วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559


Lovely Mafia Girl
ลูกสาวเจ้าพ่อ ขอเป็นแฟนหนู
 Chapter 7
Bad Girl
ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งปวดหัว แล้วก็ทนไม่ไหวต่อสายตาออดอ้อนอันน่าสงสารของเจ้าหล่อนในตอนนี้
ฉันทำตาถมึงทึงใส่พี่เนยก่อนจะดึงเอาช่อลูกโป่งนั้นมา พร้อมๆกับเสียงเฮและเสียงปรบมือที่ดังขึ้นทั้งโรงอาหาร
รับไว้ก็ได้ แต่กี้ไม่ชอบที่พี่เนยทำอย่างนี้เท่าไหร่นะ อย่ามัดมือชกกี้อย่างนี้อีกนะ กี้ไม่ชอบเข้าใจใช่มั้ย” ฉันกระซิบกระซาบใส่หูเจ้าหล่อนก่อนจะกลับมานั่งก้มหน้าก้มตาเอาลูกโป่งช่อนั้นมาบังหน้างอนๆของตัวเองเอาไว้ ส่วนพี่เนยนั้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นั่งลงตรงที่นั่งตรงข้ามมองฉันที่ตอนนี้แทบจะเอาหน้าซุกแผ่นดินหนีด้วยความอายเสียให้ได้
ตอนนี้ผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันกับเราลุกขึ้นเดินยิ้มเล็กยิ้มน้อยเข้ามาจับไหล่พี่เนย
อ๊ะเนย เด๋วพวกฉันไปก่อนนะเว้ยแก จองโต๊ะไว้ให้แล้ว ตอนนี้คงไม่มีใครกล้ามานั่งกับพวกแกสองคนแล้วล่ะ สวีทกันต่อเลยนะ” หนึ่งในนั้นทั้งพูดทั้งยิ้มเล็กยิ้มน้อยจ้องมองมาที่ฉันกับพี่เนยด้วยสายตากรุ้มกริ่ม

เอ๊ะ..สองคนนี้เพื่อนพี่เนยงั้นเหรอ...
ฉันหันควับกลับมามองพี่เนยที่ยักคิ้วมองเพื่อนอย่างมีเลสนัยพร้อมๆกับโบกมือลาสองคนนั้น
อย่าบอกนะว่า พี่เนยตั้งใจให้เพื่อนมาจองที่นั่งตรงกลางโรงอาหารเพื่อที่เธอจะมาประกาศต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนว่า เธอกำลังจีบฉันอยู่
...โอ้ย อีพี่เนยนี่ทำไมเป็นคนร้ายกาจอย่างนี้นะ.. เธอวางแผนทุกๆอย่างเพื่อที่จะให้ทุกๆคนในโรงเรียนรู้กันทั่วเรื่องฉันกับพี่เนยเลยหรือนี่ กะจะไม่ให้ใครเข้าใกล้ฉันได้อีกแล้วใช่มั้ย บ้าจริงๆเลย
ตอนนี้ฉันทั้งโมโหทั้งโกรธพี่เนยไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่ยื่นเท้าที่อยู่ด้านล่างโต๊ะอาหารไปเหยียบเท้าพี่เนยเข้าเต็มๆแรง
โอ้ยย...” พี่เนยร้องโอยเสียงดังขึ้นเธอรีบถกเท้าออกหนีจากเท้าฉันทันที
พี่เนยคิ้วขมวดยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆฉัน “กี้เหยียบเท้าพี่ทำไม” เธอทำเสียงกระซิบกระซาบถามฉันเพราะไม่อยากให้คนที่เริ่มหันมามองพวกเราอีกครั้งหนึ่งเนื่องจากได้ยินเสียงโอ้ยของพี่เนยเมื่อกี้สงสัยเอา
แผนการชั่วร้ายนักนะ คนอะไร..ร้ายจริงๆ เหลือเชื่อเลย” ฉันทำตาถมึงทึงมองพี่เนยลอดผ่านลูกโป่งพวกนั้นพร้อมๆกับกระซิบกระซาบพี่เนยคืนไปบ้าง
พี่เนยทำหน้าเหมือนสำนึกผิดที่โดนฉันจับได้เรื่องที่เธอวางแผนตอนนี้ เธอยิ้มแหยๆกลับคืนมาให้ฉันพร้อมๆกับยื่นมือมาจับมือของฉันไว้ “พี่ขอโทษ พี่แค่อยากจะเซอร์ไพรส์กี้เท่านั้นเอง”
ไม่ต้องเลย ถ้าทำอย่างนี้อีกโดนแน่ๆ” ฉันยกมือขึ้นมาชี้หน้าพี่เนยพร้อมๆกับทำตาเล็กตาน้อยข่มขู่ให้พี่เนยกลัวในสิ่งที่ฉันพูด พี่เนยมองดูฉันแล้วอมยิ้ม เธอพยักหน้าให้ฉันเพื่อเป็นการตอบรับว่าเธอรู้ในสิ่งที่ฉันข่มขู่เมื่อกี้แล้ว
แต่ก่อนที่จะพูดอะไรกันไปมากกว่านี้น้าคนที่ขายอาหารในโรงอาหารก็เดินเอาอาหารมาส่งให้ที่โต๊ะ คงเป็นเพราะพี่เนยสั่งให้น้ามาส่งให้เธอนั่นเอง เมื่ออาหารมาฉันจึงหยุดแขวะพี่เนยแล้วหันมารีบกินอาหารพวกนั้นด้วยความหิวทันที
พี่เนยทั้งกินทั้งตักเอาเนื้อเอาอะไรที่น่ากินในจานของเธอยื่นมาให้ฉัน ทำยังกับเธอเป็นแม่ที่ห่วงว่าลูกสาวคนนี้จะกินข้าวไม่อิ่มยังไงยังนั้น
ตักให้กี้ทำไมตั้งเยอะ พอแล้ว อ้วน..” ฉันทำหน้างอนๆเน้นเสียงคำว่าอ้วนกลับคืนไปให้พี่เนย
ไม่อ้วนหรอกแค่นี้มีน้ำมีนวลจะตาย กี้น่ะนอกจากจะสวยแล้วยัง...”พี่เนยเงียบหลังจากที่ลากเสียงคำว่าแล้วยัง เหมือนเธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่างที่พูดออกมาไม่ได้ ฉันหยุดกินแล้วจ้องตาถมึงใส่พี่เนยทันทีที่เริ่มรู้สึกแปลกๆในประโยคนั้น
อะไร..แล้วยังอะไร”
บอกตรงนี้ไม่ได้หรอก เด๋วกี้จะว่าพี่เอา ถ้าอยากรู้ ก็ให้พี่ไปนอนด้วยนะคืนนี้” พี่เนยค่อยๆเบาเสียงลงเรื่อยๆจนกลายเป็นเหมือนเธอกระซิบกระซาบกับฉันในที่สุด ใบหน้าเจ้าหล่อนก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองดูมีพิรุธ สายตาก็กรุ้มกริ่มมองฉันไม่หยุดเสียที
บ้า..”ฉันยกมือข้างที่ถือช้อนขึ้นมาชี้หน้าพี่เนย ก่อนจะรีบกระซิบกระซาบเจ้าหล่อนคืนไปบ้าง
ห้ามพูดอะไรอย่างนี้แถวนี้เลยนะ ถ้ายังอยากคุยกับกี้อยู่”
รู้แล้วค่ะ ถึงไม่พูดไง กินข้าวกันต่อเถอะนะ กี้ก็กินเยอะๆเถอะ พี่เป็นห่วง กี้ยิ่งไม่ค่อยได้พักผ่อนอยู่ช่วงนี้..”
..แหนะ ยังจะวกมาเรื่องอย่างนั้นอีก..เหลือเกินจริงๆเลยยัยคนนี้
ฉันมองบนแล้วกัดฟันทำตาถมึงใส่เจ้าหล่อนก่อนจะหยุดหันมากินข้าวในจานของตัวเองต่อแล้วก็นึกขึ้นได้เรื่องช่อลูกโป่งนี้ว่ามันมาได้อย่างไรในเมื่อฉันไม่เห็นเธอถือเข้ามาเลย
พี่ก็ให้น้าชัยเอามาส่งให้ในโรงเรียนไง แค่ยกหูกริ้งเดียวน้าชัยก็จัดแจงให้แล้ว” นั่นเป็นคำบอกเล่าของพี่เนยหลังจากที่โดยฉันถามเรื่องที่มาของช่อลูกโป่งช่อนี้ พี่เนยพูดมันออกมาด้วยใบหน้าสดใสมองดูเหมือนเรื่องที่เธอทำนั้นไม่ได้เป็นเรื่องยากลำบากอะไรเลย
แล้วน้าชัยเข้ามาโรงเรียนได้ยังไง อาจารย์ไม่ว่าเหรอ”
พี่ต้องบอกว่าอาจารย์น่ะควรจะถามหาน้าชัยหรือไม่ก็ลูกน้องพ่อพี่มากกว่านะ เพราะว่าเข้าออกโรงเรียนเป็นว่าเล่นจนเกือบจะบรรจุเป็นภารโรงอยู่แล้วมั้ง..” พี่เนยพูดยิ้มน้อยสายตามองดูมีเลศนัย
ทำไมมาทำอะไรอยู่ที่โรงเรียน” ฉันถามพี่เนยกลับไป แต่พี่เนยก็ไม่ตอบ เธอยิ้มเจื่อนๆให้ฉันนิดนึงก่อนจะแกล้งทำเป็นก้มหน้าตักอาหารมาใส่ปากของเธอต่อ
ถามไม่ตอบแหะ มีความลับมีเลศนัยเยอะจริงเชียว ฉันนั่งมองท่าทางอากัปกริยาของพี่เนยที่นั่งก้มหน้าก้มตากินข้าวแกล้งทำเป็นเฉยๆไม่สนใจฉันทันทีที่โดนฉันถามเรื่องทำไมอาจารย์ถึงต้องถามหาน้าชัยและลูกน้องด้วย หรือแม้แต่ประโยคแปลกๆที่พี่เนยบอกว่าน้าชัยมาโรงเรียนตลอด
เมื่อเห็นว่าคนต่อหน้าแกล้งทำเป็นไม่สนใจฉันแล้วฉันก็แกล้งเลื่อนจานข้าวออกจากตัวแล้วทำท่าจะลุกขึ้นเดินหนีพี่เนยและทิ้งช่อลูกโป่งเอาไว้ที่โต๊ะ พี่เนยเงยหน้าขึ้นมามองทันทีที่ยินเสียงจานเลื่อนกระทบแผ่นไม้ที่วางปูเป็นโต๊ะ
ไปไหนอะกี้” พี่เนยร้องเรียกฉันทั้งรีบลุกขึ้นเอื้อมมือมาดึงมือฉันเอาไว้ท่ามกลางสายตานักเรียนที่ยังนั่งเหลืออยู่ในโรงอาหาร
แค่โดนจับมือไอ้อาการเขินหน้าแดงของฉันก็กลับมาอีกแล้ว ฉันรีบสะบัดมือพี่เนยออกแล้วรีบเก็บมือมาไว้ข้างหลังตัวเองแล้วหลบสายตาของนักเรียนที่เริ่มกลับมาจ้องมองพวกเราสองคนด้วยการกลับมานั่งแล้วเอาลูกโป่งบังหน้าตัวเองไว้เหมือนเดิม
ก็จะกลับห้องไง เห็นนั่งก้มหน้าไม่อยากคุยด้วยไม่ใช่เหรอ” ฉันแกล้งทำหน้าเฉยเมยบ้าง พลางเอามือมากอดอกทำเป็นไม่สนใจคนตรงหน้าเหมือนๆกัน
พี่เนยทำหน้าแหยๆ “กี้อิ่มแล้วเหรอ..พี่ยังกินไม่อิ่มเลย ที่พี่ไม่ตอบเพราะว่าเรื่องมันยาว..กลัวจะไม่ได้กินข้าวถ้าขืนเล่าเรื่องพวกนี้ให้กี้ฟังอ่ะ เด๋ววันหลังพี่ไปเล่าให้ฟังที่บ้านนะ..นะคะ..” พี่เนยทำเสียงออดอ้อนสายตาอ้อนวอนฉันไม่ให้ฉันโกรธเธอในเรื่องเมื่อครู่
ฉันทำหน้ามุ้ยไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ผู้หญิงคนต่อหน้านี้พูดออกมาเลย แต่ก็ไม่อยากท้าวความยาวสาวความยืดกับเจ้าหล่อนอีกแล้ว ได้แต่เร่งให้เธอรีบๆกินกับข้าวของเธอเสียที
ตอนกลับขึ้นห้อง ฉันให้พี่เนยเดินถือช่อลูกโป่งช่อนั้นกลับไปด้วยเพราะว่าฉันไม่กล้าถือช่อลูกโป่งใหญ่ยักษ์อลังการโทงๆอย่างนี้ในโรงเรียน พี่เนยก็ไม่ว่าอะไรแถมยังอาสาบอกว่าจะเอากลับไปส่งที่บ้านให้เองเพราะว่าเธอมีรถมารับอยู่แล้ว
เราเดินแยกกันตรงหน้าอาคารเรียนของฉัน ตอนที่ฉันเดินขึ้นอาคารไปได้ยินเสียงผู้ชายแซวฉันเรื่องพี่เนยดังมาเป็นระยะๆ
ฉันแสนอายแต่ก็ไม่กล้าโต้ตอบพวกเค้าเหล่านั้น ด้วยเพราะคำบางคำที่ฉันได้ยินนั้นมันฟังดูทะลึ่งตึงตังเกินไปทำได้แค่เดินก้มหน้าเดินดุ่มๆขึ้นชั้นเรียนตัวเองไป
ซึ่งพอถึงระเบียงหน้าห้อง เพื่อนผู้หญิงกลุ่มหนึ่งประมาณ4-5 คนที่นั่งเล่นอยู่หน้าระเบียงก็พากันร้องแซวฉันทันที
อ้ายย..กี้แกนี่อลังการจริงๆเลยอ่ะ เปิดตัวอย่างนี้คนเค้ารู้กันทั้งโรงเรียนแล้วว่าแกเป็นเด็กพี่เนยอ่ะ” เพื่อนคนนั้นทั้งแซวทั้งยิ้มเหมือนแสดงความดีใจที่เห็นเพื่อนเป็นฝั่งเป็นฝายังไงยังงั้น
บ้า ฉันไม่ได้เป็นเด็กเค้าเว้ย ยังไม่ได้คบกันแค่ไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนแกเฉยๆ”
ฮูยย แค่ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันยังอลังการอย่างนี้ แล้วเป็นข้าวเย็นจะขนาดไหนอ่ะ” เพื่อนคนอื่นๆพากันเฮลั่นทันทีที่ได้ยินเพื่อนคนนั้นแซวฉัน ฉันยิ้มฝืดๆคืนไปให้เพื่อนคนนั้น อยากให้รู้ว่าฉันไม่ได้ตลกกับมุกที่เค้าปล่อยมาเลยแล้วก็ไม่อยากยืนฟังพวกเค้าพูดแซวฉันเรื่องพี่เนยอย่างนี้อีก พวกเค้าทำท่าเหมือนจะถามฉันเรื่องพี่เนยต่อแต่ก็โดนฉันแกล้งบอกปัดไปว่าฉันจะต้องรีบไปปั่นการบ้านที่ยังไม่เสร็จให้ทันส่งในคาบแล้วก็รีบเดินเลี่ยงเข้ามาในห้องทันที
เมื่อเดินเข้ามาในห้องตอนนี้มีเพื่อนกลุ่มที่เห็นพี่เนยมาส่งฉันเมื่อเช้ายืนมุงดูอะไรกันไม่รู้อยู่ประมาณ3-4คน หนึ่งในนั้นได้ยินเสียงฉันเดินเข้ามาในห้องจึงหันมาดูเมื่อพบว่าเป็นฉันเขาก็หันไปสะกิดเพื่อนๆในกลุ่มที่ยืนดูอะไรกันไม่รู้ ให้หยุดดู เมื่อพวกเค้าเริ่มแยกกลุ่มออกมาฉันจึงมองเห็นว่าสิ่งที่เค้ายืนออกันดูเมื่อกี้คือโทรศัพท์มือถือของเพื่อนที่นั่งข้างๆฉัน
เพื่อนคนนั้นหันมายิ้มให้ฉันแล้วรีบเก็บโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋าทันที ก่อนจะรีบเดินมานั่งข้างๆฉันอยู่ที่โต๊ะแล้วพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงประหลาดๆ
กี้ ดีจังเลยเนอะ..แหม..พี่เนยเค้าดูร๊าก..รักแก ฉันเห็นที่พี่เนยทำให้แกในโรงอาหารแล้วก็แอบอิจฉาแกอ่ะ พี่เนยแกก็ไม่อายเลยเนอะขนาดว่าเป็นผู้หญิงด้วยกัน..สมแล้วอ่ะที่เป็นพี่เนย” เพื่อนหยุดพูดนิดนึงแล้วหันมาชำเรืองมองฉันที่เริ่มสนใจในคำว่า สมแล้วอ่ะที่เป็นพี่เนย แล้วหันหน้าไปฟังเพื่อนพูดตรงๆ
อะไรคือ..สมแล้วอ่ะแก” ฉันถามเพื่อนคืนด้วยความอยากรู้
เพื่อนคนนั้นยิ้มให้ฉันอย่างมีเลศนัย “ไม่รู้ดิ แต่แกอยากรู้เรื่องของพี่เนยที่ฉันเล่าให้แกฟังเมื่อเช้าป่ะล่ะ” ฉันพยักหน้าให้เพื่อนทันทีที่ได้ยินเพื่อนพูดมา
เย็นนี้อ่ะ..ก่อนกลับบ้านแกลองเดินไปที่หลังช๊อปคหกรรมดูนะ” เพื่อนคนนั้นทั้งพูดทั้งยิ้มแล้วหันหลังกลับไปมองกลุ่มเพื่อนที่ยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่ด้านหลังฉันต่ออย่างมีพิรุธ
ฉันอธิบายได้ไม่ค่อยเก่งหรอก แกต้องลองไปดูเองเว้ย” สิ้นเสียงเพื่อนคนนั้นก็ยักคิ้วแล้วก้มลงหยิบหนังสือวิชาต่อไปขึ้นมาวางบนโต๊ะ ปล่อยให้ฉันคิ้วขมวดเพราะในใจเริ่มรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีในสิ่งที่เพื่อนพูดมาเมื่อกี้เสียแล้ว
ตอนเย็นเลิกเรียนกลับบ้านแม้ฉันจะโดนรบเร้าจากพี่เนยในตอนเที่ยงเรื่องที่เธอขอให้ฉันรอคุยกับเธอที่หน้าโรงเรียนตอนกลับบ้านก่อน แต่คำพูดของเพื่อนฉันที่น่าสงสัยที่พูดยั่วยุความอยากรู้อยากเห็นเรื่องพี่เนยนั้นทำให้ฉันเปลี่ยนเส้นทางการเดินจากหน้าโรงเรียนไปเป็นหลังโรงเรียนแทนทันที
ในโรงเรียนตอนนี้พึ่งจะเลิกเรียนได้ไม่เท่าไหร่ นักเรียนบางคนยังจับกลุ่มนั่งคุยกันอยู่ตามมานั่งที่วางเรียงรายอยู่ตามทางในโรงเรียน อาคารคหกรรมนั้นอยู่โซนหลังโรงเรียนแถวๆเดียวกันกับซ๊อปศิลป์ที่พวกฉันไปแต่งหน้ากับพี่เนยในวันนั้น
แถวๆนั้นค่อนข้างจะเงียบเพราะไม่ค่อยมีนักเรียนเดินผ่านเท่าไหร่ ฉันเดินไปตามทางจนถึงด้านหน้าอาคารคหกรรม ด้านหน้ามีรถมอเตอร์ไซค์จอดเรียงอยู่2-3คัน มองดูในตะแกรงวางของหน้ารถก็มีหนังสือและกระเป๋าเล็กๆวางอยู่
คงเป็นรถนักเรียนที่ขี่เข้ามาจอด ตอนที่โรงเรียนเลิกแล้วนักเรียนสามารถขับรถเข้ามาในโรงเรียนได้ นักเรียนที่ทำกิจกรรมเช่นนักกีฬา นักดนตรี ก็มักจะขี่รถของตัวเองเข้ามาจอดอยู่ด้านหน้าอาคารที่พวกเค้าทำกิจกรรมกัน
ฉันค่อยๆเดินอ้อมไปทางหลังตึกตอนนี้ฉันได้ยินเสียงโหวกๆเหวกๆดังออกมาจากด้านหลัง
ฟังดูเหมือนเสียงเด็กผู้หญิงหลายๆคนกำลังทะเลาะกัน
เอ๊ะ หรือจะมีเด็กนักเรียนกำลังทะเลาะกันอยู่ตรงนี้ เมื่อคิดได้ฉันก็รีบเดินอ้อมไปแอบอยู่ตรงมุมกำแพงช๊อปคหกรรม
ตอนนี้ภาพที่โผล่พ้นพุ่มต้นไม้หลังช๊อปแสดงให้เห็นด้านหลังนักเรียนหญิงม.ปลายสองคนที่กำลังดึงรั้งทั้งเสื้อและผมเผ้า สองคนนั้นมีรูปร่างที่ต่างกัน คนนึงผอมสูงอีกคนอวบๆแต่ก็สูงพอๆกัน
ผู้หญิงคนผอมๆสูงๆแม้จะดูเสียเปรียบกว่าในเรื่องรูปร่างแต่ฉันมองดูจากมุมนี้แล้วกลายเป็นว่าเธอคนนั้นเคลื่อนไหวเร็วมาก เธอจะผลักและจิกผมของอีกฝ่ายได้ไวกว่าโดยที่อีกฝ่ายทำอะไรเธอไม่ได้เลย
นอกจากผู้หญิงสองคนที่กำลังตบกันอยู่นี้แล้ว รอบๆนั้นยังมีผู้หญิงม.ปลายอีก3-4คน หนึ่งในนั้นกำลังถ่ายคลิป ส่วนที่เหลือก็ยืนเชียร์และคอยกันผู้หญิงอีกสองคนที่ทำท่าเหมือนจะเข้ามาช่วยผู้หญิงร่างอวบที่สู้คนนั้นไม่ได้ จนกระทั่งเธอเสียหลักโดนจิกปลายผมม้าล้มหงายหลังตึงลงมา แล้วโดนผู้หญิงคนผอมๆนั้นเดินมานั่งคร่อมๆแล้วตบไปที่หน้ารัวๆ
ผู้หญิงคนที่ล้มลงไปทำท่าเหมือนจะยอมแพ้ ร้องขอให้อีกฝ่ายหยุดเสียที
ฉันได้ยินเสียงของผู้หญิงคนที่นั่งค่อมตะโกนออกมา

งั้นมึงก็กราบตีนกูก่อนสิ!!!”

เสียงตวาดๆที่ฟังดูคุ้นๆดังลอดออกหลังพุ่มไม้ด้านหลังอาคารเรียนคหกรรม ใจฉันเต้นตึกๆตักๆตอนที่เริ่มคิดว่าเสียงที่ได้ยินนั้นมันเหมือนเสียงของใครบางคน
ฉันหลับตาปี๋ในใจได้แต่ภาวนาให้เจ้าของเสียงไม่ใช่คนที่ฉันคิดทีเถอะ
ความสงสัยและกลัวกำลังสั่งการให้ฉันค่อยๆก้าวเดินเข้าไปแถวๆพุ่มไม้นั้นเพื่อที่จะได้เห็นหน้าชัดๆของเสียงที่คุ้นๆหูเสียงนั้นเสียที
และทันทีที่ฉันเดินมาหยุดอยู่แถวๆต้นไม้ที่รายรอบไปด้วยพุ่มไม้พวกนั้นแล้วลืมตาดู
...ภาพที่ฉันเห็นก็คือ ..

พี่เนยกำลังยืนกอดอก เธอลุกขึ้นก้มลงมองนักเรียนหญิงร่างอวบๆคนนั้นที่กำลังนั่งไหว้ไปที่เท้าของพี่เนย
รอบๆนั้นมีนักเรียนหญิงซึ่งน่าจะเป็นเพื่อนพี่เนยยืนอยู่สามสี่คน หนึ่งในนั้นยืนถือมือถือถ่ายคลิปที่นักเรียนหญิงคนนั้นก้มลงไหว้พี่เนยไว้ด้วย
ฉันหน้าซีด ปากชา บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรรู้ตัวแต่ว่าตอนนี้ ฉันกำลังจะเป็นลม..
ความรู้สึกชาตามใบหน้ากำลังทำให้ฉันรู้สึกว่า ผู้หญิงคนที่ฉันเห็นอยู่ตรงนี้น่ากลัวเหลือเกิน
ใช่ ฉันกำลังกลัวพี่เนย..ตอนนี้ในหัวของกำลังคิดวุ่นวายสับสนอยู่
ถ้าฉันเป็นนักเรียนหญิงคนนั้น ฉันจะทำอย่างไร แล้วพี่เนยจะทำอย่างไรกับฉัน
นี่ถ้าฉันเผลอทำอะไรให้เจ้าหล่อนไม่พอใจขึ้นมาบ้าง ฉันจะไม่ได้ก้มลงกราบแทบเท้าเธออย่างนี้เหมือนกันเหรอ
แล้วไหนลีลาท่าทางการตบตีกันของเธอที่ฉันเห็นก่อนหน้านั้นอีก
นี่เธอไปตบไปตีเค้าอย่างนั้น เธอไม่กลัวมีปัญหาอะไรเลยหรือไง
นี่ใช่มั้ยที่เรื่องที่เพื่อนเล่าให้ฉันได้ยินเมื่อเช้า พี่เนยเป็นคนนิสัยไม่ดีจริงๆด้วยใช่มั้ย
โอ้ย..ฉันหลวมตัวไปมีอะไรกับคนอย่างนี้ได้ยังไงนี่
เวรกรรมแท้ๆ กี้เอ้ยกี้..

ฉันช๊อคยืนอึ้งตาค้างมองภาพที่เห็นอยู่ข้างหน้านี้อยู่นานจนพี่เนยกับเพื่อนเริ่มแยกย้ายกันออกจากที่เกิดเหตุ พี่เนยหันไปคุยกับเพื่อนในกลุ่มของเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังกลับมาเก็บกระเป๋าของเธอที่วางอยู่แถวๆพุ่มไม้นั้น
โดยไม่ทันสังเกตุว่าฉันก็ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนกัน
หล่อนอึ้งทันทีที่หันกลับมาเห็นฉันยืนช็อคตาค้างมองเธอตั้งแต่เห็นภาพเหตุการณ์นั้นเข้า
กี้..” เสียงอึกๆอักๆของพี่เนยที่พยายามเรียกฉัน พร้อมๆกับใบหน้าที่ซีดลงอย่างเห็นได้ชัดของหล่อน
“...มาอยู่นี่ตั้งแต่ตอนไหนอะ...”
**************************************************
เสียงติดเครื่องยนต์รถซุปเปอร์คาร์สีขาวคันงามดังขึ้นตอนที่พี่เนยบิดกุญแจและเหยียบคันเร่ง
เธอหันมายิ้มให้ฉันก่อนจะเลื่อนมือจากคันเกียร์มาจับและลูบเบาๆที่หน้าตักของฉัน
กี้เป็นอะไรหรือเปล่าไม่พูดกับพี่มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว อย่าเงียบอย่างนี้สิพี่ใจคอไม่ดีเลย”
ฉันกัดปากตัวเอง แล้วหันไปเหล่ตามองพี่เนยที่ทำหน้าเจื่อนๆซีดๆเพราะไม่รู้จะเริ่มพูดเรื่องนั้นกับฉันอย่างไรดี
เมื่อเห็นว่าฉันไม่ตอบเจ้าหล่อนก็ใช้มือลูบๆคลำๆที่หน้าตักของฉันไปเรื่อยๆโดยหวังว่ามันจะทำให้ฉันบรรเทาอาการตึงเครียดในตอนนี้ได้บ้าง
แต่ก็เปล่าเลยกลายเป็นว่าตอนนี้ฉันยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ เพราะในใจเริ่มหงุดหงิดด้วยกลัวว่าใครที่เดินเข้ามาใกล้รถคันนี้แล้วมองมาข้างในจะเห็นฉันกับพี่เนยในสภาพที่กำลังลูบๆคลำๆกันอยู่อย่างนี้
ก็เธอเล่นเอารถของเธอมาจอดอยู่ที่ลานจอดรถของคุณครูในโรงเรียน โดยที่เธอไม่ได้เกรงกลัวเลยว่าจะมีใครว่าเธอเรื่องรถเลย

ในตอนแรกที่ฉันยืนอึ้งหลังจากที่เห็นเธอมีเรื่องกับเด็กนักเรียนหญิงคนนั้น พี่เนยก็พยายามรบเร้าให้ฉันกลับบ้านกับเธอ โดยที่เธออ้างว่าจะอธิบายเรื่องนี้ให้ฉันฟัง ตอนนั้นด้วยความมึนๆงงๆกับเหตุการณ์ที่เห็นอยู่ไม่ทันได้คิดอะไรก็ได้แต่เดินตามมาด้วยความไม่มีสติ จนกระทั่งกลายเป็นช็อคไม่มีสติอีกรอบสองเมื่อเห็นว่าเธอเอารถซุปเปอร์คาร์ของเธอมาโรงเรียนในวันที่ทำการของโรงเรียนอย่างนี้
แถมยังเอามาจอดในที่จอดรถที่ทางโรงเรียนทำไว้ให้คุณครูจอดกันอีก
ฉันต้องอ้าปากค้าง หน้าเหวอเป็นรอบที่สองตอนที่เธอพามาหยุดอยู่ต่อหน้ารถของเธอ
พี่เนยเอารถมาโรงเรียนอีกแล้วเหรอ ทำไมเมื่อเช้ากี้เห็นพี่เนยมากับรถตู้”
พี่ให้น้าชัยเอารถมาจอดทิ้งไว้ให้พี่อ่ะ พี่ว่าพี่จะขับรถไปส่งกี้ที่บ้าน เมื่อเช้าพี่เหนื่อยพี่ก็เลยให้น้าชัยมาส่ง”
แล้วพี่เนยก็ขับรถเองอย่างนี้นี่นะ”
ใช่..จริงๆพี่ก็ขับมาโรงเรียนประจำอยู่แล้วยกเว้นวันไหนที่พี่เหนื่อยหรือขี้เกียจขับพี่ก็จะให้คนที่บ้านมาส่ง”
ฉันส่ายหน้าให้พี่เนย เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าคนตรงหน้าจะพูดเรื่องนี้ออกมาแบบไม่รู้สึกผิดแปลกอะไร
แล้วยังมาจอดอยู่ที่จอดรถอาจารย์ด้วยนี่นะ อาจารย์ไม่ว่าเหรอ”
ไม่นี่ พ่อพี่ก็เสียค่าบำรุงให้อยู่ ปีก่อนก็บริจาคเงินให้โรงเรียนทำที่จอดรถนะ พ่อบอกว่ารถตั้งแพงจะเอาไปจอดไหน ก็ต้องทำที่จอดรถดีๆเอาไว้ให้จอดสิ”
ฮึยย... นั่นมันไม่ใช่ประเด็นนะพี่เนย..พี่เนยอายุเท่าไหร่นี่ มีใบขับขี่แล้วเหรอทำไมกล้าขับรถแบบนี้มาโรงเรียนแถมไม่มีใครว่าอีก เป็นอะไรกันไปหมดแล้วนี่” ฉันบ่นร่ายยาวให้พี่เนยจนพี่เนยต้องเดินมาจับแขนฉันแล้วทำปากจุ๊ๆ
กี้จะเสียงดังทำไม ไม่อายคนเหรอยิ่งบ่นคนเค้าก็ยิ่งมองนะ เฉยๆไปมันก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องยุ่งยากอะไรเลย รีบขึ้นรถเถอะนะพี่จะได้รีบไปส่งกี้กลับบ้านไง”
ฉันทำคิ้วขมวด นึกคำสบถขึ้นมาในใจแต่ก็ต้องหยุดกึ๊กเมื่อนึกถึงเรื่องที่พึ่งไปเห็นมามาเมื่อครู่นี้
อึ๊ก..ถ้าฉันเผลอด่าเธอไปแล้วเธอโมโหขึ้นมา ฉันจะไม่เจอเหมือนนักเรียนหญิงคนนั้นเหรอนี่
แค่คิดฉันก็เปลี่ยนท่าที กลายเป็นนิ่งอึ้งไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าพี่เนยกลายเป็นต้องหลบตาเจ้าหล่อนก่อนจะรีบเดินขึ้นไปนั่งในรถอย่างที่เจ้าหล่อนบอกไว้เมื่อกี้และนั่งเงียบจนถึงตอนนี้

ระหว่างที่เริ่มหงุดหงิดให้พี่เนยที่เธอเอาแต่ลูบๆคลำๆฉันอยู่นั้น ก็มีอาจารย์คนนึงเดินตรงมาที่รถของพี่เนย ด้วยความกลัวและอายของฉัน ฉันจึงรีบปัดมือของพี่เนยออกจากหน้าตักของตัวเองแล้วรีบบอกให้พี่เนยออกรถไปสักที
พี่เนยรับคำและรีบขับออกไปตามทางทันที
ระหว่างทางที่พี่เนยขับรถพากลับบ้าน เธอก็พยายามชวนฉันคุยไปเรื่อยๆ แต่ก็เหมือนเดิมคือฉันนั่งเงียบและไม่ยอมคุยกับเจ้าหล่อนเสียที
หล่อนคงทนอาการเฉยชาของฉันไม่ได้ จึงตัดสินใจหยุดรถอยู่ข้างทางระหว่างทางที่กลับบ้าน
กี้ มีอะไรอยากถามพี่หรือเปล่า ถามพี่ได้นะ พี่ตอบกี้ได้ทุกอย่างนะ อย่าเงียบอย่างนี้ได้มั้ยพี่ใจคอไม่ดีจริงๆ”
ฉันนิ่งเงียบแม้ในหัวมีคำถามมากมายแต่ใจของฉันกลับสั่งให้ฉันนิ่งซะเงียบซะจะได้ไม่มีปัญหาอะไรกับเธอในตอนนี้
ถ้าฉันยังอยากมีชีวิตรอดกลับบ้านไปอยู่...
ฉันหันไปเหล่ตามองเจ้าหล่อนนิดนึงก่อนจะทำหน้าบึ้งแล้วก้มหน้าไม่ยอมพูดกับเจ้าหล่อนเหมือนเดิม
เฮ้ กี้อย่าเงียบอย่างนี้สิ” พอเห็นท่าทางอาการอย่างนั้นของฉันหล่อนก็รุกรี้รุกรนทนไม่ได้ รีบจับไม้จับมือของฉันเข้าไปแนบกับแก้มของตัวเองพร้อมๆกับทำสายตาอ้อนๆและน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนเธอเสียใจที่เห็นท่าทีเฉยชาแบบนั้นของฉัน
กี้... กี้จะทำอะไร พี่ยอมให้กี้ได้หมดทุกอย่างนะ แต่อย่าเงียบอย่าเฉยชาแบบนี้สิ พี่เดาใจกี้ไม่ถูกอะ อย่างน้อยๆทำอะไรมาสักอย่างพอให้พี่ได้รู้ความรู้สึกของกี้บ้างได้มั้ย”
ฉันนิ่ง พร้อมๆกับความคิดบางอย่างตั้งแต่ได้ยินประโยคที่เธอบอก ... กี้จะทำอะไร พี่ยอมให้กี้ได้หมดทุกอย่างนะ...
พี่เนยยังทำหน้าออดอ้อนโดยที่มือข้างนึงของเธอจับมือของฉันมาแนบไว้ที่แก้มประหนึ่งแมวเหมียวที่ต้องการให้เจ้าของออดอ้อนเอาใจและสงสารเธอ...
ทำอะไรก็ได้ใช่มั้ย..งั้น..” เสียงฉันถามพี่เนยออกไปเบาๆ
!!!เพี๊ยะ!!! ????

ยังไม่ทันที่พี่เนยจะตอบรับฉัน.. มือข้างที่แนบอยู่กับแก้มก็เงื้อมออกมาตบไปที่หน้าเจ้าหล่อนซะเสียงดังพร้อมๆกับความมึนงงของพี่เนย และ...ความกลัวของฉัน
โอ้ย..กี้...แล้วแกไปตบหน้าเค้าทำไมนี่แก โอ้ยๆๆๆ ฉันคิดอะไรนี่ แล้วมือฉันก็ดันไปไวกว่าความคิดยับยั้งชั่งใจของฉันในตอนนี้เสียอีก โดนแน่ๆเลยฉัน..
พี่เนยอ้าปากค้าง ตาโต เธออึ้งและเงียบ..
เธอต้องตั้งสติอยู่นานกว่าจะหันกลับมาจ้องถมึงที่ฉัน
และทันทีที่เห็นสายตาจ้องถมึงตึงตังของเจ้าหล่อนฉันก็หลับตาปี๋ เอามือป้องหน้าตัวเองทันที

อึ๋ยย... ตายแล้วฉัน.. เอาสิ..ตบมาตบคืนจริงๆด้วย...บอกเองไม่ใช่เหรอว่าทำอะไรก็ได้อ่ะ..

พี่เนยจับแขนของฉันออก แล้วดึงตัวฉันเข้ามาใกล้ๆ
กี้โกรธให้พี่จริงๆด้วยอ่ะ พี่ทำอะไรผิดอะกี้ตบพี่แรงแบบนี้แสดงว่าโกรธมากเลยใช่มั้ย บอกพี่มานะเรื่องอะไรที่ทำให้กี้โกรธขนาดนี้ ถ้าพี่แก้ไขได้ปรับปรุงตัวได้พี่จะทำให้กี้”
ฉันอึ้งอ้าปากค้าง
เอ้า..กลายเป็นว่าหล่อนไม่โกรธให้ฉันซะนี่
ไม่จริงใช่มั้ย งั้น...
!!!เพี๊ยะ!!! ????
เสียงตบครั้งที่สองดังขึ้นหลังจากที่พี่เนยพยายามถามถึงเหตุผลที่ฉันโกรธ แต่ครั้งนี้ดูจะเสียงดังฟังชัดกว่าครั้งแรกมากจนใบหน้าของหล่อนหันตามแรงเหวี่ยงของฝ่ามือฉันทันที ตอนนี้พี่เนยหันมามองหน้าฉันด้วยใบหน้าที่ตกใจพร้อมๆกับน้ำตาที่ค่อยๆคลอออกมาจากนัยต์ตาทั้งสองข้างของเธอ
กี้ตบพี่ทำไม พี่ทำอะไรให้กี้ไม่พอใจอย่างนั้นเหรอ แล้วถ้าตบพี่แรงอย่างนี้แล้วกี้จะหายโกรธพี่มั้ยอะ” สิ้นคำถามของเธอเสียงสะอึกสะอื้นของเธอก็ดังแทรกขึ้นมา
ตบพี่แรงอย่างนี้ พี่เจ็บนะ..กี้” เธอก้มหน้าร้องไห้มือของเธอก็จับไปที่แก้มซ้ายของเธอที่โดนฉันตบไปสองครั้งซ้อนๆกัน
ฉันอึ้งทันทีที่เห็นพี่เนยก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างนั้น ในใจก็เริ่มรู้สึกผิดไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าทำร้ายผู้หญิงที่เค้าพยายามเอาอกเอาใจตัวเองขนาดนี้ได้ เมื่อทนต่อสำนึกผิดชอบชั่วดีไม่ได้ฉันได้แต่โถมตัวเข้าไปกอดปลอบประโลมพี่เนย มือข้างหนึ่งของฉันกอดประครองพี่เนยไว้อีกข้างหนึ่งก็ลูบวนไปที่หัวของเธอ
พี่เนย กี้ขอโทษนะ กี้ไม่ได้ตั้งใจ กี้แค่อยากรู้ว่าถ้ากี้ตบพี่เนยอย่างนี้พี่เนยจะทำอะไรกี้เหมือนพวกนั้นมั้ย”
พี่เนยก้มลงซบหน้าอกฉันเธอสะอื้นร้องไห้ครู่หนึ่งแล้วก็ยกตัวขึ้นมามองหน้าฉัน
พี่จะทำอะไรกี้ทำไมล่ะ ก็กี้เป็นคนที่พี่รัก ถึงกี้จะทำอะไรไม่ดีกับกี้ยังไงพี่ก็ยอมกี้เหมือนเดิม”
แล้วไปตบไปตีกับคนพวกนั้นทำไม ทำเค้าอย่างนั้นไม่คิดว่าเค้าเจ็บเหรอ ทีตัวเองโดนกี้ตบไม่แรงเท่าที่พี่เนยตบเค้าด้วยยังเจ็บร้องห่มร้องไห้อย่างนี้ ไม่คิดว่าคนอื่นเค้าจะเป็นเหมือนตัวเองบ้างเหรอ” ฉันทั้งพูดทั้งมองตาพี่เนยตอนนี้หยดน้ำตายังติดอยู่ที่ปลายขนตางอนของหล่อนอยู่ พี่เนยนิ่งเงียบทำท่าเหมือนกำลังคิดตามเรื่องที่ฉันกำลังสอนเธอยู่ตอนนี้
ใช้กำลังแก้ปัญหามันดีตรงไหน เห็นกี้เมื่อกี้มั้ย พี่เนยหงุดหงิดมั้ย พี่เนยถามอะไรก็ไม่ยอมพูดเอาแต่เงียบก็ไม่ได้คำตอบแล้วพอกี้ตบพี่เนยก็ยิ่งไม่ได้คำตอบเข้าไปใหญ่ ก็แค่ยอมพูดกันดีๆแต่แรกจะเป็นไรไป”
แต่พวกนั้นมาหาเรื่องพี่ก่อนอ่ะ มันมาแย่งแฟนเพื่อนพี่อ่ะ แล้วมันก็มาท้าทายเพื่อนพี่ว่าถึงจะเป็นเพื่อนกับพี่ก็ไม่กลัวพี่หรอก”พี่เนยรีบแย้งเรื่องฉันบอกเธอทันที
ก็แล้วไง มันก็ไม่ใช่เรื่องของพี่เนยนี่”ฉันก็เถียงคืนไม่น้อยหน้า
ใช่สิทำไมจะไม่ใช่ เพื่อนพวกนี้พี่ก็เที่ยวด้วยกันตลอดอะ วันที่พี่มานอนกับกี้ที่บ้าน พวกนี้ก็ไปหาเรื่องพวกเพื่อนพี่ในผับ มันสาดเหล้าใส่เพื่อนพี่ด้วย มันถือโอกาสตอนพี่ไม่อยู่แกล้งเพื่อนพี่อะ”
ฉันคิ้วขมวดตอนได้ยินพี่เนยพูดเรื่อง “ผับ”
ดะๆ เด๋ว เมื่อกี้พี่เนยพูดว่าอะไรนะ ผับใช่มั้ย นี่ไปเที่ยวผับไปเที่ยวกลางคืนกันด้วยเหรอ”
พี่เนยสะดุ้งทันทีเมื่อเธอรู้ตัวว่าเธอเผลอพูดบางเรื่องที่ฉันจะไม่ชอบออกมาได้ยินเสียแล้ว เธออึกๆอักๆแบ่งรับแบ่งสู้ไม่กล้าตอบคำถามที่ฉันถามเธอเรื่องที่ว่าเธอนั้นไปเที่ยวกลางคืนด้วยเหรอ
ว่าไง ถามทำไมไม่ตอบ” ฉันเร่งให้พี่เนยตอบคำถามนั้นมาแต่ก็เหมือนเดิมคือเธอยิ่งนั่งนิ่งเหมือนเธอกำลังคิดว่าควรจะบอกเรื่องนี้กับฉันดีมั้ย
เที่ยวก็เที่ยวบอกมาดีๆอย่าโกหก สัญญากับกี้แล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่โกหกกี้อีก กี้แค่ถามเฉยๆไม่ได้จะฆ่าจะแกงอะไรสักหน่อย” ฉันยังพยายามหว่านล้อมให้พี่เนยรับสารภาพเรื่องนั้นมา
พี่เนยทำหน้าเศร้าๆให้ฉันก่อนจะพยักหน้าแล้วยอมรับว่า “ใช่.. พี่ไปกับเพื่อนพวกนั้นล่ะ”ฉันคิ้วขมวดเหล่ตามองพี่เนยด้วยสีหน้าไม่พอใจทันที
แต่ถ้ากี้ไม่ชอบ พี่ไม่ไปอีกก็ได้นะ พี่ปรับปรุงตัวเองได้จริงๆ ขอแค่กี้บอกพี่” พี่เนยทำเสียงแข็งขันเหมือนเธอพยายามแสดงให้ฉันดูว่าเธอเห็นความสำคัญของฉันมากเพียงใด
ทำไมต้องรอให้กี้บอกล่ะ จริงๆมันก็เป็นเรื่องของพี่เนยนะ พี่เนยจะเที่ยวจะอะไรมันก็ไม่เกี่ยวกับกี้อยู่แล้ว ถ้าไม่รักตัวเองจนถึงขนาดต้องรอให้คนอื่นขอให้รักตัวเองอย่างนี้ กี้ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วล่ะ แล้วแต่พี่เนยเหอะ”
กี้อ่ะ..” พี่เนยทำเสียงเศร้าๆให้ฉันนิดนึงเมื่อเธอเห็นว่าฉันไม่ได้สนใจเธอเลย

ก็ใช่.. ที่ฉันถามก็เพราะว่าฉันแค่อยากรู้ ไม่ได้แปลว่าฉันสนใจอะไรเธอ เพียงแค่ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้คนที่ฉันเผลอมีอะไรด้วยเค้าเป็นคนยังไง ใช้ชีวิตอย่างไร ทำอะไรบ้างในวันๆนึง
แล้วตอนนี้สิ่งที่ฉันได้เจอในตัวของผู้หญิงคนนี้แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องที่น่าตกใจชวนสะพรึงจริงๆ
ฉันหันไปมองพี่เนยทำหน้าเศร้าๆเม้มปากมองฉันทำยังกับว่าเธอกำลังจะร้องไห้เพราะน้อยใจที่เห็นว่าฉันไม่ได้สนใจอะไรเธอเลย
หยุดร้องเลย กี้พูดความจริงพี่เนยโตแล้วคิดเองได้แล้วนี่” ฉันพูดพลางยื่นมือไปลูบแก้มปลอบใจคนขี้น้อยใจตรงหน้านี้ ตอนนี้แก้มของพี่เนยแดงเป็นรอยฝ่ามือชัดขึ้นกว่าเมื่อกี้มาก
ตายแล้ว แก้มพี่เนยโคตรแดงเลย” ฉันตกใจลืมตัวอุทานออกมาทันที
เหรอ จริงดิ” พี่เนยก็ตกใจทำท่ายกตัวขึ้นส่องกระจกมองหลังรถแต่เหมือนเธอมองมันไม่ถนัด เธอเลยผละตัวออกมาจากหน้ากระจกแล้วก้มลงมาที่คอนโซลลิ้นชักรถฝั่งที่ฉันนั่ง เธอเปิดลิ้นชักรถออกมาค้นๆของที่คงจะเป็นกระจกของเธอ แล้วทันทีที่ลิ้นชักรถเปิดออกฉันก็เหลือบไปเห็นของที่อยู่ในลิ้นชักรถนั้น
มันเป็นของชิ้นเล็กวางอัดๆปนกันไปหมด ของที่ฉันเห็นก็จะมี ซองใส่เอกสาร กล่องแว่นตาหลายๆกล่อง ตลับแป้งพับ เครื่องสำอาง ขวดโลชั่น ซองทิชชู และ...

ซองบุหรี่???!!

ฉันอึ้งทันทีที่เห็นบุหรี่อยู่ในลิ้นชักนั้น และเหมือนพี่เนยจะเห็นมันเหมือนกันเธอจึงรีบปิดลิ้นชักทันทีที่เริ่มคิดได้
แต่มือพี่เนยก็ไม่ไวเท่าฉัน ฉันรีบยื่นมือมาดันลิ้นชักกันพี่เนยปิดไว้ แล้วรีบล้วงเอาซองบุหรี่ซองนั้นขึ้นมาสำรวจดู
เป็นซองบุหรียี่ห้อของต่างประเทศ มันโดนดึงออกมาน่าจะไม่กี่มวน ฉันเห็นมวนที่ยื่นๆออกมาพ้นห่อมีรอยลิปสติกติดอยู่ด้วย เหมือนมีผู้หญิงพยายามใช้ปากคีบมันขึ้นมาสูบแต่โดนหยุดเอาไว้เสียก่อน
ฉันยกซองบุหรี่ขึ้นมาโชว์ต่อหน้าพี่เนยที่เริ่มหน้าเสีย และมีสีหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
นี่บุหรี่ใคร” ฉันพยามตั้งสติถามคำถามกับพี่เนยอย่างชัดถ้อยชัดคำที่สุด
พี่เนยอึกๆอักๆ “เอ่อ..ของ..พ่อพี่อ่ะ พ่อพี่คงลืมไว้”
แต่นี้รอยลิปสติกผู้หญิงนะ” ฉันยื่นปลายซองที่เปิดออกให้พี่เนยดูพร้อมๆกับจ้องเขม็งไปที่เจ้าหล่อน “เอาดีๆพี่เนยพูดดีๆอย่าโกหก ถ้าจะคบกับกี้ กี้ไม่ขออะไรมากอย่าโกหกกี้ก็พอ สูบก็บอกว่าสูบ บุหรี่ตัวเองก็บอกว่าบุหรี่ตัวเอง อย่าให้กี้รู้ทีหลังเหมือนเรื่องนั้นอีก” ฉันทำเสียงจริงจังพูดข่มขู่พี่เนย
พี่เนยหน้าหงอยทันที ที่เห็นท่าทีของฉันอย่างนั้น เมื่อหมดทางหนีทีไล่เธอได้แต่ยอมรับอย่างเสียไม่ได้
ก็ได้ๆ..บุหรี่ของพี่เองนี่ล่ะ แต่พี่ไม่ได้สูบมันตลอดนะ พี่สูบแค่เวลาพี่ไปเที่ยว เวลาที่พี่เมาอ่ะพี่ถึงจะสูบมัน”
เมา..” ฉันรีบย้อนคำพี่เนยทันที “..แสดงว่าพี่เนยกินเหล้าด้วย..”ฉันส่ายหน้ามองบนใส่พี่เนยที่ยิ้มเจื่อนๆพยักหน้ารับทันทีที่ได้ยิน

โอ้ย..นี่หรือคือหญิงสาวแสนสวยที่ฉันเผลอมีอะไรกับเค้า และยอมให้เค้าไปไหนมาไหนด้วยในโรงเรียน

วันนี้ฉันพึ่งจะรู้ว่าเธอเป็นทั้งนักเลงโต ชอบมีเรื่องตบตีกับคน ทั้งเที่ยว ทั้งกินเหล้า และสูบบุหรี่
เหลือเชื่อเลย..ทำไมพี่เนยทำตัวไม่เข้ากับหน้าตาของเธอเลยนะ..ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งอึ้ง ได้แต่คิ้วขมวดจ้องมองยิ้มสาวที่ส่งยิ้มเจื่อนๆมาให้ฉันครั้งแล้วครั้งเล่า

มีอะไรอีกมั้ยนี่ที่กี้ยังไม่รู้เกี่ยวกับพี่เนย ช่วยบอกเรื่องของพี่เนยให้กี้รู้บ้างได้มั้ย กี้ไม่ชอบเลยนะต้องมารู้ทีหลัง” ฉันทำหน้าเซ็งๆถามพี่เนย
พี่เนยยิ้มน้อยคืนมาให้ฉัน “ไม่มีแล้วแหละ มีเท่านี้ล่ะ”
จริงๆอ่ะ..” ฉันถามย้อนทันที "ใช่" พี่เนยทำเสียงเบาๆลงแล้วหลบตาฉัน แล้วบอกมาด้วยเสียงอ่อยๆ“ที่นึกได้ก็มีแค่นี้ล่ะ..”
.. โธ่..คงไม่ใช่ว่านึกได้หรอกมั้ง โดนฉันจับได้มากกว่า ฉันมองบนใส่พี่เนยอีกรอบแต่ตอนนี้เธอยังโดนฉันจิกด้วยสายตาค้อนๆคืนๆให้อีก
รีบๆไปส่งกี้กลับบ้านเถอะถ้างั้น กี้จะได้ไม่เจอเรื่องราวอะไรที่พี่เนยนึกไม่ออกอีก” ฉันได้ทีรีบแขวะ
ค่ะ ได้ค่ะ” พี่เนยรับคำเธอส่งยิ้มหวานๆเจื่อนๆให้ฉันอีกครั้งก่อนจะหันไปบังคับรถคันงามให้เคลื่อนตัวออกไปส่งฉันที่บ้านตามที่ฉันสั่งเธอ
ค่ำวันนั้นหลังจากที่ฉันทำงานบ้านช่วยพ่อแม่เก็บกวาดล้างจานและปิดบ้านตามกิจวัตรประจำวันของฉันแล้ว ฉันก็รีบเดินขึ้นห้องทันทีเพราะฉันนึกขึ้นได้ว่า ฉันลืมเปิดโทรศัพท์เครื่องที่พี่เนยให้ฉันเอาไว้ใช้ที่ฉันปิดไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าก่อนเข้าเรียน
ฉันนึกถึงหน้าของพี่เนยตอนที่เธอขับรถไปจอดส่งฉันที่หน้าบ้านร้างตรงที่ฉันเคยขอให้พี่เนยไปส่งตรงนั้น
ประมาณกี้ปิดร้านเสร็จ พี่จะโทรหากี้นะ” พี่เนยยิ้มหวานมือก็เอื้อมมากุมมือของฉันเอาไว้
รู้เวลากี้ปิดร้านเหรอ” ฉันทำหน้างงถามพี่เนยกลับคืนไป
รู้สิ ก็พี่แอบมาดูกี้ทุกวัน กี้ปิดบ้านเป็นเวลา ประมาณ3ทุ่มกว่าๆพี่ก็เห็นไฟที่ห้องกี้เปิดขึ้นแล้ว”
โรคจิตอ่ะ พี่เนยตามกี้ยังนี้ตลอดเวลาไม่มีอะไรทำเหรอ” ฉันคิ้วขมวดต่อว่าเรื่องที่พึ่งรู้ตัวว่าโดนพี่เนยแอบดูฉันอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา
ไม่อ่ะ พี่ก็ออกมาขับรถเล่นก็แค่ขับแวะมาดูกี้เท่านั้นเอง เข้าใจมั้ยคำว่าแค่เห็นหลังคาบ้านก็มีความสุขแล้ว”
ฉันอึ้งหยุดกึ๊กฟังคำหวานที่เจ้าหล่อนพูดออกมาแล้วรู้สึกประหลาดๆอย่างไรไม่รู้ แต่ก็ไม่อยากเสวนากับเจ้าหล่อนให้นานกว่านี้ ด้วยกลัวว่าคนแถวนี้จะเห็นพิรุธของรถคันงามที่จอดอยู่ตรงนี้นานไม่ไปไหนเสียที เลยขอตัวกลับออกจากเจ้าหล่อนตอนนั้น....
ซึ่งตอนนี้หลังจากที่ฉันเปิดเครื่องโทรศัพท์ขึ้นมาได้ ระบบก็ส่งเมสเสจมาทันทีว่า เบอร์ของพี่เนยโทรหาฉันเกือบๆ60ครั้ง
และแค่ฉันกำลังอ่านแมสเสจโดยไม่ทันจบดี เสียงโทรศัพท์จากพี่เนยก็ดังขึ้น พอฉันกดรับปลายสายก็ทำเสียงน้อยใจต่อว่าต่อขานฉันที่ปิดเครื่องและไม่ยอมรับสายโทรศัพท์เธอเลย
กี้ลืมเปิดเครื่องเฉยๆไม่ได้ตั้งใจจะไม่รับ ถ้ากี้จะไม่อยากรับจริงๆอ่ะ จนถึงพรุ่งนี้เช้าพี่เนยก็ไม่มีปัญญาโทรหากี้ได้หรอก” ฉันพยายามอธิบายให้ปลายสายเข้าใจ
รู้มัยว่าคิดถึงกี้มากขนาดไหน แค่กี้ไม่รับโทรศัพท์พี่แค่นี้พี่ก็คิดมากแล้ว” เสียงพี่เนยยังต่อว่าต่อขานฉันด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนจะน้อยใจ ฉันได้ส่งเสียง “อืมๆ” ปลอบใจเจ้าหล่อนไปทุกๆครั้งที่หล่อนพูดนั่นพูดนี่มา
จนกระทั่ง
“..พี่คิดถึงพี่จริงๆนะ ให้พี่ไปนอนกับกี้ได้มั้ยคืนนี้”
มาทำไม พรุ่งนี้ก็เจอกันแล้ว ถ้าจะมาเรื่องอย่างว่า ไม่ต้องมาเลยนะ กี้จะไม่ทำอย่างนั้นกับพี่เนยอีกแล้ว” ฉันห้ามพี่เนยพร้อมบอกให้เธอรู้ถึงสิ่งที่ฉันตั้งใจไว้ว่า ฉันจะไม่พยายามทำอย่างนั้นกับเธออีก
ไม่ได้ไปอย่างนั้น พี่ก็ไม่ได้อยากจะทำอย่างนั้นกับกี้นะ จริงๆนะ พี่คิดถึงกี้จริงๆ พี่ขอแค่ได้เห็นหน้ากี้ก็พอนะ อยู่ไม่ดึกหรอกเด๋วพี่จะกลับ พี่เหงาจริงๆ แล้วพี่ก็จะเอาลูกโป่งไปให้กี้ด้วยไง” พี่เนยพยายามหว่านล้อมทำน้ำเสียงน่าสงสารประหนึ่งคนเหงาที่ต้องการความรักความเอาใจใส่จากคนรักของเธอ
ถ้าอย่างนั้นสัญญามั้ยล่ะ ว่าจะไม่ทำอย่างนั้นกับกี้อีก” ฉันถามพี่เนย
สัญญา สัญญาลูกผู้หญิงเลยอ่ะ” พี่เนยทำเสียงแข็งขันตกปากรับคำฉันซะยกใหญ่ จนฉันยังแอบขันที่ได้ฟังน้ำเสียงนั้นของเธอ
ก็ได้ จำไว้เลยนะ ให้มานอนเฉยๆถึงเวลาก็รีบกลับด้วย” ในที่สุดฉันก็ใจอ่อนตกปากรับคำพี่เนยจนได้
..ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะว่าฉันสงสารเจ้าหล่อนจริงๆ หรือเป็นเพราะว่าฉันเผลอคิดถึงใบหน้าอ้อนๆของเจ้าหล่อนตอนที่เผลอหันไปมองที่เตียงนอนของฉันเข้า ภาพของพี่เนยในคืนนั้นอยู่ๆก็ผุดขึ้นมาในหัวของฉันจนฉันเริ่มรู้สึกใจสั่นแปลกๆในตอนนี้....

เสียงโทรศัพท์ของพีเนยดังขึ้นตอนประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆซึ่งเป็นเวลาที่ฉันได้นัดแนะกับเจ้าหล่อนเอาไว้ เพราะเวลานี้พ่อกับแม่จะขึ้นห้องนอนแล้ว บางคืนพ่อกับแม่ก็จะหลับเลยแต่บางคืนก็จะนั่งเขียนบัญชีรายรับรายจ่ายกันอยู่อีกประมาณเกือบๆครึ่งชั่วโมง แต่พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ออกจากห้องไปไหนเลยหากได้เข้าห้องแล้ว
เวลานี้ด้านล่างบ้านจนถึงบันไดชั้นสองชั้นสามก็จะเงียบและมืดสนิทมองไม่เห็นอะไรแล้ว ฉันคิดว่านี่คงเป็นโอกาสดีหากฉันจะแอบเอาพี่เนยเข้ามาในบ้านตอนนี้
เมื่อฉันกดรับโทรศัพท์เจ้าหล่อนที่โทรมาบอกว่าเธอรออยู่ด้านล่างบ้านแล้ว ฉันก็ค่อยๆเปิดประตูห้องด้วยเสียงที่เบาที่สุดก่อนจะค่อยๆย่องเดินลงไปจนถึงประตูเหล็กหลังบ้านและเปิดมันออกไปรับเอาหญิงสาวร่างบางสะโอดสะองที่ยืนท้าทายแสงจันทร์ในความมืดอย่างนี้
แสงจันทร์นวลสาดกระทบกับตัวของพี่เนย ทำให้ฉันมองเห็นคร่าวๆว่าพี่เนยนั้น แอบนุ่งสั้นห่มน้อยมาอีกแล้ว ยังดีที่เธอมีเสื้อคลุมด้านนอกสวมทับมาบังไว้อีกอยู่
เธอยืนนิ่งรอให้ฉันเรียกเข้าบ้านพร้อมๆกับช่อลูกโป่งช่อนั้น
ฉันเรียกให้พี่เนยเข้ามาพร้อมๆกับสั่งให้เจ้าหล่อนทำตัวให้เบาที่สุดทันทีที่ย่างเข้ามาในบ้าน เธอค่อยๆเดินด้วยเสียงเบาที่สุดของเธอ
ฉันได้ยินเสียงแก๊กๆดังมา คงจะเป็นรองเท้าของเธอที่สวมอยู่ แต่มันก็ดังไม่มากหรอก เธอก็คงพยายามทำตัวให้เงียบที่สุดเช่นเดียวกัน
เมื่อถึงห้องของฉันพี่เนยก็ค่อยๆเดินท่องน่องไปนั่งที่เตียง เธอค่อยๆถอดเสื้อคลุมด้านนอกของเธอออกออกเผยให้เห็นเดรสสั้นเกาะอกสีดำที่เธอใส่มาในวันนี้

ทันทีเห็นพี่เนยในชุดนี้ความรู้สึกอึ้งตะลึงงันประหลาดๆก็ก่อตัวขึ้นกับฉันอีกแล้ว
คล้ายๆกับมีอะไรบางอย่างกำลังกระซิบบอกให้ฉันรู้ว่า ผู้หญิงคนที่อยู่ต่อหน้าตอนนี้สวยมาก ทั้งหน้าตา ผมเผ้า รูปร่างทุกอย่างมันดูเพอร์เฟรคไปหมด
ยิ่งอยู่ในชุดเดรสสีดำมันเงาที่มีแสงไฟในห้องตกกระทบอยู่นี้ ยิ่งขลับผิวขาวๆเนียนๆของเธอให้เปล่งประกายมองดูมีแสงออร่าแปลกๆออกมาจากตัวเธอตลอดเวลา
ฉันยืนมองดูพี่เนยที่นั่งอยู่ปลายเตียงค่อยๆโน้มแขนยาวๆของเธอลงมาถอดรองเท้าที่เธอใส่เข้ามาไว้ในห้องด้วย ซึ่งมันอาจจะไม่มีอะไรที่ผิดปกติถ้าฉันไม่เผลอไปมองร่องเนินเนื้อที่โผล่ออกมาจากเดรสเกาะอกของเธอตอนที่เธอกำลังก้มๆเงยๆนั่น
แล้วแค่ฉันเห็นแค่นั้น ความรู้สึกแห้งในคอก็เกิดขึ้นจนฉันต้องกลืนน้ำลายตัวเองดัง อึ๊ก ขึ้นทันที
พี่เนยชำเรืองสายตามาเห็นฉันยืนอึ้งมองดูเธอกำลังก้มลง เหมือนเธอจะรู้ตัวว่าโดนฉันแอบมองเนินเนื้อนั้นของเธอ เธอจึงแกล้งรวบปลายผมปัดไปอีกทางเพื่อเปิดทางในฉันมองเห็นต้นคองามๆลงมาจนถึงเนินเนื้อนั้นอีก ก่อนจะแกล้งทำเป็นเอามือมาปิดเนินหน้าอกไว้แล้วหันหน้ามาทางฉัน
“..มองอะไร..”เสียงพี่เนยถามอายๆ
ไม่ได้มอง” ฉันเฉไฉแกล้งทำเป็นไม่สนใจ
จริงสิ พี่คิดไปเองเหรอนี่ ก็ว่าอยู่กี้คงจะไม่สนใจอะไรในตัวพี่หรอก” พี่เนยพูดพลางแกล้งรวบผมของเธอไปอีกทางเพื่อเปิดให้ฉันเห็นเนินหน้าอกของเธอชัดๆอีก
เธอกัดริมฝีปากล่างตัวเอง ก่อนจะทำเป็นหัวเราะแล้วยื่นหน้าสวยๆเข้ามาทางฉัน
คงจะว่าพี่ที่ใส่รองเท้าเข้ามาถึงในห้องล่ะสิ จ้องขนาดนั้น ขอโทษด้วยนะพี่ลืมถอดออก”
พี่เนยทั้งพูดทั้งยิ้ม ดวงตาของเธอเปล่งประกายฉายแววประหลาดๆจากในนั้นออกมา

...แค่มองฉันก็รู้สึกทันทีว่าเธอกำลัง “อ่อย”ฉัน

ฉันเดินเข้าไปใกล้ๆหล่อน ยืนกอดอกคิ้วขมวดจ้องมองไปที่เจ้าของสายตายั่วยวนคู่นั้น
จะเก๊กสวยทำไมนี่ อยู่ในห้องกับกี้แค่สองคน”
พี่เนยหลุดหัวเราะออกมาตอนได้ยินฉันบ่นให้
พี่ไม่ได้เก๊ก พี่อยู่เฉยๆนะนี่”
ไมได้เก๊กยังไง ทำหน้าอย่างนี้ใส่กี้ คิดว่าสวยเหรอ ชอบอ่อยใช่มั้ย”
อ้าว ก็บอกว่าไม่ได้เก๊ก ไม่ได้อ่อย กี้นั่นล่ะมองพี่ยังไงถึงรู้สึกว่าพี่เก๊กสวย แค่พี่อยู่เฉยๆอย่างนี้ยังหาว่าพี่อ่อยอีก อ่อยตรงไหนล่ะ
พี่เนยพูดไปพลางทำหน้าทำตาขำๆ ก่อนจะลงท้ายด้วยคำถามว่า “อ่อยตรงไหน” พร้อมท่าทาง “กัดริมฝีปากล่างของเธอ” อีกครั้ง แล้วโอนตัวมาใกล้ๆพร้อมๆกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาที่ฉันเหมือนเดิม

นี่ล่ะ..ที่เค้าเรียกว่าอ่อย...จงใจยั่วคน..พี่เนยนี่ มารยาสาไถจริงๆเลย

ฉันแกล้งยื่นมือสองข้างไปดึงแก้มพี่เนยให้ยืดออก แล้วปล่อยคืนพร้อมๆกับเสียงร้องโอยของคนโดนดึงแก้ม
โอ้ย ทำอะไรอ่ะ”
หมั่นไส้ ..ไม่ชอบมองหน้าคนชอบอ่อย”
ฮืม ก็เลยแกล้งพี่อย่างนี้นี่นะ”
ใช่” ฉันพูดพลางมองหน้าคนตรงหน้าที่เลิ่กคิ้วทำหน้าขำๆ แต่ก็ยังไม่วายทำหน้าสวยๆของเธออยู่เหมือนเดิม

เชอะ..ยิ่งมองก็ยิ่งหมั่นไส้ นี่ตกลงเธอชอบทำหน้าอย่างนี้จริงๆหรือว่าเธอเป็นของเธออย่างนี้เองอยู่แล้วกันแน่
..ให้ตายเถอะฉันไม่ชอบความรู้สึกตัวเองตอนนี้เลย..ความรู้สึกแปลกๆตอนที่มองหน้าเธอเวลาที่ฉันคิดว่าเธอกำลังอ่อย..ฉัน... มันเป็นความรู้สึกยังไงไม่รู้ ดูใจมันสั่นๆ ดูปากมันร้อนๆ มือไม้ของฉันก็ดูจะอยู่ไม่เป็นสุข ดูมันอยากขยับเขยื่อนเข้าไปหาเจ้าของใบหน้างามๆและร่างบางระหงส์ร่างนี้เสียจริง
ซึ่งพอฉันรู้ตัวอีกที..ฉันก็เผลอดึงร่างพี่เนยขึ้นมากอด แล้วยื่นวงหน้าตัวเองเข้าไปประกบริมฝีปากที่แดงระเรื่อของเจ้าของสายตาที่ทอดผ่านสะพานมายั่วยวนครั้งแล้วครั้งเล่าเข้าจนได้

..ในที่สุดฉันก็ทนไม่ได้..ตกม้าตายเพราะอาการยั่วยวนของพี่เนยในบัดดล
ทั้งๆฉันบอกเค้าไปเองแท้ๆว่าฉันจะไม่มีอะไรกับเธอแล้วนะ ...
เฮ้อ...บ้าชะมัดเลย..
ป่านนี้พี่เนยคงหัวเราะฉันในใจแล้วสินะ
ช่างมันเถอะตอนนี้ฉันไม่สนใจพระอิฐพระปูนที่ไหนแล้ว เพราะแค่ฉันได้ยินเสียงครางครวญของพี่เนยที่อยู่ต่อหน้าตอนที่ฉันใช้ปลายลิ้นค่อยๆเคลื่อนผ่านไปมาในปากของเธอ ความรู้สึกกระหายอยากดื่มกินทุกอย่างในตัวพี่เนยก็คละคลุก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง
แล้วมันก็ดึงฉันเข้าไปสู่ในเกมส์สวาทอย่างที่ผ่านๆมาอีกจนได้
นี่ตกลง..ฉันอยากมีอะไรกับผู้หญิงจริงๆเหรอนี่...