นิยายรักไม่จำกัดบท
Cheapter
7
ปรับความเข้าใจและความอบอุ่นที่กลับมาอีกครั้ง
“พะแพงเป็นยังไงบ้างลูก”
เสียงของคุณนายพรพรรณคุณแม่ยังสาวและสวยของพะแพงดังขึ้นหน้าห้องฉุกเฉินเมื่อเธอเห็นลูกสาวยืนลุกลี้ลุกลนอยู่ด้านหน้าด้วยท่าทางตื่นกลัวของหล่อน
และเสื้อผ้านักเรียนของหล่อนก็เต็มไปด้วยเลือด
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าหลังจากที่เอิ้นประสบอุบัติเหตุทางโรงเรียนก็รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันทีซึ่งก็รวมถึงพะแพงที่ขวัญหนีดีฝ่อร้องไห้ในตอนนั้นตลอด
จนคุณครูต้องพาขึ้นรถพยาบาลเพื่อมาเช็คความปลอดภัยของร่างกายเธอด้วย
“หนูโอเคค่ะแม่
แต่..แต่
เอิ้นเขา..เขา”
“เป็นอะไร
เอิ้นเป็นอะไรเหรอลูก”
ทั้งพูดทั้งดึงตัวลูกสาวสุดที่รักเข้ามาโอบกอดและหอมผมปลอบใจหล่อนเมื่อคิดได้ว่าหล่อนคงกำลังตื่นกลัวจากสิ่งที่หล่อนโทรมาบอกเธอก่อนหน้านั้นเกี่ยวกับอุบัติเหตุ
แต่นั่นก็ยังไม่ได้หมายรวมถึงรายละเอียดที่ว่าคนที่เป็นหนักกว่าหล่อนคือเพื่อนคนสนิทที่อยู่ในห้องฉุกเฉิน
ณ ตอนนี้
“เอ่อ
พอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยนะคะ”
เสียงครูประจำชั้นที่ยืนอยู่ระแวกนั้นและกำลังเดินเข้ามาหาแม่ของพะแพงตอบตัดบทขึ้นก่อน
ทั้งสองยกมือขึ้นไหว้กันพอเป็นมารยาทก่อนจะที่ครูจะทำหน้าที่รายงานถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตามหน้าที่เพื่อให้ผู้ปกครองของนักเรียนได้ทราบในเบื้องต้นก่อน
“คือพะแพงกับเอิ้นจะเดินเข้าอาคารเรียนกันแต่เด็กนักเรียนแถวนั้นเตะลูกฟุตบอลไปโดนกระถางต้นไม้ตกลงมาโดนเอิ้นเข้า
ก็ดีที่พะแพงไม่ได้เป็นอะไรด้วยแต่แกก็คงตกใจมากเพราะอีกนิดเดียวก็โดนแกแล้วค่ะ”
“เอิ้นเขาเอาตัวรับกระถางแทนหนูเองแหละค่ะ!
จริงๆหนูนี่แหละที่จะโดน!”
พะแพงรีบพูดแทรกคุณครูทั้งร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงดังขึ้น
“อ้าว
ทำไมหนูถึงคิดว่าเอิ้นเข้าเอาตัวมารับแทนล่ะลูก”
“ก็ตอนนั้น
เอิ้นเขาเรียกหนูแล้วเขาก็รีบดึงตัวหนูออกจากจุดนั้นและเขาคงพลาดไปโดนเอง”
แม่พะแพงหน้าเสียทันที
เธอหันไปมองคุณครูที่ยิ้มแหยๆก่อนจะกล่าวกับแม่พะแพงด้วยน้ำเสียงสุขุมเพื่อยืนยันในสิ่งที่ลูกสาวของเธอบอกว่าจริง
“พะแพงเขาพูดอย่างนี้มาตลอดทางเลยค่ะ
คงจะขวัญเสียที่เห็นเพื่อนตัวเองเป็นอย่างนั้นไป
คือตอนที่ครูเห็นเขาตอนแรกนี่คือเลือดเต็มหน้าเอิ้นไปหมดเลยนะคะ”
“ตายแล้ว!!”คุณนายพรพรรณหน้าเสียอุทานออกมาด้วยความตกใจทันที
“แล้วตอนนี้เอิ้นเป็นยังไงบ้างคะ”
ถามครูกลับด้วยความรู้สึกเป็นห่วงเอิ้นขึ้นมาจริงๆซะแล้ว
“ก็ตอนนี้
เอิ้นก็อยู่ในห้องฉุกเฉินอยู่ค่ะ
หมอกำลังทำแผลให้อยู่
ดีที่แกได้สติตื่นขึ้นมาก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาลก็เลยไม่น่าห่วงเรื่องการกระทบกระเทือนของสมองแต่ถึงยังไงคุณหมอก็คงต้องเช็คทั้งหมดอีกทีเพื่อความปลอดภัยของเอิ้นเค้าน่ะค่ะ”
แม่พะแพงถอนหายใจโล่งอก
“เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย
นี่ถ้าหนูเอิ้นเป็นอะไรไปล่ะก็แม่คงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ๆ”
คุณครูยิ้มให้แม่ก่อนจะหันมามองพะแพงที่ยังคงร้องไห้และโทษตัวเองไม่หาย
“แต่..ถึงยังไงเอิ้นเขาก็เจ็บตัวเพราะหนูอยู่ดี
แล้วถ้าไม่มีเอิ้นมาช่วยไว้ตอนนี้จริงๆหนูคงนอนอยู่ในห้องนั้นแทนแล้ว
และดีไม่ดีมันอาจจะหนักกว่าที่เอิ้นเป็นตอนนี้เสียอีก”
พะแพงทั้งพูดทั้งร้องไห้
“พะแพง..”
“จริงๆนะคะแม่
ตอนที่หนูลุกขึ้นมาดูกระถางมันตกลงตำแหน่งที่หนูอยู่พอดีด้วยซ้ำ
นี่หนูยังคิดเลยว่าถ้าหนูโชคร้ายมากๆบางทีหนูอาจจะตายไปแล้วก็ได้”
“พะแพง
ไม่เอาน่าอย่าพูดอย่างนั้นสิลูก”
คุณนายพรพรรณพยายามปลอบโยนอาการตื่นกลัวของลูกสาว
เมื่อเห็นว่าหล่อนทั้งพูดทั้งร้องไห้และร่างกายของหล่อนก็ยังสั่นตลอด
ทำให้เธอพอจะรับรู้ได้ว่าเหตุการณ์ที่หล่อนเจอนั้นคงจะน่ากลัวมากอยู่และหล่อนก็คงจะขวัญเสียเอาเรื่องอยู่
และนั่นก็ทำให้คุณนายพรพรรณอดคิดตามพะแพงไม่ได้ว่าหากไม่ได้เอิ้นแล้ว
ไม่แน่ว่าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเธออาจจะไม่อยู่รอดปลอดภัยมายืนกอดเธอได้อย่างนี้แน่ๆ
นั่นเลยทำให้คุณนายพรพรรณถึงกับเดินไปกำชับคุณหมอเจ้าของไข้ให้ดูแลเอิ้นให้ดี
และค่าใช้จ่ายต่างๆเธอจะดูแลให้เองเพราะเธอก็เริ่มเป็นห่วงและมีความรู้สึกที่ดีกับเพื่อนลูกสาวคนนี้เพิ่มมากขึ้นหลังจากที่ก่อนหน้านั้นพากันตั้งแง่กับสามีของตัวเองว่าเด็กคนนี้คงเป็นเด็กมีปัญหา
และนำพาเอาปัญหาเหล่านั้นมาสู่ลูกสาวตัวเองอย่างที่ทั้งสองเป็นข่าวคู่จิ้นบ้าๆบอๆอย่างนั้นแน่ๆ
เอาเถอะ
อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็กล้าเสี่ยงตายช่วยลูกสาวเธอนะ
คงไม่มีเด็กบ้าที่ไหนกล้าเอาตัวเข้าเสี่ยงช่วยเพื่อนตัวเองขนาดนี้หรอก
ถ้าเด็กคนนั้นเขาไม่หวังดีกับเพื่อนคนนั้นจริงๆน่ะ..
--<><><><>--
พลโทพนัสพ่อของพะแพงเดินตรงเข้ามาในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลด้วยท่าทางรีบร้อนกระวนกระวาย
เขายกมือรับไหว้ครูประจำชั้นของพะแพงและหมอเจ้าของไข้ของเอิ้นที่ยืนอยู่ด้านข้างเตียงก่อนจะหันไปมองเด็กสาวคนที่นั่งยิ้มแหยๆยกมือไหว้เขาอยู่บนเตียงพยาบาล
โดยที่ด้านข้างเตียงนั้นก็คือลูกสาวสุดที่รักของเขารวมทั้งภรรยาคนสวยที่ยืนประกบข้างๆด้วย..
“เกิดอะไรขึ้นนี่”
ถามทั้งสองด้วยความงุนงง
“พ่อฟังในโทรศัพท์ได้ยินไม่ค่อยถนัด
รู้แต่ว่าพะแพงเข้าโรงพยาบาล
แล้วนี่ทำไม เอ่อ
พะแพงไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ยหรือยังไง”
“ก็ไม่ได้เป็นแต่ก็เกือบจะเป็นแล้วล่ะค่ะ
ถ้าไม่ได้หนูเอิ้นเขาช่วยไว้ก่อนน่ะ..”
เป็นแม่พะแพงที่ตอบเรื่องราวทั้งหมดแทน
ท่านทั้งพูดทั้งยื่นมือไปจับไหล่เอิ้นที่ยิ้มแหยๆอยู่บนเตียงพยาบาลด้วยใบหน้าซีดๆเซียวๆของหล่อน
“มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับทั้งสองคนน่ะค่ะ
คือกระถางมันตกลงมาจากระเบียง
แล้วก็เกือบโดนพะแพงแต่เอิ้นมาช่วยไว้ก่อนแล้วก็เลยเจ็บแทนพะแพงไปด้วย..”
“เอ่อ
ก็ไม่ใช่ว่าเจ็บแทนหรอกค่ะ”
คนที่นั่งอยู่บนเตียงรีบออกตัวแทนพะแพง
“มันเป็นอุบัติเหตุ
หนูแค่พยายามช่วยพะแพงไว้แต่ตัวเองหลบไม่พ้นแค่นั้น
คุณแม่อย่าพูดอย่างนั้นเลยนะคะ
พะแพงจะรู้สึกไม่ดีเปล่าๆค่ะ”ทั้งพูดทั้งหันไปมองเพื่อนสาวของตัวเองที่จนถึงตอนนี้หล่อนก็ยังคงหน้าหมองน้ำตาซึมด้วยความรู้สึกผิดของตัวเองอยู่ตลอด
ดีที่หล่อนเข้ามาเห็นว่าตัวเองปลอดภัยและไม่เป็นอะไรมากแล้วใบหน้าน้ำตานองก่อนหน้านั้นเลยคงเหลือไว้แค่รอยซึมๆของหยดน้ำเท่านั้น
“เรื่องมันเป็นยังไงเนี่ย”
พ่อถามต่อด้วยความเป็นห่วง
“เอ่อ..เดี๋ยวยังไงจะเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกทีนะคะ
เรื่องมันยาวค่ะคุณ
รู้แค่ว่าลูกสาวเราปลอดภัยเพราะหนูเอิ้นช่วยไว้ก็พอแล้ว”
พ่อพะแพงพยักหน้ารับ
ใบหน้าคิ้วขมวดก่อนหน้านั้นก็ค่อยๆคลายออกเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนตอนที่หันมาถามเพื่อนของลูกสาวต่อ
“แล้วหนูเอิ้นเป็นยังไงบ้างลูก”
เด็กสาวยิ้มแหยๆก่อนจะตอบ
“เอ่อ ก็เย็บไปสามเข็มค่ะ
ดีที่มันไม่ตกลงมาโดนตรงๆ
แค่แฉลบไปโดนหัวฝั่งนี้หนูก็เลยไม่เป็นไรมาก
แต่ตอนที่มันตกลงมาโดนก็ตกลงมาแรงอยู่เล่นเอาซะหนูน็อคไปเลยค่ะ”
ทั้งพูดทั้งชี้แผลที่หัวด้านหน้าฝั่งซ้ายที่ตอนนี้มีผ้าก๊อตคล้ายโบผูกผมติดหนึบอยู่ตามรอยเย็บ
“แล้วอาการอย่างอื่นละลูก
หมอได้เช็ดเอ่อ..”
พ่อยกมือขึ้นจับหัวตัวเองเพื่อสื่อความหมายถึงสมอง
“อ่อ
หมอเช็คเบื้องต้นแล้วค่ะ
หนูโอเคค่ะพ่อ ไม่เป็นอะไรค่ะ
พ่อไม่ต้องห่วงนะคะ”
“จริงเหรอ..”
แม้ได้ยินอย่างนั้นแต่พ่อพะแพงก็ยังไม่วายเป็นห่วงอยู่ดี
ด้วยคิดว่าหากเป็นลูกสาวตัวเองเขาก็คงต้องกังวลห่วงนั้นห่วงนี่อยู่ดีตามวิสัยของคนเป็นพ่อ
เออ..จริงสินะ
แล้วพ่อของเอิ้นล่ะ
“แล้วพ่อของของเอิ้นล่ะลูก”
ถามเด็กสาวไปทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าจริงๆแล้วควรจะเห็นเขาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนแรกๆเสียด้วยซ้ำ
เพราะนี่มันก็เย็นมากแล้วและเอิ้นก็ควรจะกลับไปบ้านพักผ่อนได้แล้วเพราะหมอก็ทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เอ่อ
พ่อเขาติดกองถ่ายแฟชั่นอยู่ที่ญี่ปุ่นน่ะค่ะ
วันอาทิตย์ถึงจะได้กลับ
เขาโทรมาถามเห็นว่าหนูปลอดภัยแล้วก็เลยขอตัวไปทำงานต่อก่อน”
“อ้าว
ทำไมทำอย่างนั้นล่ะ ทำไมถึงกล้า..”
“พ่อ!!”
พะแพงรีบขยิบตาห้ามพ่อทันทีที่เห็นว่าพ่อกำลังจะบ่นเรื่องพ่อของเอิ้นต่อหน้าลูกสาวเขาอีกแล้ว
ซึ่งนั่นก็ทำให้พ่อเข้าใจความหมายก่อนจะรีบกระแอมเปลี่ยนท่าทีเชิงตำหนิคนเป็นพ่อก่อนหน้านั้นหันมาห่วงใยลูกสาวเขาที่มีบุญคุณต่อลูกตัวเองน่าจะดีกว่า
“เอ่อ..แล้วนี่เอิ้นก็ต้องอยู่บ้านคนเดียวจนกว่าพ่อจะกลับใช่มั้ย”
“ค่ะ
ใช่ค่ะ..”
พลโทพนัสมองเพื่อนลูกสาวตัวเองตอบกลับด้วยสีหน้าซีดๆเซียวๆของหล่อนแล้วก็ยิ่งนึกสงสารเข้าไปใหญ่
ถึงแม้ว่าเด็กคนนี้จะมีข่าวคราวเสียๆหายๆกับลูกสาวตัวเองยังไง
แต่ถ้าคิดในหลักมนุษยธรรมและหัวใจความเป็นพ่อคนที่ดีที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในตัวเขาแล้ว
เหตุใดเขาจะกล้าปล่อยเด็กสาวที่ก็เหมือนลูกสาวอีกคนทิ้งไว้คนเดียวอย่างนั้นกันเล่า..
“เฮ้อ
วันนี้วันศุกร์
อีกตั้งสองวันแหนะกว่าพ่อเราจะมา
ไม่เอาหรอกพ่อไม่ปล่อยให้หนูอยู่คนเดียวในวันที่หนูไม่สบายอย่างนี้หรอก
เอางี้ดีกว่าไปอยู่กับพ่อกับพะแพงที่บ้านดีกว่านะ
เดี๋ยวพ่อจะให้พะแพงเค้าช่วยดูแลหนูเอง”
--<><><><>--
“พี่เอิ้นเอาผัดผักมั้ยครับ”
เสียงกระตือรือร้นของพะเพื่อนน้องชายตัวแสบของพะแพงดังขึ้นบนโต๊ะอาหารในมื้อเย็นของวันหลังจากที่ทุกคนเดินทางกลับมาจากโรงพยาบาลแล้ว
ตอนนี้ด้านหน้าเขามีกับข้าวหลากหลายชนิดวางเรียงรายกระจายอยู่บนโต๊ะไม้สักขนาดใหญ่
โดยที่หัวโต๊ะมีพ่อนั่งกำกับส่วนแม่ก็นั่งในลำดับถัดมา
และต่อหน้าเขาก็มีพี่สาวสุดสวยที่นั่งอยู่ข้างๆรุ่นพี่สาวแสนสวยที่เขาแอบปลื้มจนถึงกับเก็บอาการตื่นเต้นไม่ไหวในตอนที่พยามชวนหล่อนคุยด้วยอย่างนี้..
“เอ่อ
ผมหมายถึงผัดผักรวมมิตรนี่น่ะครับ”
เอิ้นยิ้มรับหนุ่มน้อยคิ้วเข้มหน้าเรียวยาวในชุดลำลองแสนเท่
คนที่นั่งอยู่ที่นั่งต่อหน้าอย่างมีมารยาท
ก่อนจะพยักหน้ารับเขาด้วยความเกรงใจ
“เอ่อก็ได้จ๊ะ”
และเมื่อเห็นว่ารุ่นพี่สาวแสนสวยที่เขาปลื้มแสนปลื้มไม่ปฏิเสธอะไรแล้วเขาก็รีบทำการเซอร์วิสหล่อนด้วยการตักผัดผักรวมมิตรต่อหน้าเสริฟให้หล่อนพร้อมๆรอยยิ้มหวานเยิ้มของเขาทันที
“นี่นะครับ
เป็นของขึ้นชื่อของแม่ผมเลยครับพี่
ใครมาที่บ้านแม่จะต้องทำเมนูนี้ไว้ให้ทานโดยเฉพาะเลยเพราะแม่ทำอร่อยมากและผมกับพี่พะแพงก็ชอบมากๆด้วย”
“อ่อ
จ๊ะ”
“จริงๆนะครับ
แล้วก็นี่ครับ
ผมอยากให้พี่เอิ้นชิมแกงเลียงนี่ด้วย”
ทั้งพูดทั้งตักแกงเลียงด้านข้างเสิร์ฟคนตรงหน้าต่อ
“นี่ก็อร่อยมาก แม่ผมก็ชอบทำ
แต่คนที่ทำอร่อยจริงๆคือพี่พะแพงครับ..”
ยักคิ้วเล็กๆในตอนที่หนุ่มน้อยตักแกงเลียงเสริฟให้เธอแล้ว
“พะแพงนี่นะ?”
หันไปเหล่มองหล่อนที่นั่งตัวตรงดิ่งอยู่ข้างๆโต๊ะตัวเอง
“ใช่ครับ
พี่พะแพงก็ทำกับข้าวอร่อยครับ”
“อ้าว
ไม่ยักกะรู้ว่าทำกับข้าวเป็นด้วย”
หันไปยิ้มน้อยถามหล่อนทันที
“ก็ไม่ได้บอก
และก็ไม่รู้จะบอกทำไมด้วยในเมื่อไปโรงเรียนก็ซื้อข้าวกินทุกวันอยู่แล้วนี่”
คนตอบตอบด้วยท่าทางเก๊กๆเกร็งๆของหล่อนต่อ
ในเมื่อตอนนี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆปีที่เธอและเพื่อนสาวได้กลับมานั่งทานข้าวร่วมกันในบ้านอีกครั้งหลังจากที่พักหลังมีข่าวเรื่องคู่จิ้นหลุดออกมาแล้วทางบ้านเธอไม่ค่อยปลื้มใจกับข่าวนั้นเท่าไหร่ทำให้ทั้งสองจำเป็นต้องเลี่ยงการมาหาอยู่ที่บ้านเพื่อความสบายใจของพ่อแม่เธอ
“แล้วพี่เอิ้นทำกับข้าวเก่งหรือเปล่าครับ”
เสียงหนุ่มน้อยเรียกความสนใจจากเอิ้นอีกครั้ง
“เอ่อ..พี่ไม่เคยทำกับข้าวจ๊ะ
อยู่บ้านก็ซื้อกินตลอดหรือไม่ก็พ่อพาไปทานข้างนอกน่ะ
แต่ก็นานๆครั้งค่ะ
เพราะพ่อก็ไม่ค่อยกลับบ้านด้วย”
“อ้าวเหรอครับ
งั้นมาทานที่นี่ก็ได้นะครับ
ทั้งแม่ทั้งพี่พะแพงทำกับข้าวตลอดถึงจะมีแม่บ้านแต่แม่ก็ชอบที่จะทำเองแถมบางวันพี่พะแพงยัง..”
“เพื่อน!
นี่โม้เกินไปป่ะ
ชวนพี่เขาคุยอยู่ตลอดพี่ยังไม่เห็นว่าเขาจะตักข้าวขึ้นมาเคี้ยวเลย
จะตักตอนไหนแกก็ชวนเค้าคุยอยู่เนี่ย”
เป็นพี่สาวที่พูดแทรกน้องชายเมื่อเห็นว่าเรื่องนี่น่าจะยาวและคนฟังก็คงจะไม่ได้ทานจริงๆจังๆสักทีหากขืนยังมาตอบรับงึกๆงักๆอยู่อย่างนี้
“ปล่อยให้พี่เขากินไปเหอะ
แล้วแกอ่ะก็กินแล้วไม่ใช่เหรอข้าวเย็น
นี่ก็อาบน้ำแล้วแท้ๆแต่ยังลงมากินด้วยอีก
หวังอะไรหรือเปล่านี่”
“หวังอะไร?
เปล๊าา”
เสียงสูงหน้าตี่นทันทีที่เห็นพี่สาวจับไต๋ได้
“เปล่า?
แต่หน้านี่เนียนมาเชียว
ผมก็เช็ตมา น้ำหอมนี่ก็หอมฟุ้ง
หึ..
ทำตัวมีพิรุธอย่างนี้ทำไมคนอื่นจะดูไม่ออก”
“ก็..”
เลิ่กลั่กมองหน้าพ่อกับแม่ที่มองตามคำทักท้วงของพะแพงอยู่ครู่หนึ่งก็แกล้งกลบเกลื่อนอาการเขินด้วยการเถียงพี่สาวด้วยน้ำเสียงห้วนๆของเขา
“อะไรกันพี่แพง!
ก็นี่ชุดนอนปกติของผมไง
ทำไมอ่ะก็ผมก็แต่งตัวอย่างนี้ทุกๆวันนี่นา
แล้วก็ผมเห็นว่านานๆพี่เอิ้นจะมาทานข้าวเย็นด้วยก็เลยลงมาทานด้วยอีก
ทำไมต้องแขวะผมด้วย
อ่อ!นี่หวงพี่เอิ้นใช่มะ!”คนโดนพาดพิงได้ยินถึงกับแอบอมยิ้มทันที
“เพื่อน!!”
“หรือไม่จริง!!”
“อาๆ
หยุดๆๆพอได้แล้ว
ทุกวี่ทุกวันเลยลูกบ้านนี่
ทะเลาะกันทุกวัน
นี่ขนาดอยู่ต่อหน้าคนอื่นยังหาเรื่องมาเถียงกันได้อีกเหลือเชื่อจริงๆ”เป็นพ่อที่ใช้วิชาทหารเข้าห้ามศึกลูกทั้งสองอีกก่อนจะหันมามองเอิ้นที่นั่งอมยิ้มมองพะแพงที่กำลังตาเหลือกมองค้อนน้องชายอย่างขำๆ
“เอิ้นก็ทานข้าวซะเถอะนะ
สงสัยเจ้าเพื่อนตื่นเต้นน่ะปกติไม่ค่อยอาบน้ำเท่าไหร่นะแต่วันนี้อาบน้ำแต่หัววันเลยแสดงว่าอยากต้อนรับพี่เอิ้นจริงๆ”
ยังมีแซวลูกชายอีก
“พ่อ!!”
“เออน่าแกก็รีบๆทานรีบๆไปพักผ่อนได้แล้วเพื่อน
พ่อเห็นแกเอาแต่ชวนพี่เขาคุยจริงๆอย่างที่พี่แพงเขาทักนั่นล่ะ
ปล่อยให้พี่เขาทานๆซะพี่เขาจะได้เข้าไปพักผ่อนกับพี่แพง
เข้าใจมั้ย”
หันมายักคิ้วให้พะแพงที่หน้าแดงตัวแข็งทื่อทันทีที่ได้ยินพ่อบอกอย่างนั้น
และนั่นเลยทำให้เธอได้แต่ก้มหน้าก้มตาทานข้าวเพราะกลัวพ่อกับแม่จะจับพิรุธอะไรได้
ซึ่งตรงกันข้ามกับอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆที่ได้แต่ยิ้มหวานมองทั้งพ่อทั้งแม่และพะแพงกับน้องชายด้วยความดีใจที่ในวันนี้เธอสามารถเข้ามานั่งทานข้าวพร้อมกับครอบครัวของเพื่อนสนิทที่เธอโหยหาและคิดถึงตลอดเวลาได้อย่างตอนเด็กๆอีกครั้งแล้ว..
--<><><><>--
“เอากระเป๋ามานี่เดี๋ยวเค้าเอาไปเก็บให้”
เสียงอายๆของพะแพงดังขึ้นหลังจากที่เปิดประตูห้องนอนตัวเองแล้วเห็นเพื่อนสาวของตัวเองกำลังยืนเก้ๆกังๆกับกระเป๋าเป้ที่อยู่บนหลังของหล่อน
เธอยื่นมือไปดึงกระเป๋าออกจากไหล่ช่วยหล่อนแล้วรีบเดินเอากระเป๋าไปเก็บให้
ส่วนอีกคนได้แต่เดินมองซ้ายมองขวาในห้องด้วยความคิดถึงเนื่องจากเป็นเวลานานมากแล้วที่เธอไม่ได้เข้ามาอยู่ในห้องนอนหล่อนเลย
แม้ในอดีตทั้งสองจะไปๆมาๆและเคยเข้ามาหากันถึงในห้องยังไง
แต่พอมีข่าวคราวของพวกเธอที่ทำให้พ่อแม่ไม่สบายใจแล้ว
เอิ้นก็เลือกที่จะไม่พยายามมาเข้าใกล้พะแพงอย่างสนิทชิดเชื้อเหมือนเมื่อก่อนอีกเลยแม้ทั้งสองจะอยากกลับมาเจอกันในห้องนี้อย่างในอดีตแค่ไหนก็ตาม
“จะอาบน้ำตอนนี้เลยมั้ย
เดี๋ยวไปเตรียมน้ำอุ่นให้”
เสียงพะแพงดังเรียกสติของเอิ้นอีกครั้ง
“เอ่อ..พึ่งกินข้าวอิ่มเมื่อกี้เอง
จะให้อาบเลยเหรอ”
“ก็..คิดว่าน่าจะไม่สบายตัวเห็นตอนนั้นเลือดเลอะตัวไปหมดเลยนี่”
คนตอบยิ้มแหยๆแก้เขินในขณะที่ทักท้วงไปถึงช่วงที่เอิ้นยังใส่เสื้อตัวเก่าที่เลือดเปอะเสื้อและเปอะตัวไปหมด
และถึงแม้ตอนนี้หล่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดลำลองแล้วยังไงแต่พะแพงก็คิดว่าหล่อนน่าจะยังไม่สบายตัวเหมือนเดิมเพราะยังไม่ได้อาบน้ำเลย
“เอ่อ..เอาไว้อีกซักพักดีกว่า
ขอนั่งย่อยก่อนแล้วกัน”
“อืม..งั้นก็ตามใจ”พยักหน้ารับหล่อนก่อนจะเดินไปเดินมาในห้อง
ในขณะที่คนเจ็บเดินไปนั่งแผละอยู่กับเตียงนอนพะแพงแทน
จนเจ้าของเตียงยังแอบสะดุ้งตกใจเมื่อดันไปนึกถึงภาพหล่อนบนเตียงเมื่อวันก่อนเข้า
ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้คิดอะไรทำนองนั้นสักหน่อย
ตอนนี้เมื่อสติสตังไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวพะแพงเลยได้แต่เดินไปหยิบนั่นหยิบนี่ขึ้นมาโชว์แขกผู้มาเยือนแก้เขินไป..
“เอ่อ..นี่รูปของพวกเราตอนไปทัศนศึกษาที่เมืองโบราณ
ดูมั้ย”
“หืม..ไม่อ่ะดูหมดแล้ว
ของเค้าก็ล้างอัลบั้มนี้เก็บไว้อยู่เหมือนกันไงจำไม่ได้เหรอ”
“อ๋อ
ใช่สินะลืมๆ”
ยิ้มแหยๆอีกครั้งก่อนจะหันไปหยิบหนังสือเรียนในกระเป๋าขึ้นมาอีก
“งั้นทำการบ้านกันมั้ย
ฟิสิกส์ของอาจารย์อรทัยอ่ะเอิ้นได้เอามาหรือเปล่า”
“ไม่ได้เอามา
แล้วก็ยังไม่อยากทำตอนนี้ด้วย
ปวดหัว”ชี้มือไปที่แผลที่หัวตัวเอง
“อุ้ย
ลืม
งั้น..ดูหนังมั้ย..”หยิบรีโมททีวีขึ้นมาเตรียมจะเปิดให้หล่อนดู
“ไม่อ่ะ..ตอนนี้ยังไม่อยากดู..”
“ไม่เหรอ
เฮอะๆ..”
ความเงียบกลับมาในห้องอีกครั้งจนพะแพงต้องแกล้งหัวเราะแห้งๆกลบเกลื่อนไป
ให้ตายเถอะพออยู่กันตามลำพังทีไรความอึดอัดประหลาดๆและไม่เป็นตัวของตัวเองนี่จะโผล่เข้ามากวนใจตลอดเลยแฮะ
“พะแพงเป็นอะไรหรือเปล่า
เหมือนอยากจะพูดอะไรนะ..”
“เอ่อ..”ยิ้มแหยๆแก้เขินทันทีที่เห็นว่าคนเจ็บจับอาการแปลกๆได้
นั่นเลยทำให้พะแพงเดินเก้ๆกังๆเข้าไปยืนใกล้ๆหล่อนที่เตียงนอน
พยายามทำใจดีสู้เสือด้วยคิดว่าถึงยังไงๆคนตาหวานที่สองวันก่อนแอบปล้นสวาทเธอไป
ในวันนี้หล่อนกลายเป็นเสือไร้เขี้ยวเล็บและบาดเจ็บขนาดนี้แล้วคงไม่มีแรงทำอะไรเธอแล้วล่ะ
และที่สำคัญก็มีบางเรื่องที่เธออยากบอกหล่อนมากเหลือเกินตอนที่หล่อนหมดสติไป
และคิดว่าหากหล่อนเป็นอะไรไปและเธอไม่มีโอกาสได้บอกหล่อนไปเพราะเหตุการณ์นี้เธอคงเสียใจและไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิตแน่ๆ..
“เอ่อ..คือ..ขอบคุณนะที่ช่วยเค้า..”
คนที่นั่งอยู่บนเตียงอมยิ้มทันที
“นึกว่าจะ ไม่พูดซะแล้ว..”
แอบเหล่ตามองค้อนคนแซว“เห็นเป็นคนใจดำขนาดนั้นเลยรึไง”
“ก็ไม่อยากจะคิดว่าใจดำหรอกนะ
ถ้าพะแพงไม่ทำนิสัยปิดเครื่องหนีเค้าบ่อยๆอย่างนั้นน่ะ
นี่รู้มั้ยว่าพะแพงใจดำกับเค้าขนาดไหนเอะอะก็เดินหนีๆ
มีอะไรก็หนีหน้าเค้า จนเค้า..
”
“เลิกพูดเถอะนะ”
รีบตัดบทเอิ้นทันที “เค้าขอโทษ
ขอโทษจริงๆ
ขอโทษที่งี่เง่าจนเกิดเรื่องอย่างเมื่อตอนเที่ยงขึ้นมาจนได้
ครั้งนี้เค้ารู้สึกผิดจริงๆที่ทุกอย่างมันลงเอยอย่างนี้น่ะ..”
คนที่นั่งฟังอยู่ถึงกับหยุดชะงักเมื่อเห็นสีหน้ารู้สึกผิดของพะแพงในตอนที่หลุดพรั่งพรูความในใจออกมา
จากที่กำลังจะต่อว่าก็เลยได้แต่พยักหน้ารับคำขอโทษซ้ำๆของหล่อนไปแทน
“เจ็บมากมั้ย..เค้าขอโทษจริงๆนะขอโทษที่ทำให้เอิ้นต้องเจ็บตัวแทนเค้าอย่างนี้น่ะ
ถ้าเอิ้นเกิดเป็นอะไรขึ้นมาที่มันแย่กว่านี้เค้าคงไม่ให้อภัยตัวเองแน่ๆ”
“ช่างมันเถอะ
เค้าก็ไม่เป็นไรแล้วไง”ทั้งพูดทั้งยื่นมือไปจับมือพะแพงปลอบใจไป
“ก็แค่มีโบว์โง่ๆติดอยู่ที่หัวตลอด
ก็ตลกดี..”
พูดปลอบใจตัวเองบ้าง
“ตลกที่ไหน
น่ารักดีออก
คนสวยทำอะไรก็สวยเหมือนเดิมนั่นแหละ..”
“หื้มม..คนสวย??!!
” ถึงกลับต้องถามย้ำทันที
“อืม..สวย”
ขานรับด้วยสีหน้าจริงจัง
แม้ใบหน้าสวยของพะแพงตอนนี้จะเริ่มแดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆก็ตาม
“โฮะ!
ตัวจริงป่ะนี่
ร้อยวันพันปีไม่เห็นชมกันเลย
หรือนี่ก็โดนกระถางทุบหัวเหมือนกันใช่ป่ะเลยเพี้ยนๆอย่างนี้นี่”
“บ้า..ตัวจริงเสียงจริงและก็ไม่ได้เพี้ยนมีสติครบถ้วนทุกอย่างย่ะ
นี่ชมจริงๆนะ..ไม่ดิ
ก็ไม่ได้ชมสักหน่อยก็พูดเรื่องจริงเรื่องที่เห็นปกติทุกวันอยู่แล้วนี่
ถ้าชมก็แสดงว่าทุกวันไม่สวย
แต่นี่เอิ้นก็สวยทุกวันอยู่แล้ว..”
ชื่นชมอีกคนไปด้วยสีหน้าเรียบๆ
แม้ในใจจะเขินและอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีไปตั้งแต่ที่ชมว่าหล่อนสวยในครั้งแรกแล้วก็ตาม
ทำไงได้พะแพงแค่รู้สึกว่าเธออยากทำให้คนที่ช่วยเหลือเธอรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
เธอแค่อยากพูดให้กำลังใจในการทำดีของหล่อนบ้าง
ไม่อยากให้หล่อนรู้สึกแย่ว่าหล่อนช่วยคนที่ไม่ได้สนใจและซึ้งในน้ำใจหล่อนเลย
และที่สำคัญสิ่งที่พะแพงชื่นชมให้กำลังใจเอิ้นไปนั้นก็เป็นความจริงและเธอก็ไม่ได้โกหกอะไร
เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอคิดไว้ในใจตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาแค่ไม่ได้บอกหล่อนออกมาตรงๆต่อหน้าเท่านั้นเอง..
และหน้าตายของพะแพงในตอนชื่นชมอย่างนี้ก็เล่นเอาเอิ้นหลุดยิ้มกว้างออกมาทันที
ด้วยทั้งเขินทั้งดีใจไม่คิดว่าอยู่ๆจะได้ยินคำหวานจากคนขี้เก๊กอย่างพะแพงออกมาได้
เธออ้าอ้อมแขนออกโอบตัวคนที่ยืนเก้ๆกังๆข้างเตียงเข้ามาสวมกอดไว้ก่อนจะเอนหัวไปหนุนเอวคนสวยที่ยืนยิ้มหน้าแดงแล้วแดงอีกเมื่อเห็นอีกคนแสดงท่าทางดีใจเหมือนเด็กน้อยอย่างนั้น..
“อย่าหนีเค้าไปไหนอีกนะ..”
เสียงจากคนที่ซบหน้าหนุนเอวของพะแพงดังขึ้น
นั่นเลยทำให้พะแพงขานรับหล่อนเบาๆว่า
“อืม..”
“สัญญาได้มั้ย..ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรกัน
โกรธกันยังไงก็ต้องคุยกันก่อน
อย่าเดินหนีเค้าไปอย่างนี้อีก
บอกเค้าดีๆได้มั้ยว่าพะแพงโกรธเค้าเรื่องอะไร
ถ้าเค้าอธิบายได้เค้าจะอธิบายให้ฟัง
อย่าหนี
อย่าหลบหน้าอย่าหายไปเพราะเค้าไม่รู้ว่าเค้าจะตามหาพะแพงได้จากที่ไหน
และเค้าก็ไม่รู้ว่าเค้าจะง้อพะแพงให้หายโกรธเค้าได้ยังไงด้วย”
“อืม..”
“รู้มั้ยว่าเค้าไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลยนะถ้าพะแพงโกรธให้เค้า
เค้าเหนื่อยมากๆเลยที่วันๆเอาแต่คิดถึงแต่เรื่องที่ว่าทำยังไงพะแพงถึงจะหายโกรธเค้าได้น่ะ”
“งั้นก็ขอโทษแล้วกันที่ทำให้ไม่สบายใจและเหนื่อยขนาดนั้นน่ะ..”
แอบมีน้ำเสียงตัดพ้อดังแทรกขึ้นก่อนที่เอิ้นจะพูดจบ
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะพะแพง
เฮ้อ..
เราสองคนอยู่ด้วยกันมาขนาดนี้แล้วพะแพงยังดูไม่ออกอีกเหรอว่าทำไมเค้าถึงจะต้องตามง้อและคิดถึงแต่เรื่องของพะแพงขนาดนี้
นี่ยังไม่เข้าใจถึงคำพูดที่ว่าคิดถึงแต่เรื่องพะแพงอีกเหรอ
ฟังนะเค้าไม่ใช่คนที่ชอบยอมใครง่ายๆขนาดนั้นพะแพงก็รู้
แต่เค้าก็ยอมให้พะแพงคนเดียวมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันมาจนกระทั่งวันนี้
คิดว่าเค้ายอมให้พะแพงทำไมถ้าเค้าไม่..”
“ไม่อะไร..”
ไม่มีเสียงตอบจากอีกคน
มีเพียงมือของหล่อนข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกที่ยื่นไปดึงใบหน้าของพะแพงให้ก้มลงมารับจูบดื่มด่ำของหล่อนต่อจากนั้น
และเนิ่นนานสำหรับจูบแทนคำตอบจากเอิ้นที่มอบให้กับคนช่างสงสัยจะหยุดลงไปเมื่อเธอปล่อยให้หล่อนได้แต่นั่งอึ้งจ้องมองใบหน้าเศร้าๆแปลกๆของเธอหลังจากนั้นไปแทน..
“เค้าว่าเค้ารู้ใจพะแพงนะว่าพะแพงคิดอะไร
แต่พะแพงกลับไม่รู้ใจเค้าเลย..”
--<><><><>--
“เตรียมน้ำอุ่นในอ่างให้แล้ว
เอิ้นอาบได้เลยนะ”
เสียงของพะแพงในชุดคลุมอาบน้ำดังขึ้นในขณะที่กำลังเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ
คนโดนเรียกหันหน้าไปมองพะแพงในขณะที่หูยังแนบกับโทรศัพท์
เธอขานรับหล่อนเบาๆว่าอืมๆ
ก่อนจะหันกลับไปคุยกับในสายที่ปลายทางเป็นตากล้องรูปหล่อที่ยังดูหนุ่มอยู่แม้อายุจะปาไปสี่สิบปีแล้วก็ตาม
“ค่ะ
พ่อ ค่ะ..เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูก็คงจะกลับเข้าบ้านแล้วล่ะค่ะ
ค่ะ ก็เดี๋ยวไงพรุ่งนี้พ่อค่อยโทรหาหนูอีกทีก็ได้
ค่ะ แค่นี้นะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
บอกลาคนในสายไปก่อนจะก้มดูเวลาที่หน้าจอ
นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่พ่อเธอใช้เวลาคุยโทรศัพท์กับเธอได้เป็นชั่วโมงๆหลังจากที่ผ่านมาเต็มที่แค่ห้านาทีก็ทะเลาะกันแล้ว
นี่ถ้าเธอไม่ประสบอุบัติเหตุก็คงไม่รู้ว่าพ่อจอมเย็นชาของเธอจะแอบห่วงเธออยู่เหมือนกัน
เพราะตั้งแต่ที่เขาโทรเข้ามาหาเอิ้นในช่วงที่เอิ้นกับพะแพงกำลังนั่งมองหน้ากันหลังจากที่ละจูบดูดดื่มออกมาได้
เขาก็เอาแต่ถามนั่นถามนี่กับเอิ้นตลอด
ทั้งเรื่องที่ว่าทำไมกระถางถึงตกลงมาโดนตัวเธอได้
และทำไมเธอต้องเอาตัวไปช่วยพะแพงแทนอย่างนั้นด้วย
และเพื่อความสบายใจของตัวเองและพะแพง
ด้วยกลัวว่าหากพะแพงจะมารู้เรื่องที่พ่อเธอเป็นห่วงทีหลังแล้วหล่อนอาจจะไม่สบายใจก็ได้
เธอเลยตอบเลี่ยงๆไปว่าก็ไม่มีอะไรมากแค่เดินไปพร้อมๆกันแล้วเธอแค่ซวยกว่าพะแพงเท่านั้นเอง
กระถางมันเลยตกลงมันโดนเธอแค่คนเดียวและเธอก็ไม่ได้ช่วยอะไรพะแพงเลย
เราต่างคนต่างหลบแค่พะแพงหลบพ้นแต่เธอหลบไม่พ้นแค่นั้น
และด้วยเหตุผลแค่นั้นก็ทำให้พ่อของเธอสบายใจขึ้นเลยได้โอกาสถามไถ่ถึงข่าวคราวของพะแพงที่ในขณะนั้นหล่อนขอตัวไปอาบน้ำพอดี
หล่อนก็เลยไม่ได้รับสายของพ่อเอิ้นที่ขอสายคุยกับหล่อนเพื่อจะขอบใจแทนลูกสาวเขาในตอนนั้น
จนกระทั่งหล่อนอาบน้ำแล้วเสร็จและพ่อก็วางสายจากเอิ้นไปในตอนนี้พอดี...
เป็นการแคล้วคลาดที่น่าจะทำให้พะแพงรู้สึกดีก็ได้หากไม่ได้คุยกับพ่อของเธอในตอนนี้
นั่นคือสิ่งที่เอิ้นคิดในขณะที่วางโทรศัพท์ของตัวเองไว้บนหัวเตียงแล้วหันมาเห็นอีกคนยืนยิ้มแหยๆมองมาที่ตัวเองด้วยท่าทางเขินๆอายๆเข้า...
“อะไร”
ถามหล่อนไปทันทีเมื่อเห็นท่าทางเลิ่กลั่กอย่างนั้น
“เค้าเตรียมน้ำให้แล้ว
ไปอาบเลยนะ”พยายามชี้ชวนให้คนเจ็บเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำเพื่อที่ตัวเองจะได้เปลี่ยนชุดนอนตอนที่รอดพ้นจากสายตาของหล่อนแล้วนั่นเอง
ใช่เซ้!!..
ใครจะกล้าเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าหล่อนในห้องสองต่อสองอย่างนี้กันเล่า
ยังไงๆพะแพงก็ยังรู้สึกอายอยู่เหมือนเดิมแหละ
แม้คนที่ยิ้มน้อยอยู่ต่อหน้าจะเห็นทุกอย่างในตัวเธอซะชัดเจนแจ๋มแจ้งทุกซอกทุกมุมขนาดไหนแล้วก็ตาม..
“เตรียมแต่น้ำให้แค่นั้นเหรอ
ทำไมไม่เตรียมคนด้วยล่ะ”
“อะไร้!”
หน้าตื่นทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น
“อะไรคือเตรียมคน”
“ก็..”คนตอบยิ้มน้อยน่าตามีพิรุธ
ในขณะที่ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินย่างสามขุมมาหาพะแพงต่อ
ส่วนมือไม้ก็ทำเป็นจับเนื้อจับตัวรวมทั้งหัวของตัวเองในตอนที่เดินเข้ามาหยุดต่อหน้าพะแพงแล้ว
“..เห็นมั้ยว่าเค้าไม่สบายอยู่นี่
แทนที่พะแพงจะไล่เค้าไปอาบน้ำ
พะแพงน่าจะเช็ดตัวให้เค้าหรือไม่ก็ช่วยเค้าอาบน้ำดีกว่านะ”
“บ้าดิ
ทำไมต้องช่วยอาบน้ำด้วยล่ะ”
“ก็เห็นมั้ยล่ะว่าเค้าอาบไม่ถนัดน่ะ”
ยกมือข้างที่ใส่เฝือกขึ้นมาโชว์หล่อน
“อ้าว!แล้วแต่ก่อนอาบยังไงล่ะ”
“อ่ะ!
นี่จะไม่ดูแลใช่มั้ย
ไหนสัญญาว่าจะเป็นเด็กดีจะดูแลเค้าแล้วไง”
ขึ้นเสียงทันทีที่เห็นอีกคนโยกโย้
สัญญาตอนไหนวะ??..นั่นคือสิ่งที่เจ้าของห้องคิดในขณะที่มองใบหน้าสำอิดสำออยของเอิ้นด้วยความงงแสนงง
ก็ไอ้ตอนที่ทำสัญญาก็สัญญาแค่ว่าจะไม่หนีเวลาที่ทะเลาะกันเท่านั้นนี่หว่า
แล้วนี่มันมีสัญญาข้อนี้แนบท้ายมาด้วยตั้งแต่ตอนไหนว้าาา..
“นี่ไง!
นอกจากจะไม่เข้าใจความรู้สึกเค้าแล้วยังจะไม่อยากดูแลเค้าด้วยใช่มั้ย
นี่แค่เค้าไม่สบายแค่นี้พะแพงก็ยังดูแลเค้าไม่ได้นับประสาอะไรกับ..”
“เดี๋ยวๆหยุดๆ”
รีบพูดตัดบทหล่อน
“ไม่ต้องดราม่าได้มั้ย
เค้าแค่..แค่..แค่ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงเท่านั้นเอง
คือ..แบบว่าก็..เอิ้นก็เข้าไปอาบเองสิ
จะให้เค้าเข้าไปด้วยงั้นเหรอ..”พยายามอธิบายไปด้วยความลำบากใจเมื่อนึกถึงบางเรื่องที่ตะขิดตะขวงใจเหลือเกิน
“อืม..ใช่”
คนต่อหน้าก็พยักหน้าสวยๆของหล่อนรับ
แววตาใสซื่อไร้เดียงสาสุดๆ
“เฮ้ย..ไปอาบด้วยแล้ว
เดี๋ยวก็แบบ แบบนั้นอีกอะดิ”
“ก็ใช่ไง”หลุดยิ้มออกมาจากใบหน้าที่แกล้งใสซื่อก่อนหน้านั้นทันที
“นี่!
มาอยู่ด้วยซะขนาดนี้แล้วคิดว่าจะไม่โดนเหรอ
ถึงจะไม่โดนตอนเข้าไปอาบน้ำด้วยกันตอนนี้
เดี๋ยวออกมาก็โดนอยู่ดี
ทำไมต้องอายด้วยอ่ะ
นี่ยังไม่ชินอีกเหรอ”
“หืออออ”
คนโดนถามส่ายหน้าเป็นระวิงทันที
“ไม่ชินอ่ะ”
“งั้นก็รีบๆชินเพราะต่อไปนี้เราจะอยู่อย่างนี้ด้วยกันตลอด”
คนบอกไม่พูดเปล่าเพราะเธอใช้มือข้างเดียวของเธอพยายามถอดเสื้อผ้าของตัวเองทั้งหมดออกด้วย
นั่นเลยทำให้พะแพงกลายเป็นเลิ่กลั่กไปกันใหญ่
ได้แต่หันซ้ายหันขวาหนีคนต่อหน้าที่ตอนนี้กลายเป็นเปลื้องผ้าล่อนจ้อนไปเสียแล้ว
“หันหนีทำไม!
หันมามองสิ!
ไหนบอกว่าเค้าสวยไง
ไม่ชอบเหรอ”
ชะงักเล็กๆเมื่อได้ยินเอิ้นบอกอย่างนั้น
“เปล่า..”
ตอบหล่อนไปทั้งๆที่ยังหันหน้าหนีเหมือนเดิมนั่นล่ะ
“งั้นก็หันมาสิ!
ไม่งั้นเค้าจะคิดว่าพะแพงรังเกียจเค้านะ
พะแพงรังเกียจที่เค้าไม่สวยเท่าพะแพงใช่มั้ยถึงไม่อยากมอง
เค้าไม่..”
“ไม่ใช่!!
ใครว่าเอิ้นไม่สวยกันเล่า!!”
หันหน้าแดงๆมาหาหล่อนเพื่อที่จะเถียงจนได้
“งั้นก็มองสิ!
มองให้เต็มตา!
เลิกฝืนใจตัวเองซักที
ยิ่งพะแพงทำอย่างนี้เค้ายิ่งรู้สึกไม่ดีรู้มั้ย”
น้ำเสียงน้อยใจหลุดออกมาจากปากของเอิ้น
นั่นเลยทำให้พะแพงถึงกลับหน้าเสียทันทีที่ได้ยิน
ได้แต่เลิ่กลั่กๆพยายามยามปลอบใจอีกคนด้วยความลำบากใจของตัวเองไป.
“ขอโทษที่ทำให้รู้สึกไม่ดีนะ..เค้าแค่..แค่อาย..”
“อายเหรอ”เอิ้นหัวเราะหึ“ไม่ใช่แค่พะแพงหรอกนะที่อาย
เค้าก็อาย อายมากๆด้วย
อายจนหน้าแทบจะแทรกแผ่นดินแล้วที่ต้องมายืนแก้ผ้าเสนอตัวต่อหน้าคนอื่นอย่างนี้
ยิ่งพะแพงปฏิเสธเค้าก็ยิ่งรู้สึกอาย
นี่เค้าก็ไม่รู้จะหน้าด้านทนอายไปทำไมนะในเมื่อคนต่อหน้าเขาไม่ได้พิศวาสอะไรเค้าเลย”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิ..”ยื่นมือไปจับแก้มหล่อนด้วยความสงสารทันที
“หรือไม่จริง!”
จ้องมองไปที่พะแพงที่ตอนที่นี่ยังคงยืนนิ่งมองตัวเองด้วยสีหน้าหนักใจอยู่
หล่อนยืนครุ่นคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆเลื่อนมือมาปลดเชือกผูกชุดคลุมอาบน้ำของตัวเองออกแล้วปล่อยให้มันร่วงลงไปกองกับพื้น...
แล้วหลังจากนั้นพะแพงก็พาร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองเข้าไปสวมกอดแล้วมอบจุมพิตบดขยี้ริมฝีปากคนสวยต่อหน้าอย่างกับเธอโหยหามันมาตลอด
เป็นจูบร้อนรุ่มที่สลับกับสัมผัสจากอ้อมกอดของวงแขนนุ่มนวลที่เคล้าคลึงไปทั่วร่างกายเมื่อทั้งสองพยายามนำพาตัวเองให้เดินทางเข้าไปสู่อ่างอาบน้ำด้วยความระมัดระวัง
แต่ก็ระวังได้แค่การเดินเข้าไปเท่านั้นเพราะเมื่อถึงอ่างอาบน้ำแล้วตัวของพะแพงก็เซล้มลงไปกองอยู่ในอ่างอาบน้ำก่อน
เลยกลายเป็นเอิ้นคนที่จะอาบได้ลงไปอาบถูเนื้อถูตัวให้เธอแทน
จนพะแพงร้องครวญครางไม่เป็นอันทำอะไรเมื่อเจ้าหล่อนเล่นถูโดนแต่จุดสำคัญๆอย่างกับหล่อนช่ำช่องชำนาญการในการจับในการหาจุดซ่อนเร้น
ที่ไม่ว่าฟองจากครีมอาบน้ำจะเต็มอ่างยังไงเธอก็หาเจออยู่ดี..โอ๊ยคนอะไรเก่งชะมัด..
“อ๊ะ....อ๊าา..อย่า..อย่า
อ๊า..”เสียงร้องไม่เป็นคำดังมาจากใบหน้าเหยเกของพะแพง
ในขณะที่มือของตัวเองพยายามล้วงลงไปในน้ำแล้วจับเอามือเจ้าหล่อนที่กำลังชอนไชแถวใจกลางระหว่างขาเธออยู่
“หยุดๆ
หยุดก่อน อาบน้ำก่อนเถอะนะ
เดี๋ยวเอิ้นจะไม่ได้อาบ”
พยายามเรียกสติอีกคนเมื่อจับแขนแสนซุกซนของหล่อนออกมาจากการซอกซอนจุดนั้นได้
“อีกนิดสิ
พะแพงใกล้แล้วนี่”
“บ้า!
ใกล้อะไร
ทะลึ่งที่สุดเลยเอิ้นนี่!”
ยื่นมือไปตบไหล่หล่อนแป๊ะด้วยความอายแสนอายทันที
“จะอาบหรือไม่อาบ!
ไหนบอกให้เค้าดูแล
นี่ไม่เห็นจะได้ดูแลตรงไหนเลยมีแต่..”
หยุดพูดด้วยความกระดากปากกระดากใจเหลือทน
“มีแต่เค้าดูแลพะแพงแทนใช่มั้ย”
อมยิ้มกรุ่มกริ่มในตอนที่พยายามยื่นมือลงไปตรงนั้นอีกครั้ง
“ก็ดีออกเค้าชอบนะพะแพงไม่ชอบเหรอ”
“โอ๊ยเดี๋ยวหยุด!
อาบน้ำก่อน
นะคะ อาบก่อนน๊าา..”
เมื่อห้ามไม่ได้พะแพงเลยลองใช้ลูกอ้อนแทน
นั่นเลยทำให้เอิ้นถึงกลับชะงักเล็กๆเมื่อไม่เคยได้ยินเสียงอ่อนเสียงหวานของคนต่อหน้าอย่างนี้เสียที
แหมพอได้ยินอย่างนี้หัวใจเธอเลยกระชุ่มกระชวยขึ้นทันตาเห็น
ได้แต่ยิ้มหวานหน้าแดงมองหล่อนส่งรอยยิ้มออดอ้อนที่มองดูเข้ากั้นเข้ากันกับใบหน้าหวานๆของหล่อนเป็นที่สุด
แต่หล่อนดันไม่ชอบยิ้มให้เธอสักทีเวลาที่อยู่ด้วยกันสองแต่สอง
ได้แต่ทำหน้าบึ้งกระเง้ากระงอดให้เธอเป็นฝ่ายออดอ้อนเอาใจมาตลอด
คิดแล้วก็เซ็งชมัด..
ฮ้าา..พอเห็นคนสวยเอาใจด้วยเสียงสองอย่างนี้แล้วเอิ้นก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน
ความทะลึ่งตึงตังก่อนหน้านั้นก็เลยหยุดลงไปดื้อๆ
ได้แต่มองนางฟ้าหน้าหวานค่อยๆหยิบจับฟองอาบน้ำมาถูกแขนให้ด้วยความนุ่มนวลไป..
นี่สินะ..ฮาเล็มของแท้..
ทั้งคิดทั้งยิ้มมองดูคนสวยพยายามอาบน้ำให้
แต่ถึงหล่อนจะพยายามทำเป็นยิ้มแย้มมีความสุขยังไงก็ยังพอมีท่าทางอึกๆอักๆกล้าๆกลัวๆให้เห็นตลอด
เพราะหล่อนมักจะชะงักทุกครั้งเมื่อเผลอมองมาเห็นลำตัวของเอิ้นจนต้องรีบก้มลงมองแขนที่ยกขึ้นมาถูให้ต่อเหมือนกำลังตั้งสติตัวเองสุดฤทธิ์..
“อะไรกันยังอายอยู่เหรอ..”
ยิ้มในขณะที่ยื่นมือไปจับหน้าพะแพงให้หันมามองตัวเองตรงๆ
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าฝืน
ถ้ายังปฏิเสธใจตัวเองอีกเค้าจะไม่มาหาพะแพงแล้วนะ”
อึ๊ก..
เป็นการข่มขู่ที่ได้ผลเพราะพะแพงก็หยุดชะงักทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น
เธอมองไปที่ใบหน้าเอิ้นที่ยิ้มเชิญชวนตัวเองก่อนจะทำใจดีสู้เสือค่อยๆเลื่อนสายตาลงมามองที่หน้าอกของหล่อนต่อ..
และบอกไว้ก่อนว่านี่เป็นครั้งแรกที่พะแพงกล้ามองหน้าอกของเอิ้นแบบเต็มๆตาเพราะก่อนหน้านั้นที่เอิ้นเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัวทั้งหมดเธอเองก็พยายามหันหนีและหรี่ตามองมันผ่านๆแค่นั้นเลยไม่ทันได้สำรวจจุดซ่อนเร้นต่างๆ
และที่สำคัญไอ้ตอนที่มีอะไรกันวันแรกน่ะ
เป็นเธอเท่านั้นที่เปลื้องเสื้อผ้าล้อนจ้อนแต่เอิ้นยังใส่เสื้อผ้าครบทุกชิ้นอยู่เลย
ใช่..วันนั้นหล่อนเห็นทั้งหมดในร่างกายของเธอ
ส่วนเธอได้เห็นแค่ขาอ่อนหน่อยๆของหล่อนเท่านั้นเอง..น่าสงสารจัง..
“ชอบมั้ย..”
เสียงของเจ้าของอกอวบอิ่มสวยได้รูปดังถามพะแพงมา
จนเธอต้องรีบพยักหน้าที่ไม่มีสติตอบรับไป
เพราะมัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับเนินอกด้านหน้าอยู่
ไม่น่าเชื่อว่าเอิ้นจะมีทรวดทรงองค์เอวสวยซ่อนรูปได้ขนาดนี้
นี่แค่มองส่วนที่โผล่พ้นฟองสบู่แค่นั้นนะยังสะกดตาพะแพงทันทีที่มองแว๊บแรกได้
ไม่รู้ว่าส่วนที่อยู่ใต้น้ำด้านล่างจะสวยและชวนมองอีกขนาดไหนกันนะ
เธออยากจะเห็นมันเต็มๆตาบ้างจังเลย..
“ชอบ..”
ตอบเอิ้นไปด้วยเสียงอายๆก่อนจะเงยหน้าแดงๆของตัวเองขึ้นไปมองหล่อนที่ก็แดงไม่แพ้กันแต่หล่อนยังดีกว่าหน่อย
ตรงที่หล่อนยังพยายามชวนคุยเป็นเรื่องเป็นราวได้อยู่
ส่วนเธอน่ะไม่..
“เค้าก็ชอบของพะแพงนะ
หน้าอกพะแพงสวย..สวยมากๆและก็..ใหญ่ด้วย..”คนชมยื่นมือไปจับหน้าอกพะแพงนวดคลึงจนพะแพงหลับตาตาพริ้ม
ได้แต่ยื่นมือของตัวเองไปจับขอบอ่างไว้เมื่อรู้สึกว่าเริ่มจะทรงตัวไม่ไหว
และเมื่อโดนคลึงหนักๆเข้าใครเลยจะทนได้
สาวเจ้าของร่างเลยได้แต่เกาะขอบอ่างไว้ก่อนจะส่งเสียงขอร้องให้คนตรงหน้าหยุดการกระทำที่เธอคิดว่าหล่อนกำลังแกล้งเธออย่างนี้เสียที..
“พอได้แล้วนะ..อ๊า..
ขอร้องล่ะ
อย่ามัวแต่เล่นเลยเดี๋ยวจะไม่ได้อาบน้ำกันนะ..”
“แล้วใครว่าเค้าเล่นล่ะ”
ยังคงคลึงต่อไปพร้อมๆกับรอยยิ้มยียวนของตัวเองต่อ
“จริงจังนะนี่”
“จริงจังอะไรกัน”
ยื่นมือมาจับมือของหล่อนออกทันทีเมื่อเริ่มโมโหขึ้นมานิดๆ
“นี่ ตัวเองเป็นแผลที่หัวอยู่น่ะหัดเจียมตัวซะบ้างสิ
ถ้าน้ำโดนแผลขึ้นมาจะทำยังไง”
ชี้มือไปที่หัวของหล่อนด้วยใบหน้าที่แกล้งทำเป็นฉุนเฉียว
“งั้นเดี๋ยวเค้าไปใส่หมวกอาบน้ำก็ได้”
“แหนะ!
มืออีก
มือก็เข้าเฝือกอยู่น่ะไม่เห็นหรือไง”
“ก็พรุ่งนี้ก็ถอดเฝือกออกได้แล้ว”
“เถียงอีก!
พอเลย!
อาบน้ำเดี๋ยวเน้
นี่ใจดีด้วยมากแล้วรู้มั้ย
ดีแค่ไหนแล้วที่มาอาบน้ำให้เนี่ย
ถ้ายังโยเยอย่างนี้อีกจะปล่อยให้อาบคนเดียวแล้วนะทีนี่น่ะ!”
คิ้วขมวดทันทีที่เห็นพะแพงขึ้นเสียงใส่
“ทำไมต้องทำเสียงอย่างนี้
อยากทะเลาะกันอีกแล้วใช่มั้ย..”
“เฮ้อ..ไม่ได้อยากทะเลาะ”
ยื่นมือไปจับไหล่เอิ้นคนดื้อไว้ในตอนที่พยายามเปลี่ยนแผนใหม่ด้วยการเก๊กหน้าสวยส่งยิ้มหวานเอาใจหล่อนอีกครั้ง
“ฟังเค้านะ
เค้าไม่ได้ห้ามนะ
ถ้าเอิ้นอยากทำอะไรเค้าก็ทำได้
เค้าให้เอิ้นทำหมดทุกอย่างเค้ายอมแล้ว
แต่ไม่ใช่ในนี้เข้าใจมั้ย
ถ้าเอิ้นหายดีแล้วอยากทำในนี้ค่อยทำนะคะ
เดี๋ยวเค้าจะชวนมาทำวันหลัง
โอเคมั้ย” เป็นการหลอกล่อเด็กดื้อที่ได้ผลชะงัด
เพราะเอิ้นก็อมยิ้มทันทีที่เห็นอีกคนส่งยิ้มออดอ้อนตัวเองอีกแล้ว
เอ..วันนี้เป็นวันดีอะไรกันนะทำไมนางฟ้าขี้งอนคนเดิมคนนี้ถึงแจกความสดใสด้วยรอยยิ้มหวานจับใจบ่อยจัง
ยิ่งเห็นก็ยิ่งรอคอยที่จะให้ถึงเวลาที่เธอทั้งสองจะอยู่ภายใต้อ้อมกอดกันและกันไม่ไหว
ยิ่งนึกยิ่งคิดความคึกคักกระชุ่มกระชวยก็ทำให้เอิ้นรีบพยักหน้าแดงๆของตัวเองตอบรับก่อนจะรีบนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำนิ่งๆเพื่อให้นางฟ้าอีกคนได้ปรนนิบัติพัดวีขัดสีฉวีตัวเธอไป
ใจก็เร่งให้ถึงเวลานั้นไวๆเสียที
คอยดูเถอะคืนนี้ต้องมีใครสักคนขอร้องให้หยุดก่อนแน่ๆ
แต่ไม่ใช่เธอแน่นอน..