วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2559


Lovely Mafia Girl

ลูกสาวเจ้าพ่อ ขอเป็นแฟนหนู

 


Chapter 5
ตัวจริงของเธอ
...ฉันคิ้วขมวดรีบหันมาจ้องพี่เนยไม่วางตา
พี่เนยหันมายิ้มให้ฉันนิดนึงก่อนที่จะถอดแว่นตาออก..แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นดุๆขรึมๆทันที
ตอนนี้ชายที่อยู่ในชุดซาฟารีสีดำสองคนเดินออกมาพร้อมๆกับที่ประตูเปิดค่อยๆเลื่อนออก พี่เนยเลื่อนกระจกรถลงให้ชายสองคนเห็นหน้า ชายคนนั้นจ้องเข้ามาในรถ เค้าจ้องหน้าฉันอยู่นานก่อนจะหันมาโบกรถให้เข้า
สวัสดีครับคุณหนูเนย..” เสียงชายคนนั้นทักทายพร้อมๆกับก้มตัวลงเหมือนทำความเคารพพี่เนย พี่เนยทำเป็นเชิดไม่พูดอะไรตอบ เธอเคลื่อนรถทันทีที่ประตูเปิดออก
..คุณหนูเนย... ผู้ชายพวกนั้นเรียกพี่เนยว่าคุณหนูด้วย
นี่มันอะไรกัน
ไหนบอกว่าบ้านอยู่ต่างอำเภอ อยู่กับพ่อสองคน ชีวิตค่อนข้างลำบาก..อย่าบอกนะว่า

..เธอเป็นเด็กเสี่ยเจ้าของบ้านหลังนี้น่ะ..
..โอ้ย มิน่าล่ะ ของแพงๆที่ฉันเห็นนั่นคงเป็นของแท้หมดเลยสินะ นี่เค้าคงจะส่งเสียเลี้ยงดูมาตลอดน่ะสิ
แล้วพาฉันมาที่นี่ทำไมนี่ อย่าบอกนะว่าเป็นนกต่อ นี่คิดจะเอาฉันมาให้เสี่ยอีกคนเหรอ
ไหน..เธอทำตัวเหมือนกับว่าชอบผู้หญิงด้วยกันแล้วแท้ๆ

อิพี่เนยนี่...แย่จริงๆเลย

พี่เนย พากี้มาทำอะไรที่นี่นี้ ไหนว่าบ้านพี่เนยอยู่อีกอำเภอ พากี้มาทำไม จะเอากี้มาขายใช่มั้ยอุตสาห์ไว้ใจปล่อยกี้ลงเลยนะ” ฉันทั้งพูดทั้งตีทีแขนพี่เนย เมื่อพี่เนยโดนตีหนักๆเข้าบังคับรถไม่ได้เธอจึงจอดรถอยู่แถวๆถนนที่อยู่ภายในบริเวณบ้านแล้วหันมาจับแขนฉันไว้ไม่ให้ตีเธอได้
ใครจะเอากี้มาขายเล่า..”
ก็พี่เนยไง พี่เนยเป็นนกต่อใช่มั้ย เป็นเด็กเสี่ยบ้านนี้ใช่มั้ย จะเอากี้มาขายให้เค้าใช่มั้ย ที่พูดมาที่มาทำอย่างนั้นกับกี้น่ะหลอกกี้ใช่มั้ย บ้าที่สุดเลย” ฉันทั้งพูดทั้งตีพี่เนยต่อ พี่เนยก็เอาแต่ปัดป้องโดยที่ไม่ได้ตอบโต้
นี่กี้ฟังพี่ก่อน กี้เข้าใจพี่ผิดนะพี่ไม่ได้เป็นเด็กเสี่ย พี่ไม่ได้เป็นเมียน้อยเค้า หน้าพี่มันเหมือนเมียน้อยคนนักหรือไงนี่” พี่เนยเริ่มขึ้นเสียงใส่ฉันเพราะเห็นว่าฉันไม่ฟังเธอเลย
แล้วเป็นอะไรถ้าอย่างนั้น”ฉันตะคอกถามคืน พี่เนยมองหน้าฉันอย่างไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี เธอได้แต่ส่ายหน้า
มากับพี่ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวก็รู้เอง” พูดเสร็จเธอก็รีบออกรถเดินทางเข้าไปในบ้านหลังนั้นอีก
อาณาเขตบริเวณของบ้านหลังนั้นกว้างกว่าที่ฉันคิดไว้นัก ตลอดทางที่พี่เนยพาฉันขับรถเข้าไป มันปกคลุมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ บริเวณภายในบ้านถูกจัดและตกแต่งไว้อย่างร่มรื่น มีบ้านเรือนหลังเล็กๆกระจายขึ้นตามทางที่เราขับกันเข้าไป
ดูไปดูมาแล้วมันเหมือนรีสอร์ทมากกว่าบ้านอีกนะนี่
แล้วรถก็มาหยุดลงที่หน้าบ้าน จริงๆแล้วไม่น่าจะใช้คำว่าบ้านได้ มันน่าจะเรียกว่า คฤหาสถ์ มากกว่า เพราะมันใหญ่โตอลังการมาก ฉันเคยเห็นบ้านที่อยู่ในหนังที่เค้าถ่ายฉากบ้านของคุณชายคุณหญิงหรือบ้านของคนไฮโซ เห็นว่าอย่างนั้นก็อลังการงานสร้างอยู่แล้ว แต่ภาพที่ฉันเห็นอยู่เบื้องหน้าตอนนี้มันเล่นเอาภาพที่อยู่ในทีวีนั้นมาเทียบไม่ได้เลย
ฉันก้าวลงมาจากรถพร้อมพี่เนยๆ ขนฉันลุกทันทีที่เห็นความใหญ่โตของคฤหาสถ์นี้อยู่เบื้องหน้า
รอบๆบริเวณนั้นมีผู้ชายใส่ชุดซาฟารีสีดำกระจายตัวกันอยู่ พวกเค้าพากันวอหากันรายงานถึงสถานการณ์ในบ้านตอนนี้
พี่เนยหันมายิ้มให้ฉันก่อนที่จะหันไปมองผู้ชายใส่เสื้อเสื้อซาฟารีสีน้ำเงินอีกคนนึงที่กำลังวิ่งเข้ามาหาพี่เนย
ใบหน้าพี่เนยตอนนี้ไม่ได้ขรึมเท่าตอนแรกที่เห็นพวกผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าบ้านพวกนั้น
คุณหนูเนยกลับมาแล้วเหรอครับ”
จ๊ะ น้าชัย พ่อกลับมาหรือยัง” ฉันคิ้วขมวดทันทีที่ได้ยินคำว่า “พ่อ” ที่พี่เนยพูดขึ้น
ยังเลยครับท่านโทรมาบอกว่าท่านติดธุระจะขอเลื่อนไฟรท์มาอีกวันน่ะครับ”
ธุระเหรอ หึ..ธุระเรื่องอย่างว่าอีกล่ะสิ” เสียงพี่เนยบ่นมุบมิบๆก่อนที่จะยื่นกุญแจรถให้น้าผู้ชายคนนั้น
เนยฝากน้าชัยเก็บรถให้ด้วยนะ อ้อลืมแนะนำ..” พี่เนยหันมาดึงฉันเข้ามายืนใกล้ๆตัว
นี่กี้..เป็น..เพื่อนเนยเอง ต่อไปเค้าอาจจะมาบ้านเราบ่อยขึ้นนะ ฝากน้าชัยช่วยดูแลเพื่อนเนยคนนี้เป็นพิเศษด้วยนะ” เสียงพี่เนยแนะนำฉันด้วยน้ำเสียงแบบอายๆตอนที่เธอบอกว่าฉันเป็น “เพื่อนเธอ”
ฉันรีบยกมือไหว้น้าคนนั้นทันที น้าคนนั้นก็รับไหว้และยิ้มตอบรับ
...ตอนนี้ฉันกำลังเรียบเรียงเรื่องราวในสิ่งที่ฉันได้เจอในตอนนี้อยู่
ไอ้อาการที่ทุกคนพินอบพิเทาพี่เนย แถมพี่เนยเรียกคนที่ผู้ชายคนเมื่อกี้เรียกว่า “ท่าน” ว่า “พ่อ” อีก
อย่าบอกนะว่า....เธอเป็นลูกสาวของคนร้ายกาจคนนั้น....
ฉันคิ้วขมวดยืนจ้องหน้าพี่เนยด้วยความสงสัยในคำตอบของตัวเอง
พี่เนยยิ้มนิดนึงก่อนจะดึงแขนฉันเข้าไปในคฤหาสถ์หลังนั้น
เข้าไปในบ้านกันก่อนเถอะ พี่มีเรื่องอะไรจะบอก”
ไม่..กี้ไม่ไปด้วยหรอก..บอกตรงนี้เลยถ้าจะบอกเรื่องอะไร” ฉันโวยวายรั้งตัวเองไว้ไม่ยอมเดินตามพี่เนยเข้าไปง่ายๆ นี่เค้าคงจะพยายามหลอกล่อเราให้เข้าไปติดกับอะไรข้างในอีกน่ะสินะ
โวยวายทำไมอะคนอยู่ตั้งเยอะแยะ กี้ไม่อายเหรอ พี่น่ะไม่อายหรอกน่ะเพราะยังไงมันก็บ้านพี่ คนพวกนี้ก็ลูกน้องพ่อพี่ ถ้ากี้จะมาโวยวายตอนนี้ก็มีแต่กี้คนเดียวเท่านั้นล่ะ ที่จะอายอ่ะ” พีเนยทั้งพูดทั้งยิ้มแล้วพยายามดึงแขนฉันเข้าไปข้างในต่อ

...อ๋อนี้จากที่แกล้งทำตัวน่าสงสาร กลายเป็นมาขู่ฉันให้กลัวลูกน้องของพ่อเธอแทนแล้วเหรอ..

ใช่ซิ... เธอมันลูกของคนที่มีเงินและมีอำนาจที่สุดของจังหวัดนี้นี่นา บ้าเอ้ย..แล้วฉันก็พึ่งจะมารู้ตอนที่ฉันอยู่ในดงโจรอย่างนี้นี่นะ
ฉันเสียรู้ในยัยคนนี้เสียแล้ว โอ้ยยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ
กลายเป็นว่าฉันเผลอมีอะไรกับคนที่เป็นลูกของคนที่น่ากลัวที่สุด แถมเธอคนนี้ยังทำตัวกะล่อนโกหกฉันเพื่อหลอกให้ฉันสงสารจนกระทั่งเต็มใจยอมมีอะไรด้วยอีก...บ้าชะมัดเลย...
ฉันสะบัดแขนออกจากมือพี่เนย แล้วเดินเข้าไปผลักพี่เนยจนเซล้มด้วยความเจ็บใจ
พี่เนยบ้า..นี่กล้าโกหกกี้ขนาดนี้เลยเหรอ ไม่ต้องมาเจอกันเลยนะต่อไปนี้” ฉันทั้งร้องทั้งชี้หน้า ในใจตอนนี้อยากจะวิ่งหนีออกจากที่นี้ให้เร็วที่สุด แต่เพียงแค่ฉันหันหน้าออกไปหน้าบ้านเพื่อจะวิ่งหนีพี่เนยที่ล้มลงนั่งกองอยู่กับพื้น ชายฉกรรจ์ในชุดซาฟารี3-4คนก็รีบวิ่งกรูกันเข้ามาหาฉัน
ชายคนแรกจับตัวฉันไว้ได้..
อะไร เธอทำอะไรคุณหนู” ฉันอึ้งอ้าปากค้างทั้งกลัวและตกใจพยายามหันหน้าหนีแต่ก็ไปเจอผู้ชายอีกคนชักปืนขึ้นมาจ่อที่หน้าฉัน

~~~~ เหวออออออ.... ~~~~~

เมื่อเห็นปืน หน้าฉันถอดสีทันที ตอนนี้กลายเป็นฉันทั้งอึ้งและตกใจจนแทบชอคหมดสติกับภาพที่เจอต่อหน้าเสียแล้ว
ด้วยความกลัวและลนลานไม่รู้จะทำอย่างไร ฉันได้แต่ร้องไห้โฮออกมา
ผู้ชาย3-4คนนั้นยังทำท่าเหมือนจะลากฉันไปไหนอีก ถ้าไม่ได้ยินเสียงพี่เนยห้ามไว้
หยุดนะ ห้ามทำอะไรเพื่อนเนยนะ เราแค่หยอกกันเฉยๆ” พี่เนยพยายามประครองตัวเองลุกขึ้นเดินมาดึงฉันออกไปจากกลุ่มชายเหล่านั้น
ไปได้แล้ว..ไม่มีอะไร” พี่เนยทำหน้าดุหันมาสั่งผู้ชายพวกนั้น แล้วค่อยๆมาพยุงฉันที่ยังร้องไห้ด้วยความกลัวไม่หยุด
เข้าไปข้างในกับพี่ก่อนนะ พี่มีอะไรจะบอกกี้”
ฉันหันมามองพี่เนยอย่างตาขวางๆ ทั้งรู้สึกกลัวและรู้สึกโกรธปนกัน ดวงตาก็ยังเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาอยู่
นี่พี่เนยจะลักพาตัวกี้มาขังไว้ใช่มั้ย ถ้ากี้ไม่ยอมทำตามที่พี่เนยต้องการแล้วพี่เนยก็จะฆ่ากี้ใช่มั้ย ทำไมพี่เนยใจร้ายกับกี้อย่างนี้” ฉันทั้งพูดทั้งร้องไห้ ตอนนี้ฉันคิดถึงหน้าพ่อกับแม่ที่สุดเลย ฉันไม่น่าไว้ใจผู้หญิงที่พึ่งเจอกันได้แค่วันสองวันเองเลย
ไม่ใช่อย่างนั้นนะกี้ ไปกันใหญ่แล้ว พี่สัญญาว่าพี่จะไม่ทำอะไรกี้และก็จะไม่ยอมให้ใครทำอะไรกี้เลย พี่พากี้มาที่นี่เพราะว่าพี่แค่อยากให้กี้ได้รู้ได้เห็นในสิ่งที่พี่เป็น”
ไม่ต้องมาโกหกกี้เลย แค่นี้ก็รู้แล้ว..ว่ากี้จะไม่ได้กลับไปเจอหน้าพ่อแม่อีกแล้ว” พูดเสร็จฉันก็ปล่อยโฮเสียงดัง จนผู้ชายพวกนั้นพากันหันมามองที่ฉันร้องไห้กันยกใหญ่
เฮ้ย มานี่เลยยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่” พี่เนยเห็นท่าไม่ค่อยดี เธอคงเริ่มรู้ตัวว่าฉันจะงี่เง่าคิดว่าเธอจะทำเรื่องไม่ดีกับฉัน จึงรีบลากฉันเข้าไปในบ้านของเธออย่างเร็ว
ฉันร้องห่มร้องไห้เดินเข้าไปในบ้านของพี่เนย จนไม่ทันสังเกตสิ่งที่อยู่รอบๆตัวในบ้านตอนนี้
ภายในบ้านนั้น โอ่โถงและอลังการมาก แว็บแรกที่ฉันชำเรืองไปเห็นโถงบันไดตรงใจกลางบ้าน ฉันยังตะลึงจนต้องหยุดร้องไห้เลย
เหมือนในหนังเลย..มันเป็นขั้นบรรไดโค้งจากฝั่งทางขวาและทางซ้ายเวียนมาบรรจบกันที่พื้นชั้นที่หนึ่งของบ้าน ดูระดับฝ้าเพดานของชั้นที่1แล้วน่าจะประมาณตึกสองชั้นได้ โคมไฟระย้าถูกประดับตกแต่งที่ห้องโถงต้อนรับ ตรงนั้นมีชุดรับแขกหลุยส์ชุดสีขาวอยู่กลางห้อง มองไปที่บันไดตรงชั้นพักที่บันไดสองฝั่งเวียนมาเจอกันก็เป็นรูปของเจ้าของบ้านหลังนี้ซึ่งก็คงจะเป็นพ่อพี่เนยและพี่เนยถ่ายคู่กันรูปใหญ่ๆ
ฉันอ้าปากค้าง น้ำตาหายเข้าไปในเบ้าตาทันทีที่เห็น
นี่พระเจ้ากำลังเล่นตลกอะไรกับฉันอยู่ใช่มั้ยนี่
พี่เนยเห็นฉันยืนอึ้งอยู่นานเธอจึงรีบจูงมือฉันไปที่ลิฟท์..

โอ...ใช่.. บ้านพี่เนยต้องใช้ลิฟท์ นี่ก็สร้างความตะลึงให้กับฉันอยู่เรื่อยๆ

ฉันเดินตาค้างค่อยๆเข้าลิฟท์ไปกับพี่เนย มองไปที่มือหล่อนหล่อนกดไปที่ชั้น 4
พี่เนยหันมามองฉันแล้วยิ้ม “ห้องนอนพี่อยู่ชั้น4น่ะ” ได้ยินเสียงพี่เนยพูดแล้วสติของฉันก็ค่อยกลับมา ตอนนี้ฉันพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองไว้ให้ได้มากที่สุด ไม่อยากให้คนตรงหน้ารู้ว่าฉันตกตะลึงในความอลังการของเจ้าหล่อนขนาดไหน
ลิฟท์มาจอดอยู่ที่ชั้น 4 พี่เนยจูงมือฉันก้าวออกมาจากในลิฟท์ นอกลิฟท์นั้นเป็นระเบียงที่ถูกตกแต่งด้วยรูปถ่ายเรียงรายตามทางเดิน ฉันเห็นรูปผู้หญิงคนนึงดูคล้ายๆฝรั่งแต่ดูจริงๆแล้วอาจจะเป็นลูกครึ่งมากกว่าเธอสวยและดูสง่ามากจนฉันต้องหยุดกึ๊กมองดูรูปนี้ทันทีที่เดินผ่าน
รูปแม่พี่เองล่ะ สวยมั้ย” ฉันหันมามองหน้าพี่เนยทันทีที่พี่เนยบอก
..อ้อ..นี่เธอสวยได้คุณแม่ของเธอนี่เอง ว่าแต่ทำไมข้างล่างฉันไม่เห็นรูปของคุณแม่เธอเลยล่ะ.. นั่นเป็นสิ่งที่ฉันสงสัยอยู่ในใจแต่ไม่ได้ถามไป ได้แต่เก็บอาการไว้แล้วเดินตามพี่เนยไปตามทางเดินที่ระเบียงจนไปสุดอยู่ที่ห้องมุมริมสุดทางปีกขวาของบ้าน
พี่เนยเปิดประตูห้องก่อนจะจูงมือฉันที่ยืนเก้ๆกังๆไม่กล้าเข้าไป
ทันทีที่ฉันเข้าไปอยู่ในห้องเธอ พี่เนยก็รีบโผเข้ามากอดฉันไว้ทันที
กี้ พี่ขอโทษนะ” พี่เนยพูดพลางก้มลงซบที่หัวไหล่ฉัน
แต่ฉันยังมีอารมณ์โกรธเคืองอยู่ และยังรับไม่ได้ที่ตัวเองโดนหลอกซะเละเทะขนาดนั้น
ไม่ต้องมาพูดดีเลย นี่เหรอความรักของพี่เนย แค่ความจริงใจที่จะมีให้กันในตอนรู้จักกันตอนแรกยังไม่มีเลย หลอกกี้ซะเหมือนวัวเหมือนควายตัวหนึ่งเลย ตลกมากเลยใช่มั้ยที่เห็นกี้เชื่อเป็นจริงเป็นจังอย่างนั้น นี่เหรอชีวิตที่แสนจะลำบากของพี่ อยู่กับพ่อสองคนอย่างนั้นเหรอ..แล้วไหนจะเรื่องบ้านที่อยู่ต่างอำเภออีก มีความสุขมากใช่มั้ยหลอกเด็กโง่ๆคนนึงได้นี่”
ไม่ใช่อย่างนั้นนะกี้ พี่ก็พูดความจริงนะ ครอบครัวพี่ที่เหลืออยู่ก็มีแค่พ่อ คนอื่นๆที่อยู่ในนี้ก็ใครก็ไม่รู้ เค้าไม่ได้มีให้ความรู้สึกผูกพันธ์แบบครอบครัวกับพี่เลย แล้วชีวิตพี่ก็ลำบากจริงๆ พ่อก็ทิ้งพี่ไว้ปล่อยพี่เอาไว้กับคนพวกนี้วันๆเอาแต่ทำงานบ้อบออะไรก็ไม่รู้ ให้พี่อยู่กับคนที่พี่ไม่รู้ว่าพวกเค้าคือใครบ้าง พี่ต้องตัดสินใจทำนั่นทำนี้เองทั้งๆที่คนที่เป็นพ่อแม่ควรจะทำให้ ไม่ใช่อย่างนี้ ชีวิตอย่างนี้มันก็คือความลำบากใจของพี่นะกี้”
หยุดเลยไม่ต้องพูดแล้ว นี่ถ้ากี้รู้ว่าพี่เนยเป็นใคร แล้วนิสัยไม่ดีอย่างนี้นะ กี้จะไม่เข้าไปใกล้ตั้งแต่แรกเลย กี้จะไม่ยอมเข้าใกล้พี่เนยเลย”
นั่นไง..ก็เพราะอย่างนี้พี่ถึงต้องโกหกกี้ไง เพราะพี่คิดมาเสมอว่าคนที่พี่แอบรักเค้าคงจะเกลียดจะกลัวพี่ เมื่อรู้ว่าพี่เป็นใครหรือลูกใคร เหมือนคนอื่นๆในโรงเรียนที่เป็นกัน” พี่เนยทำเสียงเหมือนจะร้องไห้ตอนที่กำลังพูด
พอวันนึง วันที่ได้คุยกับกี้แล้วพี่ได้รู้ว่ากี้ไม่รู้ว่าพี่เป็นใครพี่ถึงรู้ว่าพระเจ้าเข้าข้างพี่แล้ว ในที่สุดพระเจ้าก็ยอมรับคำขอร้องของพี่ที่พี่เฝ้าขอให้ได้คบกับกี้ ขอให้กี้ไม่เกลียดพี่ พี่ถึงได้ทำอะไรโง่ๆกับกี้อย่างนั้น พี่พูดความจริงนะพี่คิดไม่ออกจริงๆว่าพี่จะจีบกี้ยังไงโดยที่ไม่ให้กี้รู้ตัวก่อนว่าพี่เป็นใคร พี่ขอโทษนะพี่รู้ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องที่ให้อภัยกันไม่ได้ง่ายๆแต่พี่คิดเพียงแค่ว่าถ้าเรามีอะไรกันแล้วเด๋วกี้ก็รักพี่เองอ่ะ พี่คิดอย่างนั้นจริงๆ แล้วพี่ไม่ได้อยากโกหกกี้ตลอดเวลานะ แต่พี่ขอแค่เวลาที่ให้กี้ได้เริ่มรู้สึกชอบพี่มาบ้างสักนิดนึงก็ยังดี อย่างน้อยๆก็ยังพอมีโอกาสให้กี้ได้มองพี่บ้าง”
ฉันอึ้งยืนฟังที่พี่เนยสาธยายมา นี่เธอกำลังทำตัวน่าสงสารอีกใช่มั้ย
กี้รู้มั้ยว่าพี่แอบชอบกี้มาตั้งแต่ที่กี้อยู่ม.3แล้วนะ ตอนนั้นกี้ยังไม่สวยและยังไม่ดังขนาดนี้เลย แต่พี่ก็ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้กี้ ทั้งพี่กลัวว่ากี้จะกลัวพี่ และรับไม่ได้ที่ผู้หญิงด้วยกันอย่างพี่จะมาชอบ พี่ได้แต่ทำใจ แต่ยิ่งนานไปความชอบกี้ก็กลายเป็นความรัก มันมากขึ้นเรื่อยๆจนพี่ไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกตัวเองได้ ยิ่งตอนที่กี้ขึ้น ม.4แล้วมีคนมาชอบกี้เยอะขึ้น กี้ป๊อบขึ้น พี่ก็ยิ่งทำใจไม่ได้ พี่อยากคบกับกี้ อยากอยู่ใกล้ๆกี้ตลอดเวลา จนกระทั่งวันที่กี้โดนคัดเลือกตัวออกไปถือป้าย พี่ถึงยอมสมัครเข้าไปถือป้ายด้วยทั้งๆที่ไม่เคยยอมร่วมกิจกรรมกับโรงเรียนสักที ก็เพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆกี้ไง กี้รู้มั้ย”
อ๋อ..นี่วางแผนมาแต่แรกแล้วเหรอ” ฉันอึ้งเมื่อได้ฟังที่พี่เนยเล่ามา “นี่คิดจะทำอะไรมิดีมิร้ายกับกี้มาตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ย พี่เนยนี้ร้ายเหมือนที่กี้คิดไว้เลย สมแล้วที่เป็นลูกบ้านนี้” ยิ่งฟังฉันยิ่งเจ็บใจคิดอะไรไม่ออกอยากตบคนตรงหน้าขึ้นมาทันที แต่แค่ฉันยกมือขึ้นพี่เนยก็จับมือฉันไว้แล้วดึงแขนฉันจนฉันเซเข้าไปในอ้อมกอดเธอ
พี่เนยล็อคตัวฉันไว้แน่น ไม่ว่าฉันจะดิ้นยังไงก็ไม่หลุดออกจากสองแขนเธอง่ายๆ
ปล่อยกี้นะ คนโกหก กี้เกลียดที่สุดเลย” ฉันทั้งพูดทั้งพยายามดิ้นออกแต่พี่เนยกับยิ่งออกแรงกอดฉัน ซ้ำยังลากฉันเข้าไปที่เตียงของเธออีก
โอ้ย... จะทำอะไรนี่” ฉันร้องขึ้นทันทีที่พี่เนยโยนตัวฉันลงไปที่เตียง แล้วรีบนั่งค่อมฉันไว้ สองแขนของเธอยังตามมาจับแขนของฉันตรึงไว้กับเตียงอีก
ก็จะคุยกับกี้ไง” พูดเสร็จพี่เนยก็ก้มลงจูบพรมฉันไปทั่วใบหน้า
คุยบ้าอะไรอย่างนี้ ปล๊อย..” ฉันร้องเสียงหลงไปตามแรงที่พี่เนยก้มลงหอมฉันตรงนั้นทีตรงนี้ที
กี้น่ะ พูดดีๆไม่รู้เรื่อง ต้องให้มีตัวช่วยถึงจะรู้ว่าอะไรคือความจริงอะไรคือสิ่งที่พี่พยายามทำให้รู้ว่าพี่ไม่ได้โกหก”
บ้าแล้ว..ไม่ต้องมาทำอย่างนี้เลย ไม่มีอารมณ์ด้วยหรอก ช่วยด้วย” ฉันร้องโวยวายหวังว่าจะมีใครสักคนได้ยินฉันแล้วจะมาช่วย
ร้องให้ใครช่วย ไม่มีใครเค้ามาช่วยกี้หรอก บ้านก็บ้านพี่ นี่ถ้าไม่อายว่าโดนพี่ปล้ำก็ร้องดังๆไปเลยนะ เค้าจะได้รู้กันทั้งบ้านเลยไงว่ากี้กับพี่เป็นอะไรกัน”
อี๊...อีพี่เนยบ้า โอ้ย หยุดเดี๋ยวนี้..” สิ้นเสียงฉันร้อง พี่เนยก็ก้มลงจูบพรมไปทั่วร่างกายของฉัน
ฉันทั้งโกรธทั้งโมโห ในใจก็นึกคำสบถด่าพี่เนยออกมาเรื่อยๆ
คนบ้าอะไรนี่ เอะอะก็จะปล้ำ เอะอะก็จะปล้ำ สมองคิดเรื่องอื่นไม่ออกแล้วหรือไง
ปัดโธ่เว้ย..ฉันชักจะโมโหแล้วนะ ฉันพยายามออกแรงผลักพี่เนยออกจากตัวจนพี่เนยเสียหลัก ล้มหงายหลังไปที่พื้นเตียง เมื่อได้จังหวะตอนนี้ฉันก็รีบลุกขึ้นนั่งคร่อมร่างพี่เนยไว้มือก็รีบตรึงแขนทั้งสองข้างของหล่อนไว้ทันที
นี่!! ทำอย่างนี้กับกี้อีก ยังไม่เข็ดใช่มั้ย อย่างนี้ต้องโดนเอาคืนเหมือนเมื่อเช้าอีก..จะได้รู้ซะบ้างว่าไม่ควรใช้วิธีนี้กับกี้บ่อยๆ”
พูดเสร็จฉันก็โน้มร่างลงไปกอดรัดกับหญิงสาวที่อยู่เบื้องล่าง มือทั้งสองข้างก็ดึงรั้งเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายของหล่อนออกทีละชิ้นสองชิ้นจนไม่เหลือติดตัวเจ้าหล่อน ใบหน้าของฉันนั้นเคลื่อนย้ายไปมาตามเรือนร่างของเธอทั้งหอมทั้งจูบตามเนื้อตามตัวของหล่อน ประหนึ่งว่าตอนนี้ฉันต้องการจะดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งฉันคงรู้สึกอยากดูดกลืนทุกอย่างในตัวของหล่อนจริงๆ เพราะตอนนี้ฉันกลายเป็นควบคุมสติอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะฉันโกรธให้พี่เนยด้วยหรือเพราะฉันหมั่นไส้ในวิธีการแก้ปัญหาของหล่อน ตอนนี้กลายเป็นว่าจะทั้งออกแรงดูด ออกแรงกัดทังบีบทั้งคั้นตามเนื้อตัวพี่เนยไปทุกส่วนสัด พี่เนยคงเจ็บเพราะฉันได้ยินเสียงร้องครางของหล่อนออกมาทุกๆครั้งที่โดนฉันทำอย่างนั้นกับเธอแรงๆ แต่เธอก็ไม่ว่าอะไร เธอก็ยังปล่อยให้ฉันทำอย่างนั้นกับเธอไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสิ้นสุดเกมส์รักของฉันกับพี่เนยที่สลับกันรุกสลับกันรับอยู่อย่างนั้นตลอดทั้งเช้า
...กลายเป็นว่าวันนี้เกือบทั้งวันฉันใช้เวลา “คุย” กันกับพี่เนยสองคนจนแทบไม่เป็นอันทำอะไรเลย
แม้กระทั่งกินข้าวเช้าหรือข้าวเที่ยงด้วยกัน...
***************************************************
เสียงเอี๊ยดอ๊าดของเตียงดังขึ้นพร้อมๆกับการยุบตัวของที่นอนที่เป็นไปตามแรงขยับตัวของหญิงสาวร่างบางสะโอดสะองที่กำลังลุกขึ้นก้มลงสำรวจร่างกายของตัวเธอเองก่อนจะหยิบเอาเสื้อคลุมสีมันเงาที่โดนฉันถอดทิ้งลงด้านล่างของพื้นขึ้นมาคลุมร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองอย่างลวกๆแล้วค่อยๆเก็บเอาเสื้อผ้าหล่อนลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในฉากห้องที่เป็นกระจกกัดเซาะลวดลายโมเดิร์นที่ถูกออกแบบตกแต่งให้เข้ากับชุดเฟอร์นิเจอร์ในห้องไม่ว่าจะเป็นเตียงนอน โซฟา ชั้นวางของ ตู้เตียง
เมื่อพี่เนยเดินหายเข้าไปในฉากกระจกกั้นนั้น ฉันก็รีบยกตัวขึ้นมาจากที่นอนพร้อมๆกับผ้าห่มที่คลุมร่างกายเปลือยเปล่าตั้งแต่ช่วงบนของฉันเอาไว้ให้ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จะด้วยทั้งความอายก็ดีหรือเพราะกลัวว่าคนที่หายเข้าไปจะกลับออกมาเห็นฉันในสภาพที่ยังนอนอยู่บนเตียงโดยที่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยแล้วจะกลายเป็นเรื่องราวทำให้ฉันต้องเข้าไปสู่เกมส์รักของพี่เนยจนฉันไม่สามารถไปไหนมาไหนได้ต่อแล้วก็ดี ฉันจึงคิดว่าในโอกาสตอนที่เธอไม่ได้อยู่ใกล้ๆฉันตอนนี้ น่าจะรีบๆแต่งตัวให้เรียบร้อยจะดีกว่า
เสื้อผ้าต่างๆถูกฉันหยิบจับขึ้นมาแต่งด้วยเวลาไม่ถึงนาที ฉันหันไปยืนส่องตรงเงาของกระจกในประตูบานเลื่อนบานกระจกที่สะท้อนเป็นเงาลางๆของฉันเพื่อสำรวจความเรียบร้อยของร่างกายอย่างลวกๆก่อนจะใช้มือค่อยๆรวบปลายผมที่รุ่ยร่ายของตัวเองไปในทิศทางเดียวกัน
เสียงก๊อกๆแก๊กๆดังออกมาจากอีกฝากหนึ่งของฉากกระจก ฉันรีบจัดแต่งเสื้อผ้าและทรงผมให้เข้าที่แล้วแสร้งทำเป็นนั่งลงนิ่งๆไม่ขยับเขยื้อนไปไหนจากปลายเตียง ทำหน้าเฉยชาไม่สนใจสิ่งที่อยู่รอบๆตัวตอนนี้ ทั้งๆที่จริงก่อนหน้านี้ตาของฉันนั้นแอบสอดส่องไปมาในพื้นที่ห้องของพี่เนยเกือบๆทั้งห้องแล้ว
ตอนนี้เมื่อฉันนั่งลงนิ่งๆตรงขอบเตียงทางด้านมุมโต๊ะวางของที่อยู่ใกล้ๆกับประตูทางเข้าแล้วสายตาของฉันก็ไปหยุดอยู่ที่รูปถ่ายขนาดใหญ่รูปหนึ่งมันเป็นรูปอัดขยายใหญ่ใส่กรอบไม้น่าจะสูงประมาณเมตรกว่าๆได้ เป็นรูปของเด็กหญิงตัวน้อยๆคนหนึ่งใส่ชุดบัลเล่ห์สีขาวในมือถือไม้คฑานางฟ้าสีขาวใสที่โดนแสงแดดกระทบเป็นรัศมีแวววาว ใบหน้าเด็กคนนี้ไม่บอกก็รู้ว่านั่นคือพี่เนยในวัยเด็กนั่นเอง
..น่าชังเชียว.. เป็นความคิดในแว็บแรกที่ฉันเหลือบไปเห็นรอยยิ้มของเด็กน้อยที่โชว์ให้เห็นฟันขาวและเนื้อแก้มที่โย้ขึ้นบังดวงตาสีน้ำตาลที่หรี่ลงตามรอยยิ้มแห่งความสุขที่เจ้าของภาพกำลังแสดงออกมา ณ เวลานั้น
นี่ถ้าตอนนี้ฉันเห็นเด็กคนนี้ฉันคงรีบตรงปรี่เข้าไปอุ้มขึ้นมาหอมแก้มซ้ำแล้วซ้ำอีกแน่ๆ
ดูแววตาก็ช่างไร้เดียงสา ใสซื่อบริสุทธิ์ ราวกับเทพธิดานางฟ้าตัวน้อยซึ่งแตกต่างจากนางมารร้ายจอมกะล่อนขี้อ้อนออเซาะที่ฉันเจออยู่นี่เสียจริง
ฮึ่ม..ไม่รู้ว่าเธอผ่านอะไรมาบ้างนะ โตขึ้นมาถึงกลายเป็นคนละคนได้ขนาดนี้ ฉันทั้งคิดทั้งมองภาพไปเรื่อยจนกระทั่งรู้สึกตัวว่าตอนนี้มีร่างๆหนึ่งขยับเข้ามาใกล้ๆฉันแล้ว
พี่เนยนั่นเองตอนนี้เธออยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวในมือถืออะไรสักอย่างซ่อนมาไว้ข้างหลังของเธอด้วย เธอค่อยๆขยับมาต่อหน้าฉันแล้วหย่อนตัวลงนั่งพับเพียบลงกับพื้นอยู่เกือบๆจะชิดๆขาของฉันที่นั่งอยู่ที่เตียงตอนนี้
พี่เนยเงยหน้าขึ้นมามองฉันที่ตกใจไม่คิดว่าเธอจะกล้านั่งลงกับพื้นในขณะที่ฉันนั่งอยู่บนเตียงสูงกว่าเธออย่างนี้
เฮ้ย..พี่เนยลงไปนั่งข้างล่างทำไม ขึ้นมานั่งข้างบนสิ” ฉันรีบดึงพี่เนยขึ้นมาข้างบนแต่เธอกับรั้งตัวเองไว้ทำอย่างกับตอนนี้เธอต้องการจะขอร้องอะไรฉันสักอย่าง
ไม่เป็นไรพี่อยากนั่งมองหน้ากี้ตรงนี้ พี่อยากให้รู้ว่าพี่เห็นกี้สำคัญขนาดไหน”
ก็ไม่จำเป็นต้องนั่งข่างล่างนี้” ฉันยังพยายามดึงพี่เนยขึ้นมานั่งข้างบนเตียงด้วยกันต่อแต่เธอก็ยังรั้น มิหนำซ้ำพอฉันทำท่าจะลงมานั่งข้างล่างกับเธอเธอก็ดันฉันเอาไว้ให้นั่งข้างบนเหมือนเดิมอีก
นั่งตรงนั้นล่ะน่ะ พี่มีเรื่องจะคุยกับกี้” พี่เนยเงยหน้าขึ้นมามองฉันด้วยสายตาและน้ำเสียงออดอ้อน
เรื่องอะไร..” ฉันคิ้วขมวดทำหน้างงก้มหน้าลงมองหน้าผู้พูดด้วยความสงสัย
กี้หายโกรธให้พี่แล้วใช่มั้ย..ขอโทษจริงๆนะ อย่าโกรธให้พี่เลยนะ ต่อไปนี้พี่จะไม่โกหกกี้อีกแล้ว ยกโทษให้พี่ด้วยนะคะ.. นะกี้นะ” พี่เนยทำเสียงออดอ้อนพยายามขอโทษเรื่องที่เราใช้เวลา..คุย..กันไปทั้งเช้าเมื่อกี้
..ฮึ่ม..ยังจะมีหน้ามาถามอีก ซะขนาดนี้แล้ว..จะยังให้โกรธอีกมั้ยล่ะ...
ฉันทั้งคิดทั้งนั่งจ้องหน้าพี่เนยอย่างงอนๆอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็คงได้แต่ปล่อยให้เลยตามเลยแล้วกัน
ฉันถอนหายใจ พยักหน้างึกๆให้เจ้าหล่อนอย่างเสียไม่ได้เพื่อบอกว่าไม่เป็นไรกับเรื่องนั้นแล้ว หล่อนก็ยิ้มออกทำท่าดีอกดีใจทันทีที่เห็นท่าทีของฉัน ก่อนจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พูดเรื่องต่อไปของเธออีก
พี่มีอะไรจะให้กี้อ่ะ..”พี่เนยยิ้มเธอยื่นมือข้างที่เธอแอบไว้ข้างหลังออกมาให้ฉัน ในมือนั้นมีกล่องอะไรบางอย่าง ฉันมองดูมันคล้ายกับกล่องมือถือยี่ห้อแพงๆยี่ห้อหนึ่งที่เห็นเพื่อนนักเรียนในห้องอยากได้แล้วขอเงินพ่อแม่ซื้อเพื่อมาอวดกันในห้อง
พี่ตั้งใจจะเอาให้กี้เป็นของขวัญสำหรับ..วันแรกที่เราได้อยู่ด้วยกันนะ กี้รับไว้ได้มั้ย” เธอยื่นกล่องสีขาวๆกล่องนั้นมาให้ฉัน ตอนนี้ในใจฉันกำลังลังเลว่าสิ่งที่ฉันคิดว่ามันคืออะไรนั้นจะจริงหรือไม่เลยเริ่มอึกอักๆตอนที่โดนพี่เนยรบเร้าให้รับกล่องๆนั้นจากมือเธอไปเมื่อฉันรับไปเธอก็รบเร้าฉันต่อให้รีบเปิดดูของในกล่องนั้นทันที
เมื่อฉันทนเธอรบเร้าไม่ไหวเปิดดูกล่องที่เธอให้มานั้นก็พบว่ามันคือสิ่งที่ฉันคิดจริง ฉันคิ้วขมวดตาโตทันทีที่เห็นเจ้าสิ่งนี้อยู่ในกล่อง
เฮ้ยพี่เนย อะไรนี่”
ก็ไอโฟนไง โมเดลนี้พึ่งเปิดตัวที่อเมริกาสัปดาห์ก่อนเองนะยังไม่นำเข้าไทยเลยพี่ให้ลูกน้องพ่อพี่หิ้วมาให้ ตัวนี้นะรุ่นท๊อปนะสีทองด้วยพี่เลือกรุ่นที่ดีที่สุดและแพงที่สุดให้กี้เลยนะ พี่อยากให้กี้มีโทรศัพท์ดีๆใช้ เอาไว้ใช้คู่กับเครื่องเก่าของกี้ก็ได้นะ เบอร์นี้พี่เปิดให้ใหม่เด๋วพี่ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายการโทรให้กี้เอง”
อะไรอะพี่เนย กี้ไม่เอาอ่ะ มันแพงเกินไปกี้ไม่กล้าใช้หรอก พี่เนยเอากลับไปเหอะ”
พี่เนยทำหน้าเศร้าตอนที่ฉันยื่นกล่องโทรศัพท์คืนไปให้เธอ เธอยื่นคืนมาพร้อมรบเร้าให้ฉันรับโทรศัพท์เครื่องนี้ไว้เหมือนเดิม
กี้รับไว้เถอะนะ พี่แค่ให้กี้เป็นของขวัญอ่ะ ก็เหมือนที่คนอื่นๆเอานั่นเอานี่มาให้กี้กันไง พี่ก็รักกี้พี่ก็อยากมีอะไรมาให้กี้เหมือนกันอะ ของแค่นี้มันไม่ได้แพงอะไรเลยนะถ้าเทียบกับการที่กี้ได้อยู่ใกล้ชิดพี่ในตอนนี้”
มันเวอร์ไปป่ะพี่เนย กี้ยังเรียนอยู่อ่ะ แล้วใครๆก็รู้ว่าฐานะทางบ้านกี้ไม่ได้รวยถึงขนาดมีเงินซื้อของแบบนี้มาใช้ ถ้าใครถามกี้ กี้จะตอบพวกเค้าว่ายังไงล่ะ”
กี้ก็ตอบเค้าไปสิว่าพี่เป็นคนเอาให้กี้เอง ถ้าพวกนั้นรู้ว่าเป็นพี่ เด๋วเค้าก็เลิกถามกันเองล่ะ”
นี่พี่เนยอวดรวยเหรอ” ฉันคิ้วขมวดจ้องหน้าพี่เนยถามคืนในสิ่งที่ฉันสงสัย
ก็ไม่ได้อวดรวย มันเป็นเรื่องปกติของพี่อะ อยู่บ้านพี่เค้าก็ใช้อย่างนี้กันทั้งบ้านถ้าพี่จะเอาให้คนที่พี่รักใช้ด้วยมันจะแปลกตรงไหนอ่ะ”
พี่เนยอ่ะ..” ยังไม่ทันที่ฉันจะเถียงพี่เนยต่อเธอก็รีบดันกล่องโทรศัพท์กล่องนั้นมาไว้ในมือฉันพร้อมๆกับเหตุผลของเธอที่ต้องการให้ฉันใช้โทรศัพท์เครื่องนี้
พี่จำได้นะว่ากี้ชอบดูซีรีย์ แล้วพี่ก็จำได้ว่าจอโทรศัพท์ของกี้น่ะมันเล็กเกินไปกี้อาจจะมองดูซีรีย์ได้ไม่สนุกเท่าไหร่อะ ถ้ากี้ดูเครื่องนี้นะกี้จะโหลดแอพมาดูหนังในเครื่องกี่เรื่องก็ได้แถมยังต่อเข้าคอมเข้าโทรทัศน์ได้อีกอ่ะ ถ้ากี้ใช้เครื่องนี้ดูหนังนะกี้จะต้องชอบกว่าเครื่องเก่าแน่ๆ นะกี้รับไว้เถอะนะ”

..อะ..รู้จักหาเหตุผลมาหลอกล่อฉันอีกยัยคนนี้ ฉันอึ้งทันทีที่คิดตามในสิ่งที่หล่อนพูดมา
ฉันนั่งนิ่งมองกล่องโทรศัพท์เครื่องนี้อยู่นานจนหล่อนจับมือของฉันออกมาจับเอาโทรศัพท์เครื่องนี้ไป
แล้วอีกเหตุผลนึงที่พี่อยากให้กี้ใช้โทรศัพท์เครื่องนี้ก็คือ พี่อยากเห็นหน้ากี้ตลอดเวลา ถ้าตอนไหนที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันพี่ก็จะวิดีโอคอลมาหากี้นะ พี่ขอแค่ให้กี้ใช้โทรศัพท์เครื่องนี้กับพี่คนเดียวก็พออย่าให้เบอร์คนอื่นนะ”
ฉันอึ้งพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้โทรศัพท์เครื่องนี้มาอยู่ในมือของฉันแล้ว พี่เนยยิ้มออกทันทีที่เห็นฉันรับโทรศัพท์เครื่องนี้ไว้
เธอขยับตัวเข้ามาอยู่ใกล้ๆฉันแล้วยื่นแขนและลำตัวส่วนบนของเธอขึ้นโน้มขึ้นมาวางบนตักของฉันก่อนจะเงยใบหน้าที่ยิ้มโชว์ฟันสวยและดวงตากลมโตมีประกายความหวังบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้นมาอวดให้ฉันเห็น
มือของเธอสองข้างของเธอโอบขาทั้งสองข้างของฉันเอาไว้ทำประหนึ่งเหมือนเธอกำลังจะขอร้องหรืออ้อนวอนอะไรฉันสักอย่าง
กี้..พี่มีเรื่องอยากจะคุยกับกี้อีกอะ” ฉันนิ่งมือที่ถือโทรศัพท์อยู่ก็เลื่อนเอาโทรศัพท์ไปวางไว้ที่เตียงแล้วค่อยๆเลื่อนมาจับที่มือของพี่เนยที่ลูบวนไปมาอยู่ที่ขาอ่อนของฉันตอนนี้ ใบหน้าของฉันจดจ่อรอฟังสิ่งที่เธอกำลังจะบอกอยู่ต่อไปนี้
กี้คบกับพี่ได้มั้ย” พี่เนยพูดพลางจ้องมองฉันดวงตาที่แสดงให้เห็นถึงความจริงจังในสิ่งที่เธอพูดมาเมื่อกี้ ฉันอึ้งพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอขอร้องตอนนี้
พี่อยากให้เราคบกัน เหมือนที่..ผู้ชายผู้หญิงเค้าคบกันเป็นแฟนอ่ะ อย่างที่พี่บอกกี้ พี่รักกี้มาตั้งนานแล้ว พี่แน่ใจมานานแล้วว่าพี่รักกี้เหมือนที่ผู้หญิงผู้ชายเค้ารักกัน พี่ถึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะอยู่ใกล้ชิดกี้อย่างนี้ ถ้ากี้ยังไม่มีใคร ยังไม่ได้คบใครตอนนี้ กี้คบกับพี่ได้มั้ย”
ฉันอึ้งเมื่อได้ยินคำถามของพี่เนย
...ยังไงดีล่ะ ฉันไม่ใช่คนที่จะฝืนความรู้สึกของตัวเองเพื่อทำให้คนอื่นรู้สึกดีเสียด้วย ฉันไม่อยากจะตอบตกลงไปเพียงเพราะว่าฉันสงสารพี่เนยเท่านั้นเลย เพราะจริงๆแล้วตอนนี้ฉันแทบจะยังไม่รู้จักใจของตัวฉันเองเลยว่า..ฉันรู้สึกยังไงกับพี่เนย
ใช่..ถามตอนนี้ฉันก็ยังงงอยู่เหมือนเดิม แม้แต่คำว่าชอบมันก็ยังอยู่แค่ ชอบนิดๆ มันยังไม่สามารถจะใช้คำว่ารักอย่างที่พี่เนยพูดมาได้เลย
ฉันพึ่งรู้จักพี่เนยมา3วันแค่นั้นเอง และที่สำคัญฉันก็พึ่งจะมารู้จักตัวตนจริงๆของหล่อนก็เมื่อไม่กี้ชั่วโมงก่อนหน้านั้นเท่านั้น
จะให้ฉันตอบตกลงคบกับคนที่เค้าหลอกฉันให้ฉันเขวกับความรู้สึกของตัวเองได้อย่างไร
แค่คิดฉันก็คิ้วขมวดใบหน้าบ่งบอกถึงอารมณ์สับสนในตัวเองทันที
พี่เนยจ้องมองรอฟังคำตอบของฉันอยู่นานจนหน้าเสีย เธอคงรู้ว่าฉันกำลังคิดมากในสิ่งที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้น
กี้..” ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจาขอร้องอะไรฉันต่อ เธอก็โดนฉันหยุดไว้ด้วยคำพูดของฉันทันที
พี่เนย..กี้ยังไม่คบกับพี่เนยได้มั้ยอ่ะ กี้ยังไม่รู้ใจตัวเองตอนนี้เลยว่าจริงๆแล้วกี้รู้สึกยังไงกับพี่เนยอ่ะ เอาจริงๆนะมันเร็วเกินไป กี้ไม่เคยรู้สึกรักใครสักทีแล้วตอนนี้กี้ก็ยังไม่คิดว่ากี้..รักพี่เนยนะ กี้อาจจะชอบพี่เนยบ้างนิดๆ แต่มันยังไม่พอที่จะเป็นเหตุผลให้กี้ต้องคบกับพี่เนยใช่มั้ยอ่ะ พี่เนยเป็นผู้หญิงเหมือนๆกันกับกี้น่าจะรู้ใช่มั้ยเรื่องบางเรื่องมันก็ต้องอาศัยเวลานะ จะปุ๊บปั๊บคบกันเลยมันก็คงไม่ใช่อ่ะ”
พี่เนยหน้าเสียทันทีที่ได้ยินฉันพูดไป เธอต้องตั้งสติอยู่นานกว่าจะพยายามพูดกับฉันต่อ
ถ้าอย่างนั้น..พี่ขอโอกาสกี้ได้มั้ย..พี่ขอแค่ให้พี่ได้อยู่ข้างๆกี้ ให้พี่ได้พยายามดูแลกี้แสดงให้กี้เห็นว่าพี่รักกี้แค่ไหน เหมือนๆที่คนอื่นๆเค้าเข้ามาจีบกี้กัน กี้จะบอกคนอื่นก็ยังไงก็ได้ว่าไม่ได้คบกับพี่ บอกว่าพี่จีบกี้ก็ได้ ขอแค่ให้พี่ได้มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกี้เหมือนอย่างตอนนี้หรือเมื่อคืนหรือเมื่อวานพี่ขอแค่นั้นก็ได้นะ พี่จะไม่บอกคนอื่นเรื่องที่เรามีอะไรกันเลย พี่ขอแค่ให้กี้เปิดโอกาสให้พี่ได้ใกล้ชิดกี้มากกว่าคนอื่นก็พอนะ พี่ขอแค่นี้ก็ได้” พี่เนยขยับตัวเข้ามาใกล้ๆฉันเธอใช้มือสองข้างจับขาของฉันไว้ทำท่าเหมือนจะเขย่าขาขอร้องอ้อนวอนให้ฉันเห็นใจในสิ่งที่เธอพูดมาเมื่อกี้ ใบหน้าของเธอก็แสนเศร้าแต่ในดวงตาทั้งสองข้างก็ยังแอบมีความหวังอยู่ในตอนที่พยายามจ้องมองมานี้
พี่ขอแค่นี้...นิดเดียวแค่นั้นพอเลยกี้ แล้วพี่จะไม่รบเร้ากี้ให้กี้รำคาญพี่อีกเลยนะ”
เฮ้อ..แล้วแค่ฉันมองดวงตาที่แฝงไว้ด้วยความเศร้าสร้อยและน่าสงสารคู่นั้นแล้วฉันก็อดที่จะสงสารเจ้าหล่อนไม่ได้จริงๆ
ก็ได้..แต่พี่เนยจำไว้นะ ว่าเราไม่ได้เป็นแฟนกัน..ถึงแม้เราสองคนจะมีอะไรกันแล้วจะ..อะไรยังไงกันแล้วก็ตาม มันก็ยังใช้คำว่าแฟนไม่ได้เหมือนเดิม เข้าใจมั้ย”
พี่เนยยิ้มออกทันที เธอก้มหน้าเอียงหัวหนุนลงที่หน้าตักของฉัน ทำเสมือนแมวน้อยที่กำลังนอนอ้อนเจ้าของของมัน
ขอบใจกี้นะ แค่นี้พี่ก็ดีใจที่สุดแล้วล่ะ ขอบใจที่ให้โอกาสพี่นะ” เธอเอนหัวหนุนตักฉันอยู่นานปล่อยให้ฉันใช้มือลูบหัวเธอไปมาอย่างนั้นจนกระทั่งเหมือนเธอนึกเรื่องอะไรบางเรื่องได้ เธอจึงค่อยๆผละตัวออกจากฉันลุกขึ้นเดินเข้าไปที่หลังฉากนั้นแล้วกลับออกมาพร้อมๆกับ ผ้าเช็ดหน้าที่ถูกพับไว้บนมือเธอ
นี่ของกี้ใช่มั้ย พี่ซักให้เรียบร้อยแล้วนะ วันนั้นออยกับอาจารย์บอกพี่ว่าตอนพี่เป็นลมไม่ได้สติ..กี้เป็นคนดูแลพี่..ขอบใจกี้มากเลยนะ” พี่เนยพูดพลางเดินเข้ามานั่งอยู่ตำแหน่งเดิมที่เธอนั่งอยู่กับพื้นเมื่อกี้ เธอยื่นผ้าเช็ดหน้าคืนมาให้ฉัน พร้อมๆกับสายตาที่แสดงให้เห็นว่าเธอดีใจในเรื่องที่เธอพูดมาเมื่อครู่นี้มาก
กี้รู้มั้ย ตอนเดินขบวนน่ะพี่เกือบจะถอดใจจากกี้แล้วนะ เพราะพี่คิดว่ากี้อาจจะเกลียดพี่จริงๆ ถ้าเราแยกย้ายจากงานกีฬาสีนี่พี่คงไม่ได้เจอกี้อีก เพราะกี้คงต้องหลบหน้าพี่แน่ๆ ในความคิดพี่ตอนนั้นคือพี่คิดว่าพี่ควรจะตัดใจดีกว่า เป็นไปไม่ได้หรอกที่กี้จะมาสนใจพี่ จนกระทั่งพอพี่เป็นลมแล้วตื่นมาเจอว่าเป็นกี้ที่มาดูแลพี่ตอนที่พี่ไม่มีใครแล้ว แค่นั้นมันก็ทำให้พี่คิดว่ากี้น่าจะมีอะไรเกี่ยวกับพี่อยู่ในใจของกี้บ้าง พี่ถึงรู้ว่า ในคำว่าเป็นไปไม่ได้มันยังมีความเป็นไปได้อยู่นั้นอยู่ อาจจะมีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์แต่มันก็มากพอที่พี่จะพยายามทำให้เห็นว่าพี่รักกี้เพียงใด พี่ถึงรอให้เวลามันผ่านไปเฉยๆไม่ได้ ถึงตัดสินใจมาหากี้ในเวลาดึกดื่นอย่างนั้น พี่แค่หวังว่าในตอนที่กี้ยังอาจจะไม่แน่ใจตัวเองอยู่นี่ขอให้พี่ได้ทำให้กี้เห็นถึงความพยายามของพี่ได้มั้ย..ว่าพี่รักกี้ขนาดไหน”
ฉันนั่งนิ่งมองพี่เนยสาธยายถึงเรื่องราวที่เธอตัดสินใจบุกเข้ามาหาฉันอยู่ที่บ้านในตอนกลางคืน ยิ่งมองใบหน้าที่พยายามอธิบายของเธอมาแล้ว ยิ่งทำให้ฉันสับสนว่า ฉันมีความสำคัญกับผู้หญิงคนนี้ขนาดนี้เลยเหรอ
จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ยอมทำตัวไร้คุณค่าและบ้าบอยอมทำอะไรเสี่ยงๆอย่างนี้ ถ้าเค้าไม่ได้..รัก..เราจริงๆ
นี่ฉันควรจะให้โอกาสพิจารณาหล่อนเหมือนดังที่หล่อนขอร้องมาใช่มั้ย
นี่ใช่มั้ยความรู้สึก สงสาร แปลกๆที่ออกมาจากใจของฉันที่เกิดขึ้นกับพี่เนยบ่อยๆ แม้จะรู้ว่าสิ่งที่เธอทำมันผิด หรือมันแปลกแต่ก็ยังยอมให้อภัยได้
เป็นเพราะลึกๆแล้วฉันรู้ใช่มั้ยว่า..คำว่ารักที่เธอพยายามพูดมาตลอดนั้นคือความจริง
เฮ้อ..ตอนนี้ความรู้สึกลำบากใจกำลังก่อตัวขึ้นในสมองของฉันแล้ว..เมื่อมองหญิงสาวที่ทำตาหวานซึ้งพูดเพร้อถึงความรักของเจ้าหล่อนที่มีให้ฉันแล้วมันก็อดที่จะคิดเป็นภาระที่หนักในใจตอนนี้ไม่ได้
ทำไมต้องมาทำให้ฉันลำบากใจในวันที่ฉันยังไม่พร้อมด้วยนะพี่เนย ฉันทั้งคิดทั้งเหม่อมองหญิงสาวที่ดวงตาเริ่มหม่นหมองขึ้นทันทีที่เธอเห็นฉันคิ้วขมวด
พี่เนยเงยหน้ามองมาที่ฉันด้วยดวงตาเศร้าสร้อย ใบหน้าบ่งบอกว่าเธอคงจะรับไม่ได้ถ้ารู้ว่าความหมายของใบหน้าที่คิ้วขมวดของฉันนั้นคือ ความไม่แน่ใจ
ฉันมองดวงตาพี่เนยแล้วก็เริ่มสงสาร ในใจก็อยากปลอบโยนเธอในฐานะของผู้หญิงด้วยกัน ฉันยื่นมือไปจับที่แก้มของพี่เนย แล้วจะค่อยๆเลื่อนลงมาที่ต้นคอของหล่อนเพื่อจัดปลายผมรุ่ยร่ายให้ของเธอให้อยู่ในทิศทางเดียวกันก่อนจะโน้มตัวของฉันลงมาจูบและหอมไปทั่วๆใบหน้างามๆของเธอ แล้วจึงเงยหน้าออกมาจับจ้องดวงตาที่เริ่มมีประกายความหวังขึ้นจากการได้รับสัมผัสของการปลอบใจจากฉันไปเมื่อครู่
ตอนนี้สายตาของฉันสำรวจไปรอบๆใบหน้าของเธอและเลื่อนเลยลงมาจนกระทั่งถึงเนินหน้าอกของพี่เนยที่โผล่พ้นชายเสื้อสองข้างของเสื้อคลุมอาบน้ำที่พี่เนยสวมคลุมทับร่างกายของเธอไว้ตอนนี้
ฉันสะดุ้งตกใจทันที่ที่เห็นร่องรอยบางอย่างโผล่ให้เห็นเป็นขอบรอยสีแดงๆเขียวๆช้ำๆตรงเนินนั้นนิดนึง
เมื่อนึกขึ้นได้ฉันรีบเปิดชายเสื้อทั้งสองข้างของพี่เนยออกทันที
ตายแล้ว.. ตอนนี้แถวๆเหนือเนินหน้าอกของพี่เนย เลยไปกระทั่งเกือบถึงต้นคอ รวมทั้งแถวๆต้นแขนขาวๆเนียนๆของพี่เนยตอนนี้มันกลายเป็นรอยๆช้ำแดงๆเป็นปื้นๆ รอยเล็กใหญ่สลับกันไปทั่วๆบริเวณนั้นของพี่เนยไปหมดเลย ยิ่งพี่เนยเป็นคนผิวขาวยิ่งทำให้เห็นรอยช้ำพวกนี้ขึ้นชัดเจนมาก
ฉันรีบหันควับขึ้นไปมองหน้าพี่เนยทันที พี่เนยก็อึ้งที่เห็นท่าทางตกใจของฉัน
เจ็บหรือเปล่าอ่ะพี่เนย กี้ขอโทษนะ”
ไม่เป็นไร ตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว โอเคแล้ว” พี่เนยยิ้มให้ฉันนิดนึงก่อนที่เธอจะพยายามดึงชายเสื้อทั้งสองเข้าหากันไว้เหมือนเดิมเพื่อแสร้งเปลี่ยนเรื่องไม่ให้ฉันรู้สึกไม่ดีที่เห็นรอยที่ฉันเผลอทำรุนแรงกับพี่เนยในตอนนั้น
กี้คงอยากกลับบ้านแล้วใช่มั้ย เด๋วรอพี่แป๊บนึงนะพี่ขออาบน้ำเปลี่ยนชุดแป๊บนึง กี้มานั่งดูซีรีย์อยู่ตรงนี้ก่อนก็ได้” พี่เนยทำท่าลุกขึ้นดึงมือฉันให้ไปนั่งตรงที่จัดไว้เป็นโซนของโฮมเธียเตอร์ในห้องของเธอ
แต่ฉันรั้งพี่เนยไว้ ก่อนจะดึงเธอเข้ามาใกล้ๆ
พี่เนยอย่าเปลี่ยนเรื่องสิ กี้รู้นะว่าพี่เนยเจ็บ ถ้าพี่เนยไม่ชอบก็บอกกี้นะ ตอนนั้นกี้คุมตัวเองไม่ได้ กี้ขอโทษจริงๆนะ” ฉันทั้งพูดทั้งยกมือไหว้พี่เนย พี่เนยสะดุ้งตกใจทันทีเธอรีบคว้ามือฉันเข้าไปกอดไว้
ไม่เป็นไรกี้ ไม่ต้องไหว้พี่พี่ไม่เป็นไรจริงๆ พี่บอกกี้ไปแล้วนี่ ตัวของพี่เป็นของกี้ถ้ากี้อยากทำอะไรยังไงก็ได้ พี่ไม่ว่า แค่..พี่รู้สึกว่ากี้ต้องการพี่บ้างพี่ก็มีความสุขแล้ว แล้วก็ไม่ต้องคิดมากนะ เลิกพูดถึงเรื่องนี้เลยพี่ไม่เป็นไร รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ เด๋วพี่อาบน้ำแป๊บเดียวเด๋วพี่พาไปส่งบ้าน” พี่เนยทั้งพูดทั้งจูงฉันให้มานั่งดูซีรีย์ที่เธอเปิดให้ฉันดูก่อนจะรีบหายเข้าไปในห้องอาบน้ำของเธอ ทิ้งให้ฉันนั่งอึ้งมองตามพี่เนยด้วยความสงสาร
พี่เนย..นี่เธอรักฉันขนาดนั้นเลยเหรอ..ฉันทั้งคิดทั้งเหม่ออยู่หน้าโฮมเธียเตอร์โดยไม่ได้สนใจเรื่องราวในหน้าจอทีวีข้างหน้าเลย.....
**************************************************
เสียงเบสหนักๆดังทึมๆเป็นจังหวะของเพลงสากลที่ฉันฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างดังขึ้นมาตลอดทางที่พี่เนยขับรถออกมาส่งฉันที่บ้าน แม้ระยะทางจากบ้านของฉันและพี่เนยจะอยู่ไม่ไกลกัน แต่ตอนกลับพี่เนยกับเลือกที่จะขี่อ้อมไปอีกทางนึงที่ไกลจากทางเข้าบ้านฉัน โดยที่เธออ้างว่า เธออยากขับรถเล่นไปเรื่อยๆกับฉัน ซึ่งก็คงจะเป็นอย่างที่เธอว่าจริงๆ เพราะเธอเล่นขี่อ้อมเมืองจากซอยนั้นเข้าซอยนี้ขี่ไปถนนเส้นนั้นทีเส้นโน้นทีจนฉันต้องเอ็ดพี่เนยให้รีบๆพาฉันกลับบ้านเสียทีก่อนที่พ่อแม่จะกลับบ้านก่อน
เมื่อพี่เนยโดนฉันเอ็ดเรื่องที่พาฉันเถลไถลขับรถออกนอกเส้นทางกลับบ้าน เจ้าหล่อนก็รีบเร่งสปีดรถซุปเปอร์คาร์คันหรูของเธอขึ้นอย่างกับเธอประชดฉัน เสียงเครื่องยนต์รถซุปเปอร์คาร์ดังกระหึ่มทันทีที่เจ้าหล่อนเหยียบเร่งคันเร่งของเธอ มันดังเสียจนทุกๆสายตาที่อยู่รอบๆบริเวณนั้นหันมาจับจ้องทันทีที่รถคันนี้กำลังชะลอเพื่อที่จะจอด
พี่เนยขับไปข้างหน้าอีกนิดได้มั้ย ไปแถวๆหลังๆซอยก็ได้เด๋วกี้เดินกลับเอง” ฉันบอกพี่เนยตอนที่พี่เนยทำท่าเหมือนจะจอดรถอยู่ตรงหน้าตึกบ้านฉันพอดี
ทำไมล่ะ” พี่เนยทำหน้างงรีบถามฉันคืนทันที
กี้ไม่อยากให้คนถามกี้ว่าใครมาส่ง..แค่มีคนขับรถมาส่งกี้ข้างๆบ้านกี้เค้าก็นินทากันแล้ว แล้วยังจะเป็นรถแบบนี้อีกอ่ะ กี้ไม่อยากตอบคำถามใครแล้วไม่อยากโกหกใครอีก พี่เนยไปส่งกี้แอบๆแถวๆโน้นก็ได้ กี้สบายใจกว่า” ฉันตอบพี่เนยไปด้วยความรู้สึกกังวลในใจ ใช่ฉันกังวลใจจริงๆมีหลายๆอย่างที่มันอาจจะเป็นคำถามต่อจากนี้ถ้าคนแถวนี้พากันเห็นฉันลงมาจากรถคันนี้ ฉันไม่อยากให้เรื่องนี้รู้ถึงหูพ่อแม่แล้วจะกลายเป็นทำให้ท่านทั้งสองไม่สบายใจ สู้ฉันพยายามแอบๆทำตัวอย่างนี้ไม่ให้ใครรู้เรื่องของฉันกับพี่เนยคงจะดีกว่า ฉันคิด
พี่เนยมองหน้าฉันตาละห้อยแต่เธอก็ยอมทำตาม เธอค่อยๆเคลื่อนรถจากตำแหน่งนี้ไปยังแถวๆอาคารร้างสองสามหลังที่อยู่หลังซอยใกล้ๆกับที่ๆเธอเอารถไปจอดเมื่อเช้า
เด๋วพี่โทรหานะ” พี่เนยพูดตอนที่ฉันเปิดประตูรถกำลังจะลงไป มือของเธอก็เอื้อมมาจับมือของฉันไว้ พร้อมๆกับทำสายตาออดอ้อนเหมือนทุกๆครั้งที่หล่อนจะคุยกับฉัน ฉันมองหน้าอ้อนของหล่อนก่อนจะยิ้มให้เธอนิดนึงเพื่อเป็นการบอกลา
เย็นวันนั้นหลังจากที่พ่อแม่กลับมาจากซื้อของและฉันได้ลงมาช่วยพ่อแม่จัดข้าวของเครื่องใช้ต่างๆเพื่อเตรียมไว้ขายของในวันพรุ่งนี้จนเสร็จแล้วฉันก็ขอตัวขึ้นมานอนพักทันทีเพื่อเป็นการเลี่ยงตอบคำถามที่พ่อกับแม่พยายามถามเรื่องของพี่เนยที่ฉันกระอักกระอ่วนใจที่จะโกหกท่านทั้งสองด้วย
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบๆจะสองทุ่ม ฉันเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อเตรียมจะอาบน้ำด้วยความเหนื่อยล้า แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้าดีโทรศัพท์เบอร์ที่พี่เนยให้ฉันใช้เฉพาะกับเธอก็ดังมา
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ ปลายสายเสียงเจื้อยแจ้วมาด้วยความอารมณ์ดี หล่อนทำเป็นพูดนั่นพูดนี่ด้วยแต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยเรื่องที่ว่า...
พี่ขอมานอนกับกี้อีกได้มั้ยคืนนี้ พี่คิดถึงกี้”
โอ้ย.. จะมาคิดถึงอะไรอีกพอเลยอยู่ด้วยกันมาเกือบสองวันเต็มๆแล้วน้ำท่าก็ยังไม่ได้อาบ พอเลยๆกี้ง่วงนอนเหนื่อยจะอาบน้ำแล้ว”
พี่เนยเห็นท่าว่าฉันจะบ่นยาวเธอเลยขอโทษขอโพยฉันด้วยน้ำเสียงออดอ้อนแล้วก็ยอมวางสายไปในที่สุด
ฉันวางโทรศัพท์ลงกับเตียง ก่อนจะพยายามถอดเสื้อผ้าตัวเองออกแล้วเอาผ้าเช็ดตัวมาคลุมใส่ แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะเดินเข้าห้องน้ำเสียงโทรศัพท์เครื่องเดิมก็ดังขึ้นอีกแล้ว ฉันคิ้วขมวด อะไรยังไงกันนี่ยัยคนนี้ ฉันทั้งบ่นทั้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับอีกครั้ง
อะไรอีกพี่เนย..”
กี้..พี่แอดเฟสกี้แล้วอ่ะ กี้รับพี่เป็นเพื่อนหน่อยสิ นะนะ”
อะไรแล้วแต่ก่อนอยู่ได้ยังไง ไหนว่าแอบดูกี้มานานแล้วทำไมพึ่งจะมาอยากแอด” ฉันถามคืนด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
ก็พี่ไม่กล้าคุยกับกี้อ่ะ นะนะ รับพี่เป็นเพื่อนหน่อยนะ พี่อยากเป็นเพื่อนกี้ในเฟส”
ฉันฟังเสียงออดอ้อนรบเร้าของหล่อนมาตามสายแล้วก็ได้แต่ทำใจ เดินไปหยิบโทรศัพท์เครื่องที่ฉันใช้ล็อคอินเฟสบุ๊คขึ้นมาเปิดดูการแจ้งเตือน
Nera Nimit ต้องการเป็นเพื่อนกับคุ ฉันมองดูรูปโปรไฟล์เป็นรูปพี่เนยใส่เสื้อสายเดียวสีขาวและกระโปรงระบายสั้นๆสีดำยืนถือกระเป๋าหรูอยู่หน้ารถซุปเปอร์คาร์สีขาวคันนั้นของเธอ
..โถ..ยังกับผู้ปกครองของเด็กที่มาประชุมตอนเปิดโรงเรียน..แว๊บแรกที่ฉันเห็นภาพแว๊บๆของหล่อนฉันก็นึกอย่างนั้นทันที
คนที่ชื่อเนระ อะไรนี่นะเหรอ” ฉันถามพี่เนย
ใช่ชื่อพี่เอง เนรนิมิตไง จำไม่ได้เหรอ” เสียงอ้อนๆของพี่เนยถามย้อนฉันคืนมาตามสาย
อืมก็คุ้นๆอยู่ แค่นี้ล่ะรับแอดแล้ว แค่นี้นะกี้จะไปอาบน้ำแล้ว” ฉันรีบพูดๆรีบๆตัดสายไป ก่อนจะก้มลงสำรวจหน้าเฟสของพี่เนยดู
ภาพถ่ายแต่ละภาพของเจ้าหล่อนมีแต่ภาพที่แต่งตัวโป้ วับๆแวมๆทั้งนั้นเลย แม้เสื้อผ้าจะดูดี ดูสวยเก๋มีสไตล์แต่มันก็ไม่ใช่แนวที่เด็กอายุประมาณฉันกับพี่เนยจะแต่งแบบนี้สักหน่อย ฉันคิ้วขมวดก้มมองภาพเซตนึงที่พี่เนยใส่ชุดเกาะอกสีดำยืนถือแก้วของเหลวสีเหลืองๆเข้มๆในมือซึ่งดูก็รู้ว่านั่นคือเหล้า อยู่ที่มืดๆที่ที่มีคนยืนเบียดๆกันเยอะๆบางคนที่ก็ยกมือทำท่าเหมือนกำลังเต้นบางคนก็ถือแก้วเหล้าบางคนก็คีบบุหรี่อยู่ในมือ มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายอยู่รอบๆบริเวณนั้น
..นี่มันที่เที่ยวกลางคืนนี่ แล้วในมือพี่เนยนั่นก็เหล้า.. ฉันคิ้วขมวดยิ่งเลื่อนดูภาพในอัลบั้มยิ่งเห็นแต่ภาพแนวๆนี้ น้อยภาพมากที่ฉันจะเห็นพี่เนยใส่ชุดนักเรียนถ่ายรูป
ในขณะที่ฉันกำลังใช้ความคิดว่าภาพเหล่านี้ถูกถ่ายที่ไหน แล้วพี่เนยไปถ่ายได้อย่างไรนั้น โทรศัพท์เครื่องเดิมก็ดังขึ้นมาอีก
อะไรอีกพี่เนย” ฉันทำเสียงเอ็ดพี่เนยกลับไปทันทีที่หยิบโทรศัพท์เครื่องนั้นขึ้นมารับสาย
กี้..เห็นที่พี่โพสต์เพลงมั้ยอะ เพลงนี้พี่ตั้งใจจะมอบให้กี้นะ แต่พี่ไม่กล้าแทกกี้อะ กี้กดไลค์พี่ให้หน่อยได้มั้ย”
ฮ้า..มีการให้กดไลค์ให้ด้วยเหรอ ปญอ.แล้ว เค้ามีแต่ชอบแล้วค่อยกดไลค์ให้อันนี้จะมาบังคับให้กดไลค์ให้มันไม่ตลกไปหน่อยเหรอ”ฉันหัวเราะหึๆแล้วเริ่มบ่นให้พี่เนย เมื่อเริ่มเห็นว่าเธอจะเยอะขึ้นอีกเรื่อยๆแล้ว
กี้อ่ะ กดไลค์ให้กำลังใจพี่หน่อยนะ พี่อยากให้กี้ฟังเพลงนี้จริงๆพี่ตั้งใจให้เพลงนี้กับกี้เลยนะ ลองฟังดูนะ”
อะก็ได้” ฉันรีบๆตอบรับเจ้าหล่อนอย่างเสียไม่ได้ แต่ก่อนที่ฉันจะวางสายก็ยังโดนดึงเวลาไว้เหมือนเดิม
กี้ พรุ่งนี้ตอนเช้าให้พี่ไปรับไปโรงเรียนมั้ย”
บ้าเหรอ ไม่ต้องมาเด๋วพ่อแม่ก็สงสัยอีกไปใครไปมันสิ”
งั้น ตอนเช้ารอพี่ที่ม้านั่งหน้าโรงเรียนก่อนได้มั้ย พี่อยากเดินเข้าไปโรงเรียนพร้อมๆกับกี้อะ”
...อะ ได้แค่นี้ก็มีความสุขเนอะ... ฉันคิดทันทีที่ได้ยินเจ้าหล่อนขอเดินเข้าไปในโรงเรียนพร้อมๆกับฉัน
เออ ก็ได้รีบๆมาแล้วกันกี้มาโรงเรียนเช้านะ” ฉันบอกพี่เนยไปก่อนที่จะนัดแนะเวลาเจ้าหล่อนแล้วก็วางสายเธอไป แต่ก่อนที่ฉันจะไปอาบน้ำ น้ำเสียงเว้าวอนที่โทรมาบอกให้ฉันฟังเพลงที่เธอโพสต์ก็ดังขึ้นมาในหัวจนฉันอดไม่ได้ที่จะลองเลื่อนขึ้นไปอ่านโพสต์ล่าสุดที่เธอโพสเพลงไว้

วันนี้มีความสุขที่สุดเลย อยากบอกเค้าคนนั้นเหลือเกินว่า ทุกอย่างในวันนี้อยากให้เค้าคนนั้นเก็บเอาไว้นะ แม้จะยังไม่ได้ใช้ตอนนี้ ก็ขอฝากเอาไว้ก่อนแล้วกัน :)

ฉันนั่งยิ้มนึกถึงใบหน้าของเจ้าหล่อนออกทันทีว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อเธอพูดประโยคนี้ แล้วนิ้วของฉันก็กดไลค์ไปทันทีที่ไม่ทันได้คิดอะไรมาก ฉันยิ้มจากที่ยิ้มนิดๆก็กลายเป็นยิ้มเต็มๆปากทันทีที่ได้ฟังเพลง..
ผู้หญิงบ้าอะไร..แปลกคนที่สุดเลย แล้วนี่ฉันต้องให้โอกาสเธอคนนี้จริงๆใช่มั้ยนี่ ฉันทั้งคิดทั้งยิ้มตอนที่นั่งฟังเพลงนี้ไปนึกถึงหน้าผู้หญิงในภาพคนนี้ไปเรื่อยๆ...
กลายเป็นว่าคืนนั้นก่อนนอนฉันนอนเปิดเพลงนั้นฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนหลับไป...
*** ปล.เพลงประกอบ Chapter 5 จ้า***