ยว่าครูคนนี้เขาเข้ามาจีบตัวเองอ่ะ”
จีบ!” พะแพงหัวเราะหึ “บ้าหรือเปล่า ครูเขาเป็นผู้หญิงเขาคงไม่นึกพิศวาสเค้าหรอกมั้ง”
ทำไมจะไม่พิศวาสดูแค่ปลายหางตาก็รู้”
รู้อย่างงั้นรึ หึ รู้ได้ยังไงมิทราบ!”
รู้ก็แล้วกัน ไม่ต้องมาเถียง แล้วหัวอ่อนอย่างพะแพงนี่เดี๋ยวก็โดนเขาหลอกฟันแล้วทิ้ง”
ฟันแล้วทิ้ง! โอ๊ย! ไปกันใหญ่แล้วเอิ้น สมองคิดแต่เรื่องนี้หรือเปล่านี่ นี่ถ้าจะคิดแต่เรื่องอย่างนี้ก็เชิญคิดไปคนเดียวเลยไป อ้อ! หรือจะคิดกับยัยลิงน้อยของเอิ้นก็ได้นะท่าทางจะใช่ทางเดียวกันนี่” ปราดหางตามองเหยียดอีกคนที่กัดฟันกรอดๆมองเธอด้วยความโมโห
ทำไมต้องไปลงหลิน พูดกันแค่สองคนวกไปหาหลินทำไม โอ๊ะ!หรือว่าหวง เอ๊ะ!ไม่สิหรือจะเรียกว่าหึงดี”
สะดุ้งทันทีที่ได้ยินข้อความจี้ใจดำอย่างนั้น “หึงใคร! บ้าหรือเปล่า พูดบ้าอะไร เค้าจะหึงใครมิทราบ”
คนฟังยิ้มน้อย ก่อนจะค่อยๆขยับตัวไปชิดพะแพงแล้วจับมือหล่อนล๊อคไว้
หึงใครอย่างงั้นเหรอ หึ คิดว่าเค้าดูไม่ออกหรือไงว่าพะแพงคิดอะไรกับเค้า” ดึงตัวพะแพงเค้ามาโอบเอวก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปมองตาหล่อนใกล้ๆอีก ซึ่งนั่นก็ทำให้อีกคนที่ตัวแข็งทื่อก่อนหน้านั้นถึงกลับเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
พะ..พูดอะไร ไม่เห็นจะเข้าใจเลย” ตะกุกตะกักถามคืน ทั้งหลบตาหล่อนที่จ้องมองตัวเองด้วยแววตานิ่งๆ
ไม่เข้าใจแล้วจะหลบตาทำไม แน่จริงก็จ้องตาเค้าคืนสิ” คนโดนท้าชะงักกลายเป็นยิ่งเบือนหน้าหนีหล่อนเข้าไปใหญ่ นั่นเลยทำให้คนที่สวมกอดยิ่งออกแรงโอบเอวพะแพงให้เข้าชิดตัวเองอีกในตอนที่หล่อนโน้มหน้าลงไปค่อยๆหอมแก้มพะแพงแล้วดุนดันจมูกเข้าไปไซ้ซอกคอข้างๆของหล่อนด้วย
เฮ้ย! ทำอะไรน่ะ!” พยายามผลักๆดันๆหล่อนออกจากตัวในตอนที่ร้องเสียงหลง
ทำไมต้องถามด้วย ในเมื่อก็รู้อยู่แล้ว” คนตอบตอบเสียงงึมๆงัมๆในขณะที่พยายามยื่นมือไปปลดกระดุมพะแพงออก ซึ่งนั่นเลยทำให้หล่อนยิ่งออกแรงขัดขืนจนอีกคนร้องขึ้นเสียงดังเมื่อหล่อนโดนผลักแรงๆเข้า
โอ๊ย! เค้าไม่สบายอยู่นะ ทำไมพะแพงต้องผลักเค้าแรงอย่างนี้ด้วยล่ะ” ทำสีหน้าเจ็บปวดตาเล็กตาน้อยในตอนที่ยกตัวขึ้นมองหน้าพะแพงที่กลายเป็นเลิ่กลั่ก เมื่อได้ยินที่เอิ้นร้องบอกแล้วนึกขึ้นได้ว่าหล่อนก็ไม่สบายจริงๆนั่นแหละ
เอ่อ..ก็เอิ้นมาทำอย่างนี้ทำไมล่ะ เค้าก็ต้อง..ก็ต้อง..”
ก็ต้อง?? ก็ต้องอะไร?? ก็ต้องขัดขืนใช่มั้ย??” อมยิ้มเล็กๆเมื่อเอิ้นเห็นพะแพงทำหน้าแดงๆเลิ่กลั่กตอบตัวเองแบบแบ่งรับแบ่งสู้อย่างนั้น “อ๋อนี่จะขัดขืนเค้าเพราะไม่อยากให้ใครคิดว่าพะแพงสมยอมเค้าใช่มั้ย” ทั้งพูดทั้งยิ้ม
ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ไม่มีใครรู้หรอกว่าพะแพงสมยอมเค้า เค้าจะไม่บอกคนอื่นหรอก เลิกฝืนความรู้สึกตัวเองซะทีเถอะ”
ใครฝืนอะไร..”
ยัง ยังจะแถอีก งั้น..”คนพูดอมยิ้ม ก่อนจะก้มลงจับมือของพะแพงยัดเข้าไปในชายเสื้อของตัวเองแล้วนำทางมันผ่านจากลำตัวไปวางแมะอยู่ที่เนินเนื้อหน้าอกของตัวเอง
เฮ้ย! ทำอะไรน่ะ” คนโดนจับมือถึงกับหน้าแดงฉ่าพยายามสบัดมือตัวเองออกแต่ก็โดนอีกคนลอคแขนเอาไว้เสียแน่น
ทำไม!..รังเกียจเค้าเหรอ” สีหน้าจริงจังของเอิ้นทำเอาพะแพงที่หน้าแดงแล้วแดงอีกถึงกลับทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
ปะ..เปล่า..”
เปล่า..แล้วจะสบัดมือออกทำไม”
ก็..ก็ ก็..” ไม่รู้ว่าจะตอบหล่อนว่าอย่างไรดีในหัวพะแพงทื่อไปหมดเลยเมื่อคนต่อหน้ากำลังบังคับมือเธอให้ออกแรงจับและขยำเนินเนื้อนั้นจากเบาเป็นแรงขึ้นและแรงขึ้นไปเรื่อยๆอีก แถมใบหน้าแดงระเรื่อของหล่อนที่หลับตาพริ้มอยู่นี้ก็ชวนมองมาก เมื่อหล่อนทำท่าเหมือนกำลังจะครางออกมาเบาๆในตอนที่พะแพงออกแรงบีบเนินนั้นแรงขึ้นด้วย
พะแพง..” ฟังน้ำเสียงสั่นเครือของคนสวยต่อหน้าเมื่อหล่อนครางออกมาเป็นชื่อตัวเองแล้วพะแพงก็ไม่กล้าฝืนอะไรต่อ มือที่ช่วยจับขยำ ณ จุดนั้นก็ยังคงขยำอยู่เช่นเคย แถมเมื่อหล่อนโน้มตัวเข้ามามอบจูบลึกล้ำ เธอก็ยังโอนอ่อนผ่อนตามไม่กล้าแม้แต่จะขัดขืนฝืนอะไรอีก ในเมื่อจุมพิตครั้งนี้ครั้งนี้มันมีรสชาดของความรู้สึกวาบหวามจากน้ำเสียงสั่นเครือของคนที่ตัวเองแอบรักเจือออกมาด้วยทำไมเธอจะกล้าปฏิเสธมันเล่า
อา..เธอชอบฟังเสียงหล่อนที่กำลังครางงึมๆงัมๆในตอนที่ปลายลิ้นของหล่อนกำลังหยอกล้อกับของเธออยู่นี่จังเลย มันทั้งน่าฟัง น่าทะนุถนอม และน่ารักในคราเดียวกัน..
ทั้งคิดทั้งเคลิ้มจากที่ปล่อยให้หล่อนเป็นฝ่ายมอบจูบหยอกล้อปลายลิ้นตัวเองอยู่ฝ่ายเดียวตอนนี้พะแพงก็เริ่มจะตอบโต้บ้าง ซึ่งนั่นก็ทำให้พะแพงติดอยู่ในวังวนของจูบรสหวานที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมลดลาว่าศอกหรือจะยอมหยุดลงไปง่ายๆ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่หล่อนละจูบออกมาแล้วก้มหน้าลงมาจุมพิตเนินเนื้อหน้าอกของตัวเอง เมื่อตอนนี้เสื้อนักเรียนโดนปลอดกระดุมและโดนถอดออกไปจากตัวโดยที่เธอยังไม่รู้ตัวเลย และพึ่งจะมารู้ตัวก็ตอนที่เห็นหล่อนเอื้อมมือข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกไปด้านหลังแล้วปลดตะขอเสื้อชั้นในตัวเองออกด้วยมือข้างเดียวนั่นแหละ..
เอิ้น..อุบส์”
หึ้มมม..”
พะแพงแอบร้องเรียกเอิ้นด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆตอนนี้ตัวเองกลายเป็นเปลือยครึ่งท่อนไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ทันได้พูดอะไรมาก ปากของเธอก็โดนห้ามด้วยจูบของอีกคนก่อน ซึ่งมันก็เป็นจูบที่ช่วยดึงดูดความสนใจได้ดีเลยทีเดียว เพราะนอกจากพะแพงจะไม่งอแงต่อต้านแล้ว เธอยังโอนอ่อนผ่อนตามแรงที่อีกคนพยายามพาร่างเธอไปที่เตียงต่อด้วย รู้สึกตัวอีกทีตอนนี้พะแพงก็กลายเป็นนอนแผ่หลาลงกับเตียงโดยที่มีเอิ้นตามลงไปนั่งค่อมทับร่างของเธอไว้แล้ว
สวยจัง..”เสียงของเอิ้นดังขึ้นมาหลังจากนั้นเมื่อเธอก้มหน้าลงมามองเนินหน้าอวบอิ่มของพะแพงที่โชว์ความงามล่อตามล่อใจตัวเองไม่วางตาและแทบจะไม่อยากวางมือออกจากมันง่ายๆเลยเมื่อเธอเลื่อนไปจับแล้วออกแรงบีบมันแรงขึ้นเรื่อยๆอย่างนี้ และเมื่อล่อตาล่อใจเธอมากๆเข้า เอิ้นก็อดรนทนไม่ไหวต้องขอก้มลงไปดูดดื่มสัมผัสกับปุ่มใจกลางเนินเนื้อนั้นทั้งสองข้างดูบ้าง เธอทั้งดูดทั้งละเลงปลายลิ้นไปทั่วๆจุดหวังจะซึมซับความหอมหวานของผิวเนื้อและเนินนมสาวที่อวบอิ่มสวยเกินวัย และเธอก็ทายถูกมาเสมอว่าของพะแพงน่าจะโตมากกว่าเด็กสาวทั่วๆไปในวัยเดียวกันจริงๆเสียด้วย..
เอิ้น..” อีกคนหลับตาพริ้มด้วยความอายแสนอาย ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามองเลยว่าหล่อนทำอะไรกับร่างกายตัวเองไปบ้าง ในหัวของพะแพงตอนนี้มันขาวโพลนไปหมด ไม่อยากจะคิดและไม่อยากจะถามอะไรทั้งนั้นได้แต่ปล่อยให้มันเป็นไปตามคำบัญชาของร่างด้านบนที่ออกคำสั่งให้ทำนั้นทำนี้อยู่ตลอดเวลา..
พะแพง..ถอดกระโปรงพะแพงให้เค้าหน่อยสิ เค้ามีมือเดียว..ถอดไม่ถนัด..” แน่นอนว่าอีกคนก็พยายามยื่นมือมาปลดกระโปรงตัวเองออกให้แม้จะหลับตาอยู่ก็ตาม และตอนนี้เมื่อกายท่อนล่างเหลือแต่ชั้นในลูกไม้สีดำตัวจิ๋วคนข้างบนก็โน้มตัวลงมาหอมส่วนนั้นเบาๆทันที
อะ...เอิ้นน อ๊ะ..” คนนอนถึงกลับร้องครวญครางไม่เป็นคำ เมื่อหล่อนออกแรงขบกัดผ่านชั้นในตัวจิ๋วมาโดนเนินเนื้อเธออย่างนั้น จูบๆขบๆมันได้สักพักเอิ้นก็ยกตัวขึ้นมองร่างขาวนวลเนียนที่นอนอวดทรวดทรวงโค้งเว้าสะโอดสะองค์และกำลังบิดตัวไปมาเมื่อทนต่อแรงหยอกเย้าเหล่านั้นไม่ได้
ไม่ต้องเกร็งนะ..” ค่อยๆกระซิบพะแพงตอนโน้มตัวขึ้นไปอยู่ใกล้ๆหน้าหล่อน แล้วใช้มือค่อยๆลูบหัวหวังให้อาการตื่นกลัวของหล่อนค่อยๆคลายลงไปบ้าง “เค้าจะทำเบาๆ..” แต่ถึงแม้จะบอกหล่อนไปอย่างนั้นยังไง เมื่อเอิ้นมองเห็นเนินเนื้อขาวเนียนและสัดส่วนโค้งเว้าล่อตาล่อใจอยู่ตลอดความกระสันในใจลึกๆก็ทำให้เธอพยายามเลื่อนมือมาจับและบีบในทุกๆสัดส่วนจนได้ เธอแค่อยากจะซึมซับความสวยงามของร่างกายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอให้ได้มากที่สุด ในเมื่อครั้งนี้มันเป็นครั้งแรกระหว่างเธอทั้งสอง เธอแค่อยากจะจับอยากจะมองทุกส่วนของพะแพงให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ และในตอนนี้ ยิ่งเธอได้มองได้สัมผัส ความรู้สึกอยากครอบครองทุกอย่างก็กระตุ้นให้เธอเริ่มทำบางอย่างกับพะแพงทันที
เธอเอื้อมมือลงไปจับเนินเนื้อภายใต้ชั้นในตัวจิ๋ว ค่อยๆลูบๆคลำๆใจกลางมันจากด้านนอกจนรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นบางอย่าง ท่ามกลางเสียงร้องครางของร่างอรชนที่ยังคงหลับตาพริ้มไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามองตัวเธอ และแค่เอิ้นชำเรืองตามองใบหน้าเรียวยาวที่แดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แรงสัมผัสนี่ก็พอจะรู้ได้ว่าหล่อนคงกำลังทนไม่ไหวแล้ว
ได้ยินเสียงหล่อนครางร้องเรียกชื่อตัวเองเสียงหลงเหมือนทั้งทั้งห้ามและทั้งขอร้องในคราวเดียวกันแล้วเอิ้นก็รีบดึงชั้นในตัวน้อยออกจากส่วนนั้นทันที
เอิ้นนน...” หล่อนพยายามหนีบขาตัวเองไว้เมื่อรู้สึกตัวว่าโดนดึงชั้นในออก และยิ่งรู้ตัวว่าเอิ้นก้มลงจูบพื้นที่นั้นซ้ำๆแล้วอาการเกร็งเพราะความเสียวซ่านก็ทำให้พะแพงถึงกลับบิดตัวไปมา ใบหน้าก็เหยเกบอกอารมณ์ไม่ถูก นี่เธอควรจะหยุดหล่อนไม่ให้ทำอะไรที่มันเกินจากนี้ไปดีมั้ย..
เอิ้น พอเถอะ..”พยายามห้ามหล่อนด้วยเสียงสั่นเครือ ส่วนขาตัวเองก็พยายามหนีบไว้ หวังช่วยมันให้หลุดพ้นจากโจรปล้นสวาทที่พยายามระดมจูบไม่หยุดไม่หย่อนอย่างนี้เสียที
พอเถอะ..”ขอร้องอีกรอบพร้อมๆกับมือตัวเองที่เลื่อนลงมาปิดส่วนนั้นไว้ด้วย “เราพอแค่นี้เถอะนะ..”
ไม่เอา บอกแล้วไง อย่าพยายามฝืนใจตัวเองได้มั้ย” คนโดนห้ามชะโงกหน้าขึ้นมามองหล่อน พร้อมๆกับจับมือที่บังออก “แล้วก็..ไม่ต้องบังได้มั้ย เค้าอยากเห็น เค้าอยากมองทุกๆส่วนของพะแพง รู้มั้ยว่าพะแพงสวยมากๆเลยนะ โดยเฉพาะตรงนี้..” พูดเสร็จก็ก้มลงจูบเนินเนื้อแสนรักต่อหน้า เล่นเอาคนโดนจูบนั้นหน้าแดงกร่ำและทำอะไรไปไม่ถูกเลย ได้แต่เกร็งตัวพยายามโน้มมือลงมาจับหัวเอิ้นไว้ เมื่อหล่อนออกแรงจุตพิตแรงขึ้นและถี่ขึ้นแถมยังเลื่อนตำแหน่งจากด้านบนลงมาตรงใจกลางระหว่างเนินเนื้อแสนรักสองข้างนั้นเสียอีก พะแพงแทบจะโยนตัวขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายพยายามใช้ลิ้นกับจุดนั้นของเธอด้วย
เอิ้นนน~~”เสียงครวญครางดังมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าความรู้สึกเย็นท้องน้อยวูบๆวาบๆที่เกิดขึ้นกับพะแพงนี้ทำให้เธอทนนอนอยู่เฉยๆไม่ได้แล้ว เธอทั้งยกตัวขึ้นมาจับหัวของเอิ้นไว้ทั้งทิ้งตัวลงไปนอนแผ่หลาสลับกับการจิกนิ้วลงบนผ้าปูที่นอนและดึงมันขึ้นมาเมื่อความรู้สึกเสียวซ่านเริ่มจะมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดความรู้สึกเหมือนร่างกายส่วนล่างปลดปล่อยของเหลวบางอย่างออกมาก็ทำให้พะแพงรีบสะดุ้งร่างขึ้นมาผลักหัวของเอิ้นออกจากจุดนั้นทันที
เอิ้น ออกมา ออกมา อ๊ะ!” เสียงหลังนั้นเกิดจากการที่เธอรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนที่ผ่านเข้าไปในช่องแคบแสนแคบของตัวเองหลังจากนั้น ซึ่งแน่นอนว่าเกิดจากการที่เอิ้นพยายามสอดใส่นิ้วมือของตัวเองเข้าไปในส่วนนั้นของพะแพง เมื่อเธอเห็นว่าความชุ่มชื้นที่กำลังเกิดขึ้นกับหล่อนในตอนนี้น่าจะทำให้หล่อนไม่เจ็บมากนัก แต่ฟังจากเสียงร้องครวญครางไม่ได้ศัพท์และท่าทางบิดร่างกายไปมาของพะแพงแล้วมันก็ทำให้เอิ้นกังวลไม่น้อย แม้นิ้วมือทั้งสองของตัวเองจะเคลื่อนที่ผ่านความแน่นและคับแคบนั้นไปได้ทั้งหมดแล้วก็ตาม
เจ็บ..”เสียงพะแพงดังขึ้น
ก็อย่าเกร็งสิ ไม่งั้นพะแพงจะเจ็บยิ่งกว่านี้นะ” โน้มตัวขึ้นไปกระซิบกระซาบบอกหล่อนใกล้ๆในตอนที่พยายามเคลื่อนที่นิ้วมือทั้งสองผ่านช่องแคบเหล่านั้นเข้าๆออกๆด้วยความระมัดระวังต่อเรื่อยๆ
แต่..แต่ แต่เค้าเจ็บ.. อ๊ะ..เอิ้น เอิ้น..อ๊าาา..” เริ่มครางไม่เป็นเสียงยิ่งกว่าเดิมเมื่ออีกคนเร่งจังหวะขึ้นอีก ตอนนี้เมื่อพะแพงลืมตามองร่างข้างบนก็กำลังโน้มตัวลงจ้องมองใบหน้าเหยเกของตัวเองอยู่ ดูหล่อนก็หน้าแดงกร่ำแถมแววตาที่จ้องใบหน้าพะแพงในตอนนี้ก็บ่งบอกความรู้สึกกระหายใคร่อยากไม่แพ้ตัวเองเลย ยิ่งเธอร้องครางดังเป็นชื่อหล่อน หล่อนก็ยิ่งเพิ่มแรงกระแทกกระทั้นจนร่างเธอสั่นกระเพื่อมเพราะไม่อาจจะทนต่อกรกับความรู้สึกรัญจวนต่างๆที่ถาโถมเด็กสาวที่ไม่ประสีประสากับเซ็กส์ครั้งแรกอย่างเธอได้ ได้แต่ยื่นมือทั้งสองขึ้นไปจับแก้มหล่อนแล้วโน้มหน้าหล่อนลงมาจุมพิตลึกล้ำหวังช่วยให้มันลดความสั่นเกร็งของร่างกายได้บ้าง และแม้มันไม่ได้ช่วยอะไร แต่ความนุ่มนวลในรสจูบของหล่อนก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมากๆเมื่อทุกๆอย่างกำลังพาเธอถึงจุดสูงสุดของเพลงรักหลังจากนั้นแล้ว..
เอิ้น อ๊ะ..เอิ้น อ๊ะ.. อ๊าาา!” พยายามร้องเรียกชื่อหล่อนไปพร้อมๆกับจังหวะสูบฉีดหัวใจรุนแรงและแรงกระทำของปลายนิ้วอีกคนที่เริ่มเร่งความเร็วขึ้นเร่งขึ้นจนในที่สุด ความรู้สึกล่องลอยแบบฉับพลันก็เกิดขึ้นกับตัวพะแพงจนเธอร้องเรียกเอิ้นเสียงหลง ก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่หลาไปกับที่นอนที่เธอสัมผัสได้ถึงความเปียกปอนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นด้วย
และไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ความรู้สึกผ่อนคลายที่เกิดขึ้นจากส่วนล่างได้นำพาเธอให้ผล็อยหลับไปด้วยความสุขอย่างเปี่ยมล้นหลังจากนั้น..