Lovely
Mafia Girl
ลูกสาวเจ้าพ่อ
ขอเป็นแฟนหนู
ผู้หญิงอีกคน...
เที่ยงวันนั้นฉันกับพี่เนยไปนั่งทานข้าวที่เก่าแต่วันนี้มีพี่คนนึงเดินมาหาพี่เนย
ฉันมองหน้าแล้วคุ้นๆดูคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นพี่แกอยู่ไหนสักที่
“เมื่อไหร่จะแนะนำตัวน้องเค้าเป็นทางการสักทีล่ะ
ฉันอยากทำความรู้จักกับฝาแฝดของแกจะแย่อยู่แล้ว”
พี่คนนั้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองมาทางฉัน
ฉันฟังประโยคคำว่าฝาแฝดแล้วก็นึกถึงพี่คนที่เคยทักฉันในช๊อปว่าหน้าเหมือนพี่เนยขึ้นมาได้ทันที
อ๋อ
เพื่อนพี่เนยคนที่อยู่ในช๊อปวันนั้นนี่เอง
“กี้นี่ฝ้ายนะ
เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของพี่”
พี่เนยยิ้มแล้วโอบไหล่พี่คนนั้น
ฉันยกมือไหว้พี่คนนั้น
“สวัสดีค่ะพี่พี่ฝ้าย”
พี่ฝ้ายยิ้มทันทีที่เห็นฉันเผลอยกมือไหว้ทั้งๆที่อายุห่างกันแค่ปีเดียว
“แหม..น้องเค้าน่ารักอย่างนี้นี่เอง
มิน่าแกถึงหลงหัวปักหัวปำอย่างนั้น
ไม่ต้องยกมือไหว้พี่ก็ได้นะทีหลังอายุห่างกันแค่ปีเดียวเอง”
พี่ฝ้ายว่า
ฉันยิ้มแหยๆให้พี่คนนั้นแก้เขินก่อนจะนั่งก้มหน้าก้มตาทานข้าวตัวเองต่อไป
ได้ยินเสียงพี่คนนั้นคุยกับพี่เนยเรื่องเด็กม.6ที่พี่เนยไปมีเรื่องด้วย
อีกทั้งยังถามเรื่องฉันว่าโดนเรียกเข้าห้องปกครองด้วยหรือเปล่า
พี่เนยหัวเราะพอใจคิกๆคักๆทันทีที่ได้ยินเสียงพี่คนนั้นถาม
“ระดับฉันแล้วไม่มีทางซะหรอก
ถ้าฉันไม่ได้เข้า..คนที่ฉันรักก็ไม่เข้าเหมือนๆฉันน่ะล่ะ”
“แกทำอย่างนี้ไม่กลัวครูเค้าเขม่นแย่เหรอวะ”
เพื่อนคนนั้นรีบถามพี่เนยต่อทันที
จนฉันรีบเงยหน้าขึ้นมามองด้วย
พี่เนยหยุดกึ๊กทันทีที่เห็นฉันเงยหน้าขึ้นมามองหล่อนเหมือนรอฟังคำตอบของเธอเรื่องที่เพื่อนถามเธอ
“เอ่อ..ก็แล้วแต่สิ
ฉันไม่ได้ผิดอะไรนิ”
พี่เนยทำหน้าทำตาล่อกๆแล่กๆมองฉันทีแล้วก็มองเพื่อนทีเหมือนเธอแบ่งรับแบ่งสู้ที่จะตอบคำถามเพื่อนในเรื่องนี้
ฉันหน้าบึ้งมองหน้าพี่เนยอยู่นานจนพี่เนยทำตาเล็กตาน้อยรีบง้อฉัน
ถามฉันด้วยกลัวว่าฉันจะโกรธเธอที่เห็นว่าเธอตอบคำถามเรื่องครูแบบไม่ให้เกียรติอย่างนั้นเลย
“กี้มองหน้าพี่อย่างนั้นทำไม..พี่ไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย”
พี่เนยทำเสียงอ่อยๆถามฉันอย่างหวั่นๆผิดจากอาการท่าทางพยองลำพองขนก่อนหน้านั้นจากหน้ามือเป็นหลังมือจนเพื่อนพี่เนยยังแอบขำในท่าทีของพี่เนยถึงขั้นแซวหล่อน
“โอ้ย..เนยแกกลัวน้องเค้าเหรอนี่..น่ารักว่ะแก..นี่แค่น้องเค้านั่งจ้องหน้าแกเฉยๆนะนี่
เออ..ฮาดีว่ะเกิดมาฉันพึ่งเคยเห็นคนที่แกกลัว”
พี่คนนั้นทั้งพูดทั้งหัวเราะจับไหล่พี่เนยที่หน้าแดงเพราะโดนเพื่อนแซว
จนฉันเริ่มรู้สึกอายแกล้งก้มหน้าก้มตากินข้าวของตัวเองต่อไป
พอกินข้าวเสร็จฉันก็รีบคะยั้นคะยอให้พี่เนยรีบเดินไปส่งฉันขึ้นห้องทันทีด้วยความกลัวว่าวันนี้ฉันจะได้พบกับเรื่องสะพรึงเรื่องใหม่ที่บรรดาศัตรูของพี่เนยพากันสุมหัววางแผนการชั่วร้ายคอยจับจ้องจะเอาชนะหล่อนกัน
พี่เนยเดินขึ้นไปส่งฉันที่ห้องท่ามกลางสายตาของนั่งเรียนที่นั่งอยู่ตามระเบียงหน้าห้องต่างๆรวมทั้งเพื่อนๆในห้องของฉันอีกเช่นเคย
แต่วันนี้ภายในห้องยังมีนักเรียนอยู่ไม่ค่อยเยอะเนื่องจากว่าเหลือเวลาอีกเกือบ15นาทีที่ออดช่วงบ่ายจะดังขึ้น
ฉันรีบเดินเข้ามาหยิบเอาสมุดจดงานขึ้นมานั่งเขียนงานต่อทันทีที่พี่เนยเดินมาส่งฉันเสร็จ
ฉันนั่งเขียนนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยจนได้ยินเสียงใครสักคนตะโกนเรียกฉันที่หน้าห้อง
“กี้ๆ..”
ฉันหันไปตามเสียงทันที
เป็นเสียงของยัยนุ๊กเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆหน้าตาจิ้มลิ้มยืนยิ้มโชว์เหล็กดัดกวักมือเรียกฉันอยู่หน้าห้องไหวๆ
ยัยนุ๊ก..เป็นเพื่อนที่ฉันคบมาตั้งแต่สมัยประถม
ซึ่งจริงๆเราก็ค่อนข้างสนิทกันมาตลอดจนกระทั่งมาเรียนม.1ที่โรงเรียนนี้และเธอยัยนุ๊กได้พบรักกับ
ออมสิน
แฟนสาวหล่อของเธอแล้วตั้งแต่นั้นมาฉันก็โดนเพื่อนทิ้งกลายเป็นต้องไปไหนมาไหนคนเดียว
แม้จะอยู่ห้องด้วยกันมาตั้งแต่สมัยม.1-ม.3ก็ตาม
จนกระทั่งมา ม.4
เราเรียนกันคนละสายยัยนุ๊กได้เรียนสายศิลป์ภาษาส่วนฉันวิทย์คณิตเราก็เลยได้แยกกันอยู่สมใจ
กลายเป็นนานๆครั้งมาเจอกันทีอย่างเช่นวันนี้
“ลมอะไรพัดแกมานี่”
ฉันทั้งยิ้มทั้งหัวเราะหึๆตอนที่เดินออกไปหายัยนุ๊กที่หน้าห้อง
“แหม
สายลมแห่งความคิดถึงสิคะถามได้
มานี่ๆฉันมีเรื่องจะเมาส์มอยกับแก”
ยัยนุ๊กเดินจับมือฉันไปคุยที่ระเบียงมุมสุดของห้องที่ตอนนี้ไม่มีใคร
ทำยังกับหล่อนมีเรื่องลึกลับซับซ้อนมองดูมีพิรุธเหลือเกินจะคุยกับฉัน...
“ว่า..”พอเราสองคนนั่งแมะอยู่ตรงระเบียงฉันก็เริ่มเปิดประเด็นถามเจ้าหล่อนที่ทำหน้าทำตาตื่นเต้นเหมือนกระหายใคร่อยากรู้อะไรบางอย่าง
หล่อนทำเป็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จ้องมองฉันด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่มอยู่ตั้งนานกว่าจะยอมปริปากพูดออกมาได้..
“ยินดีต้อนรับสู่ชมรมหญิงรักหญิงนะเว้ยกี้
สองสามวันมานี่ในฟีดข่าวมีแต่ข่าวที่เค้าเมาส์กันถึงเรื่องแกทั้งนั้นเลยอ่ะ
ไงได้แฟนสวยนะแกนี่”
ฉันสำลักน้ำลายไอแคร่กๆทันทีที่ได้ยินเพื่อนแซวอย่างนั้น
“บ้า..
ไม่ใช่นะนุ๊กแกเข้าใจผิดแล้ว”
“เข้าใจผิดอะไร้..เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
ไม่ต้องแอ๊บหรอกน่า
พวกเดียวกันดูกันออก..แกปิดฉันไม่ได้หรอก
ฉันยิ่งเป็นเพื่อนสนิทของแกมาตั้งแต่เด็กๆนี่ถ้าไม่ติดว่าเรียนคนละสายเราอาจจะได้อยู่ห้องเดียวกันอีกปีแล้วเราก็คงไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเดิมล่ะ”
ฉันตาขวางมองมองค้อนยัยนุ๊กทันทีที่ได้ยินว่า
“เราก็คงไปไหนมาไหนด้วยกัน”
“แน่ใจนะว่าแกไปไหนกับฉันตลอด”
ฉันแอบแขวะเพื่อนทันทีที่ได้ยิน
ยัยนุ๊กสะดุ้งแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วขอโทษขอโพยฉันก่อนจะพูดเรื่องของเธอต่อไป...
“เรื่องพี่เนยอ่ะจริงๆฉันเห็นพวกแกตั้งแต่ตอนถือป้ายแล้วนะเว้ย
ฉันก็ว่าอยู่เห็นพี่เนยเค้ามองแกตาหวานๆเยิ้มๆมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
นี่พวกแกคงแอบไปปิ๊งกันตอนที่ได้ถือป้ายด้วยกันใช่มั้ย
โหไวไฟชะมัดรู้จักกันวันเสาร์วันจันทร์เปิดตัวแล้ว
แล้วก็ตัวติดกันยังกับตังเมอีก..”
นุ๊กทั้งยิ้มทั้งพูดด้วยความอารมณ์ดีพูดร่ายยาวไปเรื่อยโดยไม่ปล่อยให้ฉันพูดแทรกอะไรหล่อนได้เลย
“โอ้ยแกหยุดหายใจ
แล้วฟังฉันอธิบายก่อนดิ”
ฉันเอื้อมมือไปทำท่าจะปิดปากยัยนุ๊กที่หลบฉันแล้วปากหล่อนก็พะงาบๆพูดต่อโดยไม่ได้สนใจเลยว่าฉันกำลังพูดหรือปฏิเสธอะไรหล่อนบ้าง
“..ยิ่งได้ข่าวว่าแกฮอตถึงขนาดผู้หญิงตีกันแย่งแกนี่
ฉันยิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่เลยนะ
ไม่คิดเลยว่าเพื่อนสาวที่ไม่โตสักทีแถมยังชอบทำตัวเอ๋อๆเผลอปล่อยไก่ก็บ่อยอย่างแกนี่จะกลายเป็นสเปกของผู้หญิงด้วยกันอย่างนี้..แถมคนที่มาชอบแกยังสวยด้วยอ่ะแก
ฉันว่าพี่เนยน่ะสวยมากๆเลยนะแก
ถ้าไม่ติดว่าแกนิสัยไม่ดีป่านนี้แฟนคลับแกคงเยอะแล้วอ่ะ
รวยอีกต่างหากอ่ะแกโชคดีมากเลยนะ
ถ้าแกไม่ชอบพี่เนยนะฉันแนะนำให้แกหลอกๆคบกับเค้าไปเหอะ
เค้าดูหลงแกจะตายแกอยากได้อะไรแกก็ขอเค้าเอาเลย..”
“แก..ฉันบอกให้หยุดก่อนไง..”
ฉันรีบเอามือปิดปากยัยนุ๊กเอาไว้จนมิด
“หายใจทางเหงือกป่ะแกนี่
ฉันบอกให้แกฟังฉันก่อน”
ยัยนุ๊กทำเสียงอู้อี้ๆเพราะโดนมือฉันปิดปากอยู่ครู่นึงก่อนจะนิ่งเงียบหันมาฟังฉันที่เริ่มจ้องหน้าหล่อนตาเขม็ง
“ฉันกับพี่เนยยังไม่ได้คบกันนะเว้ยแก...ฉันยังไม่ได้เป็นแฟนกับเค้า
เข้าใจมั้ย”
“แล้วแกไปไหนมาไหนกับเค้าสองคนตลอดนี่นะ
ฉันเห็นตั้งแต่ตอนถือป้ายแล้ว
มันไม่มีSomething
ในนั้นใช่มั้ย”
ยัยนุ๊กทำเสียงกวนโอ้ยทำยังกับไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันอธิบายหล่อน
“ฉันแค่ให้โอกาสเค้า
คำว่าให้โอกาสอ่ะ
ยังไม่ได้คบ..ยังไม่ได้เป็นแฟนแค่ให้โอกาส”
“เหรอ..แกบัญญัติศัพท์ใหม่ขึ้นมาเองป่ะนี่
ฟังดูงงๆดูมึนๆนะ
แล้วพี่เนยเค้าว่าไงกับสถานะประหลาดๆของแกนี่”ยัยนุ๊กทำหน้างงๆกับคำที่ฉันบอกหล่อน
“ก็ไม่ว่าอะไร
ฉันก็เห็นเค้าก็โอเคอยู่ดีสบายดีอยู่”
ฉันตอบเพื่อนเสียงเบาๆลงแถมยังแอบหลบตาเพื่อนที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จ้องมองมาอย่างนี้
“ทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้นตอนพูดถึงพี่เนยด้วยวะ
แหมๆ..”
ยัยนุ๊กแกล้งแซวฉันเสียงดังอีกแล้ว
หล่อนทั้งพูดทั้งหัวเราะจนฉันเริ่มอายหน้าแดงจริงๆเข้าให้แล้ว
โชคดีที่เสียงออดช่วงบ่ายดังขึ้นช่วยชีวิตฉันไว้ได้
ฉันเลยรีบขอตัวยัยนุ๊กคนไร้สาระที่ทำเป็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่โชว์เหล็กดัดของหล่อนก่อนจะตบท้ายด้วยประโยคเด็ดของหล่อนอีก
“ฉันว่าฉันดูตาแกออก..เด๋วไม่นานฉันก็ได้เพื่อนสะใภ้เป็นพี่เนยแน่ๆ
ฟันธง!!”
หล่อนทั้งพูดทั้งหัวเราะคิกๆคักๆก่อนจะรีบวิ่งหลบฉันที่เงื้อมมือทำท่าจะตีหล่อนเพราะโดนแซวอย่างนั้นเข้า
บ่ายวันนั้นฉันได้ยินเสียงประกาศก่อนเข้าเรียนเรื่องที่คณะกรรมการโรงเรียนเรียกนักเรียนที่เป็นคณะกรรมการแต่ละสายชั้นเข้าประชุมตอนเลิกเรียน
ฉันในฐานะของตัวแทนของห้องเลยต้องเตรียมตัวรีบเคลียร์งานและรีบเก็บของเตรียมตัวออกจากห้องตั้งแต่ที่คาบสุดท้ายยังไม่ทันหมดดี
แล้วเหมือนพี่เนยจะรู้ว่าฉันจะเลิกเรียนเวลานี้
พอฉันเดินออกมาจากห้องเธอก็รีบพุ่งพรวดเข้ามาประกบเดินตามฉันทันที
“วันนี้กี้จะไปประชุมกรรมการนักเรียนใช่ป่ะ”
พี่เนยทั้งพูดทั้งยิ้มเดินอุ้มตุ๊กตาตัวเมื่อเช้าของฉันขนาบข้างไปตามทางเดินอาคาร
“รู้ได้ไง”
ฉันคิ้วขมวดหันไปมองเจ้าหล่อนที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทำเป็นพอใจเมื่อรู้ว่าสิ่งที่หล่อนรู้เป็นเรื่องจริง
“ก็บอกแล้วพี่รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับตัวกี้
ให้พี่เดินไปส่งนะถ้าไงแล้วพี่ก็จะรออยู่แถวๆนั้นด้วย
เราจะได้กลับบ้านด้วยกันไง”
ฉันหันควับไปมองพี่เนยทันที
“จะไปส่งกี้อะไรทุกวันขนาดนั้น”
“เอ้า..กี้ไม่กลัวพวกนั้นเหรอ”
พี่เนยทำหน้าทำตาเฉยเมยแกล้งพูดถึงเรื่องพวกนั้นมาขู่ฉัน
ฉันหยุดเดินหันมามองค้อนพี่เนย
“ไม่ต้องเอาเรื่องพวกนั้นมาขู่เลยอยากไปส่งก็บอกดีๆ
กี้ไม่ชอบให้ใครมาพูดขู่กี้อย่างนี้นะ
ถ้าพี่เนยจะเอาเรื่องพวกนั้นมาอ้า
งสู้พี่เนยขอร้องให้กี้กลับบ้านด้วยดีๆยังจะดีกว่า”
“งั้นพี่ขอร้องให้กี้กลับบ้านกับพี่ได้มั้ย”
พี่เนยทำหน้าทำตาน่าสงสารพลางมองฉันตาละห้อย..
“ดูก่อนแล้วกันว่าจะประชุมถึงตอนไหน
เย็นขนาดไหน ถ้าพี่เนยทนรอได้กี้ก็จะให้ไปส่ง”
“ได้สิ
ไม่มีปัญหาเลยพี่รอกี้ได้อยู่แล้ว”
พี่เนยทำเป็นยิ้มใหญ่ดีใจเมื่อเห็นฉันตอบตกลงเธอทางอ้อมอย่างนั้นก่อนจะรีบเดินด้วยท่าทางร่าเริงของเธอขนาบข้างฉันไปต่อ
วันนี้ถือว่าเป็นวันแรกที่ฉันได้เข้าร่วมประชุมกรรมการนักเรียนหลังจากที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนห้องเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว
รู้สึกว่าปีนี้ฉันจะได้ร่วมกิจกรรมของโรงเรียนเยอะขึ้นกว่าตอนม.ต้น
ซึ่งช่วง ม.ต้นกิจกรรมที่ฉันจะได้ทำก็คือคัดลายมือ
อ่านทำนองเสนาะ
ประกวดมารยาทหรือกิจกรรมวิชาการอะไรก็ได้ที่ในห้องไม่มีตัวแทนเพื่อนๆเสนอตัว
ครูในห้องก็จะคัดเลือกเอาฉันออกไปคงเพราะว่าฉันเป็นคนที่ว่านอนสอนง่าย
คุณครูบอกอะไรก็ทำตามตลอด
กิจกรรมพวกนั้นฉันจึงรับเหมาไปคนเดียว
แต่ปีนี้นอกจากกิจกรรมถือป้ายโรงเรียนของกีฬาสีแล้วฉันยังได้รับเกียรติจากเพื่อนๆในห้องให้เป็นตัวแทนคณะกรรมการนักเรียนประจำห้องด้วย
ซึ่งมันก็ดี
ฉันก็รู้สึกภูมิใจนิดๆเพราะเหมือนตัวเองมีเกียรติที่ได้รับหน้าที่สำคัญๆของห้องอย่างนี้
วันแรกที่ฉันได้รับเลือกฉันยังไปคุยโม้ให้พ่อกับแม่ฟัง
ทำยังกับตัวเองเป็นประธานโรงเรียนเสียเองด้วยซ้ำ
พ่อกับแม่ก็ดีใจนั่งยิ้มแก้มปริฟังฉันโม้เรื่องนั้นเรื่องนี้ในสิ่งที่ฉันจะต้องได้ทำให้ท่านทั้งสองฟังตั้งแต่ฉันกับถึงบ้านจนฉันทำงานบ้านเสร็จแล้วบอกลาพ่อกับแม่ขึ้นไปนอนข้างบน...
ฉันเดินแยกกับพี่เนยตรงหน้าอาคารวิชาการของโรงเรียน
พี่เนยนัดเจอฉันอยู่แถวๆที่จอดรถยนต์ของเธอ
เธอบอกว่าให้ฉันโทรหาเธออีกทีนึงแล้วกันเมื่อฉันเลิกประชุมเสร็จ
ฉันพยักหน้ารับคำพี่เนยที่ยืนโบกไม้โบกมือยิ้มหวานบอกลาฉันท่ามกลางสายตายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของบรรดาตัวแทนนักเรียนที่กำลังทยอยเดินเข้าไปในห้องประชุมวิชาการกันอยู่
แม้ในใจของฉันแสนอายแต่ฉันก็พยายามทำตัวปกติ
เพราะในใจคิดว่ายิ่งเราอายคนก็จะยิ่งคิดว่าเรากับพี่เนยคบกันจริงๆสู้ฉันทำเป็นเฉยๆเหมือนคนรู้จักเหมือนพี่เหมือนน้องบอกลากันเดี๋ยวเค้าคงจะเลิกสนใจเราไปเอง
เมื่อเข้าไปในห้องตอนนี้ตัวแทนนักเรียนชั้นต่างๆเริ่มนั่งประจำที่กันเต็มโต๊ะประชุมแล้ว
พอฉันเข้าไปพร้อมกับนักเรียนอีก2-3คนพี่ที่ทำหน้าที่เป็นเลขาก็เปิดการประชุมทันที
ตรงหน้ากระดานไวท์บอร์ดมีรุ่นพี่ม.5ที่ได้รับคัดเลือกเป็นคณะกรรมการนักเรียนยืนอยู่
โดยที่ตรงกลางนั้นเป็นประธานนักเรียนยืนถือไมค์แนะนำตัวเองและคณะกรรมการไปทีละคน
ฉันนั่งดูพี่คนที่เป็นประธานนักเรียนยืนยิ้มถือไมค์แนะนำตัวแนะนำสิ่งที่พวกเราจะต้องทำแล้วก็นึกถึงบรรยากาศช่วงวันเลือกตั้งประธานนักเรียน
ปีนี้การเลือกตั้งนั้นคึกคักมาก
ด้วยเพราะว่าโรงเรียนมีพี่ที่เป็นดาวโรงเรียนเข้าสมัครเป็นประธานนักเรียนด้วย
ภาพเด็กๆแฟนคลับของพี่ที่เป็นดาวโรงเรียนมายืนออกันในช่วงที่นับคะแนนแล้วส่งเสียงกรี๊ดๆตลอดเวลาที่ฝ่ายของตนได้คะแนนนั้นเป็นอะไรที่มองดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกันว่าฉันเดินหลงเข้าไปในงานคอนเสิร์ตยังไงยังงั้น
พอสิ้นสุดการนับคะแนนแล้วปรากฏว่าทีมพี่คนที่เป็นดาวโรงเรียนชนะเด็กๆพวกนั้นพากันไชโยโห่ร้องส่งเสียงดีใจยังกับว่าตัวเองเองที่ได้รับคัดเลือกเอง
ใช่แล้ว..แล้วปีนี้ประธานนักเรียนโรงเรียนฉันก็คือดาวโรงเรียนที่มีแฟนคลับตามกรี๊ดตามเชียร์อยู่เต็มโรงเรียนนี่เอง...
..ประธานนักเรียนที่ได้รับคัดเลือกในปีนี้เป็นพี่ผู้หญิง
ม.5/1ที่สวยและน่ารักมาก
ฉันเคยเห็นหน้าพี่คนนี้มาตั้งแต่อยู่สมัยม.ต้นแล้ว
ด้วยความที่พี่คนนี้เป็นคนสูงรูปร่างดีเธอจึงดูโดดเด่นสูงสง่ากว่าคนทั่วไปแถมเธอยังเป็นคนอัธยาศัยดียิ้มแย้มแจ่มใสเข้ากับคนอื่นได้ง่าย
คนที่เห็นเธอมักจะหลงรักเธอด้วยกันทั้งนั้น
ฉันจำชื่อจริงพี่คนนี้ไม่ค่อยได้แต่จำได้ว่าคนในโรงเรียนเรียกกันว่า
พลอยใส
แต่ฉันจะเรียกพี่เค้าว่าพี่พลอยเฉยๆเวลาที่พูดถึงพี่เค้า
ใช่ฉันกับเพื่อนๆชอบพูดเรื่องของพี่พลอยบ่อยๆเพราะพี่พลอยเป็นทั้งดาวโรงเรียนเป็นทั้งเน็ตไอดอลด้วย
ด้วยความที่พี่พลอยเป็นคนสวยน่ารักและอัธยาศัยดีเด็กๆในโรงเรียนจึงปลื้มแกมากแถมยังมีแฟนคลับในโรงเรียนเยอะเสียด้วย
จนมีเด็กแฟนคลับพี่พลอยบางคนแอบเอารูปพี่พลอยไปลงประกวดในเว็บบอร์ดของเว็บเด็กดังดอทคอมที่เป็นเว็บที่รวมเอาดาวโรงเรียนต่างๆมาประชันอวดโฉมกัน
แล้วบังเอิญพี่พลอยก็ดันติดอันดับต้นๆของการโหวตมิสป๊อบปูล่าสตาร์ไฮสคูล
รวมดาวโรงเรียนทั่วประเทศอีกต่างหาก
พี่พลอยก็เลยยิ่งดังเข้าไปใหญ่
เปรียบไปพี่พลอยก็คงจะเป็นดาราของที่นี่เป็นคนสวยของโรงเรียนทั้งเป็นคนเก่งเป็นนักกิจกรรม
ดูเป็นผู้หญิงที่เพรียบพร้อมทุกๆอย่างจริงๆ
...ช่างตรงข้ามกับบางคนเสียจริง...
ฉันนั่งมองหน้าพี่พลอยคนสวยพูดนั่นพูดนี่ของเธออยู่หน้ากระดานไวท์บอร์ดไป
บางทีเธอก็หันไปยิ้มให้คนนั้นหรือหันไปทักคนนี้
มองดูเหมือนคนอัธยาศัยดียิ้มแย้มแจ่มใสน่ารักมากๆ
เธอดูใส่ใจกับทุกๆรายละเอียดรอบตัวเธอดี
พี่พลอยสอดส่องสายตามองคนนั่งประชุมไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาสบเข้ากับสายตาของฉันที่เผลอนั่งยิ้มฟังพี่พลอยพูดด้วยความชื่นชมเพราะเห็นว่าคำพูดคำจาของพี่พลอยฟังดูไพเราะเสนาะหู
ฟังแล้วทำให้ฉันนึกอยากจะหัดลองพูดสำนวนอย่างนี้
อย่างที่พี่พลอยพูดดูบ้าง
ตอนนี้เธอหยุดกึ๊กมองฉันแล้วส่งรอยยิ้มประหลาดๆที่ฉันสะดุ้งกึ๊กทันทีที่ได้เห็น...
ทำไมเมื่อกี๊..พี่พลอยยิ้มให้ฉันประหลาดๆอย่างนั้น..นี่ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่า
ฉันคิดพลางหันซ้ายหันขวาทั้งก้มหน้าก้มตาสำรวจตัวเองก่อนจะรีบเงยขึ้นมองพี่พลอยอีก
ตอนนี้เธอก็ยังหันมาส่งยิ้มให้ฉันอยู่เหมือนเดิม..แม้เธอจะหันไปคุยกับเพื่อนกรรมการของเธอบ้าง
แต่เธอก็ยังหันมาชำเรืองทางฉันอยู่บ่อยๆ
สายตาและรอยยิ้มแบบนี้เหมือนฉันจะเคยเห็นมาจากใครนะ
..เหมือนมันคุ้นๆแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก..
การประชุมดำเนินไปเรื่อยๆ
จนประธานกล่าวปิดการประชุมและเลขาแจกเอกสารให้บรรดาคณะกรรมการจากสายชั้นต่างๆเอาไปกรอกรายละเอียดประจำตัวของตัวเองเพื่อนำเข้าแฟ้มประวัติ
ฉันรับเอากระดาษสองสามแผ่นนั้นมาพร้อมๆกับมองดูเพื่อนๆจากห้องอื่นตอนนี้บางคนก็ทยอยออกไปนั่งกรอกรายละเอียดอยู่ด้านนอกห้องบางคนก็นั่งกรอกอยู่ในห้อง
ฉันมองซ้ายมองขวาเห็นว่าโต๊ะด้านในนั้นที่นั่งค่อนข้างเบียดกัน
หากจะมานั่งเขียนกรอกนั่นกรอกนี้คงไม่ค่อยสบายใจสบายอารมณ์สักเท่าไหร่
จึงลุกขึ้นหยิบเอากระเป๋าและกระดาษเอกสารเหล่านั้นออกไปหาที่นั่งตรงลานม้านั่งแถวๆต้นไม่ใหญ่หน้าอาคารตรงนั้นมีม้านั่งตรงนึงยังว่างอยู่
ฉันคิดว่าถ้าฉันนั่งกรอกเสร็จแล้วค่อยเดินเอาไปส่งพี่ๆในห้องคงจะดีกว่า
ฉันนั่งลงกรอกรายละเอียดต่างๆอ่านดูแล้วก็จะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับตัวเราเองเช่นชื่อวันเดือนปีเกิดห้องเรียนเกรดเฉลี่ยอะไรประมาณนี้
นอกจากนี้ก็ยังมีการเขียนบรรยายแนะนำเกี่ยวกับแนวทางในการทำงานส่วนรวมที่เราต้องการอยากให้คณะกรรมการปีนี้ทำอะไร
อย่างไรบ้าง
ฉันต้องนั่งคิดนั่งเขียนก้มๆเงยๆอยู่ตรงนั้นตั้งนานจนกระทั่งได้ยินเสียงหนึ่งดังแว่วมาข้างๆ..
“นั่งด้วยได้มั้ย..”
ฉันรีบหันไปตามเสียง
เป็นพี่พลอยประธานนักเรียนที่นั่งลงข้างๆฉันตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้โดยที่ฉันยังไม่รู้ตัวแล้วยังไม่ได้ตอบเธอเลยว่า
..นั่งได้...
ฉันอึ้งนั่งมองหน้าพี่พลอยด้วยรอยยิ้มงงๆก่อนจะพยักหน้าตอบรับอึกๆอักๆแล้วขยับหลบที่ให้พี่พลอยได้นั่งเต็มๆม้านั่งเดียวกันกับฉัน
พี่พลอยยิ้มหวานหยิบเอากองเอกสารวางไว้บนโต๊ะก่อนจะหันมาคุยกับฉัน
“น้องกี้..”
พี่พลอยเรียกฉันด้วยเสียงหวานๆยานๆแล้วก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยจ้องมองมาที่หน้าของฉัน
พอได้ยินพี่พลอยเรียกชื่อตัวเอง
ฉันก็เลิ่กคิ้วใบหน้าเหรอหราด้วยความงงและสงสัยขึ้นมาทันที
“พี่พลอย..รู้จักกี้ด้วยเหรอคะ..”ฉันชี้นิ้วมาที่ตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อหูว่าพี่พลอยคนดังคนนี้จะรู้จักชื่อเล่นของฉันด้วย
“รู้จักสิ...กี้ดังจะตายใครๆก็อยากรู้จักทั้งนั้น..รวมทั้งพี่ด้วย”พี่พลอยยิ้มหวานหัวเราะคิกๆคักๆให้ฉันนึกออกทันทีถึงเรื่องที่ทำไมใครๆก็ต้องอยากรู้จักฉันด้วย
คงจะเป็นเรื่องพี่เนยอีกล่ะสิ
โธ่เว้ย..งามหน้าชะมัด
ใครๆเค้าก็คงนินทากันหมดโรงเรียนแล้วป่านนี้
ยิ่งนึกฉันก็ยิ่งอายได้แต่ยิ้มแหยๆแกล้งก้มหน้าหลบตาพี่พลอยทำเป็นกรอกข้อมูลในเอกสารต่อทันที
พี่พลอยหันมามองเอกสารของฉันอยู่นานก่อนจะชี้นิ้วแนะนำนั่นแนะนำนี่ให้ฉันกรอกข้อมูลตามที่เธอบอกเธอสอน
จนฉันกรอกเอกสารเหล่านั้นเสร็จ
“ส่งกับพี่ก็ได้นะเด๋วพี่เอาไปเก็บให้”
พี่พลอยว่า
“อ๋อ
ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้มแล้วยื่นเอกสารให้พี่พลอยทันที
แล้วเตรียมเก็บกระเป๋าทำท่าจะลุกขึ้นบอกลาพี่พลอยแต่ก็โดนพี่พลอยจับมือไว้
ฉันสะดุ้งรีบหันมามองพี่พลอยทันที
“เดี๋ยวดิ
คุยกันก่อนดิ”
พี่พลอยยิ้มหวานมองฉันแล้วกระตุกมือให้ฉันนั่งลงกับเธอต่อ
“พี่พลอยจะคุยกับกี้เหรอ...มีเรื่องอะไรหรือเปล่าค่ะ”
ฉันทั้งมองหน้าพี่พลอยทั้งก้มลงมองมือตัวเองที่พี่พลอยจับไว้ด้วยความสงสัยในสายตาและท่าทางแปลกๆที่พี่พลอยกำลังทำอยู่ตอนนี้
“แล้วคุยด้วยได้อยู่ใช่มั้ยล่ะ
ถ้ากี้คุยกับพี่คงไม่มีใคร...ว่าพี่หรอกเนอะ”
พี่พลอยเว้นเสียงตรงคำว่าใคร..เอาไว้แล้วยิ้มอย่างมีเลสนัยเหมือนเธอจะกำลังจะแซวว่าใครในที่นี้ก็คือ
พี่เนยที่ตามติดฉันไม่ให้ใครเข้าใกล้นั่นเอง
ฉันหัวเราะหึหึทันทีที่นึกขึ้นได้
“คุยได้สิพี่
ไม่มีใครว่าหรอก”
พี่พลอยยิ้ม
“แน่ใจนะ..ถ้าเค้ามาตบพี่..กี้ต้องช่วยพี่นะ”
พี่พลอยพูดติดตลก
เธอทั้งพูดทั้งหัวเราะฟังดูฮาเฮเหมือนคนไม่ได้คิดอะไรมาก
ฉันก็หัวเราะในมุกฝืดๆของพี่พลอย
เหมือนจะรู้สึกขำแต่ก็ขำไม่ค่อยออกเอาซะเลยเมื่อนึกถึงภาพศึกเจ้ามวยไทยที่พี่เนยตบกับยัยพี่ทอมคนนั้นในห้องน้ำนั้นแล้ว
“ได้ข่าวว่ามีผู้หญิงแย่งกี้กัน
พี่ได้ฟังครั้งแรกพี่ยังตกใจเลย
ไม่คิดว่ากี้จะชอบผู้หญิงด้วยกัน”
ฉันสะดุ้งโหยงรีบหันไปโบกไม้โบกมือบอกพี่พลอย
“ไม่ใช่ค่ะๆมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด
กี้ไม่ได้..”
“ไม่ต้องอายหรอก..สมัยนี้เค้าไม่ถือกันเรื่องอย่างนี้แล้ว
จริงๆแล้วพี่จะบอกกี้ว่า..เรื่องที่มีผู้หญิงแย่งกี้กันน่ะ
ครั้งแรกที่ได้ยินน่ะ
พี่ดีใจมากๆเลยนะ..”
ฉันตาโตคิ้วขมวด
“ดี..ใจ..อะไร..”
ยังไม่ทันที่ฉันจะถามพี่พลอยต่อเสียงโทรศัพท์เครื่องประจำของพี่เนยก็ดังขึ้น
ฉันสะดุ้งรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับทันที
“คุยอะไรกับใครอยู่
เห็นนะ..”
ปลายสายส่งเสียงงอนๆมา
ฉันรีบหันซ้ายหันขวาหาที่มาของเจ้าของเสียงที่เธอพูดอย่างกับว่าเธออยู่ใกล้ๆฉันตอนนี้
“พี่เนยอยู่ไหน
ทำไมเห็นกี้”
ฉันเสียงดังขึ้นร้องถามพี่เนยกลับด้วยความสงสัย
“ก็แถวๆนี่ล่ะ
คุยอะไรกันอยู่ ทำไมไม่รีบๆกลับเสียที”
“คุยธุระอยู่
คุยกับพี่พลอยประธานนักเรียนอ่ะ
จะคุยด้วยมั้ยละ”
“เหรอ..”เสียงงอนๆของปลายสายดังมา
“..ไม่หรอก
กี้รีบๆกลับกันเถอะพี่เป็นห่วง
พี่รอเดินไปรับกี้อยู่นี่
กี้จะได้ไม่ต้องไปเจอพวกบ้าๆพวกนั้นอีกไง”
ฉันฟังพี่เนยพูดแล้วนึกภาพออกทันที
ดีเหมือนกันฉันก็กลัวว่าถ้าฉันเดินออกไปหน้าโรงเรียนคนเดียวแล้วฉันอาจจะโดนฉุดไปทำเรื่องบ้าๆบอๆเหมือนอย่างวันนั้นอีกก็ได้
ฉันจึงเออออตกปากรับคำพี่เนยไปก่อนที่จะวางสายแล้วหันมาคุยกับหญิงสาวคนที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้ต่อ
แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะเอ่ยปากพูดอะไรด้วยต่อพี่พลอยก็รีบพูดขึ้นมาทันที
“เนยโทรมาเหรอ”
พี่พลอยยิ้มเล็กยิ้มน้อยทำเสียงเหมือนรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองสงสัยนั้นคือความจริง
“เอ่อ..ค่ะ”
ฉันอึกๆอักบอกความจริงพี่พลอยไป
พี่พลอยยิ้มออกทันทีก่อนที่จะทำเป็นแกล้วเปลี่ยนเรื่องคุยด้วยใหม่
“นั่นโทรศัพท์กี้เหรอ
พี่ขอดูหน่อยได้มั้ย
พี่อยากได้รุ่นนี้พอดีเลย
ขอพี่ดูตัวอย่างก่อนตัดสินใจซื้อหน่อยได้มั้ย”
พี่พลอยยิ้มหวานเอ่ยขออนุญาติเรื่องดูโทรศัพท์นั้น
ฉันยิ้ม
“ได้สิคะ” ก่อนจะปลดล็อคโทรศัพท์และยื่นไปให้เธอดู
พี่พลอยพลิกซ้ายพลิกขวาดูครู่นึงก่อนจะสไลด์จอโทรศัพท์กดดูฟังก์ชั่นโน้นนี้ในเครื่อง
ได้ยินเสียงพี่พลอยชมว่าปุ่มกดใหญ่ดีจังก่อนเธอจะจิ้มโทรศัพท์ดังต๊อกๆแต๊กๆครู่นึง
ฉันนั่งมองดูใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของพี่พลอยตอนนั่งดูโทรศัพท์ก็อดที่จะนึกเปรียบเทียบกับใครบางคนไม่ได้
ใครบางคนที่จะยิ้มให้เฉพาะคนที่เธออยากจะยิ้มเท่านั้น
พี่เนย..
แม่เสือยิ้มยาก
ต่อหน้าคนอื่นล่ะก็เก๊กตลอด
แต่พออยู่กับฉันล่ะกลายเป็นแมวๆเชื่องๆอ้อนๆขึ้นมาทันทีเลยเชียว
เมื่อคิดถึงเจ้าหล่อนขึ้นมาตอนนี้ก็อดที่จะหันซ้ายขวาชำเรืองหาหล่อนต่อไม่ได้
ไม่รู้ว่าตอนนี้หล่อนแอบมองฉันอยู่ตรงไหนอยู่
ก็ดีเหมือนกันล่ะ
การที่ทุกคนกลัวพี่เนยอย่างนี้มันก็ทำให้ฉันปลอดภัยจากอันตรายต่างๆที่จะเกิดขึ้นด้วย
หึ..ช่างเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวยิ่งนัก.เธอทำให้คนทั้งโรงเรียนกลัวเธอได้
เก่งจริงๆ
ฉันทั้งคิดทั้งยิ้มก่อนที่จะสะดุ้งตกใจเพราะเสียงโทรศัพท์ของพี่พลอยดังขึ้น
“โอ๊ะ
สงสัยเพื่อนพี่โทรตามแล้ว”
พี่พลอยพูดขึ้นพลางกดล็อคหน้าจอโทรศัพท์ของฉันคืนให้
พร้อมๆกับที่เสียงโทรศัพท์ของเธอเงียบลง
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูพร้อมกับใบหน้ายิ้มเล็กยิ้มน้อยแล้วก็บ่นลอยๆให้กับเพื่อนของเธอให้ฉันได้ยิน
“สงสัยโชว์เบอร์อ่ะ
แย่จริงๆเลยน่าจะโทรคุยดีๆเนอะ”
พี่พลอยทั้งพูดทั้งยิ้มก่อนจะเก็บโทรศัพท์ของเธอลงในกระเป๋าแล้วลุกขึ้นบอกลาฉัน
“พี่ไปก่อนนะ เด๋วค่อยเจอกันใหม่
มีโอกาสเราคงจะได้คุยกันอีก
หวังว่ากี้คงจะคุยกับพี่นะ
ถ้าพี่..โทรไปหา”
ฉันทำหน้างง
“อืมค่ะ ได้ๆ” ฉันตอบรับพี่พลอยไป
แม้ในใจจะแอบสงสัยในคำว่า
โทรไป ของเธอก็ตาม
เมื่อฉันบอกลาพี่พลอยแล้วเดินออกมาจากอาคารวิชาการ
ยังไม่ทันจะพ้นทางเดินเข้าอาคารด้วยซ้ำพี่เนยก็โผล่พรวดจากไหนมาไม่รู้มาขนาบเดินข้างๆฉันไปต่อ..
“คุยอะไรกับมันอ่ะ”
ฉันคิ้วขมวดหันควับไปทันทีที่ได้ยินพี่เนยเรียกแทนใครสักคนว่า
มัน
“ใคร..มันไหน..ใครคือมัน”
ฉันย้อนถามเสียงสูงกับพี่เนยด้วยเห็นว่าเธอเริ่มจะพูดไม่เพราะอีกแล้ว
“ก็..ยัยพลอยไง
มันมาคุยอะไรด้วย มันรู้จักกี้เหรอ”
“ไปเรียกเค้าว่ามันๆอย่างนั้นรู้จักเค้าสนิทเค้าเหรอ”
เมื่อฉันแน่ใจว่าพี่เนยเรียกพี่พลอยว่ามันๆซึ่งเป็นคำที่ฉันคิดว่าไม่สุภาพฉันก็เริ่มโวยวายกับพี่เนยทันที
พี่เนยหน้าบึ้งมองฉันอยู่นานก่อนจะตอบเสียงมาด้วยเสียงอ่อยๆเพราะโดนฉันเอ็ดอย่างนั้น
“รู้จักสิ..ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ
รู้จักมันดีกว่าพวกที่โรงเรียนรู้จักมันซะอีก”
เธอทั้งพูดทั้งทำหน้าทำตาคิ้วขมวดเหมือนโกรธแค้นอะไรกับคนที่อยู่ในหัวข้อสนทนานี้..
“รู้จักก็ไม่ต้องไปเรียกเค้าอย่างนั้นก็ได้นี่
ตัวเองก็เป็นผู้หญิงพูดเพราะๆจะเป็นไรมั้ยอ่ะ”
“อืมๆ..ก็ได้ๆแต่กี้ยังไม่ตอบพี่เลย
เมื่อกี้..พลอยมาคุยอะไรด้วย”
“ก็ไม่มีอะไร
พี่เค้าก็เป็นประธานนักเรียนแกก็คงอยากจะทำความรู้จักกับพวกคณะกรรมการเฉยๆมั้งก็เลยมาคุยกับกี้”
“แค่นั้นเหรอ”พี่เนยทำเสียงเหมือนไม่เชื่อ
“เออดิ
ทำไมอ่ะ มีอะไรผิดปกติเหรอ”
ฉันถามคนตรงหน้าคืนด้วยความสงสัยเช่นเดียวกัน
“ก็เปล่า
ถ้ากี้ว่าไม่มีอะไร..ก็ไม่มีอะไร
กลับบ้านกันถ้างั้น
พี่จะได้รีบไปส่งกี้”
พี่เนยรีบเปลี่ยนเรื่องเธอรีบชวนฉันกลับบ้านทันที
ค่ำวันนั้น..
หลังจากที่ฉันทำกิจวัตรประจำวันของฉันอาทิเช่นเก็บกวาดบ้านล้างถ้วยล้างชามเสร็จปิดบ้านเรียบร้อยตามเวลาปกติของฉันก็คือราวๆ3ทุ่ม
พี่เนยเจ้าประจำก็โทรมาออดอ้อนด้วยน้ำเสียงเว้าวอนของหล่อนตรงเวลาทุกๆคืน
หล่อนทำเป็นพูดนี้อยู่นานกว่าจะยอมเผยไต๋บอกเรื่องที่เธอต้องการจริงๆออกมาได้ซึ่งนั่นก็คือ...
“ให้พี่ไปนอนด้วยนะคืนนี้..”
“อะไรอีกจะมาทำไมอีก
เมื่อคืนก็มาแล้ว..”
“คือว่า..วันนี้พี่มีชุดนึงอยากจะใส่ให้กี้ดูมากเลย..เห็นกี้บอกว่ากี้ชอบชุดแบบที่พี่ใส่มาเมื่อคืนนั้น
พี่ก็เลยอยากใส่ชุดนั้นมาให้กี้ดูอ่ะ..”พี่เนยทำเสียงอายๆผ่านสายโทรศัพท์มา
...จะมาอ่อย..ว่างั้น...
นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดในใจแต่ก็ไม่ได้พูดออกไปเนื่องจากกระดากปากที่จะพูดอะไรอย่างนี้ผ่านทางโทรศัพท์
…............ชิ้ง................
ฉันนั่งนิ่งทิ้งให้ปลายสายรอคำตอบอยู่นานจนปลายทางเริ่มใจเสีย
ก่อนที่ฉันยอมปริปากพูดกับเจ้าหล่อนไป...
“….อย่าลืมใส่เสื้อคลุมมาด้วยนะ”
“ฮ้า..”เสียงอุทานจากฝั่งพี่เนยดังมาเหมือนกับว่าเธอไม่เชื่อหูของเธอว่าจะได้ยินประโยคที่แสดงให้เห็นว่าฉันยอมอนุญาติให้เธอมานอนกับฉันอย่างง่ายๆ
“หมายความว่า
กี้ให้พี่มานอนด้วยใช่มั้ย”
พี่เนยไม่เชื่อ..เธอถึงกับถามย้ำฉัน
“อืม..อยากจะมาป่ะล่ะ
ถ้ามาก็ใส่เสื้อคลุมมาด้วย..อย่าแต่งตัวประเจิดประเจ้อเหมือนเมื่อวานอีก..”ฉันเก๊กเสียงขรึมๆตอบเธอกลับไป
ฉันนัดแนะคุยกับพี่เนยเรื่องเวลามาอยู่ครู่นึงก่อนจะวางสายเธอแล้วเดินไปหยิบจับหนังสือจัดตารางเรียนวันพรุ่งนี้
โชคดีว่าพรุ่งนี้ไม่มีการบ้านส่ง..ฉันเลยไม่ต้องมานั่งรีบทำการบ้านให้เสร็จก่อนที่พี่เนยจะมาถึงห้องเหมือนๆสองวันที่แล้วมาที่ฉันรีบปั่นงานจนมือหงิกด้วยกลัวว่าพี่เนยจะกวนฉันจนฉันไม่เป็นอันทำงานทำการอะไรเลย
ซึ่งก็เป็นอย่างที่ฉันกลัวจริงๆ
เพราะถ้าพี่เนยเข้ามาในห้องนอนฉันปุ๊บ..เราสองคนจะได้คุยกันอยู่แค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว..จนไม่ได้หลับนอนอย่างสงบสุข
เสียงโทรศัพท์เบอร์ที่ฉันใช้เฉพาะกับพี่เนยดังขึ้นมาอีกครั้ง
ฉันคิ้วขมวดจ้องมองไปที่นาฬิกาบนโต๊ะทำงานของฉัน
ตอนนี้เวลามันพึ่งผ่านมาแค่สิบกว่านาทีเองจะโทรมาทำไมอีก
ฉันเดินบ่นมุบมิบๆคิดถึงเรื่องที่เราอุตสาห์นัดเวลากันไว้แล้วแท้ๆก็น่าจะรู้อยู่แล้วยังจะเซ้าซี้โทรมาหาอีกอยู่ได้พี่เนยนี่..น่ารำคาญจริงๆ
แต่พอฉันเดินมาหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูกลายเป็นว่า
เบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอโทรศัพท์ตอนนี้นั้น
ไม่ใช่เบอร์พี่เนย
เป็นเบอร์แปลกๆไม่แน่ใจว่าจะเป็นเบอร์อีกเบอร์นึงของพี่เนยหรือเปล่า..
เมื่อยืนพิจารณาอยู่ครู่นึงฉันก็ตัดสินใจรับสายปลายทางทันที
“..ฮัลโหล..น้องกี้เหรอ..”
เป็นเสียงผู้หญิงแปลกๆที่ฉันไม่ค่อยคุ้นหูดังผ่านมาตามสาย
ฟังดูไม่ใช่ทั้งเสียงพี่เนยและเพื่อนฉันหรือแม้กระทั่งคนที่ฉันรู้จัก..
“เอ่อ..ใช่ค่ะ
นั่นใครคะ” ฉันพยายามถามปลายสายกลับไป
“เอ๋..จำไม่ได้เหรอ
วันนี้เราพึ่งคุยกันไง
จำเสียงพี่ไม่ได้เหรอ
หรือคุ้นแต่เสียงเนยคนเดียวอ่ะ”
เมื่อเริ่มจับประโยคที่ว่าวันนี้วันนี้เราพึ่งคุยกันแถมยังเรียกพี่เนยซะเหมือนเพื่อนอย่างนั้น
ความประหลาดใจน้อยๆก็เริ่มก่อตัวขึ้นทันทีที่เริ่มนึกถึงหน้าใครบางคนที่ไม่น่าจะโทรมาหาฉันเบอร์นี้ได้เลย...
“เอ่อ..พี่..พลอย..เหรอคะ”
ฉันพยายามถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่มั่นใจในคำตอบของตัวเองเอาซะเลยในตอนนี้
“ใช่แล้ว
นึกว่าจะเรียกพี่ว่าเนยซะแล้ว..แอบลุ้นตั้งนานแหนะว่าพี่จะจำพี่ได้มั้ย”พี่พลอยทำเสียงดีใจหัวเราะคิกๆคักๆผ่านสายมา
ปล่อยให้ฉันอึ้งไม่รู้ว่าปลายสายตอนนี้ต้องการจะคุยอะไรกับฉันกันแน่..
“น้องกี้ปิดร้านแล้วใช่ป่ะ
พี่เห็นกี้ปิดร้านประมาณ3ทุ่มทุกวัน”
“เอ๋..”
ฉันร้องเอ๋เสียงหลงด้วยเพราะงงกับคนที่กำลังพูดประโยคนี้มาตามสายโทรศัพท์..มันเป็นประโยคเดียวกันกับที่พี่เนยเคยถามฉันตอนที่เธอทำเป็นจะโทรมาหาฉันวันแรก....
“เอ่อ..พี่พลอยรู้เวลาปิดบ้านของกี้ด้วยเหรอ..”ฉันอึกๆอักๆถามพี่พลอยต่อ
“รู้สิ
เพราะพี่เคยผ่านหน้าบ้านกี้เวลานี้อยู่หลายครั้งนะ
แล้วพี่ก็จำได้ว่ากี้ปิดร้านแล้วเวลานี้
เพราะฉะนั้นพี่ก็เลยเลือกที่จะโทรหากี้ตอนนี้ไง”
พี่พลอยทำเสียงสดใสมาตามปลายสาย
“อ้อ
เหรอคะกี้ไม่รู้ว่าพี่พลอยจะรู้จักบ้านกี้ด้วย”
“ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ
ข้าวมันไก่ร้านกี้อร่อยจะตายพี่ฝากน้าแม่บ้านของพี่ซื้อมาให้กินตลอดเลยนะ
จริงๆแล้วพี่อยากจะบอกว่าข้าวมันไก่ร้านกี้น่ะเป็นของโปรดของพี่เลยนะ”พี่พลอยยังทำเสียงสดใสบอกเล่าเรื่องราวของเธอต่อไป
ฉันหัวเราะทันทีที่ได้ยินพี่พลอยบอก
“ขอบคุณค่ะ
ที่แท้ก็ลูกค้าประจำนี่เอง..เด๋ววันหลังพี่พลอยบอกแม่บ้านของพี่พลอยก็ได้ว่าให้บอกว่าเป็นพี่ของกี้เดี๋ยวกี้จะแถมให้เยอะๆเลย”
“จริงเหรอ..
ดีจังเลยอ่ะ
ถ้าจะแถมอย่างนั้น..ไว้แถมวันที่พี่ไปกินอยู่ที่ร้านกี้เลยได้มั้ยอะ..พรุ่งนี้ก็ได้..เดี๋ยวตอนเย็นพี่จะแวะไปหากี้ตอนเลิกเรียนเลยนะ”
“เอ่อ..ก็ได้ค่ะ”
ฉันตกปากรับคำปลายสายไปอย่างงงๆด้วยไม่รู้ว่าเธอต้องการโทรมาหาฉันด้วยเรื่องข้าวมันไก่จริงๆหรือเปล่า
“กี้ลืมถาม..พี่พลอยเอาเบอร์กี้เบอร์นี้มาจากไหน”
“ฮืม..ถามทำไมอ่ะ”
พี่พลอยทำเสียงสดใสถามฉันอย่างอารมณ์ดี
“กี้คิดว่ากี้ไม่เคยให้เบอร์นี้กับใครเลย
นอกจาก....”
“นอกจาก..”พี่พลอยทำเป็นพูดตามฉันด้วยเสียงสงสัยก่อนที่เธอจะถามฉันต่อ
“..เนยเหรอ
อ๋อเป็นเบอร์ที่เอาไว้คุยเฉพาะกับเนยเฉยๆใช่มั้ย
มีเบอร์ส่วนตัวสองคนด้วย
คบกันจริงๆด้วยใช่ป่ะนี่”
พี่พลอยค่อยๆถามฉัน
เหมือนเธอกำลังจับพิรุธอะไรบางอย่างของฉันกับพี่เนย
“เอ่อ..ปะปะเปล่า”
ฉันรีบรนรานปฏิเสธ
“คือกี้ไม่ได้คบกับพี่เนย..เราเป็นแค่พี่น้องกันเฉยๆค่ะ
แล้วเบอร์นี้ก็ส่วนมากพี่เนยจะโทรมาเล่นด้วย
กี้ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นพี่เนยหรือเปล่าที่โทรเข้ามาเพราะว่ากี้ไม่เคยบอกเบอร์ใครสักที..”
“อืม..งั้นก็แสดงว่าพี่ก็เก่งมากน่ะสิที่รู้จักเบอร์นี้ของกี้ได้อ่ะ..”
พี่พลอยพลางหัวเราะพลางพูดทำให้ฉันต้องพลอยหัวเราะหึๆหะๆรับมุกกับเธอไปด้วย
“แต่ก็อย่างว่าอะนะ
ถ้าเราอยากรู้จักใครมากๆเรื่องเบสิคๆแค่นี้ยังไงเราก็ต้องรู้อยู่แล้วใช่ป่ะ..พี่ว่ามันก็ไม่ได้ยากอะไรเท่าไหร่เลยนะ
ถ้าพี่อยากจะได้เบอร์โทรกี้”
พี่พลอยพูดประโยคประหลาดๆมาให้ฉันงงอีกแล้ว
ฉันได้แต่อึ้งนั่งงงค้างรอฟังปลายทางว่าจะพูดอะไรต่อไปยังไง
“เมื่อกี๊
กี้บอกว่าไม่ได้คบกับเนยใช่ป่ะ
แล้วกี้มีแฟนหรือยัง”พี่พลอยยิงคำถามของเธอมาอีกแล้ว..
“ยะ..ยังค่ะ..”
ฉันอ้ำๆอึ้งๆตอบพี่พลอยกับไป
“จริงเหรอ
งั้นพี่จีบกี้ได้มั้ย...”
ฮ้า...
ฉันอึ้ง
ทำหนังสือเรียนที่ฉันเทียวหยิบขึ้นมาเปิดดูนั้นดูนี่เตรียมจัดตารางสอนที่อยู่ในมือตกพื้นทันทีที่ได้ยินประโยคนี้..
“..พี่พลอยอำกี้ใช่มั้ย”
ฉันหัวเราะหึๆกลบเกลื่อนความงงและความเอ๋อของฉันทันทีที่ตั้งสติได้
“เปล่าไม่ได้อำ
พี่พูดจริงๆ พี่ชอบกี้จริงๆนะ
ชอบก่อนหน้าที่พี่จะได้ยินข่าวว่ามีผู้หญิงแย่งกี้กันแล้ว
พอพี่รู้ว่ากี้ทำท่าเหมือนจะชอบผู้หญิงด้วยกัน
พี่ถึงดีใจมากๆเลยไงว่าพี่มีโอกาสที่จะได้จีบกี้เหมือนกันไง”
“โอ้ย..พี่พลอยอำกี้แน่ๆเลยอ่ะ
กี้ไม่เชื่อหรอก แฟนคลับพี่พลอยก็เยอะ
กี้ยังได้ยินเลยว่าพี่พลอยมีแฟนแล้วเป็นนักบอลโรงเรียนด้วย”
ฉันหัวเราะหึๆทั้งพูดทั้งขำไม่อยากจะเชื่อว่าที่พี่พลอยพูดนั้นจะเป็นเรื่องจริง
“กี้ไม่เชื่อว่าพี่ชอบกี้..แล้วทำไมถึงเชี่อว่าพี่จะชอบนักบอลคนนั้นล่ะ...กี้พึ่งรู้จักพึ่งได้คุยกับพี่จริงๆก็วันนี้เองไม่ใช่เหรอ
แล้วจะตัดสินสิ่งที่พี่กำลังบอกกี้อยู่นี่ว่าจริงหรือหลอกได้ยังไง..ทำไมไม่ให้โอกาสพี่พิสูจน์ล่ะ”พี่พลอยทำเสียงจริงจังเหมือนเธอกำลังอธิบายอยู่นี่ว่าเรื่องที่เธอพุดคือเรื่องจริง..
“ให้โอกาสพี่อีกสักคนได้มั้ย
พี่ขอสมัครมาอยู่ในชมรมคนรักกี้อีกคนนะ
ให้พี่ได้มีโอกาสได้แข่งกับคนอื่นบ้าง
ถ้าถึงเวลาที่กี้จะเลือกใครแล้ว
คนนั้นไม่ใช่พี่พี่ก็จะไม่ว่าอะไรกี้เลย..”
ฉันอ้าปากค้าง
ยิ่งฟังยิ่งงง
ตอนนี้กลายเป็นฉันทั้งงงทั้งอึ้ง
มันเป็นความรู้สึกประหลาดๆ
มันเหมือนความฝันที่อยู่ๆมีผู้หญิงที่เป็นเหมือนดาราของโรงเรียนมาสารภาพรักตัวเองอย่างนี้
โอ้ยย..ตายแล้วฉัน...อะไรจะมีเสน่ห์กับเพศเดียวกันได้ขนาดนี้
…
ฉันทั้งคิดทั้งเอามือกุมขมับ
ตอนนี้ฉันเริ่มปวดหัวขึ้นมานิดๆจากการคิดมากตามเรื่องราวที่ปลายสายกำลังพูดกำลังอธิบายอะไรให้ฉันฟังอยู่ก่อนที่เธอจะขอตัววางสายก่อนเพราะปลายสายของเธอมีสายซ้อนเข้ามา
“ฝันดีนะ
อย่าลืมฝันถึงพี่ด้วยล่ะ”
พี่พลอยทำเสียงน่ารักๆบอกลาฉันกดจะตัดสายทิ้งไป
ทิ้งให้ฉันนั่งอึ้งอยู่ในห้องอยู่อีกนาน
ว่าที่ฉันเจอเมื่อกี้มันเรื่องจริงหรือล้อเล่น
เธอต้องการที่จะหยอกฉันหรือเธอต้องการอย่างที่เธอบอกฉันจริงๆ
เสียงแจ้งเตือนในโทรศัพท์ดังขึ้นมาเรียกสติและความคิดของฉันกลับมาอีกครั้ง
ฉันหยิบขึ้นมามันเป็นการแจ้งเตือนของเฟสบุ๊คตอนนี้ฉันมี1คำขอขอเป็นเพื่อนค้างอยู่
ฉันรีบคลิกเข้าไปดูกลายเป็นว่าคนที่ส่งคำขอนี้มาคือ
พี่พลอย
พี่พลอยใช้ชื่อภาษาอังกฤษอะไรก็ไม่รู้ฉันอ่านไม่ค่อยถนัดแต่ฉันรู้ว่านั่นคือเฟสพี่พลอย
เพราะว่ามันเป็นรูปโปรไฟล์ของพี่พลอยและฉันก็กดติดตามพี่พลอยอยู่ก่อนหน้านั่นแล้วนั่นเอง..
ฉันเก้ๆกังๆด้วยความงงอยู่พักใหญ่ๆก่อนจะตัดสินใจกดรับพี่พลอยเป็นเพื่อน
ซึ่งพอฉันรับพี่พลอยเป็นเพื่อนแล้วคลิกเข้าไปดูหน้าวอลล์พี่พลอยที่โพสสถานะที่ตั้งค่าไว้ให้แต่คนที่เธอรับเป็นเพื่อนก็ขึ้นโชว์สถานะที่เธอโพสไว้ประมาณตอนเย็นแล้วว่า.....
“เหมือนจะชอบผู้หญิงด้วยกันแล้วอ่ะ..แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี..จีบผู้หญิงด้วยกันนี่ยากมั้ยนะ”
ฉันเหงื่อตกทันทีที่เริ่มคิดถึงเรื่องราวที่พี่พลอยโทรเข้ามาคุยกับฉันในวันนี้..
...ตกลงอะไรยังไงกันนี่..พี่พลอย..