วันเสาร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2560



Lovely Mafia Girl

ลูกสาวเจ้าพ่อ ขอเป็นแฟนหนู

Special part : First date night


Chapter 6

บทสรุปของ Lady and Gentleman..


โอ้ย....

อาการปวดหัวรุนแรงจนเหมือนมีเข็มนับพันๆเล่มวิ่งชนมาที่หัวของฉัน ปลุกให้ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาเพ่งมองไปรอบๆตัวว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับหัวของฉันในตอนนี้กันแน่...

ฉันมองไปตามแสงแดดที่ส่องทะลุผ้าม่านปรับแสงเข้ามายังพื้นผนังห้องสีครีมเหลือง ทางของแสงทอดผ่านมายังพื้นไม้ปาเก้ที่ถูกปูทับด้วยพรมปูพื้นขนยาวสีน้ำตาลอ่อนที่ตรงปลายเตียง ลาดแสงทอดยาวมาจนถึงพื้นเตียงที่ปกคลุมไปด้วยผ้าห่มนวมสีเหลืองครีมผืนนุ่ม ซึ่งก็เข้าชุดกับบรรดาเครื่องนอนต่างๆไม่ว่าจะเป็นผ้าปูที่นอน หมอน หมอนข้าง หรือแม้แต่ความเย็นเจี๊ยบของเครื่องปรับอากาศ และกลิ่นหอมๆเหมือนมีดอกไม้นาๆพันธุ์อยู่รอบๆตัว ก็ล้วนแล้วแต่เป็นรายละเอียดที่ชวนคุ้นตา ที่ทำให้รู้ว่านี่ก็คือห้องนอนของพี่เนยนั่นเอง...

ฉันพยุงตัวเองพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่อาการปวดระบมเจ็บจี๊ดๆไปทั้งเนื้อทั้งตัวที่ฉันกำลังเป็นอยู่ ณ ตอนนี้นั้นก็ชวนให้ฉันสงสัยเหลือเกินว่า เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของฉันบ้าง

..โอ้ย...ทำไมมันเจ็บที่ก้นแรงขนาดนี้ล่ะ... พอฉันทำท่าจะขยับลุกขึ้นยืนกลายเป็นว่าก้นของฉันก็ดันแสดงอาการเจ็บออกมามากกว่าส่วนต่างๆของร่างกายในตอนนี้เสียอีก
ฉันพยายามก้มลงมองทั้งแขนทั้งขาก็เห็นเป็นรอยฟกช้ำดำๆเขียวๆเป็นจ้ำๆไปทั่ว แถมยังมีพลาสเตอร์ปิดแผลและรอยยาแดงแปดๆเปื้อนๆเต็มแขนเต็มขาฉันไปหมด..
...เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของฉันนี่ ทำไมฉันถึงมีแผลไปทั้งเนื้อทั้งตัวอย่างนี้..ฉันทั้งคิดทั้งก้มลงมองสำรวจร่างกายตัวเอง ก่อนจะรีบดึงรั้นคอเสื้อชุดนอนตัวเองออกกว้างๆเพื่อก้มลงมองเข้าไปสำรวจร่างกายภายในร่มผ้าเมื่อตอนที่นึกขึ้นได้ถึงความปลอดภัยของร่างกายในส่วนนี้....

รู้สึกตัวแล้วเหรอกี้...”ยังไม่ทันที่จะได้สำรวจถึงความผิดปกติของร่างกายอะไรมากมาย เสียงใสๆเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย ก็ดังเข้ามาดึงความสนใจจากฉันให้รีบละใบหน้าขึ้นมองดูที่มาของเสียงทันที...

พี่เนยนั่นเอง ตอนนี้เธอในชุดนอนกางเกงขาสั้นกำลังประคับประครองชามสแตนเลสใส่อะไรมาสักอย่างเปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง โดยที่มือข้างซ้ายนั้นจับชามไว้และมือข้างขวาช่วยประครองชามแบบเก้ๆกังๆเอาไว้ไม่ให้มันตก เนื่องจากใช้แขนข้างนั้นจับตรงๆไม่ได้เพราะมัน...
..เข้าเฝือกอยู่..

เฮ้ย พี่เนยเป็นอะไรอ่ะ” ฉันรีบลุกขึ้นวิ่งไปหาพี่เนยทันทีที่นึกขึ้นได้ ตอนนี้เมื่อไปยืนช่วยจับชามสแตนเลสใกล้ๆก็เห็นว่ามันคือชามน้ำที่ข้างในมีผ้าขนหนูแช่เอาไว้อยู่ พี่เนยคงจะเตรียมผ้าซับน้ำมาเช็ดตัวให้ฉันนั่นเอง
ฉันจับชามนั่นออกไปวางที่โต๊ะใกล้ๆประตูพร้อมๆกับยื่นมือไปจับแขนข้างที่เข้าเฝือกด้วยความเป็นห่วง แม้ตอนนี้อาการปวดหัวและปวดเนื้อปวดตัวของฉันจะยังไม่หายดี แต่ความเป็นห่วงหญิงสาวที่ตัวเองรักเมื่อเห็นว่าเธอก็เจ็บตัวจากอะไรสักอย่างเหมือนๆกันกับฉันจนถึงขั้นได้เข้าเฝือกขนาดนี้ ก็ทำให้ฉันลืมนึกถึงอาการก่อนหน้านั้นไปจนหมดสิ้น

พี่เนยเป็นอะไรเนี่ย ทำไมแขนพี่เนยเข้าเฝือกล่ะ เกิดอะไรขึ้นนี่ แล้วๆแล้วตัวกี้อีก ทำไมกี้เจ็บไปทั้งเนื้อทั้งตัวกี้เลยอ่ะพี่เนย” ฉันทั้งถามทั้งค่อยๆประคับประคองพี่เนยให้มานั่งที่ปลายเตียงด้วยกัน ตอนนี้สีหน้าเธอก็ดูกังวลไม่น้อยกว่าฉันเลย เธอยื่นไม้ยื่นมือมาลูบไปทั่วๆใบหน้าฉันด้วยความห่วงใย

นี่ถึงขนาดจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ..”
ฉันพยักหน้าตอบรับพี่เนย ก่อนที่พี่เนยจะเลิ่กคิ้วด้วยความสงสัยกลับมาถามฉันอีกครั้งหนึ่ง “จริงๆอ่ะ”
เมื่อเห็นอาการเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งของพี่เนย มันก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจจนถึงขึ้นต้องนั่งนิ่งพยายามนึกภาพประติดประต่อเรื่องราวก่อนหน้าที่ฉันจะรู้สึกว่าโลกนั้นมืดดับไป...

..อืม..เคาน์ดาวน์ เหล้า กระเทย เพลง I will Suvive แข่งเต้น เหล้าที่มีไฟ และ..และ...เกาะอก... เฮ้ย??!!

..ฉันสะดุ้งรีบเอามือมาโอบหน้าอกตัวเองทันทีที่เริ่มนึกถึงลำดับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น..จนมาถึงเกาะอก..

เฮ้ย พี่เน้ย..กะกะ.เกาะอกๆๆๆ มันๆๆๆ โอ้ยๆตายแล้วๆๆ..” ตอนนี้ฉันเสียงหลงพูดจาติดๆขัดๆฟังดูไม่เป็นประโยค ได้แต่หันหน้าแดงๆและท่าทางเลิ่กๆลั่กๆแสดงให้เห็นถึงความอายและตกใจขนาดไหน เมื่อเผลอตั้งคำถามกับตัวเองว่า เกาะอกฉันไปไหน?? และมันยังอยู่กับฉันมั้ย?? เมื่อโลกมืดไปตอนนั้น...

พี่เนยยิ้มเจื่อนๆพยายามยื่นมือข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกมาลูบหลังปลอบใจฉันที่ตอนนี้เริ่มหน้าซีดลงเรื่อยๆด้วยความรู้สึกที่ว่าตัวเองกำลังหน้ามืดจะเป็นลมเข้าให้แล้ว

โอ้ย จะเป็นลม เกิดอะไรขึ้นกับกี้บ้างนี่พี่เนย” น้ำเสียงอ่อนละโหยโรยแรงของฉันพยายามถามพี่เนย ทั้งๆที่ตัวเองกำลังหงายหลังเงิบทิ้งตัวลงนอนไปบนที่นอนด้วยความรู้สึกวินเวียนอ่อนล้าจนไม่สามารถจะทรงตัวนั่งคุยตรงๆกับพี่เนยได้..แต่กระนั้นก็ยังพยายามพยุงร่างกายช่วงบนขึ้นมารวบรวมสติสัมปชัญญะถามพี่เนยไปทีละคำ จนกระทั่งจบประโยคคำถามที่แสนจะปวดใจเมื่อนึกถึงมันเข้า...
เกาะ..อก..กี้..มันยังอยู่กับกี้มั้ย...ตอนนั้น”
พี่เนยกลืนน้ำลาย ค่อยๆส่ายหน้าแล้วตอบคำถามด้วยเสียงสั่นๆเบาๆ...

ไม่..”

โอยยย..” ฉันหลับตาทิ้งตัวแผ่หลาลงบนเตียงอีกครั้งหนึ่ง เหมือนคนโดนกระสุนเจาะทะลุหัวใจจนหมดลมหายใจทันทีที่ได้ยินเสียงปืนจากคำตอบพี่เนยอย่างนั้น..
ตายแล้วๆ กี้จะเอาหน้าไปไว้ไหนนี่ มีใครเห็นบ้างนี้ โอ้ยๆๆทำไมกี้ต้องมาเจอเหตุการณ์อย่างนี้ด้วย กี้ไม่น่าไปเที่ยวกับพี่เนย กี้ไม่น่าดื่มเหล้าเลยอ่ะ..” ฉันร้องโอดโอยครวญครางทั้งกลิ้งตัวไปมาด้วยรับไม่ได้เมื่อเริ่มนึกถึงกลุ่มผู้ชายหน้าตาหื่นกามที่อยู่ข้างๆโต๊ะ อีกทั้งพวกที่เดินเข้ามาเชียร์และมองดูฉันเต้นกับพี่กระเทยกลุ่มนั้นอีก เออ..ใช่...เพราะพวกนี้แท้ๆ..ฉันคิ้วขมวดทันทีเมื่อนึกขึ้นได้...

“..เพราะอีพี่กระเทยกลุ่มนั้นแท้ๆ บ้าๆๆ บ้าที่สุดเลยอ่ะ โธ่เว้ย เพราะอีพี่กระเทยบียอนเซ่คนนั้นแท้ๆ” ฉันตีอกชกตัวไปด้วยความรู้สึกทั้งโกรธให้พี่กระเทยกลุ่มนั้นทั้งโมโหให้ตัวเองไม่รู้จะทำอย่างไร
พี่เนยเลิ่กคิ้วมองหน้าฉันด้วยความสงสัยทันทีที่ได้ยินฉันเรียกฉายาพี่กระเทยคนนั้นที่ฉันเรียกของฉันอยู่ในใจคนเดียว จนเธอนึกออกว่าใครคือคนที่ฉันว่า...

เฮ้ยกี้ใจเย็นๆก่อน อย่าพึ่งโวยวายตีโพยตีพายสิ เรื่องมันอาจจะไม่แย่อย่างที่คิดก็ได้ แล้วก็อย่าไปว่าพวกพี่เขาเชียวนะ ถ้ากี้จำเรื่องหลังจากนั้นไม่ได้อ่ะ” พี่เนยทั้งพูดทั้งเอื้อมมือข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกมาจับมือห้ามฉันไว้
รู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากนั้นอ่ะ...”
ฉันหยุดร้องนอนเงียบมองพี่เนยทันทีที่ได้ยินพี่เนยว่าอย่างนั้น พี่เนยเลิกคิ้วส่งสัญญาณเป็นการทวนคำถามฉันซ้ำอีกครั้ง ก่อนที่ฉันจะส่ายหน้าแล้วคิ้วขมวดจ้องมองพี่เนยด้วยความรู้สึกสับสน ทั้งโมโหทั้งงงทั้งสงสัยในสิ่งที่พี่เนยกำลังตั้งคำถามคืนกลับมาอย่างนั้น..

ถ้าอย่างนั้นกี้ฟังพี่นะ..เรื่องมันเริ่มจาก...

...หลังจากที่กี้ตะเกียกตะกายปีนโต๊ะขึ้นไปได้ ตอนนั้นพี่ยอมรับว่าพี่ตกใจมากเลยทั้งพวกเก๋ เน็ตตี้และนุ่มนิ่มไม่มีใครคาดคิดว่ากี้จะกล้าทุ่มทุนแข่งเต้นกับพี่กระเทยกลุ่มนั้นถึงขนาดปีนโต๊ะขึ้นไปแข่งด้วยขนาดนั้น ตอนนั้นพี่ก็พยายามร้องเรียกกี้อยู่เรื่อยๆแต่ก็เหมือนว่ากี้จะไม่ได้ยินเสียงเรียกของพี่เลย ดูกี้มีความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะพี่กระเทยบียอนเซ่คนนั้นเหลือเกิน
ยิ่งได้เห็นกี้ดื่มเหล้าช็อตนั้นเข้าไปนะพี่ก็ยิ่งตกใจทำอะไรไม่ถูกเลย ยอมรับว่าตอนนั้นพี่อึ้งมากไม่คิดว่ากี้จะกล้าดื่ม B55ที่พี่ยังขยาดได้อึ๊กเดียวหมดขนาดนั้น ตอนนั้นพี่นี่กุมขมับเลย คิดในใจว่าไม่นานกี้ต้องร่วงแน่ๆ..

แล้วก็เป็นดังคาด เพราะหลังจากนั้นไม่นานกี้ก็เริ่มโอนเอนเหมือนคนกำลังจะหมดสติ ทั้งๆที่กี้กำลังพยายามทำในสิ่งที่พี่และเพื่อนๆทั้งสามคนตกใจจนแทบจะร้องกรี๊ดทันที เมื่อเห็นว่ากี้กำลังถอดเกาะอกของตัวเองออกตามเสียงกองเชียร์ที่ส่งเสียงร้องอื้ออึงแข่งกับเสียงเรียกสติที่พี่พยายามเรียกกี้ให้หยุดในตอนนั้น

แต่ก็ไม่มีประโยชน์เพราะทันทีที่พี่เริ่มวิ่งแทรกตัวผ่าวงล้อมเข้าไปประชิดโต๊ะที่กี้ยืน กี้ก็แกะตะขอเกาะอกของตัวเองออกแล้ว ตอนนั้นด้วยอารมณ์ตกใจคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าจะช่วยกี้ที่เกาะอกกำลังจะหลุดออกจากตัวเองอย่างนั้นอย่างไรดี เลยได้แต่เอื้อมสองแขนขึ้นไปกระชากดึงเอวกี้ให้ตกลงมาจากโต๊ะตัวนั้น ซึ่งก็ได้ผลเพราะตอนนั้นเหล้าช๊อตคงกำลังออกฤทธิ์พอดี กี้ก็เลยเซวูบหลับหมดสติตกจากโต๊ะตัวนั้นลงมาสู่อ้อมกอดของพี่พร้อมๆกับเกาะอกกี้ชิ้นนั้นด้วยพอดี...

ทุกสิ่งทุกอย่างหลังจากนั้นเกิดขึ้นไวมาก กี้ตกลงจากโต๊ะแล้วกระแทกใส่แขนพี่อย่างแรงจนพี่เซล้มลงไปกองกับพื้นฟอร์พร้อมๆกับร่างของกี้ โดยที่กี้นอนสลบทับอยู่ด้านบนร่างของพี่ ตอนนั้นพี่รู้สึกเจ็บแขนขวาของตัวเองมากคงจะเป็นเพราะโดนกี้กระแทกตอนที่ร่วงลงพื้นไป ก็ด้วยความที่พี่ก็ตั้งใจที่จะยื่นมือไปกอดบังร่างกายช่วงบนที่เกือบๆจะเปลือยเอาไว้ ไม่ให้ใครเห็นเนินเนื้อหน้าอกที่มีเพียงบราชั้นในประคับประครองไว้เท่านั้นด้วยล่ะ เลยทำให้ร่างของกี้ตกใส่แขนของพี่แรงอย่างนั้น.....”

อ๋อ นี่ที่แขนพี่เนยเข้าเฝือกเป็นเพราะกี้เองเหรอนี่..” ฉันรีบลุกขึ้นมานั่ง ยื่นมือไปจับแขนข้างที่เข้าเฝือกของพี่เนยด้วยความเป็นห่วงทันที “โธ่พี่เนย ไม่น่าเลยอ่ะ แล้วนี่แขนพี่เนยก็เลยหักเลยเหรอ..”
ก็ข้อเคลื่อนนิดหน่อย จริงๆมันก็พอหายเองได้อยู่ แต่พ่อพี่คงอยากให้พี่พักผ่อนไม่อยากให้พี่ออกไปไหนด้วยมั้งก็เลยบอกให้หมอเข้าเฝือกให้เลย..”
พะ..พ่อรู้ด้วยเหรอ” ฉันหน้าเจื่อนรีบถามพี่เนยด้วยเสียงอ่อยๆทันทีที่ได้ยินพี่เนยพูดถึงพ่อ ซึ่งพี่เนยก็ตอบรับสั้นๆใบหน้ามองดูซีดๆเจื่อนๆไม่แพ้ฉันเลย
อืม...”

โอย..ตอนนี้ฉันหน้ามืดลมจะใส่อีกรอบที่สอง หมดกันๆเด็กสาวที่แสนจะไร้เดียงสาที่อุตสาห์ให้สัญญากับพ่อของหญิงสาวคนที่เธอรักเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูแลไม่ให้เขากลับไปทำตัวเหลวไหลอีก ตายๆฉันจะสู้หน้าพ่อพี่เนยยังไง กลายเป็นฉันเสียเองที่กินเหล้าเมาหยำเปไม่เป็นผู้เป็นคนอย่างนั้น..

พี่เนยมองฉันนั่งหน้าซีดคิ้วขมวดอยู่นานจนนึกสงสารเลยยื่นมือมาลูบหลังปลอบใจฉัน...
ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ พ่อพี่ไม่ได้ว่าอะไรกี้หรอก พี่ก็แค่เล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อฟัง ตอนแรกพี่ก็ว่าจะโกหก แต่คิดๆดูแล้วคนที่อยู่ในนั้นบางคนก็รู้จักพ่อยังไงๆวันหนึ่งความจริงก็ต้องรู้ถึงหูพ่ออยู่ดี สู้พี่บอกความจริงโดยบอกพ่อว่าพี่เป็นคนผิดเองที่เผลอปล่อยให้กี้ดื่มเหล้าเมาหนักโดยที่กี้ไม่เต็มใจอย่างนั้นคงจะดีกว่า...” พี่เนยยิ้ม ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมาลูบหัวฉันแล้วเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากนั้นต่ออีก....
“..หลังจากนั้นเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายก็เกิดขึ้น ซึ่งมันไวมากแค่ช่วงเวลาไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น บรรดากองเชียร์ผู้ชายที่อยู่รอบๆ โดยเฉพาะกลุ่มปากหมาท่าทางหื่นๆที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆของเรา ก็รีบวิ่งเข้ามาล้อมวงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปกี้กัน ซึ่งจริงๆก็มีบางคนที่เริ่มถ่ายกี้ไว้ตั้งแต่กี้ปีนโต๊ะขึ้นไปเต้นแล้ว แต่ภาพเคลื่อนไหวก่อนหน้านั้นมันไม่ได้น่าเกลียดและชัดเจนเห็นหน้ากี้ในระยะใกล้ขนาดนี้ ตอนนั้นพวกเพื่อนพี่ทั้งสามคนก็โดนเบียดให้ออกไปยืนอยู่วงนอกตั้งแต่ตอนที่กี้ปีนโต๊ะขึ้นไปแล้ว เพราะตอนนั้นคนเข้ามาเชียร์กี้กับพี่กระเทยเต้นนั้นเยอะมากทำให้พวกนั้นเบียดเข้ามาช่วยพี่กับกี้ที่อยู่ด้านในติดกับโต๊ะพี่กระเทยพวกนั้นไม่ได้...
ตอนนั้นพี่คิดอะไรไม่ออกทำอะไรกับพวกมันก็ไม่ได้ แม้จะพยายามสบถด่าห้ามปรามมันยังไง มันก็ยังไม่เลิกถ่ายกันอยู่ดี พี่ได้แต่นั่งร้องไห้ก้มเอาตัวเองบังและกอดกี้ไว้โดยหวังว่ามันจะช่วยปิดบังส่วนที่ไม่น่ามองของกี้ ไม่ให้กล้องพวกนั้นถ่ายติด...

ระหว่างที่กำลังร้องห่มร้องไห้ เพราะคิดอะไรไม่ออกว่าจะหาทางช่วยกี้และพากี้ฝ่าวงล้อมพวกผู้ชายพวกนี้ออกไปยังไงดี อยู่ๆก็มีเสียงสวรรค์ดังแทรกเข้ามากลางวง....

“??!!!เฮ้ย??!!..อะไรวะ!!??? น้องเค้าเมาไม่ได้สติ พวกมึงยังจะกล้าถ่ายน้องเค้าอีกเหรอ มึงลบคลิปออกเลยนะ ลบเลยนะ อย่าให้กูโมโห เดี๋ยวกูต่อยพวกมึงหน้าแหกเลย”

...เป็นเสียงทุ้มๆห้าวๆของผู้ชายดังออกมาจากทางด้านหลังพี่ ทำให้พี่รีบหันกลับไปดูว่าเจ้าของเสียงที่เหมือนจะเป็นพระเอกขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยเราทั้งสองนี้คือใคร
...แต่แล้วก็ต้องตกใจจนอ้าปากค้างทันทีเมื่อพบว่า...เจ้าของเสียงหล่อๆแมนๆเสียงนั้นก็คือ...

….พี่กระเทยสวยที่หน้าเหมือนบียอนเซ่คนนั้น...

ตอนนี้พี่คนนั้นกระโดดลงมาจากโต๊ะพร้อมๆกับกระชากวิกผมของตัวเองทิ้ง เขาเดินมากระชากคอเสื้อผู้ชายที่ยืนถ่ายคลิปกี้อยู่ด้านหลังด้วยท่าทางแมนๆแบบผู้ชายอกสามศอก ผิดกับท่าทางกระตุ้งกระติ้งที่เราเจอก่อนหน้านั้นลิบลับ พี่คนนั้นทั้งขู่ทั้งกระชากคอเสื้อทำท่าเหมือนจะต่อย ทั้งพยายามบังคับให้ผู้ชายพวกนั้นลบคลิปออกให้หมด จนพวกชายพวกนั้นยอมลบแล้วรีบแยกย้ายกันไปเพราะพี่คนนั้นบอกว่ารู้จักนายตำรวจที่เป็นผู้กำกับการของที่นี่ ไม่เพียงแต่พี่บียอนเซ่เท่านั้น ตอนนี้กลุ่มพี่กระเทยสวยทั้งกลุ่มกำลังวิ่งกรูมาล้อมวงยกแขนบังพี่กับกี้เอาไว้ด้านในไม่ให้ใครเห็นภาพกี้โป๊ด้านในวงล้อมพวกเค้าอีก ซึ่งพอพี่บียอนเซ่ไล่ลบคลิปจากพวกผู้ชายพวกนั้นจนหมดแล้ว เธอก็รีบหยิบเอาเสื้อนอกที่อยู่แถวๆโต๊ะเธอเดินเข้ามาคลุมตัวให้กี้ทันที...

...พี่นั้นช๊อคตาค้างตั้งแต่ได้ยินเสียงแมนๆห้าวของพี่คนนั้นแล้ว ยิ่งมาเห็นพี่เค้าถอดวิกผมออกโชว์ให้เห็นผมสั้นเกรียนทรงทหารก็ยิ่งทำให้ช๊อคเข้าไปใหญ่ ตอนนี้เลยได้แต่ตาค้างตัวแข็งทื่อนั่งมองดูว่าพี่คนนั้นจะทำอะไรต่อไปยังไง...

ว้ายตายแล้ว..น้องเค้าเป็นไงบ้างอ่ะ น็อคเลยหรือเปล่านี่ พี่ว่าแล้วกินช็อตนั้นไปไม่น่ารอดหรอก หูย..แล้วดูดิ..หลับกลางอากาศเลยอ่ะ..โอ..แม่เจ้า..” พี่คนนั้นกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงกระตุ้งกระติ้งสาวแตกของเธออีกครั้ง เธอทั้งพูดทั้งกรีดมือประครองวงหน้ากี้มาพลิกซ้ายพลิกขวาดูอาการ โดยหวังว่ากี้คงจะได้สติลืมตาขึ้นมามองเธอบ้างแต่ก็เปล่า กลายเป็นกี้ยังคออ่อนคอพับเมาหลับไม่ได้สติต่อไป..
พี่คนนั้นหันซ้ายหันขวามองข้างๆตัวพี่และกี้ก่อนจะไปเจอเกาะอกที่ตกอยู่ด้านข้าง เธอจึงหยิบเกาะอกนั้นขึ้นแล้วบอกให้พี่กางเสื้อคลุมออกบังกี้ไว้ ก่อนจะช้อนร่างกี้ขึ้นแล้วพยายามสวมเกาะอกใส่ไว้ให้กี้ดังเดิม

อ่ะ..โอเคแล้ว เอาเสื้อคลุมน้องเค้าสวมทับอีกทีแล้วกันนะ” พูดเสร็จพี่คนนั้นก็ลุกขึ้นยืนชำเรืองมองไปที่โต๊ะเก่าของเราก่อนจะหยิบเอาเสื้อคลุมสีดำของกี้รวมทั้งกระเป๋าของพวกเราทั้งสองคนที่วางอยู่บนโต๊ะส่งมาให้พี่ถือไว้
โชคดีนะนี่ที่กระเป๋าไม่หายคนตั้งเยอะตั้งแยะ สงสัยพากันมองดูพี่กับน้องคนนี้ไฟรท์กันจนตะลึงไม่ทันได้มองเห็นของมีค่า...น้องเค้าเป็นแฟนเราใช่ป่ะ ทีหลังก็ดูแลกันดีๆด้วยสิ เป็นผู้หญิงยิงเรืออย่าปล่อยให้ตัวเองกินเหล้าเมาแอ๋น่าเกลียดขนาดนี้สิ อันตรายนะนี่รู้มั้ย พี่น่ะมองดูพวกเราตั้งแต่ตอนเดินเข้ามาแล้ว เห็นผู้ชายมันนั่งมองโต๊ะเราตาเป็นมันกันทั้งโต๊ะจนใจพวกพี่เริ่มกลัวแทน คิดว่าถ้าปล่อยให้อยู่ดื่มจนเมาไม่ได้สติคงได้โดนพวกผู้ชายพวกนั้นลากไปทำอะไรกันทั้งโต๊ะแน่ๆ นี่เลยคิดว่าจะแกล้งทำให้พวกเรากลัวๆพวกพี่แล้วจะได้หาทางกลับบ้านกันไป แต่กลายเป็นว่าพวกเราไม่กลัวแถมไม่ยอมกลับซะนี่ เออ..แล้วก็ยังเด็กอยู่แท้ๆเข้ามาเที่ยวกันได้ยังไงนี่ เดี๋ยวตำรวจก็มาจับหรอกไม่กลัวหรือไง...พี่ล่ะกลัวแทนจริงๆ..”...

จะ..จะ...จริงเหรอพี่เนย...” ฉันถามแทรกพี่เนยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ทั้งเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งทั้งตะลึงทั้งอึ้งคละเคล้าในความรู้สึกที่ได้รู้เรื่องที่พี่เนยเล่ามาในตอนนี้...
จริง..” ฉันร้องโอ้ยเอามือตบขมับตัวเองซ้ำๆทันทีที่ได้ยินพี่เนยตอบรับคำถามฉัน

….โอ้ยๆๆให้ตายเถอะฉันทำอะไรลงไปนี่ กลายเป็นคนที่เหมือนจะเป็นศัตรูเสียเองหรือนี่ที่ช่วยเหลือให้ฉันรอดพ้นจากสถานการณ์เลวร้ายในตอนนั้น โอย....ฉันล่ะหลงสบถด่าคำหยาบพวกเขาในใจไปตั้งหลายรอบแล้ว ทำยังไงดีนี่ ทำไมฉันถึงแย่อย่างนี้.. ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งรู้สึกผิดได้แต่ก้มหน้าซบลงกับไหล่พี่เนยแล้วคร่ำครวญถึงความผิดของตัวเองจนพี่เนยรีบยื่นมือมากุมปลอบใจ แล้วเล่าเรื่องราวต่อไป...

“...ตอนนั้นพี่ก็รู้สึกผิดจนพูดอะไรไม่ออกเหมือนๆกันกับกี้ตอนนี้นี่ล่ะ ได้แต่ยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณพี่คนนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกระทั่งพี่คนนั้นออกปากให้พี่รีบพากี้ออกไปจากผับเสียที เพราะเธอเป็นห่วงกี้ที่เมาไม่ได้สติอย่างนี้....

แล้วพอพี่ตั้งใจจะพยุงตัวกี้ให้ลุกขึ้นยืน ก็กลายเป็นร้องโอ้ยขึ้นเสียงดังทันที เนื่องจากว่าเจ็บแขนที่โดนกี้ตกลงมาทับทั้งแขนเมื่อครู่นี้เข้า ซึ่งพี่คนนั้นก็คงเห็น ตอนนี้เธอเลยหันมาอุ้มช้อนอุ้มร่างกายของกี้ขึ้นมาให้แทน...

“...เรามารถยนต์กันใช่ป่ะ รถเราอยู่ไหน พี่จะอุ้มไปส่งที่รถเอง เราคงอุ้มไม่ไหวหรอกตัวบางๆพอๆกันเลย ทั้งเจ็บแขนด้วยไม่ใช่เหรอ แฟนเราตกลงใส่แขนเมื่อกี๊นี่ พี่เห็นอยู่..”.......

โห..โคตรแมนเลยอ่ะ” ฉันอุทานแทรกพี่เนยขึ้นอีกครั้งทันทีที่ได้ยินเธอเล่ามาถึงตอนนี้...
เออใช่แมนมาก..ดูแลเราดีกว่าผู้ชายจริงๆบางคนเสียอีก..นี่พี่ยังแอบคิดเลยนะว่าหรือพี่เขาจะเป็นเนื้อคู่เราที่แบบว่าเกิดมาชาตินี้ต่างฝ่ายต่างไม่สมหวังกัน คือคนนึงก็เป็นเลสคนนึงก็เป็นเกย์แต่งสาวอะไรประมาณนี้อ่ะ..เฮอะๆ..”
หึ หึ..” ฉันเหล่ตามองแรงใส่พี่เนยทันทีที่ได้ยินเธอพูด “..คิดได้เนอะ แล้วไงต่อทีนี้..”

“..ก็หลังจากนั้นพี่คนนั้นก็อุ้มกี้ไปส่งที่รถ พร้อมๆกับพี่และเพื่อนๆทั้งสามรีบวิ่งตามออกมาดูด้วย.....

ขอบคุณนะคะพี่..เอ่อ..พี่ชื่ออะไรคะ หนูยังไม่รู้ไม่รู้จักชื่อพี่เลย” พี่ทั้งพูดทั้งยกมือไหว้พี่คนนั้น ตอนที่เธอช่วยประครองร่างของกี้ลงบนเบาะรถให้เรียบร้อยแล้ว..
เอาชื่อจริงป่ะ พี่ชื่อบอย..แต่เพื่อนๆในวงการเรียกเวลาที่ไปประกวดว่าปอย..ปอย ตีกะลาอ่ะ เราก็เรียกพี่ว่าปอยแล้วกัน ฟังดูสวยๆดี เราชื่อเนยใช่ป่ะพี่เคยเห็นเรามาเที่ยวบ่อยแล้ว” พี่พยักหน้ารับทันทีที่พี่ปอยเรียกชื่อพี่ถูก “ใช่ค่ะพี่..”
แล้วแฟนเราชื่ออะไรล่ะนี่ พี่ไม่เคยเห็นหน้าเลย พึ่งมาเที่ยวหรือเปล่า ทำไมเห็นหน้าใสๆแบ๊วๆอย่างนี้ดื่มเหล้าเก่งชะมัด ท่าทางจะยังเรียนไม่จบมัธยมกันใช่มั้ยนี่..”
ใช่ค่ะพี่ พวกหนูเรียนม.5 ส่วนน้องเค้าอยู่ม.4 น้องเค้าชื่อกี้ค่ะ คือ เอ่อ..จริงๆแล้วน้องเค้าเป็นเด็กดีนะคะ เป็นเด็กเรียนมาก..แต่น้องเค้าโดนหนูรบเร้าให้มาเคาน์ดาวน์ด้วยแล้วก็เลยเผลอดื่มเหล้าทั้งๆที่ไม่เคยดื่มน่ะค่ะ ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น..” พี่ยิ้มแหยๆตอนที่บอกพี่เค้า ตอนนั้นพี่ปอยก็เลิ่กคิ้วหันลงมามองกี้ในรถด้วยความประหลาดใจทันทีที่ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับกี้...

จริงๆอ่ะ...โห...นี่เด็กเรียนเหรอนี่ เต้นซะพี่คิดว่าองค์แม่บริทนีย์มาเองเลย โหยๆ..ถ้ากินเหล้าเมาแล้วนิสัยเปลี่ยนขนาดนี้อย่าพยายามให้แฟนเรากินบ่อยนักนะ อันตรายมากเลยนะนี่ เป็นผู้หญิงแถมยังเด็กอีกอ่ะ..แล้วๆๆแฟนเรานี่ก็ไม่ใช่ธรรมดานะ พี่เห็นสายตาท่าทางเธอแบบว่าเหมือนว่าเค้าจะไฟรท์เอาเรื่องพี่ให้ได้ จะไม่ยอมพี่ง่ายๆอย่างนั้นอ่ะ ใจใหญ่มากๆเลยอ่ะ ถ้าน้องบอกว่าเค้าเป็นสก๊อยนี่ พี่เชื่อเลยนะ”

พี่หัวเราะหึๆทันทีที่ได้ยินพี่ปอยเปรียบเทียบกี้ซะพี่ก็เห็นภาพด้วยขนาดนั้น ตอนนี้พี่และเพื่อนทั้งสามได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆทั้งแอบหลบตาพี่เค้าทั้งยกมือขึ้นไหว้ขอโทษสลับกันด้วยความรู้สึกผิดแล้วผิดอีกที่ได้ยินพี่ปอยบ่นถึงกี้ก่อนหน้านั้นด้วย...

พวกหนูต้องขอโทษพี่แทนน้องเค้าด้วยนะคะ จริงๆน้องเค้าเป็นเด็กดีมากๆเลย ทั้งเป็นเด็กเรียน เด็กกิจกรรม เหล้ายาก็ไม่เคยเตะ ไม่เคยเที่ยวไม่เคยทำตัวเกรกมะเหรกเกเรอะไรเลย..” ตอนนั้นเก๋ก็ช่วยพูดยืนยันกับพี่ปอยอีกแรงหนึ่ง ด้วยกลัวว่าพี่ปอยจะไม่เชื่อว่าแม่สาวน้อยบ้าพลังที่ฟาดงวงฟาดงาแข่งกับพี่ปอยเมื่อครู่นั้น จะถึงขั้นเป็นเด็กกิจกรรมของโรงเรียนเราซะด้วย...
ใช่ค่ะพี่..เนยเสียอีกที่เป็นคนเกเรน่ะค่ะพี่ ที่น้องเค้าเป็นอย่างนี้ก็เป็นเพราะว่าเนยพยายามรบเร้าให้เค้ามาเที่ยวกลางคืนด้วยทั้งๆที่เค้าไม่เต็มใจจะมา แล้วน้องเค้าก็ไม่เคยดื่มเหล้ามาก่อนเลย ครั้งนี้น้องเค้าเผลอดื่ม แล้วก็กลายเป็นคุมสติตัวเองไม่ได้จนกลายเป็นคนละคนอย่างนั้นล่ะค่ะ หนูผิดเองด้วยล่ะที่ไปบอกน้องเค้าว่าพวกพี่ปอย เอ่อ..หมั่นไส้ที่เห็นพวกหนูสวยกว่า แล้วน้องเค้าคงจะเห็นว่าพี่ทำท่าเหมือนจะแกล้งพวกเพื่อนเนยด้วย น้องเค้าก็เลย เอ่อ..ทำตัวปีนเกลียวกับพวกพี่ๆอย่างนั้นน่ะค่ะ เนยขอโทษพี่ปอยและเพื่อนๆพี่ปอยแทนกี้ด้วยนะคะ เนยยืนยันว่ากี้เค้าเป็นเด็กนิสัยดีจริงๆ นี่เนยก็ยังไม่คิดเลยว่าดื่มเหล้าแล้วจะเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้..”

พี่ปอยทำหน้าซีเรียสมองพี่อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจ เธอหันไปมองหน้ากี้ด้วยความครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ๆก่อนจะส่ายหน้าหันมาบอกมาสอนพวกพี่ทั้งสี่คนต่อ..

เฮ้อ นี่ล่ะนะที่เค้าว่าเหล้าเข้าปากแล้วนิสัยก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่รู้ว่าเค้าจะรู้ตัวหรือเปล่านะ หรือบางทีก็อาจจะรู้ แต่ว่าเหล้ามันไปทำให้ความละอายในสิ่งที่เค้าเคยคิดว่ามันผิดหมดไป กลายเป็นทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับตัวเองคิดขนาดนั้นอ่ะ ดีนะนี่ที่น้องเค้าเมาแล้วร่วงลงมาก่อนไม่งั้นคงมีอะไรให้ดูอีกเยอะเลยคืนนี้ แล้วพวกผู้ชายพวกนั้นก็เหลือเกิน ขนาดเห็นผู้หญิงเมาไม่ได้สติแท้ๆยังจะมาถ่ายคลิปอนาจารน่าอายอย่างนั้นของเค้าอีก ไม่ให้เกียรติผู้หญิงเลยอ่ะ แย่มากๆไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย ดีนะนี่ที่พี่ตามลบคลิปได้หมด ไม่อย่างนั้นดังกันทั้งก๊กแน่ นี่ล่ะพี่ถึงเป็นห่วงพวกเรากันไง เพราะพี่เห็นสายตาพวกนี้แล้วก็รู้ทันทีว่าพวกมันกำลังคิดอะไรกันอยู่..” พี่ปอยหยุดพูดก่อนจะคิ้วขมวดมองพี่และเพื่อนทั้งสามสลับกันด้วยสายตาที่แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงของเธอจริงๆ
แล้วคืนนี้มันก็ดันเปิดให้อยู่ถึงเช้าอีกอ่ะ ถ้าพวกเราเอาแต่ดื่มๆไปถึงเช้าจนพากันเมาแอ๋อย่างนั้นล่ะก็ พี่ว่าต้องมีใครสักคนในกลุ่มของเราเสร็จพวกมันทั้งก๊กแน่ๆ พี่ถึงพยายามทำตัวน่ากลัวไล่ให้พวกเรากลับกันไง มันก็ผิดที่พี่เองล่ะที่เลือกที่จะทำกริยาทรามๆข่มขู่พวกน้องอย่างนั้น จริงๆพี่จะพูดดีด้วยก็ได้นะ แต่พี่เคยพูดดีๆกับคนแล้วกลายเป็นว่าเค้าคิดว่าพี่อิจฉาที่ผู้ชายมองเค้ามากกว่าพี่ กลายเป็นไม่เชื่อพี่แล้วก็ดื่มจนเมาเสียสติเสร็จพวกนั้นไปซะงั้น พี่ก็เลยเกิดความคิดที่ว่า..บางทีคนเราอาจจะไม่ต้องการเทวดานางฟ้าไว้คอยชี้นำสั่งสอนว่าตรงนั้นไม่ดีห้ามอยู่ตรงนั้นก็เป็นได้ ...จริงๆเค้าอาจจะอยากได้แค่ปีศาจสักตนที่แสดงท่าทางดุร้ายทำให้พวกเขาหวาดกลัวจนไม่คิดที่จะหาเหตุผลให้ต้องทนอยู่กับสิ่งนั้นมากกว่า..”

ยิ่งฟังพี่ปอยพูดพี่ก็ยิ่งรู้สึกผิด ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองโง่งี่เง่าเหลือเกิน ไม่รู้ว่าจะตอนนั้นจะดึงดันดึงรั้นให้กี้มาเที่ยวด้วยทำไมในเมื่อกี้ไม่ได้อยากมาแล้วแท้ๆ ทั้งรับไม่ได้ที่ตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำกี้ให้เมาไม่ได้สติจนกลายเป็นกล้าที่จะทำอะไรบ้าๆเปลืองเนื้อเปลืองตัวอย่างนั้น

เนยนี่แย่จริงๆเลยทั้งๆ ที่หยุดเที่ยวไปแล้วแท้ๆแต่ก็ยังกลับมาเที่ยวอีก แล้วมิหนำซ้ำเนยยังรบเร้าให้แฟนเนยมาด้วยอีก นี่ถ้าเค้าเป็นอะไรไปเนยคงจะไม่ให้อภัยตัวเนยเองแน่ๆ เนยขอบคุณพี่ปอยอีกครั้งนะคะถ้าไม่ได้พี่ปอยช่วยไว้ป่านนี้เนยกับกี้แย่แน่ๆเลยค่ะ ถ้ายังไงเนยขอเบอร์พี่ไว้ได้มั้ยคะ เผื่อวันหน้าเนยจะได้ตอบแทนพี่ได้บ้าง..”
พี่ปอยยิ้มรับก่อนจะรีบโบกมือปฏิเสธ....
ไม่เป็นไรไม่ต้องมาตอบแทนพี่เลย พี่เต็มใจช่วย ถ้าไม่ช่วยก็คงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตเหมือนกัน พี่ขอแค่ให้พวกเราดูแลตัวเองกันดีๆก็พอ อย่าเที่ยวอย่าดื่มเหล้าบ่อยนักเลยถ้ามันยังไม่ถึงเวลาอ่ะ จำไว้ว่าเราเป็นผู้หญิง เป็นสุภาพสตรี รู้มั้ยคำว่าสุภาพสตรีมันจะดูเลอค่าก็ต่อเมื่อเราให้เกียรติคำว่า..สุภาพ..ที่อยู่นำหน้าคำว่า..สตรี..กันด้วย..ถ้าพวกเธอได้มีโอกาสเป็นผู้หญิงเต็มๆตัวแล้ว ก็พยายามรักษาคุณค่าที่พวกเธอควรจะเป็นควรจะมีเอาไว้ด้วยสิ อย่าทำให้มันเสียไป อย่าทำให้มันไร้ค่าหรือแม้กระทั่งไร้เกียรติ..เสียดายแทนคนที่เขาอยากเป็นผู้หญิงแล้วไม่ได้เป็นอย่างพี่บ้าง..เข้าใจป่ะ”
เข้าใจค่ะ” พี่ยิ้มแหยๆก้มหน้าน้อมรับคำสอนของพี่ปอยไปด้วยใจที่เริ่มสำนึกผิดจริงๆ
แล้วพี่ก็ต้องขอโทษพวกเธอด้วยเหมือนกันนะ ที่แกล้งยั่วอารมณ์พวกเธอจนกลายเป็นเรื่องขนาดนี้ พี่ไม่คิดว่าแฟนเราจะบ้าพลังกล้าไฟรท์กับพี่ได้ทุกอย่างทุกกระบวนท่าขนาดนั้น นี่พี่ยังตกใจเลยตอนที่น้องเค้ากล้ากินเหล้าช็อตนั้นได้ เห็นหน้าใสๆแบ๊วๆอย่างนี้นี่ก็แอบแรงเหมือนกันนะนี่ ”

เพื่อนๆทั้งสามพากันหัวเราะหึๆทันทีที่ได้ยินพี่ปอยกระแนะกระแหนกี้อย่างนั้น..

“..ดูแลกันดีๆรักกันดีๆนะ มีแฟนเป็นผู้หญิงด้วยกันอย่างนี้น่ะต้องพยายามประคับประครองดูแลกันและกันไว้นะ หายากนะนี่ผู้หญิงสวยๆสองคนมาคบกันได้แบบนี้นี่ ขนาดพี่น่ะยังไม่มีผู้ชายคนไหนกล้ามาจริงจังจริงใจด้วยเลย นกตลอดอ่ะ คิดแล้วก็อิจฉาว่ะ เอ้า..เอาเป็นว่าพาน้องเค้ากลับบ้านไปพักผ่อนกันเถอะ พี่ก็จะกลับบ้านเหมือนกัน เริ่มๆเมาแล้วนี่ ”

..แล้วหลังจากนั้นประมาณตี4กว่าๆพวกพี่กับเพื่อนๆก็แยกย้ายกันกลับโดยที่พี่มีเก๋ขับรถคันของพี่ไปส่งที่บ้านให้ เพราะพี่เจ็บแขนจนบังคับพวงมาลัยไม่ไหว..”
ฉันตาละห้อยมองไปที่แขนที่เข้าเฝือกของพี่เนยทันทีที่ได้ยินพี่เนยเล่ามาถึงตอนนี้ ให้ตายเถอะยิ่งฟังฉันก็ยิ่งรับตัวเองไม่ได้ ฉันไม่น่าหลงไปดื่มเหล้าแล้วปล่อยให้ตัวเองเมาน่าเกลียดอย่างที่พี่ปอยพูดจริงๆนั่นล่ะ แล้วนี่ก็ไม่รู้ว่าใครจะเห็นอะไรยังไงบ้างนะ ถ้ามีคนรู้จักมาเห็นเข้าแล้วไปบอกพ่อแม่ ฉันจะทำยังไง...เออ..ใช่สินะแล้วพ่อกับแม่ล่ะ ป่านนี้จะไม่โทรตามแล้วเหรอ...
ตายแล้วพ่อกับแม่กี้ล่ะพี่เนย” ฉันตกใจรีบถามพี่เนยทันทีที่นึกขึ้นได้
พี่โทรหาตั้งแต่วันแรกแล้ว..”
โทรหา...วันแรก..หมายความว่าไงพี่เนย”
ก็วันแรกที่กี้นอนหลับหมดสติ พี่ก็รีบโทรไปขออนุญาติพ่อกับแม่ว่าพี่ขอพากี้ไปเที่ยวอีกสักวันสองวันได้มั้ย พ่อกับแม่กี้ก็ไม่ว่าอะไรเพราะเห็นว่าเป็นช่วงวันหยุดอยู่ ตอนนั้นพี่ก็แค่อ้างว่ากี้ไม่กล้าขออนุญาติพ่อกับแม่ พี่ก็เลยอาสาโทรมาขอให้อ่ะ..”
ดะๆเดี๋ยวนะ วันสองวัน หมายความว่าไง นี่กี้อยู่บ้านพี่เนยมากี่วันแล้วนี่ วันนี้วันที่เท่าไหร่แล้วพี่เนย..”ฉันทั้งอึ้งทั้งงงรีบถามพี่เนยด้วยความตกใจทันที..
เอ่อ..วันนี้วันที่2 กี้น่ะนอนสลบมาตั้งแต่วันที่1ยาวมาถึงตอนบ่ายวันที่2เลย แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกวันนี้มันวันหยุดชดเชยโรงเรียนปิดพอดี”
ห๊ะ ขนาดนั้นเลยเหรอ โห..แม่เจ้า กี้ไม่น่าดื่มเลยอ่ะ” ฉันขยำผมไปมาด้วยความเซ็งแสนเซ็งเมื่อได้รู้ผลลัพธ์ที่เกิดกับตัวเองในตอนนี้ มิน่าล่ะเหล้าเค้าถึงทำให้มันรสขมจนคนไม่อยากดื่มเพราะดื่มแล้วจะแย่อย่างนี้นี่เอง ดูสินี่ตัวเองก็สภาพสะบักสะบอมยับเยินไปทั้งตัว ทั้งพี่เนยก็ยังต้องมาเจ็บตัว ทั้งอับอายขายขี้หน้าไม่รู้ว่าใครจะจำได้บ้าง นึกแล้วก็ยิ่งนึกถึงหน้าพี่ปอยยามที่เป็นบียอนเซ่ไปใหญ่ ฉันนี่ติดหนี้บุญคุณพี่เค้ามากมายเหลือเกิน..
“..นี่ถ้ากี้ไม่ได้พี่ปอยช่วยก็ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้างนะ ป่านนี้คลิปคงแชร์กันไปทั้งโรงเรียนแล้ว หรือไม่ก็ดังไปทั้งโซเซียลแล้วมั้ง รู้สึกสำนึกผิดยังไงไม่รู้อ่ะไม่ได้ขอโทษแล้วยังไม่ได้ขอบคุณพี่เค้าอีก กี้เป็นหนี้บุญคุณพี่เค้าอ่ะพี่เนย กี้อยากเจอพี่เค้าและอยากขอบคุณและขอโทษพี่เค้าจัง..”
พี่ก็อยากเจอพี่เค้าอีกครั้งเหมือนกัน รู้มั้ยว่าด้วยควาบซาบซึ้งในพระคุณที่พี่ปอยช่วยเหลือพวกเราไว้ พี่ก็เลยให้น้าชัยไปตามสืบมาแล้วล่ะว่าเค้าเป็นใคร เค้าน่ะรู้จักกับผู้กำกับที่นี่จริงๆอย่างที่เขาข่มขู่ผู้ชายพวกนั้นจริงๆด้วยนะ”
อ้าว..จริงเหรอ”ฉันตาโตร้องถามด้วยความตื่นเต้นทันทีที่ได้ยินพี่เนยบอกอย่างนั้น
ใช่...แต่พี่เค้าไม่ใช่คนจังหวัดเราหรอก เค้ามาจากที่อื่น แต่มาเที่ยวกับเพื่อนๆกลุ่มที่อยู่จังหวัดนี้เป็นประจำ ที่เค้ารู้จักผู้กำกับที่นี่เพราะว่าพ่อเค้าก็เป็นผู้บังคับบัญชาการของภาคเรานี่ไง"
ห๊ะ จริงดิ..”พี่เนยยิ้มยักคิ้วรับทันทีที่ฉันอุทานร้องถามเธอ
ใช่..แล้วพ่อเค้าก็รู้จักกับพ่อพี่ด้วย จริงๆชีวิตจริงเรื่องที่พี่เค้าเป็นเกย์สาวน่ะเป็นความลับไม่ค่อยมีใครรู้นะ วันนั้นน่ะพี่เค้าแอบแต่งหญิงมาเที่ยวไม่ให้คนจับได้เพราะทางครอบครัวของเค้าไม่ยอมรับ คือพี่ปอยเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านและก็ทำงานอยู่ในสายงานที่แบบต้องรักษาภาพลักษณ์ของชายหนุ่มที่เข้มแข็งเอาไว้ ก็เลยทำให้พี่เค้าค่อนข้างเก็บกด ต่อหน้าคนอื่นต้องแอ๊บแมนทำตัวเป็นผู้ชายทั้งแท่ง ทั้งๆที่จริงจิตใจของพี่ปอยนั้นเป็นผู้หญิงเต็มตัวมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เรียกได้ว่าชีวิตส่วนตัวจริงๆพี่ปอยก็ไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่หรอก ก็อย่างที่พี่เค้าบอกว่าเค้าอิจฉาที่เราได้มีโอกาสเป็นผู้หญิงจริงๆอย่างนี้ บางทีพี่เค้าก็คงจะแอบเสียดายที่ผู้หญิงที่มีพร้อมเกือบทุกอย่างอย่างกลุ่มพวกเราจะทำตัวเหลวไหล จนกระทั่งเผลอเสียรู้พวกเสือสิงห์กระทิงแรดจริงๆอย่างนั้นก็ได้ พี่เค้าก็เลยพยายามทำตัวให้เรากลัวตลอดเวลาอย่างนั้น...”

ฉันพยักหน้าเห็นด้วยกับพี่เนยทันทีที่เธอบอกถึงเหตุผลที่พี่ปอยพยายามทำตัวเหมือนจะหาเรื่องเราตลอด ก่อนจะหันไปออกความเห็นกับพี่เนยบ้าง “..น่าสงสารพี่เค้านะ”
ใช่..น่าสงสารมาก อย่างนี้ล่ะนะ..คนที่เป็นอย่างเราบางครั้งชีวิตก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ อยากทำอยากแสดงตัวขนาดไหนก็ทำไม่ได้ เราสองคนนี่ดีเท่าไหร่แล้วเป็นผู้หญิงด้วยกันแต่ก็ยังคบกันได้โดยที่พ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมาก ยิ่งนึกถึงชีวิตของพี่ปอยแล้วพี่ก็ยิ่งรู้สึกผิดอ่ะ ทั้งคิดอะไรได้หลายๆอย่างจากคำสอนของพี่เค้า รู้มั้ยว่าช่วงที่กี้นอนหลับไม่ได้สติอยู่น่ะพี่เฝ้าแต่คิดตลอดเลยว่า พี่จะไม่พยายามไปเที่ยวกลางคืน จะไม่พยายามกินเหล้าหรือแม้แต่ทำตัวเกรกมะเหรกเกเรอะไรอีกแล้วล่ะ มันไม่คุ้มเลยถ้าเราจะเอาชีวิตทั้งชีวิตของเราไปเสี่ยงกับช่วงเวลาที่ไม่มีสติของเราอย่างนั้น ยิ่งมองดูกี้ยิ่งนึกถึงกี้ตอนที่กินเหล้าแล้วเมาอย่างนั้นพี่ก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี เข้าใจเลยล่ะว่าเวลาที่พ่อห่วงพี่หรือกี้ห่วงพี่เวลาเมาเหล้าน่ะเป็นยังไง แล้วก็ตอนที่กี้อยู่ในสภาพโป๊ๆเปลือยกับชุดสวยที่กี้ไม่เต็มใจจะใส่ด้วยนั่นอีก ตอนนี้พี่เข้าใจความรู้สึกกี้แล้วล่ะว่าทำไมกี้ไม่อยากให้พี่ใส่ชุดอย่างนั้นออกไปให้ใครคนอื่นเห็นอ่ะ” พี่เนยยิ้มเจื่อนๆหันมามองฉัน ดูแววตาตอนนี้ก็พอจะรู้ได้ว่าเธอรู้สึกแย่ขนาดไหน

ยอมรับนะว่าตอนแรกๆที่เห็นกี้ใส่มันก็ดูสวย มองดูน่าภูมิใจอยู่หรอก แต่พอมองสายตากระริ้มกระเรี่ยและท่าทางหื่นกามของบรรดาผู้ชายพวกนั้นที่มองกี้ หรือแม้กระทั่งตอนที่มันพยายามถ่ายคลิปกี้ตอนโป๊เปลือยอย่างนั้นมันก็ทำให้พี่รู้สึกแย่ถึงขนาดที่อยากจะเดินไปตบหน้าผู้ชายพวกนั้นทันทีที่มองเห็นแฟนเราในสภาพโป๊ๆเปลือยๆอย่างนั้น ตอนนี้พี่เข้าใจความรู้สึกกี้ได้ดีแล้วล่ะแล้ว..พี่คงไม่พยายามใส่มันออกไปไหนอีกแล้วล่ะถ้าไม่จำเป็นจริงๆ พี่ไม่อยากทำให้กี้หวงพี่จนทรมานใจอย่างที่พี่เป็นแล้วล่ะ”
จริงๆเหรอพี่เนย..”ฉันรีบโผไปซบกอดพี่เนยทันทีที่ได้ยินความรู้สึกผิดของพี่เนยที่กำลังพรั่งพรูออกมาจนเหมือนว่าเธอกำลังสัญญาด้วยความเต็มใจว่า เธอจะไม่ทำในสิ่งที่เธอไม่ชอบและฉันก็ไม่ชอบอย่างนั้นอีกแล้ว
ใช่ พี่คิดอย่างนั้นจริงๆ พี่สัญญาต่อหน้ากี้เลยก็ได้ พี่จะไม่พยายามดื่ม ไม่พยายามเที่ยวหรือแม้แต่แต่งตัวโป๊ๆเปลือยๆออกไปโชว์คนอื่นโดยไม่จำเป็นอย่างนั้นอีกแล้ว แล้วพี่ก็จะไม่บังคับกี้ด้วย ถ้ากี้ไม่อยากไปเที่ยวไม่อยากดื่มเหล้าไม่อยากทำอะไรที่แย่ที่มันไม่ใช่ตัวกี้พี่ก็จะไม่บังคับแล้ว เราสองคนจะพยายามทำตัวเป็นคนดี เป็นผู้หญิงที่ดีไปด้วยกันนะ”
ฉันยิ้มทั้งน้ำตาพยักหน้ารับพี่เนยทันที...
พ่อกับแม่พี่เนยคงดีใจที่เห็นพี่เนยคิดได้เองอย่างนี้ มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นมาก็ดีเหมือนกันนะอย่างน้อยๆก็ทำให้พี่เนยได้รู้ถึงความเป็นห่วงของคนอื่นเสียที แม้มันจะเป็นเรื่องที่น่าขายหน้าสำหรับกี้ยังไง แต่กี้ก็จะพยายามอดทนนะ..”
พี่เนยยิ้มรีบซบไหล่และใช้มือข้างที่ไม่เข้าเฝือกโอบกอดฉันทันที
ขอบใจค่ะ...กี้ไม่โกรธให้พี่แล้วใช่มั้ย”
อืม..ไม่โกรธหรอก โกรธไปก็ไม่มีประโยชน์ ก็มันไม่ใช่ความผิดของพี่เนยคนเดียวนี่นา..ถ้ากี้ไม่เป็นบ้าดื่มเหล้าเป็นน้ำขนาดนั้น เรื่องทุกๆอย่างก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก ยังไงๆพี่เนยก็พยายามแก้สถานการณ์เบื้องหน้าที่เกิดขึ้นฉุกละหุกในตอนนั้นอย่างเต็มที่แล้วนี่นา ถ้ากี้ไม่ได้พี่เนยดึงกี้ให้ตกลงมาก่อนมันก็คงจะงามหน้ากว่านั้นอีกแน่ เห็นแก่ความดีความชอบอันนั้นก็ถือว่าหายกันก็แล้วกัน อย่างมากก็คงจะแค่อายเพื่อนพี่เนยไปตลอดเวลาที่เค้ายังจำได้นั่นล่ะ คิดแล้วก็อายอ่ะ..ทำไปได้ยังไงนี่ เฮ้อ..เหล้าหนอเหล้าไม่น่าดื่มเล้ย..” ฉันทั้งพูดทั้งถอนหายใจตอนนึกถึงเรื่องราวน่าอายที่เกิดจากของมึนเมาตอนนั้น...
“..แต่ก็ช่างมันเถอะ ต่อไปนี้เราก็จะได้รู้ว่าไม่ใช่แต่เฉพาะพี่เนยเท่านั้นนะที่เคยทำตัวเกรกมะเหรกเกเรมาก่อน กี้ก็เคยเหมือนกัน แถมยังแย่กว่าอีก..”
แย่กว่าตรงไหน”
เอ้า..ก็เมาแอ๋เต้นบนโต๊ะถอดเกาะอกแล้วสลบในผับนี่ยังไม่แย่อีกเหรอ”
หึ..โนค่ะ จะบอกว่านั่นเบๆ ของพี่น่ะจัดเต็มกว่านั้นเยอะ กี้ยังไม่ถึงครึ่งของพี่หรอก ไม่งั้นคนเค้าจะรู้จักพี่ทั้งเมืองเหรอ” พี่เนยสแยะยิ้มที่มุมปาก เธอทำเป็นยักไหล่ตอนที่พูดอวดอ้าง..เอิ่ม..เรื่องที่ไม่น่าอวดอ้างเท่าไหร่ของเธอ..
ห๊ะ ยังไงอ่ะ ไหนเล่ามาซิ” ฉันหน้าเหวอรีบถามพี่เนยคืนทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น..นี่ฉันคิดว่าฉันแย่แล้วยังมีคนแย่กว่าฉันอีกเหรอนี่...
เรื่องมันยาว..”พี่เนยทำสายตากรุ้มกริ่มยิ้มมีเลศนัยก่อนจะทำเป็นจีบปากจีบคอพูดต่อ “ไม่เล่าดีกว่า..”
โอ้ย ทำให้อยากแล้วจากไปอีกแล้วอ่ะ..ขี้โกงอ่ะ เล่ามาเดี๋ยวนี้นะๆๆ” ฉันกระโจนเข้าไปกอดพี่เนยทั้งจี้เอวทั้งก้มลงหอม ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกๆคักๆที่เทียวดังเทียวหยุดบ่งบอกถึงความสุขและโล่งใจขนาดไหน ที่ได้รับรู้ว่าตอนนี้เราทั้งสองได้ผ่านเรื่องราวแย่ๆด้วยกันมาได้อีกเรื่องหนึ่งแล้ว...

...แล้วตั้งแต่นั้นมาพี่เนยก็เปลี่ยนแปลงตัวเองจริงๆอย่างที่เธอสัญญา เธอไม่พยายามไปเที่ยวไม่พยายามดื่มเหล้ากับเพื่อนๆของเธอเลยจนกระทั่งจบมัธยม แม้จะมีบางครั้งที่เธอดื่มสังสรรค์กับเพื่อนๆบ้าง แต่เธอก็ดื่มแค่จิบสองจิบพอเป็นพิธี ไม่ดื่มตะบี้ตะบันเหมือนก่อนหน้านั้นอีกแล้ว และการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนจริงๆที่เกิดขึ้นกับตัวของพี่เนยก็คือการแต่งกายของเธอ นับตั้งแต่ตอนนั้นฉันเห็นเธอเก็บเสื้อผ้าสไตล์เซ็กซี่ของเธอออกจากตู้เกือบหมด เธอเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวจากที่เคยแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าผู้ใหญ่กลายเป็นเสื้อผ้าสไตล์วัยรุ่นใสๆที่เด็กสาวอย่างพวกฉันนิยมสวมใส่กันในช่วงเวลานั้น
เหตุการณ์ครั้งนั้นได้คืนความเบ่งบานที่ควรจะเป็นของเด็กสาววัย17กลับมาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่มันออกดอกผิดฤดูกาลตามความวิปโยคแปรปรวนของมรสุมชีวิตกินระยะเวลาเกือบๆจะ5ปีก่อนหน้านั้น ตอนนี้ดอกไม้งามกำลังผลิกลีบบานอวดกลิ่นหอมตามธรรมชาติของเกสร มันค่อยๆบานสะพรั่งจนแลดูงามโดดเด่นกว่าดอกไม้ใดๆที่อยู่ระแวกใกล้เคียงเสียอีก มันเติบโตและเบ่งบานขึ้นเรื่อยๆปีแล้วปีเล่า จากหนึ่งปีเป็นสองปีจนเวลาล่วงเลยมาเป็นเกือบๆจะสิบปีที่เราสองคนได้ใช้ชีวิตและเติบโตไปพร้อมๆกัน...

ซึ่งแม้เวลาจะผ่านมาเกือบๆสิบปีแล้ว และหลายๆคนอาจจะลืมเรื่องราวแย่ๆพวกนั้นไปหมดแล้ว แต่ฉันก็ยังนึกถึงมันเสมอ ด้วยเพราะหนึ่งในความทรงจำตอนนั้นมีเรื่องราวดีๆบางอย่าง ที่ฉันพยายามนึกถึงเพื่อจดจำมันให้ได้ด้วยความสุขใจเสมอ แม้พี่เนยก็พยายามบอกให้ฉันลืมมันให้ได้ยังไงก็ตาม...

...ซึ่งก็เหมือนกับตอนนี้ที่เธอพยายามอ้างเหตุผลข้อนั้นอีกครั้ง เพื่อรบเร้าฉันให้ฉันเข้าไปข้างในผับกับเธอ...

“..นะคะกี้...กี้ก็เห็นนี่ว่า...เดี๋ยวนี้พี่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวกับเพื่อนเลยอ่ะ..”
แต่กี้ไม่อยากไปนะพี่เนย..”

ฉันคิ้วขมวดจ้องหน้าพี่เนยค้างไว้ โดยหวังว่าบางทีเธออาจจะนึกเรื่องอะไรขึ้นได้บ้าง จากคำว่า “ไม่อยากไป” ของฉัน...
“..โธ่กี้ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นเล่า อย่าบอกว่ายังซีเรียสเรื่องพวกนั้นอยู่ กี้น่าจะลืมได้แล้วนะคะ พี่ก็บอกแล้วไงว่าอย่าไปจำมันเลยเรื่องพวกนั้นน่ะ..”
กี้ต้องจำค่ะพี่เนย ต้องจำเพราะว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่กี้นึกขอบคุณเรื่องราวในตอนนั้นเสมอ ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงจะไม่มีวันนี้กันหรอก พี่เนยจำเรื่องนั้นไม่ได้หรือไง..ทำไมถึงยังเซ้าซี้ในสิ่งที่กี้ไม่อยากทำอีกล่ะ..”
พี่เนยคิ้วขมวด เธอจ้องมองฉันด้วยความสงสัยอยู่ครู่นึงก่อนจะถามฉัน “เรื่องอะไรคะ...”
ฉันหัวเราะหึๆทันทีที่ได้ยินพี่เนยถามอย่างนั้น...

นึกแล้วว่าต้องจำไม่ได้ รู้มั้ยว่าทำไมกี้ถึงต้องจำเรื่องราวในวันนั้น จริงๆแล้วกี้ไม่ได้สนใจที่จะจำเรื่องน่าอายพวกนั้นเท่าไหร่หรอก เพราะมันไม่มีอะไรให้น่าจดจำเลย ความทรงจำพวกนั้นมันไม่มีอะไรที่ดีงามน่าจำเท่ากับเรื่องที่ว่า นั่นเป็นครั้งแรกที่พี่เนยเต็มใจสัญญากับกี้ว่าพี่เนยจะไม่พยายามดื่ม ไม่พยายามเที่ยวหรือแม้แต่แต่งตัวโป๊ๆเปลือยๆ และที่สำคัญคือพี่เนยบอกว่าจะไม่บังคับในสิ่งที่กี้ไม่ชอบด้วยอีกอ่ะ พี่เนยจำไม่ได้หรือยังไง..”
...พี่เนยอึ้ง เธอนั่งเงียบคิดตามเรื่องที่ฉันพูดมาอยู่พักใหญ่ๆ...

ถ้าพี่เนยจะทำเป็นลืมเรื่องพวกนั้น หรือลืมแม้กระทั่งว่าตอนนั้นพี่เนยและกี้รู้สึกแย่จนถึงขั้นต้องสัญญากับตัวเองว่าจะไม่บังคับในสิ่งที่กี้ไม่อยากทำอย่างนั้นอีกแล้วล่ะก็..มันก็คงไม่เรียกว่าคำสัญญาแล้วล่ะนะ..”

ฉันหยุดพูดแล้วจ้องไปที่ใบหน้าพี่เนย ตอนนี้เธอก้มหน้าครุ่นคิดทบทวนความทรงจำเก่าๆของเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้ามาหัวเราะและยิ้มให้ฉัน..

เฮ้อ..พี่นี่แย่จริงๆลืมตลอดเลย เอาล่ะไม่ลงไปก็ไม่ลงไปค่ะ..กลับไปนอนพักผ่อนกันเถอะนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปวัดตั้งแต่เช้า..” เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์พี่เก๋ก่อนจะโทรบอกเหตุผลที่เธอต้องรีบกลับบ้านกับเพื่อนสาวของเธออยู่ครู่ใหญ่ๆ โดยที่เธอก็ตัดสินใจออกรถจากหน้าผับไปตั้งแต่ตอนที่เริ่มคุยสายด้วยเลย...
ตอนนี้เมื่อเธอวางสายเธอก็ละตาจากพวงมาลัยหันมายิ้มให้ฉัน ก่อนจะเอื้อมมือที่จับคันเกียร์นั้นมาจับมือฉันไปกุมไว้ตรงคันเกียร์รถด้วย..

“..พี่ขอโทษนะที่ทำให้กี้รู้สึกไม่ดีตอนที่นึกถึงเรื่องแย่ๆเก่าๆพวกนั้นอีกครั้งน่ะ เอาล่ะค่ะ..ต่อไปนี้ก็ขอชีวิตเราเหมือนรถคันนี้แล้วกันนะ เราจะใส่เกียร์เดินหน้าเร่งสปีดมันไปหาวันใหม่ ไปหาเรื่องราวใหม่ๆ ไปหาอนาคตใหม่ๆ โดยที่เราจะไม่วกกลับเข้าไปจอดที่เดิมกันอีก ขอให้เรื่องราวในอดีตต่างๆเป็นเหมือนเชื้อเพลิงที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนรถให้วิ่งไป แต่มันจะไม่หนักจนเป็นภาระให้กับเรา เพราะว่ามันจะเผาไหม้ตัวของมันเองไปเรื่อยๆ คิดซะว่าอดีตแย่ๆเก่าๆก็คือควันเสียของรถ ไม่นานมันก็จะสลายหายไปในอากาศเอง ให้อดีตที่ดีเป็นเหมือนน้ำมันที่ยิ่งเติมก็ยิ่งวิ่งไกล ก็เหมือนกับประสบการณ์ชีวิตที่มันขับเคลื่อนให้เราต้องวิ่งตลอดนั่นล่ะนะ อันไหนที่ดีเราก็จำ อันไหนที่ไม่ควรจำเราก็ลืมมันไปนะคะ..” เธอหยุดพูดแล้วละตาจากพวงมาลัยหันมายิ้มหวานให้ฉัน...

กี้ไม่โกรธให้พี่ใช่มั้ยคะ...”
ไม่โกรธสิคะ พี่เนยเลือกทำในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับกี้อย่างนั้นแล้ว กี้ยังจะต้องโกรธอะไรอีก”

ฉันก็ยิ้มหวานตอบรับนางฟ้าของฉันไป ก่อนจะค่อยๆเอนหัวลงไปซบไหล่เธอ แล้วมองดูเธอบังคับพวงมาลัยเบื้องหน้าด้วยความมุ่งมั่น ตามคำสัญญาของเธอที่ว่าจะพาฉันขับเคลื่อนไปสู่เส้นทางแห่งอนาคตที่มั่นคงและแสนหวาน อย่างนั้นตลอดไป......


จบตอนพิเศษ

First date night