วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2560


Lovely Mafia Girl

ลูกสาวเจ้าพ่อ ขอเป็นแฟนหนู

Special part : First date night

 

Chapter 5

น้ำเปลี่ยนนิสัย...

ฉันหันกลับมาจ้องพี่เนยก่อนจะปัดมือพี่เนยออกจากหลัง แล้วทำทีเป็นลุกนั่งตัวตรงทำเป็นเชิดผิดกับท่าทางจะเป็นจะตายเมื่อครู่นี้ลิบลับ ตอนนี้ฉันหยิบขวดเหล้ามาเทลงไปในแก้วของฉันอีกครั้งนึง ซึ่งก็เช่นเคยรอบนี้ฉันก็ยังรินมันเพรียวๆจนเกือบจะเต็มแก้วของฉันเหมือนเดิม
พี่เนยตาโตตอนที่เห็นฉันรินเหล้าลงไปในแก้ว แต่เธอยังไม่ทันได้ทักท้วงอะไรฉันเท่าไหร่ ฉันก็จับแก้วยกขึ้นดื่มกินต่อหน้าต่อตาเธออีกครั้ง จนเธอนั้นอ้าปากค้างด้วยความตกใจที่เห็นฉันดื่มเข้าไปอึ๊กเดียวหมดแก้วอีกแล้ว...

อาาาห์..แต่รอบนี้ฉันกลั้นหายใจตอนที่ฉันดื่มมันลงไปทั้งแก้ว ซึ่งพอเหล้าหมดแก้วไปฉันก็ถึงกลับหายใจดังๆออกมาต่อหน้าพี่เนยทันที...

อ้อ..ฉันรู้วิธีดื่มมันโดยไม่ขมคอแล้ว แค่ฉันกลั้นหายใจแบบเมื่อครู่นี้ฉันก็ไม่รู้สึกขม ไม่รู้สึกว่ามันรสชาติประหลาดๆแย่ๆอย่างนั้นอีกแล้ว ก็โอเคดีนี่นา แค่ให้มันผ่านคอเราเข้าไปไวๆแค่นั้น แค่เราไม่ต้องรับรู้กับรสชาติของมัน รสฝาดๆขมๆของมันก็ทำอะไรคอฉันไม่ได้แล้ว..หึ..โอเค้..ทีนี้ฉันจะดื่มมันให้ยัยคนนั้นดูซะทีว่า...ฉันน่ะสายแข็งขนาดไหน..

ฉันทั้งคิดทั้งยิ้มก่อนจะรีบยกขวดเหล้าขวดนั้นมาเทลงแก้วพรวดๆแล้วหันกลับไปยกแก้วดื่มโชว์ยัยพี่มิเกลอีก พี่เนยนั้นเห็นท่าไม่ดี คงเพราะเธอรู้ว่าฉันไม่เคยดื่มเหล้าเสียที ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ดื่มแล้วยังอุตสาห์ดื่มเพรียวๆไปโดยที่ไม่มีอะไรเจือจางอีกตั้งสามสี่แก้ว ตอนนี้พอฉันหันกลับมาเทเหล้าลงไปในแก้วอีกเป็นครั้งที่5พี่เนยก็รีบออกปากปรามฉันทันที..
เฮ้ย..พอได้แล้วกี้ มันเกินไปแล้วนะ ดื่มพรวดๆต่อกันอย่างนั้นประเดี๋ยวก็เมาหัวทิ่มหรอก” พี่เนยทั้งพูดทั้งรีบแย่งขวดเหล้าในมือฉันไป
อ้าว แล้วเห็นกี้เมาหรือยังล่ะ กี้ก็ยังอยู่ดีโอเคอยู่พี่เนยก็เห็นนี่” ฉันแย่งขวดคืนมารินพรวดๆลงแก้วเหมือนเดิม และเหมือนเดิมฉันยังคงยกมันเข้ารินเข้าปากรวดเดียวจบ โดยที่พี่เนยยังไม่ทันได้อ้าปากห้ามอะไรฉันต่อด้วยซ้ำ
เฮ้ย กี้พอได้แล้วเดี๋ยวจะเมานะ” พี่เนยรีบแย่งแก้วฉันไป แต่ฉันก็ไม่ยอมแพ้รีบคว้ามันเข้ามาแนบกับอกตัวเองไว้ ก่อนจะรีบโต้เถียงพี่เนยคืนไปทันที
คำก็เมาสองคำก็เมา กี้เมาตรงไหน ก็บอกว่าโอเคอยู่ ไม่เชื่อลองนับนิ้วกี้ดูดิว่ามีกี่นิ้ว..” ฉันยกนิ้วขึ้นมาให้พี่เนยนับ4นิ้ว ซึ่งพี่เนยก็รีบจิ้มนิ้วมานับทันทีที่เห็นฉันยกมันขึ้นมา....
“...หนึ่ง สอง สาม สี่.. มีสี่นิ้ว.. เฮ้ย!!!?? มันใช่ที่ไหนล่ะ กี้สิต้องนับ บ้าแล้ว” พี่เนยสะบัดหน้าตอนที่เธอนึกขึ้นได้ เธอรีบหันกลับมาเถียงฉันทันที
กี้พอก่อนเหอะนะ พี่ว่า..” ยังไม่ทันทีที่พี่เนยจะอธิบายเหตุผลที่เธอเห็นสมควรให้ฉันหยุดดื่มในตอนนี้ ฉันก็รีบวางแก้วเหล้าไว้ แล้วรีบใช้สองมือของฉันประครองวงหน้าพี่เนยเข้ามามอบจูบ Deep kiss ให้กับเธอ โดยที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว พี่เนยเงียบเสียงบ่นกลายเป็นอ่อนระทวยทันทีที่โดนฉันมอบสัมผัสจุมพิตลึกล้ำอย่างนั้นเข้าให้ ตอนนี้กลายเป็นว่าเธอก็ใช้แขนทั้งสองข้างของเธอโอบกอดฉันเข้ามาแนบชิดตัวเธอไว้ ทำอย่างกับว่าเธอกลัวว่าจุมพิตที่ลึกล้ำนั้นจะหลุดลอยหายไปจากเธอง่ายๆในตอนนี้...

ฉันมอบจูบDeepKiss ทั้งบดขยี้ริมฝีปากพี่เนยด้วยความร้อนรุ่ม มันเป็นความรู้สึกดีแบบแปลกๆ ตอนนี้ความร้อนๆวูบๆวาบๆในหัวของฉันกำลังสั่งให้ฉันลองทำในสิ่งที่ครั้งหนึ่งฉันอายเหลือเกินไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าฉันจะกล้าจูบกับพี่เนยข้างนอกห้องนอนตัวเองได้อย่างนี้ ...โอ..ใช่...การจูบกับพี่เนยนอกห้องนอนท่ามกลางฝูงคนมากมายที่กำลังจับจ้องมองเราอย่างนี้ กลับให้ความรู้สึกดีและตื่นเต้นจนฉันแทบจะหยุดจูบจูบนี้ลงไปไม่ได้ ...ให้ตายเถอะทำไมริมฝีปากของพี่เนยในยามนี้ช่างน่าหลงไหลเหลือเกินนะ ฉันแทบจะขบกัดดึงริมฝีปากของเธอไว้ทันทีที่รู้สึกว่าเธอกำลังจะพยายามหยุดจูบจูบนี้ลงแล้ว..

โอ้ยหนอ...นิ้วเย็นๆหรือจะสู้...” เสียงกรุ่มกริ้มฟังดูทะลึ่งตึงตังดังแทรกเข้ามาขวางห้วงอารมณ์โรแมนติกของฉันทันที โดยที่ฉันยังได้ยินมันไม่ทันหมดประโยคดีด้วยซ้ำ แต่ฉันก็เข้าใจความหมายที่เจ้าของริมฝีปากหมาใบหน้าสุนัขกำลังเห่าหอนอยู่ ณ ตอนนี้ได้เป็นอย่างดี...

นิ้วเย็นพ่อง..อยากได้สักนิ้วมั้ยล่ะ คว..” ฉันรีบละใบหน้าออกไปด่ามันทันที แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะสบถด่าคำหยาบหมดประโยคดี พี่เนยก็รีบยื่นมือเธอมาปิดปากฉันไว้ ทั้งๆที่ฉันกำลังพยายามยกนิ้วกลางขึ้นยื่นไปที่ชายหนุ่มพวกนั้น ตอนที่กำลังจะด่าคำหยาบที่ความหมายเหมือนนิ้วกลางที่ฉันชูขึ้นให้พวกเขาดูเมื่อครู่นี้
พี่เนยอ้าปากค้าง เธอดึงฉันเข้ามากอดห้ามด้วยความตกใจที่อยู่ๆฉันที่ทำท่าเหมือนจะกลัวผู้ชายพวกนั้นจะฉุดดักปล้ำหากเผลอไปทำอะไรให้เขาเขม่นเข้า จะกลายเป็นกล้าด่าทอด้วยคำหยาบโลนอย่างนั้นเสียเอง...
เฮ้ย??!! ไหนห้ามให้พี่อยู่นิ่งๆไม่ให้ว่าอะไรพวกนั้นไง ทำไมตัวเองเป็นเองล่ะนี่ เดี๋ยวมันก็โมโหดักฉุดทั้งสองจริงๆซะหรอก” เธอกระซิบกระซาบมาที่หูของฉัน ก่อนจะกลายเป็นโดนฉันรีบพูดสวนขึ้นด้วยใบหน้าเฉยชาไร้ซึ่งอาการหวาดกลัวใดๆ...
กลัวที่ไหน ไหนว่ามีปืน..”

พี่เนยตาโตคิ้วขมวดใบหน้าเหวอค้างทันที เหมือนเธอไม่อยากจะเชื่อที่ได้ยินฉันพูดอย่างนั้น ตอนนี้พอฉันบอกพี่เนยอย่างนั้นเสร็จ ฉันก็หันกลับไปเหล่มองผู้ชายพวกนั้นแม้ตอนนี้พวกเขาจะเลิกแซวและพากันแยกย้ายหันกลับไปดื่มเหล้าที่โต๊ะแล้ว แต่ก็ยังแอบหันมามองเราด้วยสายตาขำๆ เหมือนพวกเขากำลังตลกกับอะไรสักอย่างอยู่ ซึ่งแค่ฉันมองแค่นั้น ความรู้สึกโมโหปนความหมั่นไส้ที่ยังค้างอยู่ในใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้นทันที ตอนนี้ฉันดึงพี่เนยให้มาอยู่ใกล้ๆฉันในตำแหน่งที่คิดว่าผู้ชายพวกนั้นจะเห็นได้ชัดที่สุด ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างจับใบหน้าพี่เนยเข้ามามอบจูบDeepKissและบดขยี้ริมฝีปากพี่เนยด้วยความเร่าร้อนยิ่งกว่าก่อนหน้านั้นเสียอีก ซึ่งพี่เนยอ่อนระทวยทันที แม้ตอนแรกเธอจะทำเป็นต่อต้านบ้าง เนื่องจากเธอคงกลัวผู้ชายพวกนั้นจะแซวอะไรให้ฉันโกรธอีก แต่ด้วยฤทธิ์จูบร้อนแรงที่ฉันกำลังมอบให้เธอนี้ ทำให้ความขึงขังขัดขืนกลายเป็นอ่อนระทวย จนพี่เนยเผลอตัวโน้มแขนทั้งสองข้างเข้ามาสวมกอดคอฉันเอาไว้ด้วยความรู้สึกวาบหวานหวั่นไหว จนเธอกลัวว่าเธอจะหมดแรงล้มไปกองลงกับพื้นเสียก่อน....

“..เมาแล้วใช่มั้ยนี่ ถึงกล้าทำอะไรอย่างนี้..”เป็นพี่เนยที่พูดขึ้นในขณะพยายามละใบหน้าออกมาจ้องมองฉัน ใบหน้าแดงกร่ำแลดูหวานๆเคลิ้มๆของเธอนั้น ออกอาการให้ฉันเห็นได้ทันทีว่าเธอเองตกตะลึงพรึงเพริดขนาดไหนที่โดนฉันขโมยจูบต่อหน้าผู้ชายและฝูงชนมากมายขนาดนี้ เธอเอื้อมสองมือมาจับแก้มฉันไว้ตอนที่เธอถามคำถามฉันด้วยเสียงสั่นเครือ...
แล้วไม่ชอบให้กี้ทำอย่างนี้เหรอ..” ฉันดึงพี่เนยเข้ามากอดใกล้ๆตอนที่ถามคำถามต่อจากเธอ พี่เนยอึ้ง เธอมองฉันด้วยสายตาหวั่นๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ
ชอบ..ชอบสิ ชอบมากๆด้วย ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบให้แฟนตัวเองเอาอกเอาใจหรือแสดงความรักความเป็นเจ้าของของเราอย่างนี้หรอก ใครๆก็ชอบทั้งนั้นล่ะ..” พี่เนยทั้งพูดทั้งดึงฉันเข้าไปกอดซบไหล่ เธอทั้งกอดทั้งเอนหัวหนุนไหล่ฉันไว้ เหมือนว่าโลกทั้งโลกตอนนี้จะมีเพียงแค่เราสองคนเท่านั้นอยู่ด้วยกันยามนี้...ความรู้สึกซาบซึ้งประหนึ่งเราได้ฟังเพลงรักทำนองหวานละมุนกำลังทำให้ฉันกำลังหลงเคลิ้มโผซบตอบพี่เนยแล้วโยกร่างกายเต้นรำไปมาช้าๆ แม้เสียงเพลงภายนอกที่ดีเจกำลังเปิดบรรเลงอยู่นั้นจะเป็นเพลงเดนซ์จังหวะสนุกสนานน่าเต้นขนาดไหนก็ตาม แต่เราสองคนกลับไม่ได้ยินเสียงมันเลย...โอ....ฉันชอบบรรยากาศแบบนี้จัง..ฉันอยากจะโอบกอดผู้หญิงที่ฉันรักคนนี้เอาไว้อย่างนี้ตลอดคืนเลย

ฉันยืนซบกอดกับพี่เนยอยู่นานจนกระทั่งได้ยินเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาข้างๆ….
อะแฮ่ม..เนย..เหล้าจะหมดแล้วอ่ะแก ทำไมพวกมิกเซอร์มันยังเหลือเหมือนเดิมวะ สั่งเหล้ามาเพิ่มมั้ย..”
เสียงของพี่เก๋นั่นเอง ตอนนี้เธอและเพื่อนๆเธออีกสองคนเดินกลับมาที่โต๊ะแล้ว
อ้าวเหรอ..เออเอาดิ ฉันก็ไม่ได้ดูมีแต่ดื่มอย่างเดียว อยากได้อะไรเพิ่มสั่งเลยแก เดี๋ยวฉันจัดการเอง” พี่เนยผละออกจากไหล่ฉัน เธอยิ้มแหยๆแลดูเขินๆตอนที่เห็นสายตาบรรดาเพื่อนแอบมองด้วยสายตากรุ้มกริ่มอย่างนั้นเข้า ตอนนี้เธอเลยแก้เขินด้วยการจัดปลายผมของเธอให้เข้าทรง ก่อนจะหันมายกแก้วเหล้าที่อยู่ต่อหน้าดื่มต่อไป...

ฉันก็รู้สึกเขินสายตาเพื่อนของพี่เนย แม้จะไม่มาก แต่ฉันกลับรู้สึกว่าไม่กล้าที่จะหันไปสบตาบรรดาเพื่อนสาวของพี่เนยในยามนี้เลย กลายเป็นต้องแก้เขินด้วยการหันหลังกลับไปมองทางอื่น แล้วไปเจอเข้ากับสายตาเศร้าๆของพี่มิเกลที่มองมาที่ฉันกับพี่เนย ก่อนจะหลบตาหนีฉันแล้วหันหลังกลับไปดื่มเหล้าที่โต๊ะตัวเองต่อ..

เชอะ..คงเห็นที่ฉันจูบกับพี่เนยเมื่อครู่นี้ก็เลยสะเทือนใจล่ะสิท่า ช่วยไม่ได้ล่ะนะก็คนเค้าเป็นแฟนกันมันก็ต้องมีจูบกันกอดกันเป็นธรรมดาอยู่แล้วนี่ เธอก็ต้องทำใจไว้บ้างสิถ้าจะมาเจอกันในสถานที่อย่างนี้..หรือเธอยังทำใจไม่ได้...นี่เธอคงรู้สึกรักพี่เนยอยู่สินะ ถึงได้ทำหน้าเศร้าขนาดนั้น ก็อย่างว่าล่ะ เรื่องมันจบไปแล้วแท้ๆเธอก็ยังอยากจะมาเปิดศึกกับฉันอีก อยากยั่วโมโหฉันอย่างนั้นอีก นี่คิดยังไงถึงอยากจะมาอ่อยพี่เนยอีกนี่ ฉันก็ไม่เข้าใจความรู้สึกเธอจริงๆ..ยัยพี่มิเกล..
ตอนนี้ฉันหันกลับมามองดูนาฬิกาก็เกือบๆจะเที่ยงคืนแล้ว ฉันมองดูพี่เนยก็เห็นเธอกับพี่เก๋ก็นั่งดื่มนั่งคุยกันไป ส่วนเพื่อนของเธอสองคนก็ลุกขึ้นเต้นตามเพลงจังหวะสนุกสนานที่ดีเจกำลังเปิดอยู่ตอนนี้ เมื่อไม่มีอะไรทำฉันก็ได้แต่หยิบแก้วเหล้าที่อยู่ต่อหน้าขึ้นมาจิบดื่มไปเรื่อยๆ...

กี้ พี่ไปห้องน้ำแป๊บนะเดี๋ยวมา” อยู่ๆพี่เนยก็พูดขึ้น เธอทั้งพูดทั้งรีบหยิบกระเป๋าทำท่าจะลุกขึ้นเดินเหมือนเธอนึกขึ้นได้แล้วรีบร้อนจะวิ่งออกไปณ เดี๋ยวนั้น..
ฮืม..ไปกับใคร..ให้กี้ไปเป็นเพื่อนมั้ย”
อ๋อไม่ต้องหรอก กี้นั่งรออยู่นี่ล่ะค่ะ เดี๋ยวพี่รีบไปรีบมานะคะ” พูดเสร็จพี่เนยก็โน้มตัวมาหอมแก้มฉันก่อนจะรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งฝ่าฝูงชนไป
ฉันนั่งมองดูพี่เนยเดินไปจนลับตา ก่อนจะหันกลับมานั่งที่โต๊ะแล้วเห็นพี่เก๋กับเพื่อนนั่งสแยะยิ้มมองฉันให้ความรู้สึกมึนตึงอึดอัดๆ จนฉันต้องทำทีเป็นหยิบแก้วเหล้าขึ้นดื่มแล้วหันมองไปรอบๆตัวแก้สถานการณ์ตึงเครียดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้...

ตอนนี้พอสายตาฉันมองสำรวจไปเรื่อยๆก็ดันไปเห็นภาพโต๊ะของยัยพี่มิเกล...แต่ไม่มีพี่มิเกลอยู่ที่โต๊ะนั้นแล้ว...
เธอหายไปไหน..เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย อย่าบอกนะว่ากลับบ้านแล้ว นี่คงกลับไปช่วงเวลาเดียวกันกับที่ฉันมองดูพี่เนยเดินไปเข้าห้องน้ำสินะ..ฉันเลยไม่ทันสังเกตุเห็น.....

เอ๊ะ!!??..แล้วฉันก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ โดยที่ ณ ช่วงเวลาที่นึกขึ้นได้นั้น ฉันก็รีบหยิบกระเป๋าแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ห้องน้ำทันที..

อย่าบอกนะ..ว่าสองคนนี้เดินไปหากันที่ห้องน้ำ...หน็อยแน่...อีพี่เนย มิน่าถามว่าจะให้พาไปด้วยมั้ยกลับบอกว่าให้เรานั่งรออยู่ที่โต๊ะ ที่แท้ก็.....
คอยดูนะถ้าจับได้คาหนังคาเขาแม่จะตบให้ฟันหลุดทั้งสองคนเลย...ฉันทั้งคิดทั้งรีบเดินเร่งจังหวะจนกระทั่งถึงห้องน้ำ ตอนนี้ในโถงห้องน้ำมีผู้หญิงกำลังยืนแต่งหน้าอยู่หน้ากระจกอยู่ประมาณ3-4คน ฉันมองดูหน้าแล้วไม่ใช่ทั้งพี่เนยและพี่มิเกล เมื่อมองไปที่ห้องน้ำห้องย่อยๆภายในนั้น ก็เห็นว่าประตูนั้นเปิดไว้เกือบทุกห้องแสดงให้เห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย มีเพียงประตูบานเดียวเท่านั้นที่ปิดอยู่ ตอนนี้ฉันเลยมายืนกอดอกอยู่ที่หน้าห้องน้ำนั้น เพื่อรอดูว่าใครจะเป็นคนเปิดประตูห้องน้ำออกมา....

แล้วพอประตูห้องน้ำห้องนี้เปิดออกมา ภาพพี่มิเกลทำท่าตะหนกตกใจเมื่อจะเอ๋เข้ากับฉันก็เกิดขึ้น เธอเอามือทาบอกตัวเองแล้วอุทานตกใจทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นมาเห็นฉัน ทั้งๆที่เธอยังไม่ทันได้ก้าวพ้นประตูห้องน้ำมาเลย...
อุ้ย มีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าอย่างนั้น น้องกี้..”
พี่เนยอยู่ในนั้นมั้ย”
ฉันทั้งพูดทั้งเดินเข้าไปชิดประตูห้องน้ำนั้นเพื่อที่จะชะโงกดูว่ามีใครยังอยู่ในห้องน้ำนอกเหนือจากเธอหรือเปล่า..
แต่ก็ไม่มีใครเลย นอกเหนือจากพี่มิเกลที่เดินถอยหลังเข้าไปในห้องน้ำนั้นอีกครั้ง แล้วใช้สองแขนโอบดึงคอฉันเข้าไปด้วย...

~~...เหวอ..~~

ยังไม่ทันที่ฉันจะร้องโวยวายอะไรพี่มิเกลก็รีบเอามือมาปิดปากฉันไว้ แล้วใช้มืออีกข้างรีบล็อคประตูห้องน้ำไว้ทันที..
เงียบๆอย่าโวยวาย ไม่อย่างนั้น..พี่ปล้ำนะ”
ห๊ะ!!” ฉันตาโตตกใจจนอุทานทั้งๆที่ฝ่ามือพี่มิเกลปิดปากตัวเองไว้อยู่
เอ๋า..ก็บอกให้เงียบๆไง ไม่งั้นจับปล้ำจริงๆนะ พี่รู้นะว่าเราก็เคยโดนเนยปล้ำมาแล้ว” พี่มิเกลทั้งพูดทั้งยิ้ม มือของเธอก็ยังปิดปากฉันเอาไว้อยู่ แต่อีกข้างที่เธอล๊อคประตูห้องน้ำไว้ก็กลายเป็นยกขึ้นมาเชยคางฉันแทนเสียแล้ว

ตอนนี้ฉันทั้งตกใจทั้งงงที่อยู่ๆกลายเป็นโดนพี่มิเกลลากเข้ามาในห้องน้ำ แถมยังขู่ว่าจะปล้ำอย่างนั้นอีก ตอนนี้ทั้งความตกใจและความสงสัยกำลังสั่งให้ฉันหยุดอึ้งเพื่อรอฟังว่ายัยพี่มิเกลต้องการจะทำอะไร ยังไง กับฉันกันแน่..

นี่เธอคงคิดว่าเนยมาหาพี่ในห้องน้ำสินะ ถึงทำหน้าท่าทางอย่างนั้นอ่ะ นี่คิดว่าแฟนตัวเองจะนอกใจตัวเองขนาดนั้นเลยเหรอ ใช้ไม่ได้เลยนะ ทำไมไม่ไว้ใจแฟนตัวเองเลยอ่ะ อ๋อนี่อย่าบอกนะว่าเธอหึงพี่ที่พี่ไปแกล้งยั่วประสาทเธออย่างนั้นน่ะ..” พี่มิเกลทั้งพูดยิ้ม จนมาหัวเราะกับประโยคสุดท้ายที่เธอลองทายว่าฉันโมโหเพราะหึงที่เธอแกล้งไปยั่วพี่เนยนั้น
นี่..เลิกคิดอย่างนั้นเหอะนะ พี่แค่แกล้งเธอเฉยๆ..” เธอหยุดพูดประโยคนี้แล้วปล่อยมือที่ปิดปากฉันไว้ออกมาจับแก้มฉันแทน จนฉันสะดุ้งกึกกลายเป็นอึ้งตกใจค้างหน้าเหวอเข้าไปใหญ่ “มีอย่างที่ไหนล่ะ..มาเที่ยวแล้วแต่งตัวมิดชิดซะขนาดนั้น ตัวเองก็มีของดีแท้ๆแต่ยังจะหวงเก็บเอาไว้คนเดียวอีก นี่ถ้าพี่ไม่แกล้งยั่วประสาทเธอย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าเธอจะยอมถอดเสื้อคลุมตัวเองออกมั้ยนะนี่...ไม่รู้ตัวเหรอว่าเธอสวยและเซ็กซี่ขนาดไหนตอนที่เธอถอดเสื้อคลุมออกแล้วอยู่ในชุดอย่างนี้น่ะ..”

ห๊ะ..” ฉันคิ้วขมวดทันทีที่ได้ยินประโยคแปลกๆที่ออกมาจากปากเธอ..

พี่น่ะเข้าใจความรู้สึกเนยแล้วล่ะ ว่าทำไมเนยถึงหลงรักเธอหัวปรักหัวปรำได้ขนาดนี้ ก็เพราะว่าเธอก็มีของดีอยู่กับตัวอย่างนี้นี่เอง เขาถึงไม่ยอมไปไหนจากเธอง่ายๆ ไว้ใจแฟนเธอเถอะน่ะ เค้าน่ะรักเธอมากเลยรู้มั้ย ไม่มีทางที่เค้าจะนอกใจเธอหรอก เลิกคิดเล็กคิดน้อยซักทีพี่ไม่อยากเห็นพวกเธอทะเลาะกันอีกแล้วรู้มั้ย แล้วก็..รักกันให้นานๆด้วยนะ อย่าให้เห็นว่ามีปัญหากันอีก ไม่อย่างนั้นพี่เข้าแทรกอีกรอบแน่..” พี่มิเกลทั้งพูดทั้งหัวเราะก่อนจะค่อยๆเลื่อนใบหน้ามามากระซิบกระซาบกับใบหูฉันใกล้ๆ...

“...แต่พี่ไม่รับปากนะ..ว่ารอบนี้พี่จะจีบใคร..” เธอพูดประโยคนี้ด้วยเสียงเบาๆ ก่อนจะยื่นริมฝีปากเข้ามามอบจุมพิตเล็กๆเข้าที่แก้มฉัน...

~~~..หือ..~~~

ฉันเหวอค้างอ้าปากหวอทันทีที่โดนพี่มิเกลขโมยหอมแก้มอย่างนั้น ตอนนี้กลายเป็นฉันทั้งหน้าแดงแจ๋ทั้งตัวแข็งทำตัวเลิ่กๆลั่กๆ ด้วยทั้งเขินทั้งงงที่อยู่ๆคนที่เหมือนจะมาแย่งแฟนตัวเองนั้น กลับมาทำท่าเหมือนจะจีบตัวเองเสียเอง กลายเป็นว่าตอนนี้ฉันยืนอึ้งจ้องหน้าพี่มิเกลด้วยความเหวอค้างทำอะไรต่อไม่เป็นอยู่นาน จนพี่มิเกลหัวเราะแล้วรีบโน้มหน้ามาขโมยหอมแก้มฉันใหม่อีกรอบ..

อึ้งอะไรอยู่อีกล่ะ รีบๆออกไปก่อนสิ เดี๋ยวมีคนเห็นนะ ไปเร็ว..” เธอกระซิบกระซาบบอกฉัน ก่อนจะรีบเปิดประตูออกแล้วดันฉันออกจากห้องไปก่อน ตอนนี้พอฉันหันกลับไปมองกลายเป็นว่าพี่มิเกลปิดประตูห้องน้ำไว้เหมือนเดิมแล้ว
ความตกใจทำให้ฉันยืนอึ้งหายใจหอบอยู่หน้าห้องน้ำนั้นอยู่ครู่นึง ก่อนจะหันไปสังเกตุเห็นว่าพวกผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้ากระจกกำลังชำเรืองมองฉันด้วยสายตาแปลกๆผ่านกระจกกันอยู่ จนฉันสะดุ้งตกใจต้องก้มหน้าหลบแล้วรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปทันที..

ฉันวิ่งกลับมาที่โต๊ะด้วยใบหน้าเหรอหราท่าทางเลิ่กลั่ก ตอนนี้ที่โต๊ะมีแค่เพื่อนสาวทั้งสามของพี่เนย แต่พี่เนยนั้นก็ยังไม่ทันกลับมาที่โต๊ะเหมือนเดิม..

อ้าว น้องกี้หายไปไหนมา พวกพี่พากันหาอยู่” พอพี่เก๋เห็นฉัน เธอก็รีบถามฉันด้วยความเป็นห่วงทั้งกังวลพอๆกันกับเพื่อนทั้งสองของเธอ...
เอ่อ..คือกี้ กี้ท้องเสียน่ะค่ะ เลยรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำมา ว่าจะรอพี่เนยในห้องน้ำ...แต่ๆ..ก็ไม่เห็นพี่เนยในห้องน้ำเลย เลยๆ..คิดว่าพี่เนยกลับมาที่โต๊ะแล้ว พี่เก๋เห็นพี่เนยมั้ยคะ..” ฉันตอบพวกพี่เก๋ด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักตอนที่นึกถึงภาพที่ตัวเองไปเจอแค่พี่มิเกลในห้องน้ำ ทั้งหันซ้ายหันขวาไปมาเพื่อมองหาพี่เนยด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ยังไม่เห็นเธออยู่ดี นี่สรุปว่าเธอหายไปไหนกันแน่....

เอ่อ..คือเดี๋ยวเนยก็คงมา รออยู่นี่แป๊บหนึ่งแล้วกันกี้ นั่งรออยู่ที่โต๊ะกับพวกพี่ก่อนก็ได้..” พี่เก๋ยิ้มตอบทั้งค่อยๆจับแขนฉันให้มานั่งรอที่เก้าอี้ดีๆ ก่อนจะทำเป็นเอาแก้วไปเติมเหล้าให้ฉันดื่มไป...

23.55.
ฉันยังคงนั่งดื่มรอพี่เนยอยู่ที่โต๊ะ ตอนนี้หน้าเวทีเริ่มมีบรรดานักร้องนักดนตรีของผับออกมายืนพูดคุยและเตรียมเข้าการนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่กัน ฉันก้มลงมองเวลาในโทรศัพท์ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีก็จะเที่ยงคืนแล้ว ทั้งๆที่พี่เนยเคยอ้างหนึ่งในเหตุผลที่เธออยากให้ฉันมาเที่ยวในครั้งนี้ว่า เธอต้องการจะเคาน์ดาวน์กับฉันแท้ๆ แต่เมื่อใกล้จะถึงเวลาจริงๆเธอกลับหายตัวไป ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งหงุดหงิด กลายเป็นหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆตัวเพื่อหาพี่เนยแล้วก็ไปเจอยัยพี่มิเกลนั่งหันหลังชำเรืองมาทางฉัน แล้วพอเธอเห็นฉัน เธอก็รีบหันมายิ้มกรุ้มกริ่มพร้อมๆกับทำท่าส่งจูบผ่านฝ่ามือที่เธอแผ่ออกมาโปรยจูบให้ฉัน จนฉันสะดุ้งต้องรีบหันกลับมานั่งนิ่งๆด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ นึกกลัวว่าจะมีใครผ่านมาเห็นกิริยาท่าทางหมาหยอกไก่ของพี่มิเกลครู่นี้เข้า..

...เย็นไว้กี้ๆ เขาแค่หยอกเราเล่นเฉยๆ ไม่มีอะไร อย่าไปคิดมากสิ เย็นไว้ๆ โอ้ย..เมื่อไหร่พี่เนยจะมานี่ ให้ตายเถอะ..ฉันไม่ชอบให้คนอื่นที่ไม่ใช่แฟนฉันมาทำท่าทางอะไรแบบนี้กับฉันเลย ไม่ชอบๆๆ.. ฉันทั้งคิดทั้งสะบัดหัวด้วยความหงุดหงิดเมื่อคิดถึงหน้ายัยพี่มิเกลยามนั้นไป

..พี่เนยอยู่ไหน..รีบกลับมาสักทีสิ..กี้ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับกี้อย่างนี้เลย....

เสียงพิธีกรบนเวทีกำลังเริ่มต้นการนับถอยหลังสู่พุทธศักราชใหม่ จนทำให้ฉันต้องรีบตั้งสติมองไปบนเวทีพร้อมๆกับหันไปมองหาพี่เนยรอบๆอีกครั้งหนึ่ง ด้วยหวังว่าเธอคงกำลังเดินกลับมาแล้ว แต่ก็ไม่พบอะไรเลย จนกระทั่งรู้สึกตัวว่ามีมือใครสักคนกำลังเอื้อมขึ้นมาปิดตาฉันไว้พร้อมๆกับที่พิธีกรและคนในผับกำลังเริ่มส่งเสียงนับถอยหลังพร้อมๆกัน...

..9 8 7 6 5 4 3 2 1..Happy New Year!!!

00.00 .

สิ้นเสียงนับถอยหลัง เสียงตูมตามของบรรดาพลุ ประทัดและดอกไม้ไฟฉลองวันปีใหม่ก็ดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวก้องไปทั้งหูฉันทันที แม้ตอนนี้ฉันจะมองไม่เห็นอะไรเนื่องจากโดนใครสักคนบังตาฉันเอาไว้ แต่ฉันก็รับรู้ได้ว่าเบื้องหน้าฉันตอนนี้ต้องมีอะไรเกิดขึ้นสักอย่างแน่นอน...

แล้วก็เป็นดังคาด พอใครคนนั้นซึ่งฉันคิดว่าน่าจะเป็นพี่เก๋เปิดตาฉันออก ภาพเบื้องหน้าก็แสดงให้เห็นบรรดาไฟเย็นหลากหลายสีที่พี่นุ่มนิ่มกับพี่นัตตี้ช่วยกันถือไว้ ตอนนี้มันกำลังฉายแสงสว่างสดใสเป็นสีแดงฟ้าเหลืองขาวเหมือนเหล่าดวงดาวกำลังพุ่งทะยานเป็นเส้นประดับประดาฉากหลังที่หญิงสาวสวยให้ชุดเดรสแหวกหน้าสีดำที่กำลังเดินถือกล่องกำมะหยี่สีดำใหญ่ๆอะไรสักกล่อง เข้ามานั่งคุกเข่าต่อหน้าฉันใกล้ๆ...

“Happy New Yearค่ะกี้ ขอบคุณที่มอบชีวิตใหม่ ให้พี่ได้เริ่มต้นในปีใหม่นี้นะคะ พี่รักกี้ที่สุดเลยนะ..” ตอนนี้พอเธอคุกเข่าพูดกับฉันเสร็จ เธอก็บรรจงเปิดฝากล่องกัมมะหยี่สีดำนั้นขึ้นโชว์ให้ฉันเห็นของข้างในทันที....

...มันเป็นสร้อยสีเงินที่ออกแบบให้ตัวกึ่งกลางของเรือนเป็นสร้อยเส้นคู่ที่ประดับประดาด้วยอัญมณีสีขาวเม็ดเล็กเม็ดใหญ่สลับขนาดกันไปเรื่อยๆ จนเป็นเม็ดใหญ่สุดที่ตรงกลาง แสงสะท้อนแวววาววิบวับของอัญมนีสีขาวที่ฉันยืนมองจากตรงนี้ก็พอจะรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่พี่เนยกำลังถือในกล่องกำมะหยี่สีดำนั้น...มันคือสร้อยเพชรน้ำงามนั่นเอง...

ฉันยืนอึ้ง ยกมือขึ้นปิดปากมองพี่เนยด้วยความตื่นตะลึง...อาการเบลอๆมึนๆของฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่สะสมค้างมาก่อนหน้านั้นกำลังทำให้ฉันร้องห่มร้องไห้ออกมาทันทีที่เห็นภาพพี่เนยนั่งคุกเข่าบอกรักต่อหน้าผู้คนจำนวนมากอย่างนี้ ตอนนี้ฉันรีบก้มตัวลงไปกอดและมอบจูบให้กับพี่เนยพร้อมๆกับการร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความดีใจจนควบคุมสติอารมณ์ไม่ได้ ที่เห็นว่าพี่เนยช่างน่ารักและเห็นความสำคัญของฉันขนาดไหน ซึ่งฉันก็ไม่แน่ใจว่าไอ้อาการดีอกดีใจจนร้องไห้ฟูมฟายที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้...ส่วนหนึ่งจะมาจากอาการมึนเมาหรือเปล่า...

พี่เนยประครองร่างของฉันให้ลุกขึ้นยืนเดินเข้ามาที่โต๊ะ ตอนนี้เมื่อเธอยืนอยู่ต่อหน้าฉันเธอก็พยายามใช้สองมือปัดรวบปลายผมไปด้านหลังแล้วบรรจงสวมสร้อยเพชรและจัดแต่งให้อยู่ในตำแหน่งที่สวยงาม ก่อนจะยกตัวขึ้นหอมหน้าผากแล้วโผซบลงสวมกอดฉันไว้
กี้นึกว่าพี่เนยหายไปไหนมา..” เป็นฉันที่ส่งเสียงสะอึกสะอื้นถามพี่เนยออกไปก่อน ทั้งๆที่ยังไม่หายงอแงร้องไห้จากเมื่อครู่นี้ดี
พี่กลับไปเอาสร้อยที่รถมา พี่แอบซ่อนเอาไว้น่ะกลัวกี้เห็น อยากให้กี้เซอร์ไพร์สทีเดียวเลย”
กี้ไม่มีอะไรให้พี่เนยเลยอ่ะ มีแต่พี่เนยที่ซื้อนั่นซื้อนี่ให้กี้ตลอด” ยิ่งพูดฉันก็ยิ่งร้องไห้
ไม่เป็นไรค่ะ ความรักของกี้คือของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตพี่แล้วรู้มั้ย แล้วนี่เราร้องไห้ทำไมนี่ฮึ ทำไมงอแงอย่างนี้ล่ะ..” พี่เนยทั้งพูดทั้งยิ้ม เธอเอื้อมสองมือมาค่อยๆเช็ดน้ำตาให้ฉัน
ก็กี้ดีใจที่เห็นว่าพี่เนยเห็นความสำคัญกับกี้ขนาดนี้นี่นา แค่กี้เปิดตามาเจอว่าเป็นพี่เนยยืนอยู่ข้างหน้าน้ำตามันก็ไหลออกมาเองแล้ว..รู้มั้ย”
โถ...จริงหรือนี่ แต่ก่อนไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลยอ่ะ นี่จริงๆต้องบ่นให้พี่แล้วนะว่าซื้อนั่นซื้อนี้มาให้กี้ทำไม นี่แสดงว่าเมาจริงๆใช่มั้ย งั้นก็ดื่มเข้าไปเยอะๆเลยนะถ้ากี้เมาแล้วจะใจดีขนาดนี้น่ะ...” เธอหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาป้อนใส่ปากให้ฉันดื่ม ทั้งพูดทั้งยิ้มแลดูมีความสุขที่ได้เห็นน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มใจของคนที่เธอรัก เหมือนมันบ่งบอกว่าสิ่งที่เธอเซอร์ไพรส์ฉันนั้นมันประสบความสำเร็จสักเพียงไหน กลายเป็นว่ายิ่งเธอเห็นฉันร้องไห้เธอก็ยิ่งดีใจยิ่งยิ้มแก้มปริ เธอทั้งหัวเราะด้วยความเอ็นดูฉัน ทั้งเช็ดหน้าเช็ดตาให้ฉันไป...

เอ๊ะ แก้มกี้ไปโดนอะไรมาอ่ะ เป็นรอยแเดงๆเหมือนลิปสติกเลย..” ฉันสะดุ้งตกใจทันทีที่ได้ยินเสียงพี่เนยเอ่ยถามด้วยความสงสัย หลังจากที่เธอพยายามเช็ดรอยน้ำตาบนหน้าฉันออกแล้วไปเจอเข้ากับร่องรอยบางอย่างที่ฉันก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่า มันน่าจะเป็นรอยลิปสติกของพี่มิเกลตอนนั้นนั่นเอง
เอ่อ..รอยพี่..เอ่อ พี่เนยหอมกี้หรือเปล่า รอยลิปพี่เนยมั้ง..”
จริงเหรอ เอ..พี่หอมกี้ด้วยเหรอ เหมือนจะจูบอย่างเดียว เอ๊ะ หรือหอมด้วยหว่า..เอ แต่จำได้ว่าตอนที่หอมก็ไม่ได้ลงปากหนัก มันก็ไม่มีรอยลิปนะตอนนั้น...” พี่เนยทำเสียงงงๆตอนที่เธอกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความสงสัย เมื่อนึกย้อนกลับคืนไปว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างฉันกับเธอบ้าง
เอ่อๆ ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงเป็นรอยลิปสติกของกี้เองมั้ง คงเป็นกี้ที่เผลอเช็ดปากแล้วลิปมันเลอะไปโดนแก้มอ่ะพี่เนย กี้คงไม่ได้ระวังตัว ไม่มีอะไรหรอก..” ฉันรีบผละออกมาจากพี่เนย ก่อนจะรีบค้นหาตลับแป้งพับในกระเป๋าออกมาเปิดส่องกระจก
...ตายแล้ว มันเป็นรอยลิปสติกจริงๆด้วย... ฉันรีบเอามือมาถูๆรอยสีแดงที่แก้มออกก่อนจะหันมายิ้มแหยๆมองพี่เนยที่ตอนนี้ก็ยังทำหน้างงๆมองฉันด้วยความสงสัยไม่เลิกอีก...

รอยลิปสติกกี้นี้ล่ะ ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ดูสินี่หน้ากี้มีแต่รอยน้ำตาไม่สวยสมพี่เนยแล้วเห็นมั้ย ไม่ได้ๆต้องรีบแมคอัพเพิ่มสักหน่อย” ฉันรีบพูดเปลี่ยนเรื่อง ทั้งหยิบพับขึ้นมาแกล้งทำเป็นโปะแป้งกลบเกลื่อนร่องรอยน้ำตาที่ไหลนองหน้าก่อนหน้านั้นไปด้วย พี่เนยยิ้มเธอยื่นมือมาหยิบพับจากฉันเพื่อที่จะโปะแป้งให้ ตอนนี้ด้วยอารมณ์ประทับใจที่พี่เนยได้เซอร์ไพรส์ก่อนหน้านั้นยังไม่หมดหายไป แล้วพอยิ่งได้พี่เนยคอยดูแลเอาใจใส่ในทุกๆรายละเอียดของฉันอย่างนี้อีกแล้ว ฉันก็ยิ่งซาบซึ้งใจเข้าไปใหญ่ กลายเป็นเผลอตัวโน้มหน้าเข้าไปมอบจูบDeepkissให้พี่เนยด้วยความเสน่หาท่ามกลางเสียงโห่ร้องของผู้ชายแถวๆนั้นยังดังขึ้นตลอด จริงๆก็ดังตั้งแต่ตอนที่พี่เนยคุกเข่ามอบสร้อยให้กับฉันแล้ว แต่ตอนนั้นพวกฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร ด้วยความซาบซึ้งใจที่มีต่อกันมากมายเลยทำให้เราคิดเพียงว่าตอนนั้นโลกทั้งโลกมีเพียงแค่เราสองคนเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ก็เช่นเดียวกัน แม้เสียงแซวเสียงโห่ของพวกผู้ชายโต๊ะข้างๆจะดังมาเป็นแบล๊คกราวน์แต่มันก็ไม่ได้รบกวนอารมณ์รักอารมณ์โรแมนติกของเราเลยแม้แต่น้อย ฉันยังคงมอบจูบให้พี่เนยด้วยความซาบซึ้งใจเช่นเคย จนกระทั่งเป็นพี่เนยเองที่พยายามผละออกแล้วมานั่งแต่งหน้าและจัดผมดูแลส่วนต่างๆของร่างกายฉันให้เพอร์เฟคอีกครั้งหนึ่ง...
สวยแล้วค่ะ...” เธอหยิกแก้มฉันเบาๆก่อนจะหันไปหยิบแก้วเครื่องดื่มหันไปชนดื่มเพื่อขอบคุณเพื่อนๆของเธอที่ร่วมทำให้แผนการเซอร์ไพรส์ฉันนั้นสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ฉันก็หันไปยิ้มขอบคุณพวกพี่ๆทั้งสาม ก่อนจะหันไปสำรวจบรรยากาศคึกครื้นรอบตัวเมื่อยามที่พวกเขาเคาน์ดาวน์กันเสร็จแล้วไป...
ตอนนี้นักท่องเที่ยวทุกคนต่างยิ้มแย้มสนุกสนาน พวกเขาพากันดื่มพากันเต้นรำด้วยความสุขเกือบๆจะทุกโต๊ะยกเว้นแค่โต๊ะ...พี่มิเกลเท่านั้น.. ฉันสะดุดกึ๊กทันทีที่มองผ่านสายตายิ้มแย้มแจ่มใสของบรรดานักท่องเที่ยวคนอื่นๆแล้วมาเจอสายตาเศร้าๆของพี่มิเกลที่หันชำเรืองมามองที่โต๊ะเราก่อนหน้านั้น เธอเศร้าแม้กระทั่งตอนนี้ที่เธอเห็นว่าฉันหันไปมองเธอตรงๆด้วยความตกใจและเป็นห่วงแล้วก็ตาม ฉันเห็นเธอจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาอย่างนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจแล้วส่งยิ้มให้กับฉันแทน....
แล้วพอเธอส่งยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความเศร้านั้นเสร็จ เธอก็ยกมือขึ้นมาทำท่าโอเคแล้วโบกมือบ้ายบาย ก่อนหยิบแก้วเหล้าของเธอทำท่ายกขึ้นชนฉันในอากาศ แล้วดื่มมันไปจนหมดแก้วพร้อมๆกับรอยยิ้มเศร้าๆของเธอ...

ฉันยิ้มรับพี่มิเกลนิดหนึ่งก่อนจะหันกลับมากอดพี่เนยต่อ แต่ด้วยความเป็นห่วงเธอทำให้ฉันต้องแอบหันกลับไปมองที่โต๊ะพี่มิเกลอีกไม่นานหลังจากนั้น กลายเป็นว่าข้างๆเธอตอนนี้มีผู้หญิงท่าทางเหมือนจะสวยคนหนึ่งเดินเข้ามากระซิบกระซาบอะไรอยู่ข้างๆเธอแล้ว ฉันเห็นพี่มิเกลยิ้มหวานโน้มตัวเข้าไปกอดเอวผู้หญิงคนนั้นไว้ ก่อนจะทำท่ากระซิบกระซาบคุยตอบผู้หญิงคนนั้นด้วยท่าทางสนิทสนมและถึงเนื้อถึงตัวกัน จนบางทีก็มองเห็นเหมือนพวกเขากำลังจะจูบกันเสียด้วยซ้ำ ซึ่งพอฉันเห็นพี่มิเกลทำท่าเหมือนจะจูบผู้หญิงคนนั้น ฉันก็ตกใจรีบหันกลับมาหยิบแก้วเหล้าขึ้นดื่มด้วยความงงทันทีที่คิดได้ว่า...

...อย่าบอกนะว่านั่นเด็กใหม่เธอ..โห..ให้ตายเถอะไวไฟชมัด จำได้ว่าตั้งแต่เธอเดินเข้ามานั่งในนี้ฉันยังไม่เห็นผู้หญิงคนนี้เดินมาหาเธอเลย นี่อย่าบอกนะว่าพึ่งคุยกันเมื่อกี๊นี้ก็สปาร์คกันแล้วอ่ะ..เหลือเชื่อเลย..

ฉันทั้งดื่มทั้งขมวดคิ้วทำหน้างงๆสงสัยอยู่นาน จนกระทั่งพี่เนยหันมาเจอแล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่าฉันเป็นอะไร แม้ใจใจจะไม่อยากทำตัวอะไรให้พี่เนยสงสัย แต่มาคิดๆดูแล้วฉันกับพี่มิเกลก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่หน่า เธอก็แค่แกล้งหอมแก้มฉันเล่นๆเหมือนหมาหยอกไก่เฉยๆ แล้วมิหนำซ้ำตอนนี้เธอก็ทำท่าเหมือนจะมีเด็กใหม่แล้วด้วย ซึ่งมันก็น่าแปลกตรงที่ว่าทำไมเธอเปลี่ยนใจได้ไวขนาดนั้น..หรือเธอเป็นคนเจ้าชู้อย่างนั้นหรือ...ความที่ฉันเคยเห็นแต่คนรักเดียวใจเดียวอย่างพี่เนยและพี่พลอยมันก็เลยทำให้ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าผู้หญิงคนที่แกล้งยั่ว แกล้งหยอกฉันก่อนหน้านั้นเป็นคนยังไงกันแน่ จนต้องถามพี่เนยออกไป..

พี่เนย..พี่มิเกลนี่เจ้าชู้มั้ย..”
ฮืม ถามทำไม..” พี่เนยถามฉันคืนแล้วเหล่หันหลังไปมองพี่มิเกลที่โต๊ะ เธอหัวเราะทันทีที่เห็นภาพพี่มิเกลกำลังโน้มตัวลงมาสวมกอดผู้หญิงคนนั้นแล้วทำท่าเหมือนกำลังกระซิบกระซาบคุยกันกระหนุงกระหนิงอยู่ ก็เลยเข้าใจคำถามของฉันที่ถามไปเมื่อครู่นี้...
อ๋อ..ก็นิดหน่อยล่ะมั้ง เห็นนางเคยบอกว่านางฮอตอ่ะ มีแต่คนมาชอบ ก็ธรรมดาล่ะเนอะนางสวยนี่ นางก็เฟรนด์ลี่อ่ะก็คงคุยๆด้วยหมด ก็ดีแล้วล่ะให้นางชอบคนอื่นไปเหอะนางจะได้เลิกเศร้าเลิกคิดถึงเรื่องเก่าๆ กี้ก็จะได้เลิกคิดมากซักทีไง” ฉันพยักหน้ารับพี่เนยก่อนจะหันไปแอบมองยัยพี่มิเกลที่กำลังสวมกอดผู้หญิงคนนั้น ทั้งก้มหน้าลงมากระซิบกระซาบจนบางครั้งก็มองดูเหมือนว่าหล่อนกำลังหอมผู้หญิงคนนั้นอยู่

อืม..ก็อย่างที่พี่เนยบอกนั่นล่ะ ก็ดีแล้วล่ะให้หล่อนคุยกับคนนั้นคนนี้ของหล่อนไปเหอะ คนเจ้าชู้ประตูดินอย่างนั้น..อย่าไปใส่ใจอะไรกับหล่อนมากนักเลย บางทีหล่อนก็อาจจะแกล้งหยอกฉันเล่นไปตามประสาเฉยๆ ฉันทั้งคิดทั้งจ้องมองไปที่พี่มิเกล จนเห็นเธอละออกมาจากใบหน้าผู้หญิงคนนั้นแล้วหันมาเห็นฉันเข้า ตอนนี้พอเธอสบเข้ากับสายตาฉัน แม่เจ้าประคุณก็รีบเปลี่ยนสีหน้าที่หล่อนทำเป็นเก๊กสวยคุยกับผู้หญิงก่อนหน้านั้น กลายเป็นยักคิ้วยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วแอบทำท่าจือปากส่งจูบมาให้ฉันอีก จนฉันสะดุ้งตกใจรีบหันกลับมาหาพี่เนยทันที ดีที่พี่เนยกำลังนั่งหันไปยกแก้วเหล้าชนกับพี่เก๋ข้างๆอยู่ เธอเลยไม่เห็นอาการเจ้าชู้ประตูดินที่พี่มิเกลทำไปเมื่อครู่นี้...

..โอ้ย...อีฝรั่งผีบ้า..ตกใจหมดเลย..

..ผู้หญิงบ้าอะไรกวนประสาทคนชมัด.. ทั้งๆที่เมื่อกี้ก็ทำท่าเหมือนจะยอมแพ้ยกธงขาวแล้วแท้ๆแต่ไหงกลับมาทำท่ากระริ้มกระเรี่ยกวนโอ้ยฉันอย่างนั้นอีกล่ะนี่ หรือเธอคิดว่าฉันสนใจเธอที่เห็นฉันหันไปมองเธอบ่อยอย่างนี้เธอก็เลยทำท่าทางยั่วยวนฉันอย่างนั้นอีก นี่ตกลงเธอเป็นคนดีหรือคนบ้ายังไงกันแน่ยัยพี่มิเกล ฉันชักจะเดาใจเธอไม่ถูกแล้วนะ แล้วนี่ทำไมฉันต้องมาเจอแต่ผู้หญิงบ้าๆประสาทๆอย่างนี้ตลอดเลยวะกี้..ฉันทั้งคิดทั้งขมวดคิ้ว ก่อนจะรีบยกแก้วแอลกอฮอลล์เบื้องหน้าขึ้นมาดื่มแก้เซ็งไป จนพี่เนยหันมาเจอฉันแล้วชวนให้ลุกขึ้นเต้น ฉันจึงค่อยๆลุกขึ้นขยับส่วนต่างๆของร่างกายไปตามจังหวะพร้อมๆพี่เนย..

ตอนนี้พอฉันเริ่มขยับแข้งขยับขาเต้นอยู่ข้างๆพี่เนย บรรดาสายตาของเพื่อนๆพี่เนยก็แอบเหล่มามองดูก่อนจะพากันหัวเราะคิกๆคักๆพากันหันไปแอบคุยอะไรกันมุบๆมิบๆ พร้อมๆเสียงหัวเราะที่ลอยออกมาให้ฉันนึกสงสัยตลอด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จนกระทั่งพี่เก๋ละจากเพื่อนสาวทั้งสองของเธอมาส่งยิ้มกรุ้มกริ่มทำทีเป็นทักฉัน...

อ้าว..น้องกี้เต้นเป็นด้วยเหรอ พี่นึกว่าเราเหนื่อย ยืนบิดตัวเฉยๆ” พี่เก๋พูดไปยิ้มน้อยไป เธอมองฉันอย่างขำๆก่อนจะทำเป็นจีบปากจีบคอพูดต่อ.. “เต้นแรงกว่านั้นก็ได้นะ นี่พี่ก็ยืนเพ่งตั้งนานก็คิดอยู่ว่ากี้ทำอะไรด๊อกๆแด๊กๆ ที่แท้ก็หัดเต้นนี่เอง..” พูดเสร็จเธอก็ทำเป็นเอามือมาปิดปากแล้วหันไปขำคิกๆคักๆกับพี่นุ่มนิ่มและพี่แนทตี้ต่อ

ฉันตาขวางทันทีที่ได้ยินยัยพี่เก๋พูดกระแนะกระแหนฉันอย่างนั้น ตอนนี้ความมึนๆเบลอๆกำลังทำให้ฉันบังคับสติอารมณ์และการแสดงออกอะไรไม่ค่อยจะได้แล้ว
แล้วต้องทำยังไงถึงจะเรียกว่าเต้นล่ะคะ ช่วยเต้นให้กี้ดูได้มั้ยคะถ้าอย่างนั้น..” ฉันสะแหยะยิ้มเอียงคอถามพี่เก๋คืนทันที ตอนนี้เสียงสูงๆฟังดูประชดประชันของฉันกำลังทำให้พี่เนยรีบเอื้อมมือมาจับมือฉันไว้เพื่อหวังให้ฉันสงบสติอารมณ์ลงไปได้บ้าง
อ้าว..ไม่รู้เหรอ ทำไมไม่ถามเนยล่ะ เนยน่ะยิ่งเต้นสวยนะ ยิ่งเห็นสาวๆสวยๆเนยยิ่งชอบเต้นยั่ว..”
ห๊ะ!!??” ฉันรีบหันขวับมาตีแขนพี่เนยทันทีที่ได้ยินพี่เก๋พูด “จริงเหรอ??!!”
โอ้ย เก๋มันพูดหยอกเฉยๆ ระดับพี่นี่นะจะเต้นยั่วใคร มีแต่คนมายั่วพี่มากกว่า”
นั่น!!??” ฉันรีบตบแผละไปที่แขนพี่เนยอีกเหมือนเดิม “..ก็ไม่ได้ต่างอะไรกันเลยอ่ะ” ฉันจิกตาจ้องเขม็งด้วยความงอนพี่เนยค้างอยู่นาน จนยัยพี่เก๋สะกิดข้างเรียกฉัน
โน้น อยากเห็นคนเต้นสวยมั้ย นั่นคนนั่นไงที่เต้นสวย..ขนาดเนยยังชอบเลย” พี่เก๋ทั้งพูดทั้งชี้นิ้วชี้ชวนฉันให้หันไปมองตามทิศทางของปลายนิ้วเธอ ก่อนจะไปพบว่าเจ้าของคำชมเต้นสวยนั่นก็คือ..

..พี่มิเกล..

ตอนนี้พี่มิเกลกำลังเต้นขนาบข้างผู้หญิงสวยๆคนนั้นที่โต๊ะของเธออยู่ ซึ่งมองดูก็ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษมากมาย แต่ทำไมฉันมองท่าทางการเคลื่อนไหวขึ้นลงตามจังหวะเพลงที่เธอค่อยๆโอนเอนส่วนเว้าโค้งของสรีระร่างกายไปทางผู้หญิงคนนั้นทางซ้ายทีและขวาที ด้วยจังหวะการเคลื่อนที่ที่ไม่ได้เร็วเกินไป มองดูช้าๆเนิบๆแต่กลับให้ความรู้สึกว่าจังหวะและการเคลื่อนย้ายส่วนต่างๆของร่างกายของเธอนั้น..ช่างงดงามและเซ็กซี่เหลือเกิน..
ยิ่งมองเวลาที่ปลายผมหยักศกสีน้ำตาลดำพริ้วสบัดตอนที่เธอโยกหัวไหล่ขึ้นลงไปมาช้าๆ ตอนที่เธอยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาโอบกอดต้นคอของหญิงสาวอีกคนนั้นไว้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกถึงความดึงดูดมหาศาลจนคนระแวกนั้นต้องเหลียวมองดูเธอหมด จริงๆมันก็ดึงดูดให้น่ามองมาตั้งแต่ผิวขาวๆนวลเนียนที่กำลังโดนแสงสปอร์ตไลท์ฉายส่องขับความขาวประกายที่โผล่พ้นชุดเดรสของเธอออกมาให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นเนินหน้าอก แผ่นหลัง หรือลำคอขาวๆจนกระทั่งถึงใบหน้างามโดดเด่นนั่นแล้วล่ะ นี่ถ้าฉันมองโดยตัดความอคติที่มีอยู่ในตัวเธอก่อนหน้านั้นออกไป ก็ต้องยอมรับอย่างเสียไม่ได้ว่า.....

...เธอคนนี้เกิดมาเพื่อฆ่าฉันจริงๆ...

...ยิ่งมองฉันก็ยิ่งคอตก ได้แต่หันหลังกลับมาทิ้งตัวกอดเอวหัวซบหน้าอกพี่เนยไว้ด้วยความเศร้า...
“..พี่เนยชอบอย่างนั้นเหรอ..” แค่ถามฉันก็รู้สึกทันทีว่าฉันกำลังจะร้องไห้แล้ว “ใช่สินะ..ก็พี่มิเกลเขาสวยนี่นา เขาทำอะไรยังไงมันก็ต้องสวยอยู่แล้วนี่ กี้รู้ตัวอยู่หรอกว่ากี้สวยไม่สู้เขา ทำอะไรก็ไม่สู้เขา ขนาดเพื่อนพี่เนยเองเขาก็ยังไม่ค่อยชอบกี้ เขายังเชียร์พี่เนยให้ชอบพี่มิเกลเลยใช่มั้ย..”
หืม..ทำไมคิดอย่างนั้นเล่า..ถ้าพี่ชอบเขาพี่ไม่ยอมอยู่กับกี้อย่างนี้หรอกนะ กี้ก็รู้นี่ ไม่มีใครบังคับใจพี่ได้สักคน คิดมากจัง นี่อย่าบอกนะว่าแค่โดนเพื่อนพี่แซวแค่นั้นก็น้อยใจแล้ว เขาแค่แกล้งแซวกี้แค่นั้นเองอ่ะ..เด็กโง่”
เขาไม่ได้แกล้งหรอกกี้รู้ว่าพี่เขาพูดความจริงกัน ก็กี้เต้นไม่สวยเต้นไม่เซ็กซี่เท่าพี่มิเกลนี่นา กี้นี่แย่จริงๆเลยไม่มีอะไรเหมาะสมกับพี่เนยสักอย่าง..” ฉันพูดตัดพ้อต่อว่าด้วยน้ำเสียงสุดแสนจะน้อยใจ ตอนนี้ฉันรู้สึกเซ็งและเศร้าเกินกว่าที่จะทนอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว ได้แต่บ่นพึมพัมชวนพี่เนยกลับบ้านไป...
อะไรอ่ะ กลับได้ไงยังเที่ยวไม่เท่าไหร่เลย อย่านอยด์ได้มั้ย มานี่มาพี่จะพากี้เต้นเอง เดี๋ยวจะเต้นให้กี้ดูก็ได้ กี้จะได้เต้นตามพี่ถูกไง..” พี่เนยประครองหน้าฉันออกจากหน้าอกเธอก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วกอดร่างของฉันให้มายืนอยู่เบื้องหน้า
ตอนนี้พอฉันยืนตัวตรงต่อหน้าพี่เนยได้ พี่เนยก็ค่อยๆขยับร่างกายด้านข้างของเธอเข้ามาชิดฉัน ก่อนจะค่อยๆโยกลำตัวบิดไปมาเป็นเส้นคดโค้งเหมือนลายเส้นพู่กันที่จิตกรจีนกำลังตวัดปลายวาด เธอค่อยๆโชว์ส่วนโค้งร่างกายที่มีความพริ้วไหวเป็นคลื่นโค้งสลับจากซ้ายไปขวาแลดูอ่อนช้อยและงดงามปานเกลียวคลื่นทะเลยามลมอ่อนๆเป็นตัวอย่างให้ฉันเห็น จนฉันไม่อาจจะละสายตาจากเรือนร่างของพี่เนยไปไหนได้ ได้แต่ยืนตะลึงมองพี่เนยพร้อมๆกับความคิดที่ว่า..

..กี้เอ้ยกี้..ทำไมแกเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาที่สุดอย่างนี้วะ..

ดูเถิดแม้แต่จริตทางสายตาของพี่เนย ที่แค่เธอมองฉันด้วยปลายหางตาแต่กลับให้ความดึงดูดลึกลับที่ฉันมองแล้วแทบอยากจะกลืนกินพี่เนยลงไปเสียให้ได้ พี่เนยค่อยๆขยับส่วนเว้าๆโค้งๆของร่างกายเธอ ที่ไม่ว่าจะเป็นหัวไหล่ หน้าอก สะโพก เข้ามาใกล้และเบียดชิดจนให้ความรู้สึกนุ่มๆนิ่มๆทันทีที่ผิวกายเนียนๆเหล่านั้นกำลังเคลื่อนผ่านสัมผัสผิวกายของฉันขึ้นลงช้าๆ ..โอ..สัมผัสอ่อนช้อยเนียนนุ่มที่พี่เนยกำลังยั่วเย้าฉันอยู่นี่ กำลังทำให้ฉันเริ่มหลงเคลิ้มจนอดใจไม่ไหว กลายเป็นเผลอสวมกอดพี่เนยและก้มลงหอมตามเส้นผมของเธอตอนที่เธอหันแผ่นหลังและค่อยๆโยกเรือนร่างรูปตัวSของเธอผ่านด้านหน้าของฉันลงไปเรื่อยๆๆอย่างนั้นเข้าจนได้..ซึ่งพอฉันรู้สึกตัวอีกทีก็กลายเป็นว่าฉันกำลังเคลื่อนไหวร่างกายเป็นจังหวะไปตามพี่เนย ทั้งโยกส่วนต่างๆของร่างกายด้วยลีลาและท่าทางถอดแบบพี่เนยมาแทบจะทั้งสิ้น..
...แล้วพอฉันเริ่มเต้นตามสเต็ปพี่เนยได้ ก็กลายเป็นว่าฉันเป็นฝ่ายเข้าไปเต้นยั่วพี่เนยเองเสียแล้ว...

ตอนนี้พวกพี่เก๋และเพื่อนสาวทั้งสองคนของเธอต่างหันมามองดูฉันเต้นเป็นตาเดียวกัน พวกเขาพากันฮือฮาและทำท่าประหลาดใจ ด้วยคงไม่คิดว่าอยู่ๆฉันที่เหมือนจะเป็นเด็กเนิร์ดจะกลายเป็นเรียนรู้ที่จะเต้นยั่วโดยถอดจริตจะกร้านของพี่เนยมาแบบเป๊ะๆอย่างนี้ ….

โอ้มายก๊อด เต้นสวยจังเลยน้องกี้ อย่างนี้ค่อยสมกับเป็นแฟนเนยหน่อย.. มาๆเต้นสวยอย่างนี้มาเต้นด้วยกันเลย..เอ้าชนแก้ว...” พี่เก๋ทำเป็นตื่นเต้นเอามือทาบอกเดินเข้ามาขนาบฉัน เธอทั้งพูดไปยิ้มไปเหมือนเธอพอใจที่เห็นว่าฉันเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับพี่เนยและเพื่อนทั้งเรื่องการดื่มและการเต้นอย่างนี้ เธอเดินเข้ามาโอบเอวฉันก่อนจะยกแก้วเหล้าในมือขึ้นมาชนฉันแล้วดื่มพร้อมๆกับเพื่อนๆทั้งสองของเธอเหมือนเป็นการยอมรับให้ฉันเข้าก๊กเพื่อนเที่ยวของพี่เนยเสียที หลังจากที่แอบแขวะและทำท่าฉันจะแบนฉันอยู่นาน..ตอนนี้พอพี่เนยเห็นท่าบรรดาเพื่อนๆของเธอยอมรับฉันได้ เธอก็หันมายกแก้วดื่มแล้วพากันส่งเสียงกรี๊ดวี๊ดว้ายจนบรรดาโต๊ะข้างๆเริ่มชำเรืองสายตาแปลกๆแลดูรำคาญๆมองมาทางเรา แต่พวกเราก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรยังคงเต้นด้วยความรื่นเริงบันเทิงใจไปเรื่อยๆ...

02.00.
บรรยากาศการเต้นรำของโต๊ะเรายังคงดำเนินไปอย่างสนุกสนาน ฉันกับพี่เนยยังคงทั้งดื่มทั้งเต้นไปด้วยกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้เริ่มมีหลายโต๊ะเริ่มพากันเดินทางกันกลับบ้านแล้ว มีโต๊ะที่รู้จักพี่เนยแวะเวียนมาทักทายและบอกลาพี่เนยที่โต๊ะอยู่เรื่อยๆจนกระทั่งถึงคิวของยัยพี่มิเกล..
ตอนนี้ยัยพี่มิเกลเดินโอบเอวผู้หญิงคนนั้นผ่านมากระซิบกระซาบบอกลาพี่เนยที่โต๊ะ แล้วหันมายิ้มหวานทำหน้ากรุ้มกริ่มกวนอารมณ์ฉัน ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามากระซิบกระซาบกับใบหูฉันใกล้ๆ....

อย่าลืมที่บอกล่ะ รักกันให้นานๆให้ได้แต่งงานกันเลยนะ แล้วก็อย่าคิดมากเรื่องนั้นล่ะ พี่แค่แกล้งเธอเฉยๆ มันอดใจไม่ไหวอ่ะ อยากทำตัวน่าแกล้งน่าหยอกอย่างนั้นทำไม กี้อย่าโกรธพี่เลยนะ อ้อลืมบอก..เรื่องของเราในห้องน้ำน่ะ เก็บไว้เป็นความลับด้วยนะ จุ๊บ...” เธอทำทีเป็นยกมือข้างที่ถือกระเป๋าขึ้นมาบังปากของเธอและใบหน้าของฉันส่วนที่ติดกับปากของเธอไว้ก่อนจะโน้มหน้ามาขโมยหอมฉันอีกครั้งนึง ตอนนี้พอฉันโดนขโมยหอมแก้มต่อหน้าต่อตาพี่เนยอย่างนี้ฉันก็ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ กลายเป็นหน้าแดงแจ๋มองพี่มิเกลและพี่เนยสลับกันด้วยความอายแสนอาย
จัสคิดดิ้งค่ะ ฝรั่งเค้าทักทายและร่ำลากันอย่างนี้ล่ะค่ะซิส อย่าคิดมากเลยนะคะ เนอะเนยเนอะ” พี่มิเกลทำทีเป็นจีบปากจีบคอพูด ก่อนจะหันไปโอบกอดพี่เนยและหอมแก้มบอกลาพี่เนยที่หัวเราะขำท่าทางตกใจของฉันก่อนหน้านั้น...
บ้ายบายค่ะซิส ไว้เจอกันอีกทีวันแต่งงานพวกยูทั้งสองคนแล้วกันนะ เชิญพี่ด้วยนะ พี่อยากมาจริงๆ”

03.00.
ฉันยังคงดื่มและเต้นด้วยความสนุกพร้อมๆกับพี่เนยและเพื่อนๆทั้งสามด้วยการเต้นย่อตัวส่ายคดโค้งไปมาตามจังหวะเพลงเด๊นซ์เบสหนักๆที่ดีเจกำลังเปิดแผ่น ณ ตอนนี้ แม้จังหวะเพลงจะมีเปลี่ยนเป็นช้าบ้างเร็วบ้างแต่ฉันก็สามารถโยกย้ายส่ายลำตัวทั้งช่วงบนช่วงล่างไปมาให้เข้ากับจังหวะเพลงได้ มือที่ถือแก้วก็เทียวยกดื่มยกชูสูงขึ้นเหนือหัวก่อนจะค่อยๆโยกสรีระร่างกายให้ขยับสับส่ายขึ้นลงไปมาเป็นเส้นโค้งคดงอ อวดอ้างสัดส่วนเรือนร่างที่โค้งเว้าตั้งแต่เนินหน้าอก สะโพก รวมถึงก้นกลมกลึง จนทุกสายๆตาระแวกนั้นเริ่มหันมามองที่โต๊ะเราเป็นตาเดียวกันทันที...

ตอนนี้พวกผู้ชายไม่ว่าจะเป็นโต๊ะข้างๆหรือโต๊ะระแวกนั้นก็เริ่มหันมายิ้มกรุ้มกริ่มมองมาที่โต๊ะเรา บางคนก็เดินจากโต๊ะมาขอชนแก้วกับพวกเราด้วย โดยเฉพาะกับฉัน ความมึนๆงงๆของฉันกำลังทำให้ฉันเริ่มยิ้มหวานตาเยิ้ม ดื่มตอบรับให้กับผู้ชายคนทุกคนที่เข้ามาชนแก้วดื่มด้วย จนพี่เนยเริ่มดึงแขนฉันไว้...

กี้..พอได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปดื่มตอบเขาทุกคนก็ได้ แค่ยกแก้วตอบรับเขาพอเป็นมารยาทก็พอ..” พี่เนยคิ้วขมวดจ้องเขม็งมองมาที่ฉัน เธอพยายามดึงแก้วออกจากมือฉันแต่ก็โดนฉันแย่งคืนมาได้
อะไรเล่า ก็เขาอุตสาห์มาทัก พี่เนยไม่ยินเหรอเขาบอกว่ากี้สวย น่ารัก เต้นสวยก็สวย เขาชอบ เขาขอเป็นแฟนคลับอ่ะ แฟนคลับเรา..เราก็ต้องเอาใจเขาป่ะ จะไปปฏิเสธให้เขาเสียน้ำใจทำไมนี่..” ฉันทั้งพูดทั้งยิ้มหวานตาเยิ้ม มือไม้ก็โบกปัดไปมาในอากาศแสดงท่าทางอารมณ์ดีแบบไม่มีสาเหตุตอนที่พูดกับพี่เนยไป..
พี่เนยคิ้วขมวด “ห๊ะ??!! มันก็แค่พูดเอาใจกี้เฉยๆ ผู้ชายพวกนี้หื่นจะตาย ไว้ใจได้ที่ไหนกัน กี้ไม่เคยมากี้ไม่รู้หรอก นี่ถ้าไม่มีพี่อยู่ด้วย ป่านนี้กี้โดนมอมเหล้าโดนหลอกพาไปข่มขืนแล้วมั้งนี่”
พูดเป็นเล่นไป ใครจะมาทำอะไรกี้ได้ถ้ากี้ไม่ยอม ก็มีแต่พี่เนยคนเดียวเท่านั้นล่ะที่หลอกทำอย่างนั้นกับกี้ได้..ตัวเองร้ายกว่าคนอื่น ยังจะมาพูดให้ตัวเองดูดีอีก..ชิ!! ” ฉันยกนิ้วชี้จิ้มจึกๆไปที่หน้าผากพี่เนย ทั้งส่งสายตามองค้อนตอนที่พูดถึงความหลังครั้งนั้น
“..หวงเค้าไม่อยากให้ใครเข้าใกล้เค้าก็บอกเค้าดีๆซี้ พูดขู่กันอย่างนี้ไม่น่ารักเลยอ่ะ ไหนลองพูดหวานๆกับภรรยาสิคะ..ซะมี..”ฉันทั้งพูดทั้งเลื่อนมือทั้งสองลงมาหยิกแก้มพี่เนยด้วยความหมั่นไส้ ทั้งพูดเสียงเล็กเสียงน้อยออกเสียงคำว่า “สามี” ทีเล่นทีจริงไป ด้วยเพราะอยากให้เธออารมณ์ดีเหมือนฉันในตอนนี้บ้าง

กี้ โอ้ย..เมาหนักแล้วนะเนี่ย” พี่เนยแก้มยืด เธอทั้งพูดทั้งพยายามจับมือเรียกสติฉัน แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเพราะตอนนี้ฉันกำลังหลงระเริงกับเสียงดนตรีจังหวะใหม่ที่กำลังดังเรียกให้ฉันรีบออกไปเคลื่อนย้ายร่างกายตามท่าทางที่พี่เก๋กำลังเต้นอยู่กับเพื่อนสาวของเธอทั้งสองคนแล้ว ตอนนี้พอเราทั้งสี่คนเต้นด้วยกันก็กลายเป็นว่าโต๊ะเรากลายเป็นเป้าสายตาของทุกๆคนในระแวกนั้นทันที โดยที่พวกผู้ชายก็จะมองเราด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ส่วนผู้หญิงก็จะมองด้วยความหมั่นไส้ เหมือนๆกับโต๊ะพี่กระเทยสวยสามสี่คนข้างๆโต๊ะเรา ที่แอบเหล่จิกตามองเราตั้งแต่เราเดินเข้ามาตอนแรกๆ จนกระทั่งตอนนี้ พวกหล่อนก็ยังมองเราด้วยสายตาจิกกัดเหมือนเดิม แต่ดูจะเพิ่มเติมตรงความหมั่นไส้ที่เห็นเราเด่นกว่ามากขึ้นเท่านั้น..
กลายเป็นว่าตอนนี้หนึ่งในกลุ่มนั้นเดินเข้ามาเต้นใกล้ๆพี่เก๋ แล้วแกล้งเต้นชนพี่เก๋แรงๆจนพี่เก๋เซจะล้ม จนฉันเห็นเข้ารีบเดินเข้าไปขนาบข้างพี่เก๋แล้วรีบถามพี่เก๋ด้วยความเป็นห่วงทันที...

ไม่เป็นไรกี้ สงสัยเขาแค่เมาเลยเต้นแรงไปหน่อย อย่าไปใส่ใจเขาเลยเดี๋ยวไม่สนุก” พี่เก๋ยื่นมือมาตบไหล่ฉันแสดงท่าทางขอบใจที่เป็นห่วงเธอก่อนจะหันไปเต้นกับเพลงที่ดีเจกำลังเปิดต่อ เมื่อเห็นว่าพี่เก๋ไม่ได้คิดมากอะไรกับเรื่องตรงหน้าแล้ว ฉันก็เดินกลับมายืนเต้นใกล้ๆกับพี่เนย แต่ใช่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดจะจบลงแค่ตรงนั้น เพราะหลังจากที่ฉันเดินละออกมาจากตรงที่พี่เก๋และเพื่อนๆอีกสองคนเต้นซึ่งก็อยู่ใกล้ๆกับโต๊ะพี่กระเทยนั้นแล้ว กลายเป็นว่าพวกแก๊งค์กระเทยแกงค์นั้นพากันสลับผลัดเปลี่ยนกันมาเต้นแข่งพี่เก๋และพวกๆเพื่อเรียกร้องความสนใจจากพวกผู้ชายระแวกนั้นบ้าง จนบางครั้งพวกเขาก็ออกอาการเต้นแรงเวอร์แบบไม่เกรงใจพวกเราเลย จนกระทั่งมือไม้หรือส่วนต่างๆของร่างกายพวกเขามาโดนพี่เก๋และพวกจนเซจะล้มแล้วไม่มีการขอโทษใดๆเกิดขึ้น หลายต่อหลายครั้งเข้าจนฉันที่มองดูตลอดเริ่มโมโหแทนจนเผลอสบถด่าออกมาจนพี่เนยได้ยินเข้า...
กระเทยพวกนั้นจงใจเต้นเบียดพวกพี่เก๋อ่ะ แม่งกวนตีนว่ะ มันเห็นว่าพี่เก๋เต้นสู้ไม่ได้ มันก็เต้นแรงซะพี่เก๋เซเลย ฮึย..อย่างนี้ต้องเจอของจริงจะได้รู้ว่าใครเป็นใคร..”
พี่เนยงง เธอรีบถามฉันด้วยความตกใจทันทีที่ได้ยินฉันพูดจาประหลาดๆอย่างนั้นออกมา...

ห๊ะ อะไร ใครคือของจริง กี้เหรอ” ฉันพยักหน้ารับทันทีที่ได้ยินเธอถามกลับ “เออใช่!!?? กี้นี่ล่ะ ของจริง เต้นเบาๆสวยๆอย่างนั้นสู้กระเทยพวกนั้นไม่ได้หรอก มันต้องอย่างกี้นี่”ฉันสะบัดผมตัวเอง ทำเป็นผงาดอกโชว์พลังก่อนจะจ้องเขม็งไปที่หน้าเหวอๆของพี่เนยต่อที่พยายามเอื้อมมือมาดึงฉันต่อ...
เฮ้ย นั่นกระเทยนะกี้ เค้าก็เท่ากับเป็นผู้ชายนะ จะไปเต้นแข่งเขากวนตีนเขา เดี๋ยวเค้านึกโมโหแล้วตบกี้ขึ้นมากี้จะสู้ได้เหรอ”
แล้วไง ใครแคร์ พี่เนยก็อยู่ข้างๆกี้อยู่นี่ หรือพี่เนยจะไม่ช่วย แค่นี้กลัวเหรอ ป๊อดว่ะ..”ฉันสะบัดมือพี่เนยออก แล้วจ้องเขม็งใบหน้าเหวอๆของเธอคืน ก่อนจะเดินฉับๆไปหาพวกพี่เก๋
ตอนนี้พี่เก๋กำลังโดนเต้นเบียดอยู่เหมือนเดิม และเหมือนเดิมคือยัยพี่กระเทยพวกนั้นก็พากันเต้นเบอร์แรงออกเสต็ปส่ายซ้ายส่ายขวาชนิดที่ว่าคนแถวนั้นพากันแหวกพื้นที่ยกฟอร์เด๊นซ์ให้กลุ่มพี่กระเทยพวกนั้นเต้นไปกลุ่มเดียวเลย...
กลายเป็นว่าตอนนี้ระแวกนั้นมีเพียงกลุ่มพี่กระเทยสวยกับกลุ่มโต๊ะฉันที่ยังเต้นแข่งกันอยู่ไม่ยอมหลบให้ง่ายๆ โดยที่ตอนนี้โต๊ะฉันมีพี่เก๋เป็นแกนนำพาเต้นปะทะกับกลุ่มพี่กระเทยที่มีแกนนำเป็นกระเทยหน้าตาคล้ายๆบีย่อนเซ่...

คุณพี่บียอนเซ่นั้นนอกจากจะมีหน้าตาและรูปร่างที่ละม้ายคล้ายกับบียอนเซ่แล้ว ยังมีสเต๊ปการเต้นที่ถอดแบบบียอนเซ่มาเป๊ะๆอีก ฉันยืนอึ้งมองดูพี่เก๋เต้นเบาๆตามสไตล์ผู้หญิงเต้นแล้วก็นึกกลัวว่าจะเสียเปรียบสู้กลุ่มพี่บียอนเซ่นั้นไม่ได้ ตอนนี้ฉันเลยเดินตรงปรี่เข้าไปดึงแขนพี่เก๋ออกจากข้างกายยัยพี่กระเทยคนนั้นทันที..

พี่เก๋มานี่...เดี๋ยวกี้จัดการให้พี่เก๋เอง” พี่เก๋คิ้วขมวดทำหน้างงๆก่อนจะปล่อยให้ฉันเดินแทรกตัวเข้าไปแทนที่ระหว่างพี่เก๋และพี่บียอนเซ่คนนั้น ตอนนี้พอฉันได้ไปยืนอยู่ใกล้ๆหล่อน หล่อนก็รีบออกสเต๊ปท์ควีนบีด้วยการส่ายสะโพกสุดแรงใส่ฉันทันที จนฉันกระเด้งหงายเงิบเซออกไปหาที่ที่พี่เก๋ยืนอยู่ จนพี่เก๋กับเพื่อนต้องช่วยกันประครองฉันไว้ไม่ให้ล้ม ตอนนี้พอฉันตั้งสติได้ ฉันก็รีบยืนตัวตรงทำทีสะบัดผมเก๊กฟอร์มสวยก่อนจะเข้าไปประจันหน้ากับหล่อนใหม่อีกครั้งหนึ่งทันที..

แล้วเหมือนดีเจที่เปิดแผ่นจะรู้สถานการณ์ประจัญหน้าระหว่างนักท่องเที่ยวหญิงแท้และหญิงไม่แท้ทั้งสองกลุ่มตอนนี้อยู่ๆซาวน์เพลง I will Suviveก็ดังลอยมาเป็นแบล๊คกราวน์เอาใจคุณพี่บียอนเซ่ทันที....

**เพลงประกอบCTนี้จ้า**
ตอนนี้พอเนื้อร้องท่อนที่ว่า At first I was afraid I was petrified.. ดังขึ้นกลุ่มพี่กระเทยสวยทั้งหมดก็พากันกรี๊ดและแหวกวงให้คุณพี่บียอนเซ่คนนั้นลิปซิงค์ท่อนนั้นด้วยท่าถือไมค์สวยๆอลังการของหล่อนทันที..
ฉันคิ้วขมวดยืนอึ้งมองแก๊งค์คุณพี่นั้นกำลังเริงร่าด้วยท่าเต้น Suviver ของพวกเธอไป ก่อนจะหันไปมองพี่เก๋กับเพื่อนๆทั้งสองรวมถึงพี่เนยที่ก็ยืนอึ้งมองดูว่าฉันจะเอาอะไรไปไฟรท์กับบรรดาพี่ๆบียอนเซ่แก๊งค์นั้นด้วย..

...อะไรวะ...ดีเจก็เป็นไปกับเขาด้วย แหม..เปิดเพลงเอาใจพวกนางเชียวนะ นี่คงนึกว่าหน้าตาใสๆแบ๊วๆอย่างฉันจะเต้นอะไรอย่างนั้นไม่ได้ล่ะสินะ...ชิ..ด้ายยย..เดี๋ยวพวกเธอจะได้เห็นดี...องค์แม่จะลงให้ดูเป็นขวัญตา...

ในขณะที่ฉันกำลังคิดหาทางเอาชนะบรรดาพี่แก๊งค์กระเทยสวยอยู่นั้น พี่บียอนเซ่หัวหน้ากลุ่มก็ใช้สองมือแหวกไหว้ไปในอากาศโชว์สเต๊ปซ์ลิปซิงค์และท่าเต้นไขว่คว้าดาวกลางอากาศของเธอไป มองดูแล้วก็ให้ความรู้สึกอย่างกับว่าเธอคือเจ้าของเพลงๆนี้เสียเอง ตอนนี้บรรดากองเชียร์รอบข้างก็ต่างพากันตบมือและส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจกลุ่มพี่ๆบียอนเซ่กันใหญ่จนหล่อนได้ใจ กลายเป็นยิ่งออกสเต๊ปเด๊นซ์เบอร์ใหญ่ข่มขวัญกำลังใจฉันเข้าไปอีก แล้วพอบรรดากองเชียร์เห็นนางเต้นสวยเต้นเซ็กซี่ได้ใจขนาดนั้น พวกเขาก็พากันจัดรางวัลให้พี่บียอนเซ่คนนั้นด้วยเครื่องดื่มแก้วเล็กๆที่มีของเหลวต่างสีเรียงซ้อนกันอยู่ประมาณสามสีในแก้วนั้นให้ทันที...

...ฉันเพ่งมองที่แก้วของเหลวแก้วเล็กๆแก้วนั้นที่ปากแก้วมันเหมือนจะมีเปลวไฟด้วย..
...ฮืม??!!...ทำไมมันมีไฟด้วยล่ะ แม้จะงงและสงสัยแต่ฉันก็ไม่ได้แสดงท่าทางแปลกใจอะไรออกไปเลย ทำได้แค่ยืนเก๊กกอดอกมองดูยัยพี่บียอนเซ่รับแก้วนั้นมาพร้อมๆกับเสียงเชียร์ที่ว่า “ดื่มเลยๆๆๆ ดังเป็นแบล๊คกราวน์ไปพร้อมๆกับเพลง I will Suvive พี่บียอนเซ่รับแก้วมามองด้วยสายตาเกร็งๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหลับตาปรี๋ยกแก้วกระดกเข้าปากทั้งหมด ซึ่งพอหล่อนดื่มเสร็จบรรดากองเชียร์ของหล่อนก็พากันเฮ..และปรบมือให้หล่อนทันที ตอนนี้พอพี่บียอนเซ่ดื่มหมดเธอก็ทำท่าแอ่นอกยกมือทั้งสองผายขึ้นไปในอากาศพร้อมๆกับลิปซิงค์ท่อนเพลงที่ดังมาว่า I will Suvive..hey hey ทันที
เมื่อเห็นดังนั้นฉันก็ไม่รอช้าที่จะหากำลังใจต่อสู้กับหล่อน ฉันหันมาหยิบขวดเหล้าแล้วรินเหล้าเพรียวๆลงไปจนเกือบจะเต็มแก้วแล้วกระดกเข้าปากทั้งหมด ก่อนจะหันมาคว้าเอวพี่เนยเข้ามากอดและมอบจูบDeepkiss เพื่อขอกำลังใจจากคนที่ฉันรักที่สุด พี่เนยงงเธออ้ำๆอึ้งๆตอนที่โดนฉันคว้าตัวไปจูบต่อหน้าวงล้อมคนมากมายอย่างนั้น แต่เธอก็ไม่ว่าอะไร ทำได้แค่ประครองวงหน้าของฉันออกมาจ้องแล้วบดขยี้จูบตอบอีกรอบก่อนจะปล่อยให้ฉันไป.. ตอนนี้ความหึกเหิมลำพองใจของฉันกลับมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว...
ฉันสะบัดปลายผมเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปกลางฟอร์ยืนอยู่ต่อหน้าพี่บียอนเซ่อีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้เมื่อหล่อนเห็นว่าฉันเข้ามา หล่อนก็ยกสองมือขึ้นเหนือหัวแล้วโชว์ลีลาโยกส่ายตัวลงเป็นตัวรูปตัว Sท้าทายฉันทันที ฉันก็ไม่น้อยหน้า พอเห็นท่าโยกตัวสะบัดเต็มแรงอย่างนั้นของหล่อน ฉันก็รีบยกสองแขนทำท่าทางตามเธอบ้าง แต่รอบนี้ฉันใส่จริตจะกร้านที่ฉันจำได้ทั้งจากที่พี่มิเกลเต้นและพี่เนยเต้นยั่วฉันลงไปด้วย ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าท่าเต้นของฉันนั้นกลายเป็นท่าอ่อยสุดฤทธิ์ ที่ทั้งลีลาและท่าทางหรือแม้แต่สายตายั่วยวนต่างๆ ฉันตั้งใจเลียนแบบพี่เนยและพี่มิเกลมาทุกกระเบียบนิ้วเลยทีเดียว...

...แล้วเหมือนจะได้ผล พอกองเชียร์ผู้ชายเห็นฉันเต้นอย่างนั้นก็กลายเป็นเปลี่ยนพรรคหันมายืนออส่งเสียงเชียร์ฉันทางนี้แทนทันที จนยัยพี่บียอนเซ่หันมาจิกตามองเขม่นหมั่นไส้ฉันและเริ่มคิดหาทางเอาชนะฉันต่อ...

ตอนนี้หล่อนหันไปเก็บบรรดาเครื่องดื่มออกจากโต๊ะหล่อนออกให้หมด แล้วกลายเป็นย้ายตัวปีนป่ายขึ้นไปยืนเต้นบนโต๊ะแทน ฉันก็ไม่ยอมแพ้เมื่อเห็นยัยพี่บียอนเซ่ทำอย่างนั้น ฉันก็หันไปเก็บข้าวของออกจากโต๊ะตัวเองเหมือนกัน ตอนนี้พอโต๊ะว่างแล้วฉันก็รีบปีนป่ายขึ้นไปยืนวาดลวดลายเต้นแข่งยัยพี่คนนั้นต่อบนโต๊ะทันที บรรดากองเชียร์คงเห็นถึงความพยายามของฉัน ตอนนี้กลายเป็นว่าผู้ชายส่วนใหญ่หันมาร้องเชียร์ฉันที่โต๊ะเกือบทั้งหมด และพอพวกเค้าเห็นฉันเต้นสวยและเซ็กซี่ไม่แพ้พี่คนนั้นแล้ว พวกเค้าก็ไม่ลืมที่จะตบรางวัลด้วยเครื่องดื่มชนิดเดียวกันกับที่ยัยพี่บียอนเซ่นั่นดื่ม
ตอนนี้เมื่อกองเชียร์ส่งมันมาให้ฉันถือกับมือตัวเองแล้ว ฉันจึงเห็นว่าบรรดาของเหลวที่เรียงต่อกันนั้นมันมีด้วยกันสามสีโดยที่ชั้นบนสุดเป็นสีฟ้าออกเขียวๆชั้นกลางเป็นสีเหลืองและชั้นล่างสุดเป็นสีน้ำตาล...

..สวยจังเลยอ่ะ..ฉันคิดตอนที่ยกมันขึ้นมาดูใกล้ๆ แล้วเห็นสีฟ้าของเปลวไฟที่กำลังลุกติดอยู่ปากแก้ว ตอนนี้เสียงโห่เชียร์ของกองเชียร์ด้านล่างกำลังส่งเสียงเชียร์บอกให้ฉัน “ดื่มเลยๆๆๆ” เช่นเดียวกันกับที่พวกเขาเชียร์พี่กระเทยคนนั้น ซึ่งพอฉันจะยกมันเข้าปากตามเสียงเชียร์ สายตาฉันก็เหลือบไปเห็นพี่เนยกำลังยกมือห้ามและร้องบอกกับฉันว่า “กี้!!!..อย่าดื่มนะ!!!” ทันที.....แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะตอนนี้ฉันกลั้นใจยกมันกระดกดื่มกลืนลงคอไปตามห้วงความคิดที่ว่า...ถ้ายัยพี่บียอนเซ่คนนั้นดื่มได้ ฉันก็ดื่มได้สิ...

พอฉันดื่มหมดบรรดากองเชียร์ก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดโห่ร้องกันเข้าไปใหญ่ ซึ่งแตกต่างจากพี่เนยที่เอามือกุมขมับคิ้วขมวดทำหน้าซีเรียสทันทีที่เห็นอย่างนั้น ตอนนี้ความรู้สึกแสบร้อนคอลงไปจนถึงกระเพาะกำลังทำให้ฉันเริ่มพะอืดพะอม จนเริ่มจะยืนนิ่งๆไม่ไหวต้องพยายามเต้นโยกกลบเกลื่อนอาการประหลาดๆที่กำลังก่อตัวขึ้นมากับร่างกายฉัน ฉันเต้นโยกไปทางซ้ายทีและขวาทีเพราะตอนนี้เริ่มรู้สึกเหมือนหูตัวเองกำลังอื้อๆดังซ่าๆกลบเสียงเพลงข้างนอกตลอดเวลา มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าน้ำในหูตัวเองมันมีไม่เท่ากันยังไงไม่รู้ เช่นเดียวกันกับตาของฉันที่เริ่มเบลอลงเรื่อยๆ จนฉันต้องลองมองเช็คสายตาตัวเองไปรอบๆ จนไปพบว่าตอนนี้ยัยพี่กระเทยกำลังเปลี่ยนแผนเรียกร้องความสนใจจากกองเชียร์ใหม่ด้วยการถอดเกาะอกที่หล่อนใส่อยู่ออก เหลือเพียงแต่บราเล็กๆที่ทำหน้าที่ห่อหุ้มประคับประครองทรวงอกของหล่อนไว้ ท่ามกลางเสียงกรี๊ดและวี๊ดว๊ายพอใจของบรรดากองเชียร์ที่เห็นยัยพี่คนนั้นลงทุนถอดเกาะอกออกเต้นแข่งกับฉัน
...แล้วพอเห็นยัยพี่กระเทยคนนั้นกล้าทำอย่างนั้นได้ กลายเป็นว่ากองเชียร์พวกนั้นก็หันมาเชียร์ให้ฉันถอดตามบ้างเช่นเดียวกัน...

ถอดเลยๆๆๆๆๆ....”

...ตอนนี้ความรู้สึกมึนๆเบลอๆกำลังเหยียบสติสัมปชัญญะทุกอย่างของฉันไว้ ฉันรู้สึกว่าฉันคิดอะไรไม่ออกเลย แม้จะพยายามขนาดไหนก็ตาม ฉันดูเบลอๆงงๆกับทุกๆสิ่งทุกๆอย่างๆที่กำลังเกิดขึ้นรอบๆตัวฉันตอนนี้เสียจริง...
เอ..เหมือนฉันกำลังอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ความฝันที่ฉันกำลังโดนทุกคนส่งเสียงสั่งให้ฉันถอดเกาะอกของฉันออกตามพี่คนนั้นบ้าง เสียงคำสั่งพวกนั้นดังเข้ามาในโสตประสาทหูที่กำลังอื้อๆและตาที่กำลังเบลอลงเรื่อยๆของฉัน จนฉันไม่สามารถควบคุมความคิดอะไรตัวเองได้เลย รู้แค่ว่ามือของฉันกำลังเอื้อมขึ้นมาปลดเกาะอกของตัวเองออกจริงๆตามเสียงเชียร์ที่ได้ยินแล้ว..

ตอนนี้แสงสว่างจ้าๆแลดูเบลอๆเป็นภาพสลับกับแสงวิบวับกำลังวิ่งผ่านม่านตาของฉัน ตอนที่ฉันกำลังจะปล่อยมือจากเกาะอกที่ปลดออกแล้วออก ความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะวูบดับคล้ายๆกับว่าตัวเองกำลังตกจากที่สูงลงสู่พื้นอะไรสักอย่างที่นุ่มๆ ทำให้ฉันพยายามหยีตาตัวเองดูอีกครั้งก่อนจะพบว่าภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นนั้นคือ...ภาพพี่เนยกำลังเอื้อมสองแขนดึงฉันให้ตกลงจากโต๊ะตัวนั้นสู่อ้อมกอดของเธอ....

...แล้วจากนั้น..ภาพทุกอย่างก็กลายเป็นดับวูบเหมือนปิดสวิซท์ไฟไปเลยทันที...