วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563

นิยายรักไม่จำกัดบท

Cheapter 4
เพื่อนที่ไหนเขาทำกัน?!
อืออ..เอิ้นน...”พะแพงพยายามออกเสียงเรียกอีกคนเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะทนไม่ไหว และนั่นเลยทำให้คนจูบที่ก็กำลังจะหมดความอดทนที่จะคุมสติเอาไว้ไม่ให้ทำบางอย่างถึงกลับรีบผละออกมามองเพื่อนสาวของตัวเองทันทีเมื่อตัวเองเริ่มได้สติเช่นเดียวกัน...
ตอนนี้เอิ้นลุกขึ้นมานั่งค่อมร่างพะแพงไว้และมือก็ยังคงตรึงมือพะแพงไว้อยู่เช่นเคย แต่ใบหน้าที่แดงระเรื่อด้วยอ่อนระทวยเพราะรสจูบเมื่อครู่นี้เริ่มกลับมาเก๊กทำเป็นขึงขังอีกครั้งเมื่อเธอพยายามถามคำถามที่ก่อนหน้านั้นยังไม่ได้คำตอบเลย
ตกลงเป็นอะไรตอบเค้าได้หรือยัง ทำไมต้องหนีหน้ากันอย่างนี้ด้วย...”
ไม่มีคำตอบออกมาจากปากพะแพงเช่นเคย มีเพียงแค่ดวงตาหวานๆที่ตอนนี้กลายเป็นขมึงมองตอบด้วยความค้อนเคือง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าหล่อนจะเคืองเพราะว่าโดนขโมยจูบหรือเคืองที่ถามคำถามเข้าชนวนเหตุที่ทำให้ทะเลาะกันอีกแล้ว
ไม่ตอบอีกแล้ว... งั้นจะปล้ำจริงๆแล้วนะรอบนี้” แกล้งพูดขู่หล่อนก่อนอีกคนที่หน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความเคืองอยู่แล้วจะกลายเป็นโกรธเข้าไปใหญ่ได้แต่สะบัดสะบิ้งตัวเองด้วยความโมโหโกรธาเมื่อทำอะไรเจ้าหล่อนไม่ได้เลยได้แต่นอนตัวแข็งฟังหล่อนขู่อยู่ได้ หน็อยย กัดปากกัดฟันมองหล่อนด้วยความโมโห ใช่สิ..ตอนนี้จะทำอะไรเรายังไงก็ได้สินะ
มองร่างด้านบนด้วยความน้อยใจไปก่อนที่จะโดนหล่อนออกแรงตรึงมือขู่เพื่อถามคำถามย้ำอีกครั้ง
ไม่ตอบงั้น..”
หน็อยยย..ยังจะถามอีกเหรอ นี่ยังไม่รู้อีกเหรอว่าเค้าเป็นอะไรน่ะ” ในที่สุดก็ทนไม่ได้หลุดปากพูดกับหล่อนออกมาจนได้
แล้วเป็นอะไรล่ะ” คนอยู่ข้างบนถามด้วยใบหน้าใสซื่อ จนเหมือนจะซื่อบื้อเสียด้วยซ้ำ นั่นเลยทำให้คนที่อยู่ด้านล่างถึงกลับเบ๊ปากงอเป็นสระอิด้วยความหมั่นไส้ให้ซะเข้าให้
ทำหน้าอย่างนี้...เดี๋ยวก็..” กัดฟันข่มขู่ตอบโต้ทันทีที่เห็นท่าทางยั่วยวนชวนไฟรท์ของพะแพงอีก “งั้นจะปล้ำจริงๆแล้วนะถ้ายังยั่วโมโหไม่ยอมตอบกันอย่างนี้อีก อยากให้ปล้ำใช่มั้ย ห๊ะ!”
โว๊ยย! ปล้ำบ้าอะไร!” พะแพงตะโกนตอบโต้บ้างที่เริ่มทนเก็บความหมั่นไส้หล่อนไม่ได้แล้ว “ไปปล้ำเด็กตัวเองโน้นสิ จะมายุ่งอะไรกับเค้าอีก ไป! ปล่อยได้แล้ว!
ไม่ปล่อย!” คนโดนตะคอกแอบอมยิ้มเมื่อได้ยินที่หล่อนหลุดปากออกมา ก่อนจะออกแรงตรึงมือหล่อนไว้ให้อยู่กับเบาะอีกครั้ง “นี่อย่าบอกนะว่าโกรธให้เค้าเรื่องหลินน่ะ นี่งอนเค้าเรื่องหลินเหรอ”
ไม่ได้ง๊อน! ปล่อย!”
ไม่ได้ง๊อนน แต่เสียงสูงอย่างนี้นี่นะ” แอบหัวเราะคิกๆคักๆทันทีที่ได้เห็นการแสดงออกของหล่อน
ทำไม! ยิ้มทำไม! หน้าเค้ามันน่าขำตรงไหนไม่ทราบ ชิส์..ใช่ซี้ ใครมันจะไปสวยหวานเหมือนน้องหลินของเอิ้นกันเล่า มองหน้าเค้าแล้วขำ แต่มองน้องคนสวยของตัวเองเนี่ย..หึ..หมั่นไส้ ไม่อยากจะพูด!”
ก็พูดมา พูดออกมาซะขนาดนั้นแล้วก็เล่าให้จบไปเลยสิ”
อย่ากวน....ได้มะ”
ไม่ได้กวน มีแต่พะแพงนั่นแหละที่กวนเค้า” อมยิ้มนิดๆที่แถๆไถๆแกล้งหล่อนได้สำเร็จ “นี่รู้ตัวมั้ยว่าพะแพงกวนเค้าจนเค้าทำอะไรไม่ได้เลย เอาแต่คิดว่าพะแพงเป็นอะไรโกรธอะไรให้เค้าอีกทั้งวันน่ะ...”
กัดปากกัดฟันมองเอิ้นด้วยความน้อยใจทันทีที่ได้ยินหล่อนบอกอย่างนั้น “งั้นก็ขอโทษด้วยแล้วกันที่กวนใจเอิ้นอย่างนั้นน่ะ”
ใช่ซะที่ไหนเล่า! อย่าประชดได้มะ! ” ออกแรงตรึงแขนพะแพงอีกเมื่อได้ยินคำพูดคำจายอกย้อนอย่างนั้น “ถ้ากวนใจเค้าจริงๆ เค้าไม่มาวิ่งตามง้องอนอย่างนี้หรอกนะ เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้วยังไม่รู้ใจเค้าอีกเหรอ นี่..พะแพงเค้าบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าพยายามงอนหรือโกรธให้มันบ่อยนักน่ะ บางทีเค้าก็ไม่รู้นะว่าเค้าจะง้อพะแพงได้ยังไงน่ะ”
งั้นก็ไม่ต้องง้อสิ!”
เถียงอีก! เงียบไปเลย ถ้าไม่อยากโดนปล้ำน่ะ” โน้มใบหน้าลงไปหาหล่อนใกล้ๆในตอนที่ทำท่าขู่ว่าจะปล้ำอีก “ฟังก่อนได้มั้ย อย่าพึ่งพูดแทรกดิ เห็นมั้ยว่าเพราะความเอาแต่ใจของพะแพงมันทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง แว่นของน้องเขาต้องมาแตกมาเพราะอะไร”
คนฟังน้ำตาคลอเบ้าตั้งแต่ได้ยินคำพูดของคนที่ตัวเองรักต่อว่าตัวเองว่าเอาแต่ใจแล้ว แล้วไหนจะยังคำพูดที่เหมือนว่าหล่อนกำลังต่อว่าว่าเธอเป็นต้นเหตุที่ทำให้แว่นเด็กของหล่อนแตกอีก ตอนนี้พะแพงคนขี้น้อยใจเลยทั้งโกรธทั้งโมโหทั้งเสียใจและน้อยใจจนไม่รู้จะทำอะไร ได้แต่ออกแรงฮึดดึงมือตัวเองออกมาจากมือของเอิ้นแล้วโน้มมือฟาดหน้าหล่อนไปสุดแรงจนอีกคนหยุดชะงักหน้าหัน ได้แต่นั่งอึ้งทับร่างหล่อนค้างไว้พร้อมๆกับทบทวนว่านี่หล่อนตบตัวเองทำไมกัน
ตบเค้าทำไมเนี่ย..” ค่อยๆหันหน้าซื่อบื้อของตัวเองมาถามหล่อนเมื่อนึกไม่ออก
ยังจะถามอีกเหรอ โง่หรือเปล่านี่” ทั้งพูดทั้งยกมือเตรียมจะตบด้วยความหมั่นไส้อีกรอบแต่รอบนี้อย่าหวังว่าอีกคนจะยอมให้ตบง่ายๆเพราะหล่อนก็รีบยกมือขึ้นมาลอคแขนพะแพงไว้ก่อนจะดันลงไปตรึงไว้กับเบาะอีกเช่นเคย
เนี่ยไง เห็นมะ ทั้งๆที่บอกให้พูดกันดีๆแล้วแท้ๆแต่พะแพงก็ไม่ฟังอีกซ้ำยังใช้กำลังกันอีก นี่กล้าดียังไงมาตบเค้าเนี่ย ถ้าเป็นคนอื่นเนี่ยโดนตบคืนแล้วนะ เห็นว่าเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กหรอกนะเลยยอมให้ตบง่ายๆอย่างนี้น่ะ”
หืมม..ปากหรือนี่ แทนที่จะพูดให้หล่อนหายงอนตอนนี้พะแพงคนขี้งอนเลยกลายเป็นน้อยใจเข้าไปใหญ่...คำก็เพื่อนสองคำก็เพื่อน โอ๊ยย หงุดหงิดชะมัดจะตอกย้ำอะไรนักหนาวะ ทั้งคิดทั้งดิ้นดุกดิ๊กๆขัดขืนหล่อนปากก็โวยวายร้องเรียกให้คนมาช่วย
ช่วยด้วยค่ะ ช่วย อุ๊บ..” เงียบเสียงร้องลงไปเพราะเพื่อนเธอรีบเคลื่อนตัวลงมาปิดปากด้วยปากของหล่อนไว้
จะร้องทำไม อยากให้คนเข้ามาเห็นว่าเราเอากันอย่างนั้นเหรอ!”
ห๊ะ!” ตาเหลือกลานทันทีที่ได้ยินคำพูดที่ฟังดูหยาบๆจากเอิ้นเพื่อนรักที่ดูเหมือนจะแสนดีของเธออย่างนั้น นี่..ทำไมเธอกล้าพูดคำนี้ออกมาได้ บ้าชะมัดเลย ไม่อายหรือไง ทั้งคิดทั้งหน้าแดงฉ่าด้วยความอายแสนอายปากที่งึมๆงัมๆพยายามจะร้องตะโกนขอให้คนช่วยก่อนหน้านั้นก็กลายเป็นเงียบลงไปเมื่อเห็นอีกคนยกตัวแล้วทำท่าเหมือนจะปลดกระดุมเสื้อนักเรียนตัวเองออกจากตัวด้วย..
เฮ้ย!ทำอะไรน่ะ” ถามหล่อนคืนอย่างเหวอๆ
ก็ถอดๆมันออกไปด้วยกันทั้งสองนี่ล่ะ ถ้าคนเขามาเห็นจะได้พูดได้ว่ามันเต็มใจทำด้วยกันทั้งสองไม่มีใครบังคับข่มขืนใจใคร”
โอ๊ย! อิบ้า! อิคนผีทะเล!”
แหน๊ะ! ด่าอีกแล้ว หน็อย...ตอนนี้ขึ้นอีเลยเร๊อะ” ยื่นมือไปปลดกระดุมเสื้อพะแพงแกล้งทันทีที่ได้ยินคำหยาบคายคำที่สองออกมาจากปากเพื่อนสาวอีก นั่นเลยทำให้อีกคนพยายามขัดขืนฝืนตัวออกจากเงื้อมมือคนผีทะเลจนเสื้อผ้าของตัวเองกลายเป็นหลุดลุ่ยสมใจหล่อนจนได้ ตอนนี้กลายเป็นว่าเมื่อกระดุมเสื้อผ้าแถวบนของพะแพงหลุดออกจากกัน ภาพเนินเนื้อหน้าอกสวยกับปลายขอบบราสีดำก็โผล่ขึ้นมายั่วอารมณ์เอิ้นคนขี้แกล้งจนอดใจไม่ได้เมื่อเผลอก้มลงไปมองนานๆเข้า หล่อนเลยจัดการก้มหน้าลงไปสำเร็จโทษด้วยการหอมเนินเนื้อนั้นเบาๆด้วยตั้งใจแค่จะแกล้งเล่นๆ แต่เอาเข้าจริงๆดันอดรนทนไม่ไหวซะเอง(อีกแล้ว) เมื่อได้กลิ่นกายหอมๆผนวกกับความนุ่มนิ่มของเนินเนื้อนั้นตอนที่จมูกดุนดันๆไปๆมาๆ จากที่แค่ใช้ปลายจมูกหอมก็กลายเป็นก้มลงจุมพิตและใช้ริมฝีปากดูดเนินเนื้อนั้นจากเบาๆแล้วกลายเป็นแรงขึ้นแรงขึ้นในที่สุด จนรอบๆเนินเนื้อนั้นเป็นรอยช้ำไปหมดแล้ว..
เอิ้นนน..พอได้แล้ว..” เสียงครวญครางของอีกคนดังมา และเมื่อได้ยินเสียงเหมือนว่าหล่อนกำลังร้องไห้ด้วยแล้วสติสตังของเอิ้นก็กลับมาทันที ตอนนี้เธอรีบยกตัวขึ้นมามองคนด้านล่างที่น้ำตานองหน้าและกำลังมองเธอด้วยสายตาตัดพ้อน้อยใจด้วยไม่รู้ว่าเพื่อนต้องการอะไรจากตัวเองกันแน่
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี่หล่อนย้ำแล้วย้ำอีกเรื่องสถานะเพื่อนรักแต่กับตอนนี้หล่อนกับยัดเยียดสัมผัสทางกายที่น้อยคนนักจะทนไม่หวั่นไหวได้ และโดยเฉพาะพะแพงที่แอบมีใจให้เอิ้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยังไงๆเธอก็ต้องมีความรู้สึกพิเศษจนตัวเองเริ่มทนไม่ไหวเมื่อเผลอคิดว่าหรือหล่อนจะแค่แกล้งเธอให้เสียใจเล่น เพราะหล่อนแอบหมั่นไส้เธอแทนเด็กของตัวเองเท่านั้นเอง และด้วยความน้อยใจเมื่อดันไปนึกเรื่องเหล่านั้นเข้าน้ำตาจากดวงตาหวานๆแสนเศร้าก็ไหลเอ่อนองใบหน้าพะแพงจนคนมองเห็นยังตกใจเมื่อคิดได้ว่าหล่อนคงจะเกลียดตัวเองที่แกล้งหล่อนแรงเกินไปแล้วเช่นเดียวกัน...
พะแพง...เค้า...เค้าขอโทษ..” เสียงอ่อยๆบอกหล่อนในตอนที่ยื่นมือไปติดกระดุมเสื้อคืนให้ “เค้าแค่..แค่..อยากให้พะแพงยอมพูดเหตุผลที่งอนเค้าดีๆแค่นั้น ไม่ได้ต้องการให้มันเลยเถิดขนาดนี้ อย่าโกรธกันเลยนะ” ก้มหน้ามองตาหล่อนด้วยสายตาละห้อย ตอนนี้แม้ตัวเองจะยังนั่งทับหล่อนอยู่แต่อาการขึงขังจำพวกจับมือตรึงขึงกับเบาะกลับไม่มีแล้ว มีเพียงน้ำเสียงที่อ่อนโยนลงและสายตาเป็นห่วงเป็นใยเมื่อยังมองเห็นอีกคนน้ำตาไหลรินออกมาเรื่อยๆ
เค้าขอโทษ..เฮ้อ..ทำไมนะ ทำไมแค่การที่เค้าอยากรู้ว่าพะแพงเป็นอะไรทำไมถึงได้โกรธเค้านักมันถึงได้ยากเย็นอย่างนี้นะ ทำไมเค้าถามพะแพงดีๆพะแพงก็ไม่ยอมตอบเค้าเลย แค่การคุยกันด้วยเหตุผลดีๆมันทำไมยากเย็นขนาดนี้นะ นี่เราจะต้องทะเลาะกันอีกกี่ครั้ง หรือพะแพงจะต้องโกรธเค้าอีกกี่ครั้ง พะแพงถึงกลับไปใจดีๆใจเย็นๆเหมือนก่อนหน้านั้นได้น่ะ” ทั้งพูดทั้งก้มลงมองอีกคนที่น้ำตาคลอมองหน้าเธอด้วยความน้อยใจไป ส่วนตัวเองก็นึกสงสารหล่อนได้แต่ยื่นมือลงไปเช็ดน้ำตาบนหน้าให้ พร้อมทั้งโน้มตัวลงไปหอมหน้าผากปลอบใจหล่อนเบาๆก่อนจะใช้ฝ่ามือค่อยๆลูบหัวหล่อนปลอบใจไปเบาๆในระหว่างที่พูดด้วย
คุยกันดีๆเถอะนะ เค้าไม่อยากให้สถานการณ์มันแย่ลงอย่างนี้เลย นะคะ พะแพงคุยกับเค้าดีๆเถอะนะ”
คนโดนหอมหน้าผากเมื่อสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนที่กลับมาอีกครั้งของคนต่อหน้าแล้วก็เริ่มมีสีหน้าดีขึ้น เธอพยักหน้างึกงักรับคำขอของเอิ้นหลังจากนั้น
เนี่ย..กลับมาเป็นเด็กดีอย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย เห็นมั้ยว่าการที่เราใช้แต่อารมณ์มันทำให้เกิดอะไรขึ้นมาบ้าง แค่เมื่อวานที่พะแพงใช้อารมณ์ก็ทำให้เราทะเลาะกันจนคนอื่นต้องเดือดร้อนแล้วเห็นมั้ย เห็นมั้ยว่าแว่นน้องเค้าแตกเพราะอะไร”
แค่ได้ยินแค่นั้นพะแพงก็คิ้วขมวดด้วยเพราะความน้อยใจกลับคืนมาอีกครั้ง ตอนนี้จากที่อารมณ์กำลังเย็นลงก็กลายเป็นงอนหนักเข้าไปใหญ่
เฮอะ จะว่าเค้าเป็นต้นเหตุที่ทำให้แว่นน้องแตกอีกใช่มั้ย หึ ขอโทษด้วยแล้วกันนะ แค่นี้ก็รู้แล้วล่ะว่าอะไรเป็นอะไรน่ะ”
อะไรคืออะไรเป็นอะไรอ่ะ นี่พูดอย่างนี้อีกแล้วนะ ทำไมพะแพงถึงไม่ยอมฟังและไม่ยอมรับ”
จะให้ยอมรับอะไรล่ะ เค้าเหรอที่เป็นคนผิด เลิกเข้าข้างเลิกหลงเด็กตัวเองได้แล้ว รู้มั้ยว่าเอิ้นน่ะหลงเด็กตัวเองจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วนะ มองไม่เห็นหัวคนอื่นด้วยซ้ำ มองไม่เห็นแม้กระทั่งหัวเขา แล้วก็เพราะคิดแค่ว่าเค้ามันงี่เง่าเอาแต่ใจก็เลยนึกแต่จะโยนความผิดให้เค้าอย่างนั้นเหรอ ถ้างั้นอยากโทษว่าเค้าเป็นต้นเหตุที่ทำให้แว่นแฟนตัวเองก็โทษไปเลยนะ ถ้าคิดแล้วสบายใจก็คิดเลย”
ใครแฟน นี่พะแพงกำลังใช้อารมณ์อีกแล้วนะ แล้วทำไมต้องเถียงเค้าด้วย ก็เมื่อวานก็เห็นกันอยู่ว่าเพราะพะแพงไม่ยอมฟังเค้าเลยเอาแต่อารมณ์ของตัวเอง เค้าจะฉุดจะรั้งยังไงก็ไม่ฟังเค้า กลายเป็นกระเป๋าตัวเองไปโดนน้องเค้าจนแว่นน้องเค้าแตกอย่างนั้นน่ะ ลืมแล้วรึไง ห๊ะ!!” ขึ้นเสียงเรียกสติเพื่อนสาว นั่นเลยทำให้พะแพงอึ้งไปครูหนึ่งด้วยนึกถึงภาพเมื่อวานเข้าให้
คิดๆดูแล้ว มันก็จริงอะนะ... ทำตาล่อกแล่กมองคนข้างบนคิ้วขมวดจ้องมองตัวเอง ตอนนี้หล่อนคงหมั่นไส้มากโขเห็นได้จากการกัดปากกัดฟันของหล่อนเมื่อมองมาที่ตัวเอง
นี่แล้วรู้มั้ย ว่าค่าแว่นน้องเค้า เค้าก็ต้องออกให้อีกน่ะ ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องเลยแต่เค้าก็ยังต้องรับผิดชอบให้พะแพงน่ะ”
หน็อย..” กัดปากกัดฟันทันทีที่ได้ยินหล่อนบอก “งั้นไม่ต้องรับผิดชอบ! เค้าจะจ่ายเองก็ได้ เท่าไหร่กันเชียว!”
ห้าพัน! ค่าตัดแว่นใหม่ห้าพัน!”
ด้ายยย เงินแค่นี้ไม่มีปัญหา จะได้จบๆเรื่อง ขี้เกียจฟังคำทวงบุญคุณคนเหมือนกัน”
หน็อยย นี่อวดรวยเหรอ รู้หรอกว่ารวย นี่ถ้าไม่สำนึกผิดและไม่สำนึกบุญคุณก็ไม่ต้องมาทำเป็นจะชดใช้ให้น้องเขาหรอกนะ เค้ามีปัญญาจ่ายให้”
เออ! จ่ายไปเลยน้องตัวเอง!ที่รักของตัวเองนี่! จะเปย์จะจ่ายยังไงเอิ้นก็ไม่แคร์อยู่แล้วนี่ แล้วจะมาพูดทำไม จะมาตามรังควานเค้าทำไม ในเมื่อคนของตัวเองตัวเองดูแลได้อยู่แล้วนี่ ส่วนเค้ามันจะงี่เง่าจะเอาแต่ใจจะขี้งอนจะอะไรก็ช่างเค้า ไม่ต้องมาแคร์เค้าเลย ไปห่วงคนของตัวเองเหอะ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร!”
อะไรเป็นอะไร! หมายความว่ายังไง พูดคำนี้อีกล่ะ นี่ตกลงที่พูดที่เคลียร์กันมาทั้งหมดไม่รู้เรื่องเลยใช่มั้ย!”
เออไม่รู้เรื่อง! และไม่อยากรู้ด้วย! กลับไปหาคนที่คุยรู้เรื่องของตัวเองเลยไป ไปเลยไปอยู่กับคนที่เอิ้นแคร์เลยไปจะมาสนใจอะไรเค้านักหนา เค้ามันไม่ได้สำคัญเท่าใคร ไม่ได้สำคัญเท่ากับ..อุ๊บ...”
โวยวายไม่ทันจบเพราะอีกคนรีบโน้มตัวลงไปหยุดเสียงเธอด้วยริมฝีปากหล่อนก่อน หล่อนโน้มตัวลงไปมอบจูบลึกล้ำหวังให้อีกคนเลิกโวยวายซะทีเพราะคงไม่เป็นอันทำอะไรสักอย่างหากยังทะเลาะกันอยู่อย่างนี้ และเพราะคิดว่าทางที่ดีหล่อนควรจะเป็นคนหยุดเรื่องทั้งหมดด้วยการยอมให้เธอเหมือนทุกครั้งดีกว่า..
เลิกพูดเลิกโวยวายสักทีได้มั้ย ถ้าพะแพงไม่ได้สำคัญกับเค้า เค้าจะตามง้อพะแพงขนาดนี้มั้ยนี่ คิดเอาเองแล้วกันนะมันต้องสำคัญขนาดไหนเค้าถึงต้องตามง้อด้วยวิธีนี้นี่ วิธี...วิธีที่แบบ..เฮ้อ..”ถอนหายใจใหญ่ทั้งส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้นจากตัวพะแพงแล้วมานั่งชันเข่าด้านข้างหล่อน ตอนนี้เอิ้นเด็กสาวที่ใบหน้าสวยหวานไม่ต่างจากพะแพงกำลังรู้สึกกลุ้มใจในความรู้สึกบางอย่างของตัวเองอยู่ ทำไมนะ..ทำไมนะ..เฮ้ออ.. สะบัดหัวเลิกที่จะคิดฟุ้งซ่านในบางเรื่องก่อนจะหันหน้ามามองคนที่นอนมองเธอด้วยสายตาไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน หล่อนทั้งคิ้วขมวดทั้งเม้มปากในใจก็กำลังสับสนในความรู้สึกที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นว่ามันคืออะไรกันแน่...
เลิกทะเลาะกันเถอะนะพะแพง เฮ้อ..แล้วก็ เค้าขอโทษในทุกๆอย่างแล้วกัน อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในวันนี้..คิดซะว่ามันเป็นแค่เพื่อนหยอกกันก็แล้วกันนะ..”
--<><><><>--
ตึง!!
เสียงประตูห้องของพะแพงดังขึ้นพร้อมท่าทางกระฟัดเฟียดของเจ้าของห้องที่ออกอาการไม่พอใจและไม่สบอารมณ์ตั้งแต่ตอนที่เธออยู่โรงเรียนแล้ว และตอนนี้เมื่อเธอกลับมาถึงห้องที่เธอเชื่อว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวเธอเลยจัดการปลดปล่อยมันออกมาซะเต็มที่ ในเมื่อที่อื่นตัวเองก็ต้องเก็บงำความรู้สึกไม่พอใจเอาไว้ตลอดถึงแม้เรื่องที่เจอมันจะน่าน้อยใจและน่าโมโหขนาดไหนก็ตาม
ฮึ้ยยย คิดขึ้นมาแล้วมันก็น่าโมโห ภาพก่อนที่เธอจะตัดสินใจวิ่งหนีเพื่อนออกมาชวนให้อารมณ์หงุดหงิดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
ยัยคนบ้า!ยัยคนผีทะเล! ทำกันขนาดนั้นยังมีหน้ามาบอกให้เราคิดแค่ว่าเพื่อนหยอกกันอีกงั้นเร๊อะ!
ใบหน้าหวานๆของพะแพงกลายเป็นคิ้วขมวดด้วยความโมโหโกรธา นึกถึงภาพสุดท้ายที่พอหล่อนบอกอย่างงั้นปุ๊บเธอก็รีบยื่นมือไปตบเพี๊ยะที่แก้มหล่อนด้วยความหมั่นไส้เข้าให้ ก่อนจะลุกขึ้นผลักร่างหล่อนล้มแล้วรีบวิ่งหนีหล่อนออกมา อารมณ์ในตอนนั้นเรียกได้ว่าทั้งโกรธทั้งเคืองจนไม่สามารถจะอยู่มองหน้าหล่อนได้ ได้แต่วิ่งตะเลิดตะเลอด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจออกมานอกโรงเรียนแล้วรีบขึ้นรถกลับบ้านไม่สนใจหันกลับไปมองอีกคนที่พยายามวิ่งหนีและเรียกตัวเองไว้เลย
หน็อยย..คำก็เพื่อนสองคำก็เพื่อน อยากรู้นักว่าเพื่อนที่ไหนเขาหยอกกันอย่างนี้บ้างเนี่ย นึกถึงภาพที่หล่อนทั้งกอดทั้งหอมทั้งไซ้ซอกคอตัวเองแล้วความหงุดหงิดที่มาพร้อมกับความสงสัยก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีก
เอ๊ะ หรือว่าเพื่อนคนอื่นๆเขาเล่นกันอย่างนี้เหรอ คิ้วขมวดใบหน้าเหยเกทันทีที่มีคำถามจากห้วงคำคิดหนึ่งดังมาถาม เอ..แต่ก็ไม่น่านะ หรือว่าจะ แต่..เอ๊ะ.. ก็ไม่รู้สินะ เราก็ไม่เคยสนิทกับเพื่อนผู้หญิงคนไหนเลยนอกจากเอิ้น ตั้งแต่เล็กจนโตก็คบแต่กับเอิ้นอยู่แค่คนเดียว คนอื่นที่ผ่านเข้ามาคุยไม่ได้สนิทชิดเชื้อด้วย เลยไม่รู้ว่าเพื่อนผู้หญิงคนอื่นๆเขาจะหยอกกันเล่นแบบถึงเนื้อถึงตัวกันอย่างนี้หรือเปล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยแต่ความสงสัยทั้งหมดก็ถูกกลบไปด้วยภาพใบหน้าเอิ้นตอนที่หล่อนโน้มตัวลงมามอบจูบลึกล้ำต่อหลังจากนั้น
เดี๋ยวนะ แล้วเพื่อนผู้หญิงเขาก็เล่นจูบกันอย่างนี้ใช่มั้ย มันก็อาจจะใช่หรอก แต่จะถึงขนาดที่แบบว่าใช้..เอ่อ..ลิ้นอย่างเอิ้นด้วยนี่มันจะมีใครบ้าทำอย่างนั้นอยู่เหรอ..
เออ..ใช่สินะ เริ่มนึกอะไรขึ้นได้ก่อนจะสบถออกมาด้วยความหัวเสียหลังจากนั้น..
อึ้ยย ยัยบ้า!!มีเพื่อนที่ไหนเขาใช้ลิ้นจูบกันอย่างนั้นบ้างเนี่ย!!
นึกถึงสัมผัสกะหวัดกวัดเกี่ยวที่หล่อนพยายามถ่ายทอดให้ตัวเองด้วยความไม่เต็มใจก่อนหน้านั้นแล้วก็โมโห..ไม่สิ..จะว่าไม่เต็มใจมันก็ไม่ใช่ซะทีเดียว ก็ในเมื่อเธอในตอนนั้นก็เผลอไผลปล่อยตัวปล่อยใจไปกับจูบแรกของตัวเอง แถมยังเป็นจูบแรกจากคนที่ตัวเองแอบรักอีกทำไมเธอจะไม่รู้สึกอ่อนละทวยถึงขนาดไม่กล้าต่อต้านหรือขัดขืนอะไรเจ้าของจูบกันเลยเล่า ยิ่งนึกถึงสัมผัสนุ่มนิ่มของริมฝีปากหล่อนแล้วใบหน้านิ่วคิ้วขมวดของพะแพงก็กลายเป็นคลายออกและเปลี่ยนสีเป็นแดงซ่านด้วยความอาย โอ้ยให้ตายเถอะ ถ้าฉันเจอหน้าหล่อนอีกทีฉันจะต้องทำหน้ายังไงดีนี่เอิ้น! พะแพงได้แต่เอามือกุมหน้าแดงๆของตัวเองไว้เมื่อนึกอะไรไม่ออกด้วยทำตัวไม่ถูกและทำใจไม่ถูกด้วย เนื่องจากคำว่าเพื่อนที่หล่อนย้ำแล้วย้ำอีกยังคงเป็นสิ่งกีดขวางความรู้สึกทางใจไม่ให้พะแพงกล้าปล่อยใจให้หลงรักหล่อนไปมากกว่านี้อีก
ในเมื่อเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉันและย้ำกันขนาดนั้น..ฉันก็ควรจะทำใจแล้วใช่มั้ย
พยายามหักห้ามความรู้สึกตัวเองด้วยการไปอาบน้ำอาบท่าหวังให้น้ำอุ่นๆช่วยชะโลมความว้าวุ่นในใจให้ได้บ้าง ซึ่งก็ได้ผลดีเพราะพะแพงคนสวยขี้งอนก็หายจะอาการฟุ้งซ่านเหล่านั้นทันทีที่เธออาบน้ำเสร็จ ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอพยายามตั้งสมาธิเพื่อมานั่งทำการบ้านและอ่านหนังสือในกิจกรรมลำดับต่อไปของวันต่อ
--<><><><>--
เสียงเตือนจากข้อความโทรศัพท์รัวกระหน่ำดังเมื่อพะแพงเปิดเครื่องขึ้น ก็หลังจากที่เธอปิดเครื่องไว้ในตอนที่รีบวิ่งหนีเอิ้นกลับบ้านแล้วอีกคนรีบโทรตามไม่หยุดเสียทีเธอเลยตัดสินใจปิดเครื่องเอาไว้นั่นล่ะ จากเวลานั้นจนมาถึงตอนนี้ก็เกือบๆจะสี่ทุ่มนับๆดูก็เกือบๆหกชั่วโมงเห็นจะได้ที่เธอเผลอปิดเครื่องไว้ ด้วยพยายามตั้งสติไม่อยากคิดมากเรื่องอะไรอีกก็เลยลืมเช็คโทรศัพท์เลย
และตอนนี้เมื่อเธอกำลังอึ้งด้วยกำลังคลิ๊กดูจำนวนเมสเสจและข้อความที่แสดงให้เห็นว่าเธอพลาดสายใครไปบ้างมือของเธอก็ไปกดพลาดโดนปุ่มรับสายเมื่อมีใครบางคนพยายามเฟซไทม์เข้าหาเธอเข้าจนได้
พะแพง! เดี๋ยวๆหยุด! ” เป็นเอิ้นที่รีบห้ามเสียงหลงเมื่อเห็นเธอทำท่าจะปิดสาย “ไหว้ล่ะ อย่าตัดสายเลย คุยกันก่อนเถอะนะ”คนในสายทั้งพูดทั้งยกมือข้างเดียวไหว้ขอร้องปะหลกๆท่าทางและสีหน้าของเอิ้นในตอนนี้บ่งบอกว่าหล่อนกำลังกังวลใจกับเพื่อนสาวของตัวเองเป็นอย่างมาก
นี่จะหลบหน้าจะไม่ยอมรับสายเค้าให้ได้เลยใช่มั้ยพะแพง ทำไมพะแพงใจร้ายอย่างนี้ นี่กะจะตัดเพื่อนกันเลยใช่มั้ย”
ได้ยินคำว่าเพื่อนแล้วพะแพงก็ตาเขียวปั๊ด ตั้งท่าจะกดปิดโทรศัพท์อย่างเดียว จนอีกคนเห็นท่าไม่ดีต้องตัดสินใจทำบางอย่างเพื่อหยุดการกระทำหักหาญน้ำใจของหล่อนก่อน
เดี๋ยว!!ที่รัก!!”
ได้ผลแฮะ..เพราะพะแพงก็ชะงักทันทีที่เห็นเอิ้นร้องเรียกเสียงหลงอย่างนั้น ด้วยไม่เคยได้ยินคำๆนี้ออกมาจากปากเวลาคุยกันสองคนเสียที แต่ไหนแต่ไรจะได้ยินคำนี้เวลาหล่อนพูดหยอกเล่นเรื่องเธอกับเพื่อนคนอื่นๆเท่านั้น แต่เวลาจะคุยกันสองคนทีไรก็จะใช้แค่คำว่าเค้ากับตัวเองหรือไม่ก็เรียกแทนว่าพะแพงไปเลย
ที่รักอย่างนั้นเร๊อะ เหล่ตามองอีกคนด้วยยังไม่หายเคืองแต่ก็ยังอยากรู้ว่าหล่อนจะมาง้อไม้ไหนอีก
นะคะที่รัก คุยกันก่อนนะ นะ..”
พะแพงหัวเราะหึก่อนจะจ้องมองไปที่ภาพเอิ้นในหน้าจอ มองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างด้วยความสงสัยอยู่ครู่หนึ่งก็เก๊กเสียงห้วนๆถามหล่อนออกไปด้วยความสงสัย...
นึกยังไงมาเรียกที่รัก ไม่เคยเรียกอย่างนี้สักที ตัวจริงป่ะนี้”
คนในสายหลุดหัวเราะทันที“ตัวจริงเสียงจริง จริงยิ่งกว่าจริงเสียอีก ไม่เชื่อก็ลองถามเรื่องตอนเย็นดูสิว่าเค้าทำอะไรพะแพงบ้าง”
หยุด! ห้ามพูดถึงเรื่องนั้นอีกถ้ายังอยากจะคุยกันน่ะ ไม่งั้นปิดเครื่องอีกนะ”
โอ๊ะ! ดะ ดะ เดี๋ยว! ขอโทษ ไม่พูดก็ไม่พูดค่ะ”รีบร้องเรียกพะแพงเสียงหลงหน้าตาตื่น “อะไรกัน ทำไมดุอย่างนี้ ทำไมช่วงนี้พะแพงเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ ทำไม..”
หยุด จะคุยเรื่องอะไรก็คุย สั้นๆไม่ต้องเยอะ ไม่งั้นวางนะ”
ชะงักทันทีที่ได้ยินข้อความตัดบทไม่ถนอมน้ำใจอย่างนั้นอีก “เฮ้อ..ก็ได้ๆสั้นๆก็ได้ แค่เป็นห่วงอยากรู้ว่าอยู่ไหน ก็เลยโทรมาเช็คว่ากลับถึงบ้านหรือยัง”
ได้ยินคำว่าเช็คว่ากลับถึงบ้านหรือยังพะแพงก็แสยะมุมปากแหยงๆ..
หึ เป็นห่วงเลยโทรมาเช็คว่ากลับถึงบ้านหรือยังงั้นเร๊อะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ไม่เคยเป็นห่วงซักทีนี่ โน้น..ไปห่วงเด็กตัวเองโน้นโทรไปถามเขาสิว่าถึงบ้านหรือยังจะมาถามเค้าทำไม เค้าก็เป็นแค่เพื่อนเท่านั้น”
พะแพง!!
ทำมะ หรือจะเถียงว่าเค้าไม่ใช่เพื่อน ย้ำแล้วย้ำอีกไม่ใช่เหรอว่าเค้าเป็นแค่เพื่อน ถ้าเป็นแค่เพื่อนจะมาห่วงกันมากมายทำไม ไปห่วงเด็กของตัวเองเซ้!!” ทั้งเสียงทั้งหน้ายียวนกวนโอ๊ยเต็มที่
พะแพง!!”
ทำไมหรือไม่จริง!!”คิ้วขมวดขึ้นเสียงต่อ
นี่!!หยุดโมโหซะทีได้มั้ย ถ้าโมโหแล้วจะโง่ขนาดนี้ก็เลิกโมโหไปเลยนะ..ถ้าเค้าเป็นห่วงเด็กคนนั้นเค้าไม่โทรมาหาพะแพงอย่างนี้หรอก!!”
ง้านนหร๊ออ!!” ยังทำหน้าและเสียงโยกโย้กวนอารมณ์อยู่เช่นเคย
ฮึ้ยย!!” คนในสายกัดฟันหมั่นไส้พะแพงเต็มที่ ทั้งขยิบปากยุบยิบเหมือนพยายามจะไม่พูดบางอย่าง แต่ท้ายที่สุดเมื่อเห็นใบหน้ากวนโอ๊ยท้าทายอารมณ์ของหล่อนที่จนถึงปานนี้ก็ยังไม่หยุดเสียทีแล้วก็อดรนทนไม่ได้กลายเป็นตะแบงเสียงดังผ่านโทรศัพท์ออกมาด้วยความโมโหของตัวเองเหมือนกัน..
พะแพง!! นี่ถ้าไม่โง่เกินไปก็น่าจะรู้แล้วนะว่าไม่มีเพื่อนที่ไหนเขาทำอย่างที่เราทำกันหรอก!!”
กึ๊ก!! เป็นการเบรคอารมณ์ที่ได้ผลชะงัด เพราะเมื่ออีกคนได้ยินอย่างนั้นเธอก็กลายเป็นหยุดใบหน้ายียวนลงไป
กลายเป็นใบหน้างุนงนแทนเมื่อนางพยายามทบทวนสิ่งที่ได้ยินจากเอิ้นด้วยความสับสนของนางต่อ
ว่าไงนะ..มะ..หมายความไง..” ถามเอิ้นคืนอย่างเหวอๆไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรทำนองนี้..
นี่ยังจะต้องถามอีกเหรอว่าหมายความว่าอะไร นี่ทำไปทั้งหมดนี่ยังดูไม่ออกอีกเหรอว่าเค้าน่ะ...โอ๊ะ..โอ๊ยยย!!”
พะแพงคิ้วขมวดทันทีที่เห็นว่าอยู่ๆคนพูดก็ร้องโอ๊ยแล้วหยุดชะงักก้มหน้าก้มตายกมือขึ้นกุมขมับตัวเองราวกับว่ากำลังเจ็บปวดกับอะไรสักอย่างอย่างรุนแรงอยู่
ปะ..เป็นอะไรอ่ะเอิ้น!! เอิ้น!!” ร้องถามเสียงหลงด้วยความความตกใจเมื่อยังได้ยินเสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดทรมานของหล่อนดังเข้ามาในสายเรื่อยๆ
เอิ้น เป็นอะไรหรือเปล่า นี่เป็นจริงหรืออำกันเล่นนี่..”
โอ๊ยยยย.. เป็นจริงๆ..ไม่รู้เป็นอะไรอยู่ๆก็ปวดหัวขึ้นมาน่ะ..แต่..แต่คงไม่เป็นไรมากหรอกมั้ง สงสัยเค้าปวดหัวเพราะคิดมากน่ะ เอ่อ..อาจจะเป็นเพราะเครียดน่ะ แต่..โอ๊ย.โอ๊ยย...เดี๋ยวนะ เดี๋ยวแค่นี้ก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวไงพรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่แล้วกันนะ..” พูดเสร็จก็ตัดสายทิ้งฉับ ทิ้งให้พะแพงที่นั่งมองดูอาการไม่สบายของเพื่อนที่ตัวเองรักต้องกังวลและพะว้าพะวงตามด้วยความเป็นห่วง..
นี่เอิ้นปวดหัวคิดมาก คิดมากเพราะเรื่องเราอย่างนั้นเหรอ..
..แล้วร้องดังขนาดนั้น จะเป็นอะไรมากมั๊ยนี่..
--<><><><>--
เช้าวันต่อมาในเวลาก่อนเข้าเรียน พะแพงที่มาถึงโรงเรียนก่อนและทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าควรจะทำหน้าอย่างไรหากต้องเจอกับเพื่อนสาวของตัวเองหน้าโรงเรียนที่มีผู้คนเยอะแยะอย่างนั้น เธอจึงรีบเดินขึ้นห้องเรียนโดยที่ไม่นั่งรออีกคนอย่างที่เคยทำเป็นนิสัย และเมื่อมาถึงหน้าห้องเรียนพะแพงก็เจอเข้ากับน้องหลินเด็กลิงน้อยของเพื่อนสาวตัวเองที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าห้องเหมือนหล่อนกำลังรอใครอยู่..
เอ่อ พี่พะแพงคะ พี่พะแพงเห็นพี่เอิ้นมั้ยคะ” หล่อนยิ้มโชว์ใบหน้าขาวสวยหมวยน่ารักปราศจากแว่นของหล่อนทันทีที่เห็นพะแพงเดินเข้ามาใกล้
เอ่อ..มะไม่ ไม่เห็นจ๊ะ” ตอบหล่อนไปด้วยใบหน้าเหยเกในแบบที่ไม่รู้ว่าควรจะยิ้มหรือจะบึ้งดีนั่นล่ะ “ทำไมหรือจ๊ะ มีอะไรกับเอิ้นอย่างนั้นเหรอ” ถามหล่อนกลับไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าทำไมถึงได้มาถามหาเอิ้นแต่เช้าขนาดนี้
เอ่อ คือเมื่อคืนหลินโทรไปหาพี่เอิ้นเห็นว่าพี่เอิ้นไม่สบายน่ะค่ะแล้วเมื่อเช้าพี่เอิ้นก็โทรบอกว่าคงไม่ได้มาโรงเรียนพร้อมกันให้มาก่อนเลย ก็เลยคิดว่าพี่เอิ้นคงจะเป็นอะไรไม่สบายมากหรือเปล่า ถึงขนาดไม่รอมาโรงเรียนพร้อมหลินขนาดนั้น”
ได้ยินแค่นั้นกระเป๋าในมือพะแพงก็แทบจะหลุดมือหล่นพื้น
มะ..ไม่รอมาโรงเรียนพร้อมกัน..” ยิ้มให้หล่อนแบบกล้ำกลืนที่สุดในสามโลกในตอนที่แกล้งถามย้ำ “อ๋อ ใช้สินะพี่ก็ลืมไปว่าเราสองคนมาโรงเรียนพร้อมกันทุกวันนี้นา เอ..นี่มาโรงเรียนพร้อมกันอย่างนี้แสดงว่าตอนกลับก็คงจะกลับด้วยกันใช่มั้ย..”ยังพยายามถามหล่อนต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่ออยากรู้ก็อยากรู้และเจ็บก็เจ็บ..
เด็กสาวคนต่อหน้ายิ้มหวานหน้าแดงระเรื่อ ดวงตาเล็กของหล่อนก็ยิ่งหยีลงอีกเมื่อได้กล่าวถึงอีกคนในบทสนทนาด้วยความรู้สึกพิเศษอย่างเห็นได้ชัด “ค่ะ..ก็กลับด้วยกันทุกวันค่ะ มีแค่เมื่อวานนี่ล่ะค่ะที่พี่เอิ้นไม่ว่างไปส่ง เอ่อ เห็นบอกว่าติดธุระคุยกับเพื่อนอยู่ แต่ตอนค่ำก็แวะไปหาหลินอยู่ที่บ้านนะคะ”
แวะไปหา?” รีบถามหล่อนด้วยความตกใจทันที “ไปหาที่บ้าน ตอนค่ำเนี่ยนะ”
ใช่ค่ะ ก็ ทานข้าวเย็นด้วยกันแล้วก็ เอ่อ..” หล่อนหยุดพูดแล้วบิดตัวซ้ายขวาเหมือนกำลังอายบางอย่าง ทั้งยิ้มหวานตาหยีหน้าก็แดงขึ้นเรื่อยๆจนพะแพงเองเริ่มเรียบเรียงถึงสถานการณ์ต่อไปของเรื่องได้
อ๋อ..นี่คงจะเป็นตอนที่สิบเอ็ดที่แพรี่เริ่มไปหารัณห์ที่บ้านทุกวัน จากที่แค่คุยกันตอนเย็นก็เริ่มกินข้าวด้วยกันและค้างคืนนอนด้วยกัน และจากนั้นก็..มีอะไรในที่สุด สะเทือนใจขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงบทNCของแพรี่และรัณห์ในCheapterนี้ นี่อย่าบอกนะว่าสองคนนี้จะมีอะไรกันแล้วนี่...คิดได้ก็เริ่มตะกุกตะกักถามคนต่อหน้าด้วยอาการใจเสียของตัวเองทันที
นี่ หลินพี่ถามอะไรหน่อยสิ เอิ้นไปบ้านหลินบ่อยมั๊ย
เอ่อ..ก็..ก็บ่อยค่ะ”
เคยค้างที่บ้านมั้ย”
หล่อนยิ้มแหยๆหน้าแดงฉ่า ทำทีเป็นตะกุกตะกักเคอะเขินอยู่แป๊บนึงแต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไรพะแพงดีเสียงจากบุคคลที่สามในบทสนทนาก็ดังขึ้นแทรกขัดจังหวะเสียก่อน
มาทำอะไรที่นี่เนี่ย” หล่อนยื่นมือมาจับไหล่หลินจนคนโดนจับสะดุ้งรีบหันไปตามเสียง
พี่เอิ้น มาตอนไหนเนี่ย ทำไมหลินโทรหาแล้วไม่รับสาย”
ก็พึ่งมาถึงเมื่อกี้เนี่ยล่ะ ทำไมนี่เราโทรมาหาพี่เหรอ..คือ..พอดีกดรับสายไม่ได้น่ะ” เอิ้นทั้งพูดทั้งเหล่มองไปที่มือของตัวเองซึ่งนั่นก็ทำให้คนถามร้องเสียงหลงทันทีที่หันไปมองตามแล้วเจอว่ามือขวาของหล่อนโดนเข้าเฝือกไว้ด้วย
เฮ้ย มือของพี่เอิ้นไปโดนอะไรมาน่ะ ทำไมได้เข้าเฝือกด้วยล่ะ” ทั้งถามทั้งยื่นมือไปจับมือของเอิ้นมาดูด้วยความเป็นห่วง นั่นเลยทำให้ให้อีกคนที่ยืนดูด้วยความน้อยใจยิ่งได้แต่น้อยใจเข้าไปใหญ่
ตอนนี้พะแพงที่หน้าซีดใจเสียมาตั้งแต่ได้ยินเรื่องที่หลินบอกว่าเอิ้นไปส่งหล่อนที่บ้านทุกวันแล้ว แล้วยิ่งมาเห็นภาพบาดตาบาดใจที่แสดงความเป็นห่วงที่ทั้งสองมีให้ต่อกันอีกก็ได้แต่เจ็บจุกจนสีหน้าออกอาการไม่สู้ดีเข้าไปใหญ่ ด้วยรู้สึกพะอืดพะอมที่จะต้องทนมองเห็นภาพหวานต่อหน้า และเมื่อไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรเธอเลยได้แต่สะบัดร่างก้มหน้าก้มตาเดินลิ่วๆด้วยอาการกระฟัดกระเฟียดเล็กๆ ที่คนอื่นอาจจะมองไม่เห็น แต่สาวสวยหน้าหวานอีกคนกลับมองเห็นมันตั้งแต่แว็บแรกที่หล่อนเริ่มคิ้วขมวดจ้องมองเธอด้วยอาการไม่พอใจแล้ว..
และนั่นก็ทำให้เธอสัมผัสถึงพลังงานลึกลับที่คุ้นเคย ที่ทำให้เธอลอบถอนหายใจยาวๆอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่า การง้องอนเมื่อคืนนั้นจบลงด้วยการเริ่มงอนใหม่อีกครั้งแล้วสำหรับเพื่อนสาวของเธอ..
--<><><><>--
พะแพงไม่ไปกินข้าวเหรอ..
เสียงหวานๆดังขึ้นเรียกสติพะแพงในขณะที่กำลังเท้าคางนั่งเหม่อมองไปด้านนอกหน้าต่างของห้องเรียน และเมื่อเธอหันไปมองก็เห็นเป็นเพื่อนผู้หญิงร่วมห้องที่เดินถือขนมและน้ำหวานผ่านเข้ามาทางประตูห้องและหล่อนคงจะแปลกใจที่เห็นพะแพงนั่งซึมนั่งเหม่ออยู่ในห้องคนเดียวแทนที่จะเดินลงไปกินข้าวเหมือนคนอื่นๆ เลยลองถามพะแพงด้วยความเป็นห่วงดู
เอ่อ..คือวันนี้เค้าไม่หิวข้าวน่ะ คือ..ไดเอทน่ะ” ยิ้มอายๆให้เพื่อนคนนั้นในตอนที่นึกหาเหตุผล
ไดเอท!?” เพื่อนคนนั้นตาโต “โห หุ่นดีอย่างนี้ยังจะไดเอทอีกเหรอ” ทั้งพูดทั้งก้มมองแก้วชานมไข่มุกตัวเองด้วยสีหน้าละอายใจเล็กๆก่อนจะยกขึ้นมาดูดฮวบใหญ่ๆเมื่อนึกขึ้นว่าช่างมันเถอะถึงชั้นจะไม่กินยังไงๆก็ไม่สวยเท่าพะแพงอยู่ดีนั่นล่ะน่ะ “หึหึ..พะแพงกินน้ำตาลบ้างก็ได้นะ จะได้อารมณ์ดีช่วงนี้เห็นหน้าบึ้งบ่อยๆ โอ๊ะ ไม่แซวดีกว่าแค่นี้แล้วกัน”
หน้าเสียเล็กๆเมื่อเริ่มเข้าใจความหมายของเพื่อนที่คงจะแซวพะแพงเรื่องที่กำลังงอนกับเอิ้นที่พวกเขาพากันจับกลุ่มนินทากันทั้งวันนั่นเอง และนั่นก็ทำให้พะแพงถึงกับนั่งเลิ่กๆลั่กๆด้วยเริ่มทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าควรจะอยู่ในห้องต่อเพื่อที่จะคุยกับเพื่อนคนนั้นอีกดีมั้ย เพราะใจเธอวันนี้ไม่มีอารมณ์อยากจะคุยอะไรกับใครเลย แม้กระทั่งเอิ้นที่วันนี้ช่วงเช้าพยายามจะง้องอนด้วยการหันมาชวนเธอคุยยังไงพะแพงก็ยังใจแข็งไม่ยอมคุยด้วยอยู่ดี จนกระทั่งตอนพักเที่ยงกินข้าวที่หล่อนก็พยายามชวนเธอไปกินข้าวด้วยเช่นเคยแต่เธอก็ปฏิเสธไปด้วยเหตุผลที่ว่าไม่หิว ทั้งที่จริงเป็นเพราะเธอไม่อยากลงไปนั่งมองหน้าเอิ้นและเด็กของหล่อนกระหนุงกระหนิงกันมากกว่า
และเมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วนใจจากเรื่องที่ว่านี้พะแพงเลยแกล้งบอกเพื่อนไปว่าตัวเองลืมธุระสำคัญที่จะต้องไปตอนเที่ยงทั้งที่จริงเธอก็ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน ได้แต่เดินยิ้มหวานออกมาจากห้องแล้วเตร็ดเตร่เดินไปตามทางเดินของอาคารเรียนไปเรื่อยจนกระทั่งตัดสินใจเดินขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าที่มักจะลืมปิดประตูเอาไว้และช่วงนี้เธอคิดว่าคงไม่มีใครอยู่ที่นั่นแน่ๆ..
เฮ้อ!!! เมื่อไหร่จะเลิกเรียนซะทีเนี่ยยยย!!!” นั่นเป็นข้อความแรกที่พะแพงตะโกนขึ้นเสียงดังเมื่อเดินไปอยู่บนลานดาดฟ้าคนเดียวได้แล้ว
ก็รออีกสามคาบเองทนไม่ได้หรือไง..ทำไมต้องโวยวายขนาดนั้นด้วย”
อึ๊ก!!สะดุ้งโหยงทันทีที่ได้ยินเสียงใครบางคนแทรกขึ้นมาทั้งๆที่คิดว่าน่าจะไม่มีคนอื่นอยู่ด้วยแล้วแท้ๆ หันไปมองที่มาของเสียงก็เห็นว่าเป็นครูฝึกสอนคนสวยที่เคยเจอกันในห้องน้ำและตอนนี้หล่อนกำลังยืนยิ้มมองมาที่เธออย่างขำๆโดยที่ในมือของหล่อนนั้นกำลังคีบบุหรีค้างไว้อยู่ด้วย
บุหรี่?? พะแพงถึงกับหน้าเหวอทันทีที่ก้มลงไปเห็นบุหรี่ในมือของหล่อน และนั่นก็ทำให้ครูฝึกสอนคนนั้นรีบปล่อยบุหรี่ในมือทิ้งลงกับพื้นก่อนจะรีบใช้ส้นรองเท้าบี้ก้นบุหรี่ให้ดับสนิทเหมือนกัน
ชูว์..ห้ามบอกใครนะคะ เดี๋ยวเด็กจะไม่เคารพครู แค่นี้ก็ไม่ค่อยฟังที่ครูสอนเท่าไหร่แล้วเอาแต่แซวกัน” ครูคนสวยทั้งพูดทั้งยกนิ้วชี้ขึ้นทำท่าจุ๊ปากตัวเองทั้งยิ้มแหยๆให้พะแพงตอนที่เดินเข้ามาหาเธอหลังจากนั้น
คือ..ครูเครียดเรื่องสอนน่ะก็เลยสูบ แต่ครูไม่ได้สูบตลอดหรอกนะ นานๆครั้งน่ะ แล้วก็..เราก็ห้ามเลียนแบบครูด้วยเข้าใจมั้ยครูสูบได้แค่คนเดียว..”
ค่ะ” ยิ้มแหยๆรับที่ครูคนนั้นสอน
แล้วนี่นึกยังไงถึงมาตะโกนเสียงดังอย่างนี้ ครูได้ยินตอนแรกยังคิดว่าเป็นเด็กเกรกมะเหรกเกเรที่ไหนมาร้องซะอีก หันมาเจอว่าเป็นพะแพงแล้วก็ตกใจบุหรี่แทบจะติดคอครูแหนะ”
หลุดหัวเราะทันทีที่ได้ยินครูพูดแซวด้วยการยกเรื่องบุหรี่มาเป็นมุกอย่างนั้น“เอ่อไม่มีอะไรค่ะ แค่..แค่ เบื่อๆเซ็งๆน่ะค่ะ”
เบื่อๆเซ็งๆ?? เซ็งอะไร อ๋อ นี่อย่าบอกนะว่าเซ็งเอิ้นน่ะ” ครูคนนั้นทั้งพูดทั้งอมยิ้มในตอนที่แกล้งแซวพะแพงเรื่องคู่จิ้น ซึ่งนั่นก็ทำให้พะแพงได้แต่สำลักไอแค่กๆด้วยไม่คิดว่าครูจะมาแซวตัวเองเล่นๆเรื่องแบบนี้อีกแล้ว
อะไรกัน..ครูคนนี้ดูเป็นวัยรุ่นมากกว่าที่เราคิดเสียอีก ทั้งสูบบุหรี่ ทั้งติดตามข่าวคราวบนโลกออนไลน์จนสามารถเอามาแซวนักเรียนได้ขนาดนี้ เออ พึ่งเคยเห็นคนที่มีบุคลิกกับน่าตาขัดกันทุกอย่างก็วันนี้นี่ล่ะ ทั้งคิดทั้งจ้องมองครูคนสวยก้มลงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดบางอย่าง
นี่ครูแซวเล่นๆไม่ต้องเขินขนาดนั้นก็ได้ หยุดไอแก้เขินได้แล้ว บอกแล้วไงว่าครูเป็นแฟนคลับของเราทั้งสองคนน่ะ นี่แสดงว่าไม่เชื่อใช่ป่ะว่าครูติดตามเรา งั้นดูนี่นะ...”ยื่นโทรศัพท์ที่กดอะไรเมื่อครู่นี้ส่งให้พะแพงดู
นี่ไง ครูติดตามเพจนี้ด้วยนะ แล้วก็ครูก็ติดตามไอจีเราด้วย นี่ไงเห็นมั้ย”
โอ้ย”รีบยกมือไหว้ขอบคุณแทบไม่ทันที่เห็นอย่างนั้น “ขอบคุณนะคะที่ติดตามแต่นั่นไม่ใช่ไอจีของหนูหรอกค่ะแล้วก็เพจนั้นก็ไม่ใช่ของหนูด้วย”
รู้ค่ะ ครูรู้ว่าไม่ใช่ แต่ครูก็อยากติดตามเราไง นี่รู้หรือเปล่าว่าเราสองคนน่ะน่ารักมากๆเลยนะ ครูน่ะก็เผลอแอบจิ้นเราทั้งสองคนบ่อยๆ ช่วงนี้ก็เลยหงุดหงิดเป็นพิเศษหน่อยที่เห็นอีกคนเขาแบบว่า..เอ่อ..”หยุดพูดทันทีที่เห็นสีหน้าของพะแพงเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินเหมือนครูกำลังจะพูดถึงเรื่องของเอิ้นและหลินอีกแล้ว
เอ่อ..งั้นช่างมันเถอะครูว่าครูไม่พูดดีกว่า เราคงไม่อยากฟังเรื่องของแพรี่กับรัณเท่าไหร่สินะ เอ้ยไม่ใช่สิ ไม่ใช่แพรี่กับรัณสิ ต้องเอิ้นกับหลินสิ”
ชะงักในคำพูดผิดๆของคุณครูฝึกสอนทันที
แพรี่กับรัณห์?? เดี๋ยวนะคะอย่าบอกนะคะว่าครูอ่านนิยายเรื่องจิ้นนักรักซะเลยด้วยน่ะ”
ครูคนนั้นยิ้มแหยๆ “ก็เอ่อ..เอ่อ..ก็อ่านด้วยประมาณนั้นแหละ”
แต่นี่มันนิยาย..เอ่อ..นิยายยูรินี่คะ ครูอ่านนิยายยูริด้วยเหรอ”
ครูคนนั้นยังยิ้มหวานเหมือนเดิมแต่จะมีเพิ่มเติมก็ตรงแอบมีสายตาเจ้าเล่ห์แปลกๆมองกลับมาที่พะแพงด้วย ก็อ่านไง ก็คงจะเหมือนกับเราใช่มั้ยล่ะที่อ่านนิยายเรื่องนี้เหมือนกันก็เลยรู้จักชื่อตัวเอกของนิยายน่ะ เอ..อ่านนิยายยูริอย่างนี้แสดงว่าก็ต้องชอบอ่านเรื่องหญิงรักหญิง งั้นเรื่องที่คนแซวเรากับเอิ้นก็จริง..อุ๊บ” คนฟังรีบโผเขาไปปิดปากครูฝึกสอนด้วยความลืมตัวทันที
ไม่ใช่นะคะ ครูกำลังเข้าใจผิด หนูแค่ชอบอ่านเฉยๆ คือหนูชอบอ่านนิยายทุกประเภทค่ะไม่ใด้เฉพาะเจาะจงว่าจะต้องเป็นนิยายยูริ เอ่อ จริงๆแล้วหนูชอบอ่านนิยายวายมากกว่าค่ะ”
จริงเหรอคะ” ยังไม่หยุดยิ้มกรุ้มกริ่มอีกเมื่อเห็นท่าทางเลิ่กลั่กหน้าแดงของพะแพงอย่างนั้น “เสียดายจังเลยนึกว่าชอบอ่านนิยายเรื่องนี้เป็นพิเศษ ว่าจะเมาส์อะไรด้วยสักหน่อย ครูอุตสาห์แอบคิดว่านิยายเรื่องนี้มันเหมือนชีวิตจริงของพะแพงกับเอิ้นยังไงไม่รู้ เนี่ยได้โอกาสมาคุยกับพะแพงใกล้ๆอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ครูเก็บไว้ในใจคนเดียวอึดอัดจะแย่อยากมีคนที่อ่านนิยายเรื่องนี้เหมือนกันมาเมาส์มอยกันน่ะ คือหมายถึงเรื่องที่ครูคิดว่านิยายเรื่องนี้เหมือนพวกเราทั้งสองคนนั่นแหละ..”
พะแพงนั้นหน้าเหวอมาตั้งแต่ได้ยินว่าครูคนนี้ชอบอ่านนิยายยูริแล้วยิ่งมาได้ยินเรื่องที่ครูคนนี้บอกว่าหล่อนคิดว่าเนื้อเรื่องในนิยายเหมือนชีวิตของเธอแล้วก็ยิ่งเหวอไปกันใหญ่
นี่..นี่ไม่ใช่แต่เฉพาะเธอหรอกใช่มั้ยที่คิดว่านิยายเรื่องนี้เหมือนกับชีวิตตัวเอง
มะ..เหมือนยังไงคะ” เลิ่กๆลั่กๆถามครูคนนั้นกลับคืนไปทันที
ก็..แพรี่ตัวเอกเป็นดาวโรงเรียนแสนสวยก็เหมือนเอิ้นไง ส่วนรัณห์ตัวเอกอีกคนที่เป็นรุ่นน้องจอมเอ๋อใส่แว่นหน้าเตอะก็เหมือนหลินไง แล้วเรื่องที่ทั้งสองไม่ชอบหน้ากันแต่ต้องแกล้งเป็นแฟนกันงั้นอีก ส่วนเอรินเพื่อนสาวคนสนิทแสนสวยตัวร้ายของเรื่องครูก็คิดว่า...เอ่อ..เหมือน..”มีการแอบสบตาพะแพงนิดนึงในตอนที่จะพูดถึงหล่อน นั่นเลยทำให้ครูคนนั้นเห็นว่าพะแพงเปลี่ยนสีหน้ากลายมาเป็นเศร้าอีกแล้ว
เอ่อ..ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าครูว่านิยายเรื่องนี้มันเหมือนชีวิตพวกเธอมากๆเลยนะ นี่ครูยังตกใจเลยที่มาเห็นพวกเธอทั้งสามคนในโรงเรียนแบบนี้น่ะ”
เหรอคะ”พะแพงแกล้งยิ้มกลบเกลื่อนร่องรอยความเศร้าที่แสดงออกทางสายตาของตัวเองเมื่อครู่นี้ “แต่หนูว่ามันคงเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่าค่ะ และที่สำคัญหนูกับเอิ้นก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรพิเศษเหมือนในนิยายด้วย เราสองคนเป็นได้แค่เพื่อนร่วมห้องธรรมดาๆแค่นั้นค่ะ”
เพื่อนร่วมห้องธรรมดาๆงั้นเหรอ..” ครูคนนั้นยื่นมือมาลูบผมพะแพงทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงแปลกๆของพะแพง “ฟังดูเศร้าๆยังไงไม่รู้นะ ไม่รู้ว่าครูคิดมากไปเองหรือเปล่า แต่ครูก็ไม่ได้อยากเห็นพะแพงต้องมาเศร้าไม่ว่ากับอะไรก็ตาม ไม่ว่าตอนนี้พะแพงจะกลุ้มใจกับเรื่องอะไร ครูก็ขอให้มันผ่านไปด้วยดีนะ เข้าใจมั้ย อย่าคิดมากนะตั้งใจเรียนหนังสือซะนะเด็กดี เพื่ออนาคตของตัวเองนะคะ” ทั้งพูดทั้งลูบหัวพะแพงที่เผลอเงยหน้าไปสบตาคุณครูคนนั้นเข้า และรอยยิ้มหวานๆจากดวงตาอ่อนโยนที่หล่อนหรี่ลงตารอยยิ้มก็ทำให้พะแพงเผลอยิ้มตามทันที
จำไว้นะแม้นิยายมันอาจจะเหมือนชีวิตจริงยังไง ถ้าเราไม่เอาใจไปยึดติดกับมัน นิยายก็จะเป็นเพียงแค่นิยายเท่านั้น ชีวิตจริงเราสร้างเองได้ เราเปลี่ยนเองได้ขอเพียงแค่ลองมองหาสิ่งใหม่ๆหรือคนใหม่ๆดูบ้าง เข้าใจที่ครูพูดมั้ยคะ”
พยักหน้ารับคุณครูคนสวยก่อนจะยิ้มให้หล่อนตอนที่ตอบรับหล่อนด้วยความสบายใจแบบประหลาดๆหลังจากนั้น
เข้าใจค่ะคุณครู ขอบคุณนะคะ”