วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558


Girlfriend

Chapter 11


สงครามและความฝัน

แม้อาการกังวลใจของเมื่อวานจะทำให้ฉันคิดมากจนนอนไม่หลับทั้งคืนแต่วันนี้ฉันก็พยายามปรับสีหน้าของตัวเองให้ดีขึ้นเมื่อเจอกับเอื้อย เพราะใจฉันแอบหวั่นๆกับคำขู่ของเอื้อยเข้าจริงๆซะแล้ว
เอื้อยนั้นแม้เวลาปกติเธอจะดูไม่มีพิษไม่มีภัย ช่างเอาใจและตามใจฉันทุกอย่างแล้ว แต่เมื่อเวลาที่เธอขรึมๆหรือทำหน้าซีเรียส ฉันก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวบางอย่างที่แฝงอยู่ดวงตาคู่นั้น มันบ่งบอกให้รู้ว่า ..ฉันไม่ควรทำให้เธอโกรธหรือเสียใจบ่อยๆ.. เพราะถ้าเธอร้ายขึ้นมา ฉันอาจจะไม่ได้เจอกับนางฟ้าที่แสนดีอีกต่อไป
ยิ่งเมื่อนึกถึงเรื่องที่อันพูดขู่ฉันเมื่อวานแล้วมันทำให้ฉันใจคอไม่ค่อยดีเพิ่มขึ้นอีก
เป็นปกติที่เมื่อเรารู้ว่ามีคู่แข่งที่ประกาศตัวว่าต้องการจะเอาของๆเราไปอย่างออกหน้าออกตาแล้ว มันก็ทำให้เราอยู่เฉยไม่ได้ เพราะนั่นเท่ากับว่า เค้าประกาศจะทำสงครามกับฉันอย่างโจ่งแจ้งแล้ว
แม้ฉันจะเอาแต่ปฏิเสธว่าฉันกับเอื้อยไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ลึกๆฉันก็พอจะรู้ว่าอันไม่ใช่คนโง่ที่จะมองอะไรไม่ออก ยิ่งเป็นหญิงรักหญิงด้วยกันแล้วเค้าคงจะมองสายตาของเราสองคนออกตั้งแต่วันแรกที่เราได้พบกับเค้าแล้ว
นั่นเป็นเหตุผลให้เมื่อคืนฉันตัดสินใจทำอะไรบางอย่างให้กับเอื้อย เพื่อเป็นการเอาใจและขอโทษเอื้อยไปในตัว
วันนี้เรามาถึงโรงเรียนเช้า เพื่อนๆยังไม่ทันได้เข้าห้อง เราสองคนเอากระเป๋าไปเก็บที่โต๊ะเรียนตามปกติ
เอื้อยนั้นเวลามาถึงโรงเรียนเธอมักจะนั่งเอาการบ้านของเธอขึ้นมาตรวจเช็คกับฉันก่อนเสมอ ครั้งแรกที่ฉันเห็นเธอขอดูการบ้านของฉัน ฉันแอบคิดในใจว่าเอื้อยคงไม่ทำการบ้านมาแน่ๆ ถึงจะมาขอการบ้านฉันไปดู แต่เปล่าเลยเธอกลับเอาการบ้านของฉันและของเธอมาเทียบดูคำตอบแต่ละข้อ เมื่อพบว่าข้อใดคำตอบไม่ตรงกันเธอก็จะถามหาวิธีการคิดว่าทำไมฉันถึงได้คำตอบอย่างนี้ ซึ่งส่วนมากแล้วคำตอบที่เอื้อยทำมานั้นก็มักจะตรงกับของฉัน
เวลาฉันแอบมองเอื้อยตรวจคำตอบการบ้านของเธอแล้วฉันมักจะแอบยิ้มเสมอ
นั่นคงเป็นเพราะว่าฉันภูมิใจที่เห็นเอื้อยเป็นทั้งคนเก่งและขยันขนาดนี้
วันนี้ก็เช่นเดียวกัน เอื้อยขอดูการบ้านฟิสิกส์ของฉัน
ในขณะที่เธอก้มๆเงยๆตรวจดูคำตอบอยู่นั้น ฉันก็ค่อยๆหยิบบางอย่างขึ้นมา แล้ววางแนบกับพื้นโต๊ะเลื่อนส่งมันไปที่หน้าโต๊ะเอื้อย
เอื้อย..เค้ามีอะไรจะให้..”
เอื้อยหันมามอง เธอยิ้มทันทีที่เห็น
ว้าว สวยจังไหนว่าไม่ชอบวาดรูปเหมือนไง ทำไมวาดได้ล่ะทีนี้” เอื้อยอุทานออกมาอย่างดีใจ ก่อนจะหยิบสิ่งๆนั้นขึ้นมาดูอย่างพินิจพิเคราะห์
สวยมากๆเลย..” เอื้อยทั้งยิ้มทั้งพูด

...ใช่เมื่อคืนฉันนั่งวาดภาพเหมือนของเอื้อย เพราะนึกย้อนไปถึงเมื่อวันที่ฉันรู้สึกประหลาดๆกับเอื้อยวันแรกนั้น ฉันจำได้ว่าเอื้อยอยากให้วาดภาพเหมือนให้ ..
จำได้ว่าอยากให้วาดให้ เมื่อคืนก็เลยนั่งวาดให้นี่ล่ะ”
นั่น แสดงว่าตอนนั้นโกหกเค้าใช่มั้ยว่าไม่ค่อยถนัดวาดอะ” เอื้อยย้อน
จริงๆแล้วก็ไม่ถนัดหรอกนะ ภาพเหมือนน่ะมันต้องก้มๆเงยๆวาด ต้องนั่งมองต้นฉบับแล้วก็ก้มลงไปวาดเรื่อยๆ เค้าไม่ค่อยชอบอย่างนั้นน่ะ คือเค้าชอบแบบนั่งวาดไปตามความคิดเลย” ฉันอธิบายให้เอื้อยฟัง เอื้อยก็พยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด
แต่ว่าภาพนี้น่ะ มันพิเศษกว่าภาพอื่นนะรู้มั้ย..” ฉันอมยิ้ม
พิเศษตรงไหน..” เอื้อยยิ้มอายๆเมื่อได้ยินคำว่า “พิเศษ”
ก็ภาพต้นฉบับมันอยู่ในหัวตลอดเวลาอยู่แล้วไง...ให้นั่งหลับตาวาดก็ยังวาดได้เลย”
แม้ฉันจะรู้สึกว่าเป็นคำพูดอะไรที่หวานๆเลี่ยนๆเกินไป แต่ทำยังไงได้ก็ตอนที่ฉันนั่งวาดนั้นฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
จะมีสักกี่คนที่เราสามารถมองเห็นภาพใบหน้าของเค้าได้ทุกๆเวลา จะด้วยตั้งใจก็ดีหรือไม่ตั้งใจก็ดีแต่ภาพๆนั้นจะผุดขึ้นในหัวสมองเสมอ
เอื้อยนั่งตาหวานอมยิ้ม เธอคงนึกขำเมื่อได้ยินประโยคหวานๆที่ฉันเอ่ยบอกไปเมื่อครู่
ปากหวานเหมือนกันนะเรา...ขอบคุณนะ จะไปอัดกรอบแขวนไว้ที่หัวเตียงเลย” เอื้อยพูดติดตลก
ฉันพยักหน้าแล้วยิ้มให้กับเอื้อยที่ตอนนี้เธอมองซ้ายมองขวาอย่างมีพิรุธก่อนที่จะใช้นิ้วชี้ของเธอจิ้มที่ปากของตัวเองแล้วยื่นนิ้วเดิมมาแตะที่ปากของฉันเบาๆ
ติดไว้ก่อนนะ เด๋วตอนเย็นให้” มันเป็นรหัสลับที่เอื้อยตั้งใจจะส่งให้ฉันและฉันก็สามารถรับรู้ถึงความหมายของคนส่งได้ในทันที
อือ..” ฉันยิ้มและยักคิ้วให้เอื้อยก่อนจะแอบก้มลงหน้าแดงเพราะได้ยินเสียงเพื่อนเดินเข้ามาในห้องแล้ว
วันนี้ตอนเที่ยงเราขึ้นห้องมาเร็วกว่าปกติ เนื่องจากว่าเอื้อยบอกว่า “เพื่อน” ที่ห้องเดิมมีธุระจะมาคุยด้วย
เรานั่งรออยู่ที่ห้อง เพราะเอื้อยบอกว่าเพื่อนจะมาหาเธอที่ห้องเอง
เมื่อพูดถึงเพื่อนห้องเดิมของเอื้อยแล้วฉันนึกถึงการคุยกันในสิ่งที่ฉันไม่รู้เรื่องด้วย แล้วมันคงเป็นอะไรที่เขินๆถ้าจะมานั่งฟังพวกเขาคุยกันไปด้วย
คิดได้เช่นนั้นฉันก็หยิบหูฟังขึ้นมาเสียบใส่โทรศัพท์นั่งฟังเพลงพร้อมๆกับนั่งก้มหน้าขีดๆเขียนๆรูปภาพไปตามประสาฉัน
ไม่นานฉันก็ได้ยินเสียงเพื่อนๆในห้องร้อง ว้าว เหมือนแซวอะไรสักอย่าง
ฉันเงยหน้าขึ้นมองที่มาของเสียง
เป็นอันที่เดินยิ้มถือตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ยักษ์มุ่งตรงมาที่โต๊ะเอื้อย
สำหรับเอื้อยนะ” เสียงอันดังทะลุเข้ามาให้หูฟังฉัน
ฉันคิ้วขมวดหันควับไปทางเอื้อยทันที
...เพื่อน.. ที่ว่านี้คืออันเหรอ..ทำไมไม่บอกว่าเป็นอัน..ปิดฉันทำไมนี่...
เอื้อยอ้าปากค้างหน้าเหวอหันมามองหน้าฉันประหนึ่งว่าเธอก็ตกใจในสิ่งที่เห็นเหมือนกัน
แต่ก็ยืนอึ้งอยู่ไม่นานเธอก็ตัดสินใจรับตุ๊กตาหมีตัวนั้นมา
ขอบใจนะ แต่ซื้อมาให้ทำไมนี่ ไม่ได้เป็นวันอะไรซักหน่อย”เอื้อยยิ้มถามด้วยความสงสัย
เค้าแค่อยากให้เอื้อยเฉยๆน่ะ เห็นตุ๊กตาตัวนี้แล้วก็นึกถึงเอื้อยขึ้นมาทันที คงเพราะเค้าคิดถึงเอื้อยตลอด”
..แหวะ..จะอ้วก... นี่คือความคิดของฉันทันทีที่ได้ยินคำพูดของอัน
...เป็นฉัน ฉันคงไม่ดีใจเท่าไหร่หรอกที่มองตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ยักษ์ตัวนี้แล้วนึกถึงฉัน..
เอื้อยยิ้มแหยๆ ก่อนจะหันมามองหน้าฉันที่ตอนนี้แกล้งทำเป็นหยิบมีดขึ้นมาเหลาดินสอดังแกร๊กๆอยู่ข้างๆ
พกมีดมาด้วยเหรอ คงเอาไว้เหลาดินสออย่างเดียวใช่มั้ย???” เสียงอันแกล้งแซวให้ฉันได้ยินแว่วๆ
อืมใช่ ถ้าคนดีมองโลกในแง่ดีก็ต้องคิดว่าเค้าพกมีดมาเหลาดินสอนี่ล่ะ” ฉันทำตาขวางตอบเหมือนคนไม่อยากคุยด้วย
ฮะฮะ มีคนมองโลกในแง่ร้ายแบบนั้นด้วยเหรอ” เสียงอันหัวเราะกลบเกลื่อน
น่าจะมีนะ ถ้าคนนั้นคิดไม่ดีกับคนอื่นอยู่แล้ว” ฉันเหล่ตามองมาที่อันนิดนึง
แล้วก็เพราะว่าคิดแต่จะทำร้ายคนอื่น พอเห็นมีดเล็กๆอันเดียวก็มโนว่าเค้าจะเอามาแทงตัวเองอย่างที่ตัวเองคิดจะทำอย่างนี้ไง” ฉันทำท่ายกมีดในมือขึ้นปัดไปปัดมา อันหน้าเหวอเซหนีเพราะกลัวโดนมีด
เจ้ย ทำอะไรอ่ะ เด๋วก็โดนเพื่อนเข้าจริงๆหรอก อันตรายนะนี่ทีหลังไม่ต้องเอามานะ พกกบเหลาดินสอมาดีกว่า” เอื้อยร้องห้ามมือรีบดึงแขนฉันไว้
ใช้กบเหลาดินสอเหลามันไม่ค่อยคมหรอก อีกอย่างเค้าพกไว้เผื่อว่ามีใครทำอันตรายเค้าหรือเพื่อนของเค้าก็จะได้ใช้มันได้ไง” ฉันพูดกับเอื้อยก็จริงแต่ตาฉันหันไปจ้องหน้าอันไม่วางตา
อันอึ้ง แต่ไม่นานก็ตั้งสติได้
หล่อนใช้มือเสยผมของหล่อนไปข้างหลังทำเป็นเท่ห์เหมือนทุกครั้งที่ทำ ก่อนจะยิ้มให้เอื้อย
เด๋วไงเค้ากับห้องก่อนนะ ตอนนี้คงไม่สะดวกคุย เด๋วว่างจะโทรหาก็แล้วกัน คง...ไม่ได้อยู่กับใครตลอดเวลาหรอกใช่มั้ย”
อันถามแล้วเหล่ตามามองที่ฉัน คงหมายความว่า ..ฉันนี่คงไม่ได้ไปอยู่กับเอื้อยตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืนหรอกใช่มั้ย... ฉันเบ้ปากใส่อันนิดนึงก่อนจะก้มลงขีดๆเขียนๆอะไรของฉันต่อไป
อืม เย็นๆค่อยโทรหาก็ได้ เค้าคงกลับถึงบ้านแล้วล่ะ” เอื้อยยิ้มก่อนจะยกมือบ้ายบายอัน พร้อมๆกับที่อันเดินล้วงกระเป๋ากางเกงพละทำเป็นเท่ห์เดินออกจากห้องไป
..โอ้ย ฉันเกลียดยัยคนนี้ซะจริงเชียว...
ตอนนี้ฉันระบายอารมณ์หงุดหงิดของฉันด้วยการนั่งก้มวาดๆอะไรก็ได้ที่ฉันนึกออกตอนนี้
เฮ้ย นี่นึกจะทำอะไรน่ะ” เสียงเอื้อยร้องขึ้นมาหลังจากที่มานั่งเพ่งมองภาพที่ฉันวาดเมื่อครู่นี่
ฉันสะดุ้งตกใจไม่คิดว่าเอื้อยจะเห็นไวขนาดนี้
นี่คิดจะมาเติมขอบตาเหมือนหมีแพนด้า เติมหนวด เติมเขาให้มันเหมือนในรูปนี้น่ะเหรอ”
เอื้อยจิ้มนิ้วลงมาที่รูปที่ฉันวาดซึ่งเป็นรูปตุ๊กตาหมีตัวนี้
แต่ฉันวาดเติมขอบตา วาดเติมหนวด วาดเติมเขา และเขียนเส้นขยุกขยิกๆน่าเกลียดลงไปบนตัวตุ๊กตาหมีตัวนั้นด้วยความหมั่นไส้
ไม่ได้..อย่ามาลงที่ตุ๊กตาสิ มันไม่ได้ผิดอะไรนะ”
ก็แค่ความคิดเฉยๆ เค้าก็ไม่ได้ว่าจะทำอะไรสักหน่อย”ฉันรีบเถียงคืนทันควัน
เอื้อยจ้องหน้าเหมือนไม่เชื่อ
วางไว้ตรงนั้นเด๋วก็โดนอาจารย์แซวหรอก เอามาวางลงตรงกลางโต๊ะเรานี่” ฉันทำท่าจะดึงตุ๊กตาหมึตัวนั้นที่ตอนนี้มันตั้งอยู่บนโต๊ะเอื้อยลงมาเพื่อวางไว้ตรงกลางระหว่างโต๊ะฉันกับเอื้อย
ไม่ๆ เอามาไว้ตรงนี้ก็ได้” เอื้อยหยิบลงมาวางไว้ข้างโต๊ะทางขวาที่ติดกับกำแพงห้อง
ฉันคิ้วขมวดจ้องหน้าเอื้อย ..อ๋อนี่หวงเหรอ แล้วภาพที่วาดให้เมื่อเช้านี่ไม่มีความหมายแล้วใช่มั้ย.. ฉันคิดในใจ
เออก็ดี จะได้รู้ว่าใครที่มันสำคัญกว่ากัน” ฉันพูดลอยๆด้วยความหงุดหงิด
นี่..เจ้ย..” เอื้อยเขยิบเข้ามาใกล้ฉันแล้วกระซิบกระซาบ
ถ้าไม่อยากให้ใครจับได้เรื่องของเราก็เลิกพูด แล้วก็เลิกทำอาการประหลาดๆอย่างนี้ได้แล้ว เค้าแค่ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธอันเฉยๆเข้าใจมั้ย” เอื้อยทำเสียงดุกระซิบมาที่หูของฉันเบาๆ ตาของเธอบ่งบอกว่าตอนนี้เธอกำลังเห็นทุกคนจ้องมองมาที่เราหมดแล้ว
ฉันคิ้วขมวดกลืนน้ำลายลงคอแสร้งหันกลับมาก้มหยิบหนังสือไว้เรียนต่อชั่วโมงต่อไปอย่างเสียไม่ได้
ทำยังไงได้ตอนนี้อารมณ์หึงหวงกำลังทำลายประสาทฉันอีกรอบนึงเสียแล้ว
แค่คิดว่าภาพที่ฉันตั้งใจวาดให้เอื้อยเมื่อคืนมันไม่สำคัญเท่ากับตุ๊กตาหมีตัวนั้นความรู้สึกน้อยใจก็ประเดประดังเข้ามาทันที
นี่แค่ศึกแรกยัยอันก็เรียกร้องความสนใจได้ขนาดนี้แล้ว ฉันนึกไม่ออกเลยว่าครั้งหน้ายัยอันจะมาอลังการแค่ไหนอีก
นี่ถ้าเอื้อยยอมเป็นของฉันได้ง่ายๆตั้งแต่วันนั้นก็คงดี จะได้เป็นข้อผูกมัดไม่ให้เอื้อยทิ้งฉันไปง่ายๆ
อ๋อ..มิน่าล่ะ ทำไมผู้ชายถึงชอบที่จะรวบหัวรวบหางผู้หญิงคนที่ตัวเองอยากได้ มันก็คงเป็นเพราะเหตุผลอย่างนี้กระมัง ฉันพึ่งเข้าใจ
….หรือฉันจะมัดมือชกเอื้อยดี..
..เฮ้ยไม่ได้นะ...ฉันสัญญากับเอื้อยไว้แล้วนี่นา.. แค่คิดฉันก็มีปฏิกิริยาคัดค้านด้วยอาการส่ายหน้าล่อกแล่กไปมาอยู่คนเดียวจนทำให้เอื้อยสะกิดที่เอวฉันเบาๆ จนฉันสะดุ้งและรีบหันมาหาเอื้อย
เป็นอะไร ส่ายหัวด๊อกแด๊กอยู่คนเดียว นอนไม่พอใช่มั้ย เด๋วอาจารย์ก็ดุเอาหรอก”
เอื้อยกระซิบเบาๆ ตาเธอจ้องมองมาที่ฉันด้วยความเป็นห่วงเป็นใยและไร้เดียงสาโดยที่ไม่รู้เลยว่าคนที่เธอเป็นห่วงนั้นแอบคิดไม่ดีกับเธอเข้าให้แล้ว
เปล่า ไม่มีอะไร” ฉันยิ้มให้เอื้อยนิดนึงก่อนที่จะพยายามหยุดความคิดฟุ้งซ่านแลัวหันหน้าไปทางกระดานพยามตั้งใจฟังอาจารย์สอนจนจบคาบบ่าย
ตอนเย็นวันนั้น
กรมาดักรอเอื้อยที่โรงรถในมือถือกระปุกอะไรสักอย่างมาด้วย
ทันทีที่เอื้อยเห็นกร เธอก็สะดุ้งเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้
..ก็แหงล่ะ ไปสัญญาว่าจะไปเป็นนักร้องวงเค้าให้จนวันนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเค้าก็คงจะมาทวงล่ะสิ...
เอื้อยทำท่าเหมือนจะเดินหลบ แต่ไม่ทันกรที่เหลือบมาเห็นเธอก่อนแล้วร้องเรียกชื่อเอื้อยซะเสียงดังจนคนแถวๆนั้นหันมาหมด
เอื้อยทำหน้าแหยๆ หันหน้ามามองฉันเหมือนเธอกำลังจะบอกว่า ..เอาไงดี..
อะไร ไหนบอกจะแก้แค้นคืนให้ไง ไหงเจอตัวเป็นๆแล้วจะเดินหนีซะเล่า” ฉันหัวเราะหึๆหลังจากเห็นท่าทางของเอื้อย
รู้แล้วน่า แค่ยังนึกแผนไม่ทันออกเฉยๆ” เอื้อยกระซิบกระซาบกับฉันเพราะเห็นว่ากรเริ่มวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาใกล้เธอแล้ว
พอกรเดินเข้ามาใกล้เค้าก็ยื่นกระปุกใสๆที่ตอนนี้มองเห็นแล้วว่าข้างในมันคือช็อคโกแลครูปหัวใจที่ห่อด้วยกระดาษฟลอยด์หลากหลายสีที่อัดแน่นเต็มกระปุกนั้น ตรงฝามีการ์ดอะไรเล็กๆแขวนไว้ด้วย
เราซื้อมาฝากเอื้อยน่ะ” กรยิ้มหน้าแดงตอนที่ยื่นมันมาให้เอื้อย
เอื้อยยิ้มแหยๆให้ฉัน ในมือเอื้อยตอนนี้ถือทั้งกระเป๋าและตุ๊กตาหมีที่อันให้
...คงไม่มีมือที่จะรับแล้วสินะ โธ่..ฮอตซะเหลือเกิน ตอนเช้าก็ชิ้นนึง เที่ยงก็ชิ้นนึง ตอนเย็นก็ชิ้นนึง น่าหมั่นไส้ชะมัด..
เอามานี่..เด๋วถือให้” ฉันหน้าบึ้งดึงตุ๊กตาหมีในมือเอื้อยมา แต่เอื้อยไม่ปล่อยคงกลัวว่าฉันจะแกล้งทำอะไรตุ๊กตาหมีตัวนี้อีก
ถือกระเป๋าให้ดีกว่า เด๋วคนให้เค้าจะรู้สึกไม่ดี” เอื้อยยื่นกระเป๋าส่งมาให้ฉันถือแทนแล้วรับกระปุกแก้วใสจากกรมาถือไว้อีก
เอื้อยครับ เราโทรหาไม่เห็นรับสายเลย ว่าจะโทรมาถามเรื่องที่เราคุยกันไว้ ” กรทั้งยิ้มไปพูดไป
พอดีไม่ค่อยว่างช่วงนี้..ตอนกรโทรมาเค้าติดสายกับเพื่อนอยู่..เพื่อนปัญหาเยอะอะ” เอื้อยยิ้มรีบแก้ตัว
ฉันคิ้วขมวด ...ไอ้คำว่า เพื่อนปัญหาเยอะ นี่หมายถึงฉันหรือเปล่า...
ก็เลยไม่ว่างโทรกลับเลยเหรอครับ” กรยิ้มแหยๆ
ใช่ๆ .. กว่าจะคุยกันลงตัวได้ก็ดึกทุกวัน ใช่มั้ยเจ้ย”เอื้อยรีบหันมาหาฉันดึงแขนฉันที่หันหน้าไปทางอื่นให้หันมาเออออกับเธอ
..อ้าว แล้วมาถามฉันทำไมเนี่ย ...
ฉันชี้นิ้วมาที่ตัวเอง...เฮ้ย..นี่ตกลงหมายถึงฉันจริงๆเหรอ...
เอื้อยทำตาปริบๆเป็นสัญญาณบอกให้ฉันออเออไปกลับเธอด้วย
เออใช่ ...พอดีช่วงนี้ปัญหาเยอะนิดหน่อย ขอโทษด้วยนะ” ฉันตอบไปอย่างเสียไม่ได้
อ๋อ งั้นไม่เป็นไร แล้วๆเรื่องที่เราตกลงกันไว้ล่ะครับเป็นไงบ้าง ตอนนี้เหลือเวลาแค่2อาทิตย์เอง เพื่อนในวงเค้ารอซ้อมแล้วนะครับ แล้วเมื่อวานเราก็ไปยื่นไปสมัครมาแล้วด้วย เอาชื่อเอื้อยเข้าวงแล้วด้วย”กรพูดน้ำเสียงเหมือนรบเร้าเอื้อย
เอื้อยคิ้วขมวดยืนอึ้ง เหมือนไม่รู้ว่าจะไปต่อยังไงดี
คือ..กร..เค้าว่าจะโทรไปบอกกรว่าเค้าจะไม่อยู่วงกับกรแล้วนะ”
กร อ้าปากค้างเมื่อได้ยิน
อ้าวทำไมล่ะครับ เราอุตสาห์คุยกันไว้แล้วนะ”
คือ..มีคนชวนเราไปอยู่ร้องอีกวงอ่ะ” เอื้อยทำเสียงตะกุกตะกัก
ใคร วงไหนอ่ะ เอื้อยครับ เราน่ะฟอร์มวงมาเพื่อประกวดงานนี้โดยเฉพาะนะ คือถ้าเอื้อยอยู่วงเรายังไงๆก็ชนะชัวร์อยู่แล้ว เอื้อยไม่ต้องอยู่วงอื่นหรอกนะ นะครับๆ” กรทำน้ำเสียงรบเร้า ยิ่งฟังยิ่งน่ารำคาญ
เอื้อยหันมามองหน้าฉัน เธอคงไม่รู้ว่าจะโกหกต่อไปยังไงดี
...นั่นไง ไปต่อไม่ได้แล้วล่ะสิ แหมพอตอนนั้นปากดีว่าจะจัดการให้ทีนี้ล่ะทำหน้าเจื่อนเชียว..

“..อยู่วงกับเรานี่ล่ะกร..เราจะเล่นกีตาร์แล้วให้เอื้อยร้องเพลงให้เรา” แล้วก็เป็นฉันเองที่ช่วยพูดตัดปัญหาขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
กรอึ้งอ้าปากค้าง พอๆกันกับเอื้อยที่หน้าเหวอรีบหันควับมาทางฉันทันที
เจ้ยเล่นกีตาร์เป็นด้วยเหรอ..” เอื้อยรีบกระซิบกระซาบถามฉัน น่าแปลกทั้งๆที่กรก็เคยชวนฉันมาเล่นกีตาร์ให้ในวงตั้งแต่ครั้งที่ชวนเอื้อยให้มาร้องเพลงให้แล้ว แต่เธอก็ยังจำไม่ได้อีก หรือเธอจะคิดว่ากรพูดแกล้งฉันเล่นๆ
ฉันยักคิ้วให้เอื้อยนิดนึง ..ประหลาดใจล่ะสิ..
ก็ เราก็ชวนเจ้ยมาอยู่กับเราแล้วนะ จะแยกกันออกไปอยู่สองคนทำไม ไม่อยากอยู่กับเราเหรอ”กรหน้าเสียไม่คิดว่าคนที่ชวนคนนั้นจะเป็นฉัน
คือเราฟอร์มวงผู้หญิงกันไว้กับเอื้อยสองคน เราว่าเราจะเล่นกีตาร์แล้วให้เอื้อยร้องเพลงให้” ฉันพูดเสียงเรียบๆ
ใช่ๆ เราจะร้องช่วยกัน” เอื้อยรีบพูดเสริม
เจ้ย นี่นะ...จะร้องช่วยเอื้อย” กรพูดเหมือนไม่เชื่อ
ไหนเจ้ยบอกว่าร้องเพลงไม่ค่อยเก่งไง..ตอนที่เราชวนเจ้ยครั้งนั้น” กรถามด้วยความสงสัย
เอื้อยหันมามองหน้าฉันที่ตอนนี้ทำหน้าอึกๆอักๆ เพราะกรจำคำพูดของฉันได้
เออน่า..คอยดูแล้วกัน” ฉันพูดตัดบทไป
ไม่ได้นะเอื้อย คือเราส่งชื่อเอื้อยไปสมัครแล้ว แล้วเพื่อนๆในวงก็เตรียมตัวหาเพลงที่คิดว่าเอื้อยจะร้องเพราะมาซ้อมเล่นกันไว้แล้ว แล้วทั้งในคลิปที่พวกเค้าใช้โปรโมทลงไปในเฟสอีกเราบอกเราไปหมดแล้วนะว่าเอื้อยจะมาอยู่วงด้วย ถ้าเอื้อยทำอย่างนี้ แล้วเราจะเตรียมตัวทันได้ยังไงเหลืออีกแค่สองอาทิตย์เอง” กรยังทำเสียงรนรานรบเร้าเอื้อยอยู่เหมือนเดิม
คือ...เค้าเสียใจจริงๆนะ เค้ารู้สึกผิดจริงๆ...เพื่อเป็นการขอโทษกรและเพื่อนๆในวง เค้าไม่ขอรับชอคโกแลคกระปุกนี้แล้วกัน เค้าคืนให้ กรเอาไปฝากให้เพื่อนๆในวงกินแทนแล้วกันนะ” เอื้อยรีบยื่นกระปุกแก้วอันนั้นคืนกร และรีบจูงมือฉันเดินหนีกร
อ่อ เกือบลืม..อย่าลืมไปเอาชื่อเค้าออกจากวงด้วยนะ เด๋วชื่อมันจะซ้ำซ้อนกันแล้วจะกลายเป็นโมฆะทั้งสองวง”เอื้อยนึกได้รีบหันมาบอกกร ก่อนจะรีบจูงมือฉันเดินหนีไปจากกร ทิ้งให้กรหน้าเหวอทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้ยินคำพูดของเอื้อย
เรารีบเดินหนีกรจนมาถึงรถ
สมน้ำหน้า ไงล่ะเจอสกัดดาวรุ่งเลย ทีนี้วุ่นวายน่าดูชมล่ะ” เอื้อยหยุดยืนพูดทั้งยิ้มทั้งหัวเราะหึๆเหมือนภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป
เอาไงล่ะทีนี้ ไปบอกเค้าว่าจะประกวดด้วย แล้วจะเอาไรไปประกวดล่ะ” ฉันทำเสียงสงสัย
อ้าว ก็เอาเราสองคนไงไปประกวด เล่นกีตาร์เป็นไม่ใช่เหรอ เจ้ยก็เล่นกีตาร์เค้าก็ร้องไง” เอื้อยยิ้ม
จะว่าไปแล้วก็ไม่เคยเห็นเจ้ยเล่นกีตาร์เลย..เล่นโชว์ให้เค้าดูหน่อยสิ” เอื้อยทำเสียงหวานๆอ้อน ในขณะที่ฉันแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เพราะไม่อยากมองท่าทางของคนขี้อ้อนกำลังทำอยู่นี้เลย
นะๆๆ อยากดูเจ้ยเล่นกีตาร์ ถ้าเล่นโอเคเราก็จะได้เลือกเพลงซ้อมเลยไง” เอื้อยทำท่ารบเร้าน้ำเสียงเว้าวอนยิ่งดูยิ่งน่ารัก จนฉันกลั้นยิ้มไว้ไม่ได้เช่นเคย
ก็ได้ๆ งั้นวันนี้ไปบ้านเค้ากันนะ”
เอื้อยพยักหน้ายิ้มรับ ก่อนที่เราจะออกเดินทางไปยังบ้านของฉันกัน
*************************************
เสียงไอแค๊กๆของเอื้อยดังออกมาตอนที่ฉันเอากีตาร์ออกมาปัดฝุ่นในตอนที่มาถึงห้อง
ไหงฝุ่นเยอะอย่างนี้ล่ะ แสดงว่าไม่ได้เล่นนานแล้วล่ะสิ จะไหวป่ะนี่” เสียงสงสัยของเอื้อยดังมาสลับกับเสียงไอ
ก็นานๆจะหยิบมาเล่นทีก็งี้แหละ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ เค้าน่ะขนาดกรยังอยากให้ไปอยู่วงด้วยเลย”ฉันยิ้มอย่างภูมิใจเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่กรเอ่ยปากชวนให้เค้าไปอยู่วงด้วย
ว้าว..นี่ถ้าไม่ได้โม้ ก็ถือว่าเป็นกำลังใจที่ดี ที่จะได้รู้ว่าเรามีสิทธิ์ที่จะชนะนะ” เอื้อยตาโตยิ้มกว้าง
ฮ้า คิดไปถึงเรื่องชนะเลยเหรอ แค่กรรมการให้เข้ารอบก็โอแล้วมั้ง” ฉันส่ายหน้าเพราะไม่คิดว่าจะไปแข่งขันจริงจังอย่างนั้น
ทำไมล่ะ เกิดเป็นคนต้องมีความหวังสิ ถ้าเราได้ทำอะไรแล้วเราก็ควรทำให้ถึงที่สุดใช่มั้ย เจ้ยจะมาเสียเวลาทำในสิ่งที่ตัวเองไม่จริงจังทำไมล่ะ”เอื้อยรีบแย้ง
ถ้าประกวดกับเค้า เจ้ยก็ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดนะ เพราะนี่เป็นสิ่งแรกที่เราจะได้ทำด้วยกันในฐานะแฟนกันไง” เอื้อยยิ้ม ตามองมาที่ฉันอย่างบ่งบอกความหมายของคำว่า “ความหวังและความสุข”
เมื่อเห็นท่าทีขมีขมันของเอื้อยแล้วฉันก็อดที่จะหึกเหิมลำพองใจจนอยากจะสู้ไปกับเอื้อยไม่ได้
...เอาล่ะ เป็นไงเป็นกัน ได้ทำอะไรที่เรารักกับคนที่เรารัก มันก็ดีที่สุดแล้วนี่นา... ฉันคิดพลางพยักหน้ายิ้มรับในสิ่งที่เอื้อยพูดมา
เสียงกีตาร์ดังขึ้นไม่นานหลังจากที่ฝุ่นถูกปัดออก
สายเสียงมันสั่นดังเป็นท่วงทำนองเพลงๆนึงที่ฉันชอบเล่นเป็นประจำ
แค่ได้ยินคอร์ดเพลงไม่กี่คอร์ด เอื้อยก็ส่งเสียงร้องขับขานตามท่วงทำนองกีตาร์ที่ฉันเล่นได้
ฉันเล่นกีตาร์ไปมองหน้าที่ยิ้มแย้มของเอื้อยไป มันเหมือนกับอยู่ในความฝันไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เล่นกีตาร์ให้กับคนทีตัวเองรักร้องได้อย่างนี้
ไม่ช้าบทเพลงแรกที่ฉันบรรเลงร่วมกันกับเอื้อยก็จบลง
เสียงปรบมือของเอื้อยที่ดังขึ้นหลังจากที่ฉันวางกีตาร์ลง
เล่นเก่งจริงๆด้วยอะ เค้าเห็นนะเพื่อนผู้ชายบางคนยังเล่นไม่เก่งเท่านี้เลย” เอื้อยยิ้มร่าหน้าตาบ่งบอกถึงความประหลาดใจมากมาย
นี่บอกว่าเค้าเล่นเก่งกว่าผู้ชายเลยก็ได้นะ ไม่ต้องบอกว่าแค่บางคนหรอก”
ก็เด๋วพูดมากก็หาว่าโอเวอร์อีก พูดแค่นี้ล่ะจะได้ไม่หลงตัวเองไง เจ้ยน่ะเล่นเก่งจริงๆอยู่แล้วนี่นา”เอื้อยยิ้มหวาน
เอ..เล่นกีตาร์เหมือนผู้ชายอย่างนี้จะเป็นสาวหล่อหรือเปล่านี่” อยู่ๆเอื้อยก็ยิงคำถามมา
บ้าเหรอ ..” ฉันทำเสียงตลก
อย่าเป็นนะ เป็นแบบนี้เหมือนเดิมล่ะ เค้าชอบเจ้ยที่เป็นเจ้ยตอนนี้” เอื้อยยิ้มหวาน เธอกำลังอ้อนฉันอีกแล้ว
อืม ไม่เป็นหรอก เค้าน่ะผู้หญิงแท้ๆ100% เพียงแต่ว่า...” ฉันลากเสียงยาวเพื่อดึงดูดความอยากรู้อยากเห็นของผู้ฟัง
แต่ว่าอะไร..”คนฟังก็ทำเสียงสงสัยในข้อความที่ฉันจะพูดต่อไป
เพียงแต่ว่าแพ้ความสวยของผู้หญิงด้วยกัน..ก็เลยมีแฟนเป็นผู้หญิงไง”ฉันส่งข้อความหวานๆให้เอื้อยคืนบ้าง
เอื้อยอมยิ้ม หน้าแดงก่อนจะพูดแก้เขิน “บ้า” เธอม้วนตัวไปมามองหน้าฉัน แต่ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงรีบเปลี่ยนท่าทาง
เออทำไมเมื่อกี้ไม่เห็นร้องเพลงเลยล่ะ มีแต่เล่นกีตาร์อย่างเดียว”
แล้วทำไมตอนนั้นกรบอกว่าเจ้ยร้องเพลงไม่เก่ง ยังไงคือไม่เก่งอ่ะ” เอื้อยเริ่มสงสัยไม่หยุด
ไม่เก่งก็คือไม่เก่ง ก็คือมันไม่ค่อยเพราะเท่าไหร่ เสียงไม่ค่อยดี” ฉันตอบอึกๆอักๆ
อ้าว เป็นไปได้เล่นกีตาร์ก็เพราะอย่างนี้ก็ต้องร้องเพลงเพราะด้วยสิ ไหนลองร้องให้เค้าฟังซิ”เอื้อยทำหน้างง
ไม่เอาหรอก เด๋วเอื้อยก็หัวเราะ” ฉันพูดตัดบทเพราะไม่อยากร้องเพลงให้เอื้อยฟังจริงๆ
หัวเราะทำไม คนเรามีพรสวรรค์ต่างกันถึงเจ้ยจะร้องไม่ค่อยเก่งแต่มันก็ต้องมีเสน่ห์อะไรสักอย่างอยู่ในเสียงของเจ้ยอยู่ดี ฟังจากเสียงพูดเจ้ยแล้วก็ออกจะเสียงเพราะ” เอื้อยพยายามหว่านล้อม

..เพราะตรงไหน ..เสียงฉันแหลมจะตาย ยังจะมีหน้ามายออีก.. ฉันรีบเถียงในใจทันทีที่ได้ยินเอื้อยพูด

เอื้อยไม่เชื่อที่ฉันพูด เธอยังพยายามรบเร้าฉันอยู่ หนักเข้าฉันทนต่อการอ้อนวอนของเธอไม่ได้ก็จำใจต้องยอมแพ้เธออยู่ดี
ฉันทำหน้าเซ็งๆ นึกถึงเพลงสักเพลงที่คิดว่าตัวเองน่าจะร้องได้เพราะที่สุดและพยายามร้องออกไปให้คนฟังได้ยิน
แค่ฉันร้องยังไม่จบท่อน เอื้อยก็หลุดหัวเราะรั่วออกมา แล้วก็ขำไม่หยุด จนฉันต้องหยุดร้อง เหล่ตามองเอื้อยด้วยสายตางอนๆ
ไม่ร้องแล้ว หัวเราะทำไม..ก็บอกแล้วว่าร้องเพลงไม่เพราะเสียงไม่ดี” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ค้อนๆ
โอ้ย..อย่าโกรธเค้าน้า..เค้าขอโทษ” เอื้อยยังพูดไปขำไป
ฉันงอนสะบัดหน้าหนี คิดในใจคอยดูนะต่อไปนี้ขอร้องอะไรจะไม่ทำให้แล้ว
พลันฉันกลับรู้สึกว่าตักตัวเองนั้นหนักขึ้นเหมือนมีอะไรหล่นมาที่ตัก ฉันรีบก้มดู
เป็นเอื้อยนั่นเอง ตอนนี้เธอทิ้งตัวลงนอนหัวหนุนตักของฉันทำหน้ายิ้มหวานๆสายตาอ้อนๆมองขึ้นมาที่ฉัน
โอ๋ๆ ขอโทษนะคะคนสวย ไม่ร้องก็ไม่ร้อง แต่ตัวเองต้องมาร้องคอรัสให้เค้านะ” เอื้อยพูดหวานๆพยายามอ้อนฉัน มือของเธอก็เอื้อมขึ้นมาจับที่แก้มของฉันทั้งสองข้าง
ฉันกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่อีกแล้ว ทุกครั้งที่เห็นเอื้อยเล่นมุกอ้อนทีไรหัวใจฉันจะสั่นไม่เป็นจังหวะตลอด นี่ล่ะหนาที่เค้าว่าขนาดชายชาตินักรบใจแข็งแกร่งดุจขุนเขาเจอสาวงามออดอ้อนก็ไม่รอดสักราย นับประสาอะไรกับผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างฉัน หัวใจของฉันนั้นบอบบางกว่าผู้ชายอกสามศอกเป็นร้อยเท่าพันเท่านัก ถ้าฉันจะแพ้มารยาผู้หญิงด้วยกันก็ไม่เห็นจะแปลก
แล้วมันร้องยังไงล่ะคอรัสนี่” ฉันเอื้อมมือไปปัดผมที่ตอนนี้มันปกที่ใบหน้าขาวเนียนสวยของเอื้อยอยู่
ก็ร้องอย่างที่เจ้ยร้องเมื่อกี้นี่ล่ะ อย่างนั้นเลย”

ฉันอึ้ง นั่งคิด ...นี่เธอประชดฉันหรือเปล่า ก็เสียงฉันยังกะห่านขันยังจะให้ร้องอย่างนั้นอีก..

ตลกแล้ว..แกล้งอำกันอีกใช่มั้ย” ฉันเอานิ้วชี้จิ้มที่หน้าผากของเอื้อย
เปล้า..” เอื้อยเสียงสูง “พูดจริงๆ เด๋วเค้าพาร้องก็แล้วกัน..เชื่อใจเค้าเถอะน่ะ” เอื้อยพูดมือเธอค่อยๆลูบที่แก้มของฉันไปมา ฉันมองสายตาออดอ้อนของเอื้อยแล้วใจฉันก็สั่นไม่หยุดสักที
...น่าหมั่นไส้... อยู่ๆความคิดในหัวก็แว๊บขึ้นมา ..อยากหอมชะมัด.. ฉันไม่รอช้าก้มลงไปหอมแก้มคนขี้อ้อนที่นอนหนุนตักอยู่ตอนนี้
เอื้อยตาแป๋วทันทีที่ฉันเงยหน้าขึ้นจากการหอมแก้มมามองเธอ เธอมองหน้าฉันอยู่ครู่นึงแล้วเหมือนคิดอะไรได้ จึงพยุงตัวเองขึ้นมาเพื่อดึงหน้าฉันเข้ามาจูบ เป็นจูบที่ดูดดื่มสมกับที่เราโหยหาเพราะว่าไม่ได้จูบกันอย่างนี้มาซักพักแล้ว
แล้วก็เป็นเอื้อยอีกที่พยายามหยุดจูบเอาไว้เพราะกลัวมันจะเลยเถิดไปเหมือนตอนนั้น
แค่นี้ล่ะ พอแล้วจะได้หายคิดถึงไง” เอื้อยยิ้มอายๆหน้าแดง ฉันก็หน้าแด้งพยักหน้ารับเอื้อย
เอากีตาร์มา จะพาซ้อมร้องเพลง มันใกล้วันแข่งแล้วต้องรีบแล้วล่ะ” เอื้อยลุกขึ้นนั่งเธอสั่งฉันด้วยน้ำเสียงสดใส ฉันยิ้มตามแล้วรีบหยิบกีตาร์มาซ้อมร้องเพลงกับเอื้อยทันที
เรานั่งเลือกเพลงด้วยกันอยู่นาน แต่ก็หาเพลงร้องด้วยกันไม่ได้ซักที
มันเลือกยากเพราะว่าเอาเค้ามาร้องคอรัสนี่ล่ะมั้ง” ฉันพูดลอยๆ
เอื้อยเหล่ตามามองฉันนิดนึง
ยังไม่ทันได้พูดอะไรเล้ย พูดเองเออเองอีกแล้วนะ คนอะไรทั้งโกรธง่าย ขี้งอน ขี้หึง ขี้ใจน้อย แล้วก็ขอบคิดมากอีก” เอื้อยพูดไปนั่งก้มหน้าหาเพลงใน Youtube ไป
เอ้อ นี่ไงเพลงนี้ลายกีตาร์ก็เพราะนะ เค้าว่าความหมายก็ดี ถ้าเราร้องเพลงนี้ตอนประกวดต้องดังแน่ๆเลย”
ฉันรีบชะโงกหน้ามาดูกับเอื้อยอยากรู้ว่าเพลงอะไร เอื้อยเปิดเพลงขึ้น
 ปล.เพลงประกอบตอนนี้จ้า
..ก็มีแต่ใจให้ไปไม่คิดอะไร แค่อยากให้เธอเข้าใจและลองรักดู
และฉันจะทำให้รู้ ว่ารักเธอมากเท่าไหร่..
...
ให้เธอหมดเลยทั้งใจไม่หวังอะไร เพราะรู้ว่าเธอคือคนที่รอมานาน
เธอสวยและดีพร้อม กว่าใครคนไหนที่เจอ..

แค่ท่อนแรกฉันก็เริ่มตะหงิดๆ จริงๆฉันเคยได้ฟังเพลงนี้นะ แล้วก็รู้สึกว่ามันเพราะมากแต่ว่า มันติดตรงท่อนที่ว่า ..เธอสวยและดีพร้อม กว่าใครคนไหนที่เจอ..เอ..ถ้าผู้หญิงร้องเค้าจะว่ายังไง
แล้วไหนยังจะมีท่อนที่ว่า
…..ให้เธอเป็นนางฟ้า ให้เธอเป็นเจ้าหญิงของฉัน
ให้เธอเป็นผู้หญิง ที่ใครหลายคนอิจฉา
รักเราจะมั่นคง ไม่มีวันหน่ายแม้นานสักเท่าไร
จะคอยเติมใจ ให้รักเราเต็มเหมือนเดิม

..ถ้าเราสองคนร้องคนเค้าจะคิดว่ายังไงล่ะ.. ฉันรีบห้ามเอื้อย
เอื้อยเพลงมันเพราะก็จริงนะ แต่ถ้าเราร้องเค้าจะว่ายังไง ความหมายมันประหลาดๆนะ” ฉันทำหน้าแหยๆ
ประหลาดตรงไหน เค้าให้ฟังที่ดนตรีกับเสียงร้องนะ เสียงเพลงนี้คีย์สูงๆผู้หญิงร้องได้ แล้วกีตาร์ก็เพราะด้วย หรือว่าเจ้ยเล่นไม่เก่งจริง” เอื้อยถามคอเอียง
ไอ้เล่นน่ะเล่นได้อยู่หรอก แต่เด๋วเค้าก็หาว่าเป็นคู่เลสเบี้ยนอีกหรอก” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงกังวล
จะร้องเพลงนี้ล่ะ ถ้าไม่ให้ร้องก็ไม่ต้องประกวดเลยดีมั้ย เค้าจะได้กลับไปอยู่วงกับกร” เอื้อยทำเสียงแข็งพูดจาเหมือนข่มขู่ฉัน
ฉันอึ้ง กลัวว่าเอื้อยจะกลับไปอยู่กับกรอีก
ก็ได้ๆ แต่เปลี่ยนเนื้อร้องมันนิดนึงได้มั้ย” ฉันยังพยายามหาทางออก
ไม่ได้ ต้องร้องตามเนื้อเก่าไม่งั้นเค้าร้องหลง..โอเคมั้ย..ถามครั้งสุดท้าย!!” เอื้อยยังทำเสียงดุดันใส่ฉันอีก
ก็ได้... ทำไมต้องขู่ด้วย” ฉันสุดแสนเซ็งไม่นึกว่าเอื้อยจะเล่นไม้นี้กับฉัน พอได้ยินฉันตอบตกลงเธอก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่รีเปิดเพลงนี้ฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พึ่งรู้นะนี่ว่าขู่คนเป็นด้วย...ชะล่าใจไม่ได้ซะแล้ว...