วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559


Lovely Mafia Girl
ลูกสาวเจ้าพ่อ ขอเป็นแฟนหนู
 Chapter 9
ชื่อเสีย...โด่งดัง
เสียงออดเลิกเรียนดังขึ้นพร้อมๆกับการบอกทำความเคารพคุณครูของหัวหน้าสายชั้น ฉันเก็บข้าวของลงกระเป๋าแล้วลุกขึ้นยกเก้าอี้วางเก็บไว้บนโต๊ะ เพื่อนที่อยู่ข้างๆโต๊ะฉันหันมาชวนฉันกลับบ้านด้วยกัน แต่ฉันก็ปฏิเสธไปด้วยเพราะว่าตอนเลิกเรียนวันนี้ฉันต้องไปพบครูประจำชั้นของฉันครูสุวิชชา ตามที่คุณครูบอกมาตอนเรียนคาบบ่ายคาบแรก
ฉันถอนหายใจ ในใจนึกกังวลถึงเรื่องราวที่ครูจะพูดกับฉัน ด้วยเพราะว่าตอนที่รองผอ.คนนั้นที่เห็นฉันกับพี่เนยมีเรื่องกับพวกรุ่นพี่กลุ่มนั้นเดินเข้ามาหาฉันในห้องแล้วเค้าก็เรียกครูสุวิชชาออกไปคุยด้วยตั้งนาน..
...ต้องเป็นเรื่องเมื่อตอนเที่ยงแน่ๆเลย... ฉันเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดทั้งคิดทั้งกังวลกลัว ในใจฉันตอนนี้ไม่มีสมาธิสติสตังจะทำอะไรทั้งนั้นแล้ว ฉันกลัวคุณครูจะถามเรื่องฉันกับพี่เนย กลัวจะถามว่าทำไมคนพวกนั้นถึงทำไม่ดีกับฉันอย่างนั้น ถ้าคุณครูซักไซร้ไล่เรียงเรื่องพวกนั้นไปเรื่อยๆจนฉันเผลอพูดถึงความสัมพันธ์ของฉันกับพี่เนยแล้ว ฉันจะทำอย่างไร...
นี่ล่ะนะที่เค้าว่ากันว่า ...คบคนพาล คนพาลพาไปหาผิด..แค่ฉันคิดที่จะให้โอกาสพี่เนยไปไหนมาไหนด้วย ความซวยยังประเดประดังมาขนาดนี้ แล้วนี่ถ้าฉันยอมคบกับเจ้าหล่อนจริงๆ เรื่องราวร้ายๆจะไม่ยิ่งถาโถมเข้ามาในชีวิตของฉันอีกอย่างนั้นเหรอ...
ฉันทั้งคิดทั้งเดินมาจนถึงห้องพักครู พอเปิดประตูเข้าไปตอนนี้ในห้องมีครูสุวิชชาอยู่กับครูที่สอนสายชั้นเดียวกันอยู่อีกคน พอครูคนนั้นเห็นฉันเค้าก็รีบเปิดทางให้ฉันนั่งลงคุยกับครูสุวิชชาทันที
ฉันยกมือไหว้ครูก่อนที่จะนั่งลงตามที่ครูบอกให้ฉันนั่ง
ครูสุวิชชานั่งจ้องหน้าฉันอยู่นานกว่าจะถอนหายใจเริ่มพูดเรื่องที่จะพูดออกมา
“..กีรติ จริงๆครูเคยเห็นหน้าเธอมาตั้งแต่สมัย ม.1แล้วนะเธอน่ะทั้งเป็นเด็กเรียนทำกิจกรรมวิชาการกับทางโรงเรียนมาตลอด ทั้งตอนนี้เธอก็ยังเป็นตัวแทนคณะกรรมการโรงเรียนของห้องที่เพื่อนๆเลือกกันด้วย ครูดูครูก็รู้ว่าเธอเป็นเด็กดีไม่น่าจะใช่คนที่จะก่อปัญหาอะไร” ฉันพยักหน้างึกๆงักๆตามเรื่องที่คุณครูกำลังพูดกับฉันไปด้วย
เอาจริงๆเลยนะ ครูเข้าเรื่องเลยดีกว่า วันนี้เธอเห็นแล้วใช่มั้ยว่ารองผอ.อดุลย์เดินมาถามหาเธอที่ห้อง จริงๆแล้วเธอรู้อยู่แล้วใช่มั้ยว่าอาจารย์อดุลย์เค้ามีเรื่องอะไรจะคุยกับเธอ”
ฉันพยักหน้าแล้วรีบก้มหน้าหลบตาครูทันทีที่ได้ยินครูพูดอย่างนั้น
ครูก้มลงมองหน้าฉันที่พยายามหลบตา ก่อนจะพูดต่อ
ครูได้ยินคนเค้าพูดกันเรื่องเธอกับเนรนิมิต พวกเด็กนักเรียนนี่ล่ะเค้าบอกครูว่าพวกเธอสองคน..คบกัน เป็นความจริงหรือเปล่า” ครูถามแล้วก็หยุดโดยเน้นย้ำคำว่าเป็นความจริงหรือเปล่าให้ฉันตอบเธอ
ฉันส่ายหน้าให้ครูแทนคำตอบว่า ไม่ ก่อนที่ครูจะรีบพูดขึ้นทันที “แล้วทำไมเค้าถึงพูดอย่างนั้นกันล่ะ”
ฉันอ้ำๆอึ้งๆไม่รู้จะตอบครูอย่างไรดี “พูดความจริงมาเถอะมีอะไรที่ครูพอจะช่วยเธอได้ครูก็จะช่วยนะ”
คือ..จริงๆหนูยังไม่ได้คบกับพี่เค้า พี่เค้าแค่มาจีบหนูเฉยๆ..แต่เรายังไม่ได้เป็นแฟนกันเรายังไม่ได้คบกันนะคะครู หนูไม่ได้คิดอะไรกับพี่เค้าอย่างนั้น...” ฉันเสียงสั่นๆนั่งก้มหน้าพยายามอธิบายให้ครูเข้าใจเรื่องราวของฉันกับพี่เนย
เนรนิมิตเค้าชอบเธอฝ่ายเดียวเหรอ” ฉันพยักหน้าตอบรับคุณครูทันทีที่ได้ยินคำถาม “เธอกำลังจะบอกครูว่า..เธอไม่ได้ชอบเค้า..แต่เธอไปไหนมาไหนกับเค้าตลอดนี่นะ” ฉันนั่งนิ่งคิ้วขมวดไม่รู้จะตอบครูว่าอย่างไรดี
อืม..จริงๆครูก็ไม่ได้จะว่าอะไรเธอเกี่ยวกับประเด็นนี้หรอกนะ คือไม่ว่าเรื่องจริงมันจะคืออะไร..พวกเธอสองคนจะคบกันจริงๆหรือไม่...มันก็ไม่ใช่ปัญหาหรอกนะ ถ้าต่างฝ่ายต่างคบกันอยู่ในกรอบช่วยกันดูแลกันให้กำลังใจกัน...ครูเข้าใจวัยรุ่นนะมันก็ต้องมีบ้างกำลังใจในการเรียนหนังสือน่ะ แม้พวกเธอสองคนจะเป็นผู้หญิงด้วยกันทั้งสองคน ครูก็ไม่ว่าเลย มันเป็นสิทธิ์ของพวกเธอ โลกเค้าเปิดรับกันหมดแล้ว แล้วตอนนี้พวกเธอก็กำลังเริ่มโตแล้วด้วย คงแยกแยะอะไรออกอยู่แล้วว่าเรื่องรสนิยมทางเพศแบบนี้บังคับกันไม่ได้ เธอมีสิทธิ์จะชอบผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้ ใครก็ไม่มีสิทธิ์บังคับเธอได้ ครูก็เช่นกัน..”
แต่ที่ครูจะพูดกับเธอในวันนี้ก็คือ ถ้าเรื่องที่เธอชอบผู้หญิงด้วยกันเป็นเรื่องจริง แล้วผู้หญิงคนนั้นคือเนรนิมิตน่ะ ครูว่ามันไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่นะกีรติ คือครูท่านอื่นๆให้นิยามเค้าว่าเป็นเด็กเหลือเดน สำหรับครูก็ไม่อยากจะคิดว่าเค้าจะเสียคนขนาดนั้น ครูแค่มองเค้าว่าเค้าเป็นคนค่อนข้างมีปัญหานะ ครูเห็นเค้ามาตั้งแต่สมัยเข้ามาเรียนม.1ใหม่ๆจนกระทั่งมาปีนี้ ไม่มีปีไหนเลยสักปีที่เค้าจะทำตัวไม่มีปัญหา ทั้งๆที่ตัวเค้าอยู่ในครอบครัวที่เพียบพร้อมแท้ๆ แล้วตอนนี้ก็กลายเป็นว่าปัญหาเหล่านั้นกำลังลามมาที่ตัวเธอด้วยอีกคนซะแล้ว คือจริงๆแล้ววันนี้เธอควรจะได้เข้าพบรอง ผอ.ที่ห้องปกครองนะแต่เธอก็ไม่ได้ไป เธอรู้ตัวอยู่ใช่มั้ยว่าเป็นเพราะอะไรเธอถึงไม่ได้เข้าห้องปกครอง รู้มั้ยว่าเนรนิมิตรแรกๆก็อย่างนี้แหละเหมือนจะต้องเข้าห้องปกครองอยู่เกือบๆทุกเทอม แต่เค้าก็รอดเสมอ..ก็ไม่แปลกหรอกนะเส้นสายพ่อเค้าเยอะ ทำอะไรผิดเค้าก็คงอยากช่วยลูกเค้าเป็นธรรมดา แต่เรื่องพวกนี้ครูบางคนเค้ารับไม่ได้นะโดยเฉพาะครูเอง บางทีพวกครูเองก็ยังเคยมีเรื่องกับเนรนิมิตเลย ครูรู้สึกว่าเค้าไม่ได้ให้เกียรติใครเลยในโรงเรียนนี้ ..ในฐานะที่ครูเป็นครูประจำชั้นเธอนะ อะไรที่ครูพอจะเตือนเธอได้ครูจะรีบเตือน อย่าเข้าใกล้ไฟอย่าเข้าใกล้อะไรที่มันพร้อมจะเผาไหม้เธอเลย เธอเป็นเด็กดีไม่เหมาะหรอกนะที่จะไปมีชีวิตที่มันแย่ๆอย่างนั้น ห่างเค้าได้ก็ห่างเถอะนะ” ครูสุวิชชาร่ายยาวอธิบายเรื่องพี่เนยให้ฉันฟังอยู่นาน ฉันได้แต่นั่งนิ่งคิดตามมองเห็นภาพวีระกรรมต่างๆของพี่เนยแล้วก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี นี่ถึงขั้นครูทั้งโรงเรียนให้ฉายาว่าเด็กเหลือเดน คงไม่ใช่ธรรมดาแล้วใช่มั้ยนี่
..นี่ฉันควรจะพยายามห่างๆหล่อนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆเหมือนดั่งเช่นคุณครูบอกมานี่ใช่มั้ย
..ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งปวดหัวพูดอะไรไม่ออกได้แต่พยักหน้ารับเออๆออๆไปตามที่คุณครูบอกคุณครูสอน หรือเรื่องที่คุณครูยกตัวอย่างวีรกรรมของพี่เนยให้ฟังจนกระทั่งคุณครูอนุญาติให้ฉันกลับบ้านได้..
ฉันเดินคอตกออกมาจากห้องพักครู ทั้งรู้สึกเครียดและรู้สึกแย่ที่กำลังจะโดนครูทั้งโรงเรียนเหมารวมว่าฉันเป็นคนไม่ดีเช่นเดียวกันกับพี่เนย
ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแย่ๆอย่างนี้นะ ทั้งๆที่ฉันอยู่ของฉันดีๆแท้ๆ ทำไมพี่เนยต้องเข้ามาในชีวิตฉันแล้วทำนั่นทำนี่ให้ฉันรู้สึกสับสนในชีวิตตัวเองอย่างนี้
...บ้าจริงๆเลยอ่ะ ฉันเดินก้มหน้าทั้งคิดทั้งเดินแตะพื้นไปด้วยทีท่าอาการเซ็งๆออกจากหน้าห้องพักครูได้ไม่ไกลเท่าไหร่แล้วก็ต้องมาหยุดกึ๊กเพราะชนเค้ากับใครบางคนที่ยืนขวางทางฉันไว้
ฉันรีบเงยหน้ามอง
พี่เนย??!!!
เธอยืนกอดอกทำหน้านิ่วคิ้วขมวดจ้องหน้าฉันทำทีท่าเหมือนเป็นห่วงฉันซะเต็มประดา
กี้ เป็นยังไงบ้าง ครูเรียกไปหาทำไมอ่ะ พี่รอกี้ตั้งนานกี้ไม่มาสักทีพี่เลยเดินไปถามเพื่อนกี้ที่ห้อง ได้ข่าวว่าครูเรียกกี้พบที่ห้องพัก ครูเค้าคุยอะไรด้วย”
ฉันคิ้วขมวดจ้องหน้าพี่เนยด้วยความโกรธและไม่อยากพูดอะไรกับเจ้าหล่อนอีกแล้วได้แต่พยายามเดินเลี่ยงเธอไป
เดี๋ยวสิกี้ กี้จะไปไหนนะ แล้วพี่ถามทำไมไม่ตอบ ครูเค้าคุยอะไรกับกี้ เรื่องพี่ใช่มั้ยทำไมกี้ต้องทำหน้าบึ้งถมึงทึงอย่างนั้นใส่พี่ด้วยอ่ะ”
พี่เนยรีบเดินเข้ามาขวางมือเธอก็จับแขนฉันไว้ ทำท่ารบเร้าถามไถ่ในสิ่งที่เธอต้องการจะรู้คำตอบ
แต่ฉันก็ไม่ตอบเธอเหมือนเดิม มันเป็นอารมณ์ที่แปลกแม้พี่เนยจะไม่ได้ทำอะไรให้ฉันโกรธโดยตรงแต่ตอนนี้กลายเป็นว่าฉันมีความรู้สึกหงุดหงิดไม่อยากเข้าใกล้คนตรงหน้าและไม่อยากให้เค้ามาคุยด้วยเหมือนๆดังที่ครูสุวิชชาบอกให้ฉันห่างเจ้าหล่อนเอาไว้
พี่ทำอะไรผิดอะกี้ ถามทำไมไม่ตอบ ถ้ากี้ไม่พูดอะไรพี่จะเข้าไปถามครูเองนะ” พี่เนยเปลี่ยนโทนเสียงทำท่าเหมือนคนจะหาเรื่องคนทันทีที่บอกว่าจะเข้าไปถามครู
ฉันหันควับรีบดึงแขนพี่เนยไว้ทันทีด้วยนึกถึงคำที่ครูบอกไว้ได้ว่า ..ขนาดครูพี่เนยก็ยังกล้ามีเรื่องด้วยเลย...
จะไปไหน หยุดเลยนะ หัดทำตัวดีๆเป็นคนดีๆไม่วิ่งหาเรื่องคนนั้นคนนี้ได้ป่ะ”
ก็พี่อยากรู้ว่าครูคุยเรื่องอะไรกับกี้ทำไมกี้ถึงซีเรียสกับพี่อย่างนี้ ถามกี้กี้ก็ไม่ตอบพี่อ่ะกี้จะให้พี่ทำยังไง พี่ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย พี่ก็แค่จะเข้าไปถามเค้าเฉยๆเท่านั้นว่าพูดอะไรให้กี้เข้าใจพี่ผิดหรือเปล่า”
หยุดเลย หยุดทำตัวอันธพาลซักทีเถอะพี่เนย เฉยๆบ้างได้มั้ยอยู่นิ่งๆเงียบๆเหมือนผู้หญิงดีๆทั่วไปเค้าทำกันได้หรือเปล่า รู้ตัวมั้ยว่าเค้าเอือมระอากันพี่เนยทั้งโรงเรียนแล้ว”
พี่เนยคิ้วขมวดยืนคอเอียงหันมาถามฉันต่อ “เค้าเล่าเรื่องพี่ให้กี้ฟังงั้นเหรอ พูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับพี่อีกล่ะสิ”
ฉันจ้องหน้าพี่เนยคืนแต่ไม่ยอมตอบเธอเหมือนเดิม จนพี่เนยเองคงเริ่มหงุดหงิดและโมโหเริ่มเดินงุ่นหง่านไปมารอบๆตัวฉันเพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ฉันพูดด้วยกับเธอดี
ทันใดนั้นเองประตูห้องพักครูก็เปิดออกพร้อมๆกับที่ครูสุวิชชาเดินถือกระเป๋าออกมาเพื่อเตรียมกลับบ้าน เมื่อพี่เนยเห็นคุณครูเธอก็รีบเดินเข้าไปหาคุณครูจนฉันต้องรีบดึงเธอไว้แล้วลากเธอออกมาจากตรงนั้นทันที
พี่เนยจะทำอะไร..”
นั่นใช่มั้ยครูของกี้ พี่จะไปถามเค้าว่าเค้าบอกอะไรกับกี้บ้าง” พี่เนยชี้ไปที่ครูสุวิชชาที่กำลังคิ้วขมวดยืนมองฉันที่ทั้งกอดทั้งดึงรั้งตัวพี่เนยเอาไว้
หยุดเลยพี่เนยห้ามทำอย่างนั้นเลยนะ นั่นครูบาอาจารย์นะหัดเกรงหัดกลัวซะบ้างสิ ครูเค้าไม่ใช่เพื่อนเล่นของพี่เนยนะ”ฉันรีบขึ้นเสียงเรียกสติของพี่เนยให้กลับมา
พี่เนยหันมาจ้องฉันตาถมึงทึง “จะให้พี่กลัวอะไรอะ พี่ไม่ได้ทำอะไรซักหน่อยก็แค่จะถามเฉยๆอ่ะ”
ฉันมองหน้าพี่เนยคนงี่เง่ายิ่งพูดเธอก็ยิ่งโง่ ตอนนี้เธอกำลังใช้ความโมโหงุ่นหง่านของเธอเป็นเชื้อเพลิงคอยเผาไหม้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่เธอควรจะทำเสียแล้ว
ฉันรู้สึกว่าขืนปล่อยให้เธออยู่ตรงนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่เสียเปล่า จึงได้แต่ดึงแขนรีบลากพี่เนยออกจากที่ที่ครูสุวิชชายืนอยู่ให้ไกลที่สุด
พี่เนยเดินกระฟัดกระเฟียดตามแรงดึงของฉันไปจนถึงแถวๆหน้าโรงเรียน
พี่เนยกลับบ้านได้แล้ว กี้ก็จะกลับเหมือนกัน” ฉันปล่อยแขนพี่เนยแล้วรีบเดินหนีเธอไปทางหน้าโรงเรียน พี่เนยรีบเดินมาดึงแขนฉันไว้ทันที
กลับยังไงกี้ กี้ไม่กลับกับพี่เหรอ ให้พี่ไปส่งเถอะนะ”พี่เนยทำทีเป็นห่วงฉัน
ไม่อะ กี้จะกลับเองวันนี้ อยู่ห่างๆกันซะบ้างเหอะพี่เนย ตอนนี้กี้ไม่อยากเจอหน้าพี่เนยเลย ยิ่งพี่เนยทำตัวงี่เง่าใช่แต่อารมณ์อย่างนี้กี้ยิ่งไม่อยากเข้าใกล้” ฉันพยายามสะบัดแขนพี่เนยออกแล้วรีบเดินหนีเธอไปพร้อมๆกับเสียงพี่เนยร้องเรียกชื่อฉันตามหลังมาตลอด
แล้วพอฉันเดินออกมาจนถึงหน้าประตูโรงเรียนสายตาของฉันก็ไปหยุดอยู่ที่....
กลุ่มนักเรียนหญิงกลุ่มที่ฉันกับพี่เนยมีเรื่องด้วยเมื่อตอนเที่ยง ตอนนี้พวกนี้ยืนรวมกลุ่มอยู่หน้าประตูมองเข้ามาในโรงเรียนเหมือนพวกเค้ากำลังรอใครสักคนให้เดินออกมาจากประตูโรงเรียนในตอนนี้
ตาขวาฉันกระตุกนิดๆทันทีเมื่อเริ่มคิดได้ว่าใครคือคนที่พวกนี้รอ...
ฉันยืนอึ้งหันซ้ายหันขวามองหาทางหนีทีไล่อยู่นานจนได้ยินเสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลังฉัน

กี้..ให้พี่ไปส่งเถอะนะ”

ฉันหันกลับมามองพี่เนยที่จับแขนฉันไว้แล้วพยักหน้าไปทางกลุ่มนักเรียนหญิงพวกนั้นบอกให้รู้ว่าเธอก็รู้ว่าพวกนั้นรอจะทำอะไรมิดีมิร้ายกับฉันและพี่เนยอีกแน่ๆ
ฉันถอนหายใจมองพี่เนย ก่อนจะส่ายหัวเพราะไม่ไหวจะเคลียร์กับเรื่องพวกนี้แล้วได้แต่เดินตามหล่อนไปที่รถอย่างเลี่ยงไม่ได้
ให้ตายเถอะนี่ใช่มั้ยที่เค้าเรียกว่าตกกะไดพลอยโจน
...ปวดหัวจริงๆเลยอ่ะ กี้เอ้ยกี้..ทำไมแกต้องมาเจอเรื่องบ้าๆอย่างนี้ด้วยนะ ...

**************************************************
ปล.เพลงประกอบสำหรับ CT.9 จ้า

“...จะพยายามให้เธอ...เว้นที่ภายในดวงใจของเธอ...ให้กับฉัน..ได้ยืน รกร้างเยือกเย็นเดียวดายเจียนตายไม่หวั่น..จะทำใจ..แบ่งใจให้ฉันนิดนึงพอ...”

เสียงเพลงรักเนื้อหาเว้าวอนดังผ่านหูฉันตลอดทางที่พี่เนยขับพากลับบ้าน ฉันเห็นเธอกดเปิดหาเพลงนี้อยู่นานกว่าเธอจะเจอ
..คงตั้งใจอยากจะเปิดเพลงนี้ให้ฉันฟังล่ะสิ...เชอะ
ฉันแกล้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดโน่นเปิดนี่ดูโดยที่ไม่สนใจฟังเพลงตรงหน้าที่เธออุตสาห์คลอร้องตามมันไปเบาๆเวลาที่ถึงท่อนฮุคของเพลง ฉันฟังเสียงสูงๆต่ำๆฟังดูหลงคีย์ของพี่เนยแล้วก็อดที่จะเงยหน้าขึ้นมาตาขวางมองหล่อนด้วยความรำคาญนิดๆไม่ได้
นั้นร้องเพลงเหรอนั่น..”
พี่เนยสะดุ้ง เธอหยุดร้องทันทีที่ได้ยินฉันว่า
โอ้ย..ไม่ได้ตั้งใจร้องแค่คลอๆไปตามเพลงเฉยๆ รำคาญพี่เหรอ ไม่ร้องก็ได้..” พี่เนยทำเสียงอ่อยๆบอกฉัน แล้วหันกลับบังคับพวกมาลัยรถต่อ
กี้โอเคขึ้นหรือยัง หายซีเรียสหรือยัง ทำไมไม่คุยกับพี่ดีๆเลยอ่ะ” พี่เนยพยายามถามไถ่ฉันตอนที่เธอกำลังพารถเลี้ยวเข้าไปในซอยบ้านฉัน
แต่ฉันก็นิ่งนั่งก้มมองโทรศัพท์ทำเป็นเปิดนั่นเปิดนี่ไม่สนใจพี่เนยต่อ พี่เนยต้องคอยชำเรืองหันมามองฉันอยู่เรื่อยๆจนกระทั่งรถเคลื่อนไปจอดที่แถวๆบ้านร้างที่ฉันเคยบอกให้พี่เนยจอดส่งฉันตรงนั้น
พอรถจอดฉันก็รีบหยิบเอากระเป๋าทำท่าจะลงจากรถจนพี่เนยรีบคว้ามือดึงฉันไว้ทันที
กี้..เด๋วพี่มาหาตอนค่ำนะ”
ฉันหันไปมองพี่เนยด้วยใบหน้าเฉยชา “ไม่ต้องมา..วันนี้กี้อารมณ์ไม่ดีกี้อยากอยู่เงียบๆของกี้คนเดียว”
กี้โกรธให้พี่จริงๆด้วยอ่ะ กี้พี่ไม่ได้ทำอะไรกี้เลยนะกี้จะโกรธให้พี่ทำไมนี่”
ฉันหันไปจ้องหน้าพี่เนยคนโง่อยู่นาน ในใจก็นึกหมั่นไส้หล่อนที่ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าเธอน่ะคือสาเหตุสำหรับเรื่องทั้งหมดในวันนี้
ถามจริงๆพี่เนย พี่เนยไม่คิดเลยเหรอว่ากี้จะรู้สึกอย่างไรที่อยู่ๆวันนี้กี้ต้องเจอเรื่องบ้าๆอะไรบ้างไม่รู้ แถมยังต้องโดนอาจารย์เหมารวมอีกว่ากี้ต้องเป็นคนอย่างพี่เนยอีกอ่ะ ทั้งๆที่กี้ก็อยู่ดีๆของกี้แล้วแท้ๆแต่พี่เนยก็ยังเข้ามา เข้ามาทำอะไรกับชีวิตของกี้ไม่รู้ กี้ว่าเรื่องที่กี้ได้เจอตอนนี้มันไม่โอเลยนะ พี่เนยหยุดอยู่เฉยๆให้กี้ได้ทบทวนก่อนได้มั้ยว่ากี้ควรจะทำอย่างไรกับพี่เนยดี”
พี่เนยอึ้งเธอทำหน้าตกใจที่ได้ยินฉันพูดอย่างนั้นกับเธอ
กี้กำลังจะบอกว่า....กี้ไม่อยากโดนเหมารวมว่าเป็นคนนิสัยไม่ดีเหมือนพี่อย่างนั้นเหรอ” เสียงสั่นๆของพี่เนยถามฉันออกมา
ใช่ เพราะงั้นไม่ต้องมาหากี้เลยนะอยู่ห่างๆให้เวลากี้ได้ตัดสินใจอะไรเองบ้างเถอะ” พูดเสร็จฉันก็หยิบเอากระเป๋าแล้วรีบเปิดประตูเดินลงมาจากรถพี่เนยทันที ตอนนี้ฉันมองผ่านประตูรถที่กำลังจะปิด เห็นพี่เนยนั่งอึ้งปากสั่นน้ำตาไหลมองหน้าฉันที่กำลังจะเดินหนีจากเธอโดยที่เธอยังไม่ทันได้รั้งอะไรฉันไว้เลย มองดูแล้วให้ความรู้สึกน่าสงสารขึ้นมาจับใจทันที

อึ๊ก..น่าสงสารอย่างนั้นเหรอ...

นี่ฉันกำลังจะสงสารเธออีกแล้วใช่มั้ย ไม่ได้นะกี้ต่อหน้าเราเค้าก็ชอบทำอย่างนี้ล่ะ ฟังเรื่องที่คนอื่นพูดมาเกี่ยวกับตัวเธอแต่ละเรื่องสิ แทบจะไม่น่าหลงเข้าไปใกล้ผู้หญิงคนนี้เสียด้วยซ้ำ ฉันหลับตาพยายามไม่มองหน้าเธอแล้วรีบหันหลังเดินจากรถเธอกลับไปบ้านของตัวเองทันที

...เย็นวันนั้นพอฉันกลับมาที่บ้านกลายเป็นว่ามีโทรศัพท์มีข้อความในอินบ๊อกเฟสหรือแม้กระทั่งในไลน์ส่งเข้ามาถามฉันเป็นประเด็นเดียวกันทันทีว่า...
“...ได้ข่าวว่าผู้หญิงเค้าตีกันแย่งแกกันเหรอวะกี้..” เสียงเพื่อนในวัยประถมแต่อยู่ตอนนี้อยู่กันคนละโรงเรียนโทรเข้ามาถามฉันเป็นคนที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้
“..บ้าดิ ไม่ใช่นะแกมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันอ่ะ...” ฉันเอียงคอเหน็บโทรศัพท์ไว้ข้างหูแล้วล้างจานของฉันต่อไปเรื่อยๆ
เข้าใจผิดงั้นเหรอ โหย..เค้าเมาส์เรื่องแกกันยกใหญ่เลยนะเว้ยว่าแกอ่ะโคตรดังเลยทั้งลูกสาวคนสวยของสส.อำนาจก็ชอบแก ตามแกยังกับอะไรดี แล้วไหนวันนี้ยังมีเรื่องศึกชิงนางในห้องน้ำกับทอม ม.6อีก คิดดูว่าเรื่องของแกดังมาถึงโรงเรียนฉันเลยนะโว้ย เด็กๆที่โรงเรียนฉันอยากเห็นตัวจริงแกจะตาย เค้าบอกว่าแกคงจะสวยมากถึงขนาดผู้หญิงด้วยกันยังอยากได้ตัวแกกันขนาดนี้”
เฮ้ย ไม่ใช่นะเว้ยแกรีบไปบอกเค้าเลย มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันจริงๆเค้าไม่ได้แย่งฉันกัน” ฉันลืมตัวรีบเถียงเพื่อนเสียงดังขึ้นจนพ่อกับแม่ต้องหันมามองฉันเพราะได้ยินคำพูดแปลกๆที่ว่า “แย่งฉัน” กัน
แล้วพอเริ่มเห็นสายตาแปลกๆที่เริ่มจับพิรุธของพ่อกับแม่ฉันก็รีบขอตัวเพื่อนวางสายแล้วทำเป็นรีบล้างถ้วยล้างชามตามหน้าที่ของตัวเองไปให้เสร็จต่อทันที
พอล้างจานเก็บกวาดบ้านทำหน้าที่ตัวเองเสร็จฉันก็รีบปลีกตัวออกจากพ่อแม่ที่ทำท่าว่าจะถามฉันเรื่องที่ท่านสองคนได้ยินแปลกๆเมื่อกี้ทันที
ฉันได้แต่บอกท่านว่าไม่มีอะไร เรื่องแย่งๆที่ท่านสองคนได้ยินเมื่อกี้คือขนมที่ฉันซื้อกินกับเพื่อนๆเฉยๆ
พ่อกับแม่มองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักเพยิดกันแล้วบอกให้ฉันไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนแต่หัววัน
ใจฉันก็อยากจะพักผ่อนแต่หัววันอยู่หรอกถ้าไม่ติดว่าฉันต้องตอบข้อความเพื่อนๆและรับสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาถามฉันตั้งแต่สามทุ่มจนกระทั่งถึงตอนนี้ห้าทุ่มกว่าๆแล้วก็ยังไม่หมดเสียที
ฉันได้แต่ปฏิเสธเพื่อนๆพวกนั้นว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้น ด้วยเห็นว่ายิ่งอธิบายลึกๆเพื่อนๆพวกนั้นก็จะยิ่งจับผิดรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ฉันเผลอเผยไต๋บอกใบ้ถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างฉันกับพี่เนย
ฉันเทียวคุยเทียวตอบอินบ๊อกซ์กับเพื่อนๆอยู่นานจนความรู้สึกเหนื่อยล้าเริ่มก่อตัว จนฉันขอตัวลาทั้งจากสายสนทนาและข้อความในอินบ๊อกซ์ของเพื่อนๆเพื่อจัดการอาบน้ำอาบท่าให้เสร็จ
ฉันอาบน้ำเสร็จตอนประมาณห้าทุ่มเกือบๆจะเที่ยงคืนเมื่อจัดการเปลี่ยนชุดนอนแล้วปิดไฟจะเข้านอนแล้วเสียงโทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดันดังขึ้นอีกจนได้
แต่ตอนนี้มันเป็นเสียงจากเบอร์ที่พี่เนยใช้กับฉันแค่สองคน
ฉันยืนอึ้งตัดสินใจอยู่นานว่าจะรับโทรศัพท์ของเจ้าหล่อนดีมั้ยด้วยกว่าว่าปลายสายจะโทรมาออดอ้อนและรบเร้าขอมานอนด้วยกับฉันเหมือนเดิม
ฉันแกล้งทำเป็นไม่สนใจทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วเอาผ้าห่มคุมโปรงไว้ด้วยเพราะไม่อยากได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเจ้าหล่อน แต่ทันทีที่ฉันหลับตาภาพพี่เนยปากสั่นน้ำตาไหลในรถนั้นกลับปรากฏขึ้นมาในห้วงความคิดของฉันทันที
เฮ้ยยย...อะไรนักหนาวะ เข้ามาอยู่ในใจรบกวนทั้งร่างกายและจิตใจเลยนะยัยคนนี้
ฉันพลิกซ้ายพลิกขวาพยายามข่มใจไม่ให้ใจอ่อนรับโทรศัพท์เจ้าหล่อนให้ได้ แต่ยิ่งนานภาพต่างๆของพี่เนยก็ยิ่งโผล่ตามมาหลอกหลอนให้ฉันต้องยอมแพ้พ่ายกับใจตัวเองในที่สุด
“..อะไรโทรมาทำไมอีก กี้บอกแล้วใช่มั้ยว่าวันนี้ไม่ต้องมา” ฉันทำเสียงดุรีบพูดตัดประเด็นนั้นทันที
พี่รู้อยู่..พี่แค่คิดถึงกี้เฉยๆ ตอนนี้พี่ขับรถมาอยู่หน้าบ้านกี้ พี่แค่อยากเห็นหน้ากี้นิดนึงเท่านั้น”
พอได้ยินว่าพี่เนยขับรถมาอยู่หน้าบ้านฉันก็คิ้วขมวดรีบเดินออกไปเปิดผ้าม่านมองดูข้างล่างทันที
รถพี่เนยจริงๆด้วย เธอเลื่อนกระจกฝั่งคนขับลงมองขึ้นมาที่ระเบียงห้องฉันในมือก็ถือโทรศัพท์พร้อมๆกับน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วสุดแสนจะน้อยใจของเจ้าหล่อน
พี่พยายามจะไม่กวนกี้แล้วนะ แต่มันทำไม่ไหวจริงๆ ถ้ากี้ไม่ให้พี่นอนด้วยไม่ให้พี่อยู่ใกล้ๆพี่ก็ขอแค่ได้มองเห็นกี้จากไกลๆก็พอ ออกมาให้พี่เห็นหน้าหน่อยได้มั้ย”
ฉันถอนหายใจเสียงดังเหมือนรำคาญพี่เนยเต็มทนก่อนจะเปิดประตูระเบียงโผล่ตัวออกไปให้พี่เนยเห็น
พอใจหรือยัง ถ้าเห็นแล้วก็รีบๆกลับไปซะ” ฉันทำเสียงดุไล่พี่เนยให้รีบกลับบ้านตัวเองเสียที
พี่เนยโผล่หน้ามาจากกระจกรถเธอยื่นมือโบกไปมาทักทายฉันที่ปิดหน้าต่างเข้าห้องมานั่งอยู่บนเตียงเหมือนเดิม
ขอบใจนะแค่นี้พี่ก็มีความสุขที่สุดแล้ว พี่...”
ยังไม่ทันที่พี่เนยจะพูดกับฉันจบประโยคดี เสียงโทรศัพท์อีกเครื่องนึงทางฝั่งพี่เนยก็ดังเข้ามาในสายให้ฉันได้ยิน
“..เด๋วพี่รับโทรศัพท์ก่อนนะแป๊บนึง กี้อย่าพึ่งวางสายนะ” พี่เนยรนรานรีบกดโทรศัพท์อีกเครื่องรับสาย เสียงพี่เนยคุยปลายสายดังผ่านเข้ามาในโทรศัพท์เครื่องนี้ให้ฉันได้ยิน
“..เออ แกก็เข้าไปนั่งจองโต๊ะในผับรอฉันก่อนแล้วกัน..อีกแป๊บฉันก็จะออกไปแล้วเนี่ย เออๆ สั่งอะไรก็สั่งเลยแค่นี้นะ..”
เสียงแว่วๆของพี่เนยหยุดลงก่อนจะดังขึ้นมาในโทรศัพท์เครื่องที่ฉันกำลังถือสายรอ
ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะกี้ พรุ่งนี้เช้าเจอกันแล้วกัน”
พี่เนยจะไปไหน ทำไมได้ยินพูดถึงผับ” เสียงของฉันเปลี่ยนอารมณ์ทันทีที่เริ่มจับใจความถึงสิ่งที่ฉันได้ยินในสายของพี่เนยที่คุยกับเพื่อนเมื่อกี้
คือ..พี่นัดกับเพื่อนไว้น่ะ ว่าจะแวะไปหาแป๊บเดียว”
แป๊บเดียว คำว่าแป๊บเดียวของพี่เนยคืออะไรอ่ะ กี้ไม่ค่อยอยากจะเชื่อพี่เนยเลย” ฉันรีบแย้งคำที่พี่เนยพูดมาทันที
...หนอยก็เพราะไอ้คำว่า แป๊บเดียวของพี่เนยนี่ล่ะทำให้ฉันไม่ได้หลับไม่ได้นอนทุกที นึกถึงหน้าหล่อนเวลาหล่อนมาหาฉันทำหน้าน่าสงสารแถมยังแต่งตัวโป้วับๆแวมๆเพื่อมาหลอกล่อให้ฉันอยากมีอะไรกับเธอแล้วพอฉันไม่ยอมก็เอาคำว่า นิดเดียวและแป๊บเดียวมาหลอกล่อ นึกขึ้นมาแล้วก็อดจะหมั่นไส้เจ้าหล่อนไม่ได้
ผู้หญิงบ้าอะไรมารยาร้อยเล่มเกวียนชอบยั่วยวนฉันเสียจนฉันอดรนทนไม่ได้ทุกครั้ง เธอนี่มันตัวแสบจริงๆเลย หึ ครั้งนี้ก็คงเหมือนกันล่ะสิ นี่ก็คงกะว่าจะมาอ้อนขอฉันให้ฉันยอมให้เธอขึ้นมาหาที่ห้องแล้วก็อ่อยฉันเหมือนทุกครั้งที่เธอทำล่ะสิ น่าเสียดายนะที่ครั้งนี้ฉันไม่ตกหลุมลวงเธอหรอก
ขอให้เธอเที่ยวให้สนุกเลยแล้วกัน แต่งตัวมาพร้อมอยู่แล้วนี่...

เฮ้ย..แต่เด๋วก่อน...

แล้วนี่เธอก็แต่งตัวอย่างนั้นออกจากบ้านกลางค่ำกลางคืนอย่างนี้เพื่อที่จะไปเที่ยวในผับนี่นะ
ให้ตายเถอะ ฉันนึกถึงชุดกระโปรงสั้นจู๋ เสื้อผ้าที่เปิดเว้าเปิดแหว่งตรงนั้นตรงนี้ที่เธอใส่มาวันนั้นแล้วความรู้สึกร้อนๆวูบๆวาบๆก็เกิดขึ้นที่หัวของฉันทันที
นี่อย่าบอกนะว่าเธอจะแต่งตัวโป้ๆอย่างนั้นไปให้คนอื่นที่ไม่ใช่แฟนของเธอดู
แล้วถ้าคนอื่นมองแล้วเกิดเป็นเหมือนฉันจะทำยังไง..

พี่เนย...ลงมาจากรถให้กี้ดูหน่อยซิ” ฉันเดินออกไประเบียงอีกครั้งนึงแล้วจ้องมองลงไปที่ๆรถพี่เนยจอดอยู่
หืม..ทำไมล่ะ” เสียงงงๆของพี่เนยดังมา ก่อนจะโดนฉันตวาดคืนไป “รีบๆลงมาเถอะน่ะ” พอพี่เนยได้ยินแค่นั้นเธอก็รีบกระวีกระวาดเปิดประตูรถแล้วก้าวลงมาจากเบาะคนขับ
ตอนนี้ภาพที่ฉันเห็นก็คือ พี่เนยในชุดเดรสเกาะอกสีดำที่กระโปรงสั้นเสียจนพี่เนยต้องพยายามรั้งมันลงเรื่อยๆตอนที่เธอยืนตรงแล้วมองมาหาฉันข้างบนบ้าน เดรสของเธอเว้าเข้าไปตรงเอวแล้วคว้านลึกเหมือนจะทะลุไปข้างหลัง ฉันมองเห็นเนื้อขาวๆเนียนๆของเธอทันทีที่แสงไฟบนท้องถนนตกกระทบที่ตัวเธอ
แล้วที่ฉันอึ้งที่สุดนั้นก็คือ เนินหน้าอกของเจ้าหล่อนที่มันแทบจะโผล่ออกมาทั้งหมดจากชุดเดรสของหล่อนทันทีที่หล่อนก้มลงหรือยกแขนขึ้น

โอ้ย ให้ตายเถอะพี่เนยใส่อย่างนี้ออกมาทำไมเนี่ย

นี่พี่เนยแต่งตัวอย่างนี้ออกจากบ้านกลางค่ำกลางคืนไม่กลัวอันตรายหรือไง ไม่ต้องไปเที่ยวเลยนะ ขึ้นมาหากี้เลย กี้นับหนึ่งถึงสิบรีบๆมาหลังบ้านเลยกี้จะไปเปิดบ้านให้ กี้ให้เลือกถ้าคืนนี้พี่เนยไปเที่ยวก็ไม่ต้องมาเจอกันอีกเลยจะเอามั้ย”
เฮ้ย อะไรอะกี้เด๋วสิเด๋ว ไม่ไปก็ไม่ไป กี้เป็นอะไรอ่ะเมื้อกี้ยังดีๆอยู่เลย” เสียงพี่เนยโวยวายตอนได้ยินฉันฉันเริ่มนับหนึ่ง ฉันได้ยินเสียงกุกๆกักๆเหมือนเธอหยิบจับของและดับรถของเธอก่อนที่จะเป็นเสียงกระหืบกระหอบของพี่เนยตอนที่พี่เนยรีบวิ่งมาหาฉันที่หลังบ้านจากนั้นทันที
ฉันก็รีบลงมารับเธอด้วยความร้อนใจ ในใจตอนนี้ฉันรู้สึกสับสนวุ่นวายอย่างไรไม่รู้ รู้แต่ว่าทันทีที่ฉันเปิดบ้านออกไปแล้วเห็นหน้าเจ้าหล่อนยืนหอบด้วยความเหนื่อยที่รีบวิ่งมา ฉันก็ไม่รอช้าที่จะรีบดึงหล่อนเข้ามาโอบกอดและบดขยี้ริมฝีปากลงไปที่ริมฝีปากของเจ้าหล่อนด้วยความร้อนรน ซึ่งจะเป็นเพราะอารมณ์โกรธหรืออารมณ์หวงฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
เมื่อมอบจุมพิตแห่งความห่วงหวงให้เธอจนหนำใจฉันแล้ว ฉันก็รีบจูงมือพาเจ้าหล่อนขึ้นไปที่ห้องนอนทันที

….พี่เนยยืนยิ้มหน้าแดงตอนที่ฉันพาเจ้าหล่อนเข้ามาในห้องแล้ว
เธอกัดริมฝีปากของเธอไว้และมองหน้าฉันด้วยความอายปนความสงสัย เหมือนเธออยากจะถามในสิ่งที่เธอเจอเมื่อครู่นี้ว่ามันคืออะไรแต่เธอก็ไม่ถามเอาแต่ยิ้มหน้าแดงอย่างนั้นอย่างเดียว
ฉันยืนกอดอกจ้องมองไปที่พี่เนยก่อนจะเก๊กเสียงดุๆตวาดพี่เนยไป
ทำไมกล้าแต่งตัวอย่างนี้ออกจากบ้านดึกๆดื่นๆ มีความสุขมากหรือไงอ่ะกับการแต่งตัวเปิดนั่นโชว์นี่ให้คนอื่นดู”
กี้..ใครๆเค้าก็แต่งตัวอย่างนี้ไปเที่ยวกัน พี่ว่ามันก็สวยดีออกพี่ชอบชุดอย่างนี้อ่ะ อยู่บ้านพี่ก็มีแต่ชุดอย่างนี้ กี้ไม่ชอบเหรอพี่ว่ามันสวยดีนะ” พี่เนยพูดพลางก้มลงมองชุดตัวเองอย่างภูมิใจ
ไม่ กี้ไม่ชอบอ่ะ กี้ว่ามันทุเรศอ่ะ พี่เนยเป็นผู้หญิงนะแต่งตัวโป้ๆอย่างนี้ไปโชว์เผื่อผู้ชายเห็นแล้วเกิด...มีอารมณ์จะทำยังไงอะ อันตรายไม่คิดบ้างเหรอ”
พี่ดูแลตัวเองได้นะกี้ ไม่มีใครกล้าทำอะไรพี่หรอก ลูกน้องพ่อพี่ก็ไปเฝ้าอยู่”
ไม่ต้องมาเถียงกี้เลย” ฉันรีบเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วค้นหาเสื้อยืดกับกางกางวอร์มขายาวออกมายื่นให้พี่เนย
ไปเปลี่ยนชุดเลย จะได้นอน กี้ไม่ชอบชุดอย่างนี้เข้าใจมั้ย”
พี่เนยมองตาละห้อยมือก็รับชุดที่ฉันยื่นให้หล่อนมาก่อนจะทำจะพยักหน้างึกๆงักๆรับคำอย่างเสียไม่ได้

แต่ทันทีที่พี่เนยถือชุดแล้วหันหลังเพื่อจะเดินไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ
ฉันก็ต้องหยุดกึกยืนอึ้งให้กับภาพที่ฉันเห็น
ด้านหลังชุดเดรสของพี่เนยที่มันคว้านจากด้านหน้ายาวมาจนเกือบจะสุดและมีผ้าที่เป็นเนื้อบางๆเย็บสลับไว้กับผ้ามันสีดำๆหลักๆของชุดเดรส ไหล่ขาวๆเนียนที่โผล่ขึ้นมาจากขอบชุดเดรส ถูกปกคลุมด้วยผมสีน้ำตาลหยักศกที่พี่เนยปล่อยลงมาไว้ มันสะบัดไปตามแรงเวี่ยงตัวที่พี่เนยหันหลังให้กับฉันเมื่อสักครู่นี้
น่าแปลกที่พอฉันเห็นภาพแค่นี้ในใจของฉันก็เต้นตึกๆตักๆ เหมือนมีเสียงบางเสียงจากจิตใต้สำนึกมันบอกฉันว่า ผู้หญิงที่ฉันเห็นแผ่นหลังขาวๆเนียนๆของเธอตอนนี้ช่างสวยและเซ็กซี่ยิ่งนัก
ฉันจะไม่กอดเธอในตอนนี้เสียหน่อยเหรอ เพราะถ้าเกิดวันนี้ ตอนนี้เธอโดนฉันดุเรื่องการแต่งตัวอย่างนี้แล้วเธอกลัวว่าฉันจะโกรธจนเธอไม่ยอมแต่งตัวอย่างนี้มาอีกแล้ว ฉันจะได้เห็นภาพผู้หญิงสาวที่แสนสวยและเซ็กซี่คนนี้อีกอยู่มั้ย
ฉันจะอายทำไม ในเมื่อเค้าก็ต้องการแต่งมาให้ฉันดูอยู่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างเธอก็ล้วนแล้วแต่เสนอมาเองอยู่แล้ว
ฉันจะมัวรอช้าปล่อยให้ความสวยงามตรงหน้านี้หลุดลอยไปได้อย่างไรกัน...
จริงมั้ย...กี้..

ดะ เด๋ว พี่เนย” ฉันรีบเดินเข้าไปจับแขนพี่เนยไว้แล้วโถมตัวเข้าไปกอดด้านหลังของพี่เนย
อย่าพึ่งไปเปลี่ยน..อยู่อย่างนี้ก่อน” ฉันยื่นวงหน้าเข้าไปซบกับไหล่ของเธอแล้วค่อยๆเคลื่อนใบหน้าไปตามซอกคอและเลื่อนลงมาสูดดมเรื่อยๆจนถึงแผ่นหลังขาวๆเนียนๆของพี่เนย
พี่เนยอึ้ง เธอคงงงที่อยู่ๆฉันก็เปลี่ยนท่าที ตัวเธอโอนเอนไปตามแรงกอดและหอมของฉันจนฉันคิดว่าเธอคงจะทนไม่ไหวแน่ๆถ้าฉันยังทำท่าอย่างกับกระหายที่จะสูดดมร่างกายเธออยู่อย่างนี้
คิดได้ดังนั้นฉันก็รีบดึงพี่เนยมาที่เตียงนอนและพาตัวเธอให้นอนลงไปพร้อมๆกับชุดสวยชุดนั้นของเธอ
เมื่อเห็นว่าเป้าหมายลงไปนอนรออยู่ต่อหน้าแล้วฉันก็ไม่รอช้า รีบเคลื่อนร่างกายลงไปบรรจงมอบจุมพิตให้กับหญิงสาวผู้มากไปด้วยเสน่ห์และความยั่วยวนที่น่าหลงไหล มือของฉันไขว่ขว้าไปมาตามเรือนร่างของเจ้าหล่อน เมื่อมอบจุมพิตให้เธอจนหนำใจฉันแล้วฉันก็ค่อยๆเคลื่อนตัวลงมาสูดดมแถวๆเนินเนื้อหน้าอกที่โผล่ออกมาจากชุดเดรสคอยยั่วยวนล่อตาล่อใจฉันอยู่ตลอดเวลา พี่เนยเอื้อมมือมือโอบกอดฉันเอาไว้ พร้อมๆกับเสียงครวญครางไม่ได้ภาษาของเจ้าหล่อน แต่กระนั้นเธอก็ยังนึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้อยู่
ไม่ปิดไฟก่อนเหรอกี้..”
ไม่อะ..” ฉันรีบเงยหน้าขึ้นมามองพี่เนยทั้งๆที่ตัวโดนโอบกอดไว้อยู่
กี้อยากเห็นพี่เนยตอนนี้ กี้อยากเห็นหน้าพี่เนย กี้อยากเห็นทุกๆอย่างในตัวของพี่เนยตอนนี้...” พี่เนยอึ้ง เธอคงกำลังแปลสิ่งที่ฉันพูดออกไปเมื่อครู่นี้อยู่..
ไม่ต้องงงในสิ่งที่ฉันพูดหรอก ฉันกำลังบอกเธออยู่นี่ไง ว่าฉันอยากเห็นเธอตอนนี้ ตอนที่เธอใส่ชุดนี้และมีอะไรกับฉันอยู่ตอนนี้ไง
ถูกต้องแล้ว... ฉันกำลังหมายความว่าตอนนี้ฉันชอบเห็นเธอใส่ชุดนี้ ฉันชอบเธอแต่งชุดแบบนี้แล้ว แต่เธอต้องใส่ตอนที่อยู่กับฉันแบบนี้เท่านั้นนะ เข้าใจมั้ยพี่เนย เลิกทำหน้างงๆโง่ๆอย่างนี้ได้แล้ว ตอนนี้ฉันทนรอที่จะมีอะไรกับเธอไม่ไหวแล้ว สติของฉันกำลังหลุดลอยไปเหมือนตอนที่ฉันอยากมีอะไรกับเธออีกครั้งแล้ว เข้าใจมั้ย พอใจหรือยัง..
อยากยั่วฉันดีนักไม่ใช่เหรอ งั้นก็ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนี้แล้วกันนะ
ยัยตัวร้าย....

******************************************************
เช้าวันพุธพี่เนยเดินไปส่งฉันที่ห้องเรียนเหมือนเดิม มือข้างนึงของพี่เนยสะพายกระเป๋าแบรนด์เนมหรูๆใบใหม่ที่เธอเปลี่ยนใช้ในวันนี้ อีกข้างก็ถือตุ๊กตาหมีผูกโบว์ตัวเล็กๆแลดูน่ารักที่หล่อนเอามาฝากให้ฉันแต่ฉันก็ให้หล่อนทำหน้าที่ถือมันขึ้นมาส่งฉันที่ห้องเหมือนเดิม
ระหว่างทางเดินฉันได้ยินเสียงคนซุบซิบๆและทำทีท่าเหมือนพวกเค้ากำลังนินทาฉันกับพี่เนย ฉันนั้นต้องคอยก้มหน้าเดินหลบด้วยความอายส่วนพี่เนยนั้นหากเธอได้ยินใครนินทาพวกเราเสียงดังขึ้นมาเป็นพิเศษเธอก็จะหยุดยืนจ้องหน้าทำตาถมึงทึงใส่คนพวกนั้นทันทีจนฉันต้องรีบดึงพี่เนยให้เดินเลี่ยงคนพวกนั้นไปอีกทางหนึ่ง
พี่เนยไปมองหน้าเค้าอย่างนั้นทำไม เด๋วเค้าก็ว่าเราอยากมีเรื่องกับเค้าอีกหรอก” ฉันดึงพี่เนยมาแอบคุยอยู่ที่ข้างๆตึกที่ตอนนี้ไม่มีคนอยู่
ก็พี่ได้ยินเค้านินทาเรา จะให้พี่หันไปยิ้มขอบคุณเค้าอย่างนั้นเหรอ” พี่เนยเอียงคอเถียงฉันข้างๆคูๆจนฉันต้องคิ้วขมวดเก๊กขรึมทำหน้าดุๆกลับคืนไปเพือเตือนให้พี่เนยเลิกคิดอย่างนั้นเสียที
แล้วทันทีที่ฉันจ้องหน้าของเธอ สายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นรอยม่วงๆจางๆแถวๆต้นคอของเจ้าหล่อนเข้า
ฉันตกใจรีบยื่นมือไปจับๆถูๆตรงนั้นทันที
ทำไมพี่เนยไม่ทาอะไรกลบรอยนี่มา ตั้งใจจะเอามาโชว์ที่โรงเรียนเหรอ อยากให้คนมองกี้ไม่ดีอย่างนั้นใช่มั้ย”
พี่เนยอึ้ง เธอก็ตกใจทันทีที่นึกขึ้นได้เรื่องรอยนี้ที่ฉันกำลังต่อว่าให้เธอนี้

คงเป็นเพราะเมื่อคืน ด้วยอารมณ์กระหายใคร่อยากในตัวพี่เนยมันพรุกพร่าน ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมฉันถึงชอบทำอะไรแรงๆกับพี่เนยอย่างนี้ตลอดเวลาที่มีอะไรกัน จริงๆรอยพวกนี้ไม่ได้มีแต่เฉพาะคอ แต่ภายในร่มผ้าเวลาปราศจากเสื้อผ้าอาภรณ์พวกนั้นพี่เนยจะมีรอยจ้ำๆแดงๆม่วงๆเหล่านั้นกระจายอยู่ตามตัวตลอด
ซึ่งเวลาที่มีอะไรกันแล้วฉันมานั่งมองเห็นรอยพวกนี้แล้วฉันก็จะรู้สึกผิดทุกครั้ง แม้ฉันจะพยายามบังคับตัวเองไม่ให้ทำอย่างนั้นกับพี่เนยยังไงแต่สุดท้ายก็กลายเป็นว่าพี่เนยจะต้องได้รอยพวกนั้นกลับบ้านไปทุกๆครั้งที่มานอนกับฉันอยู่ดี
จะด้วยเพราะว่าฉันหมั่นไส้ในตัวพี่เนยก็ดีหรือเป็นเพราะว่าฉันรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นที่ไม่ว่าจะทำอะไรยังไงพี่เนยก็ไม่เคยตอบโต้ฉันก็ดี หรือเพราะความกระหายจากจิตใต้สำนึกภายในก็ดี กลายเป็นว่าเวลาที่ฉันมีอะไรกับเธอนั้นมือไม้ของฉันจะสะเปะสะปะทำนั่นทำนี่กับเธอจนเธอเป็นรอย หรือแม้แต่ริมฝีปากของฉันก็ยังตามดูดตามกัดทุกส่วนสัดของเจ้าหล่อนเพราะไม่เคยโดนเจ้าของร่างงามๆนั้นร้องขอให้ฉันหยุดหรือแม้แต่พยายามแสดงให้ฉันเห็นว่าเธอเจ็บเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ใจจริงฉันรู้สึกสงสารพี่เนยอยู่นะ ฉันถึงพยายามไม่อยากมีอะไรกับหล่อน แต่เอาเข้าจริงๆกลายเป็นว่าฉันควบคุมความคิดสติตัวเองไม่ได้เลยสักครั้งเดียว
เหมือนอย่างเช่นเมื่อคืนนี้....

ภาพพี่เนยลุกขึ้นจากที่นอนแล้วพยายามจับชุดวับๆแวมๆของหล่อนให้เข้าที่หลังจากที่โดนฉันทั้งดึงทั้งรั้งขึ้นทำนั่นทำนี่กับเจ้าหล่อนจนเสร็จภาระกิจตอนที่สี่ก็โผล่ขึ้นมาในหัว
พี่เนยสำรวจตัวเองเหมือนทุกครั้งหลังจากที่เรามีอะไรกัน แล้วพอเธอเห็นรอยอะไร เธอก็จะพยายามซ่อนไว้ไม่ให้ฉันเห็น จะด้วยเพราะเธอกลัวฉันรู้สึกไม่ดีแล้วกลายเป็นไม่อยากมีอะไรกับเธอหรือเพราะเธอไม่อยากให้เห็นร่องรอยความไม่สวยงามในตัวของเธอก็ตามแต่ทุกครั้งที่ฉันพยายามจะถามเธอเรื่องรอยนั่นเธอจะรีบเปลี่ยนเรื่องทันที เหมือนเช่นตอนนั้น
พี่เนยเป็นรอยอีกแล้วอ่ะ ตรงต้นคออีกต่างหากกี้ขอโทษนะ กี้เผลอกี้ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
พี่เนยรีบจับรอยที่คอแล้วรีบปัดผมมาปิดรอยนั่นไว้
ไม่เป็นอะไรกี้..เอ่อ...” เธอทั้งพูดทั้งก้มลงพยายามปัดๆปลายผมของเธอปิดรอยที่โผล่ขึ้นมาแถวๆเนินหน้าอกตรงนั้นอีกก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง “เอ่อ..ตกลงพี่ใส่ชุดอย่างนี้ได้อยู่ใช่มั้ย เมื่อคืนเหมือนกี้จะบอกว่ากี้ชอบที่เห็นพี่ใส่ชุดอย่างนี้” พี่เนยพูดพลางยิ้มอายๆทำท่าทางเหมือนคนไม่มั่นใจในสิ่งที่เธอกำลังเปลี่ยนเรื่องถามอยู่นี่เหมือนกัน

ฉันอึ้งนึกถึงภาพตอนที่ฉันทั้งกอดทั้งหอมและประพรมจูบไปทั่วๆตัวหล่อนแล้วเผลอหลุดปากออกไปว่า
“..พี่เนยสวยจังเลย รู้มั้ยว่าพี่เนยสวยมากๆเลยยิ่งแต่งตัวอย่างนี้ยิ่งสวย กี้ไม่อยากให้พี่เนยใส่ชุดอย่างนี้ให้คนอื่นเห็นเลยกี้กลัวคนอื่นจะรู้สึกเหมือนอย่างที่กี้รู้สึกกับพี่เนย....”
ฉันอึกๆอักๆทันทีที่นึกถึงคำพูดที่เผลอปล่อยออกมาตอนที่สติสตังกำลังหลุดลอยไปกับภาพงามๆเบื้องหน้าในตอนนั้น แม้ขนาดที่เธอนั่งอยู่เฉยๆอย่างนี้แล้วความรู้สึกในใจก็คอยกระซิบบอกฉันเลยว่าพี่เนยสวยเหลือเกิน..
ก็..ใส่มาก็ได้แต่พี่เนยต้องหาเสื้อมาคลุมไว้ด้วยสิ อย่าปล่อยให้คนอื่นเห็นขนาดนี้ มันไม่ดีมันไม่ปลอดภัยเข้าใจมั้ย...แล้ว..ถ้าจะใส่ชุดอย่างนี้พี่ต้องใส่ให้กี้ดูคนเดียวนะ..คือ..กี้ไม่อยากให้คนอื่นเห็นพี่เนยอย่างนี้”
พี่เนยยิ้มเธอมองฉันด้วยความดีใจ “กี้หวงพี่เหรอ...”
เปล่าอ่ะ..กี้แค่เป็นห่วงพี่เนยเป็นผู้หญิงแค่กี้เห็นมันก็ยังเป็นอย่างนี้ถ้ามีผู้ชายมาเห็นพี่เนยแต่งตัวโป้วับๆแวมๆอย่างนี้เข้าก็จะไม่รู้สึกอย่างกี้เหรอ..”
พี่เนยพยักหน้ายิ้มให้ฉันนิดนึงก่อนจะโน้มหน้ามาหอมแก้มฉัน
ขอบใจกี้นะ แค่นี้พี่ก็ดีใจแล้ว แค่รู้ว่ากี้เป็นห่วงพี่พี่ก็ดีใจมากๆแล้ว” พี่เนยยิ้มมองหน้าฉันแต่ฉันก็ยังยิ้มไม่ออกอยู่ดีเพราะยิ่งพี่เนยอยู่ใกล้ๆไอ้รอยแดงๆที่อยู่ตรงต้นคอพี่เนยก็ยิ่งชัดจนฉันต้องเอามือไปค่อยๆลูบรอยนั้ยเพื่อหวังปลอบประโลนเธอให้หายเจ็บ
พี่เนยไม่เป็นอะไรแน่นะ”
ไม่เป็นไร ไม่เป็นอะไรจริงๆกี้ไม่ต้องคิดมากนะเด๋วพี่จัดการเอง....”
ภาพพี่เนยยิ้มพูดให้ฉันลืมเลือนความรู้สึกผิดในตอนนั้นค่อยๆจางหายกลายเป็นภาพพี่เนยกำลังใช้มือจับผมมาบังแถมยังทำเหมือนตัวเองไม่รู้ว่ามันเป็นรอยอย่างนี้ได้อย่างไรอีกในตอนนี้...
ทั้งๆที่ตอนนั้นเธอบอกให้ฉันไม่คิดมากเธอจะจัดการเองแล้วแท้ๆแต่ไหงตอนนี้เธอกลับปล่อยตัวเองให้มีรอยอย่างนี้โผล่ขึ้นมาต่อหน้าต่อตาฉันในโรงเรียนได้
...นี่เธอตั้งใจจะแกล้งฉัน ให้ทุกคนมองเห็นรอยนั่นแล้วมองคนที่ไปไหนมาไหนกับเธอที่โรงเรียนตลอดอย่างฉันว่าเป็นคนทำรอยนั่นให้เกิดขึ้นมาใช่มั้ย
ฉันส่ายหัวให้ภาพที่อยู่ตรงหน้าไม่อยากจะเชื่อว่าพี่เนยจะพยายามแกล้งฉันขนาดนี้
พี่เนย อยากให้คนทั้งโรงเรียนเห็นกี้เป็นคนไม่ดีอย่างนั้นเหรอ เกินไปแล้วนะพี่เนย ถ้าพี่เนยจะทำอย่างนี้นะกี้จะไม่เดินไปไหนมาไหนกับพี่เนยอีกแล้ว” ฉันคิ้วขมวดตะคอกใส่พี่เนยด้วยความอารมณ์เสียแล้วสะบัดตัวจะเดินหนีพี่เนยจากมุมตึกนั้น
ไม่ใช่นะกี้ ไม่ใช่จริงๆพี่คงทามาไม่ทั่วไม่เสมอเฉยๆเดี๋ยวพี่ทาใหม่ตอนนี้ก็ได้ พี่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆฟังพี่ก่อน” พี่เนยทั้งพูดทั้งดึงรั้งแขนฉันไว้เธอทำหน้าเหมือนเธอเสียใจที่เห็นฉันเข้าใจเธอผิดอย่างนั้น
จริงๆนะ เด๋วทาให้ดูตอนนี้เลย” พี่เนยรีบเปิดกระเป๋าหยิบแป้งพับขึ้นมาทาหนาๆที่รอยนั้นของเธอให้ฉันดูด้วยท่าทางรีบร้อนเพราะกลัวฉันจะไม่เชื่อใจหล่อน
เรียบร้อยแล้วนะกี้ไม่มีแล้ว กี้อย่าโกรธพี่เลยนะทีหลังพี่จะระวังตัวเองให้มากขึ้น นะ นะคะกี้อย่าโกรธพี่เลยนะ”พี่เนยทำเสียงออดอ้อนขอโทษขอโพยฉันต่อ
ฉันมองพี่เนยทำหน้าเศร้าเสียใจเหมือนเธอรู้สึกผิดแล้วก็อดจะใจอ่อนสงสารเจ้าหล่อนขึ้นมาอีกไม่ได้
...หล่อนคงจะไม่ได้ตั้งใจจริงๆนั่นล่ะมั้ง ไม่งั้นวันที่ผ่านๆมาหล่อนก็คงปล่อยให้ตัวเองคอแดงมาโรงเรียนตั้งนานแล้วสิ เพราะทุกทีที่มีอะไรกันฉันก็เผลอทำอย่างนั้นกับเธอตลอด..
อืม..ไม่เป็นไรก็ได้ ระวังตัวหน่อยก็ดีกี้ไม่อยากเป็นเป้าสายตาคนอื่น” ฉันหยุดยืนมองหน้าพี่เนยที่ยิ้มออกเพราะฉันให้อภัยหล่อนทันทีก่อนที่จะชวนเธอให้รีบเดินขึ้นไปส่งที่ห้องให้ทันก่อนที่ออดโรงเรียนในตอนเช้าจะดังขึ้นมาเตือน