วันเสาร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2560


Lovely Mafia Girl

ลูกสาวเจ้าพ่อ ขอเป็นแฟนหนู

Special part : First date night


Chapter 4
Nerd Baby VS Sexxy Girl

22.45 .

พี่เนยดับเครื่องยนต์รถซุปเปอร์คาร์ของเธอตรงที่จอดรถผับ เธอหยิบจับกระเป๋าถือหนังสีดำเงาและโทรศัพท์สมาร์ทโฟนสีทองแล้วชะโงกหน้าดูกระจกมองหลังรถยนต์เพื่อสำรวจความเรียบร้อยของใบหน้าตัวเอง ก่อนจะหันมายิ้มสวยมองดูฉัน..
ไงคะ พี่สวยหรือยัง
ฉันยักคิ้วทำใบหน้าเซ็งๆตอบรับพี่เนย “อืม...”
อะไรอ่ะ ทำหน้าหมาหงอยอีกแล้ว ไม่เอาสิคะ ยิ้มหวานๆเลทสไมล์ค่ะ แสงไฟกำลังรอต้อนรับผีเสื้อสาวอยู่นะ เลทโกๆ..” พี่เนยทั้งพูดทั้งยิ้ม น้ำเสียงตื่นเต้นฟังดูปลุกเร้าสร้างอารมณ์ให้ฉันคึกคักครื้นเครงกับเธอซะเหลือเกิน
ฉันถอนหายใจแสยะยิ้มให้พี่เนย ก่อนจะก้มลงหยิบกระเป๋าหนังสีดำเงาใบเล็กๆ ที่พี่เนยเลือกมาให้ฉันถือเข้ากับชุดที่ฉันใส่อยู่นี้
ตอนนี้พอเธอเห็นฉันเตรียมตัวเพื่อที่จะลงจากรถ พี่เนยก็รีบยื่นใบหน้าเข้ามามอบจุมพิตเบาๆให้กับริมฝีปากฉันทันที...

ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัวนะคะ มีพี่ดูแลทั้งคนยังไงๆกี้ก็ปลอดภัยค่ะ”
แน่ใจนะ..”ฉันเหล่ตามองพี่เนยทันทีที่ได้ยินเธอพูดอย่างนั้น...

..แหม..มันก็น่าปลอดภัยซะเหลือเกิน ก็ทั้งบริการ์ดหรือลูกน้องพ่อที่เขาเคยติดตามเธอกัน วันนี้เธอก็ไม่ยอมให้เขามาด้วย ด้วยเพราะเหตุผลที่ว่าเธออยากจะเที่ยวกับฉันแบบไม่กดดัน แบบไม่ต้องอายหรือแคร์สายตาบรรดาคนในบ้านที่บางทีเขาอาจจะเอาเรื่องบางเรื่องไปบอกพ่อ อย่างที่เธอบอกเหตุผลกับฉันก่อนหน้านั้น..
“..บางทีเราอาจจะจูบกัน..” ฉันสะอึกทันทีที่ได้ยินเหตุผลในตอนนั้น “..หรือบางทีอาจจะมากกว่านั้นก็ได้ถ้าอารมณ์มันพาไป พี่ไม่อยากให้คนในบ้านมาเห็น คือ..พี่กลัวกี้จะอายอ่ะ..”
ใครจะไปกล้าจูบกับพี่เนย คนตั้งเยอะตั้งแยะบ้าหรือเปล่า อย่ามโนดิ ที่ยอมให้จูบตอนนั้นก็เพราะเห็นว่างอแงร้องไห้จะเป็นจะตายหรอกก็เลยให้จูบต่อหน้าคนอื่น นี่ถ้าอยู่ดีมีสุขอย่าหวังเลยจะได้ทำอย่างนั้นอีก..”
หรา..อ๋อที่แท้ห่วงความรู้สึกเขาเท่านั้นเองเหรอ มิน่าหลอกให้กลับไปนอนอยู่บ้านด้วยก็เพื่อจะบอกเลิกง่ายๆไม่ต้องลำบากใจต่อหน้าคนอื่นนี่เอง..” พี่เนยเบ้ปากทันทีตอนที่พูดถึงความหลังที่แสนจะช้ำใจของเธอ “ชิ..ชั่วมาก..นึกขึ้นมาแล้วยังเกลียดไม่หาย..มีอย่างที่ไหนจะบอกเลิกกัน จะบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงด้วยกันแต่หลอกให้เขากลับมาบ้านเพื่อที่จะฟันอย่างนั้นทั้งคืนอีก..บ้าจริงๆเลยอ่ะ” พี่เนยทั้งพูดทั้งคิ้วขมวดก่อนจะยื่นแขนมาหยิกแขนฉันด้วยความแค้นของเธอไปจนฉันเจ็บต้องรีบร้องบอกให้เธอหยุด..

โอ้ย..วกกลับไปเรื่องนั้นอีกแล้ว อะไรอ่ะ พอได้แล้วๆ อ่ะๆไปกันสองคนก็ไปกันสองคน เผื่อกี้จะจูบพี่เนยอย่างที่พี่เนยบอกอีก..แต่รอบนี้กี้คงจะจูบด้วยความรักแล้วล่ะ ขอโทษนะคะ อย่างอนกี้เลยนะ” ฉันยิ้มหวานทำทีเป็นดึงมือพี่เนยออกมาให้กอดเอวฉันไว้ ก่อนที่ฉันจะซบลงไปพิงไหล่เธอ
ไปเที่ยวครั้งนี้ก็ดีเหมือนกัน อะไรๆที่กี้เคยทำผิดทำพลาดกับพี่เนยกี้ก็จะพยายามแก้ตัวในสิ่งที่กี้รู้สึกผิดเสียที เห็นหรือยังทีนี้ว่ากี้รักพี่เนยขนาดไหน ตามใจพี่เนยขนาดไหน โอเคนะคะ..” แล้วจากนั้นพี่เนยก็จัดแจงแจ้งน้าชัยและบริการ์ดของเธอว่าวันนี้เธอต้องการที่จะเที่ยวกับฉันและบรรดาเพื่อนๆของเธอแบบเป็นส่วนตัวไม่ต้องการให้บรรดาการ์ดตามเธอไป โดยเธอบอกว่าเธอสามารถดูแลตัวเองได้และคนในผับส่วนมากก็เป็นคนที่เธอรู้จักทั้งนั้นคงไม่มีใครกล้ายุ่งและวุ่นวายอะไรกับเธอ พวกการ์ดจึงรับทราบและฟังคำสั่ง เราก็เลยได้ขับรถกันมาเองสองคนอย่างที่เห็น..

ตอนนี้พอพี่เนยได้ยินที่ฉันถามว่า แน่ใจนะ เธอก็ยิ้มรับแล้วบอกให้ฉันนั่งรออยู่เบาะนั่งไปก่อน ฉันงงมองดูพี่เนยรีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งจากฟากคนขับอ้อมรถมาทางที่ฉันนั่ง ก่อนจะเปิดประตูออกแล้วยื่นมือจูงฉันให้เดินลงมาจากรถพร้อมๆมือที่เธอบรรจงกุมมือประคองไว้ มองดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนสุภาพบุรุษกำลังพาสุภาพสตรีเดินออกมาจากรถคันหรูในฉากหนังที่ฉันเคยดูยังไงไม่รู้...

เชิญค่ะคุณกีรติ...” พี่เนยทั้งพูดทั้งยิ้มตอนที่เธอผายมือออกมาจับมือฉันไป แม้ในใจจะนึกขำและแอบบ่นให้พี่เนยในใจว่าเธอเวอร์วังอลังการเหลือเกิน แต่ท่าทางแสดงออกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก เหมือนสิ่งที่เธอคนนี้ทำนั้นออกมาจากใจ และเหมือนว่าเธอมีความสุขใจที่ได้ดูแลฉันทุกกระเบียบนิ้วจริงๆอย่างนี้แล้ว ฉันก็อดที่จะใจอ่อนยิ้มรับด้วยใบหน้าแดงระเรื่อตอนที่จ้องมองหญิงสาวสวย ที่ท่าทางก็แสนจะสง่างามอย่างกับเจ้าหญิง แต่เธอกับยอมอ่อนน้อมอ่อนหวานให้กับเด็กหญิงบ้านๆธรรมดาๆอย่างฉัน..

พี่เนยเดินจูงมือฉันจากที่จอดรถไปจนถึงหน้าผับ ซึ่งทันทีที่พี่เนยและฉันเริ่มเดินเข้าไปใกล้ เสียงผิวปากและเสียงแซวของพวกผู้ชายที่ยืนออกันอยู่หน้าผับก็ดังขึ้นทันที แม้ฉันจะจับใจความประโยคที่ผู้ชายพวกนั้นแซวไม่ได้ แต่ด้วยสายตาและท่าทางกรุ้มกริ้มที่ฉันเหลียวไปเห็นอยู่นี้ ก็พอจะเดาออกได้ทันทีว่าเรื่องที่แซวคงจะเกี่ยวกับการแต่งตัวของพวกเราทั้งสองคนนั่นเอง..

เราเดินผ่านทางเดินจนไปถึงอาคารที่ถูกสร้างและตกแต่งให้เป็นผับด้วยพื้นผิวสีฉูดฉาด และบรรดาแสงสีของหลอดไฟต่างๆสีพากันผลัดสลับส่องแสงทั้งแดงเหลืองฟ้าขาว มองดูคล้ายแสงของดวงดาวกำลังทอแสงระยิบระยับประดับประดาท้องฟ้าในยามราตรีให้ดูสว่างสไว จนเป็นที่ตื่นตาตื่นใจบรรดาผีเสื้อราตรีที่ยืนออรอที่จะชื่นชมความงามอยู่ภายนอกอาคารอย่างนี้ ซึ่งหนึ่งในหมู่บรรดาผีเสื้อกลางคืนที่ยืนสยายปีกแข่งกันอวดโฉมความงามแข่งกันอยู่ด้านหน้าผับก็คือบรรดาเพื่อนๆของพี่เนยที่พวกเขาพากันยืนรออยู่ที่ข้างหน้าผับกันก่อนหน้านั้นแล้ว ตอนนี้พอพวกเขาเห็นพี่เนยก็พากันส่งเสียงกรี๊ดวี๊ดว้ายต้อนรับ ทำเป็นชื่นชมการแต่งตัวของพี่เนยกันใหญ่ ฉันมองดูเพื่อนเที่ยวของพี่เนยก็มี พี่เก๋และเพื่อนผู้หญิงที่หน้าตาไม่ค่อยคุ้นอีกสองคน แต่ดูจากสไตล์การแต่งตัวและแต่งหน้าทั้งสองคนก็พอจะรู้ว่าพวกเขาค่อนข้างจะเกเรและกร้านโลกไม่น้อยไปกว่าพี่เนยเลย...

พี่เนยเก๊กท่าสวย เธอเดินเชิดทำตัวเป็นนางพญาตอนที่เดินเข้าไปหาบรรดาการ์ดของผับ ฉันเห็นเธอพูดอะไรกับพวกเขาอยู่ครูหนึ่ง บรรดาการ์ดก็พากันโค้งรับพี่เนยด้วยท่าทางพินอบพิเทาก่อนจะเปิดประตูผับแล้วผายมือให้พี่เนยเข้า เธอจึงหันมาเรียกฉันและบรรดาเพื่อนๆของเธอให้เดินตามเธอเข้าไปข้างใน..

แสงสปอร์ตไลท์ที่ยิงมาจากด้านหน้าเวทีและเสียงอึกทึกครึกโครมของบรรดาเครื่องดนตรีต่างๆดังผ่านเข้ามาในหูฉันทันทีที่ฉันแทรกตัวเดินเข้าไป จนฉันสะดุ้งยืนอึ้งด้วยความตกใจกับเสียงกลองหนักๆที่นักดนตรีกำลังตีเพื่อตอบรับมุกตลกอะไรสักอย่างบนเวที...

“..ตกใจเหรอคะ มานี่มาจับมือพี่ไว้เดี๋ยวพี่จะพาเดินไปเอง..” พี่เนยยื่นมือมากุมมือฉันไว้ ก่อนจะเดินนำฉันเข้าไปในผับท่ามกลางสายตาผู้คนที่หันมาจ้องมองเรา เมื่อเห็นว่าฉันโดนพี่เนยจูงมือเดินนำเข้าไปด้วยท่าทางเป็นห่วงเป็นใยแปลกๆอย่างนี้
พวกเราไปหยุดอยู่ที่โต๊ะโซนตรงกลางใกล้ๆหน้าเวที ตอนนี้รอบๆโต๊ะที่พวกเราจะนั่งนั้นมีคนมานั่งกันเต็มไปหมดแล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าคืนนี้เป็นวันหยุดสิ้นปีที่ทางผับมีการจัดเคาน์ดาวน์จึงมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันเยอะเป็นพิเศษ...

โอ้ย นางฟ้าๆ” เสียงกรุ้มกริ่มของผู้ชายหลายๆคนดังแว่วเข้ามาในหูของฉัน ตอนที่ฉันกำลังจัดแจงหาที่นั่งข้างๆพี่เนย จนฉันต้องหันมองหาที่มาของเสียงแล้วไปพบว่าเจ้าของเสียงคือบรรดาชายหนุ่มวัยรุ่นประมาณ7-8คนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆเรานี่เอง...

เฮ้ย นางฟ้าหันมาแล้ว อูยยย..” หนึ่งในนั้นร้องขึ้นทันทีที่เห็นว่าฉันเหลียวหลังกลับไปมองดูพวกเขาด้วยสายตางงๆ ก่อนที่ฉันจะโดนพี่เนยโอบเอวให้หันกลับมาทางเธออีกครั้ง...

นางฟ้าแม่มึงสิ..เมียกู....”
ฉันได้ยินพี่เนยสบถด่าผู้ชายโต๊ะนั้นก่อนที่เธอจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวดโอบกอดฉันไว้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าพวกผู้ชายโต๊ะนั้นได้ยินหรือเปล่าเพราะทันทีที่พี่เนยหันหน้าไปดึงฉันกลับมา กลายเป็นว่าผู้ชายโต๊ะนั้นร้องแซวพี่เนยด้วยประโยคเหมือนๆกับฉันแต่เสียงดังฟังดูตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนที่พวกเขาเห็นฉันเสียอีก...

น่ากลัวจังพี่เนย..” ฉันหันไปกระซิบกระซาบกับพี่เนย ตอนนี้เสียงแซวของผู้ชายโต๊ะข้างๆก็ยังดังเข้ามาให้ได้ยินอยู่เรื่อยๆ
ก็ไม่ต้องไปสนใจพวกมัน ทำตัวนิ่งๆอยู่ใครอยู่มัน ถ้าเราไม่ไปยุ่งไม่ไปสนใจประเดี๋ยวพวกมันก็เบื่อก็เลิกยุ่งกับพวกเราเอง..” พี่เนยทำสีหน้าเคร่งขรึมตอนที่บอกฉัน ตอนนี้เธอหันไปส่งซิกกับบรรดาเพื่อนๆของเธอ บอกให้พวกเขาจัดการสั่งเครื่องดื่มต่างๆมา ก่อนจะหันกลับมานั่งไขว่ห้างทำเป็นนั่งเชิดไม่สนใจเสียงนกเสียงกาอย่างที่เธอบอกไป...

ตอนนี้แม้เวลาจะผ่านไปแต่เสียงกรุ่มกริ้มของบรรดาชายหนุ่มยังดังแว่วๆมาให้ได้ยินอยู่เสมอ แต่จะเพิ่มเติมตอนนี้ก็คือการสะกิดหลังฉันให้ฉันหันกลับไปมองที่โต๊ะพวกเขาบ้าง แล้วพอฉันหันกลับไปมองบรรดาสายตากรุ่มกริ้มมองดูเหมือนคนหื่นกระหายก็ส่งสัญญาณแปลกๆน่ากลัวๆ จนฉันต้องรีบหันหนีไปทางอื่น..จนไปพบเข้ากับสายตาจิกกัดของโต๊ะข้างๆอีกฝั่งหนึ่งเข้า...

เป็นโต๊ะของผู้หญิงที่มีรูปร่างสูงใหญ่ มีกันอยู่น่าจะประมาณ4-5คน อายุประมาณ20กว่าๆ น่าจะเรียนมหาลัยหรือไม่ก็จบกันแล้ว ฉันมองดูพี่ผู้หญิงคนที่กำลังส่งสายตาจิกกัดมองดูเหมือนเธอกำลังหมั่นไส้อยู่นี้ ก็ให้ความรู้สึกกลัวจนเผลอสะดุ้งทันทีที่ตาไปสบเข้า ไม่รู้ว่าฉันไปทำอะไรให้เขาไม่ชอบหรือเปล่า ทำไมพี่แกถึงออกอาการหมั่นไส้อย่างเห็นได้ชัดขนาดนั้น..

พี่เนยเห็นฉันนั่งอึ้งมองกลุ่มพี่ผู้หญิงโต๊ะนั้นค้างอยู่นาน เธอจึงดึงฉันหันกลับมากอดปลอบใจใกล้ๆ
กระเทยอ่ะ เขาเห็นเราสวยกว่าก็เลยหมั่นไส้..ธรรมดา”
ห๊ะ กระเทยเหรอ” ฉันหน้าเหวอ ร้องเสียงหลงจนต้องรีบเอามือปิดปากตัวเองทันทีที่เผลออุทานคำว่ากระเทยขึ้นเสียงดัง จนกลัวว่าพี่ๆกลุ่มนั้นจะได้ยินเข้า....
กะกะ..กระเทยทั้งโต๊ะเลยมั้ยนี่” ฉันกระซิบกระซาบถามพี่เนยด้วยความตื่นตะลึง ทั้งเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งที่ได้ยินเรื่องที่พี่เนยบอกฉันในก่อนหน้านั้น
พี่เนยยักคิ้ว ก่อนจะโน้มหน้ามากระซิบกระซาบบอกฉันต่อ “อืม..ทั้งโต๊ะเลย ทำไมทำหน้าอย่างนั้นไม่เชื่อล่ะสิ ถ้าอย่างนั้นก็หันไปดูสิ บางคนยังมีลูกกระเดือกอยู่เลยเห็นมั้ย กลุ่มนี้พี่เห็นมาเที่ยวบ่อยแล้ว แต่ไม่รู้จักไม่อยากคุยด้วยเพราะรู้สึกเหมือนเขาก็ไม่อยากคุยไม่อยากรู้จักพี่เหมือนกัน”

ฉันรีบหันขวับกลับไปมองพี่พวกนั้นตามที่พี่เนยบอกทันที..

เฮ้ยจริงด้วยพี่เค้ามีลูกกระเดือกด้วยอ่ะ..แต่พี่เค้าสวยอ่ะ ดูสิสวยจนดูเหมือนผู้หญิงจริงๆเลยอ่ะ” ฉันคิ้วขมวดแอบหันไปจ้องพี่พวกนั้นต่อ “โอ้ยผู้ชายทั้งนั้นเลยเหรอนี่ โอ้ยอะไรจะสวยขนาดนั้นนี่ มาเอามดลูกกี้ไปเลยดีมั้ย สวยจนเกรงใจพี่เขาแล้วนี่..”
“...ถึงสวยยังไงของปลอมมันก็เป็นของปลอมนั่นล่ะ ไม่งั้นเขาจะจิกตามองหมั่นไส้พวกเราเหรอ ก็อย่างว่าล่ะนะทั้งสวยทั้งเพอร์เฟรคเป็นใครใครก็ต้องอิจฉา ช่วยไม่ได้..”พี่เนยทั้งพูดทั้งเก๊กหน้าสวย เธอทำเป็นยักไหล่แล้วยกมือสองข้างขึ้นตอนที่บอกว่าช่วยไม่ได้ ฉันมองดูหน้าตาและท่าทางของพี่เนยตอนนี้แล้ว ก็ให้ความรู้สึกหมั่นไส้อย่างที่พี่กระเทยพวกนั้นกำลังมองเราอยู่ตอนนี้จริงๆ..

...ก็ไม่แปลกหรอกนะถ้าเขาจะมองดูโต๊ะเราด้วยความสายตาแปลกๆอย่างนี้ เพราะไอ้ท่าทางสวยๆเริดๆเชิ่ดๆที่กำลังทำกันอยู่นี่ทั้งโต๊ะตอนนี้ มันก็ชวนให้คนมองเกิดความรู้สึกหมั่นไส้จนแทบอยากจะลุกขึ้นมาตบเรียงคนเสียด้วยซ้ำ..

ฉันแอบมองพี่กระเทยโต๊ะนั้นค้าง จนหนึ่งในกลุ่มนั้นหันมาเห็นฉันเข้าแล้วยักคิ้วส่งสายตาจิกกัดท้าทายมาให้ฉัน จนฉันสะดุ้งผวารีบหันหน้าหนีไปทางอื่นทันที.....

ซึ่งทันทีที่หันหน้าหนีไปอีกฝั่งหนึ่ง สายตาฉันก็เหลือบไปเห็นบรรดาสายตากรุ่มกริ่ม ที่บ้างก็มองต่ำลงไปที่ใต้โต๊ะเพื่อมองไปที่ขาอ่อนขาวๆเนียนๆของเราบ้าง บ้างก็มองจ้องมาที่เนินเนื้อหน้าอกของพวกเราบ้าง มองดูสายตาหื่นกระหายใคร่อยากของพวกนี้แล้ว ก็ให้ความรู้สึกสะดุ้งผวาตกใจบวกเพิ่มจากเมื่อครู่นี้ไปอีกหลายเท่าตัวทีเดียว...

โอ้ย...นี่ใช่มั้ยที่ว่า เสือสิงห์กระทิงแรด ทำไมที่นี่ช่างเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าที่มีแต่ความดุร้ายซะจริงหนอ นี่ฉันจะมีชีวิตรอดกลับไปขายข้าวมันไก่ช่วยพ่อกับแม่ได้อีกหรือเปล่านี่...ฉันทั้งคิดทั้งปาดเหงื่อก่อนจะรีบหันกลับมานั่งนิ่งๆอยู่ที่โต๊ะตามที่พี่เนยเคยบอกฉันเอาไว้...

ฉันนั่งนิ่งก้มหน้าก้มตามองพื้นโต๊ะด้วยความเกร็งอยู่นานจนได้ยินเสียงๆหนึ่งดังผ่านเข้ามาในหูของฉัน...

“..น้องเขาเอาน้ำอะไรล่ะแก เอาเหล้ามั้ย ดื่มเหล้าเป็นหรือเปล่า..” เป็นเสียงของพี่เก๋ที่กระซิบกระซาบถามพี่เนยนั่นเอง ตอนนี้เธอกำลังบรรจงจัดแจงเสริฟเครื่องดื่มต่างๆให้เพื่อนๆในโต๊ะ ฉันเห็นเธอรินเหล้าเพรียวๆส่งให้พี่เนยก่อนจะทำเป็นกระซิบกระซาบถามพี่เนยเรื่องฉันต่อ ได้ยินเสียงพี่เนยบอกพี่เก๋ว่า ฉันดื่มเหล้าไม่เป็นขอเป็นน้ำอัดลมดีกว่า ก่อนจะหันมายิ้มมองหน้าฉัน...
ตอนนี้พอฉันเงยหน้าขึ้นมา พี่เนยก็ทำทีเป็นหันไปหยิบแก้วน้ำอัดลมจากพี่เก๋ส่งมาให้ฉัน ก่อนจะสะกิดฉันให้หันไปทางเพื่อนๆเธอทั้งสามคน...

เอ่อ..ลืมแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกับทุกๆคน..นี่น้องกี้นะเป็น...”

เมียหรือผัว..” เพื่อนทั้งสามพากันพูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย
บ้า..สุภาพหน่อยสิพวกแก..เดี๋ยวน้องเขารับไม่ได้...เดี๋ยวน้องเขาจะอาย แค่แฟนกันก็พอ..” พี่เนยจีบปากจีบคอทั้งพูดทั้งยิ้มน้ำเสียงกรุ่มกริ้มฟังเหมือนทั้งอายทั้งขำที่โดนเพื่อนๆของเธอแอบแซวโดยพร้อมเพรียงกันอย่างนั้น
ฉันก็หน้าแดง ทั้งตะลึงทั้งเหวอที่อยู่ๆโดนเพื่อนๆพี่เนยแซวเสียงดังด้วยคำพูดคำจาที่ฟังดูแล้วแรงๆพิกล ตอนนี้เมื่อทำอะไรไม่ถูกฉันได้แต่ยิ้มแหยๆแล้วยื่นมือไปใต้โต๊ะเพื่อตบหน้าตักที่เนยด้วยความเขินอายไปเรื่อยๆ
พี่เนยหัวเราะค้าง เธอทำทีเป็นยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มแก้เขิน ก่อนจะหันมาเรียกฉันขึ้นมาแนะนำเพื่อนๆเธอบ้าง..

กี้..นี่เก๋นะ นั่นนุ่มนิ่มและนั่นแน็ตตี้” พี่เนยชี้ชวนไปที่พี่ๆทั้งสามคนและบอกชื่อไปตามลำดับ ฉันยิ้มและยกมือไหว้พี่ๆเพื่อนพี่เนยทั้งสามคน ก่อนจะหันมามองพี่เก๋ที่ยื่นขวดน้ำอัดลมมาเติมให้ฉันแล้วทักทายฉันต่อ...

ไงค่ะ น้องกีกี้ ซึนเดเระ..” พี่เนยสำลักเหล้าในปากไอแค่กๆทันทีที่ได้ยินเพื่อนเธอทักฉันอย่างนั้น ซึ่งก็พอๆกับฉันคิ้วขมวดออกอาการงงเต็กหลังจากได้ยินข้อความแปลกๆที่ฉันไม่เข้าใจความหมาย ตอนนี้พอพี่เก๋พูดประโยคนี้เสร็จเธอก็หันไปหันเราะคิกๆคักๆกับเพื่อนๆสองคนที่เหลือทันที...

ฉันยิ้มงงๆให้พี่เก๋นิดนึงก่อนจะหัวเราะหึๆตอบ ด้วยเพราะว่าไม่เข้าใจประโยคทักทายที่พี่เก๋ทักมาก่อนหน้านั้น ก็ดีค่ะพี่ แฮะๆ..”ตอนนี้พอฉันยิ้มแก้เขินตอบพี่เก๋เสร็จ พี่เก๋ก็หันไปแอบหัวเราะกับพวกพี่นุ่มนิ่มและพี่แน็ตตี้ต่อ ทิ้งให้ฉันเหวอค้างด้วยความสงสัยจนต้องแอบหันกลับมากระซิบกระซาบถามถึงความหมายของมันกับพี่เนยเข้า...

เมื่อกี๊พี่เก๋เรียกกี้ว่าอะไรซึนๆนะ มันแปลว่าอะไรอ่ะ..”
พี่เนยหัวเราะหึๆก่อนจะรีบส่ายหัวปฏิเสธฉัน “เปล่าไม่มีอะไร เก๋มันคงจะเรียกชื่อกี้เป็นภาษาญี่ปุ่นแบบน่ารักๆไรงี้มั้ง เห็นมันบอกกี้สวยน่ารักเหมือนเด็กญี่ปุ่นอ่ะ”
จริง....” ฉันลากเสียงถามพี่เนย ก่อนจะจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าแบ่งรับแบ่งสู้มองดูมีพิรุธนั่นอีก “ทำไมกี้ไม่ได้รู้สึกว่ามันน่ารักเลยล่ะ ฟังดูประชดประชันทะแม่งๆ”
คิดไปเองน่า..ไม่มีอะไรหรอก..กี้เป็นเด็กพี่นะไม่มีใครกล้าว่าอะไรกี้หรอกน่า เชื่อพี่” พี่เนยยิ้มหวานก่อนจะโอบฉันมากอดปลอบใจให้เลิกคิดมาก ตอนนี้พอฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของพี่เนยแล้วแอบหันหน้าชำเรืองมองบรรดาเพื่อนสาวของเธอทั้งสาม มองดูก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงรังสีอัมหิตผิดปกติบางอย่างในสายตาจิกกัดหมั่นไส้ที่ทั้งสามคนกำลังมองฉันอยู่....

23.00.

เรานั่งดื่มนั่งฟังเพลงที่ดีเจเปิดแผ่นและนักดนตรีด้านหน้าเวทีเล่นสดไปเรื่อยๆ ท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนานคึกคัก บรรดาเพื่อนสาวของพี่เนยต่างสนุกสนานกับการดื่มสังสรรค์และการลุกขึ้นโยกตัวเต้นไปตามจังหวะ ฉันมองดูพี่เนย หลายครั้งที่เธอทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นเต้นแต่ก็โดนฉันจับมือห้ามเธอไว้ แถมบางทีบางครั้งที่เธอทำท่าจะเทเหล้าเติมลงไปในแก้วเพื่อดื่มอีกก็ยังโดนฉันเอ็ดด้วยกลัวว่าเธอจะดื่มเยอะเกินไปแล้วจะกลายเป็นเมา จนพี่เนยเริ่มหน้าเจื่อนทั้งมองฉันและมองเพื่อนสลับกันไปตอนที่ฉันยื่นมือไปดึงแก้วเหล้าออกจากมือของพี่เนยอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะหันมาเอ็ดพี่เนยเรื่องที่เธอลุกขึ้นทำท่าจะเต้นเมื่อครู่นี้แล้วไม่ระวังตัว จนชุดเดรสที่เป็นเสื้อแหวกด้านหน้าของเธอนั้นแหวกโชว์เนินเนื้อออกเกินงาม แล้วผู้ชายโต๊ะข้างๆพากันส่งเสียงร้องแซวพี่เนยโดยที่พี่เนยไม่รู้ตัว จนฉันต้องดึงพี่เนยให้มานั่งใกล้ๆแล้วรีบจัดแจงดึงรั้งชายเสื้อทั้งสองข้างเข้าหากันก่อนจะบ่นพึมๆพัมๆให้เธอไป...

พี่เนยดูแลตัวเองหน่อยสิ เนี่ยบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าดื่มเยอะ เห็นมั้ยพอพี่เนยดื่มเยอะก็กลายเป็นคุมสติตัวเองไม่ได้ เที่ยวลุกขึ้นเต้นไม่ระวังตัวอย่างนี้ ดูสินี่ชายเสื้อไหลออกจนจะมองเห็นหัวนมตัวเองแล้วมั้งเนี่ย น่าเกลียด ไม่รู้ตัวเลยหรือไง”
พี่เนยหน้าเสียตอนที่โดนฉันว่า เธอก้มหน้าลงมองชายเสื้อทั้งสองข้างก่อนจะดึงๆมันเข้ามาใกล้ๆกันแล้วปัดๆปลายผมของเธอลงมาปิดบังเนินเนื้อไว้ต่อ “..ก็ชุดมันเป็นอย่างนี้อ่ะ มันก็ต้องมีบ้างล่ะ พี่ก็เอาผมปกไว้อยู่นี่ไม่เห็นหรือไง” พี่เนยเงยหน้าขึ้นมามองฉัน เธอรีบแก้ตัวก่อนจะยกเหล้าในมือของเธอขึ้นมาดื่มต่อ..
อ๊ะ ดื่มอีกแล้ว อย่าดื่มบ่อยนักสิเดี๋ยวก็เมาหัวทิ่มหรอกค่อยๆกินได้ป่ะ เป็นลำยองหรือไง” พี่เนยหยุดชะงักเนื่องจากว่ามือของเธอโดนฉันเอื้อมไปดึงไว้ตอนที่เธอจะยกแก้วขึ้น “อ๊ะเนี่ย อยากดื่มดื่มน้ำอัดลมกับกี้นี่” ฉันหยิบแก้วน้ำอัดลมส่งไปให้พี่เนย ตอนนี้เธอคิ้วขมวดมองฉันสลับกับแก้วน้ำอัดลมไป..
กี้ พี่มาเที่ยวนะ เที่ยวผับด้วยมันก็ต้องดื่มเหล้าบ้างป่ะ ถ้าอยากดื่มน้ำโค้กนั่งฟังเพลงเฉยๆพี่คงไม่มานี่หรอก”
เถียงเหรอ..เดี๋ยวก็..” ฉันยกมือขึ้นทำเป็นจะตบพี่เนย ตอนนี้พอฉันทำท่าทางขู่เธอ เธอก็หน้าละห้อยได้แต่บ่นพึมๆพัมๆด้วยความเซ็งของเธอไป ก่อนจะหันหน้าเซ็งๆนอยด์ๆไปคุยซุบซิบมุบมิบกับพวกเพื่อนๆที่นั่งอยู่ด้านข้างเธอ ปล่อยให้ฉันหันกลับมานั่งดื่มน้ำอัดลมคนเดียว...

บอกแล้ว...ว่าอย่าเอาลูกมาด้วย..” ฉันหันขวับทันทีที่ได้ยินเสียงกระแนะกระแหนดังอยู่ข้างๆหูฉัน
อะไร..” ฉันตาขวางมองพี่เนยที่กำลังทำท่าจุ๊ปากไปทางเพื่อนคนที่น่าจะพูดประโยคเมื่อกี้ออกมา พร้อมๆกับสายตาที่ลอกแลกมองฉันสลับกับพี่คนนั้นไปมา ตอนที่เห็นฉันจิกตาขมึงมองเธออย่างนี้
เอ่อ..ไม่มีอะไร..คือเพื่อนโต๊ะนั้นน่ะ โน้นๆทางโน้นน่ะกี้เห็นมั้ย เค้ามีลูกแล้วนะ เพื่อนพี่เมาส์มอยให้ฟังว่ามันมีลูกไวมาก ไม่น่ารีบมีเลย เดี๋ยวมันก็ต้องรีบกลับไปเลี้ยงลูกมันที่สามีนั่งดูรออยู่ในรถให้ด้วยตอนนี้แล้วนี่”
จริงสิ ไม่ได้ว่าใครที่โต๊ะเราใช่ป่ะ” ฉันคิ้วขมวดมองพี่เนยพร้อมๆกับจ้องเขม็งไปที่เพื่อนที่เนยที่ตอนนี้โดนพี่เนยจับหันหลังไปทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าระหว่างฉันกับเพื่อนคนนั้นของหล่อน
ใช่...จะมาว่าอะไรที่โต๊ะเราเล่า..”พี่เนยเสียงอ่อนเสียงหวานก่อนจะทำทีเป็นออเซาะเข้ามากอดมาหอมฉันประหนึ่งต้องการจะเอาใจให้ฉันละความสนใจจากเรื่องเมื่อครู่นี้เสียที

ตอนนี้พอพี่เก๋ที่นั่งข้างๆเธอหันมาเห็นพี่เนยนั่งออเซาะทั้งกอดทั้งหอมฉันอยู่ เธอก็หัวเราะคิกๆคักๆก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาคุยกับฉันใกล้ๆ
ไหวมั้ย..ง่วงนอนมั้ยคะน้องกี้ ปกติอยู่บ้านนอนกี่ทุ่มคะ..”
ก็ไหวอยู่ค่ะ ปกติก็นอนดึกค่ะ..” ฉันพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ตัวเองเขินจนหลุดขำตอนที่ตอบพี่เก๋ไปเนื่องจากก้มหน้าลงไปมองเห็นพี่เนยเหลือบตามองฉันแล้วทำทีเป็นพูดกระแนะกระแหนแทรกเข้ามาให้ได้ยินด้วยว่า “ปกติไม่ค่อยได้นอนค่ะ” จนฉันต้องยื่นมือไปเขกหัวแล้วรีบปิดปากเธอไว้ต่อ...

อ้าวเหรอ งั้นก็โอเคนี่นา พี่ก็นึกว่าเราจะเป็นเด็กอนามัยต้องดื่มนมก่อนนอน และเข้านอนเป็นเวลา...” พี่เก๋ทั้งพูดทั้งยิ้มจ้องมองฉันด้วยสายตาแปลกๆ “นี่พี่ก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่เลยนะเห็นเหมือนกี้โดนบังคับมาเที่ยวยังไงไม่รู้ ดูสิดื่มแต่น้ำอัดลมจนคนโต๊ะอื่นเขาคิดว่าเนยพาลูกสาวมาเที่ยวด้วยแล้วนี่..” ฉันสแยะยิ้มทันทีที่ได้ยินพี่เก๋ว่า ตอนนี้พอเริ่มจับใจความของประโยคก่อนหน้านั้นเรื่องที่ได้ยินว่า ..บอกแล้วไม่ให้เอาลูกมา.. ฉันก็เริ่มคิ้วขมวดกลายเป็นเก๊กขรึมทำหน้าซีเรียสมองพี่เก๋ทันที...

อ๋อ ไม่มีใครบังคับกี้มาหรอกค่ะ กี้แค่อยากมาเที่ยวกับพี่เนยด้วยเฉยๆ แค่กลัวว่าพี่เนยจะกินเหล้าแล้วเสียสติทำตัวงี่เง่าอย่างที่ผ่านๆมาน่ะค่ะ..” ฉันรีบพูดตอบโต้โดยที่เน้นเสียงคำว่า “เสียสติ” จนพี่เนยฟังแล้วสะดุ้งด้วยคงรู้ว่าฉันกำลังด่าว่าเพื่อนสาวเธอทางอ้อมเรื่องที่พากันดื่มเหล้าแล้วมาแขวะฉันที่ไม่ดื่มตาม
ไม่ต้องห่วงนะคะ กี้ไม่ใช่เด็กอนามัยหรอก จริงๆกี้ก็ดื่มเหล้าได้ แค่กี้ไม่อยากดื่มพร่ำเพรื่อแล้วกลายเป็นเมาหัวราน้ำไปก่อนผับจะเลิกน่ะค่ะ” ฉันยิ้มน้อยมองดูพี่เก๋เหล่ตามองแรงออกอาการไม่พอใจทันทีที่เธอได้ยินฉันกระแนะกระแหนเธอคืนอย่างนั้น เธอคงรู้ว่าฉันตั้งใจว่าเธอแต่เธอทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากเห็นพี่เนยรีบผละออกมาจากฉันแล้วทำทีเป็นห้ามฉันไม่ให้พูดต่อและหันไปกระซิบกระซาบอะไรกับเพื่อนเธอครู่หนึ่งก่อนจะหันมายิ้มแหยๆมองหน้าฉัน

เพื่อนพี่เขาแซวเล่นๆเฉยๆกี้อย่าคิดมากสิ” เธอทำทีเป็นกระซิบกระซาบบอกฉันไป
กี้ก็ไม่ได้คิดมากก็แค่ตอบไปตามความจริง ก็คงจะผิดที่กี้เองล่ะที่ทำตัวเหมือนเด็ก นั่งดื่มแต่น้ำอัดลมทั้งๆที่คนอื่นๆเขาก็ดื่มเหล้ากันหมด” ฉันก็กระซิบกระซาบตอบพี่เนยไป แต่ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนจะน้อยใจที่โดนเพื่อนพี่เนยแขวะอย่างนั้นเลยทำให้พี่เนยยิ่งรู้สึกผิดไปกันใหญ่เธอเลยหันมากอดปลอบใจฉันต่ออีก..

ไม่เป็นไรหรอกนะ กี้จะดื่มอะไรก็ดื่มเลยที่นี่เขาไม่ได้ห้าม เพื่อนพี่ก็แค่แซวกี้เล่นๆเขาคงกลัวว่ากี้จะเที่ยวไม่สนุกน่ะ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก มีคนที่ไม่เมาไว้สักคนก็ดีเหมือนกันจะได้ดูแลกันได้ไง กี้ก็จะได้ดูแลพี่ด้วยไงคะ..” เธอทั้งพูดทั้งยิ้มก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาจุ๊บปากฉันเบาๆ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแซวของพวกผู้ชายโต๊ะข้างๆที่แอบมองเราตลอดดังขึ้น เนื่องจากเห็นผู้หญิงสวยสองคนที่พวกเขาหมายตาตั้งแต่เดินเข้ามา...พากันจูบปากกันดื้อๆเสียอย่างนั้น...

เฮ้ยได้ไงอ่ะ เสียของหมด...” หนึ่งในเสียงนั้นดังแว่วๆมาเข้าหูฉัน จนฉันต้องรีบผละออกจากพี่เนยแล้วออกมานั่งก้มหน้าก้มตามองพื้นโต๊ะด้วยความอายไป ซึ่งแตกต่างจากพี่เนย รายนั้นพอได้ยินเสียงแซวดังแว่วๆมา แม่เจ้าประคุณก็รีบหันควับไปหาเจ้าของเสียงทันที...

เสียของพ่อมึงสิ คว.....”เธอทั้งพูดทั้งยกนิ้วกลางแต่ยังสบถด่าไม่หมดประโยคหยาบๆของเธอดีก็โดนฉันเอื้อมมือไปปิดปากเธอไว้ ก่อนจะรีบดึงให้เธอหันกลับมานั่งนิ่งๆอยู่ที่โต๊ะต่อ..
พี่เนยอยู่นิ่งๆดิ จะไปต่อปากต่อคำกับเขาทำไม ไหนบอกให้ทำตัวเฉยๆ เดี๋ยวเขาก็เขม่น เดี๋ยวก็โดนดักฉุดทั้งคู่หรอก ไม่กลัวหรือไง” ฉันทำเสียงดุแกล้งพูดขู่พี่เนย
ไม่กลัวดิ กี้คงไม่รู้ใช่ป่ะว่าพี่มีปืนอยู่ในรถด้วย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นพี่จะวิ่งไปเอาปืนมายิงแม่งเลยดีป่ะ”
เฮ้ย เกินเรื่องไปป่ะ เอามาทำไมนี่ปืน โอ้ยๆๆ พี่เนยไหนบอกว่าจะทำตัวเป็นคนดีแล้ว คนดีกะผีอะไรนี่พกปืนด้วย น่ากลัว..” ฉันรีบร้องโวยวายด้วยความตกใจทันทีที่ได้ยินพี่เนยบอกอย่างนั้น
พอเลยนะทำตัวดีๆนั่งนิ่งๆเลย นี่อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะปีใหม่แล้ว ทำตัวดีๆเริ่มต้นชีวิตใหม่กับปีใหม่เหอะ กี้ขอร้อง..” ฉันมองหน้าพี่เนย ตอนนี้แม่เจ้าประคุณก็ยังทำหน้าโมโห ทั้งแอบหันไปมองผู้ชายโต๊ะนั้นด้วยความขุ่นเคืองไม่ยอมหาย เธอทำเป็นหึดหัดกระฟึดกระฟัดแล้วหยิบเหล้าขึ้นมาดื่มเพรียวๆซะหมดแก้วแก้โมโหของเธอไปจนฉันต้องร้องถามเธอด้วยความเป็นห่วง
เฮ้ย ดื่มเยอะจัง..ยังไม่เมาใช่มั้ยนี่..”
ยัง” พี่เนยตอบเสียงห้วนๆ แต่ตอนนี้สายตาแข็งๆกระด้างกระเดื่องตอนที่มองผู้ชายโต๊ะนั้นค่อยๆคลายลงตามสัมผัสที่ฉันยื่นมือไปลูบแก้มเธอหวังให้เธอหายอารมณ์โมโหนั้นแล้ว ตอนนี้พอพี่เก๋ที่แอบฟังเราคุยกันตั้งแต่ได้ยินเสียงผู้ชายโห่แซว แล้วได้ยินเสียงฉันถามพี่เนยเรื่องที่ว่าเธอเมาหรือยัง พี่เก๋ก็ยิ้มน้อยทำเป็นพูดแทรกแซวพี่เนยขึ้นทันที..
โถ..เหล้าแค่นี้ทำอะไรเนยไม่ได้หรอก เนยน่ะเขาสายแข็ง ดื่มเท่าไหร่ก็ไม่เมาหรอก เดี๋ยวพี่เช็คให้ก็ได้ว่าเนยเมามั้ย อ๊ะเนย..ไหนแกลองนับนิ้วฉันเช็คสายตาดูซิว่ามีกี่นิ้ว..” พี่เก๋ยื่นนิ้วมาเจ็ดนิ้ว ฉันเห็นพี่เนยนั่งเพ่งมองนิ้วพี่เก๋อยู่แป๊บหนึ่งก่อนจะตอบชัดถ้อยชัดคำ...
มีเจ็ดนิ้วถ้วนไม่ขาดไม่เกิน” พอพี่เนยตอบเสร็จเธอก็ทำทีเป็นยักไหล่แล้วยิ้มร่าก่อนจะหยิบเหล้าเพรียวๆแก้วนั้นขึ้นมาดื่มไปอีก “ถูกต้อง เก่งมากค่ะ เอ้าชนแก้ว”พี่เก๋ก็ไม่น้อยหน้าพอเห็นว่าเพื่อนสาวเธอโชว์ฟอร์มดื่มแอลกอฮอลล์ไปเพรียวๆโดยที่ไม่ได้แสดงท่าทีมึนเมาอะไรออกมาแล้ว หล่อนก็ทำเป็นดีใจรีบยกแก้วขึ้นชนแล้วทำทีเป็นลุกขึ้นเต้นด้วยความสนุกสนานของเธอไปพร้อมๆกับพี่เนยทันที...

23.30 .
บรรยากาศในผับเริ่มคึกคักขึ้นเมื่อเวลาเริ่มเดินเคลื่อนผ่าน อาจจะเป็นเพราะว่าบรรดานักท่องเที่ยวเริ่มดื่มเหล้ากันเข้าไปเยอะแล้ว ทำให้ฤทธิ์ความมึนเมาที่เกิดจากแอลกอฮอลล์ทำให้พวกเขาเริ่มกล้าที่จะแสดงออก ไม่ว่าจะเต้น ส่งเสียงกรี๊ด โห่ร้อง แม้กระทั่งร้องห่มร้องไห้เมื่อดีเจเปิดเพลงเศร้าเคล้าอารมณ์ให้กับคนที่กำลังอยู่ในความเศร้าเผลอร้องไห้ออกมาด้วย
ฉันมองดูพี่เนย ตอนนี้แม้เธอจะดื่มเข้าไปมากโขแล้ว แต่เธอก็ยังอยู่ในอาการนิ่งเฉย ไม่เมา ไม่กรี๊ดกร๊าดไม่โวยวายอะไร จะมีก็เพียงแต่การลุกขึ้นเต้นกับเพื่อนๆของเธอบ้างในบางครั้ง หรือไม่ก็หันมายิ้มอ้อนคุยกระหนุงกระหนิงเป็นเพื่อนกับฉันไป คงเป็นเพราะว่าเธอกลัวว่าฉันจะเบื่อหรือไม่ก็เหงา...

ซึ่งจริงๆฉันก็แอบเบื่อตั้งแต่ตอนที่พี่เนยหันไปดื่มไปคุยกับเพื่อนๆของเธอทั้งสามคนปล่อยให้ฉันนั่งเซ็งมองแก้วน้ำอัดลมไปคนเดียวแล้ว แต่ฉันก็ไม่พูดอะไร ด้วยเพราะอยากพยายามรักษาสัญญาและตามใจพี่เนยบ้าง ไม่อยากให้เธอเห็นว่าฉันบังคับเธอเกินไป ฉันคิดว่าบางทีพี่เนยอาจจะอึดอัดก็ได้ถ้าฉันเซ้าซี้วุ่นวายกับชีวิตเธอเกิน ทางที่ดีฉันควรเว้นระยะห่างระหว่างฉันกับเธอเอาไว้ให้เธอได้ทำในสิ่งที่เป็นตัวของตัวเองบ้างคงจะดีกว่า....

...แสงสีบนเวทียังคงสาดส่องไปมาบนพื้นฟอร์ มันฉายแสงส่องให้เห็นบรรดานักท่องเที่ยวกำลังดื่มกำลังเต้นและกำลังสนุกสนานกับบทเพลงที่ดีเจกำลังเปิดขับกล่อมบรรเลงอยู่ที่บูธดีเจ ณ ตอนนี้ ซึ่งในขณะที่แสงไฟสีต่างๆกำลังกระพริบมองดูเหมือนกำลังติดๆดับๆอยู่นั้น อยู่ๆแสงสปอร์ตไลท์ที่หน้าเวทีก็ฉายแสงสว่างวาบไปที่ประตูทางเข้า ทำให้คนที่ไม่ได้เต้นเอาแต่นั่งมองแสงสีอย่างเช่นฉัน พากันละตาหันไปตามแสงไฟสปอร์ตไลท์กันทันที...

ตอนนี้แสงสปอร์ตไลท์กำลังฉายแสงไปตกกระทบเข้ากับกลุ่มผู้หญิงที่กำลังเดินเข้ามาใหม่สามสี่คน แต่ดูเหมือนว่าลำแสงของสปอร์ตไลท์ตั้งใจจะสาดส่องไปหาผู้หญิงคนหนึ่งที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม เธอเด่นทั้งส่วนสูง รูปร่าง หน้าตา และเด่นแม้กระทั่งสีของชุดเดรสของเธอ...
หลายๆสายตาเริ่มละจากสิ่งที่มองแล้วหันไปมองตามลำแสงที่สาดส่องไปยังภาพๆนั้นให้ชัดเจนขึ้น รวมถึงฉันและทุกๆคนในโต๊ะด้วย..

ตอนนี้ภาพเบื้องหน้าที่เราทุกคนต่างมองเห็นก็คือ แสงออร่าระยิบระยับของชุดเดรสเกาะอกสีเหลืองทองส่องประกายเป็นรัศมีเจิดจ้า ที่โชว์เนินหน้าอกขาวเนียนสวยมหึมา จนทำให้คนที่กำลังดื่มหรือเต้นอยู่ต้องหยุดชะงักทันทีที่เห็นเจ้าของร่างที่สูงเด่นสง่าในชุดเดรสสีทองอร่ามนี้ย่างกรายผ่านหน้าไป..
เจ้าของร่างเป็นผู้หญิงสูงปรี้ดหุ่นสวยเชฟเหมือนฝรั่ง เธอสะบัดปลายผมหยักศกสีน้ำตาลดำเดินอวดองค์เยื้องระย่างผ่าฝูงชนไป ใบหน้าสวยๆคมๆและดั้งโด่งๆแลดูโดดเด่นและแปลกประหลาด ด้วยเพราะแสงของสปอร์ตไลท์สาดส่องไปบนใบหน้าให้เห็นความพิเศษของดวงตาสีฟ้าที่ส่องประกายรับกับแสงหลากสี จนคนที่หันไปสบตาจ้องต้องตะลึงกับความสวยในแบบที่น่าจะเรียกว่าฝรั่งมากกว่าลูกครึ่งเสียอีก ซึ่งก็เพราะจมูกโด่งๆแบบชาวยุโรปและสีของผิวขาวเผือกที่กำลังส่องรัศมีแข่งกับชุดสีทองของเธอบวกกับความสูงที่น่าจะ180เซนติเมตรขึ้นไปนี้ เลยทำให้ฉันนึกถึงภาพนางแบบของรายการเดินแบบชุดชั้นในยี่ห้อดังของต่างประเทศ ที่จะมีนางแบบฝรั่งหุ่นดีๆหน้าตาสวยๆมาเดินแบบให้เหลือเกิน..

ฉันนั่งอึ้งมองดูเจ้าของร่างกายที่ให้ความรู้สึกถึงคำว่าเพรียบพร้อมสมบูรณ์แบบนั่นอยู่นาน จนนึกขึ้นได้ว่าคนๆนั้นจริงๆก็คือคนที่ฉันรู้จักอยู่แล้ว...ใช่.เธอคือพี่มิเกล..นั่นเอง...

“...ตายเรียบเลยว่ะแก..แค่เจ๊แกเดินเข้ามาอานุภาพพลังทำลายล้างพี่แกก็มหาศาล...แบบว่า..บู้ม..ทีเดียวผู้หญิงตายเรียบกันหมดเลย..” เสียงที่ฟังดูขำๆของพี่เก๋ลอยผ่านเข้ามาให้หูของฉันจนฉันต้องพยายามละสายตาแล้วแกล้งหันกลับมานั่งมองแก้วน้ำอัดลมต่อหน้าของตัวเองต่อไป..
เด็กเก่าแกนิ ไม่เข้าไปทักทายเขาหน่อยล่ะเนย..” พี่เก๋หันมากระซิบกระซาบถามพี่เนย ตอนนี้พอพี่เนยได้ยินเพื่อนถามเธอก็รีบแอบชำเรืองมามองฉัน ก่อนจะรีบหันไปยกนิ้วชี้ขึ้นจุ๊ปากแล้วทำตาเล็กตาน้อยกับพี่เก๋ส่งสัญญาณประหลาดๆแลดูมีพิรุธของเธอไป...

หือ..อ้าวเหรอ โอเค้ พี่สาวแกเฉยๆโน๊ะ..” พอพี่เก๋ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบและเห็นท่าทางประหลาดของพี่เนย แกก็รีบออกตัวพูดเปลี่ยนเป็นเรื่องใหม่ด้วยเสียงสูงๆฟังดูก็รู้ว่ามีพิรุธทันที...
โฮย..น่าเสียดายอ่ะแก พี่สาวแกน่ะโคตรสวยเลยนะ ฉันว่าสวยกว่า..ใครหลายๆคนเสียอีก..นี่ถ้าเขามาบอกว่าชอบฉันนะ บางทีฉันก็อาจจะหวั่นไหวกลายเป็นยอมตกลงคบกับเขาเลยก็ได้นะแก..”
อย่างแกนี่นะจะชอบผู้หญิง แกบอกแกโนแกไม่โอเคนี่ ขนาดฉัน แกก็ยังไม่อยากให้ชอบผู้หญิงเลยนิ” พี่เนยรีบพูดแทรกพี่เก๋ ทั้งชำเรืองมองเพื่อนสาวเธออย่างขำๆด้วยไม่อยากจะเชื่อในคำที่เพื่อนสาวเธอพูดมาเมื่อครู่นี่เป็นแน่..
แหมแก..ถ้าฉันได้เจอคนที่ดีมันก็ต้องมีหวั่นไหวบ้างล่ะ อย่างแกน่ะถึงฉันจะไม่อยากให้แกคบกับผู้หญิงด้วยกัน แต่ถ้าแกเจอคนที่ดีที่เขาเหมาะสมกับแก ฉันก็อยากให้แกคบนะโว้ย ไม่มีใครอยากให้เพื่อนตัวเองคบกับคนที่ไม่ดี..ที่หลอกให้เพื่อนตัวเองเสียใจร้องไห้ตลอดเวลาหรอก..”พูดประโยคนี้เสร็จพี่เก๋ก็แอบแลชำเรืองมาทางฉันทันที เหมือนเธอต้องการจะสื่อสารใจความหมายประโยคเมื่อครู่นี้ว่าหมายถึงใครนั่นเอง...

ฉันก้มหน้านิ่งนั่งมองโต๊ะด้วยความรู้สึกอึดอัดตั้งแต่ตอนที่ได้ยินพี่เก๋พูดประชดเรื่องพี่มิเกลว่าสวยกว่าใครหลายๆคนเสียอีก..ใช่..ฉันรู้ว่าพี่เก๋กำลังพูดประชดฉันเรื่องที่ว่าฉันไม่สวย ไม่ดี สู้พี่มิเกลได้เลยสักนิด ยิ่งมาฟังคำพูดกระแนะกระแหนที่เขาว่าไม่อยากให้พี่เนยคบกับผู้หญิงด้วยกัน โดยเฉพาะคนที่หลอกลวงพี่เนยให้ต้องเสียน้ำตาตลอดอย่างนั้นแล้ว ฉันก็ยิ่งรู้สึกกระอึกกระอักลำบากใจ จนแทบอยากจะลุกขึ้นเดินหนีจากโต๊ะพี่เนยทันทีที่ได้ยินประโยคประชดประชันรื้อฟื้นความผิดเก่าๆของฉันอย่างนั้นอีก...

พี่เนยนั่งคุยอะไรกับพี่เก๋อยู่ครู่หนึ่ง ฉันได้ยินเสียงพี่เก๋และเพื่อนสาวอีกสองคนของเธอร้องกรี๊ดวี้ดว้ายขึ้นเหมือนพวกเขาเจอใครที่รู้จักในนี้ ได้ยินเสียงเหมือนพวกเขาจะชวนพี่เนยไปทักทายด้วยแต่เธอก็ปฏิเสธ โดยอ้างว่าจะอยู่เป็นเพื่อนฉันที่โต๊ะดีกว่า ซึ่งพอพี่เก๋ได้ยินดังนั้นเธอก็ยิ้มอ่อนมองหน้าพี่เนยอย่างขำๆ ฉันได้ยินเสียงกระแนะกระแหนลอยมาเข้าหูเบาๆอีกว่า “ต้องรอให้นมลูกก่อนใช่ป่ะ..” ก่อนที่พี่เก๋จะขอตัวพาเพื่อนทั้งสองเดินไปยังโต๊ะคนที่พวกเขารู้จักกัน..

พี่เนยคงเห็นว่าฉันกำลังคิดมากที่ได้ยินพี่เก๋พูดถึงพี่มิเกลก่อนหน้านั้น ตอนนี้พอเพื่อนเธอเดินไปลับตา เธอก็รีบก้มหน้าลงมาหอมแก้มฉัน ก่อนจะพยายามพูดจาหยอกเอินฉันด้วยอยากปลอบใจอาการนอยด์ๆของฉันให้ลดลงบ้าง...

สวัสดีค่ะ...ชื่ออะไรคะ มีแฟนหรือยัง สวยจังเลยจีบได้มั้ย..” ฉันเหล่ตามองแรงพี่เนยทันทีที่ได้ยินเธอเล่นมุกอย่างนั้น
ชอบคนสวยเหรอ โน้นไงสวยสมกันดีนี่ เพื่อนๆก็ชอบนี่ ไปจีบเค้าสิ เค้ารออยู่ไม่ใช่เหรอ”
เอ๋า วกเข้าเรื่องนั้นได้เฉย อะไรอ่ะอุตสาห์จะชมสักหน่อย ไม่เอาอ่ะเพื่อนชอบก็ส่วนเพื่อนชอบสิ เค้าไม่ชอบแบบนั้น เค้าชอบคนสวยแบบนี้นี่นา ไม่งั้นเค้าจะตามจีบตามเฝ้าอย่างนั้นตลอดเหรอ..มั่นใจตัวเองเถอะน่า ตัวเองก็สวยจะตายคิดเล็กคิดน้อยจัง..”
ฮึ งั้นก็อย่าให้เห็นว่าหันกลับไปมองเค้าอีกนะ แม่จะข่วนให้หน้าลายเลยคอยดู..”ฉันยกสองมือขึ้นงอนิ้วทั้งห้าแกล้งทำท่าเหมือนแมวงอกงเล็บจะข่วนหน้าขู่พี่เนย แต่มันคงไม่น่ากลัวเท่าไหร่เพราะฉันเห็นพี่เนยหัวเราะรั่วทันทีที่เห็นท่าแมวผยองของฉัน เธอทั้งหัวเราะทั้งพูดตกปากรับคำด้วยอาการขำๆของเธอไป..
ค่า รับทราบค่าคุณกีรติ...” พอฉันเห็นพี่เนยยิ้มหวานอารมณ์ดีหันมานั่งกอดฉันไว้ ทำเป็นเอาอกเอาใจฉันตลอดแล้ว ความกังวลใจลึกๆก่อนหน้านั้นก็เริ่มคลายลง กลายเป็นว่าตอนนี้ฉันก็เริ่มยิ้มออก แล้วเริ่มหันไปมองสำรวจความเป็นไปต่างๆรอบๆตัวเองอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งกลุ่มของพี่มิเกลที่เดินเข้ามาเมื่อครู่นี้ด้วย...

ตอนนี้กลุ่มของพี่มิเกลได้ที่นั่งแล้ว เป็นที่นั่งที่อยู่ไม่ไกลจากโต๊ะของพวกฉันเท่าไหร่ ห่างกันแค่โต๊ะสองโต๊ะเท่านั้น พี่พิเกลนั้นนั่งหันหลังให้กับโต๊ะฉัน ฉันเห็นเธอนั่งหันซ้ายหันขวานั่งเหลียวมองโน้นนี่นั่นอยู่นาน ก่อนจะหันหลังมาทางโต๊ะฉันแล้วก็กลายเป็นสะดุ้งอึกทันทีที่เธอสบตามาเจอฉันที่นั่งมองเธอก่อนหน้านั้นเข้า...

แล้วพอเธอเริ่มคิดได้ว่าคนที่เธอกำลังจ้องมองอยู่เป็นใครนั้น..เธอก็ส่งยิ้มอ่อนๆมองดูเหมือนมีพิรุธอะไรบางอย่างกลับมาให้ฉันทันที...

ตอนนี้เธอลุกขึ้นเดินตรงมาโต๊ะของฉันแล้วมุ่งตรงมาหาพี่เนยที่นั่งพิงซบไหล่ฉัน โดยที่พี่เนยยังไม่รู้ตัวเลยว่าพี่มิเกลอยู่ด้านหลังของเธอแล้ว...
พี่มิเกลโน้มตัวลงมาสวมกอดพี่เนยไว้แล้วหอมแก้มเธอไปฟอดใหญ่ๆ จนพี่เนยตกใจรีบหันหลังกลับไปมองหาที่มาของริมฝีปากลึกลับที่แอบขโมยหอมแก้มเธอจากด้านหลังอย่างนั้น ตอนนี้พอเธอเห็นว่าเป็นพี่มิเกลที่หอมแก้มเธอ เธอก็ตาโตตกใจรีบหันมามองฉันที่คิ้วขมวดตาโตยิ่งกว่าพี่เนยตอนนี้เสียอีก...

ไฮ..เนย...ไม่ได้เจอกันตั้งนานยังสวยเหมือนเดิมเลยนะซิส..” พี่มิเกลละใบหน้าออกมายิ้มทักทายพี่เนยโดยที่มือเธอก็ยังสวมกอดพี่เนยอยู่เหมือนเดิม “เป็นไงบ้างสบายดีมั้ย..”
ก็..ก็ดีค่ะพี่เกล เนยก็สบายดีเหมือนเดิมค่ะ พี่เกลล่ะค่ะ..” พี่เนยยิ้มแหยๆพยายามดึงมือพี่มิเกลออกจากเอวของเธอ เธอทั้งตอบพี่มิเกล ทั้งหันมายิ้มเจื่อนๆมองหน้าฉัน
ก็ดีบ้างไม่ดีบ้างตามแต่ช่วงเวลานั่นล่ะ ก็หลังจากที่หายเศร้ามาได้..ช่วงนี้ก็เริ่มดีขึ้นแล้วล่ะ..” พี่เนยสะดุ้งเฮือกแอบชำเรืองมาที่ฉันทันทีที่ได้ยินประโยคที่เหมือนพี่มิเกลกำลังท้าวความถึงเรื่องเก่าๆระหว่างเธอ พี่เนยและฉันอีกครั้ง...
เมื่อเห็นพี่เนยชำเรืองมองฉันด้วยสายตาหวั่นๆอย่างนั้น พี่มิเกลก็ละสายตาจากพี่เนยแล้วหันมายิ้มให้ฉันบ้างทันที....
ไงคะน้องกี้ เราได้เจอกันอีกครั้งแล้วนะ..คงสบายดีนะคะ...”
ฉันสะแหยะยิ้มให้เธอทันทีที่ยินประโยคทักทายที่เหมือนจะไม่เต็มใจของเธออย่างนั้น.. “ค่ะ ก็ดีค่ะ ดีมากๆเลยค่ะ” ฉันเน้นเสียงตรงคำว่า ดีมากๆ ก่อนจะยิ้มน้อยทำเป็นวางฟอร์มสวยของฉันต่อไป....

แม้ในใจตอนแรกฉันตั้งใจจะยกมือไหว้เธอตอนที่เห็นว่าเธอละจากพี่เนยมาได้ แต่ตอนนี้พอฉันได้เห็นแววตาและกริยาท่าทางที่เธอกำลังพูดกำลังทักทายกับฉันอยู่ตอนนี้แล้ว โหมดความคิดชั่วร้ายในใจของฉันกลับกระซิบกระซาบบอกฉันว่า ..อย่าไปแสดงอาการอ่อนข้อให้เธอเด็ดขาด ต้องทำให้เธอเห็นให้ได้ว่า ฉันเหนือกว่าเธอขนาดไหน..และทำไมพี่เนยถึงเลือกฉัน...

แล้วเมื่อพี่มิเกลเห็นท่าทางเชิดๆของฉันอย่างนั้น เธอก็อมยิ้มกรุ่มกริ้มแล้วหันกลับไปคุยมุบมิบๆกับพี่เนยต่อทันที ฉันเห็นเธอทั้งพูดกับพี่เนยทั้งแอบชำเรืองกลับเหล่มองมาที่ฉัน แล้วพอเธอเห็นว่าฉันก็มองเธอคุยกับพี่เนยเหมือนกัน เธอก็ยิ่งทำเป็นกระเถิบเข้าไปใกล้พี่เนยมากขึ้น เธอทำทีเป็นคล้องแขนพี่เนยไว้ก่อนจะโน้มเนินเนื้อหน้าอกมหึมาของเธอเข้าไปซบเบียดกับแขนพี่เนยอีก จนพี่เนยเองยังสะดุ้งแอบหันกลับมาทางฉันทันทีที่แขนของเธอโดนหน้าอกของยัยพี่มิเกลถูๆไถๆเข้าให้...

ฉันสูดลมหายใจ...พยายามนับหนึ่งถึงสิบ จากสิบไปถึงยี่สิบ จากยี่สิบไปเรื่อยๆๆ... จนตอนนี้หน้าของฉันคงกำลังบ่งบอกอาการหงุดหงิดไม่พอใจออกไปเต็มที่ จนกระทั่งพี่เนยหันกลับมาเห็นหน้าของฉันอีกทีแล้วกลายเป็นว่าเธอหน้าถอดสี แล้วกลายเป็นพยายามแกะแขนของพี่มิเกลออกจากแขนเธอ ก่อนจะทำทีเป็นขอตัวกลับมานั่งคุยกับฉันต่อ เนื่องจากเธอเห็นว่าฉันคงจะเริ่มเหงาเพราะไม่มีเพื่อนคุยด้วยแล้ว...
ตอนนี้พอพี่เนยขอตัวกลับมาคุยกับฉัน ยัยพี่มิเกลก็หันมายิ้มน้อยมองฉัน ก่อนจะทำท่าทางยืดอกโชว์หน้าอกหน้าใจของเจ้าหล่อนให้ฉันเห็นแล้วทำเป็นก้มลงมามองที่หน้าอกของฉันบ้าง จนฉันแอบสะดุ้งทันทีที่อยู่ๆหล่อนก็ทำท่าทางขำเล็กๆอะไรอย่างนั้น...

ฉันคิ้วขมวด ก้มลงมองหน้าอกของตัวเองที่โผล่พ้นเกาะอกออกมาให้เห็นหน่อยๆ เพราะฉันใส่เสื้อคลุมทับกันเอาไว้อีกชั้นหนึ่งด้วยกลัวว่ามันจะโป๊เกินไป ตอนนี้เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นมาอีก ก็เห็นยัยพี่มิเกลยักคิ้วมองฉันด้วยสายตากรุ้มกริ่มคล้ายๆกับว่าหล่อนกำลังเยาะเย้ยถากถางอะไรฉันสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องขนาดของหน้าอกหน้าใจ แล้วมิหนำซ้ำหล่อนก็ยังแอบหันมายิ้มน้อยชำเรืองมองแล้วมองอีกตอนที่หล่อนเดินกลับไปโต๊ะของหล่อนแล้วอย่างนั้น...

อะไรอ่ะ...สายตาอย่างนั้นมันหมายความว่ายังไงกัน...อ๋อ..นี่จะว่าฉันไม่มีอะไรมาสู้เธอได้อย่างนั้นเหรอ ได้...ฉันจะเอาให้เธอดูเองว่าฉันก็ไม่น้อยหน้าเธอเหมือนกันล่ะน่า...

ฉันรีบถอดเสื้อคลุมสีดำออกวางกองไว้กับกระเป๋า แล้วหันหลังกลับไปมองที่ยัยพี่มิเกลที่ตอนนี้ก็ยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองมาที่โต๊ะของฉันต่ออีกเหมือนเดิม..
หน็อยยย.. นี่หล่อนจะเยาะเย้ยว่าฉันมันคนละรุ่นกับเธออย่างนั้นใช่มั้ย...
ด้ายยย..แล้วเธอจะได้เห็นดีกับฉันยัยพี่มิเกล...

ฉันหันหน้าไปทางพี่เนยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วใช้มือพยายามดันยกทรงของตัวเองให้ยกสูงขึ้นสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้ยกทรงของฉันพยายามยกทรวงอกของฉันให้ยกสูงขึ้นจนเนินเนื้อที่โผล่พ้นขึ้นจากเกาะอกสีดำของฉันแทบจะหลุดออกมาทั้งเนินอยู่แล้วมะรอมมะร่อ เมื่อเห็นว่าได้ขนาดเนินเนื้อที่ต้องการแล้ว ฉันก็พยายามขยับต้นแขนทั้งสองข้างให้ประครองเนินหน้าอกช่วยกันไว้อีกแรงด้วย ตอนนี้ฉันเหลียวซ้ายมองขวาก่อนจะเข้าประชิดตัวพี่เนยเพื่อที่จะยิงคำถามกับเธอออกไป...

ใครใหญ่กว่ากัน..” ฉันดันหน้าอกยกขึ้นสูงโชว์พี่เนยที่กำลังยกแก้วเครื่องดื่มเตรียมกระดกเข้าปากเธอ ตอนนี้เธอคิ้วขมวดมองหน้าฉันด้วยความงงสุดชีวิตของเธอ...
ห๊ะ!!??” เธอถึงกับอุทานด้วยความตกใจ
ก็ถามว่าใครใหญ่กว่ากัน” ฉันดันหน้าอกไปชนพี่เนยพลางพยักเพยิดให้เธอหันไปทางยัยพี่มิเกลที่นั่งยิ้มหวานหันมาชำเรืองมองทางนี้อยู่เหมือนเดิม
พี่เนยคิ้วขมวดก้มลงมองหน้าอกฉันแล้วเงยหน้าขึ้นมาเลิ่กคิ้ว ประหนึ่งกำลังถามคำถามว่าสิ่งที่ฉันถามเธอเมื่อครู่นี้นั้นมันคือสิ่งนี้ใช่หรือไม่....ซึ่งฉันก็เลิ่กคิ้วตอบรับเธอไปทันที....

เออ!!??..นมใครใหญ่กว่ากัน!!??”
!!!??? พรวด !!!???
เหล้าในปากพี่เนยถึงกับพุ่งพรวดออกมาทันทีที่ได้ยินฉันถามเธอตรงๆอย่างนั้น พี่เนยต้องก้มหน้าสำลักเหล้าไอแค่กๆอยู่นาน กว่าจะเงยหน้าแดงๆแลดูเหมือนเธอกำลังขำอะไรสักอย่างขึ้นมามองหน้าฉัน...
นึกยังไงมาถามนี่..”เสียงพี่เนยถามกลับมาอย่างขำๆก่อนจะยกแก้วเหล้าของเธอกระดกเข้าปากอีกรอบแต่ก็โดนฉันดึงแย่งแก้วเหล้าของเธอไว้ไม่ให้เธอดื่มได้ หากเธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉัน..
ห้ามดื่มถ้าไม่ตอบก็ไม่ต้องดื่มเลย บอกมาเลยว่าใครใหญ่กว่ากันระหว่างกี้กับยัยพี่มิเกลนั่นน่ะ” ฉันตาขวางมองพี่เนยอย่างเคืองๆ ก่อนจะดึงแก้วเหล้าหนีมือพี่เนยมาถือไว้แนบกับหน้าอกของตัวเอง...

ก็..” พี่เนยอึ้งเธอจ้องหน้างอนๆของฉันอยู่นาน “..จะให้ตอบตามความจริงมั้ยล่ะ...”
หมายความว่าไง..” ฉันเอื้อมมือไปตบแปะพี่เนยทันทีที่ได้ยินเธอถามกลับมาอย่างนั้น พี่เนยสะดุ้งเธอได้แต่ยิ้มแหยๆแล้วดึงฉันเข้ามาโอบกอดเอาใจก่อนจะพยายามตอบคำถามแบบถนอมน้ำใจของเธอไปต่อ...
แหม..ก็กี้ยังเด็กอยู่ ตอนนี้กี้ก็มีน้ำมีนวลในแบบของกี้ไง ถ้าเทียบกับเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้วกี้ก็ถือว่าใหญ่ที่สุดแล้วนะ พี่ว่ากี้น่ะใหญ่ที่สุดในโรงเรียนแล้ว..” เธอตอบด้วยน้ำเสียงกรุ้มกริ่มเหมือนเธอจะแกล้งยอฉันให้ฉันหายเคืองจากสิ่งที่ฉันกำลังเปรียบเทียบอยู่ในใจตอนนี้...
ไม่ได้ถามในโรงเรียน โน้นให้เทียบกับคนโน้น หรือยังไง นี่พี่เนยกำลังจะบอกกี้ว่าเค้าใหญ่กว่ากี้ใช่ป่ะ อ๋อนี่เห็นเค้าดีกว่ากี้อย่างนั้นเหรอ..จะเปลี่ยนใจกลับไปชอบเค้าแล้วใช่ป่ะ พี่เนยน่ะน่าเกลียด เค้าเอานมมาล่อนิดเดียวจะกลับไปหาเค้าอีกแล้วใช่มั้ย” ฉันทั้งพูดทั้งรัวหยิกตามเนื้อตามตัวพี่เนยด้วยความหมั่นไส้
โอ้ย..ไม่ใช่...ฟังพี่ก่อนสิ เข้าใจมั้ยว่ากี้น่ะยังเด็กอยู่อายุแค่16ปีเองส่วนเค้าน่ะ20กว่าปีแล้ว ถ้ากี้อายุเท่าเค้า กี้ก็ใหญ่ประมาณนั้นเหมือนกันล่ะ แล้วเค้าก็เป็นลูกครึ่งสัดส่วนเค้ามันก็ต้องใหญ่ตามเชื้อชาติเค้าป่ะ กี้จะไปเปรียบเทียบอะไรกับเค้าตอนนี้นี่ ตัวเองก็สวยจะตายแค่นี้พี่ก็หลงจะแย่อยู่แล้ว..” พี่เนยพยายามสะบัดแขนหนีมือฉัน เธอทั้งพูดทั้งยิ้มก่อนจะพยายามใช้แขนของเธอโอบกอดฉันเข้ามากอดเอาใจใกล้ๆตัวเธออีก
พี่พนันได้เลยนะว่ากี้ตอนอายุเท่าเค้าน่ะ กี้ก็ต้องขนาดประมาณนี้เหมือนๆกันนั่นล่ะ อย่าคิดมากเลยนะคะ ..นะ..เอางี้ก็ได้ถ้าโตขึ้นแล้วมันไม่โตตาม...พี่ให้เงินกี้ไปทำเพิ่มเลยเอาป่ะ” เธอทั้งพูดทั้งหัวเราะแลดูเหมือนเป็นเรื่องตลกล้อเล่นหลอกให้เด็กขำยังไงไม่รู้...
ตลกล่ะ เพื่อนเล่นเหรอ..” ฉันขึ้นเสียง ทั้งยื่นมือไปตบแป๊ะแขนพี่เนยทั้งตาขวางมองค้อนเธออย่างเคืองๆ ห้ามหันไปมองเค้าอีกเลยเข้าใจมั้ย”
ค่า รับทราบค่าคุณผู้หญิง” พี่เนยทั้งพูดทั้งยิ้ม ทำท่าทีตกปากรับคำอย่างขมีขมัน ฉันมองพี่เนยด้วยสายตางอนๆก่อนจะหันหลังกลับไปมองที่โต๊ะยัยพี่มิเกลแล้วก็ไปเจอว่าหล่อนยังหันมาแอบยิ้มชำเรืองมองที่โต๊ะเราอีกเหมือนเดิม และเหมือนเดิมพอหล่อนเห็นฉันหันไปเจอหล่อนเข้า หล่อนก็ทำเป็นยิ้มน้อยทำสายตากรุ้มกริ้มแกล้งยั่วโทสะกวนอารมณ์ฉันอีก..

..หน็อยย..ทำหน้าอย่างนี้คิดว่าตัวเองสวยหรือไงวะ ใช่ซี้ เธอมันสวยเซ็กซี่นี่นา ชอบแต่งตัวโป๊ๆเปลือยโชว์คนอื่น เรียกร้องความสนใจจากคนอื่นนี่นา เชอะ..นี่คงคิดว่าฉันไม่มีอะไรจะสู้เธอได้สินะถึงได้ส่งรอยยิ้มเยาะเย้ยฉันมาอย่างนั้น
...ด้าย...ถ้าอย่างนั้นฉันจะทำให้เธอเห็นให้ได้ว่าฉันนี่ล่ะ...คุณค่าที่พี่เนยคู่ควร..

ฉันคิ้วขมวดทั้งคิดทั้งกัดฟันกรอดๆด้วยความโมโห ก่อนจะเผลอยกแก้วเหล้าเพรียวๆของพี่เนยที่อยู่ในมือฉันขึ้นมาดื่มอึ๊กเดียว.....หมด......

เฮ้ย!!?? เดี๋ยวๆๆ..เหล้านะเหล้า นั่นเหล้าพี่นะ กี้ดื่มเป็นเหรอ..” พี่เนยตาโตร้องเสียงหลงทันทีที่เธอเห็นฉันยกแก้วเหล้าเพรียวๆแก้วนั้นกระดกเข้าปากอึ๊กเดียวหมดไปทั้งแก้ว...

ฉันหลับตาปรี๋เพราะตอนนี้แสบร้อนคอและขมคอเป็นที่สุด ได้แต่รีบวางแก้วนั้นลงแล้วยกแก้วที่เป็นน้ำอัดลมของตัวเองขึ้นมาดื่มแก้ขมคอตัวเองไป...

อี๊..พี่เนยดื่มไปได้ไงนี่..ขมก็ขม...” ฉันทั้งพูดทั้งหลับตาปี๋ได้แต่แสดงท่าทีงกๆเงิ่นๆเหมือนคนไม่เคยดื่มของพวกนี้แล้วเผลอไปกินเข้า กลายเป็นอีล่ำอีเหลือกทำตัวไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรให้หายอาการพะอืดพะอมจากรสชาติขมคอแบบนี้ดี
ฉันทั้งหันซ้ายไปสำลักไอ ทั้งหันขวามาหยิบแก้วโค้กขึ้นมาดื่ม ทำตัววุ่นวายหันซ้ายหันขวาจนกระทั่งหันไปเห็นยัยพี่มิเกลที่ตั้งใจนั่งหันหลังกลับมามองฉันกับพี่เนยที่โต๊ะโต้งๆ แล้วพอหล่อนเห็นฉันทำท่าทางอีหลักอีเหล่พะอืดพะอมอย่างนั้น หล่อนก็ทำเป็นยกมือขึ้นมาป้องปากขำเล็กๆ ก่อนจะยกแก้วไวน์ทรงสูงที่มีของเหลวเกือบเต็มแก้วในมือหล่อนขึ้นมาดื่มโชว์ฉัน.....อึ๊กเดียวหมด....

...ตอนนี้พอหล่อนดื่มหมด หล่อนก็ทำเป็นยักไหล่และยิ้มน้อย ส่งสายตาเยาะเย้ยถากถางมาที่ฉันทันที...

หน็อยยย...สายตาแบบนี้ นี่คงจะว่าฉันมันอ่อนสินะ...ด้ายยย..ฉันจะทำให้เธอเห็นเองว่าฉันน่ะ...อยู่สายไหน...
ฉันหันหลังขวับกลับมาที่โต๊ะ ตอนนี้ฉันหยิบแก้วน้ำอัดลมยื่นไปที่พี่เนยก่อนจะออกคำสั่งให้เธอเทแอลกอฮอลล์แบบเดียวกับที่เธอดื่มมาให้ฉันบ้าง...

ห๊ะ อะไรนะ จะดื่มเหรอเมื่อกี๊ยังบอกขมอยู่เลย กี้เป็นอะไรหรือเปล่านี่ทำตัวแปลกๆ” พี่เนยคิ้วขมวดงงสุดชีวิตเธอถึงกลับถามย้ำ ทั้งยื่นไม้ยื่นมือมาจับสัมผัสความร้อนที่หน้าผากของฉันราวกับว่าเธอนั้นกำลังคิดว่าฉันป่วยอยู่แน่ๆ
ฉันยกมือขึ้นปัดมือพี่เนยออก ก่อนจะตาขวางมองพี่เนยอย่างเคืองๆคืนไปเมื่อเห็นว่าเธอไม่ทำตามในสิ่งที่ฉันขอ แถมยังถามในสิ่งที่ฉันไม่อยากจะตอบอีก

ทำไมล่ะ ก็อยากดื่ม พี่เนยพากี้มาเที่ยวไม่ใช่เหรอ อยู่ในที่ดื่มที่เที่ยวมันก็ต้องดื่มอย่างนี้ถึงจะถูกสิ จะให้กี้นั่งดื่มน้ำอัดลมทำตัวเป็นลูกพี่เนยอย่างที่เพื่อนพี่เนยแขวะกี้อย่างนั้นหรือไง” ฉันจ้องเขม็งไปที่พี่เนยที่ยังยืนอึ้งมองฉันอย่างงงๆอยู่เหมือนเดิม แล้วเมื่อเห็นท่าทางไม่ตอบรับอย่างนั้นของพี่เนย ฉันก็เอื้อมตัวไปหยิบขวดเหล้าด้านหลังพี่เนยมาเทใส่แก้วของฉันเพรียวๆจนเกือบจะเต็ม ก่อนจะถือแก้วหันหลังกลับไปมองยัยพี่มิเกลที่นั่งไขว่ห้างมองฉันกับพี่เนยซุบซิบๆคุยกันอยู่เมื่อครู่นี้..

ตอนนี้พอสายตาฉันสบเข้ากับสายตาของยัยพี่มิเกล ฉันก็ยิ้มน้อยทำท่าชนะก่อนจะยกแก้วเหล้าเพรียวๆแก้วนั้นกระดกเข้าปากตัวเองทันที...

ยัยพี่มิเกลยิ้มทำเป็นตาโตร้องว้าวให้ฉันเห็นก่อนจะยักไหล่ แล้วยกแก้วไวน์ในมือของเธอขึ้นชนฉันในอากาศ เหมือนเธอแสดงความตื่นเต้นดีใจด้วยที่เห็นฉันเก่งสามารถดื่มเหล้าเพรียวๆหมดแก้วได้อย่างนั้น..

ฉันสะแยะยิ้มมุมปากรับเจ้าหล่อนนิดนึง ด้วยตอนนี้ปากทั้งปากกำลังอมเหล้าขมๆไว้ไม่ยอมกลืนมันลงไป เพราะไม่อยากให้หล่อนจับไต๋ได้ ได้แต่ทำท่าทางฝืนยิ้มพะอืดพะอมจนกระทั่งพี่เนยหันมาเห็นแล้วทักเข้า...

อะไรอ่ะกี้..อ๋อที่ดื่มนี่ที่แท้อยากเอาชนะเค้าอย่างนั้นเหรอนี่ โอ้ย..เด็กหนอเด็ก..น่ารักจังเล้ย..” พี่เนยทั้งพูดทั้งขำ เธอเอานิ้วมาจิ้มกระพุ้งแก้มหยอกฉัน จนฉันสะดุ้งเผลอสำลักกลืนมันลงไปในคอเข้าจนได้.....

!!??อึ๊ก!!??
ตายแล้วฉัน โอ้ยๆทำไมมันแสบคอหนักขนาดนี้.. ฉันตาโตรีบหันหลังกลับไปสำลักไอแค่กๆที่โต๊ะทันทีที่แอลกอฮอลล์พวกนั้นไหลพรวดเข้าปากฉันหมด พี่เนยตกใจที่เห็นอาการสำลักไออย่างนั้นของฉัน เธอก็รีบหันกลับมาลูบหลังให้ฉันทันทีที่เห็นอาการพะอืดพะอมตอนนี้..

เป็นยังไงบ้างกี้ นี่อย่าบอกนะว่าเมาแล้ว ถ้าดื่มไม่เป็นก็อย่าดื่มสิ ถ้ารู้ตัวว่าตัวเองจะคออ่อนขนาดนี้ ทีหลังก็อย่าฝืนนะ”
ฉันเงยหน้าตาขวางมองพี่เนยอย่างเคืองๆทันทีที่ได้ยินคำพูดที่ว่า “คออ่อน” ตอนนี้ฉันแอบชำเรืองก้มหน้าหันไปมองยัยพี่มิเกล เห็นเธอกำลังมองมาที่ฉันแล้วหัวเราะคิกๆคักๆชอบใจใหญ่....
...ให้ตายเถอะนี่หล่อนคงกำลังหัวเราะเยาะฉันใช่มั้ย นี่หล่อนคงกำลังคิดว่าฉันคออ่อนเหมือนอย่างที่พี่เนยกำลังว่าฉันตอนนี้ใช่มั้ย....

..หน็อยยยย..อิฝรั่งเซินเจิ้น..