นิยายรักไม่จำกัดบท
Cheapter
11
คนเจ้าชู้?และการลงทุนง้อ
“ดีนะเนี่ยที่แขนไม่ได้หักแต่แค่เคล็ดเฉยๆ
ทีหลังก็เดินดูรถกันดีๆสิ
พากันออกจากบ้านกลางค่ำกลางคืนยิ่งต้องระวังให้มาก
ไม่ใช่จะสะเพร่าเดินงุ่มๆง่ามๆกันอย่างนี้”
น้ำเสียงดุดันของพลโทพนัสดังขึ้นเมื่อคุณหมอและพยาบาลเดินออกจากห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลไปแล้ว
ก่อนหน้านี้แค่ชั่วเวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีหลังจากที่ลูกชายของเขารีบพาพี่สาวของเขาเข้ามาบอกเล่าถึงอาการที่หล่อนได้จากอุบัติเหตุ
เขาและลูกทั้งสองก็รีบพากันออกรถไปที่โรงพยาบาลเอกชนที่ใกล้ที่สุดทันที
และถึงแม้แม่จะไม่ได้ตามออกมาด้วยเพราะพ่อสั่งให้รออยู่ที่บ้านแต่ท่านก็ยังพยายามโทรถามข่าวคราวของพะแพงด้วยความเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลา
เช่นเดียวกับตอนนี้ที่คนเป็นพ่อก็ยังคิ้วขมวดมองลูกสาวที่แขนซ้ายของหล่อนมีผ้าพันแผลพันไว้อยู่รอบๆด้วยความเป็นห่วงไม่แพ้คนแม่
แต่ก็ต้องตำหนิด้วยอยากให้รู้ว่าสิ่งที่ทั้งสองทำนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนัก
“เฮ้ออ..
เห็นมั้ยว่าการที่ไม่รู้จักลงมากินข้าวให้ตรงเวลามันก็สร้างอันตรายได้นะ
คิดว่าการจะหิวขึ้นมากลางค่ำกลางคืนแล้วชวนน้องไปซื้อขนมอยู่เซเว่นหน้าปากซอยมันจะไม่เป็นอันตรายอย่างนั้นเหรอ
เฮอะ!
คงต้องคิดกันใหม่แล้วล่ะน่ะ
แล้วเพราะพะแพงทำผิดอย่างนี้พ่อก็คงต้องทำทัณฑ์บนลงโทษเราไม่ให้ไปไหนมาไหนตอนกลางคืนอย่างนี้แล้วล่ะ
แม้จะไปกับน้องก็เถอะ
เข้าใจพ่อใช่มั้ย”
“ค่ะ..”
เสียงลูกสาวตอบรับอย่างหงอยๆก่อนจะหันไปมองน้องชายที่ขยิบตาให้สัญญาณว่าควรจะยอมรับโทษที่เบาแสนเบาของพ่อไปดีกว่า
ในเมื่อเขาก็เป็นคนช่วยออกตัวแทนพี่สาวเขาไปแล้วว่าพวกเขาพากันออกไปหาซื้อของกินอยู่เซเว่นเมื่อพะแพงหิวข้าวมากในตอนนั้น
แทนที่จะบอกไปว่าพี่สาวหนีออกจากบ้านเพื่อไปหาเพื่อนของตัวเองตรงๆ
และการโกหกเพื่อช่วยพี่สาวของน้องชายตัวแสบที่ชอบกัดเธอดีเหลือเกินก็ทำให้พะแพงรู้ว่าลึกๆแล้วพะเพื่อนก็รักและเป็นห่วงเธอไม่น้อยเลย
เขายอมรับทัณฑ์บนจากพ่อเช่นเดียวกันกับเธอทั้งๆที่เขาไม่ได้ผิดอะไรเลย..
จ้องมองน้องชายตัวเองส่งยิ้มแหยๆปลอบใจตัวเองก่อนจะเห็นเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ
“เออ
แบงค์ว่า..”
เขาทั้งรับทั้งเดินออกจากห้องฉุกเฉินไปข้างนอก
ทิ้งให้พะแพงและพ่ออยู่ในห้องฉุกเฉินเพียงสองคนหลังจากนั้น
“พ่อไม่ได้อยากจะลงโทษเราหรอกนะพะแพง
พ่อรู้ว่าเราไม่เคยเกเรสักที
นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ออกจากบ้านกลางค่ำกลางคืนแล้วไม่ได้ขออนุญาติพ่อหรือแม่เลย
ทุกครั้งหนูก็ทำดีมาตลอด
แต่พ่อก็ต้องทำนะ
เพราะพ่ออยากฝึกให้ลูกมีวินัยในตัวเองมากกว่านี้
นี่ดีที่ว่าเราเจ็บตัวแค่นี้
ถ้าเราโชคร้ายโดนรถชนเต็มๆก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง
เออ..ว่าแล้วก็เดี๋ยวพ่อจะต้องไปขอดูกล้องวงจรปิดของหมู่บ้านหน่อย
ปล่อยให้รถวิ่งเข้ามาเร็วๆในหมู่บ้านได้ไง
ต้องเอาเรื่องสักหน่อย
ชนแล้วก็ไม่จอดดูคนเลย
ไร้น้ำใจจริงๆ”เสียงบ่นของพ่อดังมาอีกครั้ง
“เขาอาจจะไม่เห็นหนูก็ได้มั้งคะพ่อ
ตรงนั้นมันมืด
เขาอาจจะขับรถมาด้วยความเร็วก็เลยมองไม่ทัน”
“ไม่ต้องแก้ตัวแทนเลย
เราก็ด้วยล่ะ
ก็เห็นแล้วว่ามันมืดค่ำทีหลังก็ไม่ต้องออกจากบ้านเข้าใจมั้ย”
แวะเข้ามาบ่นเรื่งพะแพงอีกจนได้
“นี่ก็ไม่รู้ว่าหิวอะไรนักหนาทุกทีก็ไม่เห็นจะกินดึกๆดื่นๆอย่างนี้เลย
เห็นไดเอทก็ออกจะบ่อย
นี่เพราะแม่คิดว่าเราคงไม่กินอะไรอีกแล้วเพราะมันดึกแล้ว
แม่ก็เลยไม่ได้เหลือกับข้าวเอาไว้ให้
แต่ว่าของในตู้เย็นบ้านเราก็มีออกจะเยอะทำไมไม่หากินในนั้น
ออกไปซื้อทำไมกับเซเว่นนักหนา
อยากเอาเงินไปให้เขานักหรือไง
กลัวเขาไม่รวยเหรอ”
“พ่ออ่ะ..”
ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวกับพ่อว่าอย่างไรตอนนี้พะแพงเลยได้แต่ยิ้มแหยๆให้ท่านเป็นการแก้เขินไป
ก่อนที่สายตาของทั้งสองจะหันไปมองประตูห้องฉุกเฉินที่ตอนนี้เปิดออกพร้อมร่างของพะเพื่อนและ..เอิ้น
พะแพงสะบัดหน้าหนีทันทีที่เห็นว่าเป็นคนใจร้ายที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ตัวเองเลย
“พ่อสวัสดีค่ะ”
หล่อนยกมือไหว้พ่อ
ก่อนจะเดินเข้ามาหาพะแพง
โดยที่พะเพื่อนก็รีบเดินเข้ามาหาพ่อตัวเองเช่นเดียวกัน
“พ่อครับ
เดี๋ยวออกมาข้างนอกก่อนดีกว่าครับ
ผมมีเรื่องจะคุยกับพ่อสองคนครับ”
ลูกชายหยุดเลิ่กลั่กนิดๆเมื่อเห็นสายตาดุๆของพ่อจ้องมองตัวเองเมื่อท่านกำลังคิดว่าจะคุยอะไรกันแค่สองคนไร้สาระหรือเปล่า
“เอ่อ
ผมจะคุยเรื่องรถที่ชนพี่แพงน่ะครับ
นี่น่ะครับพ่อ...”
ทั้งพูดทั้งจูงมือพ่อที่เริ่มสนใจจะคุยกับตัวเองออกจากห้องไป
ปล่อยให้สองสาวพะแพงและเอิ้นกลับมาเผชิญหน้ากันสองคนอีกครั้ง
“เป็นยังไงบ้างพะแพง
เห็นพะเพื่อนบอกว่าพะแพงโดนรถชนเหรอ”
ทั้งพูดทั้งเอื้อมมือไปจับแขนที่เป็นแผลของหล่อนขึ้นมาดูแต่ก็โดนอีกคนสบัดมือออกทันที
“เป็นห่วงด้วยเหรอ”
ทั้งพูดทั้งหัวเราะหึ
“ห่วงสิ”
“ห่วงแต่ไม่รับโทรศัพท์กันเลยอย่างนี้เนี่ยนะ
ไหนบอกหน่อยสิ
มีเหตุผลอะไรที่ทำให้คนที่บอกว่าเป็นห่วงกันไม่ยอมรับสายกันขนาดที่ว่าโทรหาซ้ำๆกันนานขนาดนั้นน่ะ”
“เอ่อ..เค้า
เค้า ติดธุระอยู่”
“ธุระ?
หึ..
ติดธุระหรือติดใคร?”
คนโดนถามถึงกลับเลิ่กลั่กทันทีเมื่อได้ยินพะแพงถามอย่างนั้น
“หลินสินะ..”ลองเดาด้วยน้ำเสียงสมเพชตัวเอง
“เอ่อน้องเค้าพึ่งแวะมาเยี่ยมเค้าช่วงเย็นน่ะ
ก็แค่มาเยี่ยมเพราะเป็นห่วง”
“เพราะเป็นห่วงหรือเพราะว่าไปจับผิดว่าทำไมเอิ้นถึงไม่ยอมรับสายน้องเค้าทั้งวันเหมือนกันใช่มั้ย
และถ้าให้ทายคงเคลียร์กันไม่เข้าใจจนต้องไปปรับความเข้าใจกันที่เตียงใช่มั้ย”
“พะแพง!”เสียงร้องของคนฟังดังออกมาเหมือนตกใจมากที่ได้ยินพะแพงพูดอย่างนั้น
“หึ..เดาถูกล่ะสิ”
ทั้งพูดทั้งหัวเราะ
“งั้นกลับไปคุยกันต่อเลยนะ
จะได้ปรับความเข้าใจกันให้จบเสียที
คืนนี้ก็จะนอนด้วยกันอยู่แล้วนี่
น้องเค้ามานอนด้วยไม่ใช่เหรอ”
“ทำไมพูดอย่างนั้น
พะแพง” รีบเอื้อมมือไปดึงแขนพะแพงไว้พยายามจะอธิบายบ้าง
แต่อีกคนรีบสะบัดออกพร้อมทั้งส่งเสียงเรียกคนด้านนอกห้อง
“พ่อคะ!
พ่อ!”
เอิ้นชะงักทันทีเมื่อเห็นอีกคนหยุดเรียกแล้วหันมากระซิบกระซาบตัวเอง
“รีบกลับไปซะ
ก่อนที่พ่อจะเข้ามาเห็นแล้วรู้เรื่องของเราสองคน”
“นี่ขู่เหรอ..”จ้องมองคนขู่อย่างไม่เข้าใจ
“ไม่ได้ขู่เลย..พูดจริง”
แววตานิ่งๆจ้องมองเอิ้นก่อนจะตะโกนอีกครั้ง
“พ่อคะ!
พ่อ!”
“ว่าไงพะแพง!”
เสียงพ่อดังขึ้นพร้อมอาการรนรานเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมลูกชาย
“หนูอยากกลับบ้านแล้วค่ะพ่อ
หมอว่าหนูปลอดภัยแล้วใช่มั้ยคะ
งั้นเรารีบกลับบ้านกันเถอะค่ะ
หนูง่วงอยากพักผ่อน”
“อ้าว
แล้วหนูเอิ้นล่ะ”
หันมามองเอิ้นด้วยความสงสัยทั้งพ่อทั้งลูกชาย
“เขาก็รีบกลับเหมือนกัน
เห็นว่ากำลังติดธุระกับน้องของเขาอยู่”
พะเพื่อนเหล่ตามองเอิ้นที่คิ้วขมวดจ้องมองพะแพงด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นว่าหล่อนกล้าใช้แผนไล่ตัวเองทางอ้อมอย่างนั้น
และสายตาเคืองๆที่ทั้งสองกำลังจ้องมองกันอยู่ประหนึ่งมีประจุไฟฟ้าวิ่งผ่านหากันตลอดเวลา
ก็ทำให้พะเพื่อนรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้น่าจะไม่โอเคแล้วล่ะถ้ายังขืนรั้งพี่สาวอีกคนที่เขาอุตสาห์ลงทุนเรียกหล่อนมาเยี่ยมพะแพงให้อยู่ที่นี่ต่ออีกทั้งที่อีกคนกำลังไล่หล่อนทางอ้อมอย่างนั้น..
“เอ่อ
งั้นพี่เอิ้นกลับก่อนก็ได้นะครับเดี๋ยวทางนี้ผมดูแลพี่แพงให้เอง”
//////////////////////////////////
พะแพงนั่งทิ้งตัวลงบนเตียงนอนของตัวเองอย่างหัวเสียเมื่อเธอเดินเข้ามาในห้องนอนของตัวเองได้แล้ว
และอาการหัวเสียของเธอก็สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านั้นน้องชายตัวแสบรีบวิ่งมาคุยกับเธอที่หน้าห้องหลังจากที่พวกเขาทั้งสองถูกพ่อกับแม่อบรมเรื่องที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุจบลงไปแล้ว
“พี่แพง
ทำไมพี่แพงไม่คุยกับพี่เอิ้นดีๆล่ะ
อุตสาห์เรียกมาให้คุยแล้วอ่ะ”
“เรียกมาให้คุย”
จ้องมองน้องชายอย่างงุนงง
“อ๋อนี่อย่าบอกนะว่าที่เอิ้นมาเยี่ยมเป็นเพราะว่าเราไปเรียกเขามาน่ะ”
“ก็ใช่ไง
ก็เห็นโทรหาพี่เอิ้นขนาดนั้น
แล้วพี่แพงเองก็กำลังจะไปหาพี่เอิ้นด้วยไม่ใช่เหรอ
ก็คิดว่าน่าจะมีปัญหากัน
เพื่อนก็เลยโทรหาไอ้แบงค์
ให้ไอ้แบงค์ไปดูพี่เอิ้นที่บ้านให้ว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์”
“แบงค์?
แบงค์เพื่อนของเพื่อนที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันกับเอิ้นนั้นน่ะเหรอ”
“ใช่
เห็นไอ้แบงค์โทรมาบอกว่าตอนที่ไปหาพี่เอิ้นอยู่บ้านเพื่อจะถามเรื่องโทรศัพท์ก็เห็นพี่เอิ้นเดินออกมากับพี่หลินม.4
แล้วพอเห็นแค่นั้นด้วยความหมั่นไส้ไอ้แบงค์มันก็เลยรีบบอกว่าพี่แพงโดนรถชนให้มาเยี่ยมพี่แพงด่วนเลย”
คิ้วขมวดทันทีที่ได้ยินน้องชายบอกอย่างนั้น
“อ๋อ
นี่เป็นเพราะเราอย่างนั้นเหรอเอิ้นถึงมาเยี่ยมพี่
นี่ก็อุตสาห์หลงคิดว่าเขาจะห่วงอะไรพี่บ้าง
แต่นี่ไม่เลย กลายเป็นว่าพวกเราไปเรียกเขามา
เขาถึงมา ทีหลังไม่ต้องยุ่งเลยนะ
ไม่ใช่กงการอะไรของเรา
อย่าไปบังคับฝืนใจใครมาอีก
พี่ไม่ชอบ และเอิ้นเขาก็คงไม่ชอบเหมือนกัน”
“แต่พี่เอิ้น..”
“หยุด!ไม่อยากฟังชื่อนี้อีกแล้ว
แค่นี้ก็รู้สึกแย่กับชื่อนี้พอแล้ว
พอซะทีเถอะ”
น้องชายชะงักหน้าเสียทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้ของพี่สาวเลยได้แต่ปล่อยให้หล่อนหันหลังเดินเข้าห้องไปหลังจากนั้น
ส่วนพี่สาวพออยู่คนเดียวในห้องได้แล้วก็ได้แต่นั่งน้ำตาซึม
เพราะทั้งเจ็บตัวและทั้งเสียใจ
แถมยังเสียความรู้สึกที่แอบไปหลงคิดว่าว่าคนที่ตัวเองรักจะมาเยี่ยมตัวเองเพราะหล่อนเป็นห่วงตัวเองจริงๆ
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วหล่อนโดนบังคับมาต่างหาก
“นี่เธอไม่ได้ห่วงใยฉันเลย
ฉันไม่ได้มีความสำคัญกับเธอเลยอย่างนั้นเหรอ..”
แอบพร่ำเพ้อในตอนน้ำตาซึม
หึ
มิน่า พอตอนที่ถามว่าติดธุระกับใครแล้วเราเดาว่าหลินเหรอ
เธอก็ไม่กล้าโกหกหรือปฏิเสธอะไรเลย
ที่แท้เป็นเพราะว่าเธอเห็นว่ามีคนเห็นหลักฐานทั้งหมดอยู่แล้วนี่เอง..
นี่ถ้าเราไปหาเอง..ก็คงจะเห็นหลักฐานทั้งหมดทั้งมวลด้วยตัวเองสินะ
ยิ่งคิดก็ยิ่งสมเพชตัวเอง
ยิ่งรู้ว่าสุดท้ายแล้วชีวิตตัวเองก็ไม่พ้นในนิยายเลยก็ยิ่งเศร้า
แล้วยิ่งมาคิดตามได้ว่าที่ตัวเอกยอมมีอะไรด้วยก็เพราะว่าหล่อนแค่หวงกลัวตัวเองไปเป็นของใครเท่านั้นแล้ว..ก็ยิ่งเสียใจหนักเข้าไปอีก
นี่ยังไงๆฉันก็ไม่ใช่นางเอกทั้งในนิยายและชีวิตจริงอยู่ดีสินะ
ทั้งคิดทั้งเสียใจได้แต่นอนร้องไห้ฟูมฟายอยู่ในห้องคนเดียวหลังจากนั้นไป
หวังให้ความเหนื่อยล้าทำให้ตัวเองนอนหลับได้บ้างเพราะว่าตอนนี้เธอเองก็ไม่อยากจะคิดถึงอะไรอีกแล้ว
เวลาผ่านไปหลังจากนั้นไม่นานน่าจะไม่เกินสามสิบนาทีเสียงเคาะประตูหน้าห้องพะแพงดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
“พี่แพง
พี่แพง
เปิดประตูให้ผมเข้าไปหน่อยดิ..”เสียงเบาๆของน้องชายเธอดังขึ้นมาหลังจากนั้น
“มาทำไมอีก”
ร้องทักเขาออกไปก่อนจะเช็ดน้ำตาตัวเองออก
“ผมมีเรื่องจะคุยด้วย
แป๊บเดียวไม่นานหรอก..”
อย่าบอกนะว่าเรื่องเอิ้นอีก
ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆเลย..
แอบคิดในใจอย่างงอนๆก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้เขาเข้ามาข้างใน
แต่ก็กลายเป็นตกใจทันทีเมื่อเปิดออกไปแล้วเห็นภาพผู้หญิงอีกคนยืนอยู่ข้างๆเขาด้วย
“เอิ้น!
นี่มา..”
“จุ๊ๆ
เงียบๆดิพี่แพง อยากตายหมู่กันหรือไง
เดี๋ยวพ่อได้ยินก็เรื่องใหญ่อีก
เงียบเลย!”
น้องชายทั้งพูดตัดบททั้งยื่นมือไปปิดปากพี่สาวกันไม่ให้หล่อนร้องโวยวายอะไรได้อีก
ก่อนจะพากันย้ายร่างเดินเข้าไปในห้องพะแพงแล้วปิดประตูลง
“นี่แอบพาคนอื่นเข้ามาในบ้านอย่างนั้นเหรอ!”
“คนอื่นที่ไหนเล่า
นี่พี่เอิ้น แฟนตัวเองแท้ๆ”
ชะงักทันทีที่ได้ยินน้องชายตัวเองบอกอย่างนั้น
“พะเพื่อนรู้เรื่องของเราหมดแล้วล่ะพะแพง
เค้าเล่าให้น้องฟังหมดแล้ว
น้องถึงยอมพาเค้ามาหาพะแพงอย่างนี้ไง”คนที่เข้ามาใหม่พยายามอธิบายด้วยใบหน้าแหยๆของหล่อน
“ขี้โกงนี่!”
ขมึงตาใส่เอิ้นก่อนจะหันมาดุน้องชายต่อ
“นี่เข้าข้างคนอื่นมากกว่าพี่ตัวเองอย่างนั้นเหรอ”
“ก็ไม่ได้เข้าข้าง
แค่อยากให้คุยกันดีๆก่อน”
“แต่!!”ชี้มือไปที่เอิ้นก่อนจะโดนน้องชายตัดบทอีกครั้ง
“มันเป็นเรื่องของพี่สองคนป่ะ
ผมไม่เกี่ยวแล้วนะ
เอาเป็นว่าคุยกันดีๆก่อนเถอะ
อย่าทะเลาะกันเลย
เพราะถ้าพี่เสียงดังกัน
พ่อก็จะรู้
แล้วเรื่องของพี่แพงกับพี่เอิ้นก็จะแตกแน่ๆ
ผมน่ะไม่บอกใครหรอกนะ
แต่ถ้าพ่อมารู้เองมันก็ช่วยไม่ได้อ่ะ
ไปล่ะ เบาๆด้วย”
บอกลาพี่สาวทั้งสองไปเพื่อหวังให้ทำความเข้าใจกันตามลำพัง
ซึ่งนั่นก็ทำให้พะแพงถึงกับเลิ่กลั่กทันทีที่หันไปเห็นอีกคนพยายามเดินเข้ามาประชิดตัว
“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยไม่ต้องเข้ามา”
สั่งให้หล่อนหยุดเมื่อเห็นว่าหล่อนเริ่มไล่ต้อนตัวเองให้มาจนมุมอยู่ที่เตียงอีกแล้ว
นี่จะใช้แผนง้อด้วยเรื่องอย่างว่าอีกแล้วใช่มั้ย
ไม่มีวันซะล่ะ
ฉันรู้ทันเธอแล้วเพราะฉันอ่านนิยายตอนนี้มาก่อน
หึ!เธอในนิยายง้อรัณห์ด้วยเซ็กส์
หลอกล่อแอริณก็ด้วยเซ็กส์และเรื่องจริงของฉันก็คงไม่พ้นเซ็กส์เหมือนเดิมอีกแล้วใช่มั้ย..ทั้งคิดทั้งคิ้วขมวดจ้องมองอีกคนที่มองตัวเองอย่างงงๆเมื่อไม่รู้ว่าพะแพงกำลังมโนอะไรอยู่
ก่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้หล่อนอีก
“นี่
บอกให้หยุดอยู่ตรงง้ายยย”
ชี้นิ้วสั่งเอิ้นอีกครั้ง
จนอีกคนชะงัก “จะเข้ามาใกล้อะไรนักหนา”
“อ้าว
ก็จะนั่งคุยด้วย
ก็คุยใกล้ๆจะได้เงียบๆไง”
“ไม่ต้องใกล้อ่ะ
อยู่ตรงนั้นแหละ”
คนเดินต้อนหยุดชะงักก่อนจะนั่งขัดสมาธิลงกับพื้นดื้อๆ
“อ๊ะก็ได้ นั่งตรงนี้ก็ได้ถ้างั้น”
มองหล่อนนั่งลงกับพื้นอย่างตกใจนิดๆก่อนจะยืนกอดอกเก๊กท่าทำเป็นไม่สนใจหล่อนเมื่อเห็นอีกคนยกมือขึ้นไหว้ประหลกๆ
“ขอโทษนะ
เค้าขอโทษจริงๆ”
ตาละห้อยมองพะแพงที่เชิดหน้าหนีเหมือนรู้ว่าตัวเองกำลังถือไพ่เหนือกว่าเลยไม่ได้สนใจเลยว่าวันนี้เธอพยายามเสียงอ่อนเสียงหวานกับหล่อนขนาดไหนเลย
“พะเพื่อนบอกว่าเป็นเพราะว่าพะแพงเห็นว่าเค้าไม่ยอมรับโทรศัพท์
พะแพงก็เลยออกจากบ้านดึกๆดื่นๆไปจนเจออุบัติเหตุเข้า..”
คนกอดอกหันมาแสยะยิ้มให้หล่อนทันที
“เลยรู้สึกผิดใช่มะ..ที่ทิ้งให้คนอื่นเค้าเป็นห่วงตัวเองทั้งๆที่ตัวเองกำลังมีความสุขกับใครอยู่
ขอโทษแล้วกันนะที่พวกน้องเค้าไปขัดจังหวะความสุขของพวกเอิ้นเข้าน่ะ
ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะ
เค้าเข้าใจทุกอย่างแล้ว
กลับไปหาคนของเอิ้นเถอะไป”
“นี่ไล่เค้าอีกแล้วนี่”
“ก็ไม่ได้ไล่
แต่คิดว่าคงมีใครรอที่จะนอนด้วยอยู่
เห็นมาอยู่ด้วยกันดึกๆดื่นๆขนาดนั้น”
แอบกัดเอิ้นไปเมื่อนึกถึงบทในนิยายที่รัณห์มาขอค้างที่บ้านของแพรี่แล้วก็เลยโมโหจนมาลงหล่อนคนต่อหน้าซะเลย
ซึ่งนั้นก็ทำให้คนโดนพูดประชดถึงกลับอึ้งทันทีที่ได้ยินพะแพงแขวะอย่างนั้น
“ไม่เถียงซะด้วย
แสดงว่าคืนนี้หลินจะค้างที่บ้านจริงๆใช่มะ”
ถามเอิ้นย้ำทันทีที่เห็นหล่อนพยายามหลบตาตัวเองไม่ยอมตอบ
แถมพอยิ่งถามย้ำหล่อนก็ตีเนียนเงียบเข้าไปใหญ่
จนพะแพงเริ่มคุมอารมณ์ไม่ได้กลายเป็นหลุดโมโหหันไปหยิบตุ๊กตาหมีที่เรียงอยู่ที่หัวเตียงเขวี้ยงใส่ตัวเอิ้นรัวๆด้วยความฉุนเฉียวจนเอิ้นต้องรีบลุกขึ้นมาจับแขนพะแพงห้ามไว้ก่อน
“ทำอะไรเนี่ย!”
คนโดนขว้างใส่พยายามกระซิบกระซาบเมื่อนึกถึงสิ่งที่น้องชายหล่อนกำชับว่าให้คุยกันเงียบๆ
“ก็ถามแล้วไม่ตอบอ่ะ
ก็แสดงว่าคืนนี้เอิ้นจะนอนด้วยกันกับหลินจริงๆใช่มะ!”
“แล้วได้นอนที่ไหนล่ะ
ก็คืนนี้เค้าก็อยู่กับพะแพงแล้วเนี่ย”
“ฮึ๊ยยยย!..พูดอย่างนี้แสดงว่าจะนอนด้วยกันจริงๆด้วยนี่
งั้นไปเลยไป!กลับไปด้วยกันเลยไป!”
คนฟังคิ้วขมวดทันที
“เฮ้ย!นี่ไล่เค้าอีกแล้วอ่ะ”
“เออใช่!ไล่ไปเลยไป!”
กัดปากกัดฟันมองคนไล่ตัวเองด้วยสายตาค้อนเคือง
“ด้ายยย
งั้นไปก็ได้
ใครจะหน้าด้านทนให้คนอื่นไล่ตัวเองอยู่ได้วะ!”
หันหลังให้พะแพงทันทีที่พูดเสร็จ
จนอีกคนเลิ่กลั่กด้วยความตกใจที่อยู่ๆคนง้อเปลี่ยนท่าทีเป็นโกรธเธอซะเองจนต้องรีบร้องเรียกไว้ก่อน
“จะไปไหนน่ะ!”
หันมากัดปากกัดฟันมองค้อนใส่พะแพง“ไปไหนก็ได้ที่มีคนต้องการเค้า!”
“คนที่ต้องการเค้า
อ้อออ..”
คนถามแสยะยิ้มทันที
“หมายถึงหลินล่ะสินะ!”
“เอออ..ก็แล้วแต่จะคิดเลย!”
“โฮ๊ะ..งั้นก็ลองออกไปดู!
ลองก้าวออกจากห้องเค้าไปดู!
ถ้ากล้าออกไปจากห้องเค้าตอนนี้
เราสองคนตัดขาดกันทันที!”
คนฟังดวงตาเปล่งประกายขึ้นทันทีที่ได้ยินคำสั่งย้อนแย้งของหล่อน
ได้แต่ยืนแอบก้มหน้ากลั้นอาการขำเล็กๆของตัวเองไว้เมื่อจับได้ว่าหล่อนกำลังหึงตัวเองจนพูดกลับไปกลับมาอยู่
เอ..สรุปแล้วจะไล่หรือไม่ไล่นี่
ทั้งคิดทั้งทำทีเป็นเชิดหน้าคิ้วขมวดแล้วแกล้งขยับตัวจะเดินหนีออกจากห้องอีกครั้งหนึ่ง
“บอกว่าไม่ให้ไปไง!”
นั่นไงหล่อนรีบเดินมาดึงมือไว้แล้ว
หันมาคิ้วขมวดเก๊กเสียงซีเรียสกับหล่อน
“บอกตอนไหนว่าไม่ให้ไปเมื่อกี้ยังไล่เค้ายังกับหมูกับหมาอยู่เลย”
“ก็ตอนนั้นโมโห
แต่ตอนนี้บอกไม่ให้ไปก็คือไม่ไปดิ”
คนดึงแขนคิ้วขมวดมองท่าทางขัดขืนฝืนแรงตัวเองของเอิ้นอย่างน้อยใจ
“นี่ตกลง
เอิ้นจะกล้าทิ้งเค้าไปจริงๆเหรอนี่”เสียงพะแพงอ่อนลงแล้ว
“ก็พะแพงไม่ต้องการเค้าแล้วนี่
ไล่เค้าตลอดเลยตั้งแต่ตอนอยู่โรงพยาบาลแล้ว
มาอยู่นี่ก็ไล่อีกคิดว่าเค้าไม่มีหัวใจหรือไงอยากจะไล่ก็ไล่อย่างนั้นเหรอ
หรือเค้ามันไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับพะแพงเลยใช่มั้ย!”ส่งเสียงดราม่าไปบ้าง
“ทำไมจะไม่สำคัญ!
เค้าสิไม่มีความสำคัญอะไรกับเอิ้นเลยมากกว่า”
“บ้าหรือเปล่า
ทำไมจะไม่สำคัญ
ถ้าไม่สำคัญเค้าคงไม่บ้าบุกปีนบ้านนายพลเพื่อมาหาลูกสาวเขาอย่างนี้หรอกนะ
มีใครที่ไหนกล้าทำอย่างเค้าบ้าง
อันตรายก็อันตรายเสี่ยงก็เสี่ยง
ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นผู้หญิงแท้ๆแต่ก็ยังกล้าทำอะไรบ้าๆอย่างนี้
หรือพะแพงกล้าทำอย่างเค้า!”
คนโดนถามชะงักทันทีที่ได้ยินหล่อนถามกลับบ้างอย่างนั้น
“ไม่กล้าใช่มั้ย
นั่นไงก็เพราะว่าเค้าไม่ได้มีความสำคัญกับพะแพงเลยไงพะแพงเลยไม่กล้า”
กลับมาถือไพ่เหนือกว่าอีกแล้ว
“ก็ทำไมจะไม่กล้า!
ก็พาคนอื่นเข้ามามีอะไรกับตัวเองในบ้านที่มีพ่อแม่อยู่อย่างนี้คิดว่าไม่ต้องใช้ความกล้าหรือไง”
หน้าแดงระเรื่อตอนที่พยายามอธิบายหล่อนกลับเช่นกัน
นั่นเลยทำให้คนฟังถึงกลับอมยิ้มเล็กๆด้วยความดีใจก่อนจะยื่นมือไปจับแก้มแดงๆของหล่อนไว้ให้เงยหน้าขึ้นมองตาตัวเอง
“งั้นก็แสดงว่าเค้าก็สำคัญกับพะแพงใช่มั้ย..”
คนถามขยับกายเข้าไปสวมกอดหล่อนไว้อย่างแนบแน่นหลังจากนั้นด้วย
“งั้นเราเลิกทะเลาะกันเถอะนะ
เค้าขอโทษจากใจเค้าจริงๆ
เค้าผิดเค้ายอมรับ
และเค้าขอโทษที่ทำให้พะแพงต้องเจ็บตัวอย่างนี้
พะแพงให้อภัยเค้าเถอะนะ
อย่าไล่เค้าเลย
เค้าไม่อยากไปไหนจากพะแพงเลยจริงๆ
เค้าอยากอยู่ใกล้ๆพะแพงอย่างนี้ตลอด
อยากกอดพะแพงอย่างนี้ตลอด..”
ทั้งกอดทั้งพยายามยื่นแก้มตัวเองไปคลอเคลียแก้มหล่อนเหมือนพยายามจะใช้สัมผัสอ่อนโยนเหล่านั้นแทนคำขอโทษพะแพงในเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาด้วย
คลอเคลียแก้มนุ่มนิ่มของคนสวยอยู่ครู่นึ่งก็กลายเป็นสะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ๆหล่อนยื่นมือหยิกพุงตัวเองเข้าให้...
“โอ๊ย!
อะไรเนี่ย!”
“หมั่นไส้!
ขอสักทีเถอะยังหมั่นไส้ไม่หาย”
“หมั่นไส้อะไรอี๊กกก”
ทั้งร้องโอดโอยทั้งถามแต่สองมือยังโอบกอดหล่อนเอาไว้แน่นเช่นเคย
“หมั่นไส้คนเจ้าชู้หลายใจ”
“หลายใจตรงไหน
ไม่ได้หลายใจเลย มีแค่ใจเดียว”
อมยิ้มมองหน้างอนๆของหล่อน
“ไม่เชื่อ..”
“ไม่เชื่อเหรอ..”
ยังคงยิ้มหวานอยู่เช่นเคย
มือที่สวมกอดหล่อนก็ยังคงกอดไว้อยู่
เพียงแต่มืออีกข้างกลับยื่นไปจับมือของหล่อนให้ล้วงเข้าไปในชายเสื้อของตัวเองหลังจากนั้นด้วย
“..งั้นก็ลองจับดูดิ
ว่ามีใจเดียวจริงๆมั้ย”
แน่นอนว่าเธอเอามือของพะแพงไปวางแปะไว้บนเนินดวงใจของตัวเองก่อนจะพยายามบังคับมือหล่อนให้จับๆคลำๆขยำสำรวจดูอีกครั้งว่าตรงนั้นมีดวงใจอยู่กี่ดวงกันแน่..
คนโดนเอามือไปจับวางเหล่ตามองแรง“มามุกนี้อีกแล้ว
ไม่เบื่อเหรอ ไอ้มุกเอา...นมมาล่อเนี่ย”
กะดากปากกระดากใจที่จะพูดเหลือเกินแต่ก็ยังพยายามตอบโต้หล่อนไปเมื่อเริ่มจับไต๋ได้แล้ว
“ไม่เบื่อดิ
ถ้าเบื่อจะมาหามั้ย
มาเถอะนะตอนนี้ดึกแล้ว
เวลามีน้อยแล้วอย่าให้เวลาของเราหมดไปโดยเปล่าประโยชน์เลย
เดี๋ยวพรุ่งนี้เค้าก็ต้องออกจากบ้านพะแพงแต่เช้าตรู่
พ่อพะแพงจะได้ไม่เห็นเค้า..”พยายามอ้อนอีกคนที่ยืนเก๊กแข็งทื่ออยู่ในอ้อมกอดตัวเองอยู่
“อะไรกันทำไมเฉย
ไม่คิดถึงเมียหรือไงคะ
ผัวขา...”
คนโดนกอดหลุดยิ้มออกมาทันทีที่ได้ยินลูกอ้อนลูกใหญ่ๆลูกนี้
“บ้า..”
หน้าอมลมทั้งยิ้มทั้งแอบกลั้นขำด้วยทั้งเขินทั้งอาย
“คิดยังไงเนี่ย ทำไมกล้าพูด..”
“ก็คิดถึงผัวไง
ทำไมจะพูดไม่ได้
ก็จำได้ว่าเคยมีคนสั่งให้เรียกอย่างนี้ก็คงต้องเรียกอย่างนี้เวลาคิดถึงเขาล่ะมั้ง..”
ยัง...ยังพยายามยั่วยิ้มพะแพงอีก
นั่นเลยทำให้คุณผัวขาของเธอถึงกลับกลั้นรอยยิ้มเก๊กๆของตัวเองไว้ไม่ไหวกลายเป็นโน้มหน้าเข้าไปหอมแก้มหล่อนฟอดใหญ่ๆเมื่อคิดได้ว่าทำไมเอิ้นช่างอ้อนช่างออเซาะได้น่ารักอย่างนี้น้า~~
“หายโกรธแล้วใช่มั้ย”
คนโดนหอมยิ้มหวานค่อยๆถามพะแพงเมื่อหล่อนละริมฝีปากออกมามองตาเธอแล้ว
“ยังหรอก
แต่ก็เหนื่อยที่จะทะเลาะแล้วล่ะ
อยากพักแล้ว..เจ็บแผล..”
ตาละห้อยจ้องมองแผลที่แขนข้างซ้ายของตัวเองทันที
“ไหน..”
คนต่อหน้ายื่นมือไปจับแขนพะแพงมาดูก่อนจะเป่าเพี้ยงให้
“หายไวๆนะ เพี้ยง!”
อมยิ้มให้หล่อนที่หน้าแดงมองตัวเองก่อนจะก้มลงมองแผลต่อ
“เจ็บมากมั้ยคะ”
“ก็ไม่เท่าไหร่แล้วล่ะ
แต่ยังปวดอยู่”
“ดีนะที่เป็นแผลไม่เยอะเท่าไหร่และที่สำคัญดีที่เป็นแผลอยู่ข้างซ้ายด้วย...”
อมยิ้มหวานแบบแปลกๆเมื่อตอนที่เงยหน้าขึ้นสบสายตาพะแพงที่ก็รู้ความหมายของประโยคหลังนั้นดีว่าหมายความถึงอะไรกันแน่
“บ้า..”
เจ้าของแผลหน้าอมลมด้วยความอายเช่นเคย
ตาก็จ้องมองเจ้าของดวงตาสวยที่กำลังเชิญชวนให้มีสัมพันธ์ทางกายร่วมกันด้วยรอยยิ้มหวานแสนหวานของหล่อนไป
มือที่จับหน้าอกหล่อนก็ยังคงจับอยู่ไม่ได้มีทีท่าว่าจะวาง
แถมเมื่อคิดตามหล่อนได้ว่าเวลาแห่งความสุขกำลังจะหมดไปแล้วพะแพงก็ไม่รอช้าที่จะโน้มตัวเข้าไปมอบจุมพิตแห่งความคิดถึง
รวมทั้งช่วยกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าให้ทั้งสองอยู่ในสถานะกายเชื่อมกายและใจเชื่อมใจกันหลังจากนั้นทันที
และคืนนี้ก็คงจะเป็นอีกคืนหนึ่งที่พะแพงและเอิ้นต่างสลับกันมอบสัมผัสรักรวมทั้งมอบไออุ่นให้กันและกันเพียงแต่ว่าวันนี้จะเป็นวันที่พะแพงพยายามจะแสดงบทบาทกับเจ้าหล่อนมากกว่าทุกครั้งเท่านั้นเอง..
///////////////////////
“อ๊า
พะแพง
อ๊าา~~”เสียงครางแสนหวานของร่างที่นอนติดพื้นเตียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องตามจังหวะโยกส่วนล่างของร่างที่แทรกตัวอยู่กึ่งกลางหว่างขาเธอ
“รู้สึกดีมั้ย..”
เจ้าของจังหวะรักอย่างพะแพงขยับส่วนล่างถี่ขึ้นอีกในขณะที่ถาม
แถมยังยกตัวขึ้นโชว์เรือนร่างด้านบนที่เนินเนื้อหน้าอกหน้าใจของตัวเองกำลังกระเพื่อมสั่นไหวไปตามจังหวะโยกด้านล่างนั้นอีก
เล่นเอาคนที่นอนรอรับจังหวะนั้นได้แต่ตาค้างเพราะติดใจภาพเนินเนื้อต่อหน้าที่ล่อตาล่อใจหล่อนเหลือเกิน
“รู้สึกดีมั้ยทำไมไม่ตอบ
อ๊าา~”
คนถามกลายเป็นครางเองเสียแล้วเมื่อเอาเข้าจริงๆก็รู้สึกเสียววูบวาบๆไม่ใช่เบากับการขอเป็นคนบังคับจังหวะในท่วงท่าชายหญิงที่คนรักเธอโปรดปรานหนักเหลือเกิน
จนเธออยากจะลองสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งดูบ้าง
ซึ่งมันก็ดูโอเคมากเพราะนอกจากคนด้านล่างจะชื่นชอบเพราะเจริญตาเจริญใจกับภาพเนินเนื้อสวยที่กำลังกระเพื่อมไปมาอยู่นี่แล้ว
ตัวพะแพงเองก็ยังรู้สึกดีเพิ่มมากขึ้นอีกที่ได้มองเห็นใบหน้าสวยๆของเอิ้นในระยะใกล้อย่างนี้ด้วย
“นี่ถามทำไมไม่ตอบ..”
ยื่นมือไปจับหน้าเหม่อๆตาเคลิ้มๆของเอิ้นที่กำลังจ้องมองส่วนนั้นของตัวเองอยู่ก่อนที่หล่อนจะได้สติ
ละสายตามามองพะแพงที่หน้าแดงระเรื่อเมื่อความรู้สึกวูบวาบๆของส่วนนั้นกำลังทำให้ร่างกายเผาผลาญด้วยความร้อนไปทุกๆส่วนไม่เว้นแม้กระทั่งใบหน้าสวยของตัวเองในยามนี้
“เอ่อโทษที
เค้ากำลังมอง..เอ่อมองนมพะแพงอยู่”
หน้าแดงระเรื่อทั้งคนบอกทั้งคนฟัง
แต่อย่าคิดว่าจะมีใครอายเพราะมันเลยจุดนั้นมาไกลมากแล้ว
พะแพงเลยได้แต่ทำใจฮึกเหิมเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางกายทั้งสองให้รู้สึกดีดีกว่าจะมาเคอะเขินอะไรกัน
ในตอนนี้พะแพงแค่คิดว่าถ้าทำอะไรแล้วมันทำให้อีกคนมีความสุขเพิ่มขึ้นในเซ็กส์ครั้งนี้เธอก็จะทำ..
“ชอบเหรอ..”ก้มลงมองหน้าอกตัวเองก่อนจะยกมือขึ้นมาจับมันบีบคั้นโชว์อีกคนดื้อๆ
จนคนมองหน้าแดงฉ่าได้แต่พยักหน้าไม่มีสติตอบรับพะแพงไป
“ช..ชอบ”
“งั้น..มาสิ
มาดูดเร็ว..”เสียงเชิญชวนแสนหวานดังมาพร้อมจังหวะขยับสะโพกร่อนส่วนล่างของเธอต่อ
เล่นเอาคนที่กำลังจ้องตาค้างแอบตะลึงในการกล้าเชิญชวนของหล่อน
แต่กะนั้นก็ยังไม่วายรีบตอบตกลงโดยการโน้มตัวขึ้นไปสวมกอดร่างของพะแพงไว้
ส่วนใบหน้าของตัวเองก็กดลงแนบกับเนินเนื้อหน้าอกเพื่อสูดดมความหอมของผิวเนื้อหล่อนให้หนำใจก่อน
แล้วค่อยละเลงปลายลิ้นของตัวเองไปทั่วๆเนินเนื้อนั้นเพื่อเป็นการเปิดรับรสชาดหอมหวานให้ละลายเข้าสู่ปลายลิ้นตัวเอง
ก่อนที่จะตั้งใจดูดดื่มปุ่มเนินเนื้อทั้งสองด้วยความหิวกระหายต่อ
เมื่อคนโยกส่วนล่างยังคงโยกและร่างกายคนเบื้องล่างก็ขยับขึ้นมานั่งกอดเคล้าเคลียและละเลงลิ้นไปที่เนินนมสาวทั้งสอง
แถมส่วนล่างของหล่อนก็ยังคงโยกรับส่งจังหวะของพะแพงตอบโต้อีกภายในห้องตอนนี้จึงเต็มไปด้วยเสียงร้องครวญครางและเสียงเหมือนของเหลวบางอย่างกำลังโดนกระแทกกระทั้นดังคลอออกมาด้วยตลอด...
“เอิ้น
อ๊ะ อ๊าาา เค้ากำลังจะถึงแล้วนะ..อ๊าา~..”
คนบังคับเกมส์เริ่มส่งสัญญาณบอกว่าตัวเองกำลังจะไม่ไหวแล้ว
“เค้าก็ใกล้แล้วเหมือนกัน
แต่ขออีกนิดนะ..นะ
อ๊าา..”
พยายามดึงเกมส์ไว้แต่เมื่อพะแพงพยายามเร่งจังหวะโยกส่วนล่างขึ้นอีกก็เล่นเอาเอิ้นครางเสียงหลงไปต่อไม่เป็นเลยทีเดียว
เธอได้แต่ทำใบหน้าเหยเกมองร่างสวยที่กำลังเดินเกมส์รัวจังหวะรักซ้ำๆให้จนในที่สุดเธอก็ถึงจุดหมายปลายทางไปพร้อมๆกับหล่อนจนได้
“พะแพง
อ๊าา เค้าถึงแล้ว~..”
“เค้าก็ถึงแล้ว..”เสียงเหนื่อยหอบของคนคุมบังเหียนเงียบลงไปพร้อมๆกับการหมอบซบลงกับหน้าอกคนรักของตัวเอง
“เหนื่อยมั้ย..”
เจ้าของหน้าอกที่พะแพงกอดซบถามด้วยความเป็นห่วงมือของหล่อนก็โน้มขึ้นมาลูบเผ้าลูบผมเธอเบาๆให้
“เหนื่อยสิ
เหนื่อยมากๆด้วย
คอยดูนะพรุ่งนี้ต้องปวดขาแน่ๆ”
เจ้าของคำถามถึงกลับหลุดหัวเราะทันทีที่ได้ยินเสียงบ่นของพะแพงอย่างนั้น
“ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องทำๆเค้าจะทำเอง
แล้วฝืนเพื่อ?”
“ก็เค้าอยากลองดู
อยากรู้ว่าเอิ้นทำไมชอบนักหนากะอีท่านี่”
“แล้วรู้ยัง?..”
“รู้แล้วสิ”คนตอบอมยิ้มก่อนจะซบหน้าลงกับหน้าอกของเอิ้นต่อ
“มันดีมากเลย มิน่าเอิ้นถึงได้ชอบนัก
เวลามองผู้หญิงมีความสุขแล้วมันดีอย่างนี้นี่เอง..”
เสียงเบาๆอายๆของเธอค่อยๆเฉลยออกมา
“ยังไง?”
เงยหน้าขึ้นไปจ้องคนที่ทำเป็นโง่แกล้งทำเป็นไร้เดียงสาอย่างหมั่นไส้
“แกล้งโง่อีกแล้ว
ไม่รู้เหรอว่าตัวเองน่ะสวยมากๆเลย
ตาเอิ้นเวลาปกติน่ะก็หวานอยู่แล้วนะ
ยิ่งเวลามีความสุขตาของเอิ้นจะยิ่งหวานยิ่งสวยไปกันใหญ่เลย
แล้วก็ปากแดงๆของเอิ้นเวลาครางก็เซ็กซี่มากๆด้วยแหละ..”
ไหนๆก็บอกแล้วพะแพงเลยชี้แจงให้เจ้าหล่อนเข้าใจให้หมดที่อย่างเลย
“เหรอ..”
หล่อนอมยิ้มนิดๆ
“น่าจูบมั้ย..”
“น่าจูบสิ”
“งั้น..”
ไม่ต้องรอให้เชิญชวนเลย
เพราะพะแพงก็รีบโน้มใบหน้าเข้าไปมอบจูบให้เอิ้นทันทีที่เห็นหล่อนกำลังเพยอปากแดงๆที่เธอมองว่ามันช่างเซ็กซี่อีกครั้งหนึ่ง
“จะเอาอีกเหรอ..”
เสียงของเอิ้นดังขึ้นมาเมื่อพะแพงละจูบออกมาแล้วตั้งท่ามองหน้าเธอแปลกๆ
“ยังหรอก
เหนื่อยอยู่ แต่..เค้าขอถามอะไรได้มั้ย”
“อะไร..”
“หลิน...ไปหาเอิ้นทำไมเหรอ”
คนโดนถามชะงักทันที
“ไม่ตอบได้มั้ย..ถ้าตอบแล้วต้องทะเลาะกันอีกน่ะ”
ทั้งพูดทั้งโน้มตัวเข้าไปสวมกอดพะแพงไว้
“อย่าถามเลยนะคะคนดีในเมื่อตอนนี้เรากำลังมีความสุขด้วยกันอยู่
ขอให้พะแพงรู้ไว้อย่างเดียวว่าในชีวิตของเค้าพะแพงสำคัญที่สุด
เค้า..โอ๊ะ..”
คนพูดหยุดเว้นวรรคร้องโอดครวญอยู่พักหนึ่งก่อนจะละตัวออกจากพะแพงไปนั่งจุมปุกกับเตียง
“สงสัยยาหมดฤทธิ์แล้ว..”
“ยา?ยาอะไร”
ถามเอิ้นด้วยความสงสัยเมื่อเห็นหล่อนลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปค้นกระเป๋าหากล่องยาขึ้นมาเปิดกินหลังจากนั้น
“ยาแก้ปวดหัวน่ะ
เค้าต้องกินประจำ”
“หมายถึงแผลที่หัวที่กระถางตกใส่น่ะเหรอ”ชี้ใส่โบว์เล็กๆที่แผลของเอิ้น
“อืม
ประมาณนั้นล่ะ”
“อย่าบอกนะว่าตอนก่อนที่จะมีอะไรกันที่เห็นกินก็คือยานี่เหมือนกันน่ะ”
“อืมใช่ค่ะ”
เหล่ตามองคนช่างสงสัยนิดนึงก่อนจะเก๊กเสียงดุ
“ถามอะไรอีกมั้ยนี่สงสัยจังกะอีแค่กินยา”
“ก็สงสัยสิ
ก็ถ้ารู้ว่าไม่สบายต้องกินยาอย่างนี้ก็จะได้ไม่ชวนทำไง”
“ก็เพราะอย่างนี้แหละเค้าถึงไม่ยอมบอกว่าจะต้องกินยา
เพราะถ้าบอกพะแพงก็ไม่ยอมทำแล้วเค้าก็อดที่จะมีอะไรกับพะแพงแบบนี้อีกไง”
คนตอบตอบเสียงอ้อน
ก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปหอมไปกอดออเซาะพะแพงต่อ
เล่นเอาพะแพงที่คิ้วขมวดมองอีกคนด้วยความงอนที่หล่อนไม่ยอมบอกความจริงถึงกลับเผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นหล่อนส่งสัญญาณเชิญชวนขอมีอะไรกับตัวเองอีกครั้งจนได้
และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ทั้งสองคนพยายามถ่ายทอดบทรักให้กันอย่างเต็มความสามารถ
ด้วยหวังว่ามันจะทำให้กันและกันอิ่มเอมไปด้วยความสุขจนถึงตอนเช้าวันพรุ่งนี้เลยทีเดียว
//////////////////
“เค้าสวยหรือยังคะ”เสียงหวานๆของเอิ้นดังขึ้นเมื่อเกือบจะเช้าตรู่ของวัน
เมื่อเธอต้องการถามความเห็นของเจ้าของห้องที่กำลังหวีผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มสลวยให้ตัวเองอยู่
“ทำไมต้องถามว่าสวยมั้ยด้วย
จะให้ใครดู
ตอนนี้มืดก็มืดยังไม่มีใครตื่นมาดูสักคน”
“เอ้า
ก็น้องเมียไง
เดี๋ยวนี่น้องเมียก็จะมารับพาไปส่งหลังบ้านที่พาเค้าปีนกำแพงเข้ามาเมื่อคืนนี้อีกแล้วไง
ขืนลงไปโทรมๆเดี๋ยวก็โดนแซวว่าไม่ได้นอนอีก
ก็ต้องสวยๆวิ๊งๆสักหน่อย”
“จะอ่อยน้องเค้าอีกว่างั้น”
“โอ้ย!”
ยื่นมือไปตบแขนพะแพงทันที
“อ่อยกะผีอะไร
อ่อยไม่ได้แล้วล่ะน้องเขารู้แล้วว่าเค้าเป็นเมียพี่สาวเขาน่ะ”
“บ้า!”
หน้าอมลมด้วยความอายขึ้นมาทันที
“เออ..ว่าจะถามอยู่นึกยังไงไปบอกเพื่อนอย่างนั้น
ไม่อายหรือไง”
“ก็อาย
แต่ก็ไม่อยากให้พะแพงเข้าใจผิดเค้าทั้งๆที่ยังไม่ได้อธิบายอะไรเลยอย่างนั้น
และที่สำคัญเค้าก็ไม่ได้อยากให้น้องชายพะแพงมองเค้าไม่ดีด้วย
เค้ากล้วพะเพื่อนจะคิดว่าเค้ามาหลอกอะไรพะแพงหรือเปล่าหรือก่อปัญหาอะไรให้พะแพงไม่สบายใจอีกหรือเปล่า
เค้าเลยสารภาพไปว่าเค้ากับพะแพงจริงๆแล้วกำลังคบกันอยู่และพะแพงก็กำลังหึงเค้าและเข้าใจผิดเค้า
เค้าก็เลยขอให้น้องช่วยเรื่องพะแพง
ช่วยให้เค้าได้เคลียร์กับพะแพงที..”
หน้าแดงระเรื่อเมื่อได้ยินเอิ้นบอกกับน้องว่าตัวเองกำลังคบกันอยู่
นี่ฉันกับเธอกำลังคบกันอยู่เหรอนี่
แอบดีใจเบาๆในสถานะที่เปลี่ยนไปของตัวเองเมื่อเอิ้นเป็นคนยอมรับก่อนอย่างนั้น
“แล้วเพื่อนไม่ว่าอะไรเหรอตอนที่เอิ้นบอกไปอย่างนั้นเหรอ”
“เอ..ก็ไม่นะ”
คนตอบพยายามนึกอยู่ครู่นึง
“แต่ก็เห็นกระโดดหยองเหยงอะไรก็ไม่รู้อยู่พักหนึ่งก่อนจะวิ่งกับมาจับมือเค้า
แล้วบอกว่าขอบคุณพี่เอิ้นมากๆซ้ำๆประมาณนี้..แค่นี้ล่ะ”
“ขอบคุณอย่างนั้นเหรอ?”
หน้าแหยๆด้วยความงงทันทีที่ได้ยิน
เพื่อนจะขอบคุณเอิ้นทำไมนี่
หรือดีใจที่ขายพี่ออกอย่างนั้นรึ
นั่นคือความคิดของพะแพงก่อนจะกลายเป็นละความสนใจไปที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงเคาะเรียกเบาๆหน้าห้องแล้ว
“สงสัยเพื่อนมารับแล้ว
ป่ะ เอิ้น..”
ยังไม่ทันที่พะแพงจะเรียกอะไรคนต่อหน้าก็โผตัวกอดและมอบจูบดูดดื่มให้พะแพงอีกครั้งเพื่อเป็นการส่งท้ายก่อน
และครั้งนี้ก็ทำให้พะแพงถึงกับเคลิบเคลิ้มทันทีที่ละใบหน้าออกมาแล้วเห็นดวงตาสวยกำลังจ้องมองเธอรออยู่
“อย่าลืมคิดถึงและฝันถึงเค้าด้วยนะ
ถ้าจะนอนต่อน่ะ ไปล่ะ
ไว้เจอกันที่โรงเรียนนะ”
หล่อนบอกลาเธอไปก่อนจะเดินไปเปิดประตูเพื่อเดินไปกับน้องชายของตัวเองหลังจากนั้น
และแค่ไม่นานหลังจากนั้นเสียงเคาะประตูเบาๆที่หน้าห้องก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
และเมื่อพะแพงเปิดประตูให้ก็กลายเป็นพะเพื่อนที่หน้าแดงๆตื่นๆวิ่งเข้ามาในห้องที่เขารีบปิดไว้ทันที
“พี่แพง!ทำไมพี่แพงทำอย่างนี้”
“อะไร!ทำอะไร!”
เอ็ดน้องชายทันทีที่เห็นท่าทางร้อนรนของเขา
“ทำไมพี่แพงไม่ทะนุถนอมพี่เอิ้นให้ผมเลยอ่ะ
อุตสาห์ยอมให้คบกับพี่แพงดีๆแล้ว
ทำไม!
ทำไม!”
“อะไร”
ก็รอลุ้นกับเจ้าน้องชายว่าจะพูดอะไรจนต้องถามออกไปว่าอะไรกันแน่
เขากลืนน้ำลายเลิ่กๆลั่กๆอยู่ครู่หนึ่งเหมือนกระดากใจที่จะพูดเต็มแก่
ก่อนจะยกมือขึ้นมาชี้ที่คอตัวเองแล้วทำหน้าโมโหฉุนเฉียว
“ทำไมพี่แพงปล่อยให้พี่เอิ้นเป็นรอยประเจิดประเจ้อแบบนั้น!
โอ๊ย!
พี่เอิ้นที่แสนจะบอบบางน่าทนุถนอมของผม
แค่มานอนกับพี่แพงแค่คืนเดียวก็บอบช้ำไปทั้งตัวแล้ว
ทำไมพี่แพงใจร้ายกับพี่เอิ้นอย่างเน้!...”
กลั้นขำเอาไว้แทบไม่อยู่
แต่ก็ยังแกล้งเก๊กขรึมทำเป็นไม่สะทกสะท้านไม่รู้ไม่ชี้ในรอยรักที่เธอแอบฝากหล่อนไว้ด้วยความหมั่นไส้ในตอนที่มีอะไรกันในรอบหลังๆนั่นล่ะ
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าหล่อนจะรู้ตัวมั้ยนะว่าตัวเองเป็นรอยแดงชัดเจนขนาดนั้นจนน้องชายตัวเองยังเห็นจนต้องมาต่อว่าเธอด้วยความไม่พอใจอย่างนี้
“ใจร้ายอะไร
บ้าป่ะ รอยอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง
ไปได้แล้วจะนอน”
“ชิ
รอยอะไรไม่รู้เรื่องอย่างนั้นเหรอ
พี่แพงเอาไว้หลอกเด็กเหอะ
ไม่ดิเด็กสมัยนี้ก็รู้เรื่องพวกนี้หมดแล้วแหละ
แล้วก็ไม่ต้องมาเก๊กมาฟอร์มอะไรเลยนะ
ทีพี่เอิ้นยังยอมรับตรงๆเลย
ตัวเองก็ควรจะให้เกียรติพี่เอิ้นด้วยการยอมรับตรงๆเหมือนกันเข้าใจมั้ย
พี่ควรจะดีใจนะที่ได้คบกับพี่เอิ้นของผมน่ะ”
“พี่เอิ้นของผมงั้นเหรอ?แต่ชั้นเป็นพี่แกนะ
ทำไมแกพูดเหมือนแกเห็นคนอื่นดีกว่าชั้นเนี่ย
ชั้นนี่ก็เสียหายนะ”
“แน่ใจหรือว่าเสียหาย”
มองพี่สาวตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะยิ้มน้อยเหมือนรู้อะไรบางอย่าง
“ทำไมยิ้มแบบนี้
ไปเลยไป รีบไปนอนเลย
เดี๋ยวพ่อตื่นขึ้นมาเห็นจะสงสัยอีก
แล้วก็ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเลยนะ”
“รู้แล้วน่า
ผมทำสัญญาใจกับพี่เอิ้นไว้แล้ว
ยังไงๆผมก็ไม่ทำผิดต่อพี่เอิ้นของผมแน่นอน”
อยากจะแหวะแล้วแหวะอีกเมื่อได้ยินน้องชายบอกอย่างนั้นแต่เมื่อเห็นท่าทางแข็งขันดูจริงจังกับสัญญาแล้วก็ทำให้พะแพงนั้นแอบภูมิใจว่าน้องชายตัวเองก็มีความเป็นสุภาพบุรุษมิใช่น้อย
นี่คงจะได้พ่อมาเต็มๆสินะในเรื่องรักษาสัญญาและให้เกียรติผู้หญิงนี่
ได้แต่อมยิ้มบอกลาให้เขาไปพักผ่อนไปด้วยความอารมณ์ดีเช่นเดียวกันกับตัวเองที่ก็อาศัยเวลาที่เหลือน้อยนิดหลังจากนั้นนอนหลับพักผ่อนเอาแรงเหมือนกัน..