วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559


Lovely Mafia Girl
ลูกสาวเจ้าพ่อ ขอเป็นแฟนหนู
 Chapter 8
ติดร่างแห
~~ ห๊าวววว.. ~~

...ฉันรีบยกมือป้องปากทันทีที่เริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังอ้าปากหวอนั่งหาวน้ำมูกน้ำตาไหลด้วยท่าทางน่าเกลียดต่อหน้าเด็กนักเรียนที่กำลังเดินผ่านมองฉันเข้าไปในโรงเรียน ตอนที่ฉันนั่งรอพี่เนยอยู่ที่ม้านั่งหน้าโรงเรียนที่เก่าที่ฉันกับพี่เนยเคยนัดกันไว้
ไอ้อาการหาวหวอดๆมองดูอ่อนเปลี้ยเพลียแรงตลอดเวลาที่ฉันนั่งรอพี่เนยอยู่นี้ น่าจะเกิดมาจากการที่ฉันนอนดึกแต่ดันตื่นเช้า แถมยังมีเวลานอนพักผ่อนจริงๆจังๆแค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ฉันตื่นขึ้นมาเพื่อส่งเจ้าหล่อนตอนเกือบๆจะย่ำรุ่งของวันนี้...
ฉันนั่งนึกถึงตอนที่เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ที่ฉันตั้งไว้ดังเตือนขึ้นมาตอนตี 4กว่าๆ ตอนนั้นพี่เนยยังแอบงัวเงียๆไม่ยอมลุกเอาแต่ซุกร่างเปลือยเปล่าของเจ้าหล่อนขยับเข้ามากอดฉันในผ้าห่มทำทีว่าหล่อนหนาวเหลือเกินไม่อยากออกจากอ้อมกอดอุ่นๆที่ฉันเผลอกอดเธอไว้ทั้งคืนอย่างนี้ไปไหน
ฉันได้ยินเสียงเตือนของโทรศัพท์ดังอยู่นานจนฉันเริ่มรู้ตัวและลุกขึ้นมาปลุกพี่เนยให้เลิกงอแงง่วงนอนทำเป็นลุกขึ้นมานั่งหลับแล้วก็ทิ้งตัวลงไปนอนบนที่นอนเหมือนเดิม จนฉันเริ่มเอ็ดเธอ..
พี่เนย...ไหนตกลงกันแล้วไงว่าตี4พี่เนยจะตื่นแล้วกลับบ้านอ่ะ ถึงเวลาแล้วก็อย่าเอ้อละเหยอย่างนี้สิ ถ้าสายกว่านี้พ่อแม่กี้ตื่นมาเห็นเข้ามันจะยุ่งนะ” ฉันทั้งพูดทั้งยกตัวพี่เนยให้ลุกขึ้นแล้วเขย่าตัวพี่เนยที่ทำเป็นนั่งหลับตานอนคอพับคออ่อนโอนไปทางนั้นทีทางโน้นที
ถ้าไม่ยอมกลับตามเวลาที่ตกลง ต่อไปนี้กี้จะไม่ให้พี่เนยมานอนด้วยแล้วนะ” ฉันเริ่มขึ้นเสียงทำทีเป็นโมโหเอ็ดพี่เนยที่ทำเป็นเด็กไม่รู้เรื่องเสียที
เมื่อเจอฉันเสียงแข็งทำข่มขู่ พี่เนยก็ลืมตาหันมามองฉันหน้าละห้อย
โอ้ย..พี่แค่ยังไม่อยากไปจากกี้ตอนนี้อะ ทำไมเวลาความสุขของพี่มันน้อยจังเลยนะ พี่อยากอยู่กับกี้ตลอดเวลาเลยอ่ะ” พี่เนยทำเสียงออดอ้อนตัวเธอก็เอนมาหนุนตักฉันเบื้องหน้าทำยังกับเธอเศร้าเสียใจซะเต็มประดาที่เธอต้องไปจากฉันในตอนนี้
ถ้าอยากอยู่ตลอดเวลาก็ต้องทำตามสัญญาสิ อยากให้พ่อกับแม่ของกี้รู้เหรอ คิดหรือเปล่าถ้าพ่อแม่รู้เรื่องนี้เข้า แม้แต่หน้าของกี้ พี่เนยก็อาจจะไม่มีสิทธิ์ได้เจออีกตลอดชีวิตเลยนะ” ฉันยังทำเสียงดุบอกเหตุผลให้คนงี่เง่าที่ไม่ยอมเข้าใจโลกให้รับรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากเธอยังไม่ยอมออกจากบ้านไปก่อนตี4ครึ่งซึ่งเป็นเวลาที่ฉันคิดว่าพ่อกับแม่ของฉันยังไม่ทันตื่นนอน
พี่เนยลุกขึ้นมานั่งเศร้ามองหน้าฉันหลังจากที่เธอคิดตามได้
ก็ได้..พี่เข้าใจแล้ว..กลับก็กลับ” พูดเสร็จประโยคนั้นเธอก็ยื่นหน้าเข้ามอบจุมพิตให้ฉันรู้สึกร้อนวูบวาบๆ ก่อนที่เธอจะหยุดแล้วผละตัวออกมาสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ของตัวเองให้เรียบร้อย แล้วเดินตามฉันลงไปด้านล่างเพื่อไปส่งเธอในช่วงที่ความมืดยังคงปกคลุมบ้านอย่างนั้น
ซึ่งฉันมานั่งดูนาฬิกาในตอนนั้นกว่าที่เธอจะยอมกลับไปดีๆก็เป็นเวลาตีสี่สิบห้า ฉันต้องรีบเดินขึ้นมาปิดห้องแล้วรีบเข้ามานอนทันทีด้วยกลัวว่าเวลาประมาณนี้พ่อกับแม่จะเริ่มรู้สึกตัวกันแล้ว
ซึ่งเวลาอันน้อยนิดของฉันในการพักผ่อนก็คือเวลาหลังจากที่ฉันไปส่งพี่เนยกลับบ้านแล้วนั่นเอง ซึ่งถ้านับจริงๆก็แค่ชั่วโมงกว่าๆเพราะกว่าฉันจะหลับตาลงได้จริงๆก็เกือบๆตีห้า แล้วฉันต้องตื่นนอนประมาณหกโมงกว่าๆซึ่งเป็นเวลาประจำของฉันที่ต้องตื่นขึ้นมาทำนั่นทำนี้เพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียน
ถึงแม้ว่าช่วงที่ฉันอยู่กับพี่เนยก่อนหน้านั้นฉันจะมีโอกาสได้งีบหลับพักเอาแรงบ้างแต่มันก็เป็นเพียงเวลานิดๆหน่อยๆที่ฉันกึ่งหลับกึ่งตื่นเพราะโดนกวนจากการสัมผัสนั่นสัมผัสนี่ของเจ้าหล่อน หรือไม่ก็เกิดจากฉันเองที่ไม่ยอมลดลาวาศอกให้พี่เนยที่ไม่ว่าเธอจะทำอะไรฉัน ฉันก็ทำอย่างนั้นคืนกลับไปหาเธอเหมือนๆกัน แต่คิดๆดูแล้วจะกลายเป็นฉันมากกว่าที่เป็นผู้นำในเรื่องอย่างว่าทำเธอก่อนเสมอทุกครั้งไปในช่วงหลังๆนี้....
ตอนนี้ฉันนั่งยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ เสียงหาวดังขึ้นมาเรื่อยๆสลับกับท่าทีหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาคอยซับน้ำมูกน้ำตาที่มันไหลออกมาเรื่อยๆด้วยความง่วงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเสียที
นักเรียนเดินผ่านหน้าฉันไปคนแล้วคนเล่า ฉันก็เฝ้ามองที่หน้าประตูโรงเรียนว่าตอนไหนจะมีรถตู้คันงามคันนั้นขี่มาจอดส่งผู้หญิงบางคนที่เฝ้าพะเน้าพะนอบอกฉันให้รอเธอมาอย่างนี้
กี้..” เสียงผู้ชายดังผ่านจากด้านหลังของฉันให้ฉันต้องหันหลังกลับไปมองแล้วพบว่าเจ้าของเสียงนั่นคือพี่บอลพี่ผู้ชายที่เค้าพยายามมาคุยกับฉันในตอนเช้าเมื่อวานนั่นเอง
“..เมื่อวานพี่ไม่มีโอกาสได้คุยกับกี้เลยอ่ะ เห็นเนยเฝ้ากี้เกือบทั้งวันเลย” พี่บอลทำหน้าน้อยใจและแอบเสียใจที่เค้าไม่มีโอกาสได้คุยกับฉันเมื่อวาน ฉันยิ้มเจื่อนๆคืนกลับไปให้พี่บอลทันทีเพราะไม่รู้จะแก้ตัวอะไรยังไงกับสิ่งที่เค้าก็เห็นอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
กี้จะคบกับเนยเหรอ..กี้ชอบผู้หญิงด้วยกันเหรอ..กี้เป็นเบี้ยนเหรอ..” พี่บอลยิงคำถามรัวๆมาให้ฉันที่แบ่งรับแบ่งสู้จะตอบคำถามเหล่านั้นกับพี่บอลดีหรือไม่ ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆทำท่าทางอึกๆอักๆอยู่อย่างนั้น
เมื่อเห็นว่าฉันไม่ตอบเอาแต่ยิ้มเจื่อนๆรับพี่บอลก็หน้าเสียแล้วพูดกับฉันต่อ
พี่ไม่อยากให้กี้คบกับผู้หญิงเลยนะ โดยเฉพาะเนยอ่ะ พี่รู้สึกไม่ดีเลยถ้ากี้จะคบด้วย..” พี่บอลเดินมาใกล้ๆฉันทำท่าเหมือนกับว่าเค้ากำลังจะบอกเรื่องบางเรื่องเกี่ยวกับพี่เนยอย่างนั้น แต่ก็โดนหยุดไว้ด้วยเสียงแข็งๆฟังดูห้วนๆสั้นๆและเย็นชา
ทำไม..เราไม่ดีตรงไหน ทำไมเธอต้องรู้สึกไม่ดีด้วยถ้าเราจะคบกับกี้..”พี่เนยเดินมาจากทางด้านหลังโรงเรียน เธอหิ้วกระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรูมาพร้อมๆกับท่าทางกอดอก ทำสีหน้าไม่พอใจที่ได้ยินเรื่องที่พี่บอลพูดมาเมื่อกี้
พี่บอลยืนนิ่ง เค้าก็จ้องมองพี่เนยอยู่นานก่อนจะยิ้มให้พี่เนยแล้วส่ายหน้าไปมา เหมือนไม่อยากจะคุยด้วยกับคนต่อหน้าในตอนนี้
“..อย่ายุ่งเรื่องของคนอื่นให้มากนักนะ คนเค้าคบกันเค้าก็คบกันแค่สองคน นอกเหนือจากนั้นก็เป็นคนอื่น..เข้าใจที่พูดใช่มั้ย” พี่เนยจ้องหน้าพี่บอลเขม็ง ดวงตากลมๆโตๆสีน้ำตาลอ่อนของเจ้าหล่อนดูดุดันและน่ากลัวขึ้นมาทันทีที่หล่อนอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน และยิ่งคนที่ฉันรู้สึกว่าพี่เนยจะไม่ชอบด้วยแล้ว ความรู้สึกแป๊บๆปร๊าบๆประหนึ่งมีสายฟ้าฟาดฟันลงมาจากตาของเธอส่งไปให้อีกฝ่ายก็ยิ่งชัดเจนและรุนแรงขึ้น โดยที่เธอไม่ได้เกรงกลัวเลยว่าอีกฝ่ายนั้นจะเป็นผู้ชายแถมยังเป็นรุ่นพี่เธออีกปีนึงเสียด้วย
เท่าที่ฉันสังเกตุพี่เนย พี่เนยเรียกพี่บอลว่าเธอๆตลอด เธอไม่ได้ให้เกียรติพี่บอลเลยว่ามีอายุมากกว่า ฟังๆดูแล้วเหมือนเธอพยายามข่มคนที่เธอกำลังพูดด้วยให้กลัวเธอเสียด้วยซ้ำ
ฉันรีบลุกขึ้นถือกระเป๋าเดินเข้ามาดึงแขนพี่เนยออกจากการเผชิญหน้ากับพี่บอลตอนนี้
พี่เนยป่ะ..เข้าโรงเรียนกัน กี้รอนานแล้ว” ฉันพยายามเปลี่ยนเรื่องเรียกสติพี่เนยให้หันมาสนใจฉัน
พี่บอลกี้เข้าห้องก่อนนะ มีโอกาสค่อยคุยกันใหม่ บ้ายบาย” ฉันยกมือบ๊ายบายพี่บอลก่อนจะรีบจูงแขนพี่เนยเดินหนีเข้าโรงเรียนไปด้วยกันอย่างรวดเร็ว
พี่เนยเวลาพูดกับคนอื่น พูดจาให้มันดีๆกว่านี้ได้มั้ย” ฉันหยุดเดินอยู่แถวๆต้นไม้หน้าอาคารเรียนของฉันแล้วหันมาคุยกับพี่เนย
พูดดีแล้วนะนั่น..สุภาพเรียบร้อยที่สุดแล้ว” พี่เนยตอบฉันด้วยร้อยยิ้มเล็กๆเมื่อเธอเริ่มรู้ว่าคนอื่นที่ฉันกำลังพูดถึงหมายถึงใคร
พูดเรียบร้อยที่ไหนตัวเองเป็นผู้หญิงแถมยังเป็นรุ่นน้องพี่บอลอีกไม่ใช่เหรอ ไปเรียกเค้าว่าเธออย่างนั้นแถมยังพูดห้วนๆฟังดูเหมือนอยากจะกัดเค้าซะอย่างนั้น..มันใช่ที่ไหนล่ะ”
อ่ะ ก็เมื่อกี๊พี่ได้ยินเค้านินทาพี่นี่ เค้าพูดอย่างกับว่าเค้าไม่ชอบพี่ จะให้พี่พูดดีกับคนที่เค้าเกลียดพี่อย่างนั้นเหรอ” พี่เนยเถียงข้างๆคูๆ ย้อนแย้งเหตุผลให้ฉันเห็นตามในสิ่งที่พี่บอลพูดมาก่อนหน้านั้น
ถึงมันจะจริงเราก็เก็บเอาไว้ในใจได้นี่ น้ำขุ่นอยู่ในน้ำใสอยู่นอก พี่เนยไม่รู้จักเหรอ..เราไม่จำเป็นต้องเอาพิมเสนไปแลกเกลือนะ ปล่อยๆไปเดี๋ยวเค้าก็ไปเจอปัญหาอย่างนี้กับคนอื่นเอง” ฉันก็ยังไม่ลดละพยายามบอกพยายามสอนพี่เนยให้คิดตามในเหตุผลที่ฉันบอกเธอตอนนี้
ถ้ากี้บอกว่ากี้ไม่ชอบให้พี่เนยมีเรื่องกับคนอื่น พี่เนยจะทำยังไง จะหยุดมั้ย จะปรับปรุงตัวหรือเปล่า” ฉันลองถามในสิ่งที่ครั้งนึงพี่เนยเคยเสนอตัวมาว่าถ้าหากว่าฉันคิดว่าเธอควรจะปรับปรุงตัวอย่างไรเธอก็จะพยายามปรับปรุงตัวอย่างนั้นให้
พี่เนยนิ่งเงียบเธอไม่พูดอะไร เหมือนเธอยังโกรธค้างที่โดนพี่บอลนินทาอย่างนั้น เธอได้แต่ก้มหน้าทำเป็นมองกระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรูและเขี่ยนั่นเขี่ยนี่ของเธอไป
ถามไม่ตอบอีกแล้ว ไหนเคยบอกจะปรับปรุงตัว”
คิดดูก่อนได้มั้ย..บางทีเรื่องที่เจอต่อหน้าอย่างนี้..มันก็ควบคุมอารมณ์ได้ยากเหมือนกัน”
ฉันเลิ่กคิ้วมองหน้าพี่เนย “จะไม่รักษาคำพูดของตัวเองอย่างนั้นเหรอ” ฉันย้อนถามพี่เนยทันที
เปล่า..พี่แค่ขอดูสถานการณ์ก่อน ถ้ามันมีเหตุการณ์ไหนที่มันเกิดขึ้นฉุกระหุกต่อหน้าต่อตาพี่..บางทีพี่ก็ต้องทำเพื่อปกป้องตัวเองนะ อย่างเมื่อกี้พี่ก็แค่บอกเหตุผลกับเค้าเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของพี่บ้างก็เท่านั้น” พี่เนยยิ้มน้อย หล่อนยังพยายามแก้ตัวข้างๆคูๆเพื่อหาเหตุผลที่สนับสนุนในสิ่งที่เธอทำไปนั้นว่ามันถูก
ฉันมองดูผู้หญิงคนต่อหน้านี้ นี่เธอคงไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ แม้เธอจะสัญญาพูดนั่นพูดนี่เป็นมั่นเป็นเหมาะกับฉันไว้แล้วก็ตามว่าเธอจะทำตัวดีอย่างนั้นทำตัวดีอย่างนี้ แต่จากที่ฟังๆดูเธอเถียงฉันข้างๆคูๆอยู่นี้ตอนนั้นเธอคงแค่พูดเอาใจฉันเท่านั้นเอง
ป่วยการที่ฉันจะพูดกับคนกะล่อน วันนี้เธอพูดอย่างนี้วันข้างหน้าเธออาจจะมาอีกเรื่องนึงเลยก็ได้

งั้นกี้ไม่คุยกับพี่เนยแล้ว ส่งแค่นี้ล่ะเด๋วกี้จะเดินขึ้นห้องเอง” พี่เนยรีบเงยหน้าหันมามองฉันทันที
ให้พี่ไปส่งกี้ที่ห้องอีกเหอะนะ ถ้าพี่เห็นว่ากี้ถึงห้องเรียบร้อยดีแล้วพี่ถึงจะสบายใจอะ”เธอทั้งพูดทั้งดึงแขนฉันไว้ทำทีเหมือนว่าเธอเป็นห่วงฉันเหลือเกิน
ฉันคิ้วขมวดหันกับมามองหญิงสาวผู้ที่ทำใบหน้าหม่นหมองมองดูฉันที่กำลังจะเดินหนีเธอขึ้นชั้นเรียนเองแล้วจะตายเสียให้ได้ซะอย่างนั้น
เมื่อจ้องหน้าหล่อนนานแล้วหล่อนไม่มีปฏิกิริยาว่าจะยอมปล่อยแขนฉันง่ายๆ อีกทั้งเริ่มมีนักเรียนเดินผ่านไปมามองดูพี่เนยจับไม้จับมือถือแขนฉันอยู่อย่างนี้ ความอายและความประหม่าก็เริ่มก่อตัวขึ้นในหัวทันที
ก็ได้ๆปล่อยมือกี้ก่อนสิ อายเค้า” ฉันทั้งพูดทั้งพยามแกะมือพี่เนยออก พี่เนยยิ้มร่าเธอปล่อยแขนฉันออกแล้วทำเป็นเดินมาจับเผ้าจับผมของฉันให้เรียบร้อยก่อนจะหยุดมองด้วยรอยยิ้มละมุนต่างจากก่อนหน้านี้สิ้นเชิง
เธอก้มหน้าล้วงของในกระเป๋าของเธอออกมายื่นให้ฉัน
มันเป็นห่อกระดาษฟอยด์สะท้อนแสงสีเงินแวววาวที่ผูกและมัดขึ้นเป็นช่อด้วยโบว์สีน้ำเงิน
อะไรอีกนี่” ฉันงง
ของที่พี่ตั้งใจจะเอามาให้กี้อีกนั่นล่ะ กี้บอกไม่ชอบอะไรที่มันโอเวอร์อลังการวันนี้พี่เลยเอาของเล็กๆมาให้”

อะไรคือของเล็กๆของเธอ..ฉันคิดแล้วเพ่งมองพี่เนยที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตอนมองฉันก้มมองห่อของขวัญเล็กๆอันนี้ที่เธอยื่นใส่มือฉัน

ไปแกะดูอยู่บ้านนะ จะได้ตื่นเต้น” พี่เนยทั้งยิ้มทั้งพูดดูท่าทางอารมณ์ดีกว่าเมื่อกี๊มาก
ฉันมองหน้าพี่เนยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนคนดีใจอย่างนี้ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าของเล็กๆของเธอนั่นมันจะมีอะไรซ่อนอยู่ แต่ฉันก็ไม่พูดอะไร ได้แต่รับของนั้นมาไว้แล้วเผลอยกมือไหว้ขอบคุณพี่เนยด้วยความเคยชิน
พี่เนยยิ้มทันทีที่เห็นฉันยกมือไหว้เธอ เธอยื่นมือมาจับปลายผมของฉันไปมาด้วยความเอ็นดู
พี่รักกี้..ก็เพราะว่ากี้เป็นเด็กดีอย่างนี้ล่ะ..” พี่เนยพูดด้วยน้ำเสียงอายๆตอนที่เธอปัดปลายผมของฉันเสร็จ แล้วฉันเผลอเงยหน้ามาสบสายตาหวานๆซึ้งๆของหล่อน

อึ๊ก...อาการแปลกๆอย่างนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว ฉันจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเลยถ้าฉันบังเอิญหันมาสบตากับพี่เนยโดยที่ฉันไม่ได้ตั้งใจ
ความรู้สึกร้อนๆไปทั่วใบหน้าของฉันกำลังบอกฉันว่า หากฉันยังขืนจ้องมองดวงตาคู่นั้นอีกฉันคงจะต้องละลายลงไปต่อหน้าต่อตาผู้หญิงคนนี้เป็นแน่
ฉันไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองจริงๆว่าฉันเป็นอะไร..และฉันก็ไม่แน่ใจจริงๆว่าตอนนี้ฉันรู้สึกอย่างไรกับผู้หญิงคนนี้ มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ ดูหน่วงๆ เหมือนจะชอบแต่ก็ไม่ชอบ เหมือนจะใช่แต่มันก็ยังไม่ใช่..
เมื่อคิดอยู่นานแต่ยังไม่ได้คำตอบ..ฉันก็ได้แต่ถอนหายใจเรียกสติตัวเองกลับมา ก่อนจะหันหน้าเดินนำพี่เนยขึ้นห้องเรียนของตัวเองไปทันที

ที่ยงวันนั้น...
พี่เนยนัดฉันให้ไปกินข้าวเที่ยงกับเธอเหมือนเดิม และเหมือนเดิมเธอยังคงให้เพื่อนจองโต๊ะกินข้าวเอาไว้ตรงใจกลางโรงอาหาร
เราต้องมานั่งกินข้าวท่ามกลางสายตายิ้มเล็กยิ้มน้อยของผู้คนและเสียงซุบๆซิบๆที่ดังมาเป็นชื่อฉันกับพี่เนยตลอดเวลา
ตอนกินข้าวเสร็จพี่เนยชวนฉันไปนั่งเล่นอยู่แถวๆม้านั่งอาคารเรียนศิลปะ แต่ฉันรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนเกินกว่าที่ฉันจะคุยจะเสวนากับเธอได้ฉันจึงปฏิเสธเธอไป
กี้ง่วงเหรอ” พี่เนยเดินมาดักฉันด้านหน้า เธอถามฉันตอนที่เรากำลังจะเดินผ่านห้องน้ำด้านตะวันออกของโรงอาหารไป
อืม ใช่สิ..พี่เนยไม่ง่วงหรือไง..” ฉันทำหน้างอนๆบอกพี่เนย เผื่อว่าเธอจะนึกขึ้นได้ว่าทำไมฉันถึงรู้สึกง่วงนอนขนาดนี้
พี่เนยยิ้มเล็กยิ้มน้อยมองหน้าฉันอย่างอารมณ์ดี “ไม่..ไม่ง่วงเลย สดชื่นแจ่มใสดีมากเลย..พี่ชินแล้วอ่ะ” ฉันฟังดูน้ำเสียงกะล่อนของพี่เนยที่บอกว่าเธอสดชื่นแจ่มใสก็อดที่จะตาขวางมองค้อนพี่เนยไม่ได้
ใช่สิ..พี่เนยนี่นา แต่กี้อ่ะไม่เคยนอนดึกอย่างนี้ตอนนี้กี้ง่วงมากยิ่งกินข้าวเข้าไปยิ่งง่วง เคยได้ยินมั้ยหนังท้องตึงหนังตาหย่อนอะ กี้ว่าจะกลับไปงีบอยู่ห้องก่อนเรียนก่อนแป๊บนึง” ฉันทำหน้าเซ็งๆก่อนที่จะพยายามเดินเลี่ยงพี่เนยไป
ดะเด๋วกี้..งั้นกินกาแฟเย็นมั้ยเด๋วพี่ไปซื้อให้” พี่เนยทำเป็นห่วงเป็นใยยื่นข้อเสนอมาให้ฉันที่ส่ายหน้าไปมาเพราะไม่ได้ต้องการให้เธอเอาใจฉันด้วยการประเคนนั่นประเคนนี่มาให้อย่างนี้
นะนะ ถ้าเหนื่อยก็นั่งรออยู่แถวม้านั่งหน้าห้องน้ำก่อนก็ได้เด๋วพี่ไปซื้อมาให้ กินแล้วกี้จะได้สดชื่นไม่ง่วงนอนไง”
ฉันทั้งเหนื่อยทั้งง่วงและเบื่อไม่อยากจะเถียงกับพี่เนยเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้ จึงปล่อยให้เธอทำตามใจตัวเองไป..อยากทำอะไรให้ฉันก็ทำไป..
พี่เนยยิ้มหวานบอกให้ฉันรออยู่ที่ม้านั่งก่อนที่เธอจะรีบวิ่งไปทางโรงอาหารด้วยความกระปรี้กระเปร่าของเธอ
ฉันเดินไหล่ตกด้วยความเหนื่อยล้าและง่วงนอนตรงไปที่หน้าห้องน้ำ
แต่ยังไม่ทันจะผ่านทางเข้าหน้าห้องน้ำดี

.....อยู่ๆตัวฉันก็เซไปตามแรงดึงของอะไรบางอย่าง...

...เป็นผู้หญิงม.ปลาย5-6คน สองคนแรกเดินมาดักหน้าฉันไว้ส่วนพวกที่เหลือเดินมาด้านหลังและล็อคคอปิดปากฉัน ลากฉันเข้าไปในห้องน้ำ นักเรียนหญิงที่อยู่ในห้องน้ำก่อนหน้านี้สามสี่คนโดนพวกนี้ไล่ออกไปจนหมด แล้วปิดประตูใหญ่ห้องน้ำไว้ กันไม่ให้ใครเข้ามาอีก นักเรียนหญิงคนนึงทำหน้าที่เฝ้าต้นทาง ส่วนพวกที่เหลือหลังจากที่ลากตัวฉันมาถึงด้านในสุดของห้องน้ำพวกเค้าก็พากันยืนมุงฉัน กันฉันไว้ไม่ให้ฉันหนีไปไหนได้
ตอนนี้ฉันทั้งงง ทั้งตกใจ ทั้งกลัว อาการง่วงเมื่อกี๊หายไปเป็นปลิดทิ้ง ฉันมองไปรอบตัวๆตอนนี้ผู้หญิงที่อยู่รอบๆฉันเป็นนักเรียนหญิงชั้นม.6และม.5ยืนคละปะปนกันอยู่ หนึ่งในนั้นก็คือผู้หญิงร่างอวบคนนั้นที่มีเรื่องกับพี่เนยเมื่อวาน

ฉันอึ้งมองหน้าคนนั้นคนนี้สลับไปมาไม่รู้ว่าพวกเค้าเหล่านี้ต้องการอะไร

ยังไม่ทันที่ฉันจะถามอะไร ผู้หญิงคนผมสั้นๆตัวใหญ่ร่างกายบึกบึนท่าทางจะเป็นทอมก็เดินเข้ามาประชิดฉัน
น้องกี้ใช่มั้ย... ดูใกล้ๆส้วยสวยเนอะ” ผู้หญิงคนนั้นทั้งพูดทั้งยิ้มมือข้างนึงก็ยกขึ้นมาเชยคางฉันขึ้นมาแล้วทำท่าเหมือนจะโน้มหน้าเข้ามาหอมฉันจนฉันต้องสะบัดหน้าหนีและเริ่มร้องโวยวาย แล้วพอฉันทำท่ากระฟัดกระเฟียดอย่างนั้นคนคนที่อยู่ข้างหลังก็รีบล็อคแขนของฉันเอาไปไว้ด้านหลัง มือข้างนึงก็ผลักฉันให้เข้าไปใกล้ๆผู้หญิงร่างใหญ่คนนั้นเหมือนเดิม
พี่จะคุยด้วยดีๆไม่มีอะไรหรอกน่า ไม่ต้องกลัว แล้วก็ไม่ต้องสะบัดสะบิ้งอย่างนั้นด้วยเพื่อนพี่ไม่ชอบ ถามอะไรก็ให้ตอบตามนั้น” ผู้หญิงคนนั้นโน้มหน้าเข้ามาใกล้ๆฉัน มือข้างที่เธอยกมาเชยคางฉันก็กลายเป็นบีบปากของฉันเอาไว้ไม่ให้ฉันร้องแอะอะอะไรไป
เป็นเด็กอีเนยเหรอเรา...”พี่คนนั้นถามพลางทำเป็นมองฉันตั้งตัวหัวจรดเท้า
หน้าตาน้องก็ดี..สวยก็สวยไปคบกับมันทำไม..มันนิสัยไม่ดี..เน่าจะตายใครๆก็รู้”ฉันคิ้วขมวดพยายามเถียงคืนกลับไป
ไม่ได้เป็นเด็กพี่เนย ยังไม่ได้คบกัน..พวกพี่เข้าใจผิดแล้ว”
พี่คนนั้นยิ้ม “อ้าวเหรอ..พี่เข้าใจผิดเหรอนี่ อย่างนี้นังเนยมันก็เข้าใจสถานะของมันผิดด้วยดิ..น่าสงสารมันจังเลยอะ อุตสาห์เปิดตัวว่าตัวเองเป็นเบี้ยนขนาดนั้น สมน้ำหน้ามันว่ะ” พี่คนนั้นหันหน้าไปหัวเราะกับพวกที่เหลือกันอย่างฮาเฮทำท่าเหมือนสะใจที่ได้ยินเรื่องที่ว่าฉันบอกว่าไม่ได้คบกับพี่เนยนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้พวกเค้ามีความสุขซะเต็มประดา
อืม..น้องกี้จ๊ะ..พี่จะช่วยให้นังเนยมันเข้าใจสถานะของมันดีกว่านี้..ดีมั้ย” พี่คนนั้นยิ้มด้วยสายตาแปลกๆมองฉันตาเยิ้มทำอย่างกับมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในคำพูดนั้น ฉันกลืนน้ำลายพยายามสะบัดหน้าไปมา
“..ไม่ต้อง ไม่เป็นไรกี้จัดการเองได้ พวกพี่ปล่อยกี้ไปเหอะ”ฉันพยายามปฏิเสธด้วยน้ำเสียงรนรานเพราะเริ่มจับรังสีอำมหิตผิดปกติบางอย่างได้ในสายตาของพี่คนนี้ได้
จะรีบไปไหนเล่า..อยู่คุยกับพี่ก่อน มาช่วยพี่ทำให้นังเนยมันรู้หน่อยว่าน้องไม่ได้ชอบมัน น้อง..”พี่คนนั้นพูดค้างไว้แล้วมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาเหมือนคนหื่นกระหายก่อนจะพูดประโยคถัดไปด้วยน้ำเสียงเหมือนคนสะใจที่จะได้ทำอะไรสักอย่าง “...เป็นอะไรกับพี่แล้ว”

เฮ้ยยย.....”

ฉันอ้าปากร้องโวยวายทันทีที่เริ่มคิดได้ แต่ก็โดนพี่คนนั้นปิดปากไว้แล้วดันฉันเข้าไปอยู่ในห้องน้ำห้องในสุด ตอนนี้พวกผู้หญิงที่เหลือพากันยืนออรออยู่ข้างนอกกันฉันเอาไว้ ไม่ให้ฉันหนีหลุดออกมาจากห้องน้ำได้
ฉันทั้งถีบทั้งดันทั้งหยิกกันตัวเองไว้ไม่ให้พี่คนนั้นเข้าใกล้แต่ก็กลายเป็นว่าพี่คนนั้นกอดล๊อคตัวของฉันเอาไว้ด้วยอ้อมแขนที่ดูแข็งแรงของเธอ พี่คนนั้นพยามก้มลงหอมฉันที่ก้มหน้าหลบไปมา ทำให้พี่คนนั้นไม่สามารถหอมฉันได้ง่ายๆ ก่อนที่หล่อนจะโมโหใช้มือข้างที่ไม่ได้ล็อคตัวของฉันไว้บีบคางของฉันล็อคไว้ไม่ให้หันหน้าหนีจากเธอไปไหนได้
บอกให้อยู่เฉยๆไง..สะบัดสะบิ้งไปได้..ถ้าไม่ยอมผู้หญิงด้วยกันดีๆจะพาไปให้พวกผู้ชายรุมโทรมเลยนะทีนี้ เลือกเอาจะเอาอันไหน” พี่คนนั้นขึ้นเสียงข่มขู่ฉันทันทีเมื่อเธอเห็นว่าขัดขืนไม่ยอมเธอง่ายๆ
อึ้ยยย...” ฉันทั้งกลัว ทั้งตกใจ ทั้งเจ็บปากเพราะโดนบีบเอาไว้เสียจนขยับเขยื้อนไปไหนมาไหนไม่ได้...ได้แต่หลับตาปี๋ยืนตัวแข็งปล่อยให้พี่คนนั้นโน้มหน้ามาทำท่าจะหอมฉันในตอนนี้....
!!!โครม!!!!

ยังไม่ทันที่ริมฝีปากของพี่คนนั้นจะสัมผัสโดนแก้มของฉัน เสียงดังของประตูหน้าห้องก็ดังมาพร้อมๆกับเสียงดุๆห้วนๆ
มึงทำอะไรแฟนกู...”

เสียงตวาดอันทรงพลังที่ฟังคุ้นหู ดังมาหลังจากที่ประตูเปิดพรวดเข้ามาตามแรงกระทบของบางอย่าง จนฉันและยัยพี่ทอมคนนั้นต้องรีบหันหลังควับกลับไปทันที...

...ภาพที่ฉันเห็นตอนนี้ก็คือ...

พี่เนยทำท่ายืนถีบค้างไว้อยู่ด้านหน้าประตู ท่ามกลางเด็กนักเรียนหญิง4-5 คนพวกนั้น ที่บ้างก็ล้ม บ้างก็นั่ง บ้างก็หลังติดฝา ทำท่ายังกับว่าพวกนี้โดนพี่เนยจัดการด้วยกระบวนท่ากำลังภายในของเธอ...
พี่เนยคิ้วขมวดดวงตาจ้องเขม็งด้วยความโกรธก่อนเดินลิ่วๆเข้ามาดึงคอเสื้อพี่คนนั้นออกมาจากฉัน แล้วจากนั้นเธอก็ราดกาแฟเย็นแก้วที่เธอถือเข้ามาด้วยรดลงที่หัวพี่คนนั้นทันที
แล้วทันทีที่พี่ทอมคนนั้นโดนพี่เนยราดหัวด้วยกาแฟเย็นเธอก็เปลี่ยนเป้าหมายโจมตีไปที่พี่เนยทันที พี่คนนั้นกำหมัดฮุกเข้าไปเฉียดๆแก้มทางซ้ายพี่เนย ฉันเห็นพี่เนยเซจะล้มเสียหลักทันทีที่โดนปลายหมัดนั้น ตอนนี้พี่ทอมร่างใหญ่คนนั้นเดินเข้าไปประชิดพี่เนยและจิกผมพี่เนยดึงพี่เนยขึ้นมาทำท่าเหมือนจะตบแต่พี่เนยก็ไวกว่าเธอเอื้อมมือขึ้นไปหยิกมือข้างที่จิกหัวเธอไว้นั้นออกแล้วกระชากพี่ทอมคนนั้นไปใส่ผนังห้องน้ำทันที พี่คนนั้นไม่ยอมง่ายๆทันทีที่หล่อนล้มไปอยู่ทางด้านหลังของพี่เนยหล่อนก็ดึงกระชากผมหางม้าของพี่เนยอย่างแรงจนพี่เนยล้มหงายหลังไปกองอยู่กับพี่คนนั้น แล้วตอนนี้พี่คนนั้นก็ทั้งดึงผมทั้งยื่นมือมาด้านหน้าพยายามจะตบหน้าพี่เนยที่ก้มลงหลบเพราะเสียหลักอยู่ตอนนั้น
เมื่อเห็นว่าพี่เนยเริ่มจะเสียเปรียบและสู้ไม่ไหว ด้วยความเป็นห่วงพี่เนยบวกกับความตกใจคิดอะไรไม่ออก ฉันรีบหันหลังกลับมาที่อ่างน้ำแล้วคว้าเอากระบวยตักน้ำกระหน่ำฟาดไปที่หน้าพี่คนนั้นเต็มๆแรงและรัวไม่หยุดจนพี่คนนั้นปัดไม้ปัดมือลุกขึ้นมาจับมือฉันที่ถือกระบวยไว้แล้วตรงมาบีบคอฉันจนฉันไอสำลักแค่กๆเพราะเริ่มจะหายใจไม่ออก
แต่ก่อนที่เหตุการณ์จะรุนแรงและบานปลายไปกว่านี้ เสียงดังโวยวายจากหน้าห้องน้ำก็ดังขึ้น
อาจารย์ปกครองมาแล้วๆ เด็กพวกนั้นไปแจ้งอาจารย์แล้ว หนีเร็วๆๆ” เพื่อนพี่ทอมคนนั้นเร่งให้พี่ทอมคนนั้นรีบหนีออกมา คงเป็นเพราะมีนักเรียนหญิงมาเข้าห้องน้ำช่วงที่พี่เนยเปิดประตูออกได้แล้ว แล้วพวกเค้าเข้ามาเจอว่าคนกำลังมีเรื่องกัน พวกเค้าจึงรีบไปแจ้งอาจารย์ฝ่ายปกครอง
พี่ทอมคนนั้นผละออกจากฉันยืนชี้หน้าพร้อมกับมองหน้าเราทั้งสองอย่างอาฆาต “ฝากไว้ก่อนเถอะมึงอีเนยกับเด็กของมึง..เด๋วพวกมึงเจอดีแน่”พี่เนยก็ชี้หน้าพี่ทอมคนนั้นคืนเหมือนเธอก็แค้นเหมือนกัน ก่อนที่จะมองดูพวกนักเรียนกลุ่มนั้นวิ่งหนีออกจากห้องน้ำไปแล้วหันมาเรียกฉัน
แต่ฉันยังสำลักไอไม่หาย ได้แต่นั่งก้มหน้าลงพื้นจะอ๊วกเพราะอาการหายใจไม่ออก พี่เนยเห็นท่าจะไม่ดีเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าคนดังเข้ามาใกล้ห้องน้ำที่เราเข้าทุกที เธอจึงรีบลุกขึ้นแล้วดึงมือฉันให้รีบวิ่งตามเธอออกไปนอกห้องน้ำนั้นทันที
รีบไปกันเถอะกี้ เด๋วอาจารย์จะเห็น” พี่เนยพูดพลางดึงฉันให้รีบวิ่งตามเธอ ฉันก็รีบแม้จะยังเจ็บที่คอไม่หายแต่ก็ได้แต่ฝืนทนเก็บอาการเจ็บเหล่านั้นไว้แล้วรีบวิ่งออกมาตามพี่เนย
แต่พอออกมาหน้าห้องน้ำเราก็ต้องหยุดกึ๊กทันทีเพราะตอนนี้นักเรียนทั้งชายและหญิงต่างพากันยืนออมุงดูว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องน้ำนั้น
พี่เนยหันรีหันขวางมองซ้ายมองขวาอยู่นาน เธอคงเลือกไม่ถูกว่าเธอจะวิ่งหนีไปทางไหนดี จนกระทั่งฉันหันไปสบตาเข้ากับอาจารย์ฝ่ายปกครองที่กำลังเดินตรงดิ่งมาที่กลุ่มนักเรียนนี้เข้าอย่างจัง...

~~~~เหวอออออ~~~~~

..แย่แล้ว อาจารย์เห็นหน้าแล้ว.. ฉันอึ้งคิดอะไรไม่ออกรีบดึงมือพี่เนยให้วิ่งตามฉันไปอีกฝากที่อาจารย์เดินมาทันที
ฉันทั้งคิดทั้งวิ่งจูงมือพี่เนยไปอย่างไร้จุดหมาย...
...โอ้ยให้ตายเถอะ...วันนี้มันเป็นวันบ้าอะไรกันนี่ ฉันทั้งเกือบจะเสียตัว ทั้งเจ็บตัวเกือบจะตาย ทั้งโดนอาจารย์ฝ่ายปกครองเห็นหน้าอย่างนั้นเข้าอีก..
...โอ้ย….ขอให้เรื่องทั้งหมดนี้เป็นความฝันที่ฉันเผลอหลับไปเพราะความง่วงทีเถ๊อะ
...คุณพระคุณเจ้า สาธุ..

***********************************

โอ้ยยย..” เสียงพี่เนยร้องดังขึ้นตอนที่ฉันเอาผ้าเช็ดหน้าที่ห่อน้ำแข็งยื่นเข้าไปจะประคบหน้าพี่เนยที่โดนหมัดยัยทอมคนนั้นถากเอาตอนที่มีเรื่องกัน ตอนนี้เรานั่งพักอยู่ที่ม้านั่งหลังโรงเรียนหลังจากที่เราวิ่งหนีอาจารย์ปกครองคนนั้นมา
ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย นี่ก็ร้องซะโอเวอร์” ฉันหยุดกึ๊กทำตาขวางมองหน้าพี่เนยที่ทำสำอิดสำออยร้องโวยวายแสดงอาการเจ็บของเธอทั้งๆที่ฉันยังไม่ทันได้ยื่นเข้าใกล้ผิวหนังเธอสักนิด
พี่กลัวมันเจ็บอ่ะ เลยร้องไว้ก่อน” พี่เนยหน้าเจื่อนๆยิ้มแหยๆให้ฉันด้วยความอายที่ยังไม่ทันโดนอะไรเธอก็ร้องเสียแล้ว เธอหันซ้ายหันขวามองหาคนรอบๆโต๊ะมานั่งหลังโรงเรียนแถวๆที่พี่เนยเคยเอารถห้าประตูคันนั้นมาแอบจอดเพื่อดูว่ามีใครอยู่แถวๆนี้แล้วได้ยินเธอร้องโอยอย่างนั้นขึ้นมาหรือเปล่า เมื่อพบว่าไม่มีใครเธอก็หันกลับมาทำท่าสำอิดสำออยของเธอต่อ
ทีเมื่อกี๊ไม่เห็นกลัวเจ็บเลย ทำยังกะศึกเจ้ามวยไทย ตีกันยังกับจะเอากันให้ตายไปข้างนึง” ฉันทำเสียงประชดประชันพี่เนย
ก็ตอนนั้นพี่เป็นห่วงกี้อะ ทั้งโมโหมันที่มันมาทำบ้าๆกับกี้อย่างนั้น นี่ถ้าพวกการ์ดของพี่อยู่นะพี่ให้เค้าอุ้มไปโบกปูนโยนทิ้งทะเลแล้ว”

..ยัง..ยังมีหน้าจะเถียงอีก..

ฉันเหล่ตามองพี่เนยทันทีที่ได้ยิน “นี่ล่ะพวกชอบใช้กำลังตัดสินคิดอะไรไม่ออกก็ตีกันก็ฆ่ากันคุยกันดีๆมันจะตายหรือไง”
ก็มันไม่ยอมคุยกับพี่ดีๆอะ แถมมันยังเจ้าเล่ห์คิดจะมาทำมิดีมิร้ายกับกี้เพื่อทำให้พี่เจ็บใจอีก ดีนะนี่ทียังกลับมาทันไม่งั้นไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง” พี่เนยทั้งพูดทั้งหันมามองด้วยสายตาแสนห่วงต่อฉัน มือเธอก็เอื้อมมาจับแก้มฉันไว้
อืม..ไม่เป็นไรแล้วล่ะช่างมันเถอะ..แต่พี่เนยนี่สิหน้าแดงบวมเลย” ฉันมองกลับไปที่ใบหน้าของพี่เนยด้วยความห่วงเช่นเดียวกัน
จริงเหรอ..เกลียดจริงๆเลยอะพวกที่เวลาตีกันแล้วมาลงที่หน้าอย่างนี้ เล่นที่อื่นจะไม่ว่าเลยนะแต่เล่นที่หน้าอ่ะโคตรโกรธเลย” พี่เนยคิ้วขมวดมือก็มาลูบๆคลำๆที่รอยแดงที่แก้มของเธอปากก็บ่นด้วยความโมโหของเธอไป
...ก็แหงล่ะสิ ก็คงจะกลัวว่าหน้างามๆของตัวเองต้องเป็นแผลริ้วรอยอย่างนั้น จริงๆคนสวยๆหน้าตาดีๆเค้าก็ไม่ค่อยไปมีเรื่องกับใครหรอกนะ เพราะเค้าก็กลัวหน้าเค้าเป็นแผลเหมือนกัน ยกเว้นพี่เนยนี่ล่ะที่ถึงแม้หล่อนจะกลัวว่าหน้าหล่อนจะเป็นแผลยังไง แต่เวลาที่หล่อนจะสู้ หล่อนจะสู้เต็มที่เต็มกำลังเป็นไงเป็นกัน ไม่ว่าสภาพหล่อนตอนที่ตบตีกับคนอื่นนั้นจะทุเรศมองดูไม่โสภายังไงหล่อนก็ไม่เคยสนใจในจุดนั้นเลย
ฉันนั่งมองพี่เนยจับหน้าตัวเองสำรวจความเจ็บไปมาแล้วก็อดนึกสงสัยให้คนที่กล้าทำกับพี่เนยพวกนั้นขึ้นมาไม่ได้
ตกลงพวกนี้เป็นใครพี่เนยไปทำอะไรให้เค้า ทำไม่เล่นแรงกันจังเลยอ่ะ เกิดมากี้ไม่เคยพบไม่เคยเจออะไรอย่างนี้”
ก็พวกยัยดาวที่พี่มีเรื่องด้วยเมื่อวานนั่นล่ะ อีคนที่เป็นทอมน่ะชื่อเดือนเป็นพี่สาวมันมันคงแค้นพี่มันเลยไปฟ้องพี่มันให้มาหาเรื่องพี่ด้วยวิธีสกปรกอย่างนี้”
ฉันคิ้วขมวด “ต้องทำถึงขนาดนี้กันเลยเหรอ กี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยสักหน่อยบ้ากันหรือเปล่าอ่ะ ทำไมชอบเอาคนอื่นมายุ่งด้วย” ฉันเริ่มบ่นเพราะเริ่มรู้สึกถึงความงี่เง่าของมนุษย์นักเรียนกลุ่มนี้
ไม่รู้สิ มันคงโกรธที่ทำอะไรพี่ไม่ได้ มันเลยพยายามมาลงกับคนที่พี่รัก มันคงรู้ว่าพี่รักกี้มันเลยเปลี่ยนแผนมาทำมิดีมิร้ายกับกี้ให้พี่เสียใจอย่างนี้”
บ้าอะ เลวมากๆเลยอ่ะ นี่คือความคิดของเด็กมัธยมเหรอ นี่ถ้ากี้เป็นอะไรไปจริงๆกี้ต้องทำยังไงอะ จะมีใครรับผิดชอบอะไรกี้ป่ะ แล้วไหนจะอาจารย์ปกครองอีก เมื่อกี้แกก็เห็นหน้ากี้ไปเต็มๆแล้วแกคงรู้แล้วว่ากี้เป็นหนึ่งในคนที่มีเรื่อง กี้ต้องโดนเรียกเข้าห้องปกครองแน่ๆเลย” พี่เนยคิดตามด้วยสีหน้ากังวลทันทีที่ฉันพูดขึ้น
ตั้งแต่เรียนมาจากชั้นประถมจนถึงม.4อ่ะกี้ยังไม่เคยเข้าห้องปกครองเลยนะ ถ้าพ่อแม่กี้ได้มาห้องปกครองกับกี้ด้วยเรื่องอย่างนี้..กี้จะทำยังไง แล้วเรื่องของเราอีกอ่ะพี่เนย...กี้จะบอกคนอื่นยังไง โอ้ย นี่วันเฮงซวยชัดๆเลย กี้ไม่น่าเข้าใกล้พี่เนยเลย” พี่เนยทำหน้าเศร้า เธอคงรู้สึกผิดทันทีที่ได้ยินฉันโทษเธอว่าเธอเป็นสาเหตุของเรื่องทังหมดนี้
พี่ขอโทษ..กี้ไม่ต้องห่วงนะ เด๋วพี่จัดการให้เอง เรื่องของกี้จะไม่มีทางรู้ถึงหูพ่อแม่กี้แน่ๆ ไม่ต้องกังวลเลย เด๋วพี่จัดการให้” พี่เนยยื่นมือมากุมมือฉันไว้เหมือนเธอกำลังปลอบใจฉันให้สงบสติอารมณ์จากการตื่นกลัวที่เริ่มคิดได้เรื่องเข้าห้องปกครอง
พี่เนยลุกขึ้นจากม้านั่งพลางหยิบโทรศัพท์มือถือกดเบอร์ไปหาใครสักคน ฉันเห็นเธอเดินแอบไปคุยอยู่หลังพุ่มไม้ที่ห่างไปอีกประมาณเมตรสองเมตร พี่เนยนั่งคุยอยู่ตรงนั้นชั่วครู่ก่อนจะเดินกลับมาหาฉัน
เอาล่ะไม่มีอะไรแล้ว พี่จัดการให้แล้ว ใครมาถามหากี้กี้ก็ไม่ต้องไปสนใจเลยนะ ทำตัวปกติเด๋วคนก็ลืมไปเอง”
แล้วกี้จะไม่โดนเรียกเข้าห้องปกครองเหรอ” ฉันสงสัยรีบถามไถ่ในสิ่งที่ตัวเองกังวลใจตอนนี้ไป
ไม่แล้วล่ะ พี่จัดการให้แล้ว”พี่เนยพูดพลางยิ้ม
ยังไงอ่ะ”
น่า..ไม่มีอะไรแล้วกี้กลับเข้าห้องเหอะเด๋วก็ออดแล้ว เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ” พี่เนยพูดพลางเดินมาจูงมือฉันให้ลุกขึ้นเดินตาม
จำไว้แค่ว่า..เฉยๆ บอกแค่ไม่รู้แล้วก็ไม่เห็นแค่นั้นล่ะ โอเคนะ” พี่เนยหันมายิ้มหวานลูบหัวฉันปลอบใจเบาๆก่อนจะเดินไปส่งฉันที่ห้อง

**************************************************************
เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจของเพื่อนๆนักเรียนในห้องหยุดลงทันทีที่ฉันเดินเข้ามา แม้ตอนนี้ออดจะดังขึ้นเป็นเวลาผ่านมาเกือบๆห้านาทีแล้ว แต่ครูประจำวิชาคาบบ่ายที่เป็นทั้งครูประจำชั้นที่เราจะเรียนก็ยังไม่ทันได้เข้ามา
ฉันหันไปมองพี่เนยที่ยิ้มโบกมือให้ฉันนิดนึงก่อนที่เธอจะเดินกลับห้องไปแล้วรีบสาวท้าวเดินผ่านสายตาเพื่อนๆที่จับจ้องฉันทำอย่างกับว่าฉันเป็นผู้ต้องหาทำผิดอะไรมากมายเสียจนพวกเค้าเหล่านี้สงสัยใคร่รู้ในที่มาที่ไปเหลือเกิน
ฉันยิ้มแหยๆให้เพื่อนคนที่นั่งข้างๆฉันก่อนที่จะเลื่อนเก้าอี้ตัวเองออกมานั่งสงบจิตสงบใจทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรอย่างที่พี่เนยบอก ทำตัวเป็นปกติที่สุดแต่มันก็ยังหลบสายตาที่แฝงด้วยความสงสัยของเพื่อนๆพวกนั้นไม่ได้จนเพื่อนคนที่นั่งอยู่ข้างๆฉันสะกิดฉันให้หันไปถาม
กี้..เป็นอะไรมากหรือเปล่าวะ...ได้ข่าวว่าแกกับพี่เนยไปมี..” ยังไม่ทันที่เพื่อนจะถามจบเสียงครูประวิชาคาบบ่ายก็ดังขึ้นเรียกสมาธิของเด็กๆทุกคนให้หันไปสนใจหน้ากระดาน
อ้าวๆเรียนได้แล้ว ครูไปทำธุระพึ่งมา”
ฉันและเพื่อนหันควับไปสนใจในสิ่งที่ครูคนนั้นเริ่มสอนในสายชั้นทันที จนกระทั่งครูปกครองคนที่ฉันเห็นอยู่หน้าห้องน้ำเดินโผล่หน้าเข้ามาในห้องเรา
ครูคนนั้นมองสำรวจไปรอบๆห้องอยู่นานก่อนจะพูดขึ้น

ไหน..คนไหนชื่อ กีรติ” ฉันสะดุ้งหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยินครูถามหาฉัน
ตอนนี้หัวใจของฉันสั่นและเต้นระรัวตึกๆตักๆจนฉันแทบจะทนไม่ไหวเกือบจะเป็นลมหมดสติเสียให้ได้
หนูเองคะ” ฉันเสียงสั่นขานรับอาจารย์พลางยกมือขึ้น

โอ้ย...ไหนบอกว่าจัดการให้แล้วไงอีพี่เนย ตายแน่ๆเลยฉัน

เพื่อนในห้องเกือบทั้งห้องพากันหันมาทางฉันทั้งหมดทันทีที่ได้ยินอาจารย์ถามหาฉัน พวกเค้าคงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันและรู้ว่าครูปกครองนั้นมาถามหาฉันเพราะอะไร
ครูคนนั้นมองหน้าฉันอยู่นาน ก่อนจะกวักมือเรียกครูประจำชั้นฉันที่สอนอยู่หน้าห้องตอนนี้ให้ออกมาหาแล้วหันกลับมาบอกฉัน
เธอเองเหรอที่ชื่อกีรติ..ไม่มีอะไรแล้วล่ะ..ครูอยากรู้จักเฉยๆ..ตั้งใจเรียนต่อไปเถอะ”

เฮ้ออออ....

ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆทำท่าเหมือนจะเป็นลมตรงนั้นทันที ด้วยเพราะความดีใจและโล่งใจของฉันที่ได้ยินคุณครูพูดอย่างนั้น
ตอนนี้ครูของฉันเดินออกไปคุยกับรองผอ.ฝ่ายปกครองคนนั้นอยู่หน้าห้อง พร้อมๆกับเสียงซุบๆซิบๆและอาการพยักเพยิดของเพื่อนๆในห้องที่แอบจ้องมองและคงกำลังนินทาฉันเรื่องที่รองผอ.มาถามหาฉันอยู่แน่นอน ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนนี้แม้ฉันจะโล่งใจ แต่ด้วยเพราะสายตาและอาการประหลาดของเพื่อนๆกำลังทำให้ฉันรู้สึกเครียดขึ้นมาแทนเสียแล้ว
พวกเค้าคงคิดว่าฉันใช้เส้นสายอะไรสักอย่างแน่ๆ อาจารย์ถึงไม่เรียกฉันไปพบอย่างนั้น
ตอนนี้ฉันทนความกดดันไม่ไหวจนฉันต้องนั่งก้มหน้าหมอบไปกับพื้นโต๊ะทั้งอยากจะร้องไห้ทั้งอยากจะกลับบ้าน ไม่มีสมาธิที่จะเรียนเอาเสียเลย ได้แต่ภาวนาให้วันนี้มันรีบๆหมดไปเสียที จนกระทั่งเสียงซุบซิบๆของเพื่อนๆเงียบลงแล้วกลายเป็นเสียงฝีเท้าของใครสักคนดังขึ้นและหยุดลงที่ด้านข้างโต๊ะของฉันจนฉันต้องเงยหน้าขึ้นมามองแล้วพบว่าเป็นครูประจำชั้นของฉันเดินมาจับแขนและก้มลงมากระซิบที่ฉันเบาๆเหมือนกลัวใครจะได้ยิน
กีรติ..เย็นนี้ก่อนกลับบ้านหนูมาพบครูที่ห้องพักครูด้วยนะ ครูมีเรื่องจะคุยด้วย...”