Lovely Mafia Girl
ลูกสาวเจ้าพ่อ ขอเป็นแฟนหนู
Special part : First date night
Chapter
6
บทสรุปของ Lady
and Gentleman..
โอ้ย....
อาการปวดหัวรุนแรงจนเหมือนมีเข็มนับพันๆเล่มวิ่งชนมาที่หัวของฉัน
ปลุกให้ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาเพ่งมองไปรอบๆตัวว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับหัวของฉันในตอนนี้กันแน่...
ฉันมองไปตามแสงแดดที่ส่องทะลุผ้าม่านปรับแสงเข้ามายังพื้นผนังห้องสีครีมเหลือง
ทางของแสงทอดผ่านมายังพื้นไม้ปาเก้ที่ถูกปูทับด้วยพรมปูพื้นขนยาวสีน้ำตาลอ่อนที่ตรงปลายเตียง
ลาดแสงทอดยาวมาจนถึงพื้นเตียงที่ปกคลุมไปด้วยผ้าห่มนวมสีเหลืองครีมผืนนุ่ม
ซึ่งก็เข้าชุดกับบรรดาเครื่องนอนต่างๆไม่ว่าจะเป็นผ้าปูที่นอน
หมอน หมอนข้าง
หรือแม้แต่ความเย็นเจี๊ยบของเครื่องปรับอากาศ
และกลิ่นหอมๆเหมือนมีดอกไม้นาๆพันธุ์อยู่รอบๆตัว
ก็ล้วนแล้วแต่เป็นรายละเอียดที่ชวนคุ้นตา
ที่ทำให้รู้ว่านี่ก็คือห้องนอนของพี่เนยนั่นเอง...
ฉันพยุงตัวเองพยายามลุกขึ้นนั่ง
แต่อาการปวดระบมเจ็บจี๊ดๆไปทั้งเนื้อทั้งตัวที่ฉันกำลังเป็นอยู่
ณ ตอนนี้นั้นก็ชวนให้ฉันสงสัยเหลือเกินว่า
เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของฉันบ้าง
..โอ้ย...ทำไมมันเจ็บที่ก้นแรงขนาดนี้ล่ะ...
พอฉันทำท่าจะขยับลุกขึ้นยืนกลายเป็นว่าก้นของฉันก็ดันแสดงอาการเจ็บออกมามากกว่าส่วนต่างๆของร่างกายในตอนนี้เสียอีก
ฉันพยายามก้มลงมองทั้งแขนทั้งขาก็เห็นเป็นรอยฟกช้ำดำๆเขียวๆเป็นจ้ำๆไปทั่ว
แถมยังมีพลาสเตอร์ปิดแผลและรอยยาแดงแปดๆเปื้อนๆเต็มแขนเต็มขาฉันไปหมด..
...เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของฉันนี่
ทำไมฉันถึงมีแผลไปทั้งเนื้อทั้งตัวอย่างนี้..ฉันทั้งคิดทั้งก้มลงมองสำรวจร่างกายตัวเอง
ก่อนจะรีบดึงรั้นคอเสื้อชุดนอนตัวเองออกกว้างๆเพื่อก้มลงมองเข้าไปสำรวจร่างกายภายในร่มผ้าเมื่อตอนที่นึกขึ้นได้ถึงความปลอดภัยของร่างกายในส่วนนี้....
“รู้สึกตัวแล้วเหรอกี้...”ยังไม่ทันที่จะได้สำรวจถึงความผิดปกติของร่างกายอะไรมากมาย
เสียงใสๆเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย
ก็ดังเข้ามาดึงความสนใจจากฉันให้รีบละใบหน้าขึ้นมองดูที่มาของเสียงทันที...
พี่เนยนั่นเอง
ตอนนี้เธอในชุดนอนกางเกงขาสั้นกำลังประคับประครองชามสแตนเลสใส่อะไรมาสักอย่างเปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง
โดยที่มือข้างซ้ายนั้นจับชามไว้และมือข้างขวาช่วยประครองชามแบบเก้ๆกังๆเอาไว้ไม่ให้มันตก
เนื่องจากใช้แขนข้างนั้นจับตรงๆไม่ได้เพราะมัน...
..เข้าเฝือกอยู่..
“เฮ้ย
พี่เนยเป็นอะไรอ่ะ”
ฉันรีบลุกขึ้นวิ่งไปหาพี่เนยทันทีที่นึกขึ้นได้
ตอนนี้เมื่อไปยืนช่วยจับชามสแตนเลสใกล้ๆก็เห็นว่ามันคือชามน้ำที่ข้างในมีผ้าขนหนูแช่เอาไว้อยู่
พี่เนยคงจะเตรียมผ้าซับน้ำมาเช็ดตัวให้ฉันนั่นเอง
ฉันจับชามนั่นออกไปวางที่โต๊ะใกล้ๆประตูพร้อมๆกับยื่นมือไปจับแขนข้างที่เข้าเฝือกด้วยความเป็นห่วง
แม้ตอนนี้อาการปวดหัวและปวดเนื้อปวดตัวของฉันจะยังไม่หายดี
แต่ความเป็นห่วงหญิงสาวที่ตัวเองรักเมื่อเห็นว่าเธอก็เจ็บตัวจากอะไรสักอย่างเหมือนๆกันกับฉันจนถึงขั้นได้เข้าเฝือกขนาดนี้
ก็ทำให้ฉันลืมนึกถึงอาการก่อนหน้านั้นไปจนหมดสิ้น
“พี่เนยเป็นอะไรเนี่ย
ทำไมแขนพี่เนยเข้าเฝือกล่ะ
เกิดอะไรขึ้นนี่ แล้วๆแล้วตัวกี้อีก
ทำไมกี้เจ็บไปทั้งเนื้อทั้งตัวกี้เลยอ่ะพี่เนย”
ฉันทั้งถามทั้งค่อยๆประคับประคองพี่เนยให้มานั่งที่ปลายเตียงด้วยกัน
ตอนนี้สีหน้าเธอก็ดูกังวลไม่น้อยกว่าฉันเลย
เธอยื่นไม้ยื่นมือมาลูบไปทั่วๆใบหน้าฉันด้วยความห่วงใย
“นี่ถึงขนาดจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ..”
ฉันพยักหน้าตอบรับพี่เนย
ก่อนที่พี่เนยจะเลิ่กคิ้วด้วยความสงสัยกลับมาถามฉันอีกครั้งหนึ่ง
“จริงๆอ่ะ”
เมื่อเห็นอาการเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งของพี่เนย
มันก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจจนถึงขึ้นต้องนั่งนิ่งพยายามนึกภาพประติดประต่อเรื่องราวก่อนหน้าที่ฉันจะรู้สึกว่าโลกนั้นมืดดับไป...
..อืม..เคาน์ดาวน์
เหล้า กระเทย เพลง I
will Suvive แข่งเต้น
เหล้าที่มีไฟ และ..และ...เกาะอก...
เฮ้ย??!!
..ฉันสะดุ้งรีบเอามือมาโอบหน้าอกตัวเองทันทีที่เริ่มนึกถึงลำดับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น..จนมาถึงเกาะอก..
“เฮ้ย
พี่เน้ย..กะกะ.เกาะอกๆๆๆ
มันๆๆๆ โอ้ยๆตายแล้วๆๆ..”
ตอนนี้ฉันเสียงหลงพูดจาติดๆขัดๆฟังดูไม่เป็นประโยค
ได้แต่หันหน้าแดงๆและท่าทางเลิ่กๆลั่กๆแสดงให้เห็นถึงความอายและตกใจขนาดไหน
เมื่อเผลอตั้งคำถามกับตัวเองว่า
เกาะอกฉันไปไหน??
และมันยังอยู่กับฉันมั้ย??
เมื่อโลกมืดไปตอนนั้น...
พี่เนยยิ้มเจื่อนๆพยายามยื่นมือข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกมาลูบหลังปลอบใจฉันที่ตอนนี้เริ่มหน้าซีดลงเรื่อยๆด้วยความรู้สึกที่ว่าตัวเองกำลังหน้ามืดจะเป็นลมเข้าให้แล้ว
“โอ้ย
จะเป็นลม เกิดอะไรขึ้นกับกี้บ้างนี่พี่เนย”
น้ำเสียงอ่อนละโหยโรยแรงของฉันพยายามถามพี่เนย
ทั้งๆที่ตัวเองกำลังหงายหลังเงิบทิ้งตัวลงนอนไปบนที่นอนด้วยความรู้สึกวินเวียนอ่อนล้าจนไม่สามารถจะทรงตัวนั่งคุยตรงๆกับพี่เนยได้..แต่กระนั้นก็ยังพยายามพยุงร่างกายช่วงบนขึ้นมารวบรวมสติสัมปชัญญะถามพี่เนยไปทีละคำ
จนกระทั่งจบประโยคคำถามที่แสนจะปวดใจเมื่อนึกถึงมันเข้า...
“เกาะ..อก..กี้..มันยังอยู่กับกี้มั้ย...ตอนนั้น”
พี่เนยกลืนน้ำลาย
ค่อยๆส่ายหน้าแล้วตอบคำถามด้วยเสียงสั่นๆเบาๆ...
“ไม่..”
“โอยยย..”
ฉันหลับตาทิ้งตัวแผ่หลาลงบนเตียงอีกครั้งหนึ่ง
เหมือนคนโดนกระสุนเจาะทะลุหัวใจจนหมดลมหายใจทันทีที่ได้ยินเสียงปืนจากคำตอบพี่เนยอย่างนั้น..
“ตายแล้วๆ
กี้จะเอาหน้าไปไว้ไหนนี่
มีใครเห็นบ้างนี้
โอ้ยๆๆทำไมกี้ต้องมาเจอเหตุการณ์อย่างนี้ด้วย
กี้ไม่น่าไปเที่ยวกับพี่เนย
กี้ไม่น่าดื่มเหล้าเลยอ่ะ..”
ฉันร้องโอดโอยครวญครางทั้งกลิ้งตัวไปมาด้วยรับไม่ได้เมื่อเริ่มนึกถึงกลุ่มผู้ชายหน้าตาหื่นกามที่อยู่ข้างๆโต๊ะ
อีกทั้งพวกที่เดินเข้ามาเชียร์และมองดูฉันเต้นกับพี่กระเทยกลุ่มนั้นอีก
เออ..ใช่...เพราะพวกนี้แท้ๆ..ฉันคิ้วขมวดทันทีเมื่อนึกขึ้นได้...
“..เพราะอีพี่กระเทยกลุ่มนั้นแท้ๆ
บ้าๆๆ บ้าที่สุดเลยอ่ะ โธ่เว้ย
เพราะอีพี่กระเทยบียอนเซ่คนนั้นแท้ๆ”
ฉันตีอกชกตัวไปด้วยความรู้สึกทั้งโกรธให้พี่กระเทยกลุ่มนั้นทั้งโมโหให้ตัวเองไม่รู้จะทำอย่างไร
พี่เนยเลิ่กคิ้วมองหน้าฉันด้วยความสงสัยทันทีที่ได้ยินฉันเรียกฉายาพี่กระเทยคนนั้นที่ฉันเรียกของฉันอยู่ในใจคนเดียว
จนเธอนึกออกว่าใครคือคนที่ฉันว่า...
“เฮ้ยกี้ใจเย็นๆก่อน
อย่าพึ่งโวยวายตีโพยตีพายสิ
เรื่องมันอาจจะไม่แย่อย่างที่คิดก็ได้
แล้วก็อย่าไปว่าพวกพี่เขาเชียวนะ
ถ้ากี้จำเรื่องหลังจากนั้นไม่ได้อ่ะ”
พี่เนยทั้งพูดทั้งเอื้อมมือข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกมาจับมือห้ามฉันไว้
“รู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากนั้นอ่ะ...”
ฉันหยุดร้องนอนเงียบมองพี่เนยทันทีที่ได้ยินพี่เนยว่าอย่างนั้น
พี่เนยเลิกคิ้วส่งสัญญาณเป็นการทวนคำถามฉันซ้ำอีกครั้ง
ก่อนที่ฉันจะส่ายหน้าแล้วคิ้วขมวดจ้องมองพี่เนยด้วยความรู้สึกสับสน
ทั้งโมโหทั้งงงทั้งสงสัยในสิ่งที่พี่เนยกำลังตั้งคำถามคืนกลับมาอย่างนั้น..
“ถ้าอย่างนั้นกี้ฟังพี่นะ..เรื่องมันเริ่มจาก...
...หลังจากที่กี้ตะเกียกตะกายปีนโต๊ะขึ้นไปได้
ตอนนั้นพี่ยอมรับว่าพี่ตกใจมากเลยทั้งพวกเก๋
เน็ตตี้และนุ่มนิ่มไม่มีใครคาดคิดว่ากี้จะกล้าทุ่มทุนแข่งเต้นกับพี่กระเทยกลุ่มนั้นถึงขนาดปีนโต๊ะขึ้นไปแข่งด้วยขนาดนั้น
ตอนนั้นพี่ก็พยายามร้องเรียกกี้อยู่เรื่อยๆแต่ก็เหมือนว่ากี้จะไม่ได้ยินเสียงเรียกของพี่เลย
ดูกี้มีความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะพี่กระเทยบียอนเซ่คนนั้นเหลือเกิน
ยิ่งได้เห็นกี้ดื่มเหล้าช็อตนั้นเข้าไปนะพี่ก็ยิ่งตกใจทำอะไรไม่ถูกเลย
ยอมรับว่าตอนนั้นพี่อึ้งมากไม่คิดว่ากี้จะกล้าดื่ม
B55ที่พี่ยังขยาดได้อึ๊กเดียวหมดขนาดนั้น
ตอนนั้นพี่นี่กุมขมับเลย
คิดในใจว่าไม่นานกี้ต้องร่วงแน่ๆ..
แล้วก็เป็นดังคาด
เพราะหลังจากนั้นไม่นานกี้ก็เริ่มโอนเอนเหมือนคนกำลังจะหมดสติ
ทั้งๆที่กี้กำลังพยายามทำในสิ่งที่พี่และเพื่อนๆทั้งสามคนตกใจจนแทบจะร้องกรี๊ดทันที
เมื่อเห็นว่ากี้กำลังถอดเกาะอกของตัวเองออกตามเสียงกองเชียร์ที่ส่งเสียงร้องอื้ออึงแข่งกับเสียงเรียกสติที่พี่พยายามเรียกกี้ให้หยุดในตอนนั้น
แต่ก็ไม่มีประโยชน์เพราะทันทีที่พี่เริ่มวิ่งแทรกตัวผ่าวงล้อมเข้าไปประชิดโต๊ะที่กี้ยืน
กี้ก็แกะตะขอเกาะอกของตัวเองออกแล้ว
ตอนนั้นด้วยอารมณ์ตกใจคิดอะไรไม่ออก
ไม่รู้ว่าจะช่วยกี้ที่เกาะอกกำลังจะหลุดออกจากตัวเองอย่างนั้นอย่างไรดี
เลยได้แต่เอื้อมสองแขนขึ้นไปกระชากดึงเอวกี้ให้ตกลงมาจากโต๊ะตัวนั้น
ซึ่งก็ได้ผลเพราะตอนนั้นเหล้าช๊อตคงกำลังออกฤทธิ์พอดี
กี้ก็เลยเซวูบหลับหมดสติตกจากโต๊ะตัวนั้นลงมาสู่อ้อมกอดของพี่พร้อมๆกับเกาะอกกี้ชิ้นนั้นด้วยพอดี...
ทุกสิ่งทุกอย่างหลังจากนั้นเกิดขึ้นไวมาก
กี้ตกลงจากโต๊ะแล้วกระแทกใส่แขนพี่อย่างแรงจนพี่เซล้มลงไปกองกับพื้นฟอร์พร้อมๆกับร่างของกี้
โดยที่กี้นอนสลบทับอยู่ด้านบนร่างของพี่
ตอนนั้นพี่รู้สึกเจ็บแขนขวาของตัวเองมากคงจะเป็นเพราะโดนกี้กระแทกตอนที่ร่วงลงพื้นไป
ก็ด้วยความที่พี่ก็ตั้งใจที่จะยื่นมือไปกอดบังร่างกายช่วงบนที่เกือบๆจะเปลือยเอาไว้
ไม่ให้ใครเห็นเนินเนื้อหน้าอกที่มีเพียงบราชั้นในประคับประครองไว้เท่านั้นด้วยล่ะ
เลยทำให้ร่างของกี้ตกใส่แขนของพี่แรงอย่างนั้น.....”
“อ๋อ
นี่ที่แขนพี่เนยเข้าเฝือกเป็นเพราะกี้เองเหรอนี่..”
ฉันรีบลุกขึ้นมานั่ง
ยื่นมือไปจับแขนข้างที่เข้าเฝือกของพี่เนยด้วยความเป็นห่วงทันที
“โธ่พี่เนย ไม่น่าเลยอ่ะ
แล้วนี่แขนพี่เนยก็เลยหักเลยเหรอ..”
“ก็ข้อเคลื่อนนิดหน่อย
จริงๆมันก็พอหายเองได้อยู่
แต่พ่อพี่คงอยากให้พี่พักผ่อนไม่อยากให้พี่ออกไปไหนด้วยมั้งก็เลยบอกให้หมอเข้าเฝือกให้เลย..”
“พะ..พ่อรู้ด้วยเหรอ”
ฉันหน้าเจื่อนรีบถามพี่เนยด้วยเสียงอ่อยๆทันทีที่ได้ยินพี่เนยพูดถึงพ่อ
ซึ่งพี่เนยก็ตอบรับสั้นๆใบหน้ามองดูซีดๆเจื่อนๆไม่แพ้ฉันเลย
“อืม...”
โอย..ตอนนี้ฉันหน้ามืดลมจะใส่อีกรอบที่สอง
หมดกันๆเด็กสาวที่แสนจะไร้เดียงสาที่อุตสาห์ให้สัญญากับพ่อของหญิงสาวคนที่เธอรักเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูแลไม่ให้เขากลับไปทำตัวเหลวไหลอีก
ตายๆฉันจะสู้หน้าพ่อพี่เนยยังไง
กลายเป็นฉันเสียเองที่กินเหล้าเมาหยำเปไม่เป็นผู้เป็นคนอย่างนั้น..
พี่เนยมองฉันนั่งหน้าซีดคิ้วขมวดอยู่นานจนนึกสงสารเลยยื่นมือมาลูบหลังปลอบใจฉัน...
“ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ
พ่อพี่ไม่ได้ว่าอะไรกี้หรอก
พี่ก็แค่เล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อฟัง
ตอนแรกพี่ก็ว่าจะโกหก
แต่คิดๆดูแล้วคนที่อยู่ในนั้นบางคนก็รู้จักพ่อยังไงๆวันหนึ่งความจริงก็ต้องรู้ถึงหูพ่ออยู่ดี
สู้พี่บอกความจริงโดยบอกพ่อว่าพี่เป็นคนผิดเองที่เผลอปล่อยให้กี้ดื่มเหล้าเมาหนักโดยที่กี้ไม่เต็มใจอย่างนั้นคงจะดีกว่า...”
พี่เนยยิ้ม
ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมาลูบหัวฉันแล้วเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากนั้นต่ออีก....
“..หลังจากนั้นเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายก็เกิดขึ้น
ซึ่งมันไวมากแค่ช่วงเวลาไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น
บรรดากองเชียร์ผู้ชายที่อยู่รอบๆ
โดยเฉพาะกลุ่มปากหมาท่าทางหื่นๆที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆของเรา
ก็รีบวิ่งเข้ามาล้อมวงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปกี้กัน
ซึ่งจริงๆก็มีบางคนที่เริ่มถ่ายกี้ไว้ตั้งแต่กี้ปีนโต๊ะขึ้นไปเต้นแล้ว
แต่ภาพเคลื่อนไหวก่อนหน้านั้นมันไม่ได้น่าเกลียดและชัดเจนเห็นหน้ากี้ในระยะใกล้ขนาดนี้
ตอนนั้นพวกเพื่อนพี่ทั้งสามคนก็โดนเบียดให้ออกไปยืนอยู่วงนอกตั้งแต่ตอนที่กี้ปีนโต๊ะขึ้นไปแล้ว
เพราะตอนนั้นคนเข้ามาเชียร์กี้กับพี่กระเทยเต้นนั้นเยอะมากทำให้พวกนั้นเบียดเข้ามาช่วยพี่กับกี้ที่อยู่ด้านในติดกับโต๊ะพี่กระเทยพวกนั้นไม่ได้...
ตอนนั้นพี่คิดอะไรไม่ออกทำอะไรกับพวกมันก็ไม่ได้
แม้จะพยายามสบถด่าห้ามปรามมันยังไง
มันก็ยังไม่เลิกถ่ายกันอยู่ดี
พี่ได้แต่นั่งร้องไห้ก้มเอาตัวเองบังและกอดกี้ไว้โดยหวังว่ามันจะช่วยปิดบังส่วนที่ไม่น่ามองของกี้
ไม่ให้กล้องพวกนั้นถ่ายติด...
ระหว่างที่กำลังร้องห่มร้องไห้
เพราะคิดอะไรไม่ออกว่าจะหาทางช่วยกี้และพากี้ฝ่าวงล้อมพวกผู้ชายพวกนี้ออกไปยังไงดี
อยู่ๆก็มีเสียงสวรรค์ดังแทรกเข้ามากลางวง....
“??!!!เฮ้ย??!!..อะไรวะ!!???
น้องเค้าเมาไม่ได้สติ
พวกมึงยังจะกล้าถ่ายน้องเค้าอีกเหรอ
มึงลบคลิปออกเลยนะ ลบเลยนะ
อย่าให้กูโมโห เดี๋ยวกูต่อยพวกมึงหน้าแหกเลย”
...เป็นเสียงทุ้มๆห้าวๆของผู้ชายดังออกมาจากทางด้านหลังพี่
ทำให้พี่รีบหันกลับไปดูว่าเจ้าของเสียงที่เหมือนจะเป็นพระเอกขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยเราทั้งสองนี้คือใคร
...แต่แล้วก็ต้องตกใจจนอ้าปากค้างทันทีเมื่อพบว่า...เจ้าของเสียงหล่อๆแมนๆเสียงนั้นก็คือ...
….พี่กระเทยสวยที่หน้าเหมือนบียอนเซ่คนนั้น...
ตอนนี้พี่คนนั้นกระโดดลงมาจากโต๊ะพร้อมๆกับกระชากวิกผมของตัวเองทิ้ง
เขาเดินมากระชากคอเสื้อผู้ชายที่ยืนถ่ายคลิปกี้อยู่ด้านหลังด้วยท่าทางแมนๆแบบผู้ชายอกสามศอก
ผิดกับท่าทางกระตุ้งกระติ้งที่เราเจอก่อนหน้านั้นลิบลับ
พี่คนนั้นทั้งขู่ทั้งกระชากคอเสื้อทำท่าเหมือนจะต่อย
ทั้งพยายามบังคับให้ผู้ชายพวกนั้นลบคลิปออกให้หมด
จนพวกชายพวกนั้นยอมลบแล้วรีบแยกย้ายกันไปเพราะพี่คนนั้นบอกว่ารู้จักนายตำรวจที่เป็นผู้กำกับการของที่นี่
ไม่เพียงแต่พี่บียอนเซ่เท่านั้น
ตอนนี้กลุ่มพี่กระเทยสวยทั้งกลุ่มกำลังวิ่งกรูมาล้อมวงยกแขนบังพี่กับกี้เอาไว้ด้านในไม่ให้ใครเห็นภาพกี้โป๊ด้านในวงล้อมพวกเค้าอีก
ซึ่งพอพี่บียอนเซ่ไล่ลบคลิปจากพวกผู้ชายพวกนั้นจนหมดแล้ว
เธอก็รีบหยิบเอาเสื้อนอกที่อยู่แถวๆโต๊ะเธอเดินเข้ามาคลุมตัวให้กี้ทันที...
...พี่นั้นช๊อคตาค้างตั้งแต่ได้ยินเสียงแมนๆห้าวของพี่คนนั้นแล้ว
ยิ่งมาเห็นพี่เค้าถอดวิกผมออกโชว์ให้เห็นผมสั้นเกรียนทรงทหารก็ยิ่งทำให้ช๊อคเข้าไปใหญ่
ตอนนี้เลยได้แต่ตาค้างตัวแข็งทื่อนั่งมองดูว่าพี่คนนั้นจะทำอะไรต่อไปยังไง...
“ว้ายตายแล้ว..น้องเค้าเป็นไงบ้างอ่ะ
น็อคเลยหรือเปล่านี่
พี่ว่าแล้วกินช็อตนั้นไปไม่น่ารอดหรอก
หูย..แล้วดูดิ..หลับกลางอากาศเลยอ่ะ..โอ..แม่เจ้า..”
พี่คนนั้นกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงกระตุ้งกระติ้งสาวแตกของเธออีกครั้ง
เธอทั้งพูดทั้งกรีดมือประครองวงหน้ากี้มาพลิกซ้ายพลิกขวาดูอาการ
โดยหวังว่ากี้คงจะได้สติลืมตาขึ้นมามองเธอบ้างแต่ก็เปล่า
กลายเป็นกี้ยังคออ่อนคอพับเมาหลับไม่ได้สติต่อไป..
พี่คนนั้นหันซ้ายหันขวามองข้างๆตัวพี่และกี้ก่อนจะไปเจอเกาะอกที่ตกอยู่ด้านข้าง
เธอจึงหยิบเกาะอกนั้นขึ้นแล้วบอกให้พี่กางเสื้อคลุมออกบังกี้ไว้
ก่อนจะช้อนร่างกี้ขึ้นแล้วพยายามสวมเกาะอกใส่ไว้ให้กี้ดังเดิม
“อ่ะ..โอเคแล้ว
เอาเสื้อคลุมน้องเค้าสวมทับอีกทีแล้วกันนะ”
พูดเสร็จพี่คนนั้นก็ลุกขึ้นยืนชำเรืองมองไปที่โต๊ะเก่าของเราก่อนจะหยิบเอาเสื้อคลุมสีดำของกี้รวมทั้งกระเป๋าของพวกเราทั้งสองคนที่วางอยู่บนโต๊ะส่งมาให้พี่ถือไว้
“โชคดีนะนี่ที่กระเป๋าไม่หายคนตั้งเยอะตั้งแยะ
สงสัยพากันมองดูพี่กับน้องคนนี้ไฟรท์กันจนตะลึงไม่ทันได้มองเห็นของมีค่า...น้องเค้าเป็นแฟนเราใช่ป่ะ
ทีหลังก็ดูแลกันดีๆด้วยสิ
เป็นผู้หญิงยิงเรืออย่าปล่อยให้ตัวเองกินเหล้าเมาแอ๋น่าเกลียดขนาดนี้สิ
อันตรายนะนี่รู้มั้ย
พี่น่ะมองดูพวกเราตั้งแต่ตอนเดินเข้ามาแล้ว
เห็นผู้ชายมันนั่งมองโต๊ะเราตาเป็นมันกันทั้งโต๊ะจนใจพวกพี่เริ่มกลัวแทน
คิดว่าถ้าปล่อยให้อยู่ดื่มจนเมาไม่ได้สติคงได้โดนพวกผู้ชายพวกนั้นลากไปทำอะไรกันทั้งโต๊ะแน่ๆ
นี่เลยคิดว่าจะแกล้งทำให้พวกเรากลัวๆพวกพี่แล้วจะได้หาทางกลับบ้านกันไป
แต่กลายเป็นว่าพวกเราไม่กลัวแถมไม่ยอมกลับซะนี่
เออ..แล้วก็ยังเด็กอยู่แท้ๆเข้ามาเที่ยวกันได้ยังไงนี่
เดี๋ยวตำรวจก็มาจับหรอกไม่กลัวหรือไง...พี่ล่ะกลัวแทนจริงๆ..”...
“จะ..จะ...จริงเหรอพี่เนย...”
ฉันถามแทรกพี่เนยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
ทั้งเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งทั้งตะลึงทั้งอึ้งคละเคล้าในความรู้สึกที่ได้รู้เรื่องที่พี่เนยเล่ามาในตอนนี้...
“จริง..”
ฉันร้องโอ้ยเอามือตบขมับตัวเองซ้ำๆทันทีที่ได้ยินพี่เนยตอบรับคำถามฉัน
….โอ้ยๆๆให้ตายเถอะฉันทำอะไรลงไปนี่
กลายเป็นคนที่เหมือนจะเป็นศัตรูเสียเองหรือนี่ที่ช่วยเหลือให้ฉันรอดพ้นจากสถานการณ์เลวร้ายในตอนนั้น
โอย....ฉันล่ะหลงสบถด่าคำหยาบพวกเขาในใจไปตั้งหลายรอบแล้ว
ทำยังไงดีนี่ ทำไมฉันถึงแย่อย่างนี้..
ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งรู้สึกผิดได้แต่ก้มหน้าซบลงกับไหล่พี่เนยแล้วคร่ำครวญถึงความผิดของตัวเองจนพี่เนยรีบยื่นมือมากุมปลอบใจ
แล้วเล่าเรื่องราวต่อไป...
“...ตอนนั้นพี่ก็รู้สึกผิดจนพูดอะไรไม่ออกเหมือนๆกันกับกี้ตอนนี้นี่ล่ะ
ได้แต่ยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณพี่คนนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
จนกระทั่งพี่คนนั้นออกปากให้พี่รีบพากี้ออกไปจากผับเสียที
เพราะเธอเป็นห่วงกี้ที่เมาไม่ได้สติอย่างนี้....
แล้วพอพี่ตั้งใจจะพยุงตัวกี้ให้ลุกขึ้นยืน
ก็กลายเป็นร้องโอ้ยขึ้นเสียงดังทันที
เนื่องจากว่าเจ็บแขนที่โดนกี้ตกลงมาทับทั้งแขนเมื่อครู่นี้เข้า
ซึ่งพี่คนนั้นก็คงเห็น
ตอนนี้เธอเลยหันมาอุ้มช้อนอุ้มร่างกายของกี้ขึ้นมาให้แทน...
“...เรามารถยนต์กันใช่ป่ะ
รถเราอยู่ไหน พี่จะอุ้มไปส่งที่รถเอง
เราคงอุ้มไม่ไหวหรอกตัวบางๆพอๆกันเลย
ทั้งเจ็บแขนด้วยไม่ใช่เหรอ
แฟนเราตกลงใส่แขนเมื่อกี๊นี่
พี่เห็นอยู่..”.......
“โห..โคตรแมนเลยอ่ะ”
ฉันอุทานแทรกพี่เนยขึ้นอีกครั้งทันทีที่ได้ยินเธอเล่ามาถึงตอนนี้...
“เออใช่แมนมาก..ดูแลเราดีกว่าผู้ชายจริงๆบางคนเสียอีก..นี่พี่ยังแอบคิดเลยนะว่าหรือพี่เขาจะเป็นเนื้อคู่เราที่แบบว่าเกิดมาชาตินี้ต่างฝ่ายต่างไม่สมหวังกัน
คือคนนึงก็เป็นเลสคนนึงก็เป็นเกย์แต่งสาวอะไรประมาณนี้อ่ะ..เฮอะๆ..”
“หึ
หึ..”
ฉันเหล่ตามองแรงใส่พี่เนยทันทีที่ได้ยินเธอพูด
“..คิดได้เนอะ
แล้วไงต่อทีนี้..”
“..ก็หลังจากนั้นพี่คนนั้นก็อุ้มกี้ไปส่งที่รถ
พร้อมๆกับพี่และเพื่อนๆทั้งสามรีบวิ่งตามออกมาดูด้วย.....
“ขอบคุณนะคะพี่..เอ่อ..พี่ชื่ออะไรคะ
หนูยังไม่รู้ไม่รู้จักชื่อพี่เลย”
พี่ทั้งพูดทั้งยกมือไหว้พี่คนนั้น
ตอนที่เธอช่วยประครองร่างของกี้ลงบนเบาะรถให้เรียบร้อยแล้ว..
“เอาชื่อจริงป่ะ
พี่ชื่อบอย..แต่เพื่อนๆในวงการเรียกเวลาที่ไปประกวดว่าปอย..ปอย
ตีกะลาอ่ะ เราก็เรียกพี่ว่าปอยแล้วกัน
ฟังดูสวยๆดี
เราชื่อเนยใช่ป่ะพี่เคยเห็นเรามาเที่ยวบ่อยแล้ว”
พี่พยักหน้ารับทันทีที่พี่ปอยเรียกชื่อพี่ถูก
“ใช่ค่ะพี่..”
“แล้วแฟนเราชื่ออะไรล่ะนี่
พี่ไม่เคยเห็นหน้าเลย
พึ่งมาเที่ยวหรือเปล่า
ทำไมเห็นหน้าใสๆแบ๊วๆอย่างนี้ดื่มเหล้าเก่งชะมัด
ท่าทางจะยังเรียนไม่จบมัธยมกันใช่มั้ยนี่..”
“ใช่ค่ะพี่
พวกหนูเรียนม.5
ส่วนน้องเค้าอยู่ม.4
น้องเค้าชื่อกี้ค่ะ
คือ เอ่อ..จริงๆแล้วน้องเค้าเป็นเด็กดีนะคะ
เป็นเด็กเรียนมาก..แต่น้องเค้าโดนหนูรบเร้าให้มาเคาน์ดาวน์ด้วยแล้วก็เลยเผลอดื่มเหล้าทั้งๆที่ไม่เคยดื่มน่ะค่ะ
ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น..”
พี่ยิ้มแหยๆตอนที่บอกพี่เค้า
ตอนนั้นพี่ปอยก็เลิ่กคิ้วหันลงมามองกี้ในรถด้วยความประหลาดใจทันทีที่ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับกี้...
“จริงๆอ่ะ...โห...นี่เด็กเรียนเหรอนี่
เต้นซะพี่คิดว่าองค์แม่บริทนีย์มาเองเลย
โหยๆ..ถ้ากินเหล้าเมาแล้วนิสัยเปลี่ยนขนาดนี้อย่าพยายามให้แฟนเรากินบ่อยนักนะ
อันตรายมากเลยนะนี่
เป็นผู้หญิงแถมยังเด็กอีกอ่ะ..แล้วๆๆแฟนเรานี่ก็ไม่ใช่ธรรมดานะ
พี่เห็นสายตาท่าทางเธอแบบว่าเหมือนว่าเค้าจะไฟรท์เอาเรื่องพี่ให้ได้
จะไม่ยอมพี่ง่ายๆอย่างนั้นอ่ะ
ใจใหญ่มากๆเลยอ่ะ
ถ้าน้องบอกว่าเค้าเป็นสก๊อยนี่
พี่เชื่อเลยนะ”
พี่หัวเราะหึๆทันทีที่ได้ยินพี่ปอยเปรียบเทียบกี้ซะพี่ก็เห็นภาพด้วยขนาดนั้น
ตอนนี้พี่และเพื่อนทั้งสามได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆทั้งแอบหลบตาพี่เค้าทั้งยกมือขึ้นไหว้ขอโทษสลับกันด้วยความรู้สึกผิดแล้วผิดอีกที่ได้ยินพี่ปอยบ่นถึงกี้ก่อนหน้านั้นด้วย...
“พวกหนูต้องขอโทษพี่แทนน้องเค้าด้วยนะคะ
จริงๆน้องเค้าเป็นเด็กดีมากๆเลย
ทั้งเป็นเด็กเรียน เด็กกิจกรรม
เหล้ายาก็ไม่เคยเตะ
ไม่เคยเที่ยวไม่เคยทำตัวเกรกมะเหรกเกเรอะไรเลย..”
ตอนนั้นเก๋ก็ช่วยพูดยืนยันกับพี่ปอยอีกแรงหนึ่ง
ด้วยกลัวว่าพี่ปอยจะไม่เชื่อว่าแม่สาวน้อยบ้าพลังที่ฟาดงวงฟาดงาแข่งกับพี่ปอยเมื่อครู่นั้น
จะถึงขั้นเป็นเด็กกิจกรรมของโรงเรียนเราซะด้วย...
“ใช่ค่ะพี่..เนยเสียอีกที่เป็นคนเกเรน่ะค่ะพี่
ที่น้องเค้าเป็นอย่างนี้ก็เป็นเพราะว่าเนยพยายามรบเร้าให้เค้ามาเที่ยวกลางคืนด้วยทั้งๆที่เค้าไม่เต็มใจจะมา
แล้วน้องเค้าก็ไม่เคยดื่มเหล้ามาก่อนเลย
ครั้งนี้น้องเค้าเผลอดื่ม
แล้วก็กลายเป็นคุมสติตัวเองไม่ได้จนกลายเป็นคนละคนอย่างนั้นล่ะค่ะ
หนูผิดเองด้วยล่ะที่ไปบอกน้องเค้าว่าพวกพี่ปอย
เอ่อ..หมั่นไส้ที่เห็นพวกหนูสวยกว่า
แล้วน้องเค้าคงจะเห็นว่าพี่ทำท่าเหมือนจะแกล้งพวกเพื่อนเนยด้วย
น้องเค้าก็เลย
เอ่อ..ทำตัวปีนเกลียวกับพวกพี่ๆอย่างนั้นน่ะค่ะ
เนยขอโทษพี่ปอยและเพื่อนๆพี่ปอยแทนกี้ด้วยนะคะ
เนยยืนยันว่ากี้เค้าเป็นเด็กนิสัยดีจริงๆ
นี่เนยก็ยังไม่คิดเลยว่าดื่มเหล้าแล้วจะเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้..”
พี่ปอยทำหน้าซีเรียสมองพี่อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจ
เธอหันไปมองหน้ากี้ด้วยความครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ๆก่อนจะส่ายหน้าหันมาบอกมาสอนพวกพี่ทั้งสี่คนต่อ..
“เฮ้อ
นี่ล่ะนะที่เค้าว่าเหล้าเข้าปากแล้วนิสัยก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ไม่รู้ว่าเค้าจะรู้ตัวหรือเปล่านะ
หรือบางทีก็อาจจะรู้
แต่ว่าเหล้ามันไปทำให้ความละอายในสิ่งที่เค้าเคยคิดว่ามันผิดหมดไป
กลายเป็นทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับตัวเองคิดขนาดนั้นอ่ะ
ดีนะนี่ที่น้องเค้าเมาแล้วร่วงลงมาก่อนไม่งั้นคงมีอะไรให้ดูอีกเยอะเลยคืนนี้
แล้วพวกผู้ชายพวกนั้นก็เหลือเกิน
ขนาดเห็นผู้หญิงเมาไม่ได้สติแท้ๆยังจะมาถ่ายคลิปอนาจารน่าอายอย่างนั้นของเค้าอีก
ไม่ให้เกียรติผู้หญิงเลยอ่ะ
แย่มากๆไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย
ดีนะนี่ที่พี่ตามลบคลิปได้หมด
ไม่อย่างนั้นดังกันทั้งก๊กแน่
นี่ล่ะพี่ถึงเป็นห่วงพวกเรากันไง
เพราะพี่เห็นสายตาพวกนี้แล้วก็รู้ทันทีว่าพวกมันกำลังคิดอะไรกันอยู่..”
พี่ปอยหยุดพูดก่อนจะคิ้วขมวดมองพี่และเพื่อนทั้งสามสลับกันด้วยสายตาที่แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงของเธอจริงๆ
“แล้วคืนนี้มันก็ดันเปิดให้อยู่ถึงเช้าอีกอ่ะ
ถ้าพวกเราเอาแต่ดื่มๆไปถึงเช้าจนพากันเมาแอ๋อย่างนั้นล่ะก็
พี่ว่าต้องมีใครสักคนในกลุ่มของเราเสร็จพวกมันทั้งก๊กแน่ๆ
พี่ถึงพยายามทำตัวน่ากลัวไล่ให้พวกเรากลับกันไง
มันก็ผิดที่พี่เองล่ะที่เลือกที่จะทำกริยาทรามๆข่มขู่พวกน้องอย่างนั้น
จริงๆพี่จะพูดดีด้วยก็ได้นะ
แต่พี่เคยพูดดีๆกับคนแล้วกลายเป็นว่าเค้าคิดว่าพี่อิจฉาที่ผู้ชายมองเค้ามากกว่าพี่
กลายเป็นไม่เชื่อพี่แล้วก็ดื่มจนเมาเสียสติเสร็จพวกนั้นไปซะงั้น
พี่ก็เลยเกิดความคิดที่ว่า..บางทีคนเราอาจจะไม่ต้องการเทวดานางฟ้าไว้คอยชี้นำสั่งสอนว่าตรงนั้นไม่ดีห้ามอยู่ตรงนั้นก็เป็นได้
...จริงๆเค้าอาจจะอยากได้แค่ปีศาจสักตนที่แสดงท่าทางดุร้ายทำให้พวกเขาหวาดกลัวจนไม่คิดที่จะหาเหตุผลให้ต้องทนอยู่กับสิ่งนั้นมากกว่า..”
ยิ่งฟังพี่ปอยพูดพี่ก็ยิ่งรู้สึกผิด
ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองโง่งี่เง่าเหลือเกิน
ไม่รู้ว่าจะตอนนั้นจะดึงดันดึงรั้นให้กี้มาเที่ยวด้วยทำไมในเมื่อกี้ไม่ได้อยากมาแล้วแท้ๆ
ทั้งรับไม่ได้ที่ตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำกี้ให้เมาไม่ได้สติจนกลายเป็นกล้าที่จะทำอะไรบ้าๆเปลืองเนื้อเปลืองตัวอย่างนั้น
“เนยนี่แย่จริงๆเลยทั้งๆ
ที่หยุดเที่ยวไปแล้วแท้ๆแต่ก็ยังกลับมาเที่ยวอีก
แล้วมิหนำซ้ำเนยยังรบเร้าให้แฟนเนยมาด้วยอีก
นี่ถ้าเค้าเป็นอะไรไปเนยคงจะไม่ให้อภัยตัวเนยเองแน่ๆ
เนยขอบคุณพี่ปอยอีกครั้งนะคะถ้าไม่ได้พี่ปอยช่วยไว้ป่านนี้เนยกับกี้แย่แน่ๆเลยค่ะ
ถ้ายังไงเนยขอเบอร์พี่ไว้ได้มั้ยคะ
เผื่อวันหน้าเนยจะได้ตอบแทนพี่ได้บ้าง..”
พี่ปอยยิ้มรับก่อนจะรีบโบกมือปฏิเสธ....
“ไม่เป็นไรไม่ต้องมาตอบแทนพี่เลย
พี่เต็มใจช่วย
ถ้าไม่ช่วยก็คงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตเหมือนกัน
พี่ขอแค่ให้พวกเราดูแลตัวเองกันดีๆก็พอ
อย่าเที่ยวอย่าดื่มเหล้าบ่อยนักเลยถ้ามันยังไม่ถึงเวลาอ่ะ
จำไว้ว่าเราเป็นผู้หญิง
เป็นสุภาพสตรี
รู้มั้ยคำว่าสุภาพสตรีมันจะดูเลอค่าก็ต่อเมื่อเราให้เกียรติคำว่า..สุภาพ..ที่อยู่นำหน้าคำว่า..สตรี..กันด้วย..ถ้าพวกเธอได้มีโอกาสเป็นผู้หญิงเต็มๆตัวแล้ว
ก็พยายามรักษาคุณค่าที่พวกเธอควรจะเป็นควรจะมีเอาไว้ด้วยสิ
อย่าทำให้มันเสียไป
อย่าทำให้มันไร้ค่าหรือแม้กระทั่งไร้เกียรติ..เสียดายแทนคนที่เขาอยากเป็นผู้หญิงแล้วไม่ได้เป็นอย่างพี่บ้าง..เข้าใจป่ะ”
“เข้าใจค่ะ”
พี่ยิ้มแหยๆก้มหน้าน้อมรับคำสอนของพี่ปอยไปด้วยใจที่เริ่มสำนึกผิดจริงๆ
“แล้วพี่ก็ต้องขอโทษพวกเธอด้วยเหมือนกันนะ
ที่แกล้งยั่วอารมณ์พวกเธอจนกลายเป็นเรื่องขนาดนี้
พี่ไม่คิดว่าแฟนเราจะบ้าพลังกล้าไฟรท์กับพี่ได้ทุกอย่างทุกกระบวนท่าขนาดนั้น
นี่พี่ยังตกใจเลยตอนที่น้องเค้ากล้ากินเหล้าช็อตนั้นได้
เห็นหน้าใสๆแบ๊วๆอย่างนี้นี่ก็แอบแรงเหมือนกันนะนี่
”
เพื่อนๆทั้งสามพากันหัวเราะหึๆทันทีที่ได้ยินพี่ปอยกระแนะกระแหนกี้อย่างนั้น..
“..ดูแลกันดีๆรักกันดีๆนะ
มีแฟนเป็นผู้หญิงด้วยกันอย่างนี้น่ะต้องพยายามประคับประครองดูแลกันและกันไว้นะ
หายากนะนี่ผู้หญิงสวยๆสองคนมาคบกันได้แบบนี้นี่
ขนาดพี่น่ะยังไม่มีผู้ชายคนไหนกล้ามาจริงจังจริงใจด้วยเลย
นกตลอดอ่ะ คิดแล้วก็อิจฉาว่ะ
เอ้า..เอาเป็นว่าพาน้องเค้ากลับบ้านไปพักผ่อนกันเถอะ
พี่ก็จะกลับบ้านเหมือนกัน
เริ่มๆเมาแล้วนี่ ”
..แล้วหลังจากนั้นประมาณตี4กว่าๆพวกพี่กับเพื่อนๆก็แยกย้ายกันกลับโดยที่พี่มีเก๋ขับรถคันของพี่ไปส่งที่บ้านให้
เพราะพี่เจ็บแขนจนบังคับพวงมาลัยไม่ไหว..”
ฉันตาละห้อยมองไปที่แขนที่เข้าเฝือกของพี่เนยทันทีที่ได้ยินพี่เนยเล่ามาถึงตอนนี้
ให้ตายเถอะยิ่งฟังฉันก็ยิ่งรับตัวเองไม่ได้
ฉันไม่น่าหลงไปดื่มเหล้าแล้วปล่อยให้ตัวเองเมาน่าเกลียดอย่างที่พี่ปอยพูดจริงๆนั่นล่ะ
แล้วนี่ก็ไม่รู้ว่าใครจะเห็นอะไรยังไงบ้างนะ
ถ้ามีคนรู้จักมาเห็นเข้าแล้วไปบอกพ่อแม่
ฉันจะทำยังไง...เออ..ใช่สินะแล้วพ่อกับแม่ล่ะ
ป่านนี้จะไม่โทรตามแล้วเหรอ...
“ตายแล้วพ่อกับแม่กี้ล่ะพี่เนย”
ฉันตกใจรีบถามพี่เนยทันทีที่นึกขึ้นได้
“พี่โทรหาตั้งแต่วันแรกแล้ว..”
“โทรหา...วันแรก..หมายความว่าไงพี่เนย”
“ก็วันแรกที่กี้นอนหลับหมดสติ
พี่ก็รีบโทรไปขออนุญาติพ่อกับแม่ว่าพี่ขอพากี้ไปเที่ยวอีกสักวันสองวันได้มั้ย
พ่อกับแม่กี้ก็ไม่ว่าอะไรเพราะเห็นว่าเป็นช่วงวันหยุดอยู่
ตอนนั้นพี่ก็แค่อ้างว่ากี้ไม่กล้าขออนุญาติพ่อกับแม่
พี่ก็เลยอาสาโทรมาขอให้อ่ะ..”
“ดะๆเดี๋ยวนะ
วันสองวัน หมายความว่าไง
นี่กี้อยู่บ้านพี่เนยมากี่วันแล้วนี่
วันนี้วันที่เท่าไหร่แล้วพี่เนย..”ฉันทั้งอึ้งทั้งงงรีบถามพี่เนยด้วยความตกใจทันที..
“เอ่อ..วันนี้วันที่2
กี้น่ะนอนสลบมาตั้งแต่วันที่1ยาวมาถึงตอนบ่ายวันที่2เลย
แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกวันนี้มันวันหยุดชดเชยโรงเรียนปิดพอดี”
“ห๊ะ
ขนาดนั้นเลยเหรอ โห..แม่เจ้า
กี้ไม่น่าดื่มเลยอ่ะ”
ฉันขยำผมไปมาด้วยความเซ็งแสนเซ็งเมื่อได้รู้ผลลัพธ์ที่เกิดกับตัวเองในตอนนี้
มิน่าล่ะเหล้าเค้าถึงทำให้มันรสขมจนคนไม่อยากดื่มเพราะดื่มแล้วจะแย่อย่างนี้นี่เอง
ดูสินี่ตัวเองก็สภาพสะบักสะบอมยับเยินไปทั้งตัว
ทั้งพี่เนยก็ยังต้องมาเจ็บตัว
ทั้งอับอายขายขี้หน้าไม่รู้ว่าใครจะจำได้บ้าง
นึกแล้วก็ยิ่งนึกถึงหน้าพี่ปอยยามที่เป็นบียอนเซ่ไปใหญ่
ฉันนี่ติดหนี้บุญคุณพี่เค้ามากมายเหลือเกิน..
“..นี่ถ้ากี้ไม่ได้พี่ปอยช่วยก็ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้างนะ
ป่านนี้คลิปคงแชร์กันไปทั้งโรงเรียนแล้ว
หรือไม่ก็ดังไปทั้งโซเซียลแล้วมั้ง
รู้สึกสำนึกผิดยังไงไม่รู้อ่ะไม่ได้ขอโทษแล้วยังไม่ได้ขอบคุณพี่เค้าอีก
กี้เป็นหนี้บุญคุณพี่เค้าอ่ะพี่เนย
กี้อยากเจอพี่เค้าและอยากขอบคุณและขอโทษพี่เค้าจัง..”
“พี่ก็อยากเจอพี่เค้าอีกครั้งเหมือนกัน
รู้มั้ยว่าด้วยควาบซาบซึ้งในพระคุณที่พี่ปอยช่วยเหลือพวกเราไว้
พี่ก็เลยให้น้าชัยไปตามสืบมาแล้วล่ะว่าเค้าเป็นใคร
เค้าน่ะรู้จักกับผู้กำกับที่นี่จริงๆอย่างที่เขาข่มขู่ผู้ชายพวกนั้นจริงๆด้วยนะ”
“อ้าว..จริงเหรอ”ฉันตาโตร้องถามด้วยความตื่นเต้นทันทีที่ได้ยินพี่เนยบอกอย่างนั้น
“ใช่...แต่พี่เค้าไม่ใช่คนจังหวัดเราหรอก
เค้ามาจากที่อื่น
แต่มาเที่ยวกับเพื่อนๆกลุ่มที่อยู่จังหวัดนี้เป็นประจำ
ที่เค้ารู้จักผู้กำกับที่นี่เพราะว่าพ่อเค้าก็เป็นผู้บังคับบัญชาการของภาคเรานี่ไง"
“ห๊ะ
จริงดิ..”พี่เนยยิ้มยักคิ้วรับทันทีที่ฉันอุทานร้องถามเธอ
“ใช่..แล้วพ่อเค้าก็รู้จักกับพ่อพี่ด้วย
จริงๆชีวิตจริงเรื่องที่พี่เค้าเป็นเกย์สาวน่ะเป็นความลับไม่ค่อยมีใครรู้นะ
วันนั้นน่ะพี่เค้าแอบแต่งหญิงมาเที่ยวไม่ให้คนจับได้เพราะทางครอบครัวของเค้าไม่ยอมรับ
คือพี่ปอยเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านและก็ทำงานอยู่ในสายงานที่แบบต้องรักษาภาพลักษณ์ของชายหนุ่มที่เข้มแข็งเอาไว้
ก็เลยทำให้พี่เค้าค่อนข้างเก็บกด
ต่อหน้าคนอื่นต้องแอ๊บแมนทำตัวเป็นผู้ชายทั้งแท่ง
ทั้งๆที่จริงจิตใจของพี่ปอยนั้นเป็นผู้หญิงเต็มตัวมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว
เรียกได้ว่าชีวิตส่วนตัวจริงๆพี่ปอยก็ไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่หรอก
ก็อย่างที่พี่เค้าบอกว่าเค้าอิจฉาที่เราได้มีโอกาสเป็นผู้หญิงจริงๆอย่างนี้
บางทีพี่เค้าก็คงจะแอบเสียดายที่ผู้หญิงที่มีพร้อมเกือบทุกอย่างอย่างกลุ่มพวกเราจะทำตัวเหลวไหล
จนกระทั่งเผลอเสียรู้พวกเสือสิงห์กระทิงแรดจริงๆอย่างนั้นก็ได้
พี่เค้าก็เลยพยายามทำตัวให้เรากลัวตลอดเวลาอย่างนั้น...”
ฉันพยักหน้าเห็นด้วยกับพี่เนยทันทีที่เธอบอกถึงเหตุผลที่พี่ปอยพยายามทำตัวเหมือนจะหาเรื่องเราตลอด
ก่อนจะหันไปออกความเห็นกับพี่เนยบ้าง
“..น่าสงสารพี่เค้านะ”
“ใช่..น่าสงสารมาก
อย่างนี้ล่ะนะ..คนที่เป็นอย่างเราบางครั้งชีวิตก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
อยากทำอยากแสดงตัวขนาดไหนก็ทำไม่ได้
เราสองคนนี่ดีเท่าไหร่แล้วเป็นผู้หญิงด้วยกันแต่ก็ยังคบกันได้โดยที่พ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมาก
ยิ่งนึกถึงชีวิตของพี่ปอยแล้วพี่ก็ยิ่งรู้สึกผิดอ่ะ
ทั้งคิดอะไรได้หลายๆอย่างจากคำสอนของพี่เค้า
รู้มั้ยว่าช่วงที่กี้นอนหลับไม่ได้สติอยู่น่ะพี่เฝ้าแต่คิดตลอดเลยว่า
พี่จะไม่พยายามไปเที่ยวกลางคืน
จะไม่พยายามกินเหล้าหรือแม้แต่ทำตัวเกรกมะเหรกเกเรอะไรอีกแล้วล่ะ
มันไม่คุ้มเลยถ้าเราจะเอาชีวิตทั้งชีวิตของเราไปเสี่ยงกับช่วงเวลาที่ไม่มีสติของเราอย่างนั้น
ยิ่งมองดูกี้ยิ่งนึกถึงกี้ตอนที่กินเหล้าแล้วเมาอย่างนั้นพี่ก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี
เข้าใจเลยล่ะว่าเวลาที่พ่อห่วงพี่หรือกี้ห่วงพี่เวลาเมาเหล้าน่ะเป็นยังไง
แล้วก็ตอนที่กี้อยู่ในสภาพโป๊ๆเปลือยกับชุดสวยที่กี้ไม่เต็มใจจะใส่ด้วยนั่นอีก
ตอนนี้พี่เข้าใจความรู้สึกกี้แล้วล่ะว่าทำไมกี้ไม่อยากให้พี่ใส่ชุดอย่างนั้นออกไปให้ใครคนอื่นเห็นอ่ะ”
พี่เนยยิ้มเจื่อนๆหันมามองฉัน
ดูแววตาตอนนี้ก็พอจะรู้ได้ว่าเธอรู้สึกแย่ขนาดไหน
“ยอมรับนะว่าตอนแรกๆที่เห็นกี้ใส่มันก็ดูสวย
มองดูน่าภูมิใจอยู่หรอก
แต่พอมองสายตากระริ้มกระเรี่ยและท่าทางหื่นกามของบรรดาผู้ชายพวกนั้นที่มองกี้
หรือแม้กระทั่งตอนที่มันพยายามถ่ายคลิปกี้ตอนโป๊เปลือยอย่างนั้นมันก็ทำให้พี่รู้สึกแย่ถึงขนาดที่อยากจะเดินไปตบหน้าผู้ชายพวกนั้นทันทีที่มองเห็นแฟนเราในสภาพโป๊ๆเปลือยๆอย่างนั้น
ตอนนี้พี่เข้าใจความรู้สึกกี้ได้ดีแล้วล่ะแล้ว..พี่คงไม่พยายามใส่มันออกไปไหนอีกแล้วล่ะถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
พี่ไม่อยากทำให้กี้หวงพี่จนทรมานใจอย่างที่พี่เป็นแล้วล่ะ”
“จริงๆเหรอพี่เนย..”ฉันรีบโผไปซบกอดพี่เนยทันทีที่ได้ยินความรู้สึกผิดของพี่เนยที่กำลังพรั่งพรูออกมาจนเหมือนว่าเธอกำลังสัญญาด้วยความเต็มใจว่า
เธอจะไม่ทำในสิ่งที่เธอไม่ชอบและฉันก็ไม่ชอบอย่างนั้นอีกแล้ว
“ใช่
พี่คิดอย่างนั้นจริงๆ
พี่สัญญาต่อหน้ากี้เลยก็ได้
พี่จะไม่พยายามดื่ม
ไม่พยายามเที่ยวหรือแม้แต่แต่งตัวโป๊ๆเปลือยๆออกไปโชว์คนอื่นโดยไม่จำเป็นอย่างนั้นอีกแล้ว
แล้วพี่ก็จะไม่บังคับกี้ด้วย
ถ้ากี้ไม่อยากไปเที่ยวไม่อยากดื่มเหล้าไม่อยากทำอะไรที่แย่ที่มันไม่ใช่ตัวกี้พี่ก็จะไม่บังคับแล้ว
เราสองคนจะพยายามทำตัวเป็นคนดี
เป็นผู้หญิงที่ดีไปด้วยกันนะ”
ฉันยิ้มทั้งน้ำตาพยักหน้ารับพี่เนยทันที...
“พ่อกับแม่พี่เนยคงดีใจที่เห็นพี่เนยคิดได้เองอย่างนี้
มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นมาก็ดีเหมือนกันนะอย่างน้อยๆก็ทำให้พี่เนยได้รู้ถึงความเป็นห่วงของคนอื่นเสียที
แม้มันจะเป็นเรื่องที่น่าขายหน้าสำหรับกี้ยังไง
แต่กี้ก็จะพยายามอดทนนะ..”
พี่เนยยิ้มรีบซบไหล่และใช้มือข้างที่ไม่เข้าเฝือกโอบกอดฉันทันที
“ขอบใจค่ะ...กี้ไม่โกรธให้พี่แล้วใช่มั้ย”
“อืม..ไม่โกรธหรอก
โกรธไปก็ไม่มีประโยชน์
ก็มันไม่ใช่ความผิดของพี่เนยคนเดียวนี่นา..ถ้ากี้ไม่เป็นบ้าดื่มเหล้าเป็นน้ำขนาดนั้น
เรื่องทุกๆอย่างก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก
ยังไงๆพี่เนยก็พยายามแก้สถานการณ์เบื้องหน้าที่เกิดขึ้นฉุกละหุกในตอนนั้นอย่างเต็มที่แล้วนี่นา
ถ้ากี้ไม่ได้พี่เนยดึงกี้ให้ตกลงมาก่อนมันก็คงจะงามหน้ากว่านั้นอีกแน่
เห็นแก่ความดีความชอบอันนั้นก็ถือว่าหายกันก็แล้วกัน
อย่างมากก็คงจะแค่อายเพื่อนพี่เนยไปตลอดเวลาที่เค้ายังจำได้นั่นล่ะ
คิดแล้วก็อายอ่ะ..ทำไปได้ยังไงนี่
เฮ้อ..เหล้าหนอเหล้าไม่น่าดื่มเล้ย..”
ฉันทั้งพูดทั้งถอนหายใจตอนนึกถึงเรื่องราวน่าอายที่เกิดจากของมึนเมาตอนนั้น...
“..แต่ก็ช่างมันเถอะ
ต่อไปนี้เราก็จะได้รู้ว่าไม่ใช่แต่เฉพาะพี่เนยเท่านั้นนะที่เคยทำตัวเกรกมะเหรกเกเรมาก่อน
กี้ก็เคยเหมือนกัน
แถมยังแย่กว่าอีก..”
“แย่กว่าตรงไหน”
“เอ้า..ก็เมาแอ๋เต้นบนโต๊ะถอดเกาะอกแล้วสลบในผับนี่ยังไม่แย่อีกเหรอ”
“หึ..โนค่ะ
จะบอกว่านั่นเบๆ
ของพี่น่ะจัดเต็มกว่านั้นเยอะ
กี้ยังไม่ถึงครึ่งของพี่หรอก
ไม่งั้นคนเค้าจะรู้จักพี่ทั้งเมืองเหรอ”
พี่เนยสแยะยิ้มที่มุมปาก
เธอทำเป็นยักไหล่ตอนที่พูดอวดอ้าง..เอิ่ม..เรื่องที่ไม่น่าอวดอ้างเท่าไหร่ของเธอ..
“ห๊ะ
ยังไงอ่ะ ไหนเล่ามาซิ”
ฉันหน้าเหวอรีบถามพี่เนยคืนทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น..นี่ฉันคิดว่าฉันแย่แล้วยังมีคนแย่กว่าฉันอีกเหรอนี่...
“เรื่องมันยาว..”พี่เนยทำสายตากรุ้มกริ่มยิ้มมีเลศนัยก่อนจะทำเป็นจีบปากจีบคอพูดต่อ
“ไม่เล่าดีกว่า..”
“โอ้ย
ทำให้อยากแล้วจากไปอีกแล้วอ่ะ..ขี้โกงอ่ะ
เล่ามาเดี๋ยวนี้นะๆๆ”
ฉันกระโจนเข้าไปกอดพี่เนยทั้งจี้เอวทั้งก้มลงหอม
ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกๆคักๆที่เทียวดังเทียวหยุดบ่งบอกถึงความสุขและโล่งใจขนาดไหน
ที่ได้รับรู้ว่าตอนนี้เราทั้งสองได้ผ่านเรื่องราวแย่ๆด้วยกันมาได้อีกเรื่องหนึ่งแล้ว...
...แล้วตั้งแต่นั้นมาพี่เนยก็เปลี่ยนแปลงตัวเองจริงๆอย่างที่เธอสัญญา
เธอไม่พยายามไปเที่ยวไม่พยายามดื่มเหล้ากับเพื่อนๆของเธอเลยจนกระทั่งจบมัธยม
แม้จะมีบางครั้งที่เธอดื่มสังสรรค์กับเพื่อนๆบ้าง
แต่เธอก็ดื่มแค่จิบสองจิบพอเป็นพิธี
ไม่ดื่มตะบี้ตะบันเหมือนก่อนหน้านั้นอีกแล้ว
และการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนจริงๆที่เกิดขึ้นกับตัวของพี่เนยก็คือการแต่งกายของเธอ
นับตั้งแต่ตอนนั้นฉันเห็นเธอเก็บเสื้อผ้าสไตล์เซ็กซี่ของเธอออกจากตู้เกือบหมด
เธอเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวจากที่เคยแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าผู้ใหญ่กลายเป็นเสื้อผ้าสไตล์วัยรุ่นใสๆที่เด็กสาวอย่างพวกฉันนิยมสวมใส่กันในช่วงเวลานั้น
เหตุการณ์ครั้งนั้นได้คืนความเบ่งบานที่ควรจะเป็นของเด็กสาววัย17กลับมาอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากที่มันออกดอกผิดฤดูกาลตามความวิปโยคแปรปรวนของมรสุมชีวิตกินระยะเวลาเกือบๆจะ5ปีก่อนหน้านั้น
ตอนนี้ดอกไม้งามกำลังผลิกลีบบานอวดกลิ่นหอมตามธรรมชาติของเกสร
มันค่อยๆบานสะพรั่งจนแลดูงามโดดเด่นกว่าดอกไม้ใดๆที่อยู่ระแวกใกล้เคียงเสียอีก
มันเติบโตและเบ่งบานขึ้นเรื่อยๆปีแล้วปีเล่า
จากหนึ่งปีเป็นสองปีจนเวลาล่วงเลยมาเป็นเกือบๆจะสิบปีที่เราสองคนได้ใช้ชีวิตและเติบโตไปพร้อมๆกัน...
ซึ่งแม้เวลาจะผ่านมาเกือบๆสิบปีแล้ว
และหลายๆคนอาจจะลืมเรื่องราวแย่ๆพวกนั้นไปหมดแล้ว
แต่ฉันก็ยังนึกถึงมันเสมอ
ด้วยเพราะหนึ่งในความทรงจำตอนนั้นมีเรื่องราวดีๆบางอย่าง
ที่ฉันพยายามนึกถึงเพื่อจดจำมันให้ได้ด้วยความสุขใจเสมอ
แม้พี่เนยก็พยายามบอกให้ฉันลืมมันให้ได้ยังไงก็ตาม...
...ซึ่งก็เหมือนกับตอนนี้ที่เธอพยายามอ้างเหตุผลข้อนั้นอีกครั้ง
เพื่อรบเร้าฉันให้ฉันเข้าไปข้างในผับกับเธอ...
“..นะคะกี้...กี้ก็เห็นนี่ว่า...เดี๋ยวนี้พี่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวกับเพื่อนเลยอ่ะ..”
“แต่กี้ไม่อยากไปนะพี่เนย..”
ฉันคิ้วขมวดจ้องหน้าพี่เนยค้างไว้
โดยหวังว่าบางทีเธออาจจะนึกเรื่องอะไรขึ้นได้บ้าง
จากคำว่า “ไม่อยากไป”
ของฉัน...
“..โธ่กี้
ทำไมทำหน้าอย่างนั้นเล่า
อย่าบอกว่ายังซีเรียสเรื่องพวกนั้นอยู่
กี้น่าจะลืมได้แล้วนะคะ
พี่ก็บอกแล้วไงว่าอย่าไปจำมันเลยเรื่องพวกนั้นน่ะ..”
“กี้ต้องจำค่ะพี่เนย
ต้องจำเพราะว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่กี้นึกขอบคุณเรื่องราวในตอนนั้นเสมอ
ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงจะไม่มีวันนี้กันหรอก
พี่เนยจำเรื่องนั้นไม่ได้หรือไง..ทำไมถึงยังเซ้าซี้ในสิ่งที่กี้ไม่อยากทำอีกล่ะ..”
พี่เนยคิ้วขมวด
เธอจ้องมองฉันด้วยความสงสัยอยู่ครู่นึงก่อนจะถามฉัน
“เรื่องอะไรคะ...”
ฉันหัวเราะหึๆทันทีที่ได้ยินพี่เนยถามอย่างนั้น...
“นึกแล้วว่าต้องจำไม่ได้
รู้มั้ยว่าทำไมกี้ถึงต้องจำเรื่องราวในวันนั้น
จริงๆแล้วกี้ไม่ได้สนใจที่จะจำเรื่องน่าอายพวกนั้นเท่าไหร่หรอก
เพราะมันไม่มีอะไรให้น่าจดจำเลย
ความทรงจำพวกนั้นมันไม่มีอะไรที่ดีงามน่าจำเท่ากับเรื่องที่ว่า
นั่นเป็นครั้งแรกที่พี่เนยเต็มใจสัญญากับกี้ว่าพี่เนยจะไม่พยายามดื่ม
ไม่พยายามเที่ยวหรือแม้แต่แต่งตัวโป๊ๆเปลือยๆ
และที่สำคัญคือพี่เนยบอกว่าจะไม่บังคับในสิ่งที่กี้ไม่ชอบด้วยอีกอ่ะ
พี่เนยจำไม่ได้หรือยังไง..”
...พี่เนยอึ้ง
เธอนั่งเงียบคิดตามเรื่องที่ฉันพูดมาอยู่พักใหญ่ๆ...
“ถ้าพี่เนยจะทำเป็นลืมเรื่องพวกนั้น
หรือลืมแม้กระทั่งว่าตอนนั้นพี่เนยและกี้รู้สึกแย่จนถึงขั้นต้องสัญญากับตัวเองว่าจะไม่บังคับในสิ่งที่กี้ไม่อยากทำอย่างนั้นอีกแล้วล่ะก็..มันก็คงไม่เรียกว่าคำสัญญาแล้วล่ะนะ..”
ฉันหยุดพูดแล้วจ้องไปที่ใบหน้าพี่เนย
ตอนนี้เธอก้มหน้าครุ่นคิดทบทวนความทรงจำเก่าๆของเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้ามาหัวเราะและยิ้มให้ฉัน..
“เฮ้อ..พี่นี่แย่จริงๆลืมตลอดเลย
เอาล่ะไม่ลงไปก็ไม่ลงไปค่ะ..กลับไปนอนพักผ่อนกันเถอะนะ
พรุ่งนี้ต้องตื่นไปวัดตั้งแต่เช้า..”
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์พี่เก๋ก่อนจะโทรบอกเหตุผลที่เธอต้องรีบกลับบ้านกับเพื่อนสาวของเธออยู่ครู่ใหญ่ๆ
โดยที่เธอก็ตัดสินใจออกรถจากหน้าผับไปตั้งแต่ตอนที่เริ่มคุยสายด้วยเลย...
ตอนนี้เมื่อเธอวางสายเธอก็ละตาจากพวงมาลัยหันมายิ้มให้ฉัน
ก่อนจะเอื้อมมือที่จับคันเกียร์นั้นมาจับมือฉันไปกุมไว้ตรงคันเกียร์รถด้วย..
“..พี่ขอโทษนะที่ทำให้กี้รู้สึกไม่ดีตอนที่นึกถึงเรื่องแย่ๆเก่าๆพวกนั้นอีกครั้งน่ะ
เอาล่ะค่ะ..ต่อไปนี้ก็ขอชีวิตเราเหมือนรถคันนี้แล้วกันนะ
เราจะใส่เกียร์เดินหน้าเร่งสปีดมันไปหาวันใหม่
ไปหาเรื่องราวใหม่ๆ ไปหาอนาคตใหม่ๆ
โดยที่เราจะไม่วกกลับเข้าไปจอดที่เดิมกันอีก
ขอให้เรื่องราวในอดีตต่างๆเป็นเหมือนเชื้อเพลิงที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนรถให้วิ่งไป
แต่มันจะไม่หนักจนเป็นภาระให้กับเรา
เพราะว่ามันจะเผาไหม้ตัวของมันเองไปเรื่อยๆ
คิดซะว่าอดีตแย่ๆเก่าๆก็คือควันเสียของรถ
ไม่นานมันก็จะสลายหายไปในอากาศเอง
ให้อดีตที่ดีเป็นเหมือนน้ำมันที่ยิ่งเติมก็ยิ่งวิ่งไกล
ก็เหมือนกับประสบการณ์ชีวิตที่มันขับเคลื่อนให้เราต้องวิ่งตลอดนั่นล่ะนะ
อันไหนที่ดีเราก็จำ
อันไหนที่ไม่ควรจำเราก็ลืมมันไปนะคะ..”
เธอหยุดพูดแล้วละตาจากพวงมาลัยหันมายิ้มหวานให้ฉัน...
“กี้ไม่โกรธให้พี่ใช่มั้ยคะ...”
“ไม่โกรธสิคะ
พี่เนยเลือกทำในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับกี้อย่างนั้นแล้ว
กี้ยังจะต้องโกรธอะไรอีก”
ฉันก็ยิ้มหวานตอบรับนางฟ้าของฉันไป
ก่อนจะค่อยๆเอนหัวลงไปซบไหล่เธอ
แล้วมองดูเธอบังคับพวงมาลัยเบื้องหน้าด้วยความมุ่งมั่น
ตามคำสัญญาของเธอที่ว่าจะพาฉันขับเคลื่อนไปสู่เส้นทางแห่งอนาคตที่มั่นคงและแสนหวาน
อย่างนั้นตลอดไป......
จบตอนพิเศษ
First
date night