Lovely Mafia Girl
ลูกสาวเจ้าพ่อ ขอเป็นแฟนหนู
Special part : First date night
Chapter
5
น้ำเปลี่ยนนิสัย...
ฉันหันกลับมาจ้องพี่เนยก่อนจะปัดมือพี่เนยออกจากหลัง
แล้วทำทีเป็นลุกนั่งตัวตรงทำเป็นเชิดผิดกับท่าทางจะเป็นจะตายเมื่อครู่นี้ลิบลับ
ตอนนี้ฉันหยิบขวดเหล้ามาเทลงไปในแก้วของฉันอีกครั้งนึง
ซึ่งก็เช่นเคยรอบนี้ฉันก็ยังรินมันเพรียวๆจนเกือบจะเต็มแก้วของฉันเหมือนเดิม
พี่เนยตาโตตอนที่เห็นฉันรินเหล้าลงไปในแก้ว
แต่เธอยังไม่ทันได้ทักท้วงอะไรฉันเท่าไหร่
ฉันก็จับแก้วยกขึ้นดื่มกินต่อหน้าต่อตาเธออีกครั้ง
จนเธอนั้นอ้าปากค้างด้วยความตกใจที่เห็นฉันดื่มเข้าไปอึ๊กเดียวหมดแก้วอีกแล้ว...
อาาาห์..แต่รอบนี้ฉันกลั้นหายใจตอนที่ฉันดื่มมันลงไปทั้งแก้ว
ซึ่งพอเหล้าหมดแก้วไปฉันก็ถึงกลับหายใจดังๆออกมาต่อหน้าพี่เนยทันที...
อ้อ..ฉันรู้วิธีดื่มมันโดยไม่ขมคอแล้ว
แค่ฉันกลั้นหายใจแบบเมื่อครู่นี้ฉันก็ไม่รู้สึกขม
ไม่รู้สึกว่ามันรสชาติประหลาดๆแย่ๆอย่างนั้นอีกแล้ว
ก็โอเคดีนี่นา
แค่ให้มันผ่านคอเราเข้าไปไวๆแค่นั้น
แค่เราไม่ต้องรับรู้กับรสชาติของมัน
รสฝาดๆขมๆของมันก็ทำอะไรคอฉันไม่ได้แล้ว..หึ..โอเค้..ทีนี้ฉันจะดื่มมันให้ยัยคนนั้นดูซะทีว่า...ฉันน่ะสายแข็งขนาดไหน..
ฉันทั้งคิดทั้งยิ้มก่อนจะรีบยกขวดเหล้าขวดนั้นมาเทลงแก้วพรวดๆแล้วหันกลับไปยกแก้วดื่มโชว์ยัยพี่มิเกลอีก
พี่เนยนั้นเห็นท่าไม่ดี
คงเพราะเธอรู้ว่าฉันไม่เคยดื่มเหล้าเสียที
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ดื่มแล้วยังอุตสาห์ดื่มเพรียวๆไปโดยที่ไม่มีอะไรเจือจางอีกตั้งสามสี่แก้ว
ตอนนี้พอฉันหันกลับมาเทเหล้าลงไปในแก้วอีกเป็นครั้งที่5พี่เนยก็รีบออกปากปรามฉันทันที..
“เฮ้ย..พอได้แล้วกี้
มันเกินไปแล้วนะ
ดื่มพรวดๆต่อกันอย่างนั้นประเดี๋ยวก็เมาหัวทิ่มหรอก”
พี่เนยทั้งพูดทั้งรีบแย่งขวดเหล้าในมือฉันไป
“อ้าว
แล้วเห็นกี้เมาหรือยังล่ะ
กี้ก็ยังอยู่ดีโอเคอยู่พี่เนยก็เห็นนี่”
ฉันแย่งขวดคืนมารินพรวดๆลงแก้วเหมือนเดิม
และเหมือนเดิมฉันยังคงยกมันเข้ารินเข้าปากรวดเดียวจบ
โดยที่พี่เนยยังไม่ทันได้อ้าปากห้ามอะไรฉันต่อด้วยซ้ำ
“เฮ้ย
กี้พอได้แล้วเดี๋ยวจะเมานะ”
พี่เนยรีบแย่งแก้วฉันไป
แต่ฉันก็ไม่ยอมแพ้รีบคว้ามันเข้ามาแนบกับอกตัวเองไว้
ก่อนจะรีบโต้เถียงพี่เนยคืนไปทันที
“คำก็เมาสองคำก็เมา
กี้เมาตรงไหน ก็บอกว่าโอเคอยู่
ไม่เชื่อลองนับนิ้วกี้ดูดิว่ามีกี่นิ้ว..”
ฉันยกนิ้วขึ้นมาให้พี่เนยนับ4นิ้ว
ซึ่งพี่เนยก็รีบจิ้มนิ้วมานับทันทีที่เห็นฉันยกมันขึ้นมา....
“...หนึ่ง
สอง สาม สี่..
มีสี่นิ้ว..
เฮ้ย!!!??
มันใช่ที่ไหนล่ะ
กี้สิต้องนับ บ้าแล้ว”
พี่เนยสะบัดหน้าตอนที่เธอนึกขึ้นได้
เธอรีบหันกลับมาเถียงฉันทันที
“กี้พอก่อนเหอะนะ
พี่ว่า..”
ยังไม่ทันทีที่พี่เนยจะอธิบายเหตุผลที่เธอเห็นสมควรให้ฉันหยุดดื่มในตอนนี้
ฉันก็รีบวางแก้วเหล้าไว้
แล้วรีบใช้สองมือของฉันประครองวงหน้าพี่เนยเข้ามามอบจูบ
Deep
kiss ให้กับเธอ
โดยที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว
พี่เนยเงียบเสียงบ่นกลายเป็นอ่อนระทวยทันทีที่โดนฉันมอบสัมผัสจุมพิตลึกล้ำอย่างนั้นเข้าให้
ตอนนี้กลายเป็นว่าเธอก็ใช้แขนทั้งสองข้างของเธอโอบกอดฉันเข้ามาแนบชิดตัวเธอไว้
ทำอย่างกับว่าเธอกลัวว่าจุมพิตที่ลึกล้ำนั้นจะหลุดลอยหายไปจากเธอง่ายๆในตอนนี้...
ฉันมอบจูบDeepKiss
ทั้งบดขยี้ริมฝีปากพี่เนยด้วยความร้อนรุ่ม
มันเป็นความรู้สึกดีแบบแปลกๆ
ตอนนี้ความร้อนๆวูบๆวาบๆในหัวของฉันกำลังสั่งให้ฉันลองทำในสิ่งที่ครั้งหนึ่งฉันอายเหลือเกินไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าฉันจะกล้าจูบกับพี่เนยข้างนอกห้องนอนตัวเองได้อย่างนี้
...โอ..ใช่...การจูบกับพี่เนยนอกห้องนอนท่ามกลางฝูงคนมากมายที่กำลังจับจ้องมองเราอย่างนี้
กลับให้ความรู้สึกดีและตื่นเต้นจนฉันแทบจะหยุดจูบจูบนี้ลงไปไม่ได้
...ให้ตายเถอะทำไมริมฝีปากของพี่เนยในยามนี้ช่างน่าหลงไหลเหลือเกินนะ
ฉันแทบจะขบกัดดึงริมฝีปากของเธอไว้ทันทีที่รู้สึกว่าเธอกำลังจะพยายามหยุดจูบจูบนี้ลงแล้ว..
“โอ้ยหนอ...นิ้วเย็นๆหรือจะสู้...”
เสียงกรุ่มกริ้มฟังดูทะลึ่งตึงตังดังแทรกเข้ามาขวางห้วงอารมณ์โรแมนติกของฉันทันที
โดยที่ฉันยังได้ยินมันไม่ทันหมดประโยคดีด้วยซ้ำ
แต่ฉันก็เข้าใจความหมายที่เจ้าของริมฝีปากหมาใบหน้าสุนัขกำลังเห่าหอนอยู่
ณ ตอนนี้ได้เป็นอย่างดี...
“นิ้วเย็นพ่อง..อยากได้สักนิ้วมั้ยล่ะ
คว..”
ฉันรีบละใบหน้าออกไปด่ามันทันที
แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะสบถด่าคำหยาบหมดประโยคดี
พี่เนยก็รีบยื่นมือเธอมาปิดปากฉันไว้
ทั้งๆที่ฉันกำลังพยายามยกนิ้วกลางขึ้นยื่นไปที่ชายหนุ่มพวกนั้น
ตอนที่กำลังจะด่าคำหยาบที่ความหมายเหมือนนิ้วกลางที่ฉันชูขึ้นให้พวกเขาดูเมื่อครู่นี้
พี่เนยอ้าปากค้าง
เธอดึงฉันเข้ามากอดห้ามด้วยความตกใจที่อยู่ๆฉันที่ทำท่าเหมือนจะกลัวผู้ชายพวกนั้นจะฉุดดักปล้ำหากเผลอไปทำอะไรให้เขาเขม่นเข้า
จะกลายเป็นกล้าด่าทอด้วยคำหยาบโลนอย่างนั้นเสียเอง...
“เฮ้ย??!!
ไหนห้ามให้พี่อยู่นิ่งๆไม่ให้ว่าอะไรพวกนั้นไง
ทำไมตัวเองเป็นเองล่ะนี่
เดี๋ยวมันก็โมโหดักฉุดทั้งสองจริงๆซะหรอก”
เธอกระซิบกระซาบมาที่หูของฉัน
ก่อนจะกลายเป็นโดนฉันรีบพูดสวนขึ้นด้วยใบหน้าเฉยชาไร้ซึ่งอาการหวาดกลัวใดๆ...
“กลัวที่ไหน
ไหนว่ามีปืน..”
พี่เนยตาโตคิ้วขมวดใบหน้าเหวอค้างทันที
เหมือนเธอไม่อยากจะเชื่อที่ได้ยินฉันพูดอย่างนั้น
ตอนนี้พอฉันบอกพี่เนยอย่างนั้นเสร็จ
ฉันก็หันกลับไปเหล่มองผู้ชายพวกนั้นแม้ตอนนี้พวกเขาจะเลิกแซวและพากันแยกย้ายหันกลับไปดื่มเหล้าที่โต๊ะแล้ว
แต่ก็ยังแอบหันมามองเราด้วยสายตาขำๆ
เหมือนพวกเขากำลังตลกกับอะไรสักอย่างอยู่
ซึ่งแค่ฉันมองแค่นั้น
ความรู้สึกโมโหปนความหมั่นไส้ที่ยังค้างอยู่ในใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้นทันที
ตอนนี้ฉันดึงพี่เนยให้มาอยู่ใกล้ๆฉันในตำแหน่งที่คิดว่าผู้ชายพวกนั้นจะเห็นได้ชัดที่สุด
ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างจับใบหน้าพี่เนยเข้ามามอบจูบDeepKissและบดขยี้ริมฝีปากพี่เนยด้วยความเร่าร้อนยิ่งกว่าก่อนหน้านั้นเสียอีก
ซึ่งพี่เนยอ่อนระทวยทันที
แม้ตอนแรกเธอจะทำเป็นต่อต้านบ้าง
เนื่องจากเธอคงกลัวผู้ชายพวกนั้นจะแซวอะไรให้ฉันโกรธอีก
แต่ด้วยฤทธิ์จูบร้อนแรงที่ฉันกำลังมอบให้เธอนี้
ทำให้ความขึงขังขัดขืนกลายเป็นอ่อนระทวย
จนพี่เนยเผลอตัวโน้มแขนทั้งสองข้างเข้ามาสวมกอดคอฉันเอาไว้ด้วยความรู้สึกวาบหวานหวั่นไหว
จนเธอกลัวว่าเธอจะหมดแรงล้มไปกองลงกับพื้นเสียก่อน....
“..เมาแล้วใช่มั้ยนี่
ถึงกล้าทำอะไรอย่างนี้..”เป็นพี่เนยที่พูดขึ้นในขณะพยายามละใบหน้าออกมาจ้องมองฉัน
ใบหน้าแดงกร่ำแลดูหวานๆเคลิ้มๆของเธอนั้น
ออกอาการให้ฉันเห็นได้ทันทีว่าเธอเองตกตะลึงพรึงเพริดขนาดไหนที่โดนฉันขโมยจูบต่อหน้าผู้ชายและฝูงชนมากมายขนาดนี้
เธอเอื้อมสองมือมาจับแก้มฉันไว้ตอนที่เธอถามคำถามฉันด้วยเสียงสั่นเครือ...
“แล้วไม่ชอบให้กี้ทำอย่างนี้เหรอ..”
ฉันดึงพี่เนยเข้ามากอดใกล้ๆตอนที่ถามคำถามต่อจากเธอ
พี่เนยอึ้ง
เธอมองฉันด้วยสายตาหวั่นๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ
“ชอบ..ชอบสิ
ชอบมากๆด้วย
ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบให้แฟนตัวเองเอาอกเอาใจหรือแสดงความรักความเป็นเจ้าของของเราอย่างนี้หรอก
ใครๆก็ชอบทั้งนั้นล่ะ..”
พี่เนยทั้งพูดทั้งดึงฉันเข้าไปกอดซบไหล่
เธอทั้งกอดทั้งเอนหัวหนุนไหล่ฉันไว้
เหมือนว่าโลกทั้งโลกตอนนี้จะมีเพียงแค่เราสองคนเท่านั้นอยู่ด้วยกันยามนี้...ความรู้สึกซาบซึ้งประหนึ่งเราได้ฟังเพลงรักทำนองหวานละมุนกำลังทำให้ฉันกำลังหลงเคลิ้มโผซบตอบพี่เนยแล้วโยกร่างกายเต้นรำไปมาช้าๆ
แม้เสียงเพลงภายนอกที่ดีเจกำลังเปิดบรรเลงอยู่นั้นจะเป็นเพลงเดนซ์จังหวะสนุกสนานน่าเต้นขนาดไหนก็ตาม
แต่เราสองคนกลับไม่ได้ยินเสียงมันเลย...โอ....ฉันชอบบรรยากาศแบบนี้จัง..ฉันอยากจะโอบกอดผู้หญิงที่ฉันรักคนนี้เอาไว้อย่างนี้ตลอดคืนเลย
ฉันยืนซบกอดกับพี่เนยอยู่นานจนกระทั่งได้ยินเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาข้างๆ….
“อะแฮ่ม..เนย..เหล้าจะหมดแล้วอ่ะแก
ทำไมพวกมิกเซอร์มันยังเหลือเหมือนเดิมวะ
สั่งเหล้ามาเพิ่มมั้ย..”
เสียงของพี่เก๋นั่นเอง
ตอนนี้เธอและเพื่อนๆเธออีกสองคนเดินกลับมาที่โต๊ะแล้ว
“อ้าวเหรอ..เออเอาดิ
ฉันก็ไม่ได้ดูมีแต่ดื่มอย่างเดียว
อยากได้อะไรเพิ่มสั่งเลยแก
เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
พี่เนยผละออกจากไหล่ฉัน
เธอยิ้มแหยๆแลดูเขินๆตอนที่เห็นสายตาบรรดาเพื่อนแอบมองด้วยสายตากรุ้มกริ่มอย่างนั้นเข้า
ตอนนี้เธอเลยแก้เขินด้วยการจัดปลายผมของเธอให้เข้าทรง
ก่อนจะหันมายกแก้วเหล้าที่อยู่ต่อหน้าดื่มต่อไป...
ฉันก็รู้สึกเขินสายตาเพื่อนของพี่เนย
แม้จะไม่มาก
แต่ฉันกลับรู้สึกว่าไม่กล้าที่จะหันไปสบตาบรรดาเพื่อนสาวของพี่เนยในยามนี้เลย
กลายเป็นต้องแก้เขินด้วยการหันหลังกลับไปมองทางอื่น
แล้วไปเจอเข้ากับสายตาเศร้าๆของพี่มิเกลที่มองมาที่ฉันกับพี่เนย
ก่อนจะหลบตาหนีฉันแล้วหันหลังกลับไปดื่มเหล้าที่โต๊ะตัวเองต่อ..
เชอะ..คงเห็นที่ฉันจูบกับพี่เนยเมื่อครู่นี้ก็เลยสะเทือนใจล่ะสิท่า
ช่วยไม่ได้ล่ะนะก็คนเค้าเป็นแฟนกันมันก็ต้องมีจูบกันกอดกันเป็นธรรมดาอยู่แล้วนี่
เธอก็ต้องทำใจไว้บ้างสิถ้าจะมาเจอกันในสถานที่อย่างนี้..หรือเธอยังทำใจไม่ได้...นี่เธอคงรู้สึกรักพี่เนยอยู่สินะ
ถึงได้ทำหน้าเศร้าขนาดนั้น
ก็อย่างว่าล่ะ
เรื่องมันจบไปแล้วแท้ๆเธอก็ยังอยากจะมาเปิดศึกกับฉันอีก
อยากยั่วโมโหฉันอย่างนั้นอีก
นี่คิดยังไงถึงอยากจะมาอ่อยพี่เนยอีกนี่
ฉันก็ไม่เข้าใจความรู้สึกเธอจริงๆ..ยัยพี่มิเกล..
ตอนนี้ฉันหันกลับมามองดูนาฬิกาก็เกือบๆจะเที่ยงคืนแล้ว
ฉันมองดูพี่เนยก็เห็นเธอกับพี่เก๋ก็นั่งดื่มนั่งคุยกันไป
ส่วนเพื่อนของเธอสองคนก็ลุกขึ้นเต้นตามเพลงจังหวะสนุกสนานที่ดีเจกำลังเปิดอยู่ตอนนี้
เมื่อไม่มีอะไรทำฉันก็ได้แต่หยิบแก้วเหล้าที่อยู่ต่อหน้าขึ้นมาจิบดื่มไปเรื่อยๆ...
“กี้
พี่ไปห้องน้ำแป๊บนะเดี๋ยวมา”
อยู่ๆพี่เนยก็พูดขึ้น
เธอทั้งพูดทั้งรีบหยิบกระเป๋าทำท่าจะลุกขึ้นเดินเหมือนเธอนึกขึ้นได้แล้วรีบร้อนจะวิ่งออกไปณ
เดี๋ยวนั้น..
“ฮืม..ไปกับใคร..ให้กี้ไปเป็นเพื่อนมั้ย”
“อ๋อไม่ต้องหรอก
กี้นั่งรออยู่นี่ล่ะค่ะ
เดี๋ยวพี่รีบไปรีบมานะคะ”
พูดเสร็จพี่เนยก็โน้มตัวมาหอมแก้มฉันก่อนจะรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งฝ่าฝูงชนไป
ฉันนั่งมองดูพี่เนยเดินไปจนลับตา
ก่อนจะหันกลับมานั่งที่โต๊ะแล้วเห็นพี่เก๋กับเพื่อนนั่งสแยะยิ้มมองฉันให้ความรู้สึกมึนตึงอึดอัดๆ
จนฉันต้องทำทีเป็นหยิบแก้วเหล้าขึ้นดื่มแล้วหันมองไปรอบๆตัวแก้สถานการณ์ตึงเครียดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้...
ตอนนี้พอสายตาฉันมองสำรวจไปเรื่อยๆก็ดันไปเห็นภาพโต๊ะของยัยพี่มิเกล...แต่ไม่มีพี่มิเกลอยู่ที่โต๊ะนั้นแล้ว...
เธอหายไปไหน..เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย
อย่าบอกนะว่ากลับบ้านแล้ว
นี่คงกลับไปช่วงเวลาเดียวกันกับที่ฉันมองดูพี่เนยเดินไปเข้าห้องน้ำสินะ..ฉันเลยไม่ทันสังเกตุเห็น.....
เอ๊ะ!!??..แล้วฉันก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
โดยที่ ณ ช่วงเวลาที่นึกขึ้นได้นั้น
ฉันก็รีบหยิบกระเป๋าแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ห้องน้ำทันที..
อย่าบอกนะ..ว่าสองคนนี้เดินไปหากันที่ห้องน้ำ...หน็อยแน่...อีพี่เนย
มิน่าถามว่าจะให้พาไปด้วยมั้ยกลับบอกว่าให้เรานั่งรออยู่ที่โต๊ะ
ที่แท้ก็.....
คอยดูนะถ้าจับได้คาหนังคาเขาแม่จะตบให้ฟันหลุดทั้งสองคนเลย...ฉันทั้งคิดทั้งรีบเดินเร่งจังหวะจนกระทั่งถึงห้องน้ำ
ตอนนี้ในโถงห้องน้ำมีผู้หญิงกำลังยืนแต่งหน้าอยู่หน้ากระจกอยู่ประมาณ3-4คน
ฉันมองดูหน้าแล้วไม่ใช่ทั้งพี่เนยและพี่มิเกล
เมื่อมองไปที่ห้องน้ำห้องย่อยๆภายในนั้น
ก็เห็นว่าประตูนั้นเปิดไว้เกือบทุกห้องแสดงให้เห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย
มีเพียงประตูบานเดียวเท่านั้นที่ปิดอยู่
ตอนนี้ฉันเลยมายืนกอดอกอยู่ที่หน้าห้องน้ำนั้น
เพื่อรอดูว่าใครจะเป็นคนเปิดประตูห้องน้ำออกมา....
แล้วพอประตูห้องน้ำห้องนี้เปิดออกมา
ภาพพี่มิเกลทำท่าตะหนกตกใจเมื่อจะเอ๋เข้ากับฉันก็เกิดขึ้น
เธอเอามือทาบอกตัวเองแล้วอุทานตกใจทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นมาเห็นฉัน
ทั้งๆที่เธอยังไม่ทันได้ก้าวพ้นประตูห้องน้ำมาเลย...
“อุ้ย
มีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าอย่างนั้น
น้องกี้..”
“พี่เนยอยู่ในนั้นมั้ย”
ฉันทั้งพูดทั้งเดินเข้าไปชิดประตูห้องน้ำนั้นเพื่อที่จะชะโงกดูว่ามีใครยังอยู่ในห้องน้ำนอกเหนือจากเธอหรือเปล่า..
แต่ก็ไม่มีใครเลย
นอกเหนือจากพี่มิเกลที่เดินถอยหลังเข้าไปในห้องน้ำนั้นอีกครั้ง
แล้วใช้สองแขนโอบดึงคอฉันเข้าไปด้วย...
~~...เหวอ..~~
ยังไม่ทันที่ฉันจะร้องโวยวายอะไรพี่มิเกลก็รีบเอามือมาปิดปากฉันไว้
แล้วใช้มืออีกข้างรีบล็อคประตูห้องน้ำไว้ทันที..
“เงียบๆอย่าโวยวาย
ไม่อย่างนั้น..พี่ปล้ำนะ”
“ห๊ะ!!”
ฉันตาโตตกใจจนอุทานทั้งๆที่ฝ่ามือพี่มิเกลปิดปากตัวเองไว้อยู่
“เอ๋า..ก็บอกให้เงียบๆไง
ไม่งั้นจับปล้ำจริงๆนะ
พี่รู้นะว่าเราก็เคยโดนเนยปล้ำมาแล้ว”
พี่มิเกลทั้งพูดทั้งยิ้ม
มือของเธอก็ยังปิดปากฉันเอาไว้อยู่
แต่อีกข้างที่เธอล๊อคประตูห้องน้ำไว้ก็กลายเป็นยกขึ้นมาเชยคางฉันแทนเสียแล้ว
ตอนนี้ฉันทั้งตกใจทั้งงงที่อยู่ๆกลายเป็นโดนพี่มิเกลลากเข้ามาในห้องน้ำ
แถมยังขู่ว่าจะปล้ำอย่างนั้นอีก
ตอนนี้ทั้งความตกใจและความสงสัยกำลังสั่งให้ฉันหยุดอึ้งเพื่อรอฟังว่ายัยพี่มิเกลต้องการจะทำอะไร
ยังไง กับฉันกันแน่..
“นี่เธอคงคิดว่าเนยมาหาพี่ในห้องน้ำสินะ
ถึงทำหน้าท่าทางอย่างนั้นอ่ะ
นี่คิดว่าแฟนตัวเองจะนอกใจตัวเองขนาดนั้นเลยเหรอ
ใช้ไม่ได้เลยนะ
ทำไมไม่ไว้ใจแฟนตัวเองเลยอ่ะ
อ๋อนี่อย่าบอกนะว่าเธอหึงพี่ที่พี่ไปแกล้งยั่วประสาทเธออย่างนั้นน่ะ..”
พี่มิเกลทั้งพูดยิ้ม
จนมาหัวเราะกับประโยคสุดท้ายที่เธอลองทายว่าฉันโมโหเพราะหึงที่เธอแกล้งไปยั่วพี่เนยนั้น
“นี่..เลิกคิดอย่างนั้นเหอะนะ
พี่แค่แกล้งเธอเฉยๆ..”
เธอหยุดพูดประโยคนี้แล้วปล่อยมือที่ปิดปากฉันไว้ออกมาจับแก้มฉันแทน
จนฉันสะดุ้งกึกกลายเป็นอึ้งตกใจค้างหน้าเหวอเข้าไปใหญ่
“มีอย่างที่ไหนล่ะ..มาเที่ยวแล้วแต่งตัวมิดชิดซะขนาดนั้น
ตัวเองก็มีของดีแท้ๆแต่ยังจะหวงเก็บเอาไว้คนเดียวอีก
นี่ถ้าพี่ไม่แกล้งยั่วประสาทเธอย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าเธอจะยอมถอดเสื้อคลุมตัวเองออกมั้ยนะนี่...ไม่รู้ตัวเหรอว่าเธอสวยและเซ็กซี่ขนาดไหนตอนที่เธอถอดเสื้อคลุมออกแล้วอยู่ในชุดอย่างนี้น่ะ..”
“ห๊ะ..”
ฉันคิ้วขมวดทันทีที่ได้ยินประโยคแปลกๆที่ออกมาจากปากเธอ..
“พี่น่ะเข้าใจความรู้สึกเนยแล้วล่ะ
ว่าทำไมเนยถึงหลงรักเธอหัวปรักหัวปรำได้ขนาดนี้
ก็เพราะว่าเธอก็มีของดีอยู่กับตัวอย่างนี้นี่เอง
เขาถึงไม่ยอมไปไหนจากเธอง่ายๆ
ไว้ใจแฟนเธอเถอะน่ะ
เค้าน่ะรักเธอมากเลยรู้มั้ย
ไม่มีทางที่เค้าจะนอกใจเธอหรอก
เลิกคิดเล็กคิดน้อยซักทีพี่ไม่อยากเห็นพวกเธอทะเลาะกันอีกแล้วรู้มั้ย
แล้วก็..รักกันให้นานๆด้วยนะ
อย่าให้เห็นว่ามีปัญหากันอีก
ไม่อย่างนั้นพี่เข้าแทรกอีกรอบแน่..”
พี่มิเกลทั้งพูดทั้งหัวเราะก่อนจะค่อยๆเลื่อนใบหน้ามามากระซิบกระซาบกับใบหูฉันใกล้ๆ...
“...แต่พี่ไม่รับปากนะ..ว่ารอบนี้พี่จะจีบใคร..”
เธอพูดประโยคนี้ด้วยเสียงเบาๆ
ก่อนจะยื่นริมฝีปากเข้ามามอบจุมพิตเล็กๆเข้าที่แก้มฉัน...
~~~..หือ..~~~
ฉันเหวอค้างอ้าปากหวอทันทีที่โดนพี่มิเกลขโมยหอมแก้มอย่างนั้น
ตอนนี้กลายเป็นฉันทั้งหน้าแดงแจ๋ทั้งตัวแข็งทำตัวเลิ่กๆลั่กๆ
ด้วยทั้งเขินทั้งงงที่อยู่ๆคนที่เหมือนจะมาแย่งแฟนตัวเองนั้น
กลับมาทำท่าเหมือนจะจีบตัวเองเสียเอง
กลายเป็นว่าตอนนี้ฉันยืนอึ้งจ้องหน้าพี่มิเกลด้วยความเหวอค้างทำอะไรต่อไม่เป็นอยู่นาน
จนพี่มิเกลหัวเราะแล้วรีบโน้มหน้ามาขโมยหอมแก้มฉันใหม่อีกรอบ..
“อึ้งอะไรอยู่อีกล่ะ
รีบๆออกไปก่อนสิ เดี๋ยวมีคนเห็นนะ
ไปเร็ว..”
เธอกระซิบกระซาบบอกฉัน
ก่อนจะรีบเปิดประตูออกแล้วดันฉันออกจากห้องไปก่อน
ตอนนี้พอฉันหันกลับไปมองกลายเป็นว่าพี่มิเกลปิดประตูห้องน้ำไว้เหมือนเดิมแล้ว
ความตกใจทำให้ฉันยืนอึ้งหายใจหอบอยู่หน้าห้องน้ำนั้นอยู่ครู่นึง
ก่อนจะหันไปสังเกตุเห็นว่าพวกผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้ากระจกกำลังชำเรืองมองฉันด้วยสายตาแปลกๆผ่านกระจกกันอยู่
จนฉันสะดุ้งตกใจต้องก้มหน้าหลบแล้วรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปทันที..
ฉันวิ่งกลับมาที่โต๊ะด้วยใบหน้าเหรอหราท่าทางเลิ่กลั่ก
ตอนนี้ที่โต๊ะมีแค่เพื่อนสาวทั้งสามของพี่เนย
แต่พี่เนยนั้นก็ยังไม่ทันกลับมาที่โต๊ะเหมือนเดิม..
“อ้าว
น้องกี้หายไปไหนมา
พวกพี่พากันหาอยู่”
พอพี่เก๋เห็นฉัน
เธอก็รีบถามฉันด้วยความเป็นห่วงทั้งกังวลพอๆกันกับเพื่อนทั้งสองของเธอ...
“เอ่อ..คือกี้
กี้ท้องเสียน่ะค่ะ
เลยรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำมา
ว่าจะรอพี่เนยในห้องน้ำ...แต่ๆ..ก็ไม่เห็นพี่เนยในห้องน้ำเลย
เลยๆ..คิดว่าพี่เนยกลับมาที่โต๊ะแล้ว
พี่เก๋เห็นพี่เนยมั้ยคะ..”
ฉันตอบพวกพี่เก๋ด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักตอนที่นึกถึงภาพที่ตัวเองไปเจอแค่พี่มิเกลในห้องน้ำ
ทั้งหันซ้ายหันขวาไปมาเพื่อมองหาพี่เนยด้วยความเป็นห่วง
แต่ก็ยังไม่เห็นเธออยู่ดี
นี่สรุปว่าเธอหายไปไหนกันแน่....
“เอ่อ..คือเดี๋ยวเนยก็คงมา
รออยู่นี่แป๊บหนึ่งแล้วกันกี้
นั่งรออยู่ที่โต๊ะกับพวกพี่ก่อนก็ได้..”
พี่เก๋ยิ้มตอบทั้งค่อยๆจับแขนฉันให้มานั่งรอที่เก้าอี้ดีๆ
ก่อนจะทำเป็นเอาแก้วไปเติมเหล้าให้ฉันดื่มไป...
23.55น.
ฉันยังคงนั่งดื่มรอพี่เนยอยู่ที่โต๊ะ
ตอนนี้หน้าเวทีเริ่มมีบรรดานักร้องนักดนตรีของผับออกมายืนพูดคุยและเตรียมเข้าการนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่กัน
ฉันก้มลงมองเวลาในโทรศัพท์ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีก็จะเที่ยงคืนแล้ว
ทั้งๆที่พี่เนยเคยอ้างหนึ่งในเหตุผลที่เธออยากให้ฉันมาเที่ยวในครั้งนี้ว่า
เธอต้องการจะเคาน์ดาวน์กับฉันแท้ๆ
แต่เมื่อใกล้จะถึงเวลาจริงๆเธอกลับหายตัวไป
ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งหงุดหงิด
กลายเป็นหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆตัวเพื่อหาพี่เนยแล้วก็ไปเจอยัยพี่มิเกลนั่งหันหลังชำเรืองมาทางฉัน
แล้วพอเธอเห็นฉัน
เธอก็รีบหันมายิ้มกรุ้มกริ่มพร้อมๆกับทำท่าส่งจูบผ่านฝ่ามือที่เธอแผ่ออกมาโปรยจูบให้ฉัน
จนฉันสะดุ้งต้องรีบหันกลับมานั่งนิ่งๆด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ
นึกกลัวว่าจะมีใครผ่านมาเห็นกิริยาท่าทางหมาหยอกไก่ของพี่มิเกลครู่นี้เข้า..
...เย็นไว้กี้ๆ
เขาแค่หยอกเราเล่นเฉยๆ
ไม่มีอะไร อย่าไปคิดมากสิ
เย็นไว้ๆ โอ้ย..เมื่อไหร่พี่เนยจะมานี่
ให้ตายเถอะ..ฉันไม่ชอบให้คนอื่นที่ไม่ใช่แฟนฉันมาทำท่าทางอะไรแบบนี้กับฉันเลย
ไม่ชอบๆๆ..
ฉันทั้งคิดทั้งสะบัดหัวด้วยความหงุดหงิดเมื่อคิดถึงหน้ายัยพี่มิเกลยามนั้นไป
..พี่เนยอยู่ไหน..รีบกลับมาสักทีสิ..กี้ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับกี้อย่างนี้เลย....
เสียงพิธีกรบนเวทีกำลังเริ่มต้นการนับถอยหลังสู่พุทธศักราชใหม่
จนทำให้ฉันต้องรีบตั้งสติมองไปบนเวทีพร้อมๆกับหันไปมองหาพี่เนยรอบๆอีกครั้งหนึ่ง
ด้วยหวังว่าเธอคงกำลังเดินกลับมาแล้ว
แต่ก็ไม่พบอะไรเลย
จนกระทั่งรู้สึกตัวว่ามีมือใครสักคนกำลังเอื้อมขึ้นมาปิดตาฉันไว้พร้อมๆกับที่พิธีกรและคนในผับกำลังเริ่มส่งเสียงนับถอยหลังพร้อมๆกัน...
..9
8 7 6 5 4 3 2 1..Happy New Year!!!
00.00
น.
สิ้นเสียงนับถอยหลัง
เสียงตูมตามของบรรดาพลุ
ประทัดและดอกไม้ไฟฉลองวันปีใหม่ก็ดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวก้องไปทั้งหูฉันทันที
แม้ตอนนี้ฉันจะมองไม่เห็นอะไรเนื่องจากโดนใครสักคนบังตาฉันเอาไว้
แต่ฉันก็รับรู้ได้ว่าเบื้องหน้าฉันตอนนี้ต้องมีอะไรเกิดขึ้นสักอย่างแน่นอน...
แล้วก็เป็นดังคาด
พอใครคนนั้นซึ่งฉันคิดว่าน่าจะเป็นพี่เก๋เปิดตาฉันออก
ภาพเบื้องหน้าก็แสดงให้เห็นบรรดาไฟเย็นหลากหลายสีที่พี่นุ่มนิ่มกับพี่นัตตี้ช่วยกันถือไว้
ตอนนี้มันกำลังฉายแสงสว่างสดใสเป็นสีแดงฟ้าเหลืองขาวเหมือนเหล่าดวงดาวกำลังพุ่งทะยานเป็นเส้นประดับประดาฉากหลังที่หญิงสาวสวยให้ชุดเดรสแหวกหน้าสีดำที่กำลังเดินถือกล่องกำมะหยี่สีดำใหญ่ๆอะไรสักกล่อง
เข้ามานั่งคุกเข่าต่อหน้าฉันใกล้ๆ...
“Happy
New Yearค่ะกี้
ขอบคุณที่มอบชีวิตใหม่
ให้พี่ได้เริ่มต้นในปีใหม่นี้นะคะ
พี่รักกี้ที่สุดเลยนะ..”
ตอนนี้พอเธอคุกเข่าพูดกับฉันเสร็จ
เธอก็บรรจงเปิดฝากล่องกัมมะหยี่สีดำนั้นขึ้นโชว์ให้ฉันเห็นของข้างในทันที....
...มันเป็นสร้อยสีเงินที่ออกแบบให้ตัวกึ่งกลางของเรือนเป็นสร้อยเส้นคู่ที่ประดับประดาด้วยอัญมณีสีขาวเม็ดเล็กเม็ดใหญ่สลับขนาดกันไปเรื่อยๆ
จนเป็นเม็ดใหญ่สุดที่ตรงกลาง
แสงสะท้อนแวววาววิบวับของอัญมนีสีขาวที่ฉันยืนมองจากตรงนี้ก็พอจะรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่พี่เนยกำลังถือในกล่องกำมะหยี่สีดำนั้น...มันคือสร้อยเพชรน้ำงามนั่นเอง...
ฉันยืนอึ้ง
ยกมือขึ้นปิดปากมองพี่เนยด้วยความตื่นตะลึง...อาการเบลอๆมึนๆของฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่สะสมค้างมาก่อนหน้านั้นกำลังทำให้ฉันร้องห่มร้องไห้ออกมาทันทีที่เห็นภาพพี่เนยนั่งคุกเข่าบอกรักต่อหน้าผู้คนจำนวนมากอย่างนี้
ตอนนี้ฉันรีบก้มตัวลงไปกอดและมอบจูบให้กับพี่เนยพร้อมๆกับการร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความดีใจจนควบคุมสติอารมณ์ไม่ได้
ที่เห็นว่าพี่เนยช่างน่ารักและเห็นความสำคัญของฉันขนาดไหน
ซึ่งฉันก็ไม่แน่ใจว่าไอ้อาการดีอกดีใจจนร้องไห้ฟูมฟายที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้...ส่วนหนึ่งจะมาจากอาการมึนเมาหรือเปล่า...
พี่เนยประครองร่างของฉันให้ลุกขึ้นยืนเดินเข้ามาที่โต๊ะ
ตอนนี้เมื่อเธอยืนอยู่ต่อหน้าฉันเธอก็พยายามใช้สองมือปัดรวบปลายผมไปด้านหลังแล้วบรรจงสวมสร้อยเพชรและจัดแต่งให้อยู่ในตำแหน่งที่สวยงาม
ก่อนจะยกตัวขึ้นหอมหน้าผากแล้วโผซบลงสวมกอดฉันไว้
“กี้นึกว่าพี่เนยหายไปไหนมา..”
เป็นฉันที่ส่งเสียงสะอึกสะอื้นถามพี่เนยออกไปก่อน
ทั้งๆที่ยังไม่หายงอแงร้องไห้จากเมื่อครู่นี้ดี
“พี่กลับไปเอาสร้อยที่รถมา
พี่แอบซ่อนเอาไว้น่ะกลัวกี้เห็น
อยากให้กี้เซอร์ไพร์สทีเดียวเลย”
“กี้ไม่มีอะไรให้พี่เนยเลยอ่ะ
มีแต่พี่เนยที่ซื้อนั่นซื้อนี่ให้กี้ตลอด”
ยิ่งพูดฉันก็ยิ่งร้องไห้
“ไม่เป็นไรค่ะ
ความรักของกี้คือของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตพี่แล้วรู้มั้ย
แล้วนี่เราร้องไห้ทำไมนี่ฮึ
ทำไมงอแงอย่างนี้ล่ะ..”
พี่เนยทั้งพูดทั้งยิ้ม
เธอเอื้อมสองมือมาค่อยๆเช็ดน้ำตาให้ฉัน
“ก็กี้ดีใจที่เห็นว่าพี่เนยเห็นความสำคัญกับกี้ขนาดนี้นี่นา
แค่กี้เปิดตามาเจอว่าเป็นพี่เนยยืนอยู่ข้างหน้าน้ำตามันก็ไหลออกมาเองแล้ว..รู้มั้ย”
“โถ...จริงหรือนี่
แต่ก่อนไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลยอ่ะ
นี่จริงๆต้องบ่นให้พี่แล้วนะว่าซื้อนั่นซื้อนี้มาให้กี้ทำไม
นี่แสดงว่าเมาจริงๆใช่มั้ย
งั้นก็ดื่มเข้าไปเยอะๆเลยนะถ้ากี้เมาแล้วจะใจดีขนาดนี้น่ะ...”
เธอหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาป้อนใส่ปากให้ฉันดื่ม
ทั้งพูดทั้งยิ้มแลดูมีความสุขที่ได้เห็นน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มใจของคนที่เธอรัก
เหมือนมันบ่งบอกว่าสิ่งที่เธอเซอร์ไพรส์ฉันนั้นมันประสบความสำเร็จสักเพียงไหน
กลายเป็นว่ายิ่งเธอเห็นฉันร้องไห้เธอก็ยิ่งดีใจยิ่งยิ้มแก้มปริ
เธอทั้งหัวเราะด้วยความเอ็นดูฉัน
ทั้งเช็ดหน้าเช็ดตาให้ฉันไป...
“เอ๊ะ
แก้มกี้ไปโดนอะไรมาอ่ะ
เป็นรอยแเดงๆเหมือนลิปสติกเลย..”
ฉันสะดุ้งตกใจทันทีที่ได้ยินเสียงพี่เนยเอ่ยถามด้วยความสงสัย
หลังจากที่เธอพยายามเช็ดรอยน้ำตาบนหน้าฉันออกแล้วไปเจอเข้ากับร่องรอยบางอย่างที่ฉันก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่า
มันน่าจะเป็นรอยลิปสติกของพี่มิเกลตอนนั้นนั่นเอง
“เอ่อ..รอยพี่..เอ่อ
พี่เนยหอมกี้หรือเปล่า
รอยลิปพี่เนยมั้ง..”
“จริงเหรอ
เอ..พี่หอมกี้ด้วยเหรอ
เหมือนจะจูบอย่างเดียว เอ๊ะ
หรือหอมด้วยหว่า..เอ
แต่จำได้ว่าตอนที่หอมก็ไม่ได้ลงปากหนัก
มันก็ไม่มีรอยลิปนะตอนนั้น...”
พี่เนยทำเสียงงงๆตอนที่เธอกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความสงสัย
เมื่อนึกย้อนกลับคืนไปว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างฉันกับเธอบ้าง
“เอ่อๆ
ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงเป็นรอยลิปสติกของกี้เองมั้ง
คงเป็นกี้ที่เผลอเช็ดปากแล้วลิปมันเลอะไปโดนแก้มอ่ะพี่เนย
กี้คงไม่ได้ระวังตัว
ไม่มีอะไรหรอก..”
ฉันรีบผละออกมาจากพี่เนย
ก่อนจะรีบค้นหาตลับแป้งพับในกระเป๋าออกมาเปิดส่องกระจก
...ตายแล้ว
มันเป็นรอยลิปสติกจริงๆด้วย...
ฉันรีบเอามือมาถูๆรอยสีแดงที่แก้มออกก่อนจะหันมายิ้มแหยๆมองพี่เนยที่ตอนนี้ก็ยังทำหน้างงๆมองฉันด้วยความสงสัยไม่เลิกอีก...
“รอยลิปสติกกี้นี้ล่ะ
ไม่มีอะไรแล้วล่ะ
ดูสินี่หน้ากี้มีแต่รอยน้ำตาไม่สวยสมพี่เนยแล้วเห็นมั้ย
ไม่ได้ๆต้องรีบแมคอัพเพิ่มสักหน่อย”
ฉันรีบพูดเปลี่ยนเรื่อง
ทั้งหยิบพับขึ้นมาแกล้งทำเป็นโปะแป้งกลบเกลื่อนร่องรอยน้ำตาที่ไหลนองหน้าก่อนหน้านั้นไปด้วย
พี่เนยยิ้มเธอยื่นมือมาหยิบพับจากฉันเพื่อที่จะโปะแป้งให้
ตอนนี้ด้วยอารมณ์ประทับใจที่พี่เนยได้เซอร์ไพรส์ก่อนหน้านั้นยังไม่หมดหายไป
แล้วพอยิ่งได้พี่เนยคอยดูแลเอาใจใส่ในทุกๆรายละเอียดของฉันอย่างนี้อีกแล้ว
ฉันก็ยิ่งซาบซึ้งใจเข้าไปใหญ่
กลายเป็นเผลอตัวโน้มหน้าเข้าไปมอบจูบDeepkissให้พี่เนยด้วยความเสน่หาท่ามกลางเสียงโห่ร้องของผู้ชายแถวๆนั้นยังดังขึ้นตลอด
จริงๆก็ดังตั้งแต่ตอนที่พี่เนยคุกเข่ามอบสร้อยให้กับฉันแล้ว
แต่ตอนนั้นพวกฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร
ด้วยความซาบซึ้งใจที่มีต่อกันมากมายเลยทำให้เราคิดเพียงว่าตอนนั้นโลกทั้งโลกมีเพียงแค่เราสองคนเท่านั้น
ซึ่งตอนนี้ก็เช่นเดียวกัน
แม้เสียงแซวเสียงโห่ของพวกผู้ชายโต๊ะข้างๆจะดังมาเป็นแบล๊คกราวน์แต่มันก็ไม่ได้รบกวนอารมณ์รักอารมณ์โรแมนติกของเราเลยแม้แต่น้อย
ฉันยังคงมอบจูบให้พี่เนยด้วยความซาบซึ้งใจเช่นเคย
จนกระทั่งเป็นพี่เนยเองที่พยายามผละออกแล้วมานั่งแต่งหน้าและจัดผมดูแลส่วนต่างๆของร่างกายฉันให้เพอร์เฟคอีกครั้งหนึ่ง...
“สวยแล้วค่ะ...”
เธอหยิกแก้มฉันเบาๆก่อนจะหันไปหยิบแก้วเครื่องดื่มหันไปชนดื่มเพื่อขอบคุณเพื่อนๆของเธอที่ร่วมทำให้แผนการเซอร์ไพรส์ฉันนั้นสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ฉันก็หันไปยิ้มขอบคุณพวกพี่ๆทั้งสาม
ก่อนจะหันไปสำรวจบรรยากาศคึกครื้นรอบตัวเมื่อยามที่พวกเขาเคาน์ดาวน์กันเสร็จแล้วไป...
ตอนนี้นักท่องเที่ยวทุกคนต่างยิ้มแย้มสนุกสนาน
พวกเขาพากันดื่มพากันเต้นรำด้วยความสุขเกือบๆจะทุกโต๊ะยกเว้นแค่โต๊ะ...พี่มิเกลเท่านั้น..
ฉันสะดุดกึ๊กทันทีที่มองผ่านสายตายิ้มแย้มแจ่มใสของบรรดานักท่องเที่ยวคนอื่นๆแล้วมาเจอสายตาเศร้าๆของพี่มิเกลที่หันชำเรืองมามองที่โต๊ะเราก่อนหน้านั้น
เธอเศร้าแม้กระทั่งตอนนี้ที่เธอเห็นว่าฉันหันไปมองเธอตรงๆด้วยความตกใจและเป็นห่วงแล้วก็ตาม
ฉันเห็นเธอจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาอย่างนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจแล้วส่งยิ้มให้กับฉันแทน....
แล้วพอเธอส่งยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความเศร้านั้นเสร็จ
เธอก็ยกมือขึ้นมาทำท่าโอเคแล้วโบกมือบ้ายบาย
ก่อนหยิบแก้วเหล้าของเธอทำท่ายกขึ้นชนฉันในอากาศ
แล้วดื่มมันไปจนหมดแก้วพร้อมๆกับรอยยิ้มเศร้าๆของเธอ...
ฉันยิ้มรับพี่มิเกลนิดหนึ่งก่อนจะหันกลับมากอดพี่เนยต่อ
แต่ด้วยความเป็นห่วงเธอทำให้ฉันต้องแอบหันกลับไปมองที่โต๊ะพี่มิเกลอีกไม่นานหลังจากนั้น
กลายเป็นว่าข้างๆเธอตอนนี้มีผู้หญิงท่าทางเหมือนจะสวยคนหนึ่งเดินเข้ามากระซิบกระซาบอะไรอยู่ข้างๆเธอแล้ว
ฉันเห็นพี่มิเกลยิ้มหวานโน้มตัวเข้าไปกอดเอวผู้หญิงคนนั้นไว้
ก่อนจะทำท่ากระซิบกระซาบคุยตอบผู้หญิงคนนั้นด้วยท่าทางสนิทสนมและถึงเนื้อถึงตัวกัน
จนบางทีก็มองเห็นเหมือนพวกเขากำลังจะจูบกันเสียด้วยซ้ำ
ซึ่งพอฉันเห็นพี่มิเกลทำท่าเหมือนจะจูบผู้หญิงคนนั้น
ฉันก็ตกใจรีบหันกลับมาหยิบแก้วเหล้าขึ้นดื่มด้วยความงงทันทีที่คิดได้ว่า...
...อย่าบอกนะว่านั่นเด็กใหม่เธอ..โห..ให้ตายเถอะไวไฟชมัด
จำได้ว่าตั้งแต่เธอเดินเข้ามานั่งในนี้ฉันยังไม่เห็นผู้หญิงคนนี้เดินมาหาเธอเลย
นี่อย่าบอกนะว่าพึ่งคุยกันเมื่อกี๊นี้ก็สปาร์คกันแล้วอ่ะ..เหลือเชื่อเลย..
ฉันทั้งดื่มทั้งขมวดคิ้วทำหน้างงๆสงสัยอยู่นาน
จนกระทั่งพี่เนยหันมาเจอแล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่าฉันเป็นอะไร
แม้ใจใจจะไม่อยากทำตัวอะไรให้พี่เนยสงสัย
แต่มาคิดๆดูแล้วฉันกับพี่มิเกลก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่หน่า
เธอก็แค่แกล้งหอมแก้มฉันเล่นๆเหมือนหมาหยอกไก่เฉยๆ
แล้วมิหนำซ้ำตอนนี้เธอก็ทำท่าเหมือนจะมีเด็กใหม่แล้วด้วย
ซึ่งมันก็น่าแปลกตรงที่ว่าทำไมเธอเปลี่ยนใจได้ไวขนาดนั้น..หรือเธอเป็นคนเจ้าชู้อย่างนั้นหรือ...ความที่ฉันเคยเห็นแต่คนรักเดียวใจเดียวอย่างพี่เนยและพี่พลอยมันก็เลยทำให้ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าผู้หญิงคนที่แกล้งยั่ว
แกล้งหยอกฉันก่อนหน้านั้นเป็นคนยังไงกันแน่
จนต้องถามพี่เนยออกไป..
“พี่เนย..พี่มิเกลนี่เจ้าชู้มั้ย..”
“ฮืม
ถามทำไม..”
พี่เนยถามฉันคืนแล้วเหล่หันหลังไปมองพี่มิเกลที่โต๊ะ
เธอหัวเราะทันทีที่เห็นภาพพี่มิเกลกำลังโน้มตัวลงมาสวมกอดผู้หญิงคนนั้นแล้วทำท่าเหมือนกำลังกระซิบกระซาบคุยกันกระหนุงกระหนิงอยู่
ก็เลยเข้าใจคำถามของฉันที่ถามไปเมื่อครู่นี้...
“อ๋อ..ก็นิดหน่อยล่ะมั้ง
เห็นนางเคยบอกว่านางฮอตอ่ะ
มีแต่คนมาชอบ ก็ธรรมดาล่ะเนอะนางสวยนี่
นางก็เฟรนด์ลี่อ่ะก็คงคุยๆด้วยหมด
ก็ดีแล้วล่ะให้นางชอบคนอื่นไปเหอะนางจะได้เลิกเศร้าเลิกคิดถึงเรื่องเก่าๆ
กี้ก็จะได้เลิกคิดมากซักทีไง”
ฉันพยักหน้ารับพี่เนยก่อนจะหันไปแอบมองยัยพี่มิเกลที่กำลังสวมกอดผู้หญิงคนนั้น
ทั้งก้มหน้าลงมากระซิบกระซาบจนบางครั้งก็มองดูเหมือนว่าหล่อนกำลังหอมผู้หญิงคนนั้นอยู่
อืม..ก็อย่างที่พี่เนยบอกนั่นล่ะ
ก็ดีแล้วล่ะให้หล่อนคุยกับคนนั้นคนนี้ของหล่อนไปเหอะ
คนเจ้าชู้ประตูดินอย่างนั้น..อย่าไปใส่ใจอะไรกับหล่อนมากนักเลย
บางทีหล่อนก็อาจจะแกล้งหยอกฉันเล่นไปตามประสาเฉยๆ
ฉันทั้งคิดทั้งจ้องมองไปที่พี่มิเกล
จนเห็นเธอละออกมาจากใบหน้าผู้หญิงคนนั้นแล้วหันมาเห็นฉันเข้า
ตอนนี้พอเธอสบเข้ากับสายตาฉัน
แม่เจ้าประคุณก็รีบเปลี่ยนสีหน้าที่หล่อนทำเป็นเก๊กสวยคุยกับผู้หญิงก่อนหน้านั้น
กลายเป็นยักคิ้วยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วแอบทำท่าจือปากส่งจูบมาให้ฉันอีก
จนฉันสะดุ้งตกใจรีบหันกลับมาหาพี่เนยทันที
ดีที่พี่เนยกำลังนั่งหันไปยกแก้วเหล้าชนกับพี่เก๋ข้างๆอยู่
เธอเลยไม่เห็นอาการเจ้าชู้ประตูดินที่พี่มิเกลทำไปเมื่อครู่นี้...
..โอ้ย...อีฝรั่งผีบ้า..ตกใจหมดเลย..
..ผู้หญิงบ้าอะไรกวนประสาทคนชมัด..
ทั้งๆที่เมื่อกี้ก็ทำท่าเหมือนจะยอมแพ้ยกธงขาวแล้วแท้ๆแต่ไหงกลับมาทำท่ากระริ้มกระเรี่ยกวนโอ้ยฉันอย่างนั้นอีกล่ะนี่
หรือเธอคิดว่าฉันสนใจเธอที่เห็นฉันหันไปมองเธอบ่อยอย่างนี้เธอก็เลยทำท่าทางยั่วยวนฉันอย่างนั้นอีก
นี่ตกลงเธอเป็นคนดีหรือคนบ้ายังไงกันแน่ยัยพี่มิเกล
ฉันชักจะเดาใจเธอไม่ถูกแล้วนะ
แล้วนี่ทำไมฉันต้องมาเจอแต่ผู้หญิงบ้าๆประสาทๆอย่างนี้ตลอดเลยวะกี้..ฉันทั้งคิดทั้งขมวดคิ้ว
ก่อนจะรีบยกแก้วแอลกอฮอลล์เบื้องหน้าขึ้นมาดื่มแก้เซ็งไป
จนพี่เนยหันมาเจอฉันแล้วชวนให้ลุกขึ้นเต้น
ฉันจึงค่อยๆลุกขึ้นขยับส่วนต่างๆของร่างกายไปตามจังหวะพร้อมๆพี่เนย..
ตอนนี้พอฉันเริ่มขยับแข้งขยับขาเต้นอยู่ข้างๆพี่เนย
บรรดาสายตาของเพื่อนๆพี่เนยก็แอบเหล่มามองดูก่อนจะพากันหัวเราะคิกๆคักๆพากันหันไปแอบคุยอะไรกันมุบๆมิบๆ
พร้อมๆเสียงหัวเราะที่ลอยออกมาให้ฉันนึกสงสัยตลอด
แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
จนกระทั่งพี่เก๋ละจากเพื่อนสาวทั้งสองของเธอมาส่งยิ้มกรุ้มกริ่มทำทีเป็นทักฉัน...
“อ้าว..น้องกี้เต้นเป็นด้วยเหรอ
พี่นึกว่าเราเหนื่อย
ยืนบิดตัวเฉยๆ” พี่เก๋พูดไปยิ้มน้อยไป
เธอมองฉันอย่างขำๆก่อนจะทำเป็นจีบปากจีบคอพูดต่อ..
“เต้นแรงกว่านั้นก็ได้นะ
นี่พี่ก็ยืนเพ่งตั้งนานก็คิดอยู่ว่ากี้ทำอะไรด๊อกๆแด๊กๆ
ที่แท้ก็หัดเต้นนี่เอง..”
พูดเสร็จเธอก็ทำเป็นเอามือมาปิดปากแล้วหันไปขำคิกๆคักๆกับพี่นุ่มนิ่มและพี่แนทตี้ต่อ
ฉันตาขวางทันทีที่ได้ยินยัยพี่เก๋พูดกระแนะกระแหนฉันอย่างนั้น
ตอนนี้ความมึนๆเบลอๆกำลังทำให้ฉันบังคับสติอารมณ์และการแสดงออกอะไรไม่ค่อยจะได้แล้ว
“แล้วต้องทำยังไงถึงจะเรียกว่าเต้นล่ะคะ
ช่วยเต้นให้กี้ดูได้มั้ยคะถ้าอย่างนั้น..”
ฉันสะแหยะยิ้มเอียงคอถามพี่เก๋คืนทันที
ตอนนี้เสียงสูงๆฟังดูประชดประชันของฉันกำลังทำให้พี่เนยรีบเอื้อมมือมาจับมือฉันไว้เพื่อหวังให้ฉันสงบสติอารมณ์ลงไปได้บ้าง
“อ้าว..ไม่รู้เหรอ
ทำไมไม่ถามเนยล่ะ เนยน่ะยิ่งเต้นสวยนะ
ยิ่งเห็นสาวๆสวยๆเนยยิ่งชอบเต้นยั่ว..”
“ห๊ะ!!??”
ฉันรีบหันขวับมาตีแขนพี่เนยทันทีที่ได้ยินพี่เก๋พูด
“จริงเหรอ??!!”
“โอ้ย
เก๋มันพูดหยอกเฉยๆ
ระดับพี่นี่นะจะเต้นยั่วใคร
มีแต่คนมายั่วพี่มากกว่า”
“นั่น!!??”
ฉันรีบตบแผละไปที่แขนพี่เนยอีกเหมือนเดิม
“..ก็ไม่ได้ต่างอะไรกันเลยอ่ะ”
ฉันจิกตาจ้องเขม็งด้วยความงอนพี่เนยค้างอยู่นาน
จนยัยพี่เก๋สะกิดข้างเรียกฉัน
“โน้น
อยากเห็นคนเต้นสวยมั้ย
นั่นคนนั่นไงที่เต้นสวย..ขนาดเนยยังชอบเลย”
พี่เก๋ทั้งพูดทั้งชี้นิ้วชี้ชวนฉันให้หันไปมองตามทิศทางของปลายนิ้วเธอ
ก่อนจะไปพบว่าเจ้าของคำชมเต้นสวยนั่นก็คือ..
..พี่มิเกล..
ตอนนี้พี่มิเกลกำลังเต้นขนาบข้างผู้หญิงสวยๆคนนั้นที่โต๊ะของเธออยู่
ซึ่งมองดูก็ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษมากมาย
แต่ทำไมฉันมองท่าทางการเคลื่อนไหวขึ้นลงตามจังหวะเพลงที่เธอค่อยๆโอนเอนส่วนเว้าโค้งของสรีระร่างกายไปทางผู้หญิงคนนั้นทางซ้ายทีและขวาที
ด้วยจังหวะการเคลื่อนที่ที่ไม่ได้เร็วเกินไป
มองดูช้าๆเนิบๆแต่กลับให้ความรู้สึกว่าจังหวะและการเคลื่อนย้ายส่วนต่างๆของร่างกายของเธอนั้น..ช่างงดงามและเซ็กซี่เหลือเกิน..
ยิ่งมองเวลาที่ปลายผมหยักศกสีน้ำตาลดำพริ้วสบัดตอนที่เธอโยกหัวไหล่ขึ้นลงไปมาช้าๆ
ตอนที่เธอยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาโอบกอดต้นคอของหญิงสาวอีกคนนั้นไว้ด้วยแล้ว
ก็ยิ่งรู้สึกถึงความดึงดูดมหาศาลจนคนระแวกนั้นต้องเหลียวมองดูเธอหมด
จริงๆมันก็ดึงดูดให้น่ามองมาตั้งแต่ผิวขาวๆนวลเนียนที่กำลังโดนแสงสปอร์ตไลท์ฉายส่องขับความขาวประกายที่โผล่พ้นชุดเดรสของเธอออกมาให้เห็น
ไม่ว่าจะเป็นเนินหน้าอก
แผ่นหลัง
หรือลำคอขาวๆจนกระทั่งถึงใบหน้างามโดดเด่นนั่นแล้วล่ะ
นี่ถ้าฉันมองโดยตัดความอคติที่มีอยู่ในตัวเธอก่อนหน้านั้นออกไป
ก็ต้องยอมรับอย่างเสียไม่ได้ว่า.....
...เธอคนนี้เกิดมาเพื่อฆ่าฉันจริงๆ...
...ยิ่งมองฉันก็ยิ่งคอตก
ได้แต่หันหลังกลับมาทิ้งตัวกอดเอวหัวซบหน้าอกพี่เนยไว้ด้วยความเศร้า...
“..พี่เนยชอบอย่างนั้นเหรอ..”
แค่ถามฉันก็รู้สึกทันทีว่าฉันกำลังจะร้องไห้แล้ว
“ใช่สินะ..ก็พี่มิเกลเขาสวยนี่นา
เขาทำอะไรยังไงมันก็ต้องสวยอยู่แล้วนี่
กี้รู้ตัวอยู่หรอกว่ากี้สวยไม่สู้เขา
ทำอะไรก็ไม่สู้เขา
ขนาดเพื่อนพี่เนยเองเขาก็ยังไม่ค่อยชอบกี้
เขายังเชียร์พี่เนยให้ชอบพี่มิเกลเลยใช่มั้ย..”
“หืม..ทำไมคิดอย่างนั้นเล่า..ถ้าพี่ชอบเขาพี่ไม่ยอมอยู่กับกี้อย่างนี้หรอกนะ
กี้ก็รู้นี่ ไม่มีใครบังคับใจพี่ได้สักคน
คิดมากจัง
นี่อย่าบอกนะว่าแค่โดนเพื่อนพี่แซวแค่นั้นก็น้อยใจแล้ว
เขาแค่แกล้งแซวกี้แค่นั้นเองอ่ะ..เด็กโง่”
“เขาไม่ได้แกล้งหรอกกี้รู้ว่าพี่เขาพูดความจริงกัน
ก็กี้เต้นไม่สวยเต้นไม่เซ็กซี่เท่าพี่มิเกลนี่นา
กี้นี่แย่จริงๆเลยไม่มีอะไรเหมาะสมกับพี่เนยสักอย่าง..”
ฉันพูดตัดพ้อต่อว่าด้วยน้ำเสียงสุดแสนจะน้อยใจ
ตอนนี้ฉันรู้สึกเซ็งและเศร้าเกินกว่าที่จะทนอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว
ได้แต่บ่นพึมพัมชวนพี่เนยกลับบ้านไป...
“อะไรอ่ะ
กลับได้ไงยังเที่ยวไม่เท่าไหร่เลย
อย่านอยด์ได้มั้ย
มานี่มาพี่จะพากี้เต้นเอง
เดี๋ยวจะเต้นให้กี้ดูก็ได้
กี้จะได้เต้นตามพี่ถูกไง..”
พี่เนยประครองหน้าฉันออกจากหน้าอกเธอก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วกอดร่างของฉันให้มายืนอยู่เบื้องหน้า
ตอนนี้พอฉันยืนตัวตรงต่อหน้าพี่เนยได้
พี่เนยก็ค่อยๆขยับร่างกายด้านข้างของเธอเข้ามาชิดฉัน
ก่อนจะค่อยๆโยกลำตัวบิดไปมาเป็นเส้นคดโค้งเหมือนลายเส้นพู่กันที่จิตกรจีนกำลังตวัดปลายวาด
เธอค่อยๆโชว์ส่วนโค้งร่างกายที่มีความพริ้วไหวเป็นคลื่นโค้งสลับจากซ้ายไปขวาแลดูอ่อนช้อยและงดงามปานเกลียวคลื่นทะเลยามลมอ่อนๆเป็นตัวอย่างให้ฉันเห็น
จนฉันไม่อาจจะละสายตาจากเรือนร่างของพี่เนยไปไหนได้
ได้แต่ยืนตะลึงมองพี่เนยพร้อมๆกับความคิดที่ว่า..
..กี้เอ้ยกี้..ทำไมแกเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาที่สุดอย่างนี้วะ..
ดูเถิดแม้แต่จริตทางสายตาของพี่เนย
ที่แค่เธอมองฉันด้วยปลายหางตาแต่กลับให้ความดึงดูดลึกลับที่ฉันมองแล้วแทบอยากจะกลืนกินพี่เนยลงไปเสียให้ได้
พี่เนยค่อยๆขยับส่วนเว้าๆโค้งๆของร่างกายเธอ
ที่ไม่ว่าจะเป็นหัวไหล่
หน้าอก สะโพก
เข้ามาใกล้และเบียดชิดจนให้ความรู้สึกนุ่มๆนิ่มๆทันทีที่ผิวกายเนียนๆเหล่านั้นกำลังเคลื่อนผ่านสัมผัสผิวกายของฉันขึ้นลงช้าๆ
..โอ..สัมผัสอ่อนช้อยเนียนนุ่มที่พี่เนยกำลังยั่วเย้าฉันอยู่นี่
กำลังทำให้ฉันเริ่มหลงเคลิ้มจนอดใจไม่ไหว
กลายเป็นเผลอสวมกอดพี่เนยและก้มลงหอมตามเส้นผมของเธอตอนที่เธอหันแผ่นหลังและค่อยๆโยกเรือนร่างรูปตัวSของเธอผ่านด้านหน้าของฉันลงไปเรื่อยๆๆอย่างนั้นเข้าจนได้..ซึ่งพอฉันรู้สึกตัวอีกทีก็กลายเป็นว่าฉันกำลังเคลื่อนไหวร่างกายเป็นจังหวะไปตามพี่เนย
ทั้งโยกส่วนต่างๆของร่างกายด้วยลีลาและท่าทางถอดแบบพี่เนยมาแทบจะทั้งสิ้น..
...แล้วพอฉันเริ่มเต้นตามสเต็ปพี่เนยได้
ก็กลายเป็นว่าฉันเป็นฝ่ายเข้าไปเต้นยั่วพี่เนยเองเสียแล้ว...
ตอนนี้พวกพี่เก๋และเพื่อนสาวทั้งสองคนของเธอต่างหันมามองดูฉันเต้นเป็นตาเดียวกัน
พวกเขาพากันฮือฮาและทำท่าประหลาดใจ
ด้วยคงไม่คิดว่าอยู่ๆฉันที่เหมือนจะเป็นเด็กเนิร์ดจะกลายเป็นเรียนรู้ที่จะเต้นยั่วโดยถอดจริตจะกร้านของพี่เนยมาแบบเป๊ะๆอย่างนี้
….
“โอ้มายก๊อด
เต้นสวยจังเลยน้องกี้
อย่างนี้ค่อยสมกับเป็นแฟนเนยหน่อย..
มาๆเต้นสวยอย่างนี้มาเต้นด้วยกันเลย..เอ้าชนแก้ว...”
พี่เก๋ทำเป็นตื่นเต้นเอามือทาบอกเดินเข้ามาขนาบฉัน
เธอทั้งพูดไปยิ้มไปเหมือนเธอพอใจที่เห็นว่าฉันเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับพี่เนยและเพื่อนทั้งเรื่องการดื่มและการเต้นอย่างนี้
เธอเดินเข้ามาโอบเอวฉันก่อนจะยกแก้วเหล้าในมือขึ้นมาชนฉันแล้วดื่มพร้อมๆกับเพื่อนๆทั้งสองของเธอเหมือนเป็นการยอมรับให้ฉันเข้าก๊กเพื่อนเที่ยวของพี่เนยเสียที
หลังจากที่แอบแขวะและทำท่าฉันจะแบนฉันอยู่นาน..ตอนนี้พอพี่เนยเห็นท่าบรรดาเพื่อนๆของเธอยอมรับฉันได้
เธอก็หันมายกแก้วดื่มแล้วพากันส่งเสียงกรี๊ดวี๊ดว้ายจนบรรดาโต๊ะข้างๆเริ่มชำเรืองสายตาแปลกๆแลดูรำคาญๆมองมาทางเรา
แต่พวกเราก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรยังคงเต้นด้วยความรื่นเริงบันเทิงใจไปเรื่อยๆ...
02.00น.
บรรยากาศการเต้นรำของโต๊ะเรายังคงดำเนินไปอย่างสนุกสนาน
ฉันกับพี่เนยยังคงทั้งดื่มทั้งเต้นไปด้วยกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ตอนนี้เริ่มมีหลายโต๊ะเริ่มพากันเดินทางกันกลับบ้านแล้ว
มีโต๊ะที่รู้จักพี่เนยแวะเวียนมาทักทายและบอกลาพี่เนยที่โต๊ะอยู่เรื่อยๆจนกระทั่งถึงคิวของยัยพี่มิเกล..
ตอนนี้ยัยพี่มิเกลเดินโอบเอวผู้หญิงคนนั้นผ่านมากระซิบกระซาบบอกลาพี่เนยที่โต๊ะ
แล้วหันมายิ้มหวานทำหน้ากรุ้มกริ่มกวนอารมณ์ฉัน
ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามากระซิบกระซาบกับใบหูฉันใกล้ๆ....
“อย่าลืมที่บอกล่ะ
รักกันให้นานๆให้ได้แต่งงานกันเลยนะ
แล้วก็อย่าคิดมากเรื่องนั้นล่ะ
พี่แค่แกล้งเธอเฉยๆ
มันอดใจไม่ไหวอ่ะ
อยากทำตัวน่าแกล้งน่าหยอกอย่างนั้นทำไม
กี้อย่าโกรธพี่เลยนะ
อ้อลืมบอก..เรื่องของเราในห้องน้ำน่ะ
เก็บไว้เป็นความลับด้วยนะ
จุ๊บ...”
เธอทำทีเป็นยกมือข้างที่ถือกระเป๋าขึ้นมาบังปากของเธอและใบหน้าของฉันส่วนที่ติดกับปากของเธอไว้ก่อนจะโน้มหน้ามาขโมยหอมฉันอีกครั้งนึง
ตอนนี้พอฉันโดนขโมยหอมแก้มต่อหน้าต่อตาพี่เนยอย่างนี้ฉันก็ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่
กลายเป็นหน้าแดงแจ๋มองพี่มิเกลและพี่เนยสลับกันด้วยความอายแสนอาย
“จัสคิดดิ้งค่ะ
ฝรั่งเค้าทักทายและร่ำลากันอย่างนี้ล่ะค่ะซิส
อย่าคิดมากเลยนะคะ เนอะเนยเนอะ”
พี่มิเกลทำทีเป็นจีบปากจีบคอพูด
ก่อนจะหันไปโอบกอดพี่เนยและหอมแก้มบอกลาพี่เนยที่หัวเราะขำท่าทางตกใจของฉันก่อนหน้านั้น...
“บ้ายบายค่ะซิส
ไว้เจอกันอีกทีวันแต่งงานพวกยูทั้งสองคนแล้วกันนะ
เชิญพี่ด้วยนะ พี่อยากมาจริงๆ”
03.00น.
ฉันยังคงดื่มและเต้นด้วยความสนุกพร้อมๆกับพี่เนยและเพื่อนๆทั้งสามด้วยการเต้นย่อตัวส่ายคดโค้งไปมาตามจังหวะเพลงเด๊นซ์เบสหนักๆที่ดีเจกำลังเปิดแผ่น
ณ ตอนนี้
แม้จังหวะเพลงจะมีเปลี่ยนเป็นช้าบ้างเร็วบ้างแต่ฉันก็สามารถโยกย้ายส่ายลำตัวทั้งช่วงบนช่วงล่างไปมาให้เข้ากับจังหวะเพลงได้
มือที่ถือแก้วก็เทียวยกดื่มยกชูสูงขึ้นเหนือหัวก่อนจะค่อยๆโยกสรีระร่างกายให้ขยับสับส่ายขึ้นลงไปมาเป็นเส้นโค้งคดงอ
อวดอ้างสัดส่วนเรือนร่างที่โค้งเว้าตั้งแต่เนินหน้าอก
สะโพก รวมถึงก้นกลมกลึง
จนทุกสายๆตาระแวกนั้นเริ่มหันมามองที่โต๊ะเราเป็นตาเดียวกันทันที...
ตอนนี้พวกผู้ชายไม่ว่าจะเป็นโต๊ะข้างๆหรือโต๊ะระแวกนั้นก็เริ่มหันมายิ้มกรุ้มกริ่มมองมาที่โต๊ะเรา
บางคนก็เดินจากโต๊ะมาขอชนแก้วกับพวกเราด้วย
โดยเฉพาะกับฉัน
ความมึนๆงงๆของฉันกำลังทำให้ฉันเริ่มยิ้มหวานตาเยิ้ม
ดื่มตอบรับให้กับผู้ชายคนทุกคนที่เข้ามาชนแก้วดื่มด้วย
จนพี่เนยเริ่มดึงแขนฉันไว้...
“กี้..พอได้แล้ว
ไม่จำเป็นต้องไปดื่มตอบเขาทุกคนก็ได้
แค่ยกแก้วตอบรับเขาพอเป็นมารยาทก็พอ..”
พี่เนยคิ้วขมวดจ้องเขม็งมองมาที่ฉัน
เธอพยายามดึงแก้วออกจากมือฉันแต่ก็โดนฉันแย่งคืนมาได้
“อะไรเล่า
ก็เขาอุตสาห์มาทัก
พี่เนยไม่ยินเหรอเขาบอกว่ากี้สวย
น่ารัก เต้นสวยก็สวย เขาชอบ
เขาขอเป็นแฟนคลับอ่ะ
แฟนคลับเรา..เราก็ต้องเอาใจเขาป่ะ
จะไปปฏิเสธให้เขาเสียน้ำใจทำไมนี่..”
ฉันทั้งพูดทั้งยิ้มหวานตาเยิ้ม
มือไม้ก็โบกปัดไปมาในอากาศแสดงท่าทางอารมณ์ดีแบบไม่มีสาเหตุตอนที่พูดกับพี่เนยไป..
พี่เนยคิ้วขมวด
“ห๊ะ??!!
มันก็แค่พูดเอาใจกี้เฉยๆ
ผู้ชายพวกนี้หื่นจะตาย
ไว้ใจได้ที่ไหนกัน
กี้ไม่เคยมากี้ไม่รู้หรอก
นี่ถ้าไม่มีพี่อยู่ด้วย
ป่านนี้กี้โดนมอมเหล้าโดนหลอกพาไปข่มขืนแล้วมั้งนี่”
“พูดเป็นเล่นไป
ใครจะมาทำอะไรกี้ได้ถ้ากี้ไม่ยอม
ก็มีแต่พี่เนยคนเดียวเท่านั้นล่ะที่หลอกทำอย่างนั้นกับกี้ได้..ตัวเองร้ายกว่าคนอื่น
ยังจะมาพูดให้ตัวเองดูดีอีก..ชิ!!
” ฉันยกนิ้วชี้จิ้มจึกๆไปที่หน้าผากพี่เนย
ทั้งส่งสายตามองค้อนตอนที่พูดถึงความหลังครั้งนั้น
“..หวงเค้าไม่อยากให้ใครเข้าใกล้เค้าก็บอกเค้าดีๆซี้
พูดขู่กันอย่างนี้ไม่น่ารักเลยอ่ะ
ไหนลองพูดหวานๆกับภรรยาสิคะ..ซะมี..”ฉันทั้งพูดทั้งเลื่อนมือทั้งสองลงมาหยิกแก้มพี่เนยด้วยความหมั่นไส้
ทั้งพูดเสียงเล็กเสียงน้อยออกเสียงคำว่า
“สามี” ทีเล่นทีจริงไป
ด้วยเพราะอยากให้เธออารมณ์ดีเหมือนฉันในตอนนี้บ้าง
“กี้
โอ้ย..เมาหนักแล้วนะเนี่ย”
พี่เนยแก้มยืด
เธอทั้งพูดทั้งพยายามจับมือเรียกสติฉัน
แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเพราะตอนนี้ฉันกำลังหลงระเริงกับเสียงดนตรีจังหวะใหม่ที่กำลังดังเรียกให้ฉันรีบออกไปเคลื่อนย้ายร่างกายตามท่าทางที่พี่เก๋กำลังเต้นอยู่กับเพื่อนสาวของเธอทั้งสองคนแล้ว
ตอนนี้พอเราทั้งสี่คนเต้นด้วยกันก็กลายเป็นว่าโต๊ะเรากลายเป็นเป้าสายตาของทุกๆคนในระแวกนั้นทันที
โดยที่พวกผู้ชายก็จะมองเราด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
ส่วนผู้หญิงก็จะมองด้วยความหมั่นไส้
เหมือนๆกับโต๊ะพี่กระเทยสวยสามสี่คนข้างๆโต๊ะเรา
ที่แอบเหล่จิกตามองเราตั้งแต่เราเดินเข้ามาตอนแรกๆ
จนกระทั่งตอนนี้
พวกหล่อนก็ยังมองเราด้วยสายตาจิกกัดเหมือนเดิม
แต่ดูจะเพิ่มเติมตรงความหมั่นไส้ที่เห็นเราเด่นกว่ามากขึ้นเท่านั้น..
กลายเป็นว่าตอนนี้หนึ่งในกลุ่มนั้นเดินเข้ามาเต้นใกล้ๆพี่เก๋
แล้วแกล้งเต้นชนพี่เก๋แรงๆจนพี่เก๋เซจะล้ม
จนฉันเห็นเข้ารีบเดินเข้าไปขนาบข้างพี่เก๋แล้วรีบถามพี่เก๋ด้วยความเป็นห่วงทันที...
“ไม่เป็นไรกี้
สงสัยเขาแค่เมาเลยเต้นแรงไปหน่อย
อย่าไปใส่ใจเขาเลยเดี๋ยวไม่สนุก”
พี่เก๋ยื่นมือมาตบไหล่ฉันแสดงท่าทางขอบใจที่เป็นห่วงเธอก่อนจะหันไปเต้นกับเพลงที่ดีเจกำลังเปิดต่อ
เมื่อเห็นว่าพี่เก๋ไม่ได้คิดมากอะไรกับเรื่องตรงหน้าแล้ว
ฉันก็เดินกลับมายืนเต้นใกล้ๆกับพี่เนย
แต่ใช่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดจะจบลงแค่ตรงนั้น
เพราะหลังจากที่ฉันเดินละออกมาจากตรงที่พี่เก๋และเพื่อนๆอีกสองคนเต้นซึ่งก็อยู่ใกล้ๆกับโต๊ะพี่กระเทยนั้นแล้ว
กลายเป็นว่าพวกแก๊งค์กระเทยแกงค์นั้นพากันสลับผลัดเปลี่ยนกันมาเต้นแข่งพี่เก๋และพวกๆเพื่อเรียกร้องความสนใจจากพวกผู้ชายระแวกนั้นบ้าง
จนบางครั้งพวกเขาก็ออกอาการเต้นแรงเวอร์แบบไม่เกรงใจพวกเราเลย
จนกระทั่งมือไม้หรือส่วนต่างๆของร่างกายพวกเขามาโดนพี่เก๋และพวกจนเซจะล้มแล้วไม่มีการขอโทษใดๆเกิดขึ้น
หลายต่อหลายครั้งเข้าจนฉันที่มองดูตลอดเริ่มโมโหแทนจนเผลอสบถด่าออกมาจนพี่เนยได้ยินเข้า...
“กระเทยพวกนั้นจงใจเต้นเบียดพวกพี่เก๋อ่ะ
แม่งกวนตีนว่ะ มันเห็นว่าพี่เก๋เต้นสู้ไม่ได้
มันก็เต้นแรงซะพี่เก๋เซเลย
ฮึย..อย่างนี้ต้องเจอของจริงจะได้รู้ว่าใครเป็นใคร..”
พี่เนยงง
เธอรีบถามฉันด้วยความตกใจทันทีที่ได้ยินฉันพูดจาประหลาดๆอย่างนั้นออกมา...
“ห๊ะ
อะไร ใครคือของจริง กี้เหรอ”
ฉันพยักหน้ารับทันทีที่ได้ยินเธอถามกลับ
“เออใช่!!??
กี้นี่ล่ะ
ของจริง เต้นเบาๆสวยๆอย่างนั้นสู้กระเทยพวกนั้นไม่ได้หรอก
มันต้องอย่างกี้นี่”ฉันสะบัดผมตัวเอง
ทำเป็นผงาดอกโชว์พลังก่อนจะจ้องเขม็งไปที่หน้าเหวอๆของพี่เนยต่อที่พยายามเอื้อมมือมาดึงฉันต่อ...
“เฮ้ย
นั่นกระเทยนะกี้
เค้าก็เท่ากับเป็นผู้ชายนะ
จะไปเต้นแข่งเขากวนตีนเขา
เดี๋ยวเค้านึกโมโหแล้วตบกี้ขึ้นมากี้จะสู้ได้เหรอ”
“แล้วไง
ใครแคร์ พี่เนยก็อยู่ข้างๆกี้อยู่นี่
หรือพี่เนยจะไม่ช่วย
แค่นี้กลัวเหรอ
ป๊อดว่ะ..”ฉันสะบัดมือพี่เนยออก
แล้วจ้องเขม็งใบหน้าเหวอๆของเธอคืน
ก่อนจะเดินฉับๆไปหาพวกพี่เก๋
ตอนนี้พี่เก๋กำลังโดนเต้นเบียดอยู่เหมือนเดิม
และเหมือนเดิมคือยัยพี่กระเทยพวกนั้นก็พากันเต้นเบอร์แรงออกเสต็ปส่ายซ้ายส่ายขวาชนิดที่ว่าคนแถวนั้นพากันแหวกพื้นที่ยกฟอร์เด๊นซ์ให้กลุ่มพี่กระเทยพวกนั้นเต้นไปกลุ่มเดียวเลย...
กลายเป็นว่าตอนนี้ระแวกนั้นมีเพียงกลุ่มพี่กระเทยสวยกับกลุ่มโต๊ะฉันที่ยังเต้นแข่งกันอยู่ไม่ยอมหลบให้ง่ายๆ
โดยที่ตอนนี้โต๊ะฉันมีพี่เก๋เป็นแกนนำพาเต้นปะทะกับกลุ่มพี่กระเทยที่มีแกนนำเป็นกระเทยหน้าตาคล้ายๆบีย่อนเซ่...
คุณพี่บียอนเซ่นั้นนอกจากจะมีหน้าตาและรูปร่างที่ละม้ายคล้ายกับบียอนเซ่แล้ว
ยังมีสเต๊ปการเต้นที่ถอดแบบบียอนเซ่มาเป๊ะๆอีก
ฉันยืนอึ้งมองดูพี่เก๋เต้นเบาๆตามสไตล์ผู้หญิงเต้นแล้วก็นึกกลัวว่าจะเสียเปรียบสู้กลุ่มพี่บียอนเซ่นั้นไม่ได้
ตอนนี้ฉันเลยเดินตรงปรี่เข้าไปดึงแขนพี่เก๋ออกจากข้างกายยัยพี่กระเทยคนนั้นทันที..
“พี่เก๋มานี่...เดี๋ยวกี้จัดการให้พี่เก๋เอง”
พี่เก๋คิ้วขมวดทำหน้างงๆก่อนจะปล่อยให้ฉันเดินแทรกตัวเข้าไปแทนที่ระหว่างพี่เก๋และพี่บียอนเซ่คนนั้น
ตอนนี้พอฉันได้ไปยืนอยู่ใกล้ๆหล่อน
หล่อนก็รีบออกสเต๊ปท์ควีนบีด้วยการส่ายสะโพกสุดแรงใส่ฉันทันที
จนฉันกระเด้งหงายเงิบเซออกไปหาที่ที่พี่เก๋ยืนอยู่
จนพี่เก๋กับเพื่อนต้องช่วยกันประครองฉันไว้ไม่ให้ล้ม
ตอนนี้พอฉันตั้งสติได้
ฉันก็รีบยืนตัวตรงทำทีสะบัดผมเก๊กฟอร์มสวยก่อนจะเข้าไปประจันหน้ากับหล่อนใหม่อีกครั้งหนึ่งทันที..
แล้วเหมือนดีเจที่เปิดแผ่นจะรู้สถานการณ์ประจัญหน้าระหว่างนักท่องเที่ยวหญิงแท้และหญิงไม่แท้ทั้งสองกลุ่มตอนนี้อยู่ๆซาวน์เพลง
I
will Suviveก็ดังลอยมาเป็นแบล๊คกราวน์เอาใจคุณพี่บียอนเซ่ทันที....
**เพลงประกอบCTนี้จ้า**
ตอนนี้พอเนื้อร้องท่อนที่ว่า
At
first I was afraid I was petrified..
ดังขึ้นกลุ่มพี่กระเทยสวยทั้งหมดก็พากันกรี๊ดและแหวกวงให้คุณพี่บียอนเซ่คนนั้นลิปซิงค์ท่อนนั้นด้วยท่าถือไมค์สวยๆอลังการของหล่อนทันที..
ฉันคิ้วขมวดยืนอึ้งมองแก๊งค์คุณพี่นั้นกำลังเริงร่าด้วยท่าเต้น
Suviver
ของพวกเธอไป
ก่อนจะหันไปมองพี่เก๋กับเพื่อนๆทั้งสองรวมถึงพี่เนยที่ก็ยืนอึ้งมองดูว่าฉันจะเอาอะไรไปไฟรท์กับบรรดาพี่ๆบียอนเซ่แก๊งค์นั้นด้วย..
...อะไรวะ...ดีเจก็เป็นไปกับเขาด้วย
แหม..เปิดเพลงเอาใจพวกนางเชียวนะ
นี่คงนึกว่าหน้าตาใสๆแบ๊วๆอย่างฉันจะเต้นอะไรอย่างนั้นไม่ได้ล่ะสินะ...ชิ..ด้ายยย..เดี๋ยวพวกเธอจะได้เห็นดี...องค์แม่จะลงให้ดูเป็นขวัญตา...
ในขณะที่ฉันกำลังคิดหาทางเอาชนะบรรดาพี่แก๊งค์กระเทยสวยอยู่นั้น
พี่บียอนเซ่หัวหน้ากลุ่มก็ใช้สองมือแหวกไหว้ไปในอากาศโชว์สเต๊ปซ์ลิปซิงค์และท่าเต้นไขว่คว้าดาวกลางอากาศของเธอไป
มองดูแล้วก็ให้ความรู้สึกอย่างกับว่าเธอคือเจ้าของเพลงๆนี้เสียเอง
ตอนนี้บรรดากองเชียร์รอบข้างก็ต่างพากันตบมือและส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจกลุ่มพี่ๆบียอนเซ่กันใหญ่จนหล่อนได้ใจ
กลายเป็นยิ่งออกสเต๊ปเด๊นซ์เบอร์ใหญ่ข่มขวัญกำลังใจฉันเข้าไปอีก
แล้วพอบรรดากองเชียร์เห็นนางเต้นสวยเต้นเซ็กซี่ได้ใจขนาดนั้น
พวกเขาก็พากันจัดรางวัลให้พี่บียอนเซ่คนนั้นด้วยเครื่องดื่มแก้วเล็กๆที่มีของเหลวต่างสีเรียงซ้อนกันอยู่ประมาณสามสีในแก้วนั้นให้ทันที...
...ฉันเพ่งมองที่แก้วของเหลวแก้วเล็กๆแก้วนั้นที่ปากแก้วมันเหมือนจะมีเปลวไฟด้วย..
...ฮืม??!!...ทำไมมันมีไฟด้วยล่ะ
แม้จะงงและสงสัยแต่ฉันก็ไม่ได้แสดงท่าทางแปลกใจอะไรออกไปเลย
ทำได้แค่ยืนเก๊กกอดอกมองดูยัยพี่บียอนเซ่รับแก้วนั้นมาพร้อมๆกับเสียงเชียร์ที่ว่า
“ดื่มเลยๆๆๆ”
ดังเป็นแบล๊คกราวน์ไปพร้อมๆกับเพลง
I
will Suvive
พี่บียอนเซ่รับแก้วมามองด้วยสายตาเกร็งๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหลับตาปรี๋ยกแก้วกระดกเข้าปากทั้งหมด
ซึ่งพอหล่อนดื่มเสร็จบรรดากองเชียร์ของหล่อนก็พากันเฮ..และปรบมือให้หล่อนทันที
ตอนนี้พอพี่บียอนเซ่ดื่มหมดเธอก็ทำท่าแอ่นอกยกมือทั้งสองผายขึ้นไปในอากาศพร้อมๆกับลิปซิงค์ท่อนเพลงที่ดังมาว่า
I
will Suvive..hey hey ทันที
เมื่อเห็นดังนั้นฉันก็ไม่รอช้าที่จะหากำลังใจต่อสู้กับหล่อน
ฉันหันมาหยิบขวดเหล้าแล้วรินเหล้าเพรียวๆลงไปจนเกือบจะเต็มแก้วแล้วกระดกเข้าปากทั้งหมด
ก่อนจะหันมาคว้าเอวพี่เนยเข้ามากอดและมอบจูบDeepkiss
เพื่อขอกำลังใจจากคนที่ฉันรักที่สุด
พี่เนยงงเธออ้ำๆอึ้งๆตอนที่โดนฉันคว้าตัวไปจูบต่อหน้าวงล้อมคนมากมายอย่างนั้น
แต่เธอก็ไม่ว่าอะไร
ทำได้แค่ประครองวงหน้าของฉันออกมาจ้องแล้วบดขยี้จูบตอบอีกรอบก่อนจะปล่อยให้ฉันไป..
ตอนนี้ความหึกเหิมลำพองใจของฉันกลับมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว...
ฉันสะบัดปลายผมเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปกลางฟอร์ยืนอยู่ต่อหน้าพี่บียอนเซ่อีกครั้งหนึ่ง
ตอนนี้เมื่อหล่อนเห็นว่าฉันเข้ามา
หล่อนก็ยกสองมือขึ้นเหนือหัวแล้วโชว์ลีลาโยกส่ายตัวลงเป็นตัวรูปตัว
Sท้าทายฉันทันที
ฉันก็ไม่น้อยหน้า
พอเห็นท่าโยกตัวสะบัดเต็มแรงอย่างนั้นของหล่อน
ฉันก็รีบยกสองแขนทำท่าทางตามเธอบ้าง
แต่รอบนี้ฉันใส่จริตจะกร้านที่ฉันจำได้ทั้งจากที่พี่มิเกลเต้นและพี่เนยเต้นยั่วฉันลงไปด้วย
ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าท่าเต้นของฉันนั้นกลายเป็นท่าอ่อยสุดฤทธิ์
ที่ทั้งลีลาและท่าทางหรือแม้แต่สายตายั่วยวนต่างๆ
ฉันตั้งใจเลียนแบบพี่เนยและพี่มิเกลมาทุกกระเบียบนิ้วเลยทีเดียว...
...แล้วเหมือนจะได้ผล
พอกองเชียร์ผู้ชายเห็นฉันเต้นอย่างนั้นก็กลายเป็นเปลี่ยนพรรคหันมายืนออส่งเสียงเชียร์ฉันทางนี้แทนทันที
จนยัยพี่บียอนเซ่หันมาจิกตามองเขม่นหมั่นไส้ฉันและเริ่มคิดหาทางเอาชนะฉันต่อ...
ตอนนี้หล่อนหันไปเก็บบรรดาเครื่องดื่มออกจากโต๊ะหล่อนออกให้หมด
แล้วกลายเป็นย้ายตัวปีนป่ายขึ้นไปยืนเต้นบนโต๊ะแทน
ฉันก็ไม่ยอมแพ้เมื่อเห็นยัยพี่บียอนเซ่ทำอย่างนั้น
ฉันก็หันไปเก็บข้าวของออกจากโต๊ะตัวเองเหมือนกัน
ตอนนี้พอโต๊ะว่างแล้วฉันก็รีบปีนป่ายขึ้นไปยืนวาดลวดลายเต้นแข่งยัยพี่คนนั้นต่อบนโต๊ะทันที
บรรดากองเชียร์คงเห็นถึงความพยายามของฉัน
ตอนนี้กลายเป็นว่าผู้ชายส่วนใหญ่หันมาร้องเชียร์ฉันที่โต๊ะเกือบทั้งหมด
และพอพวกเค้าเห็นฉันเต้นสวยและเซ็กซี่ไม่แพ้พี่คนนั้นแล้ว
พวกเค้าก็ไม่ลืมที่จะตบรางวัลด้วยเครื่องดื่มชนิดเดียวกันกับที่ยัยพี่บียอนเซ่นั่นดื่ม
ตอนนี้เมื่อกองเชียร์ส่งมันมาให้ฉันถือกับมือตัวเองแล้ว
ฉันจึงเห็นว่าบรรดาของเหลวที่เรียงต่อกันนั้นมันมีด้วยกันสามสีโดยที่ชั้นบนสุดเป็นสีฟ้าออกเขียวๆชั้นกลางเป็นสีเหลืองและชั้นล่างสุดเป็นสีน้ำตาล...
..สวยจังเลยอ่ะ..ฉันคิดตอนที่ยกมันขึ้นมาดูใกล้ๆ
แล้วเห็นสีฟ้าของเปลวไฟที่กำลังลุกติดอยู่ปากแก้ว
ตอนนี้เสียงโห่เชียร์ของกองเชียร์ด้านล่างกำลังส่งเสียงเชียร์บอกให้ฉัน
“ดื่มเลยๆๆๆ”
เช่นเดียวกันกับที่พวกเขาเชียร์พี่กระเทยคนนั้น
ซึ่งพอฉันจะยกมันเข้าปากตามเสียงเชียร์
สายตาฉันก็เหลือบไปเห็นพี่เนยกำลังยกมือห้ามและร้องบอกกับฉันว่า
“กี้!!!..อย่าดื่มนะ!!!”
ทันที.....แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
เพราะตอนนี้ฉันกลั้นใจยกมันกระดกดื่มกลืนลงคอไปตามห้วงความคิดที่ว่า...ถ้ายัยพี่บียอนเซ่คนนั้นดื่มได้
ฉันก็ดื่มได้สิ...
พอฉันดื่มหมดบรรดากองเชียร์ก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดโห่ร้องกันเข้าไปใหญ่
ซึ่งแตกต่างจากพี่เนยที่เอามือกุมขมับคิ้วขมวดทำหน้าซีเรียสทันทีที่เห็นอย่างนั้น
ตอนนี้ความรู้สึกแสบร้อนคอลงไปจนถึงกระเพาะกำลังทำให้ฉันเริ่มพะอืดพะอม
จนเริ่มจะยืนนิ่งๆไม่ไหวต้องพยายามเต้นโยกกลบเกลื่อนอาการประหลาดๆที่กำลังก่อตัวขึ้นมากับร่างกายฉัน
ฉันเต้นโยกไปทางซ้ายทีและขวาทีเพราะตอนนี้เริ่มรู้สึกเหมือนหูตัวเองกำลังอื้อๆดังซ่าๆกลบเสียงเพลงข้างนอกตลอดเวลา
มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าน้ำในหูตัวเองมันมีไม่เท่ากันยังไงไม่รู้
เช่นเดียวกันกับตาของฉันที่เริ่มเบลอลงเรื่อยๆ
จนฉันต้องลองมองเช็คสายตาตัวเองไปรอบๆ
จนไปพบว่าตอนนี้ยัยพี่กระเทยกำลังเปลี่ยนแผนเรียกร้องความสนใจจากกองเชียร์ใหม่ด้วยการถอดเกาะอกที่หล่อนใส่อยู่ออก
เหลือเพียงแต่บราเล็กๆที่ทำหน้าที่ห่อหุ้มประคับประครองทรวงอกของหล่อนไว้
ท่ามกลางเสียงกรี๊ดและวี๊ดว๊ายพอใจของบรรดากองเชียร์ที่เห็นยัยพี่คนนั้นลงทุนถอดเกาะอกออกเต้นแข่งกับฉัน
...แล้วพอเห็นยัยพี่กระเทยคนนั้นกล้าทำอย่างนั้นได้
กลายเป็นว่ากองเชียร์พวกนั้นก็หันมาเชียร์ให้ฉันถอดตามบ้างเช่นเดียวกัน...
“ถอดเลยๆๆๆๆๆ....”
...ตอนนี้ความรู้สึกมึนๆเบลอๆกำลังเหยียบสติสัมปชัญญะทุกอย่างของฉันไว้
ฉันรู้สึกว่าฉันคิดอะไรไม่ออกเลย
แม้จะพยายามขนาดไหนก็ตาม
ฉันดูเบลอๆงงๆกับทุกๆสิ่งทุกๆอย่างๆที่กำลังเกิดขึ้นรอบๆตัวฉันตอนนี้เสียจริง...
เอ..เหมือนฉันกำลังอยู่ในห้วงแห่งความฝัน
ความฝันที่ฉันกำลังโดนทุกคนส่งเสียงสั่งให้ฉันถอดเกาะอกของฉันออกตามพี่คนนั้นบ้าง
เสียงคำสั่งพวกนั้นดังเข้ามาในโสตประสาทหูที่กำลังอื้อๆและตาที่กำลังเบลอลงเรื่อยๆของฉัน
จนฉันไม่สามารถควบคุมความคิดอะไรตัวเองได้เลย
รู้แค่ว่ามือของฉันกำลังเอื้อมขึ้นมาปลดเกาะอกของตัวเองออกจริงๆตามเสียงเชียร์ที่ได้ยินแล้ว..
ตอนนี้แสงสว่างจ้าๆแลดูเบลอๆเป็นภาพสลับกับแสงวิบวับกำลังวิ่งผ่านม่านตาของฉัน
ตอนที่ฉันกำลังจะปล่อยมือจากเกาะอกที่ปลดออกแล้วออก
ความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะวูบดับคล้ายๆกับว่าตัวเองกำลังตกจากที่สูงลงสู่พื้นอะไรสักอย่างที่นุ่มๆ
ทำให้ฉันพยายามหยีตาตัวเองดูอีกครั้งก่อนจะพบว่าภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นนั้นคือ...ภาพพี่เนยกำลังเอื้อมสองแขนดึงฉันให้ตกลงจากโต๊ะตัวนั้นสู่อ้อมกอดของเธอ....
...แล้วจากนั้น..ภาพทุกอย่างก็กลายเป็นดับวูบเหมือนปิดสวิซท์ไฟไปเลยทันที...