วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ซ้อนเล่ห์รัก 


[ PART 1 : ฝ้าย ]

Chapter 1

ฉันคือที่หนึ่ง

          “ใจคอพี่จะไม่พูดอะไรกับหนูสักคำเลยใช่มั้ยคะ...”

          ฉันพยายามฝืนยิ้มในตอนที่กำลังตั้งคำถามกับใครบางคนที่ยืนกอดอกอยู่ต่อหน้าฉัน

ใครบางคนที่ฉันกำลังใช้ความพยายามในการอดทนขั้นสุด ในการใจเย็นแล้วใจเย็นอีกเพื่อที่จะไม่คิดถือโทษโกรธเคือง และจะถือว่าการเย็นชาทางสายตาและท่าทางของคนที่อยู่ต่อหน้าคือวิสัยของผู้หญิงสวยโดยทั่วไปที่มักจะทำกัน เมื่อรู้ตัวว่ามีใครสักคนต้องการจีบตัวเอง

          ใช่..คนต่อหน้าฉันเป็นผู้หญิง ฉันหมายถึงผู้หญิงที่เป็นผู้หญิงจริงๆ ที่แต่งตัวสวยๆและชอบผู้ชาย ซึ่งแน่นอนว่าฉันเองก็เป็นผู้หญิงจริงๆอย่างที่เธอเป็นเช่นเดียวกัน

          แถมรูปร่างหน้าตาของฉันก็ยังสวยสง่าไม่ต่างจากเธอ แถมยังดูสาวและเด็กสดใสกว่าด้วยอีกต่างหาก

จ้องมองเงาตัวเองในชุดนักศึกษาที่สะท้อนในกระจกลิฟท์ เห็นได้ชัดว่าส่วนสูงของฉันสูงกว่าเธอตั้งคืบหนึ่งแหนะ แถมรูปร่างของฉันก็ยังสะโอดสะองค์นมเป็นนมก้นเป็นก้นกว่าเธอด้วยซ้ำ

          เฮ้อ..แล้วดีกว่าขนาดนี้ทำไมฉันต้องมาอดทนจีบยัยผู้หญิงหน้าบึ้งคนนี้ด้วยนะ

ได้แต่คิดในตอนที่จ้องมองเจ้าของใบหน้าสวยคมเฉี่ยวในชุดแสกสีดำเงาวับด้านหน้า ทั้งๆที่ดวงตาเธอก็กลมโตฉายแววความหวานให้เห็นแท้ๆแต่ทำไมเธอจึงได้เอาแต่ขมึงตาดุๆมองฉันอย่างนี้กันนะ

มองดูคิ้วเข้มๆที่ขมวดเป็นปมตอนที่เธอหันใบหน้าราบเรียบมาหยุดต่อหน้าฉันเหมือนกำลังอ่านใจอะไรสักอย่างแล้วฉันก็ได้แต่ถอนใจ เพราะเธอเล่นบทใบ้ไม่พูดไม่จาไม่ตอบรับอะไรฉันเลยสักคำ

แถมพอมองหน้าเพื่อขอคำตอบเธอหนักๆเข้า เธอก็แกล้งทำเป็นสบัดหน้าหนี ทำเป็นไม่ได้ยินที่พูดทั้งๆที่เธอและฉันยืนกันอยู่ในลิฟท์กันสองต่อสองแท้ๆ

          ช่างเป็นผู้หญิงที่เล่นตัวโคตรๆ นี่คงคิดว่าตัวเองสวยมากเลยใช่มั้ย นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดเมื่อแกล้งยิงฟันยิ้มในตอนที่พยายามส่งเสียงหวานๆอ้อนเธออีกครั้ง

          “เฮ้อ..เอาจริงๆนะ พี่เกลียดหนูเหรอ นี่หนูชวนพี่คุยมาเป็นอาทิตย์แล้วนะแต่พี่ไม่คุยตอบหนูสักที หรือว่า..พี่เป็นใบ้กันนะ..”

คำพูดสุดท้ายฉันแอบกัดเธอไปนิดๆ และเธอคงจะรับรู้ได้เลยหันขวับมามองฉันด้วยแววตาเฉยชาของเธออีกรอบแต่ก็ยังคงไม่พูดอะไร

ได้แต่ยืนกอดอกจ้องมองท่าทางยิ้มเล็กยิ้มน้อยของฉันไปก่อนที่เสียงลิฟท์จะดังขึ้น และเธอก็รีบสะบัดหน้าจากฉันเพื่อที่จะก้าวเดินออกจากลิฟท์ไปทันที โดยไม่ได้ดูเลยว่าปลายผมหางม้ายาวสลวยที่เธอรวบตึงไว้มันสบัดตามแรงเหวี่ยงมาโดนใบหน้าฉันเต็มๆแล้ว

          โดนผมฟาดหน้าฉันเลยได้แต่ร้องโอดโอย เลยไม่ทันได้มองเห็นเธอตอนที่ก้าวเดินออกจากลิฟท์ไป ทำให้ฉันต้องรีบวิ่งตามเธอไปที่ลานจอดรถ ก่อนจะเห็นแค่ขาอ่อนเธอลิบๆในตอนที่เธอถกขาขึ้นไปนั่งบนรถแลมโบกินี่สีขาวสุดหรูของเธอแล้ว

          เฮ้อ..อะไรวะไม่ทันอีกแล้ว ได้แต่บ่นพึมพัมตอนที่เห็นรถคันงามเคลื่อนตัวด้วยความเร็ววิ่งฉิวออกจากที่จอดรถ ทำให้ฉันพลอยได้รับบทหมาน้อยมองตามเครื่องบินอย่างช่วยไม่ได้ จนยัยนัทเพื่อนที่อยู่ในคอนโดเดียวกันเดินมาเห็นโดยบังเอิญและแซวด้วยความขบขันปนสมเพชของเธอเข้า

          “วืดอีกแล้วนะแก..ฝ้าย พี่คนสวยของแกเมินอีกแล้วใช่ป่ะเธอทั้งพูดทั้งขำ

          “ไม่ได้วืดแค่ยังไม่ได้คุยกันดีๆสักที”

          “ไม่คุยกันดีๆสักที หรือเขาไม่ยอมคุยกับแกกันแน่วะยัยนัทหัวเราะรั่ว แกว่าไม่มีคนเห็นที่เขาเชิดใส่แกทุกครั้งอย่างนั้นใช่ป่ะ เฮ้ย เสียใจด้วยนะ ฉันเห็นเกือบทุกครั้งเว้ย

          กัดปากกัดฟันอยากจะเถียงยัยนัทเต็มแก่แต่ก็เถียงอะไรไม่ได้ ในเมื่อเธอก็เห็นหลักฐานอยู่ทนโท่แล้ว เลยได้แต่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความอารมณ์เสียของตัวเองไป

          “ฉันว่าแกน่าจะเปลี่ยนแผนเถอะว่ะ ไม่งั้นก็เปลี่ยนเหยื่อเหอะ พวกฉันไม่ว่าแกหรอกนะถ้าแกอยากจะเปลี่ยนเหยื่อจากเจ๊คนสวยคนเมื่อกี้ มาเป็นเสี่ยทั่วๆไปอย่างที่แกเคยหลอกพวกเขาน่ะ แค่แกต้องยอมกับเพื่อนๆในกลุ่มว่าตำแหน่งจอมเทประจำแก๊งค์นางฟ้าโดนทำลายไปจากเจ๊คนเมื่อกี้แล้วก็เท่านั้น

ข้อความที่ฟังดูเหมือนเป็นห่วงเป็นใยแต่ดันมีน้ำเสียงของการหัวเราะเยาะชอบใจเจือมาด้วยทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่ายัยนัทกำลังสมน้ำหน้าฉันอยู่

          “ไม่..ไม่มีใครล้มตำแหน่งของฉันได้ รวมถึงยัยเจ๊หน้าบึ้งคนนั้นด้วยทั้งพูดทั้งส่งสายตามุ่งมั่นไปมองยัยนัท ก่อนจะหันไปมองรอยล้อรถของหล่อนที่ปรากฏให้เห็นแค่จางๆ

นึกแล้วก็น่าเจ็บใจนักที่ตำแหน่งจอมเทประจำแก๊งค์นางฟ้าจะต้องมาโดนทำลายเพราะยัยพี่คนนั้นที่ฉันไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับเธอสักอย่างเลย แต่ด้วยความคึกคะนองและความหลงตัวเองของฉันในตอนนั้นแท้ๆเลยทำให้ฉันต้องมาตกมาตายเอาดื้อๆอย่างนี้

นึกถึงการพูดจาทับถมโชว์เหนือกันและกันในคืนนั้นเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ที่เพื่อนๆทั้ง7ในแก๊งค์นางฟ้าทะลายโจร แก๊งค์ที่รวมสาวสวยของมหาลัยเอาไว้มากที่สุด พวกเราสวยที่สุด เด่นที่สุด และที่สำคัญพวกเราแต่ละคนก็ต่างมีคนซัพพอร์ตที่ถือว่ารวยที่สุดด้วย จนสามารถเอาเงินมาใช้ฟุ้งเฟ้อเพื่อกินเที่ยวได้ทุกๆวันอย่างใจต้องการ แม้ว่าเราจะยังเรียนอยู่ที่มหาลัยแค่ปี3และยังไม่มีงานประจำทำกันเลยก็ตาม

ปาร์ตี้ในบาร์ประจำของเราคืนนั้นเป็นไปอย่างสนุกสนานเฉกเช่นทุกคืน คือการดื่ม,เต้นและเช็คเร็ตติ้งรวมทั้งการพูดคุยเกทับกันด้วยจำนวนเงินในบัญชีและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่บรรดาเสี่ยของแต่ละคนพากันเปย์ให้พวกเธอในไตรมาสที่ผ่านมาอย่างสนุกสนาน..

ใช่ ฉันหมายถึง“เสี่ย”ที่หมายถึงพวกผู้ชายแก่ๆอาจจะรุ่นราวคราวพ่อหรือแก่กว่านั้น แต่พวกเขามีฐานะการเงินที่มั่นคง มีอำนาจ มีบริวาร รวมถึงมีครอบครัวมีลูกมีเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังต้องการเด็กสาวสวยๆอย่างพวกฉันมาไว้ดูแลและเลี้ยงดูให้เป็นเล็กบ้านน้อยของพวกเขาอีก

เสี่ยพงษ์น่ะน่ารักมากเลยนะแก เขาแอบออกรถเซอร์ไพรส์ฉันเมื่อเดือนก่อน ฉันนี่อย่างเหวอเลยตอนที่เขาขับมินิคูเปอร์มาหาฉันที่คอนโดน่ะเป็นเสียงของยัยสายรุ้งเด็กเสี่ยพงษ์เจ้าของบริษัทรับเหมาที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของประเทศกำลังพร่ำเพ้อถึงไอเต็มล่าสุดที่เขาประเคนให้

“แหม..น่าอิจฉานะแก ของฉันพี่หมอวัตรก็พาไปดูCRVแล้ว ว่าจะออกให้ฉันสิ้นเดือนนี้เหมือนกันล่ะแก พี่หมอวัตรบอกว่าบางทีพี่เขาก็ไม่ว่างมารับแต่ไม่อยากให้ฉันลำบากตอนกลับ เขาเลยจะให้ฉันขับรถกลับบ้านเองน่ะ”

เสียงริสาเด็กพี่หมอวัตรเจ้าของโรงพยายาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด กำลังอธิบายถึงเรื่องรถที่เขาประเคนให้หล่อนเช่นเดียวกัน ทำให้เพื่อนๆที่เหลือพากันตาลุกวาวมองทั้งสองด้วยความอิจฉา ต่างจากฉันที่นั่งหยิบแก้วเหล้าที่บริกรส่งให้ขึ้นมาจิบ ในขณะที่ฟังด้วยใบหน้าราบเรียบไม่ยินดียินร้ายหรือแสดงอาการตื่นเต้นอะไรเลย

“อะไรวะฝ้าย ทำไมทำหน้าอย่างนั้น แกไม่ตื่นเต้นหรือยินดีอะไรกับเพื่อนหน่อยเหรอ” ยัยนัทละสายตาจากเพื่อนทั้งสองมาทักฉันเมื่อสังเกตุอาการเฉยชาของฉันได้

“จะตื่นเต้นอะไร พวกแกก็ได้อะไรอย่างนี้บ่อยแล้วนี่”

“อ้อเหรอ ฉันนึกว่าแกอิจฉาเพื่อนซะอีก”

ฉันหันไปสะแหยะยิ้มให้ยัยนัท อิจฉาทำไม ของพวกนี้ยังไม่ทันได้ถึงครึ่งที่ฉันได้เล้ยสิ้นประโยคเพื่อนๆในกลุ่มที่เหลือก็พากันเบ๊ปากใส่ฉันทันที

“จ้า...แม่คนสวยตัวท๊อปประจำกลุ่ม จอมเทของแก็งค์นางฟ้าทะลายโจร ของที่แกได้มาจากบรรดาเสี่ยน่าจะเยอะพอๆกับของในห้างแล้วมั้ง เมื่อไหร่จะเอามาประมูลขายให้พวกฉันถูกๆล่ะยะ”เสียงยัยเบลล่าเพื่อนในกลุ่มอีกคนกระแนะกระแหนฉันขึ้นมาบ้าง

          “ประมูลทำไม พวกแกก็มี ฉันเอาไปบริจาคให้คนด้อยโอกาสจะไม่ดีกว่าเหรอ”

“จ้า แม่คนสวยใจบุญ เอ๊ะ หรือจะใจบาปกันแน่นี่ หลอกผู้ชายเป็นว่าเล่น เออแล้วสรุปเสธอดิศักดิ์ที่เขามาขอเบอร์โทรแกกับฉัน เขาได้สานสัมพันธ์กับแกต่อหรือเปล่าวะ”ยัยเบลล่าแขวะเสร็จก็ถามฉันต่อ

          “สานสัมพันธ์?” ยัยนัทหัวเราะหึรีบพูดแทรกทันที “แกควรจะถามมันว่า ตกลงมันสานสัมพันธ์กับเขาหรือเปล่าดีกว่านะ รู้มั้ย มันเทไปตั้งแต่เขาซื้อกระเป๋าแอร์เมสให้มันแล้ว”

          “เทแล้ว

          “ใช่

          “เฮ้ย เสียเป็นแสนแขนไม่ได้จับ ตกลงเสธอดิศักดิ์ก็ไม่ได้แอ้มอะไรแกอีกแล้วเหรอวะฝ้าย นี่แกถือพรหมจรรย์หรือไงวะยัยเบลลล่ากระแหนกระแหนฉันจนเพื่อนที่เหลือก็พากันหัวเราะคิกคักตามด้วยความชอบใจ

          “ฉันไม่ได้ถือ แต่ของมีมูลค่ามันก็ต้องเก็บเอาไว้เรียกราคาสูงๆกับคนที่จ่ายฉันได้ป่ะ จะให้ฉันมาใช้พร่ำเพรื่ออะไรนักหนา ราคาตกกันพอดี”

          พากันสะดุ้งเป็นแถบๆเมื่อได้ยินฉันตอบคำถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ดันมีความหมายประชดประชัน ซึ่งนั่นก็คงจะทำให้เพื่อนที่หมั่นไส้ฉันเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งหมั่นไส้เข้าไปใหญ่

          “เก็บไปก็เท่านั้นแหละแก มูลค่าของของแกมันก็คงไม่ไปเกินกับที่ๆเราอยู่หรอก นี่เราอยู่ต่างจังหวัดนะเว้ยไม่ใช่กรุงเทพ แกไม่ได้มีวาสนาจะได้เจอคนดีๆบ่อยๆหรอก ฉันว่ารีบขายรีบปล่อยดีกว่าปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้แก่ไปเปล่าๆ  เราในวัยนี่มันยังสดใสใครเห็นใครก็ชอบ ฉันว่าแกก็รีบๆหาคนที่รักแกจริงๆฐานะดีๆสักคนมาดูแลแกเถอะ จะปล่อยตัวเองอย่างนี้ไปทำไมกันเสียดายของแทน”

เป็นยัยสายรุ้งที่ออกตัวสอนฉันแทนเพื่อนๆที่เหลือ ซึ่งฉันก็เหล่ปลายหางตามองหล่อนเบาๆได้แต่ขอบคุณที่หล่อนกล้าสอนฉันในใจไปก่อนจะพยายามเก๊กสวยอธิบายต่อ

          “ฉันไม่ได้ปล่อย และฉันก็พยายามมองหาอยู่ พวกแกก็รู้ว่าฉันก็พยายามเปิดรับทุกคนที่เข้ามาหาฉันทั้งนั้น ฉันไม่ได้ปิดกั้นตัวเองสักหน่อย เพียงแต่ฉันคิดว่าคนที่ฉันเจอมันยังธรรมดาอยู่และฉันน่าจะไปได้ไกลกว่านี้”

          “ธรรมดา อะไรคือความธรรมดาของแกวะ ผู้ชายที่เข้ามาหาแกนี่ระดับบิ๊กๆในแต่ละอาชีพทั้งนั้นเลยนะแก ทั้งนักธุรธกิจ นักการเมือง ทหาร ตำรวจ ผู้พิพากษา ข้าราชการ เฮ้ย..ฉันเห็นร้อยแปดอาชีพเลยนะที่เข้ามาแก แล้วแต่ละคนคือไม่ใช่ธรรมดาทั้งนั้นเลยนะ อย่างเจ้าสัวบุญส่งน่ะเขาก็โคตรรวยโคตรใจดี มีอย่างที่ไหนสปอร์ตซื้อคอนโดหรูให้แกอยู่ฟรีๆเพราะหวังซื้อใจโดยไม่ได้แอ้มแกสักบาทเดียว ทั้งเฮียสุวิทย์ที่ถอยปอร์เช่ให้แกเพื่อที่จะซื้อใจแกอีก แกนี่โคตรโชคดีของโชคดีแล้วนะยังไม่รู้ตัวอีก แล้วผู้ชายพวกนี้เขาธรรมดาที่ไหนกันล่ะแก อะไรคือความพิเศษของแกพวกฉันอยากรู้นัก”

          ยกไหล่ตอบเพื่อน“ไม่รู้ดิ ฉันก็ชอบคนรวยๆอย่างพวกแกแหละ ฉันก็อยากหาคนมาซัพพอร์ตชีวิตฉันเหมือนกัน แต่ฉันไม่ชอบคนที่เข้ามาหาฉันง่ายๆวะ ฉันมีความรู้สึกว่าถ้าเขาได้ฉันมาง่ายๆเขาก็คงจะทิ้งฉันไปง่ายๆเหมือนกัน”

          “เอ้า มึงหลอกด่าพวกกูป่ะนี่อีฝ้าย” เพื่อนอีกคนหัวร้อนรีบต่อว่าฉันทันทีที่จับใจความได้

          “เปล่า ฉันจะหลอกด่าพวกแกทำไม แกน่ะเพื่อนฉันนะ ฉันพูดออกมาจากใจของฉันจริงๆ ฉันไม่ชอบอะไรที่มันง่ายๆดาษดื่นเกินไป ของๆฉันต้องดีที่สุดรวยที่สุดและพิเศษที่สุดให้สมกับที่ฉันเด่นที่สุดในกลุ่ม”

ได้ยินเสียงแหวะออกมาจากใครสักคน ก่อนที่ยัยรินเพื่อนอีกคนจะหันมาจีบปากจีบคอคุยกับฉันบ้าง

          “ฉันว่าตอนนี้ถึงแกจะสวยและเด่นที่สุดในกลุ่มยังไงแต่แกก็ไม่ได้มีความพิเศษไปกว่าพวกฉันแล้วล่ะ เพราะพวกฉันมีคนคอยซัพพอร์ตและมีคนคอยคุ้มครอง ฐานะการเงินของพวกฉันยังไงก็ดีกว่าแกที่อยู่ตัวคนเดียวแน่ๆ เพราะฉะนั้นเลิกให้ค่าคนที่ไม่มีแบล็กดีกว่า เงินทองของนอกกายก็จริงอยู่ แต่หน้าตาและความสวยสมัยนี้ก็ถือว่าเป็นของนอกกายเหมือนกัน เรามีเงินเราก็ทำสวยได้เหมือนกันแหละ จะเอาให้สวยให้ปังกว่ายัยฝ้ายเลยก็ได้เนอะ

          ฉันนั่งฟังตั้งนานกว่าจะรู้ว่าเพื่อนแอบด่า ว่าฉันไม่มีแบล๊กเหรอ นี่คิดว่าคนอย่างฉันจะไม่มีปัญญาหาแบล๊กดีๆได้อย่างนั้นเรอะ

          “ใช่สิ อ้อหรือแกจะกลับไปหาพวกผู้ชายธรรมดาที่แกเทเข้าไปให้กลับมาเป็นแบล๊กก็ได้นะ แต่คงจะกลืนน้ำลายตัวเองสักหน่อย ไหวป่ะล่ะ

          ยัยนัทเห็นท่าจะไม่ดีเมื่อฉันและเพื่อนๆขมึงตามองกันใหญ่เลยรีบห้ามศึกเอ้อๆ หยุดๆเถอะ อย่าทะเลาะกันเลย นี่พวกแกแขวะกันไปกันมาจนกลายเป็นทะเลาะกันแล้วรู้ตัวป่ะ

          “ไม่ได้ทะเลาะอะไรสักหน่อย แค่อย่างลองของว่าเพื่อนเราที่เป็นดาวเด่นที่สุดในกลุ่มจะหาแบล๊กที่มีความพิเศษที่สุดได้จากไหนกันนะ ฉันอยากเห็นจังเลยอ่ะไม่แน่ใจว่าชาตินี้จะมีโอกาสได้เห็นมั้ยเป็นยัยนุ่นที่หันมาแขวะฉันอีกคน

          “อีนุ่น!”ฉันเริ่มเสียงแข็ง “มึงอยากลองของว่างั้น ได้งั้นพวกมึงคอยดูเดี๋ยวกูจะหาคนที่มีความพิเศษมาให้พวกมึงเห็นให้ได้ แล้วถ้ากูหามาได้จริงๆมึงจะให้อะไรกู

          “พวกกูเหรอ กูก็จะกราบตีนมึงงามๆแล้วขึ้นป้ายไวนิลแสดงความเป็นตัวท๊อปให้มึงที่คณะเลยดีป่ะ

          “กูขอป้ายรูปที่พวกมึงกราบตีนกูติดที่รถบรรดาพวกมึงดีกว่า”

          “เอางั้นก็ด้ายยย..แล้วมึงล่ะอีฝ้ายถ้ามึงหาไม่ได้ มึงจะทำอะไรให้พวกกู”ยัยนุ่นรับคำท้าพร้อมทวงถามสิ่งที่พวกเธอจะได้เมื่อฉันทำไม่สำเร็จ

          “กูก็จะติดป้ายไวนิลรูปที่กูกราบตีนพวกมึงทุกคนลงรถกูเลยดีป่ะ”

          “โอเค๊!!” เพื่อนที่เหลือพากันพยักหน้าตอบรับทั้งหัวเราะชอบใจข้อเสนอของฉันทันที

เอ๊ะ..เห็นดีเห็นงามพร้อมกันอย่างนี้ อย่าบอกนะว่าพวกนี้แอบหมั่นไส้ฉันเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่..

ได้แต่คิ้วขมวดจ้องมองท่าทางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของบรรดาเพื่อนที่เหลือด้วยความสงสัย แต่ในหัวของฉันตอนนี้มีแต่ความหยิ่งผยองเกินกว่าที่จะยอมแพ้แก่สายตายิ้มเยาะของพวกเธอที่ต้องการเห็นความปราชัยของฉันได้ อะไรที่ฉันจะโชว์เหนือทับถมพวกนี้ได้ในตอนนี้ฉันก็จะทำ

          “แล้วใครล่ะ จะเป็นเหยื่อแก คนพิเศษในแบบของแกจะเป็นยังไงวะ นี่ไม่ใช่ว่าแกจะโมเมหาใครที่พวกฉันไม่รู้จักมาทำทีเป็นจีบแล้วติดหลอกพวกฉันอย่างนั้นหรอกใช่มั้ย” ยัยนุ่นถามฉันด้วยความสงสัยเมื่อเธอฉุกคิดได้

          “นี่ ฉันมีศักดิ์ศรีพอ เดี๋ยวฉันจะหาโจทย์ของฉันมาให้พวกแกพิจารณาเองดีป่ะ ว่าฉันจะแก้โจทย์พิเศษของฉันได้ยังไง”