วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559


  Girlfriend

Special Part
Valentine's Day gift
Chapter 2
ฉันยิ้มและหัวเราะหึๆทันทีที่คิดได้ ตาก็จ้องมองไปที่สองคนนั้นด้วยความอารมณ์ดี และเหมือนน้องคนนั้นจะรู้ว่าฉันมองเค้ากับอันเธอเลยสะกิดอันให้หันมาดูฉัน
ยัยอันหันควับมาทางฉันทันทีที่น้องคนนั้นบอก แล้วก็เหมือนสองคนนี้คุยอะไรกันอยู่ครู่นึงน้องคนนั้นก็โบกมือลาอันแล้วเดินไปทางหน้าโรงเรียน เธอคงเตรียมขึ้นรถกลับบ้าน ส่วนยัยอันหันหน้ามามองฉันและเดินดุ่มๆจากรถคันนั้นเข้ามาหาฉันในโรงเรียนทันที
ฉันยิ้มและยักคิ้วไปทางน้องคนนั้นเพื่อแกล้งยั่วยัยอันที่ทำหน้าถมึงทึงเหมือนจะโกรธแหล่ไม่โกรธแหล่อยู่นี่
ยิ้มอะไร แล้วเธอมองพวกฉันทำไม” เป็นยัยอันที่เปิดประเด็นขึ้นมาก่อน
ยิ้มเฉยๆก็มองเฉยๆตามประสาคนรู้จักกัน” ฉันทั้งยิ้มทั้งพูดมองยัยอันที่ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อว่าที่ฉันพูดนั้นเป็นความจริง
ได้แฟนสวยนะคะ..ตาถึงนะนี่” ฉันทำหน้ากรุ้มกริ่มยิ้มเล็กยิ้มน้อยแซวอันที่จ้องเขม็งมองมาที่ฉันใบหน้าหล่อนก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงๆด้วยความอาย ก่อนจะรีบเก๊กหน้าแก้เขินพูดกับฉันด้วยเสียงห้วนๆ
แล้วไง..”อันคิ้วขมวดเหล่ตามองฉัน หน้ายังแดงระเรื่ออยู่เหมือนเดิม
ห้ามแย่งเลยนะคนนี้..อุตสาห์ยกเอื้อยให้แล้วอย่ามายุ่งของฉันอีกนะ” อันทั้งพูดทั้งเขินทำท่าทางชี้หน้าหาเรื่องแก้เขินฉัน
บ้า ใครเค้าจะแย่ง พูดยังกับน้องเค้าจะชอบฉัน ถึงฉันชอบน้องเค้า เค้าก็ไม่ชอบฉันเหมือนเดิมล่ะ แล้วฉันน่ะ ก็โอเคแล้ว มีแฟนแล้ว แฟนหวงด้วย จบป่ะ” ฉันทั้งพูดทั้งหัวเราะ อันยิ้มหน้าแดงทันทีที่ได้ยิน
เออ ก็ดีแล้ว แล้วอยู่ไหนล่ะแฟนเธอวันนี้ยังไม่เห็นหน้าเลย”
เค้าไปประชุมชุมนุมเค้าอยู่ ยังไม่เลิก แต่เดี๋ยวก็คงมาแล้วล่ะ” ฉันพูดไปก้มมองดูนาฬิกาไป
อ๋อ..”อันพยักหน้าขานรับทันที แล้วเหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้
เออ..อย่าลืมเตรียมของขวัญให้แฟนเธอด้วยล่ะ รู้เปล่าว่าแฟนเธอน่ะเค้าเห่อมากเลยนะทำยังกับวาเลนไทน์ปีนี้มันพิเศษกว่าปีอื่นๆมากๆ อันพูดไปยิ้มไปท่าทางมีเลสนัยเหมือนกับเธอรู้อะไรบางอย่าง “..พูดกรอกหูฉันทุกวันเลยอะไรก็ไม่รู้โทรมาหาเพื่อนทีไรคุยแต่เรื่องแฟนตลอดนี่ก็ ขอเมาส์นิดนึงเหอะแฟนเธออ่ะ..”อันทำท่าเหมือนจะกระซิบกระซาบคุยเรื่องเอื้อยกับฉัน
เหรอ...”

เสียงลากยาวๆคุ้นๆแทรกมาตรงกลางระหว่างฉันกับอัน เล่นเอาซะอันกับฉันสะดุ้งพร้อมๆกันทันทีที่ได้ยินเลยทีเดียว
นินทาอะไรเค้ากันไม่ทราบ..” เอื้อยทำเสียงงอน มองค้อนสลับไปมาที่ฉันทีอันที
เปล้า..”อันทำเสียงสูงปฏิเสธ ฟังน้ำเสียงหล่อนก็รู้ว่ามีพิรุธ
เค้าแค่ถามหาเอื้อยอ่ะ วันนี้ยังไม่เห็นหน้าเลยคิดถึ๊งคิดถึง” อันทำเสียงสูงตรงคำว่า คิดถึ๊งคิดถึง ยิ่งฟังยิ่งรู้ว่าประชด
ไม่เชื่อหรอก” เอื้อยเบ้ปากใส่อันแล้วทำตาเล็กตาน้อยมองค้อนอันคืนไปอีกโขนึง
ตั้งแต่มีแฟนนี่..ลืมเพื่อนเลยนะ แต่ก่อนไม่เห็นจะนินทาอย่างนี้เลย รู้อย่างนี้ไม่ติดต่อให้ดีกว่า” เอื้อยทำเป็นงอนพูดทวงถามบุญคุณกับอันเรื่องที่เอื้อยเคยเป็นแม่สื่อให้น้องนิวได้ทำความรู้จักกับอัน...

….ย้อนกับไปเมื่อตอนที่ฉันกับเอื้อยมีปัญหากัน....

ตอนนั้นเอื้อยเปิดตัวว่าคบกับกร อันในตอนนั้นก็รู้สึกเสียใจไม่แพ้ฉันที่อยู่ๆเอื้อยก็ไปคบกับผู้ชายอย่างนั้น เอื้อยบอกว่าตอนนั้นเอื้อยเองก็รู้สึกผิดที่เห็นเพื่อนที่เธอรักต้องมาเสียใจเพราะตัวเธอเป็นต้นเหตุ เธอเลยพยายามหาคนมาดูแลหัวใจของอันให้
ซึ่งก็เหมือนบุญของอันนำพาชะตาฟ้าลิขิต..
ในวันที่เอื้อยนั่งรอกรมารับที่หน้าโรงเรียน เธอได้ยินกลุ่มเด็กสาว3-4คน ซึ่งน่าจะอยู่ประมาณชั้น ม.5นั่งอยู่เยื้องๆม้านั่งถัดไปคุยกันเรื่องของอัน โดยที่พวกเค้าไม่ทันสังเกตุว่าเอื้อยนั่งอยู่ตรงนั้น..เสียงนั้นแว่วๆมาเข้าหูเอื้อยมาว่า..
แย่จัง..วันนี้ยังไม่เห็นพี่อันเลยอ่ะ ตั้งแต่เช้าแล้ว..”
แล้วแค่ได้ยินคำว่า “อัน” แค่นั้น เอื้อยก็หูผึ่งรีบหันไปตามเสียงที่มาทันทีโดยที่ยังไม่รู้ว่า อันที่ว่าหมายถึงใคร แล้วทันทีที่เอื้อยเห็นเจ้าของที่มาของเสียงเอื้อยก็รู้ทันทีว่า เด็กผู้หญิงคนนี้ล่ะที่จะมารักษาแผลใจของอันได้
เจ้าของเสียงเป็นเด็กสาวตัวเล็กๆผอมบางใบหน้าของเธอก็สวยหวานท่าทางจะยิ้มเก่งและร่าเริงอีกด้วยซึ่งเด็กคนนั้นก็คือน้องนิวนี่เอง
ตอนนั้นเธอทั้งพูดทั้งยิ้มใบหน้ามองดูมีความสุขตอนที่พูดถึงคนที่ชื่ออัน ซึ่งแม้เอื้อยจะไม่แน่ใจว่าอันที่น้องคนนั้นกล่าวถึงนั้นใช้อันเพื่อนของเอื้อยหรือเปล่า แต่ลางสังหรณ์ของผู้หญิงที่รักหญิงด้วยกันมันบอกเธอว่า ...อันที่น้องคนนั้นกล่าวถึงก็คือเพื่อนของเธอนั่นล่ะ..
ตอนนั้นในหัวของเอื้อยมีแผนการบางอย่างอยากจะทดสอบปฏิกิริยาของเด็กสาวผู้มีรอยยิ้มสวยหวานสดใสที่เอื้อยเล็งไว้ว่า “อัน” ในหัวข้อสนทนาของเด็กสาวพวกนี้นั้นคือ “อันจอมเก๊ก”เพื่อนเธอหรือเปล่า
เอื้อยรีบหยิบโทรศัพท์ส่งไลน์เรียกอันมาหาหน้าโรงเรียน ซึ่งเป็นไปตามคาดแค่อันได้รับข้อความจากเอื้อยอันก็รีบตรงมาหาเอื้อยที่หน้าโรงเรียนทันที
แล้วทันทีที่อันเดินเข้ามาใกล้กับม้านั่งที่เอื้อยนั่ง เสียงวี๊ดเบาๆของเด็กโต๊ะนั้นก็ดังขึ้น
เอื้อยยิ้มกรุ่มกริ้มแอบหันไปชำเรืองกลุ่มเด็กสาวพวกนั้น ตอนนี้เพื่อนๆของน้องนิวสองสามคนกำลังพยักเพยิดเรียกน้องนิวให้ดูอันที่กำลังทำเป็นเท่ห์เดินมาแถวๆที่พวกเค้านั่ง ซึ่งตอนนี้น้องนิวก็เขินหน้าแดงก้มหลบหน้าอันทันทีที่เค้าเห็นอันเดินมาใกล้ๆ
อันเดินยิ้มตรงมาหาเอื้อยโดยหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วเอื้อยไม่ได้ตั้งใจจะเรียกอันให้มาหาเลย แล้วทันทีที่เด็กสาวพวกนั้นเห็นอันมานั่งอยู่โต๊ะเดียวกันกับเอื้อยพวกกันก็รีบสะกิดน้องนิวแล้วทำท่าซุบซิบเรื่องที่เห็นอันเดินมาหาเอื้อยอย่างนี้โดยที่อันไม่รู้ตัวเลย ตอนนั้นเอื้อยแอบชำเรืองมองไปที่น้องนิว น้องเค้าก็นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจ้องมองมาที่อันประหนึ่งคนกำลังเสียใจที่เห็นอันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คุยกับเอื้อยท่าทางมีความสุข ซึ่งตอนนั้นเอื้อยก็แอบเล่นละครแกล้งดูน้องคนนั้นว่าจะมีท่าทางอย่างไรเมื่อเอื้อยแกล้งเข้าไปนั่งชิดๆและโอบแขนอันอย่างนี้
ซึ่งได้ผลน้องคนนั้นคิ้วขมวดนั่งมองภาพเบื้องหน้าด้วยความเสียใจ เธอคงทนมองดูไม่ได้จึงลุกขึ้นเดินหนีจากโต๊ะนั้นไปยืนอยู่หน้าโรงเรียนเอาดื้อๆ
ตอนนั้นเอื้อยดูออกทันทีว่าน้องคนนี้ชอบอัน และไม่อยากให้อันเสียโอกาสและไม่อยากให้น้องคนนั้นเข้าใจตนเองกับอันผิดๆเอื้อยจึงรีบเปิดประเด็นกับอันทันที

อัน อันว่าน้องคนนั้นสวยมั้ย” เอื้อยพยายามชี้ให้อันมองไปที่น้องนิวที่ตอนนี้ยืนโดดเด่นอยู่หน้าโรงเรียนและหันมาชำเรืองมาอันอยู่เรื่อยๆ
และทันทีที่อันหันไปเห็น อันก็หยุดกึ๊กจ้องมองน้องคนนั้นอยู่นานโขทีเดียวจนเอื้อยต้องเรียกอันให้หันกลับมาคุย และภาพใบหน้าของอันตอนที่หันมานั้นก็คือ ใบหน้ายิ้มแก้มแดงเหมือนคนกำลังตื่นเต้นเมื่อเห็นของสวยๆงามๆอย่างที่ตัวเองชอบ
สวยมั้ย ถามไม่ตอบเอาแต่อึ้งอยู่ได้”เอื้อยยังถามย้ำ
สวยสิ ถามทำไมอ่ะ เอื้อยชอบน้องคนนั้นเหรอ”อันถามเอื้อยด้วยเสียงกังวลด้วยกลัวว่าเอื้อยจะชอบผู้หญิงคนอื่นอีกและกลัวเธอจะเสียใจจากผู้หญิงเหมือนๆกันกับฉัน
บ้า..ไม่ได้ชอบ น้องเค้าคงมีคนที่ชอบอยู่แล้วล่ะ”
ก็คงงั้น ก็สวยน่ารักอย่างนั้นนี่น่า” อันทั้งพูดทั้งแอบหันไปชำเรืองมองที่น้องคนนั้นอีก
ถามอะไรหน่อยดิ ถ้ามีโอกาสได้เจอสิ่งที่ดีในชีวิตแล้ว..อันจะปล่อยให้หลุดมือมั้ย”
อันคิ้วขมวดจ้องมาที่เอื้อยด้วยความสงสัย “หมายความว่าไง”
เอื้อยยิ้มแล้วก้มลงหาลูกอมรูปหัวใจในกระเป๋านักเรียนที่อันมักจะเอามาให้เอื้อยในตอนเช้าก่อนเข้าแถวเสมอยื่นมาให้อันที่ทำหน้างงๆ
ตอนนี้โอกาสมาหาอันแล้วนะ นี่คือหัวใจของอัน เค้ารู้แล้วล่ะว่ามันควรจะอยู่กับใคร นั่งรอเค้าอยู่นี่นะ มีคนอยากคุยด้วย”
เอื้อยยิ้มร่ารีบลุกขึ้นเดินถือลูกอมอันนั้นเดินผ่านกลุ่มนักเรียนหญิงที่แอบดูพวกเค้าสองคนคุยกันจนไปหยุดที่น้องนิว
น้อง เพื่อนพี่ฝากมาให้น่ะ น้องว่างมั้ย..คุยกับเพื่อนพี่ก่อนได้มั้ย” เอื้อยทั้งพูดทั้งยิ้มทั้งหันมามองอันที่ทำหน้าเหวอๆมองเอื้อยส่งลูกอมลูกนั้นให้น้องคนนั้น พร้อมๆกับชี้กลับมาที่อัน
ตอนนั้นน้องนิวก็ทำหน้าเหวอทั้งอายและไม่กล้าเดินไปหาอัน จนเอื้อยนั้นต้องจูงแขนไปหาอันที่ทั้งหน้าแดงและอึ้งกับภาพที่เห็นน้องคนนั้นยิ้มหน้าแดงและนั่งลงคุยด้วยกับอันท่ามกลางเสียงแซวและเสียงปรบมือของเพื่อนๆน้องนิวที่ร้องยินดีกับภาพนั้น
ตอนนั้นแม้อันจะยังงงๆแต่ก็โดนเอื้อยขยิบตาให้ตอบรับในสิ่งที่เอื้อยพูดไปว่า อันอยากคุยอยากรู้จักกับน้องนิวอย่างไร” ซึ่งอันก็เออออห่อหมกไปตามที่เอื้อยพูดด้วยจนกระทั่งสองคนนี้นั่งคุยกันเองเพราะเอื้อยต้องกลับบ้านก่อน
แล้วอีกสองวันต่อมาหลังจากนั้น..
อันก็เปิดตัวว่าคบกับน้องนิวทันที...
ซึ่งในตอนแรกเวลาที่สองคนนี้จะคุยกัน เอื้อยก็มักจะไปเป็นเพื่อนอันที่เก้อเขินไม่กล้าไปหาน้องเค้าคนเดียว แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าสองคนนั้นติดกันยังกับปลาท่องโก๋ ภายในวันนึงจะต้องเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันไม่เช้าก็เที่ยงไม่เที่ยงก็เย็นเสมอ
จนเอื้อยยังแอบงอนว่าอันนั้นลืมเพื่อนที่อันมักจะแวะมาหาบ่อยๆอย่างเอื้อยไปเสียแล้ว
.อย่างเช่นตอนนี้...

...เอื้อยทำตาเล็กตาน้อยมองค้อนอันที่ยิ้มแหยๆคืนกลับมาให้เอื้อยทันทีที่ได้ยินประโยค รู้อย่างนี้ไม่ติดต่อให้ดีกว่า”
โอ้ยขอโทษๆ ไม่ได้นินทาอะไรมากหรอกนะ เค้าแค่พยายามทวงของขวัญกับเจ้ยให้เอื้อยเท่านั้นเอง ใช่มั้ยเจ้ย”
ฉันอมยิ้ม ยักคิ้วคืนให้เอื้อยก่อนจะเอื้อมมือมาดึงแขนเอื้อยให้เข้ามาอยู่ใกล้ๆ
อย่าโกรธเพื่อนเลยนะไม่มีอะไรจริงๆ อันก็แค่เป็นห่วงกลัวว่าเค้าจะไม่สนใจเอื้อยจนลืมของขวัญวาเลนไทน์เฉยๆอ่ะ อย่าคิดมากเลย เด๋วไม่สวยนะ” เอื้อยหันมายิ้มมองหน้าฉันที่พยายามพูดช่วยอันและอ้อนเอื้อยไม่ให้เธอโกรธให้ฉันกับอันเรื่องที่แอบนินทาเธออย่างนี้
แล้วนี่น้องนิวไปไหนแล้วล่ะ ไม่รอกลับบ้านพร้อมอันเหรอ” เมื่อเอื้อยเริ่มหายงอนก็ถามหาบุคคลที่สามที่เอื้อยพูดขึ้นมาก่อนหน้านั้นทันที
อืม วันนี้นิวรอพ่อมารับน่ะ ช่วงนี้บ้านนิวหวงๆลูกสาวยังไงไม่รู้ เค้าไปส่งที่บ้านไม่ได้เลย ต้องแอบมาคุยกันที่โรงเรียนเอา” อันทำหน้าเซ็งนิดนึงตอนเล่าปัญหาที่บ้านของน้องนิวให้ฟัง
อ้าวเหรอ..ไม่เป็นไรอันสู้ๆค่อยๆเป็นค่อยๆไป อุปสรรคมีเยอะเราก็ต้องฝ่าฟันไปให้ได้ ดูตัวอย่างพวกเค้านี่สิ..” เอื้อยยิ้มหวานให้กำลังใจอันพลางดึงฉันเค้าไปกอดเอวใกล้ๆแล้วทำท่าเหมือนจะหอมแก้มต่อหน้าอันและคนอื่นๆในโรงรถอย่างนี้

~~~เอ้ยยยย~~~~

ฉันหน้าเหวอร้องโวยวายรีบก้มหลบจุมพิตนั้นของเอื้อยทันที ตอนนี้ฉันทำเขินทั้งอายใบหน้าก็แดงขึ้นเรื่อยๆๆ จนอันต้องร้องแซวบอกว่าฉันยังไม่ชินอีกเหรอ
ส่วนเอื้อยนั้นหัวเราะคิกๆคักๆแล้วแกล้งเปลี่ยนอารมณ์เป็นหน้าบึ้งงอนว่าฉันรังเกียจและไม่สนใจที่เธออุตสาห์เอาใจอย่างนี้เลย จนฉันต้องได้ง้องอนเอื้อยต่อหน้าอันที่บ่นพึมๆพัมๆว่าอิจฉาพวกเราสองคนเหลือเกิน
ฉันหันไปยิ้มแล้วเอื้อมมือไปจับไหล่อัน “ไม่ต้องอิจฉาหรอก..เส้นทางชีวิตของคนเราไม่เหมือนกันนะ เธอกับแฟนเธอก็โชคดีที่ได้รักกันเลยไม่ต้องรอเวลาอะไรมาก แค่ต้องพยายามเดินทางตามระยะเวลาให้ไกลที่สุดเท่านั่นเอง” ฉันยิ้มไปพูดไปอยากให้กำลังใจอันที่ทำหน้าเหงาๆตอนมองฉันกับเอื้อยหยอกกันอยู่อย่างนี้
คิดถึงก็ค่อยโทรหาเค้าสิ โทรจนโทรศัพท์พังไปเครื่องนึงแล้วไม่ใช่เหรอ” เอื้อยแซว
อันหัวเราะหน้าแดงทันทีที่คิดได้เรื่องที่เอื้อยแซว “อืมเปลี่ยนใหม่แล้วล่ะออกให้น้องเค้าเป็นรุ่นเดียวกันทั้งสองคนเลย”
อึยย น่าอิจฉาน้องนิวจังเลยอ่ะ มีป๋าอันเป็นเจ้าบุญทุ่มอยู่อย่างนี้..” เอื้อยทำเสียงกระแนะกระแหนแซวอัน ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะนึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง
เออ..ได้ข่าวว่าได้เพื่อนๆในห้องโหวตให้ลงประกวดมิสวาเลนไทน์เหรอคะ” เอื้อยยักคิ้วยิ้มกรุ้มกริ่มใส่อันที่หน้าแดงและอายขึ้นทันทีที่โดนล้อเลียนเรื่องนี้

ฉันคิ้วขมวดอ้าปากหวอหันควับไปมองอัน
...ยัยอันนี่นะ ประกวดมิสวาเลนไทน์

โอ้ย เค้าโดนเพื่อนแกล้งอ่ะเอื้อย ก็ทุกปีที่เอื้อยอยู่เอื้อยต้องลงประกวดแต่ปีนี้เอื้อยย้ายห้อง..พวกเพื่อนในห้องมันก็ดันมีความคิดประหลาดๆบ้าๆบอๆอะไรก็ไม่รู้พวกนี้ อยู่ๆก็เสนอชื่อเค้าแล้วก็ดันโหวตให้ทั้งห้องอีก ชอบของแปลกอ่ะพวกนี้..”อันทำพูดด้วยน้ำเสียงต่อว่าเพื่อนๆในห้อง
ก็แหม อันก็สวยเป็นอันดับสองของห้องนี่นา ตอนที่อันไว้ผมยาวอ่ะ อันก็ฮอตจะตายหนุ่มๆตามจีบเพียบเค้าจำได้นะว่า...”ยังไม่ทันที่เอื้อยจะพูดจบอันก็รีบยกมือมาปิดปากเอื้อยทันที
โอ้ย ห้ามพูดเรื่องในอดีตเลยนะ เด๋วคนแถวนี้จะขำเอา” เอื้อยพยายามหลบตัวออกมาจากอันแล้วหัวเราะคิกๆคักๆทันทีที่ได้พูดหยอกอันในเรื่องสมัยก่อน
แล้วห้องหนึ่งใครได้ลงอ่ะ” อันหันมาถามพวกเราบ้าง
ให้ทาย..” เอื้อยยิ้มหวานแทนที่จะตอบกลายเป็นตั้งคำถามใหม่คืนอันไปเสียนั้น
อันคิ้วขมวดมองหน้าฉันสลับกับเอื้อยไปมา ทำหน้าครุ่นคิด
อืม..จริงๆเค้าคิดว่าเป็นเอื้อยนะ แต่เอื้อยคงไม่ยอมเป็นเองหรอกถ้าแฟนตัวเองอยู่ในห้องด้วยกันอย่างนั้น” อันยิ้มกรุ่มกริ้มมาทางเอื้อย “ก็เอื้อยอ่ะออกจะหลงแฟนขนาดนั้นยังไงก็ต้องเป็นป๋าดัน ดันเอาแฟนตัวเองไปประกวดแทนตัวเองอยู่แล้วใช่ป่ะล่ะ” เอื้อยหน้าแดงทันทีที่ได้ยินอันแซว
เพราะฉะนั้นให้ทาย..เจ้ย..เธอใช่มัยที่ได้ลงประกวด” อันชี้นิ้วและทำเสียงซีเรียสตอนที่ทายว่าเป็นฉันประหนึ่งว่าตอนนี้เธอกำลังเล่นบทโคนันยอดนักสืบอยู่
ฉันหัวเราะหึๆยิ้มแหยๆให้อันทันที กลายเป็นเอื้อยที่ตอบรับแทน “ถูกต้องแล้วครับ..”เอื้อยหันมายิ้มเจ้าเล่ห์มองฉันที่เธอเดินเข้ามาโอบไหล่ฉันไว้
ตำแหน่งนี้เค้าเล็งไว้ให้เจ้ยตั้งแต่ต้นปีแล้ว คนที่ทั้งสวยทั้งนิสัยดีและเป็นที่รักของเพื่อนในห้องทุกคนอย่างนี้เหมาะสมแล้วล่ะที่จะได้รับความรักจากเพื่อนๆทั้งห้อง โดยเฉพาะ...เค้า”เอื้อยลากเสียงหวานๆของเธอตอนที่จ้องมองมาที่ฉันด้วยดวงตาหวานละมุน จนบุคคลที่สามต้องร้องแซวขึ้น
โอ้ย เค้ากลับบ้านก่อนนะอย่างนั้น ไม่อยู่แล้ว ไม่รู้จะอยู่ทำไมนี่ เหมือนเป็นอากาศยังไงไม่รู้ อิจฉาๆ ไปแล้ว พวกเธอก็รีบๆไปส่งกันได้แล้ว อย่ามาปล่อยความหวานแถวนี้ให้มากนักคนอื่นเค้าจะหมั่นไส้เอา” อันทั้งพูดทั้งหันหลังเดินกลับไปที่รถของเธอ พร้อมๆกับฉันและเอื้อยที่หยุดมองตากันแล้วชวนกันกลับบ้านเช่นเดียวกัน

วันพฤหัสบดี 12 กพ...

วันนี้ที่หน้าโรงเรียนก็เริ่มมีคนเอาโต๊ะที่มีตะกร้าใส่ดอกกุหลาบมาวางขาย มันทีทั้งตุ๊กตาที่เสียบไม้ลูกโป่งที่ถูกตกแต่งด้วยริบบิ้นสีแดงและสีขาวด้านหน้ามีป้ายข้อความหลากหลายข้อความเช่น LOVE ,MISSYOU ,HAPPY VALENTINE DAY และอื่นๆอีกมากมาย ฉันเห็นเริ่มมีกลุ่มเด็กผู้หญิงกลุ่มใหญ่ๆเริ่มยืนเลือกดอกไม้และช่อตุ๊กตากันบ้างแล้ว
เราสองคนขับรถผ่านโต๊ะขายกุหลาบพวกนั้นเข้ามาในโรงเรียน และทันทีที่จอดรถเสร็จเอื้อยก็รีบกระวีกระวาดตรงไปที่โต๊ะขายกุหลาบโต๊ะนั้นทันที เอื้อยหยิบจับกุหลาบสีขาวขึ้นมาสองสามดอกพลางยื่นมาอวดฉันที่กำลังเดินตามเธอเข้ามาอยู่ใกล้ๆโต๊ะนั้นท่ามกลางสายตาเด็กๆพวกนั้นที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองดูว่าเอื้อยกับฉันจะซื้อดอกกุหลาบให้ใคร
เอาป่ะ เด๋วซื้อให้” เอื้อยยื่นกุหลาบมาให้ฉันแล้วร้องถาม
ตักบาตรต้องถามพระด้วยเหรอ ไม่มีเลยเนอะเซอร์พ้งเซอร์ไพรส์” ฉันทำเสียงประชดประชันเอื้อย ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกๆคักๆของเด็กที่แอบมองเราสองคนอยู่
แหม ก็ตัวติดกันอย่างกับตังเมอย่างนี้จะให้เซอร์ไพรส์ยังไงเล่า เอาเปล่าจะเอาก็บอกจะซื้อให้เด๋วน้องพวกนี้เค้าเหมาหมดก่อนนะ” เอื้อยพูดกับฉันพลางหันมาแซวเด็กๆที่แอบมองฉันกับเอื้อยพูดกันสลับไปมาแล้วก็หัวเราะขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงเอื้อยแซวอย่างนี้
หนูให้พี่เอื้อยซื้อให้พี่เจ้ยหมดเลยก็ได้ค่ะ..” เสียงเด็กคนนึงแซวเราทำหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่
แต่ซื้อแล้วพวกหนูขอถ่ายรูปพี่ลงเพจCUTEGIRLของโรงเรียนได้มั้ย” น้องคนนั้นมีข้อแลกเปลี่ยนมาเสนอทันที
เอื้อยหันไปมองสงสัยน้องคนนั้น “หนูเป็นแอดมินเพจอ่ะพี่ หนูปลื้มพี่สองคนมานานแล้ว เป็นแฟนคลับตัวยงของพี่ๆทั้งสองเลยนะคะ หนูขอไม่กี่ภาพนะ ขอเป็นภาพที่พี่เอื้อยให้ดอกกุหลาบพี่เจ้ยก็ได้นะคะ” น้องคนนั้นทั้งพูดทั้งอ้อนขอร้องให้เรายอมทำตามที่เธอขอร้อง
อ๋อ เพจนี้ก็ลงรูปพวกพี่บ่อยแล้วนี่ จะเอาไปลงอีกเหรอ” เอื้อยหันไปคุยกับน้องคนนั้นทันทีที่นึกขึ้นได้เรื่องเพจน้องคนนั้น
น้องคนนั้นยิ้มหวานส่งให้เอื้อยทันที “ลงเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อหรอกค่ะ พี่เอื้อยกับพี่เจ้ยน่ารักและเหมาะสมกันที่สุดหนูยังแอบเชียร์ให้พี่คบกันจริงๆเลย”
เอ๋า ก็คบกันอยู่ ไม่เชื่อเหรอว่าพวกพี่สองคนคบกันเป็นแฟนกัน” เอื้อยยิ้มหวานหันมาโอบและซบหัวไหล่ฉันพูดทีเล่นทีจริงปล่อยให้น้องคนนั้นแอบหันไปกรี๊ดกับเพื่อนสองสามคนของเธอแล้วหันมายิ้มหวานให้เราสองคนต่อพวกหนูเชื่อเสมอล่ะค่ะว่าพี่สองคนคบกันจริงๆ พี่เอื้อยพี่เจ้ยน่ะของจริงอยู่แล้ว AJ is Real ค่ะ” น้องคนนั้นพูดสโลแกนที่เธอชอบแทกรูปพวกเราสองคนเวลาลงรูปคู่ของเรา ซึ่งAJ นั่นก็คืออักษรย่อชื่อของเราสองคนนั่นเอง
คงเพราะข่าวเรื่องที่เอื้อยทะเลาะกับฉันแล้วไปคบกับกร ทำให้ใครหลายๆคนที่เข้าใจผิดเรื่องฉันกับเอื้อยตั้งแต่สมัยเป็นคู่จิ้นแรกๆนั้นเลิกคิดว่าเราชอบผู้หญิงด้วยกันไป ตอนนั้นแฟนคลับของเอื้อยกับเจ้ยยังแอบนอยด์โพสในเน็ตต่อว่าเอื้อยเลยว่า ไม่น่าทำกับฉันอย่างนี้เลย กระแสคู่จิ้นเลยเริ่มซาๆมาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ซึ่งถึงแม้ตอนนี้ฉันกับเอื้อยจะทำตัวเหมือนคนรักกันยังไง ก็กลายเป็นว่าคนที่เคยเชื่อว่าเราสองคนเป็นผู้หญิงจริงๆที่เคยแย่งผู้ชายคนเดียวกันจนถึงขั้นตบตีกันนั้น ไม่เชื่อว่าเราจะคบกันเป็นแฟนกันอย่างนั้นแล้ว...
..แต่คงจะยกเว้นเด็กๆกลุ่มนี้มั้ง.. ฉันคิดพลางมองดูใบหน้าที่ดีอกดีใจที่ได้ยินเอื้อยพูดทีเล่นทีจริงแซวกันไปกันมาอย่างนี้ ตอนนี้เอื้อยกำลังทำหน้าที่คืนความสุขให้เหล่าแฟนคลับตัวน้อยๆของเราอีกครั้งนึง

เอื้อยเลือกซื้อกุหลาบสีขาวเหล่านั้นมาสองสามดอกเหมือนๆกันกับฉันที่เลือกซื้อกุหลาบขาวให้เอื้อยเหมือนกัน
เราสองคนเดินออกมาจากร้านขายดอกกุหลาบพร้อมๆกับน้องแอดมินเพจคนนั้น ตอนนี้น้องๆพวกนั้นมายืนมองดูเรามอบกุหลาบให้กันพร้อมๆกับการกดชัตเตอร์บันทึกภาพของน้องที่เป็นแอดมินเพจเอาไว้
พอถ่ายเสร็จน้องคนนั้นก็ขอบคุณและทำท่าจะขอตัวเข้าโรงเรียนไปแต่ก็โดนเอื้อยเรียกไว้ก่อน
น้องๆถ่ายให้พี่อีกรูปนึงได้ป่าว” เอื้อยยิ้มกวักมือเรียกน้องคนนั้นไว้
คะ ได้ๆค่ะพี่” น้องคนนั้นดีใจรีบเบรคทันทีที่เอื้อยเรียกไว้ ตอนนี้เอื้อยขยับมาอยู่ข้างๆฉันมือข้างที่ถือดอกไม้ก็ทำเป็นยื่นมาฝั่งฉันอีกมือข้างที่ว่างๆก็โอบเอวฉันไว้
ฉันคิ้วขมวดหันควับไปมองมือนั่นทันทีที่วางแหมะไว้กับเอวของฉัน
นิดนิดนะ” เหมือนเอื้อยจะรู้ว่าฉันจะว่าเธอ เธอเลยรีบพูดแทรกขึ้นมาก่อน
อะ น้องถ่ายได้นับ1-2 3...” แล้วแค่เอื้อยนับสามเธอก็รีบหันหน้ามาหอมแก้มฉันฟอดใหญ่ๆทันที

ตอนนี้ภาพที่ได้คงจะเป็นภาพที่ฉันตาโตอ้าปากเหวอเพราะตกใจที่โดนเอื้อยแอบหอมแก้มต่อหน้าเด็กๆและคนอื่นๆอีกมากมายอย่างนี้..อีกแล้ว
น้องๆพวกนั้นร้องกรี๊ดทันทีที่เห็นภาพฉันกับเอื้อยหอมแก้มกัน ตอนนี้ฉันทั้งเขินทั้งอายใบหน้าก็แดงขึ้นเรื่อยๆจนไม่รู้จะแอ๊บเก็บความเก้อเขินเหล่านั้นไว้อย่างไร ได้แต่วิ่งไล่ตีหลังเอื้อยหัวเราะร่าที่วิ่งหนีเข้าโรงเรียนไปทั้งๆอย่างนั้น
วันนี้ทั้งวันฉันกับเอื้อยจะมีเด็กๆสลับกันเอาของขวัญมาให้ตลอดเลย มันมีทั้งดอกกุหลาบ ตุ๊กตา ของขวัญที่ทำกันเองเช่นดาวกระดาษที่พับใส่ขวดโหล กระดาพับเป็นรูปหัวใจหรือรูปนก และพวกชอคโกแลคต่างๆ
เอื้อยดูมีความสุขมากที่เธอได้นั่งมองของขวัญเหล่านั้นที่ตอนนี้วางไว้กองโตๆที่หน้าโต๊ะของเราทั้งสองคน จนอาจารย์ประจำวิชาต่างๆพากันแซวทันทีที่เดินเข้ามาในห้องเพื่อสอนในรายวิชานั้นๆ

“..นี่ถ้าครูไม่เห็นว่าเป็นทิพพานันกับเนตรอัปสร ครูคงนึกว่ามีใครเอาของมาตั้งขายในห้องนะนี่ แหม..แฟนคลับให้ของขวัญกันเยอะเชียว..เลิกเรียนจะแวะเอาไปขายที่ไหนต่อหรือเปล่า” เพื่อนๆหัวเราะกันครืนทันทีที่ได้ยินครูประจำวิชาพระพุทธศาสนาแกล้งแซวฉันกับเอื้อยเล่นๆ
ฉันยิ้มอายๆให้อาจารย์ทันทีที่ได้ยิน ก่อนที่จะพยายามเก็บของขวัญบางส่วนลงมาวางไว้พื้นข้างล่างบ้าง แต่มันก็ไม่หมดอยู่ดี ฉันยังแอบกลัวเลยว่าตอนเย็นเราจะขนของพวกนี้กลับบ้านได้อย่างไร นี่ขนาดว่ายังไม่ใช่วันวาเลนไทน์ฉันกับเอื้อยยังได้ของขวัญกันเยอะขนาดนี้แล้วถ้าวันจริงพวกเราจะเอามือที่ไหนหอบของพวกนี้กลับกัน
ฉันมองดูเอื้อย ดูเธอไม่ได้มีสีหน้ากังวลใจสักนิดเลย ว่าเธอจะทำอย่างไรกับบรรดาของขวัญเหล่านี้
แต่เมื่อลองถามเอื้อยในช่วงพักกลางวันของวันก็ทำให้ฉันเข้าใจสาเหตุได้ทันที.....

ก็เค้าได้ทุกปีนี่นา แล้วมันก็เยอะทุกปีด้วยช่วงนี้เค้าเลยขอให้แม่มารับเค้าไงเวลากลับ เค้าจะได้เอาของใส่รถแม่กลับบ้านให้ เจ้ยเอามาฝากเค้ากลับด้วยก็ได้นะ เด๋วเค้าจะบอกให้แม่ไปส่งให้เอง
อ้าว แล้วจะไม่กลับกับเค้าเหรอ ทำไมไม่บอกเค้าเลยอ่ะ” ฉันคิ้วขมวดทันทีที่คิดตามเอื้อย ถ้าเอื้อยให้แม่มารับเอื้อยก็ต้องกลับกับแม่น่ะสิ
เอื้อยยิ้มแหยๆให้ฉันทันทีที่คิดได้
โทษทีนะเค้าลืมบอก ก็พึ่งโทรหาแม่ตอนเที่ยงนี่ล่ะเห็นของมันเริ่มเยอะอ่ะ ไม่เป็นไรหรอกนะ ไม่กลับด้วยกันแค่วันสองวันเอง”
ฉันทำหน้างอนแกล้งโกรธให้เอื้อย ทำเป็นหน้าบึ้งหันหนีไปทางอื่นไม่มองไม่สนใจเธอทันที
อย่างอนเค้าสิ นะนะมันจำเป็นจริงๆนะ” เอื้อยรีบโน้มตัวมาใกล้ๆฉันพลางทำไม้ทำมือยื่นนิ้วก้อยมาง้อขอคืนดี
เด๋ววันเสาร์ก็จะได้อยู่กับเค้าทั้งวันแล้วไง..” เอื้อยพูดง้อฉันด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีก่อนที่จะนึกขึ้นได้เรื่องที่เธอบอกให้ฉันขอพ่อกับแม่มานอนเป็นเพื่อนเธอ
เออจริงสิ เจ้ยขอพ่อกับแม่หรือยังอ่ะ” เอื้อยเนียมมองถามฉันด้วยความอายและความตื่นเต้น
ยัง..”ฉันตอบเอื้อยด้วยน้ำเสียงที่เบาๆเรียบๆ “ยังไม่มีโอกาสได้คุยเลยอ่ะ เย็นนี้ว่าจะขออยู่”
เอื้อยคิ้วขมวดเม้มปากมองค้อนมาที่ฉันทันทีจากที่เธอกำลังอารมณ์ดีพยายามง้องอนอยู่ก่อนหน้านั้น
ทำไมทำเหมือนไม่สนใจเค้าเลย ทั้งๆที่เราจะได้อยู่ด้วยกันแท้ๆกับทำเป็นไม่ตื่นเต้นไม่รีบขอพ่อกับแม่ไว้แต่เนิ่นๆ” เอื้อยบ่นพึมๆพัมๆด้วยน้ำเสียงต่อว่าและสุดแสนจะน้อยใจ กลายเป็นเธอโกรธให้ฉันแทนเสียแล้ว
โอ้ย ไม่ใช่อย่างนั้น ยังไม่มีโอกาสได้คุยจริงๆ เดี๋ยววันนี้สัญญาเลยอ่ะว่าจะขอพ่อกับแม่ให้ได้” ฉันรีบยกนิ้วสามนิ้วขึ้นมาทำท่าให้คำสัญญาตามแบบลูกเสือเนตรนารีเค้าทำกัน
เมื่อเห็นอาการตัดพ้อต่อว่าของเอื้อยฉันก็อดที่จะเดือดเนื้อร้อนใจกลัวว่าคนสวยที่กำลังพยายามเอาใจฉันอยู่นี่จะงอนให้แล้วกลายเป็นเสียโอกาสดีๆอย่างนั้นไปจนได้
นะนะ ยังไงก็ได้อยู่แล้วล่ะ...ถ้าไม่ได้ยังไงเค้าจะแอบหนีมาหาเอื้อยเลยดีมั้ย” ฉันพูดทีเล่นทีจริงด้วยอยากเอาใจนางฟ้าแสนสวยของฉันที่กำลังน้อยใจจนใบหน้าเริ่มมีริ้วรอยจากการหน้านิ่วคิ้วขมวดของเธอในตอนนี้
บ้าดิ ลองหนีออกมาสิ พ่อกับแม่จะได้รู้เรื่องแล้วก็จะได้ลามมาถึงแม่เค้า ทีนี้เรื่องก็ยาวไปถึงอำเภอเลยมั้ง”
ไปทำไมอำเภอ” ฉันงงทันทีที่ได้ยินเอื้อยพูด
ไปจดทะเบียนสิ..ชวนลูกสาวเค้าหนีมานอนที่บ้าน เด๋วพ่อแม่ก็ว่าเค้าล่อลวงเจ้ยมาทำมิดีมิร้ายอีก ยิ่งมีลูกสาวคนเดียวอยู่ ถ้าพ่อแม่ได้รู้ว่าลูกสาวตัวเองหนีตามผู้หญิงด้วยกันคงงามแน่ๆ” เอื้อยทั้งพูดทั้งค้อน แต่ฉันฟังดูแล้วมันออกแนวฮาๆอย่างไรไม่รู้ จนฉันหลุดขำออกมาตั้งแต่ได้ยินว่า “ไปจดทะเบียน” ซึ่งก็รู้ความหมายทันทีว่ามันคือจดทะเบียนอะไร
บ้า อายุยังไม่ถึงไม่มีใครยอมให้ไปจดทะเบียนสมรสด้วยกันหรอกนะ ถ้าจะเป็นอย่างนั้นพ่อแม่ของเราทั้งสองก็ต้องมาตกลงสินไหมกันก่อนดิ แต่มันก็คงจะยากนะเพราะมันเป็นผู้หญิงทั้งสองแถมยังไม่รู้อีกว่าใครตามใครกันแน่ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเอื้อยอ่ะก็ต้องยอมมาขอเค้านะ”
ฮ้า..ทำไมต้องให้เค้าขอล่ะ” เอื้อยหัวเราะรีบร้องถามเสียงหลงทันที
เค้าจะบอกพ่อกับแม่ว่าเอื้อยเป็นฝ่ายนัดเค้าออกมา นั่นก็เท่ากับว่าเอื้อยล่อลวงเค้ามา เวลามีอะไรเสียๆหายๆเอื้อยก็ต้องชดใช้สิ จ่ายมาเลยนะค่าตัวเค้าแพงนะ”
เอื้อยยิ้มเล็กยิ้มน้อยมองมาที่ฉันด้วยความอารมณ์ดีที่เธอได้ฟังเรื่องราวที่ฉันมโนเป็นตุเป็นตะอย่างนั้น แถมยังมีทีท่าเห็นด้วยเป็นจริงเป็นจังเสียอีก
เท่าไหร่ล่ะคะ ถ้างั้นก่อนจะมานอนกับเค้าเรามาตกลงค่าสินสอดก่อนดีมั้ย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นแล้วจะได้เคลียร์กันลงตัว” เอื้อยยังพูดเอาฮาเหมือนเดิม
คิดว่าเท่าไหร่ดีล่ะ สำหรับลูกสาวเดียวที่ทั้งสวย เรียนก็เก่ง นิสัยก็ดีแถมในอนาคตก็อาจจะมีหน้าที่การงานที่ดีอีกต่างหาก”
เอื้อยคิ้วขมวดทำหน้าเหมือนใช้ความคิด “เท่าไหร่ว่ามาเลย ป๋าไม่เกี่ยงหรอก ว่าแต่ขอให้คนสวยมานอนด้วยก็โอแล้ว”
ฉันหัวเราะรั่วทันทีที่ได้ยินเอื้อยเรียกแทนตัวเองว่า “ป๋า” แม้มันจะดูขัดๆหูแต่ฉันกลับชอบที่จะได้ยินคำนั้นจากปากเธอคนนี้เหลือเกิน
เพราะมันให้ความรู้สึกว่าผู้หญิงคนที่อยู่ข้างหน้าเราตอนนี้ เค้าพร้อมที่จะดูแลและปกป้องเราไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
ฉันยิ้มแล้วแกล้งโน้มหน้าเค้าไปใกล้ๆเอื้อยที่ทำตัวเสมือนตัวเองเป็นสุภาพบุรุษเจ้าบุญทุ่มที่จะยอมวางเดิมพันทุกอย่างที่ตัวเองมีเพื่อแลกกับการได้ใกล้ชิดผู้หญิงคนที่ตัวเองรัก
อืม..งั้นถ้าพ่อแม่เค้าขอหลักล้าน เอื้อยจะหามาได้ป่ะ” ฉันลองยื่นข้อเสนอให้เอื้อย
เอื้อยเลิ่กคิ้ว “เป็นล้านเลยเหรอ ทำไมแพงจังอ่ะ...ถ้าถึงขนาดนั้นล่ะก็หนีตามกันไปเฉยๆเหอะ” เอื้อยเหล่ตามองฉันแล้วเปลี่ยนโทนเสียงทันที
เฮ้ย..ไหนบอกเท่าไหร่ก็ยอมทุ่ม อะไรอ่ะแค่นี้เอง” ฉันทั้งพูดทั้งหัวเราะยื่นแขนตัวเองไปโน้มไหล่เอื้อยเข้ามากอดและกระซิบกระซาบใกล้ๆ
ไหนบอกว่ายอมทำทุกอย่างไง ลองนึกถึงเรื่องคืนวันเสาร์สิ เราสองคนและอะไรก็ได้ที่เอื้อยอยากจะให้มันเกิด เค้าพร้อมจะยอมทุกอย่างเลยนะ เค้าจะไม่ขัดขืนไม่โวยวายและไม่ต่อรองอะไรเอื้อยเหมือนที่ผ่านๆมาอีกแล้ว” ฉันทำเสียงกระซิบกระซิบกระซาบแกล้งพูดยั่วตัณหาเอื้อย ทั้งๆที่จริงแล้วตัวของฉันเองนี่ล่ะ ที่กิเลศก็แสนหนาตัญหาก็แสนเยอะ แอบคิดเพ้อเจ้อกับเอื้อยไปสารพัดแล้ว

...ดีไม่ดีตอนนี้เอื้อยยังคิดไม่ลึกเท่าฉันเสียด้วย...

เมื่อโดนฉันโอบไหล่กอดและแอบกระซิบกระซาบข้างๆหูอย่างนั้น เอื้อยก็เริ่มคิดตามและหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ
ก็ได้..”เสียงอายๆของเอื้อย “เค้าจะยอมเป็นรุกก็ได้นะ ถ้าเจ้ยต้องการ...” เอื้อยกระซิบกระซาบจ้องมองมาที่ฉันใบหน้าก็แดงขึ้นแดงขึ้นเรื่อยๆ
แต่..สินสอดของเจ้ยน่ะ..ขอเวลาเก็บก่อนได้มั้ย” เอื้อยทำเสียงจริงจังจ้องมองมาที่ฉันที่กำลังแพ้มนต์เสน่ห์ของสายตาดวงงามคู่นั้นอีกแล้ว
ยังไงๆเราก็จะคบกันตลอดไปอยู่แล้วนี่นา ถ้าเจ้ยไม่ทิ้งเค้า เค้าก็จะมาสู่ขอเจ้ยแน่นอน” เอื้อยยิ้มหวานพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ยิ่งมองฉันก็ยิ่งเคลิ้มและเผลอยิ้มไปกับรอยยิ้มแสนหวานที่ทำหน้าที่หลอมละลายหัวใจของฉันมานักต่อนักแล้ว ฉันปล่อยแขนข้างที่โอบไหล่เอื้อยไว้แล้วเคลื่อนตัวออกมานั่งต่อหน้าเอื้อย
สัญญานะ” ฉันยื่นนิ้วก้อยออกไปหาเอื้อยที่ยื่นนิ้วมาทันทีที่เห็นท่าทางของฉัน
สัญญา..” เอื้อยตอบรับพร้อมๆกับรอยยิ้มละมุนของเธอ

เย็นวันนั้นฉันอยู่รอแม่เป็นเพื่อนเอื้อยอยู่หน้าโรงเรียน ซึ่งวันนี้แม่ก็มารับเอื้อยไวมากคงเป็นเพราะแม่ว่างพอดี เมื่อส่งเอื้อยขึ้นรถและยกมือไหว้ทักทายคุณแม่ของเอื้อยสักครู่แล้วแม่ก็ขับรถพาเอื้อยกลับบ้านเช่นเดียวกันกับที่ฉันกลับไปเอารถในโรงรถขับกลับบ้านทันที
ตอนกลับฉันขับรถแวะไปร้านเครื่องเขียนที่ตลาด คิดว่าเป็นโอกาสดีเหมือนกันที่เอื้อยและฉันไม่ได้กลับบ้านด้วยกัน ฉันจะได้มีเวลาทำนั่นทำนี่เพื่อเซอร์ไพรส์เอื้อยบ้าง...
ฉันเลือกซื้อโบว์และกระดาษห่อของขวัญมาสองสามม้วน ฉันซื้อมาไว้สำหรับห่อของบางอย่างที่ฉันเองแอบเตรียมเอาไว้ที่จะมอบให้กับคนที่ฉันรักในวันวาเลนไทน์นี้ตั้งนานแล้ว...

วันศุกร์....13 กพ....
วันนี้เป็นวันที่ทางโรงเรียนจัดกิจกรรมประกวดมิสวาเลนไทน์ของหมวดวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งการประกวดนี้จะตัดสินผู้ชนะจากจำนวนดอกกุหลาบที่ได้ผู้เข้าประกวดได้รับจากบรรดานักเรียนที่ซื้อมามอบให้ผู้เข้าประกวดบนเวทีกัน ซึ่งดอกไม้นั้นจะมาจากไหนก็ได้ แต่ต้องถูกมอบภายในเวลาที่ผู้ประกวดอยู่บนเวทีจนถึงเวลาที่กรรมการประกาศให้หยุดรับ เมื่อได้นับจำนวนกุหลาบที่ผู้เข้าประกวดได้แล้ว ใครมากที่สุดคนนั้นถือว่าเป็นมิสวาเลนไทน์ของปีนั้นทันที
กิจกรรมนี้จะจัดขึ้นในตลอดช่วงบ่ายของวัน ซึ่งฉันก็ต้องเตรียมตัวไว้ตั้งแต่ตอนเที่ยงทันทีออดพักเที่ยงดังขึ้น
ฉันเตรียมเอาชุดกระโปรงกีฬาและเสื้อโปโลสีขาวตามคอนเซ็ปต์ชุดผู้เข้าประกวดที่อาจารย์บังคับใส่ มาเปลี่ยนที่โรงเรียน ฉันชอบชุดประกวดแบบนี้มาก เพราะมันดูน่ารักสมวัยไม่โป้เกินไป มองดูทะมัดทะแมงดีสำหรับเด็กผู้หญิงใส่เดินไปเดินมาบนเวที
เท่าที่ฉันจำได้ตอนปีที่เอื้อยใส่ชุดนี้ฉันก็ยังแอบมองเอื้อยเลยว่าเอื้อยสวยน่ารักคงจะได้ตำแหน่งมิสวาเลนไทน์แน่ๆ แล้วก็เป็นดังคาด เอื้อยได้ตำแหน่งมิสวาเลนไทน์สลับกับฉันปีเว้นปีเสมอ ตอนนั้นเราก็เจอกันแค่ผ่านๆตา ฉันก็ไม่ได้รู้จักและสนิทอะไรกับเอื้อยเลย เราอยู่บนเวทีด้วยกันก็จริงแต่ก็ได้แค่ยิ้มให้กันแค่ๆคนรู้จักเท่านั้น
ใครจะไปรู้ล่ะเนอะว่าผู้หญิงคนที่เคยประกวดแต่งตัวสวยๆทำนั่นทำนี่เหมือนที่ผู้หญิงปกติทั่วๆไปเค้าทำกันจะกลายมาเป็นแฟนตัวเองอย่างนี้ได้....
….ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งยิ้ม... ยิ่งยิ้มฉันก็ยิ่งโดนเอื้อยเอ็ด...เพราะว่าตอนนี้เธอกำลังแต่งหน้าให้กับฉันอยู่ในห้องเรียนที่ไม่มีใครอยู่นอกจากฉันกับเอื้อยแค่สองคน
ยิ้มทำไมนี่ เด๋วเขียนปากเบี้ยวปากไม่สวยอีก..จะมาว่ากันไม่ได้นะ” เอื้อยหยุดเขียนขอบปากแล้วหันมาเอ็ดฉันด้วยใบหน้าจริงจัง ต่างจากฉันที่ยังยิ้มเพราะว่าเผลอคิดถึงหน้าเอื้อยตอนที่ประกวดด้วยกันตอนนั้นไม่ได้
ขอโทษๆ เอาใหม่ๆเด๋วขอตั้งสติก่อนแป๊บ” ฉันพยายามโบกไม้โบกมือเรียกสติตัวเองกลับมาพร้อมๆกับสายตาของเอื้อยที่จ้องจับผิดว่าทำไมฉันต้องเรียกสติคืนกลับมาด้วย
ก็เค้าคิดถึงตอนที่เอื้อยประกวดด้วยกันนี่นา ไม่คิดว่าคนที่เคยเห็นบนเวทีด้วยกันจะได้มาเป็นแฟนกันอย่างนี้”
เอื้อยยิ้มหลุดหัวเราะออกมาทันทีที่คิดได้ดังที่ฉันบอก
อืม..จริงสินะเราก็เจอหน้ากันบนเวทีทุกปีนะ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะคุยหรือจะทักกันเลย เอาแต่ยิ้มให้แล้วก็เดินผ่านเฉยๆ ไม่คิดเลยว่าเค้าจะได้มาอยู่ใกล้ๆเจ้ยอย่างนี้”
แปลกๆดีเนอะ ปีนี้ต้องยืนบนเวทีคนเดียวแล้ว คนที่เคยแข่งกันกลายเป็นต้องมานั่งดูนั่งเชียร์อยู่ข้างล่าง จริงๆแล้วเอื้อยน่าจะประกวดนะเพราะเอื้อยน่ะสวยและเหมาะสมกว่าเค้าอีก” ฉันพูดพลางยื่นมือไปจับแก้มเอื้อยเบาๆ
ไม่อ่ะ เค้าบอกแล้วว่าเจ้ยนั่นล่ะคือคนทีเหมาะสมที่สุดกับตำแหน่งนี้ แล้วเค้าก็มีหน้าที่เชียร์และผลักดันให้เจ้ยเป็นผู้ชนะให้ได้ แล้วไม่ว่ายังไงเจ้ยก็ต้องชนะเชื่อเค้าดิ” เอื้อยยิ้มละมุนมือเธอก็ยกขึ้นมาจับมือของฉันที่จับแก้มเธอค้างไว้
คอยดูป๋าดันคนนี้นะ ว่าจะดันเจ้ยได้ไกลเท่าไหร่” เอื้อยทั้งพูดทั้งยิ้มให้ฉันก่อนจะรีบแต่งหน้าแต่งตัวให้ฉันต่อไป

ช่วงบ่ายก่อนออดเข้าเรียนจะดังหลังจากที่เอื้อยแต่งหน้าให้ฉันเสร็จเธอก็เดินไปส่งฉันที่ด้านหลังเวทีของห้องหอประชุมโรงเรียน
ตอนนี้เด็กผู้หญิงจากสายชั้นต่างๆกำลังยืนออกันเต็มด้านหลังหอประชุมเลย ฉันมองดูเด็กผู้หญิงบางคนก็มีคนมาขอถ่ายรูปด้วย บางคนก็จับกลุ่มถ่ายรูปกับคนที่เข้าประกวดสายชั้นเดียวกันดูท่าทางสนุกสนานคึกคักดี
และทันทีที่ฉันเดินมาถึงก็มีเด็กผู้หญิงรุ่นน้องที่มาประกวดเข้ามาขอถ่ายรูปฉันกับเอื้อย พวกเรายืนถ่ายกับเด็กพวกนั้นอยู่นานโขจนอาจารย์ที่ควบคุมการประกวดเดินมาเรียกและเช็คชื่อ ซึ่งเอื้อยก็บอกลาฉันทันทีที่อาจารย์มา
สู้ๆนะ เค้าจะเชียร์” เอื้อยยิ้มหวานให้กำลังใจฉันก่อนจะเดินหายไป
หลังจากนั้นอาจารย์ก็ทยอยขานชื่อนักเรียนตามสายชั้นไล่จากนักเรียนม.1 จนมาถึงม.6 ผ่านชื่อฉันจนไปถึง..
..อัญชลี ลิ้มวัฒนาสกุล...6/3” พออาจารย์ขานกลายเป็นไม่มีเสียงตอบรับกลับมาจนอาจารย์ต้องขานอีกเป็นครั้งที่สองและสาม
ค่ะๆมาแล้วค่ะ” ฉันหันไปตามเสียง
เป็นเด็กผู้หญิงผมสั้นๆผิวขาวรูปร่างสูงโปร่ง ทรงผมของเธอถูกจัดแต่งด้วยเยลหวีเรียบไปทางเดียวกันและครอบทับด้วยที่คาดผมสีชมพูหวานๆน่ารักๆอีกนึงอัน ใบหน้าของเธอถูกแต่งด้วยโทนสีชมพูอ่อนๆเข้ากับปากนิดจมูกหน่อยและตาหยีๆหมวยๆของเธอดีมาก ซึ่งพอฉันพินิจพิเคราะห์ใบหน้าของเธออยู่ครู่นึงฉันก็เริ่มจำเค้าโครงหน้าได้ว่า เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่แถวเดียวกันถัดจากฉันไปสองคนที่กำลังยกไม้ยกมือขานรับอาจารย์อยู่นี้คือ...

ยัยอัน..ยัยอันจอมขี้เก๊กนั่นเอง