แพรขนตางอนค่อยๆขยับขึ้นโชว์ดวงตากลมโตหวานที่ฉายแววขุ่นมัวปนฉงนสงสัย
เมื่อสิ่งที่ณดามองเห็นด้านหน้าคล้ายว่าจะไม่ใช่สถานที่ที่เธอคุ้นเคยมาก่อน
“ที่นี่ที่ไหน?..”
ริมฝีปากเรียวบางจิ้มลิ้มพึมพำเบาๆ
พร้อมๆกับการกลอกดวงตาไปมาผ่านม่านผมม้าตัดตรงเสมอขอบตา
ก็เห็นเป็นห้องห้องหนึ่งที่ตีผนังด้วยท่อนไม้ขนาดใหญ่เรียงต่อกันขึ้นไปจนถึงฝ้าเพดานทั้งสี่ด้าน
คล้ายกับบ้านไม้ในรีสอร์ตสไตล์เรือนไม้ชายป่า ทว่ามันไม่ได้หรูหราขนาดนั้น
เพราะภายในห้องนั้นว่างเปล่าปราศจากเฟอร์นิเจอร์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
มีเพียงเตียงนอนที่ณดากำลังนอนขดตัวอยู่เพียงเตียงเดียวที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่าง
ขนาดของห้องน่าจะไม่ถึง4ตารางเมตรด้วยซ้ำ แถมวัสดุที่ก่อสร้างภายในยังเป็นวัสดุเกรดต่ำๆ
เพราะมันมีแค่พื้นไม้ที่ปูอย่างลวกๆ ไม่ได้ทาสีหรือแม้แต่แล็กเกอร์เคลือบเงา และเมื่อลองสังเกตุดีๆแผ่นพื้นไม้บางแผ่นยังไม่ได้ไสลบเหลี่ยมและยังมีเสี้ยนไม้เต็มพื้นผิวอยู่เลย
และสิ่งที่ทำให้ณดามั่นใจว่ามันน่าจะไม่ใช่รีสอร์ตหรูหรากลางป่า
ก็ตรงกลิ่นอับชื้นของบ้านไม้หลังนี้
ที่พอจะเดาได้ทันทีว่าหากที่นี่ไม่ได้มีฝนตกอยู่ตลอด
ก็น่าจะตั้งอยู่ใกล้ๆกับแหล่งน้ำอะไรสักอย่าง ไม่แม่น้ำก็ต้องเป็นธารน้ำตก..
ซึ่งสถานที่ที่มีลักษณะที่ว่านี้
ณดาค่อนข้างมั่นใจว่ามันต้องไม่ใช่ที่ที่เธอเคยอยู่ตั้งแต่เล็กจนโต
หรือสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่เธอเคยไป หรือแม้กระทั่งบ้านญาติคนใดคนหนึ่งอย่างแน่นอน
แม้ชีวิตในวัย22ปีของณดาจะเคยย้ายที่อยู่ไปๆมาๆหลายต่อหลายแห่ง
แต่ที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ที่เธอเคยเหยียบย่าง หรือใช้เป็นที่คุ้มแดดหลบฝนตอนที่ตัวเองต้องระเห็จระเหเร่ร่อนก่อนหน้านั้นเป็นแน่
นับตั้งแต่เมื่อครั้งที่น้าเพลงพิณของเธอโดนจับกุมข้อหาจ้างวานฆ่าและฉ้อโกงทรัพย์สามี
บ้านของเธอในฐานะพี่สาวของเพลงพิณก็กลายเป็นโดนซัดทอดความผิดมาด้วยแม้จะไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆก็ตาม
พ่อกับแม่เธอกลายเป็นโดนจับกุมในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นและยักยอกทรัพย์ของทัพพ์เทพด้วย
เนื่องจากมีหลักฐานเส้นทางการถ่ายโอนเงินและทรัพย์สินผ่านมาทางบัญชีของพ่อและแม่เธอ
และอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุรวมทั้งของคนในบ่อนก็ถูกซ่อนไว้ที่บ้านของเธอ
ทำให้ณดาที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยกลายเป็นจำเลยสังคม ต้องระเห็จระเหเร่ร่อนย้ายหนีสายตาเพื่อนบ้านที่ร่วมกันตัดสินเธอไปแล้วว่าทำผิดร่วมกับพ่อแม่และน้าสาวของตัวเอง
ตอนนั้นณดาในวัย19ปี
รู้สึกว่าเธอยังเด็กเกินจะจัดการปัญหาต่างๆที่ประเดประดังเข้ามาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างนั้น
ทั้งเรื่องที่เธอพึ่งอกหักกับรักครั้งแรกของตัวเองอย่างยิหวา
ที่สร้างบาดแผลให้เธอเจ็บปวดจนไม่สามารถจะมีกำลังใจอยู่บนโลกในตอนนั้นได้ หนำซ้ำยังต้องมาเจอเรื่องน้าเพลงของเธออีก
ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากและหนักเกินกว่าเด็กสาวอย่างเธอจะรับได้
รู้ตัวอีกทีบ้านก็เหลือแค่ณดาคนเดียว เธอต้องอาศัยอยู่ในบ้านที่เพื่อนบ้านจ้องมองเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตรอย่างโดดเดี่ยว
ชีวิตที่เคยเด่นดังเป็นถึงเน็ตไอดอลก็เปลี่ยนเป็นคนดังที่โดนนินทาว่าร้าย
แถมบางคราวก็ยังโดนบูลลี่เสียๆหายๆ
ทำให้ณดากลัวที่จะเปิดดูการอัพเดตของโซเชียลและเลิกเล่นไปพักใหญ่ๆ
เพื่อนๆที่มีมากมายก็กลายเป็นหายหน้าไม่กล้าเข้าใกล้ลูกสาวโจรที่เขาให้ฉายากันทั้งบ้านทั้งเมืองอย่างเธอ
ความเศร้าและความรู้สึกอ้างว้างในตอนนั้นทำให้ณดาตัดสินใจดรอปการเรียนมหาวิทยาลัยที่เดิมเอาไว้แล้วย้ายเข้ากรุงเทพเพื่อมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ในปีต่อมาอีกครั้ง
เธอยอมที่จะทิ้งความฝันของที่นี่เอาไว้
เพื่อจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่ที่เธอหวังไว้ว่าจะไม่โดนใครปรักปรำใส่ร้ายให้เป็นจำเลยสังคมอีก
เมื่อแรกเริ่มณดาย้ายไปอยู่ในหอพักที่อยู่ใกล้ๆกับที่เรียนที่ใหม่
ทว่าลุงบัญชาญาติฝ่ายพ่อของเธอก็ติดต่อให้เธอย้ายไปอยู่ที่บ้านด้วย เพราะเขาได้รับการขอร้องจากพ่อในเรือนจำให้ช่วยดูแลลูกสาวคนเดียวที่เหลืออยู่ด้วยความเป็นห่วง
และที่นั่นเองที่ทำให้ณดาได้รู้ว่ามันก็ไม่ได้แตกต่างจากเพื่อนบ้านที่ต่างจังหวัดเลย
ทว่าเธอก็จำใจยอมที่จะต้องอยู่ที่นี่ ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่พ่อแม่ต้องการ
เธอต้องทนอาศัยร่วมชายคากับญาติที่เหลืออยู่ ทนหวานอมขมกลืน
ฝืนอยู่ให้เขาดูถูกดูแคลนว่าตัวเองเป็นลูกสาวมิจฉาชีพจนกว่าตัวเองจะเรียนจบทำงาน
และสามารถหาเงินสร้างบ้านของตัวเองได้
ซึ่งมันก็ใกล้จะสำเร็จอยู่แล้วเชียว
เธอกำลังจะได้เรียนปีสุดท้ายและกำลังจะได้ฝึกงานด้วยซ้ำ
แต่กลับกลายเป็นว่าอยู่ๆเธอก็โผล่มาที่นี่ได้ไงก็ไม่รู้
ร่างสวยสะโอดสะองในชุดนักศึกษาขมวดมุ่นคิ้ว
ทั้งคลอนใบหน้าหวานภายใต้ผมดำยาวสลวยไปมาเมื่อกำลังนึกทบทวนเหตุการณ์ก่อนที่เธอจะมารู้สึกตัวว่าอยู่ที่นี่
จำได้ว่าก่อนหน้านั้นเธอกำลังเดินออกจากซอยบ้านลุงเพื่อที่จะไปขึ้นรถเมลล์ไปมหาวิทยาลัย
แต่ทว่าตอนนั้นมีรถตู้สีดำขับเข้ามาจอดข้างๆแล้วถามทางกับเธอ
เธอจึงแนะนำทางเขาไปอย่างตั้งใจและไม่ได้ระวังตัวอะไร กระทั่งมีใครไม่รู้เอาผ้ามาโปะจมูกเธอจากด้านหลัง
แล้วหลังจากนั้นเธอก็หมดสติไปเลย รู้สึกตัวอีกทีเธอก็มาติดแหง็กอยู่ที่นี่แล้ว
ใช่..เธอกำลังติดแหง็ก
เพราะเมื่อณดาพยายามขยับตัวที่นอนขดอยู่บนเตียงนอนก็พบว่าเธอถูกมัดมือไพล่หลังเอาไว้
แถมขาเธอก็ยังโดนมัดเอาไว้คู่กันอีก
ดีหน่อยที่ปากณดายังพอขยับได้เพราะไม่ได้ถูกปิดอะไรไว้
ใบหน้าหวานมองซ้ายมองขวาในห้องครู่หนึ่งก็พยายามขยับร่างไปทางหน้าต่าง
แล้วกลอกดวงตามองผ่านผ้าม่านเพื่อที่จะดูว่ามีใครอยู่ด้านนอกมั้ย
ทว่าก็ไม่เห็นใครเลย
มีเพียงภาพของต้นไม้สูงชันที่ขึ้นรายรอบบริเวณที่บ้านหลังนี้อยู่
จนมันบังแดดเสียมืดครึ้มมองดูคล้ายกับกำลังจะมีฝน
เอ๊ะ
หรือว่าฝนกำลังจะตกกัน..
เสียงฟ้าร้องที่ดังก้องอยู่ไกลๆทำให้ณดาเริ่มไม่แน่ใจถึงบรรยากาศโดยรอบของที่นี่
รวมทั้งเวลาที่แน่นอนของมันด้วย เพราะเธอไม่มีนาฬิกา
รวมทั้งตอนนี้กระเป๋าที่ใส่ข้าวของและโทรศัพท์ของเธอก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
เหมือนหนูกำลังติดจั่น
ความลนลานที่มาพร้อมความกลัวทำให้ณดาตัดสินใจตะโกนขอความช่วยเหลือออกไปข้างนอกบ้าน
หวังจะมีใครผ่านมาได้ยินบ้าง
“ช่วยด้วย!! ใครก็ได้ช่วยฉันทีค่ะ ฉันโดนโจรจับมาขังไว้ ช่วยด้วย!!”
ทั้งตะเบ็งเสียงตะโกน
ทั้งขยับตัวไปกระแทกกระจกหน้าต่างให้เกิดเสียงดังๆ หวังให้คนได้ยินเสียงแล้วจะเข้ามาช่วยได้
ทว่าในระหว่างที่กำลังหันหน้าออกไปส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือด้านนอกอยู่นั้น
ความรู้สึกเหมือนมีวัตถุอะไรแข็งๆพุ่งมาจ่อด้านหลังท้ายทอยก็ทำให้ณดาถึงกับชะงักทันที
“แหกปากหาพระแสงอะไร!!
ไม่มีใครช่วยเธอทั้งนั้นล่ะ!! นังมิจฉาชีพ!!”
นังมิจฉาชีพงั้นเหรอ..
ใบหน้าหวานขมวดมุ่นคิ้ว
รีบหันออกจากหน้าต่างเพื่อมองที่มาของวัตถุแข็งๆ
และเสียงห้าวประหลาดที่ได้ยินจากด้านหลังของตัวเองทันที
เจ้าของเสียงเปล่งๆเป็นร่างร่างหนึ่งที่ยืนจังก้า
ส่วนวัตถุแข็งๆที่กระทบท้ายทอยณดาก็คือปืนที่อยู่ในมือร่างๆนั้น
ครั้นพอณดาเพ่งพินิจพิเคราะห์ บุคคลปริศนานั้นดีๆก็เห็นเป็นร่างสูงชะลูด
ส่วนสูงของเขาน่าจะเกิน180เซนติเมตรเห็นจะได้
เขาคนนั้นใส่ทั้งกางเกงและเสื้อนอกลายพรางทหารตัวใหญ่มองดูหลวมประหลาดๆ
ทั้งหมวกลายพรางทหารที่เขาใส่ก็ใหญ่จนปิดบังใบหน้าของเขาเกือบมิดชิด
ณดาพยายามจ้องมองก็เห็นใบหน้าภายใต้หมวกนั้นใส่แว่นตาเรย์แบรนด์แบบของผู้ชายบดบังดวงตาเอาไว้ด้วย
ทั้งหมดน่าจะบ่งบอกว่าเขาเป็นชายชาติทหารอกสามศอก
แต่ทว่าทำไมณดามองส่วนประกอบที่จงใจให้แมนเกินตัวของเขาแล้วจึงเกิดความรู้สึกแปลกๆทะแม่งๆยังไงไม่รู้
ได้แต่เลื่อนตาจากแว่นตาดำมามองหนวดจิ้มลิ้มเล็กๆเหนือปากแดงระเรื่อ
ที่มองปราดเดียวยังรู้เลยว่าเป็นรูปหัวใจ แถมคางของเขาคนนั้นยังแหลมเปี๊ยบอีก
โครงหน้าไม่มีสันไม่กรามอย่างที่ควรจะเป็นในแบบฉบับของผู้ชายชาตรี และยิ่งมาใส่ชุดทหารที่ต้องผ่านการกรำแดดตากฝนมาแล้วด้วย
ยิ่งไม่น่าจะใช่เข้าไปใหญ่
จ้องมองที่เนื้อผิวหน้าก็เห็นความขาวออร่าพุ่งออกมาจากหมวกของเขาทันที
นี่ถ้าบอกว่าเป็นผู้หญิงปลอมตัวมาก็จะเชื่อเลยนะนี่
“มองทำไม!! ไม่เคยเห็นปืนหรือไง!! ”
เสียงเล็กๆที่ตะเบ็งให้ดังและแข็งกระด้างฟังดูแปลกๆทะแม่งๆอีกอย่างสำหรับเขา
ดังขึ้นเรียกสติณดาที่มัวแต่จ้องมองใบหน้าให้หันมาสนใจปืนในมือเขาต่อ
“ถ้ายังไม่อยากตายนั่งอยู่นิ่งๆแล้วหุบปากซะ”
ถึงกับตายเลยเหรอ..
คนฟังคำขู่ถึงกับขวัญหนีดีฝ่อ เบิกตาจ้องมองใบหน้าขาวนวลเนียนทว่ากลับมีหนวดจิ้มลิ้มต่อหน้าอย่างอกสั่นขวัญแขวน
ริมฝีปากบางสั่นรัวระริกทว่าก็ยังทำใจดีสู้เสือค่อยๆตั้งสติกัดฟันถามเขาอย่างใจเย็น
“คุณเป็นใคร..
แล้วจับฉันมาที่นี่ทำไม”
หนวดเล็กบนริมฝีปากรูปหัวใจขยับขึ้นตามการแค่นเสียงเหอะซ้ำๆของเขา
“ไม่ต้องมาอยากรู้ว่าฉันเป็นใครหรอกนะ
แค่รู้ไว้ว่าที่เธอต้องมาอยู่ที่นี่ก็เพราะเรื่องชั่วๆที่เธอก่อไว้นั่นแหละ”
เรื่องชั่วๆอย่างนั้นเหรอ..
คนฟังถึงกับคิ้วขมวด ใบหน้าเปลี่ยนริ้วอารมณ์จากหวาดกลัวเมื่อครู่นี้กลายเป็นชักสีหน้าไม่พอใจทันที
“ฉันทำเรื่องชั่วอะไรกัน”ทั้งถามทั้งขมึงตามอง
“ทำเป็นจำไม่ได้
หรือแกล้งโง่กันแน่” ใบหน้าใต้เงาหมวกกระตุกมุมปากยิ้มนิดๆ
“อ๋อใช่สินะ
ครอบครัวเธอมันแกล้งต้มตุ๋นหลอกลวงคนอื่นเป็นอาชีพอยู่แล้วนี่นา
ก็เลยติดนิสัยแกล้งโง่ แต่เสียใจนะสันดานอย่างเธอแสดงละครตบตาฉันไม่ได้หรอก”
เขาทั้งพูดทั้งยื่นมือมาบีบคางณดาอย่างแรง
จนใบหน้าสวยบิดบู้บี้ไปตามแรงมือของเขา
“นังโจรแพศยาอย่างเธอต้องเจอกับคนอย่างฉัน!!”
น้ำเสียงเดือดดาลตะเบ็งด่าณดาอย่างจงเกลียดจงชัง
พร้อมทั้งออกแรงบีบคางเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
กระทั่งเนื้อแก้มนุ่มนิ่มเริ่มช้ำกลายเป็นสีแดงเถือก
และคนโดนบีบก็รู้สึกเจ็บจนทนไม่ไหว
ต้องใช้สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดเข้าช่วยด้วยการออกแรงฮึดสะบัดหน้าออกจากมือ
แล้วรีบพุ่งหน้ายื่นปากไปกัดมือเขาเสียจนจมเขี้ยวแหลมๆของเธอจนมิด
“โอ้ย!!
ทำอะไรน่ะอีบ้า!!”
เสียงร้องแหลมๆแสบแก้วหูดังขึ้นพร้อมๆกับการชักมือคืนมาสะบัดไปมาของเขา
ก่อนจะรีบเหวี่ยงมืออีกข้างที่ถือปืนไปตบหน้าณดาอย่างแรง
จนณดาล้มลงไปนอนกองกับพื้นเตียง
“ฤทธิ์เยอะนักนะนังตัวดี!!
ระวังจะไม่ได้ตายดี!!”
ว่าพลางยกมือตัวเองขึ้นมาเป่ารอยแผลที่ณดากัด
ก่อนจะเห็นว่ามีเลือดออกที่แผลนั้นด้วยเลยรีบเดินออกจากห้องของณดาไปทันที
ทิ้งให้ร่างที่โดนมัดนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง
เมื่อเธอก็เริ่มสัมผัสได้ว่าบริเวณที่ตัวเองโดนตบเมื่อครู่นี้ก็มีเลือดไหลออกมาเหมือนกัน
และตอนนี้มันกำลังไหลจากปากลงสู่เตียงจนกลายเป็นสีแดงซึมเปียกไปทั่วบริเวณนั้นแล้ว..
บ้าชะมัดเลย
นี่มันกะจะฆ่าเราให้ตายจริงๆด้วยนี่ แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่นี่..
แสงจันทร์คืนเดือนหงายสาดส่องต้นไม้ใหญ่เป็นเงาสลัวผ่านเข้ามาในหน้าต่างห้องที่มืดมิด
ที่ทำหน้าที่กักขังพันธนาการหญิงสาวหน้าหวาน
ผู้ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่าทำไมเธอจึงมาอยู่ในบ้านไม้บ้าๆหลังนี้ด้วย
ร่างบอบบางร้องไห้สะอึกสะอื้น
เธอทั้งเจ็บจากบาดแผลที่ริมฝีปาก ทั้งงุนงงในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
รวมทั้งหวาดกลัวกับความรุนแรงที่เจอมาก่อนหน้านั้นไม่น้อย
ทว่าก็ยังพยายามตั้งสติหาวิธีเอาตัวรอดจากคุกนรกแห่งนี้ให้ได้
นึกถึงผู้ชายคนที่จับตัวเองมาแล้วณดาก็ได้แต่กำหมัดกัดฟันกรอดๆ
ไม่สิ..
นั่นไม่ใช่ผู้ชาย ก็ทั้งเสียงเปล่งๆ ทั้งผิวเนื้อขาวนวลเนียน
ทั้งใบหน้าเรียวยาวไร้สันกรามอย่างผู้ชาย
ดูยังไงณดาก็มั่นใจว่าเขาคนนั้นจะต้องเป็นผู้หญิงปลอมตัวมาแน่ๆ
และสิ่งที่ทำให้ณดามั่นใจมากที่สุดก็คือเนื้อนุ่มนิ่มของมือเขาที่ณดาไปกัดจมเขี้ยวมาในช่วงกลางวันนั่นแหละ
ถึงเธอจะไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชาย
และไม่ค่อยได้สุงสิงกับผู้ชายเท่าไหร่
ทว่าหญิงสาวก็จำสัมผัสมืออันหนาและแข็งแรงของพ่อเธอได้
มือของโจรคนนั้นทั้งนุ่มนิ่มทั้งบอบบาง
แถมพอเธอแอบสังเกตดีๆยังเห็นว่าเขามีนิ้วเรียวยาวสวยเหมือนผู้หญิงอีก
ไม่มีผู้ชายในร่างทหารคนไหนที่จะมีมีมือสวยเรียวยาวได้ขนาดนั้นหรอกนะ
เว้นเสียจากว่านี่จะเป็นผู้หญิงจงใจปลอมตัวมาเป็นผู้ชายเพื่อปิดบังอะไรบางอย่าง
อ๋อ..นี่คงกะจะฆ่าฉันให้ตายโดยที่ไม่ให้ใครสืบสาวราวเรื่องได้เลยใช่มั้ยว่าฆาตกรคือใคร
เป็นหญิงหรือชายน่ะ
คิดเหตุผลมันออกแล้วน้ำตาหญิงสาวก็ไหลพราก
เมื่อชีวิตของเธอยังมีเป้าหมายหลายๆอย่างที่ยังทำไม่สำเร็จเลย
เธอยังเรียนไม่จบ
ยังไม่ได้ฝึกงาน ยังไม่ได้รับปริญญา
รวมทั้งยังไม่ได้ทำงานหาเงินสร้างบ้านเป็นของตัวเองดังตั้งใจเลย
แถมความฝันสูงสุดในชีวิตที่หวังไว้ว่าจะต้องอยู่รอพ่อแม่ออกมาจากเรือนจำ เธอก็ยังทำไม่สำเร็จอีกด้วย
คิดแล้วก็ได้แต่ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจที่ตัวเองต้องเอาชีวิตมาทิ้งเปล่า
ต้องมาตายทั้งๆที่ยังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงด้วยซ้ำว่าตัวเองทำผิดอะไร
เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นพร้อมร่างสูงชะลูดที่เดินพรวดพราดตึงตังเข้ามาในห้อง
เรียกสติณดาให้ตื่นลืมตา หลังจากที่เธอเผลอหลับไปเมื่อช่วงรุ่งเช้า
หญิงสาวสะลึมสะลือปรือตามองร่างในชุดพรางทหารที่เดินถือจานจานหนึ่งเข้ามา
ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ๆเขาวางจานกระแทกพื้นเตียงนอนที่เธอนอนคู้อยู่
จนข้าวในจานนั้นกระเด็นเรี่ยราดออกมาเสียเต็มพื้นเตียงไปหมด
ร่างบางเบิกตามองสิ่งที่อยู่ในจานก็เห็นว่ามีเพียงข้าวเปล่าๆเท่านั้น
ครั้นเงยหน้าขึ้นมองเขาก็เห็นกระตุกมุมปากขยับหนวดยิ้มกวนๆรออยู่แล้ว
“กินข้าวซะ”เสียงกระด้างออกคำสั่ง ทั้งพยักพเยิดหน้าไปทางจานข้าว
“ข้าว?”
“ใช่
อาหารว่างของมิจฉาชีพอย่างเธอไง” ว่าพลางยื่นมือข้างที่ปิดปลาสเตอร์ปิดแผลไปเขี่ยจานใส่ร่างณดาที่นอนคุดคู้อยู่
เพราะจนถึงตอนนี้เธอก็ยังคงโดนเขามัดเท้ามัดมือไพล่หลังไว้เช่นเคย
ซึ่งนั่นก็ทำให้หญิงสาวถึงกับเงยหน้าคิ้วขมวดไม่สบอารมณ์มองเขาทันที ทว่าก็หยุดชะงักเสียก่อนเมื่อคิดอะไรขึ้นได้
“จะกินยังไง
ฉันโดนมัดไว้อย่างนี้..” พยายามส่งเสียงละห้อยถามเขาไป
เมื่อนึกขึ้นได้ถึงแผนการหลอกให้เขาแก้มัดเชือกให้ตัวเองตอนกินข้าวก็ได้นี่นา..
ฝ่ายโจรผู้รู้ทันได้แต่กระตุกหนวดยิ้มอ่อน
พุ่งร่างลงไปบนเตียงพร้อมหยิบเอาจานข้าวยกขึ้นมาวางต่อหน้าณดา
ที่เขาใช้มืออีกข้างบีบคางเพื่อยกหน้าให้เงยขึ้นมามองเขา
“เคยเห็นหมากินข้าวมั้ย
เธอก็กินอย่างที่หมามันกินนั่นแหละ นอนใช้ปากเลียข้าวในจานกินไปเลย
เนี่ยฉันคลุกข้าวกับน้ำปลามาให้เธอแล้ว รับรองอร่อยสมกับโจรอย่างเธอแน่”
“ไอ้บ้า!!
เกินไปแล้วนะ!!”
ใบหน้าณดาแดงกร่ำ
เส้นเลือดใหญ่ที่หน้าผากเต้นตุบๆ นึกโกรธที่โดนเปรียบเทียบกับหมาเลยตะเบ็งเสียงด่าด้วยความโมโห
เธอสะบัดหน้าออกจากมือเขา แล้วรวบรวมพลังเฮือกใหญ่ๆพุ่งหัวไปกระแทกหน้าเขาอย่างแรง
จนเขาล้มหงายหน้าตกจากเตียงในทันที
ตากลมจ้องมองร่างใหญ่หงายเงิบลงพื้น
ก็เห็นว่าแว่นตาของเขาตกลงอยู่บนพื้นเตียงด้วย ทว่าตอนนี้มันแตกเป็นเสี่ยงๆเพราะโดนกระแทกไปแล้ว
ครั้นพอรีบมองไปที่เขาก็เห็นว่ากำลังร้องโอดโอยทั้งรีบยกมือขึ้นปิดหน้าปิดตาตัวเองเอาไว้
ตอนที่ยกตัวขึ้นมาจากพื้นห้องแล้วหยิบเอาเศษแว่นตากลับไป
“ฝากไว้ก่อนเถอะนังโจร!!”
น้ำเสียงเดือดดาลมาพร้อมกับการยกมือข้างที่ถือแว่นตาขึ้นมาชี้หน้าด้วยอาการอาฆาตมาตร้าย
โดยที่มืออีกข้างยังคงยกขึ้นปกปิดใบหน้าเขาไว้เช่นเดิมทำให้มองไม่เห็นหน้าเขาอยู่ดี
แต่กระนั้นณดาก็ยังแอบมองเห็นว่ามีรอยเลือดไหลออกมาจากจมูกของเขาด้วย
หึ..สมน้ำหน้าดั้งหักเลยสิท่า..
คนสวยกระตุกมุมปากจิ้มลิ้มยิ้มอย่างสะใจที่อย่างน้อยๆก็เอาคืนเขาได้อีกครั้ง
นึกขอบใจตัวเองที่เป็นคนหัวแข็งแต่ไหนแต่ไรเลยพอใช้ประโยชน์ได้บ้าง..
เธอจ้องมองร่างสูงชะลูดเดินสูดปากออกจากห้องไป
ก่อนตัวเองจะเริ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมาที่หัวเหมือนกันเลยได้แต่สูดปากร้องโอดโอยเบาๆหลังจากนั้นด้วย..
โอย..ปากก็แตกไปแล้ว หัวก็โนไปแล้ว หลังจากนี้ฉันจะเอาอะไรไปสู้กับแกอีกวะเนี่ย
ไอ้โจรบ้า
ผ่านไปพักใหญ่ๆที่ณดาถูกทิ้งให้อยู่ในห้องคนเดียว
พร้อมๆกับจานข้าวที่หกกระจัดกระจายอยู่บนพื้นเตียงที่เธอนอนขดคุดคู้อยู่
หญิงสาวในชุดนักศึกษาพยายามขยับแขนที่ถูกมัดไปมาซ้ำๆ
ด้วยหวังจะให้เชือกนั้นเคลื่อนไปมาตามแรงถูๆไถๆกระทั่งมันหลวมและหลุดออกจากมือเธอเองในที่สุด
ทว่าไม่ว่าจะพยายามขยับสักเท่าไหร่เชือกที่ถูกมัดไว้อย่างแน่นหนาก็ไม่มีทีท่าว่าจะคลายออกเลย
เธอยังคงติดอยู่ในพันธนาการเหมือนเดิม ไม่สามารถพาตัวเองหนีไปจากที่นี่ได้อย่างใจหวัง
ทำได้เพียงนอนน้ำตาซึมอยู่บนเตียงนอน กระทั่งประตูห้องเปิดออกอีกครั้ง
ใบหน้าซึมๆของหญิงสาวจึงเริ่มเปลี่ยนริ้วอารมณ์
ริมฝีปากโค้งคว่ำของณดาพลันกระตุกมุมปากยิ้มอ่อนทันทีที่เห็นสภาพของร่างที่เดินเข้ามา
“ยิ้มอะไรไม่ทราบ
ไม่เคยเห็นคนหรือไง หึ!! ฤทธิ์เยอะนักนะนังตัวดี
ระวังศพจะไม่สวย”
เสียงที่เก๊กให้เข้มตะเบ็งใส่ณดาทันทีที่เห็นเธออมยิ้มกรุ่มอรุ่มเจ๊าะอย่างนั้น
ก็จะไม่ให้ณดาแอบขำได้อย่างไรก็ในเมื่อร่างมาดแมนในชุดพรางทหารพร้อมแว่นตาเรย์แบรนด์
ตอนนี้มันถูกทำให้ดูประหลาดขึ้นจากเดิมเป็นสิบเท่าด้วยแว่นตาสีขาวที่เขาไปเปลี่ยนมาจากไหนก็ไม่รู้
ถ้าณดาจำไม่ผิดแว่นที่เขาใสนี่คือ
Celine
Cat Eye Sunglasses in Acetate White คอเลคชั่นแว่นสุดคูลสำหรับคุณผู้หญิง
ที่เพื่อนสาวๆที่มีฐานะร่ำรวยของณดานิยมใส่ในช่วงนี้นี่นา
แหม..รสนิยมดีเสียด้วยนะคุณโจร เห็นทีคุณโจรในร่างทหารจะเป็นผู้หญิงที่มีสไตล์การแต่งตัวที่เปรี้ยวซ่าก๋ากั่นไม่เบาเลย
แต่แว่นนั่นยังไม่ขำเท่ากับกระดาษทิชชู่สองอันเล็กๆที่เขาม้วนเข้าไปในรูจมูกทั้งสองเพื่อกันไม่ให้เลือดกำเดาของเขาไหลออกมาอีก
หลังจากที่โดนหัวเธอปะทะหน้าไปเต็มๆก่อนหน้านั้น
และตอนนี้ทิชชู่ทั้งสองอันก็ดันเด่นกว่าหนวดจุ๋มจิ๋มของเขาเสียด้วยสิ
ณดาเลยอดที่จะหลุดหัวเราะเขาไม่ได้
“หัวเราะอะไรวะ!!”
ร่างสูงใหญ่ดูหัวเสียเป็นพิเศษที่เห็นว่าณดาหัวเราะเยาะเขา
เขาดึงหมวกลงมาปิดหน้าก่อนจะเก๊กดุเสียงดังคุยกับณดา
“เอาล่ะ
ฉันเสียเวลากับเธอมามากพอแล้ว บอกฉันมานังตัวดี เธอเอาคลิปทั้งหมดของพี่ต้องไปเก็บไว้ไหน”
“คลิป?!”ใบหน้าที่กำลังหัวเราะกลายเป็นหยุดชะงัก ณดากระพริบตาปริบๆ “คลิปอะไร??”
“คลิปของพี่ต้องไง”
“ใครคือพี่ต้อง??”
ใบหน้าใต้หมวกพรางกระตุกหนวดหัวเราะหึๆ
“แกล้งโง่อีกแล้วนะนังโจร หรือผู้ชายที่ตกเป็นเหยื่อเธอมันเยอะเกินไป เธอเลยจำผู้ชายที่ชื่อต้องไม่ได้”
ได้ยินอย่างนั้นใบหน้าสวยของณดาก็ยิ่งเต็มไปด้วยความสงสัยเข้าไปใหญ่
ทำไมยัยโจรทหารพรางคนนี้ถึงพูดถึงเรื่องคลิปและผู้ชายที่ชื่อต้องกับเธอกันนะ
หรือว่านี่คือสาเหตุที่เขาจับตัวเธอมากัน
“นี่เธอพูดอะไร
ฉันไม่เห็นจะรู้เรื่องกับเธอเลย ฉันว่าเธอกำลังเข้าใจผิดฉันแล้วล่ะ”
ร่างสูงใหญ่ส่ายใบหน้าไปมาทั้งแค่นเสียงหัวเราะซ้ำๆ
“คิดไว้แล้วว่าเธอต้องเล่นมุกแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องพวกนี้
แต่เสียใจนะผู้หญิงอย่างเธอหลอกฉันไม่ได้หรอก” ว่าพลางยกปืนในมือขึ้นเล็งณดาที่เริ่มเบิกตาโตเมื่อเห็นเขาทำท่าจะยิงปืนขู่เธออีกแล้ว
“บอกมาว่าคลิปของพี่ต้องอยู่ไหน
ถ้าไม่อยากตายรีบๆบอกมาเร็วๆ”
คนโดนขู่ส่ายใบหน้าซีดเซียวไปมาพรืดใหญ่ๆ
ทั้งงงทั้งกลัวสับสนไปหมด
“คลิปอะไรฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ
นี่!ถึงเธอจะยิงฉันให้ตายยังไง ฉันก็บอกเธอไม่ได้อยู่ดีว่าคลิปอยู่ไหน”
“อ้อ ถึงยิงให้ตายก็บอกไม่ได้อยู่ดีใช่มั้ยว่าคลิปอยู่ไหน
งั้นถ้าทำแบบนี้ล่ะ”
ร่างสูงว่าพลางพุ่งลงบนเตียงนอนแล้วใช้มือปัดจานข้าวที่อยู่บนเตียงทิ้ง
เขาดึงร่างณดาเข้ามาหาตัวเองแล้วจัดการปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาดึงออกไปกองตรงตำแหน่งที่แขนหล่อนถูกมัดไพล่หลังไว้
ทั้งหันมาจัดการเลิกชั้นในสีดำดึงขึ้นมาไว้แถวๆต้นคอ
โชว์เนินอกอวบอิ่มสวยสะพรั่งตามวัย ซึ่งนั่นก็ทำให้ร่างบางถึงกับดิ้นพล่านๆ
ทั้งร้องตะโกนสบถด่าเขาเสียงหลง
“หยุดนะ!!
ทำอะไรน่ะไอ้บ้า!! ไอ้โรคจิต!!”
ใบหน้าแดงกร่ำจ้องมองเขาผละร่างออกจากตัวเองเพื่อหยิบเอาโทรศัพท์ในกระเป๋าหลังกางเกงขึ้นมากดถ่ายคลิปเธอไว้
“ทำอะไรน่ะเหรอ
ก็จะทำอย่างที่เธอทำกับพี่ต้องนั่นไง
อยากรู้นักว่าถ้าคลิปนี้หลุดออกไปในโซเชียลแล้วเธอจะทำหน้ายังไง”
“ไอ้บ้า!!
หยุดถ่ายเดียวนี้นะ!!”
เสียงสั่นสะอื้นตะโกนสั่งเขาสุดกำลัง
จ้องมองเขาด้วยใบหน้าอาบน้ำตา ทั้งพยายามก้มร่างกึ่งเปลือยกึ่งปิดของตัวเองลงบนเตียงนอน
ทว่าแค่เขาเห็นว่าณดากำลังขยับตัวหนีจากกล้อง
เขาก็พุ่งร่างเข้าไปจับตัวณดาให้เงยหน้าขึ้นมา
ทั้งยื่นมือไปจับกระโปรงทำท่าเหมือนจะถอดออกเป็นชิ้นต่อไป
“บอกมา
เธอเอาคลิปของพี่ต้องไปไว้ไหน ถ้าเธอไม่บอกส่วนนี้จะเป็นส่วนต่อไปที่จะถูกถอดออกถ่ายแล้วเอาไปประจานในเน็ต”
ว่าพลางขยุกขยิกมือทำท่าจะดึงกระโปรงจีบรอบณดาออกจากเอว
“อย่านะ!!
ไอ้บ้า!! ไอ้! ไอ้!
คนชั่ว!!”
ร่างบางดิ้นพล่านๆ
พยายามขยับกายส่วนล่างหนีจากมือเขาให้ได้ ทว่ายิ่งเธอดิ้นยิ่งเหมือนไปยุโจรร่างใหญ่ให้โมโห
กระทั่งมันออกแรงกระชากกระโปรงณดาออกจากเอวมาไว้แถวๆปลายเท้า
แล้วใช้มือถือบันทึกภาพร่างสะโอดสะองขาวนวลเนียน
ที่ตอนนี้เหลือแค่เพียงกางเกงชั้นในตัวจิ๋วปกปิดส่วนสงวนไว้เท่านั้น
ใบหน้าหวานแดงเถือกแปดเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวล
จ้องมองรอยยิ้มเย้ยหยันของโจรในชุดทหารแล้วก็ได้แต่ส่งเสียงสะอื้นถามเขาไปด้วยความไม่เข้าใจ
“เธอจะทำอย่างนี้ไปทำไม
ในเมื่อฉันก็บอกเธอไปแล้วว่าฉันไม่ได้รู้เรื่องที่เธอพูดมาสักนิด”
“ถ้ายังโกหกอีก
ไอ้ชิ้นที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็จะกลายเป็นชิ้นต่อไปที่จะหลุดไปกองที่ปลายเท้าเธอ”
เขาทั้งพูดทั้งยื่นมือไปจับขอบกางเกงชั้นใน ในขณะที่มืออีกข้างยังคงจับกล้องที่กำลังบันทึกภาพเคลื่อนไหวของณดาไว้เช่นเคย
“ไอ้บ้า!!”
คนโดนขู่ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม
เธอได้แต่จ้องมองรอยยิ้มของร่างต่อหน้าด้วยความไม่เข้าใจไป
“เธอจะทำอย่างนี้ทำไม
ในเมื่อเธอก็เป็นผู้หญิงด้วยกัน”
“ใครเป็นผู้หญิง!!”
ร่างนั้นรีบถามกลับ ท่าทางตกใจอย่างเห็นได้ชัด “ฉันเป็นผู้ชาย” เขาเก๊กเสียงขึงขังขึ้นทันที
“อย่ามาโกหกกันเลย
เธอเป็นผู้หญิง ดูยังไงก็รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิง
และเป็นผู้หญิงด้วยกันเขาไม่ทำกันอย่างนี้หรอกนะ ปล่อยฉันไปเถอะ สงสารผู้หญิงด้วยกันเถอะนะ”
พยายามส่งเสียงอ้อนวอนทั้งส่งสายตาวิงวอน
จนร่างที่อยู่ในชุดทหารเริ่มหยุดนิ่งเหมือนกำลังตัดสินใจบางอย่าง ครู่ใหญ่ๆเขาก็ยื่นมือมาผลักร่างณดาให้นอนลงไปยังพื้นเตียงต่อ
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิง
ถ้าไม่เชื่อฉันจะปล้ำเธอให้ดูเลยดีมั้ย”
“ก็ปล้ำเลยสิ”
ใบหน้าหวานส่งเสียงท้าทาย
เมื่อเธอมั่นใจอยู่แล้วว่าเซนส์ของตัวเองไม่มีทางผิด เขาคนนี้.. ไม่สิหล่อนคนนี้ต้องเป็นผู้หญิงปลอมตัวมาอย่างแน่นอน
และหล่อนไม่มีทางทำอะไรเธอแน่ๆ
“เอาสิ
ปล้ำฉันเลยสิ”
ว่าพลางดันหน้าอกตัวเองขึ้นกระแทกตาเขาที่ก้มลงมองอย่างลังเลใจก่อนหน้านั้น
ก่อนจะเห็นท่าทางย้ำคิดย้ำทำ ทั้งทำท่าเหมือนจะก้มลงมาหาเธอหลายต่อหลายครั้ง
ทว่าสุดท้ายเขาคนนั้นก็ตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงนอน
แล้วเดินออกไปจากห้องไป พร้อมเสียงด่าทอณดาที่ดังขึ้นมาหลังจากนั้น
“ผู้หญิงอย่างเธอไม่ใช่สเปคฉัน
ถึงจะมานอนแก้ผ้ายั่วฉัน ฉันก็ไม่เอามาทำเมียหรอก”