วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2559

Lovely Mafia Girl

ลูกสาวเจ้าพ่อ ขอเป็นแฟนหนู
Chapter 2

First time”
  
ในระหว่างที่ฉันกำลังงงๆ คิดไม่ออก ว่าควรจะเห็นใจกับสิ่งที่พี่เนยพูดมาด้วยดีมั้ย
พี่เนยก็ไม่รอช้าประวิงเวลา เธอเอื้อมมือด้านล่างที่ตอนนี้มันลอดผ่านขากางเกงเข้าไปชั้นนึงแล้ว เข้ามาจับพื้นที่ลับๆนั้นของฉัน
ว้าย..” ฉันร้องเสียงหลงทันทีที่มือพี่เนยไปโดน“ตรงนั้น”เข้า มือข้างนึงของฉันที่อยู่ฝั่งทางนั้นพยายามเอื้อมไปดึงมือของพี่เนยขึ้นมาจากตรงนั้น
แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว มือของพี่เนยนั้นเคลื่อนไหวเร็วกว่าฉันมาก ตอนนี้กลายเป็นว่ามันลอดผ่านกางเกงชั้นในของฉันเข้าไปยังเนินเนื้อนั้นแล้ว
พี่เนย..อย่าทำอย่างนั้น ไม่เอานะ..อย่า” ฉันร้องเสียงหลงไปตามจังหวะที่นิ้วมือของพี่เนยกำลังเคลื่อนผ่านแนวร่องเนินเนื้อของฉันไปมา ความรู้สึกสั่นไหวสะท้านกำลังจะทำให้ฉันหายใจติดๆขัดๆเหมือนคนหายใจไม่ออก ร่างกายก็อ่อนระทวยไม่มีแม้แรงจะต่อสู้กับพี่เนยได้เลย
ความรู้สึกวูบๆวาบๆเกิดขึ้นตามตัวของฉัน ฉันทั้งรู้สึกขนลุกทั้งเสียวสะท้านประหนึ่งร่างกายกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆเสียให้ได้
มือข้างที่เคลื่อนไปมาตามร่องเนื้อนั้นค่อยๆเพิ่มจังหวะขึ้นจากช้าค่อยๆเร็วขึ้นและเพิ่มความแรงขึ้นจนทำให้ฉันรู้สึกเกร็งงอตัวเองด้วยความเสียวซ่านที่กำลังเกิดขึ้นจากจุดนี้จุดเดียว
มือข้างหนึ่งของพี่เนยที่จับหน้าอกของฉัน ก็กลายเป็นดึงยกทรงของฉันไว้ขึ้นเหนือเนินหน้าอก ตอนนี้กลายเป็นว่ามือของพี่เนยกำลังบีบเค้นหน้าอกเปลือยเปล่าของฉันไปตามแรงสั่นสะท้านของร่างกายของฉันที่บิดตัวไปมาอีก
พี่เนย...” เสียงอ่อนแรงของฉันพยายามร้องเรียกพี่เนยซ้ำๆ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีประโยคเพราะตอนนี้พี่เนยกำลังเสียสติไปแล้ว
เธอพยายามจูบพรมไปทั่วใบหน้าของฉัน บางทีเธอก็เลื่อนใบหน้ามายังหูของฉันแล้วใช้ปลายลิ้นชอนไชเข้าไปในรูหูนั้น แค่ทำแค่นั้นฉันก็ยิ่งร้องโวยวายเพราะทนในความรัญจวนที่พี่เนยหยิบยื่นมาให้อีกนี้ไม่ได้
เสียงลมหายใจระรัวของพี่เนยอยู่ข้างๆหูฉันตลอดเวลา
ฉันไม่แน่ใจว่าเค้ามีความสุขที่เค้าได้เห็นฉันอยู่ในสภาพที่แสนทรมานอย่างนี้หรือไม่
และความรู้สึกนี้ฉันอธิบายไม่ถูก ไม่แน่ใจว่าเรียกว่ามัน “ดี” ได้หรือเปล่า รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันกำลังทรมานกับความรัญจวนที่ฉันไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในชีวิตของฉันเลย มันช่างเป็นความรัญจวนที่หนักหน่วงเกินกว่าเด็กอายุ16ปีอย่างฉันจะรับได้ไหว
ฉันยังไม่ได้เตรียมใจในเรื่องอย่างนี้ ในเวลานี้ ในสถานที่นี้ และกับคนๆนี้มาเลย
เค้าถือโอกาสกับฉันเกินไป ฉันยังไม่ได้ทันตั้งตัวที่จะเตรียมใจรับเรื่องอย่างนี้เลย
ยิ่งคิดฉันยิ่งงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อกี้ฉันยังคุยกับเค้าเหมือนคนรู้จัก เหมือนเพื่อน เหมือนพี่สาวอยู่เลย
แต่ตอนนี้ อะไรกันนี่ ฉันงงไปหมดแล้ว...
โอ้ย... ตอนนี้ปลายนิ้วของพี่เนยกำลังเร่งจังหวะและความแรงเพิ่มขึ้น จนฉันเริ่มหายใจติดๆขัดๆหนักขึ้นกว่าก่อน ความรู้สึกตอนนี้เหมือนใจของฉันกำลังจะขาดเสียให้ได้ ฉันทั้งครางทั้งร้องออกมาตามแรงเกร็งที่ฉันกำลังเป็นอยู่ ณ ตอนนี้
มือของฉันปัดป่ายไปตามตัวของพี่เนย และเหมือนร่างกายของฉันกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆในไม่ช้านี้
ไม่นานฉันก็สะดุ้ง เกร็งตัวร้องเสียงดัง มือของฉันพยายามดึงมือของพี่เนยออกมาจากตรงนั้น
ไม่ไหวแล้ว...พี่เนย..” ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังร่วงหล่นลงมากจากท้องฟ้า เสียงหายใจรวยรินของฉันกำลังทำให้พี่เนยค่อยๆเบาแรงลง และหยุดทำในที่สุด
ฉันเกร็งตัว หลับตารู้สึกเหนื่อยล้ากับสิ่งที่เจอเมื่อครู่นี้ บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรเหมือนกัน เหมือนมันจะเป็นความรู้สึกดีแบบประหลาดๆจากการที่ได้ผ่อนคลายตัวเองเมื่อกี้ ทั้งรู้สึกอายที่ฉันโดนคนตรงหน้าฉัน “ข่มขืน”
ใช่แล้ว..ฉันโดนผู้หญิงด้วยกันข่มขืนเสียแล้ว
ฉันคิดได้ตอนที่พี่เนยกำลังก้มลงจูบฉันต่อ ปลายลิ้นของเธอค่อยๆชอนไชเข้าไปทักทายกับปลายลิ้นของฉัน
มันบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร รู้แต่ว่าฉันไม่อาจต้านทานสิ่งที่พี่เนยกำลังทำอยู่นี่ได้เลย
ระหว่างที่จูบฉันนั้นพี่เนยก็ดันฉันลงไปนอนกับเบาะรถที่ปรับเอนลงไป จนเกือบจะกลายเป็นแนวระนาบเดียวกันกับพื้นรถ
ตอนนี้เธอกำลังพยายามดึงชุดเอี้ยมของฉันออก ด้วยความที่ฉันยังหมดแรงจากสิ่งที่เกิดเมื่อครู่อยู่จึงไม่อาจจะห้ามปรามในสิ่งที่พี่เนยกำลังทำอยู่นี้ได้เลย
ตอนนี้กลายเป็นว่าชุดเอี้ยมของฉันลงไปกองอยู่กับพื้นรถข้างล่างเสียแล้ว ฉันมีเพียงเสื้อยืดกับชั้นในที่โดนดึงขึ้นไว้เหนือเนินหน้าอก กับกางกางชั้นในที่กำลังจะหลุดออกเพราะพี่เนยพยายามดึงออกไปเช่นเดียวกัน
พี่เนยจะทำอะไรอีกอ่ะ” ฉันหน้าตาเหรอหรามือไม้พยายามคว้าดึงเอากางเกงชั้นในตัวนั้นขึ้นมาไว้ที่เก่าแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว มันโดนดึงออกจากขาข้างนึงให้เหลือไว้กับแค่ขาข้างหนึ่งเท่านั้น
ให้ตายเถอะ ตอนนี้ฉันอายเหลือเกิน พี่เนยทั้งยิ้มทั้งจ้องมองมาที่ตรงนั้นของฉัน ผู้หญิงแสนสวยคนที่ฉันนั่งคุยด้วยเมื่อกี้เปลี่ยนไปเป็นซาตานเสียแล้ว
ฉันพยายามเอื้อมมือสองข้างมาบังไว้แต่ก็โดนพี่เนยจับออก ตอนนี้พี่เนยก้มหน้าลงไปสัมผัสกับเนินเนื้อแสนหวงของฉันเสียแล้ว ปลายลิ้นของพี่เนยกำลังชอนไชไปตามจุดต่างๆ แม้จะรู้สึกสะท้านหวั่นไหวเหมือนเมื่อครู่แต่ความรู้สึกตอนนี้มันยิ่งกว่าตอนนั้นมาก
ฉันแทบจะโยนตัวขึ้นเพราะทนต่อความเสียวสะท้านจากปลายลิ้นของพี่เนยไม่ได้
พี่เนยพอได้แล้ว ไม่ต้องทำแล้วกี้รู้แล้วว่าพี่เนยชอบกี้ โอ้ย ไม่เอา..”
เสียงร้องครวญครางของฉันตอนนี้ดังออกมาไม่เป็นภาษา นี่ถ้าไม่มีเสียงซีรีย์ที่เปิดอยู่ดังกลบไว้ คนข้างนอกต้องได้ยินเสียงของฉันแน่ๆ
พี่เนย..” ฉันเรียกชื่อพี่เนยซ้ำๆด้วยหวังว่าคนที่อยู่ต่อหน้าฉันจะเมตตาปราณีฉันบ้าง แต่ก็เปล่าเลย ยิ่งได้ยินเสียงเรียกของฉันปลายลิ้นของพี่เนยยิ่งเพิ่มความหนักหน่วงและจังหวะที่ดุดันเข้าไปใหญ่
ตอนนี้ร่างกายของฉันสั่นสะท้านไม่อาจจะควบคุมทิศทางการเคลื่อนที่ได้เลย
ขาสองข้างของฉันกำลังเกร็งจนต้องต้านแรงแขนของพี่เนยที่กำลังดันด้านในขาสองข้างเอาไว้อยู่
เมื่อทำอะไรไม่ได้ฉันได้แต่จิกปลายเล็บของฉันลงไปที่เบาะรถ ตอนนี้ฉันรู้สึกแย่อีกแล้ว
ฉันควบคุมอะไรไม่ได้เลย แม้กระทั่งเสียงร้องของฉัน
พี่เนยยังคงเพิ่มจังหวะหนักหน่วงของลิ้นพี่เนยอยู่เรื่อยๆจนกระทั่ง ฉันต้องปล่อยให้ตัวเองร้องเสียงดังและปล่อยความรู้สึกที่เหมือนตัวเองลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าและร่วงมาแรงๆเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง
เมื่อถึงตอนนี้ฉันทนแทบไม่ได้ จนต้องร้องไห้ออกมา แล้วพยายามผลักพี่เนยออกไปจากตัวเอง..
ฉันนอนหายใจรวยรินอยู่ที่เบาะรถตอนนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน นี่หรือเปล่านะที่เค้าเรียกกันว่า“ไคลแมกซ์”
ฉันเคยได้ยินคำนี้ตอนเพื่อนนักเรียนหญิงที่เกเรในห้องบางคนคุยกันเรื่องพวกนี้อยู่ ตอนนั้นแค่ได้ยินฉันก็รู้สึกอายจนหน้าแดง ไม่คิดว่าเพื่อนพวกนั้นจะกล้าคุยเรื่องที่พวกเธอมีอะไรกับผู้ชายให้กันฟังได้ต่อหน้าต่อตาฉันขนาดนั้น...
พวกเค้าคุยกันยังกับว่าเรื่องเซ็กส์คือเรื่องธรรมชาติ เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ไม่เห็นจำเป็นต้องอาย..

..แต่ฉันอาย..

เพราะฉันคิดว่าอายุในวัยอย่างฉัน มันยังเด็กเกินไป..และฉันยังไม่พร้อมแม้กระทั่งจะรับฟังเรื่องพวกนี้.. แค่ได้ฟังเรื่องพวกนั้นจากเพื่อนฉันก็แอบแอนตี้เพื่อนพวกนั้นและไม่คุยกับพวกเค้าอีกเลยด้วยเหตุผลที่ว่า พวกเค้า..แก่แดดเกินไป..และฉันไม่มีทางจะทำอย่างนั้น ถ้าฉันยังไม่อายุครบ 25ปี...
...นั่นเป็นความคิดของฉันในตอนนั้น..
แต่ตอนนี้..ฉันกำลังมีเซ็กส์..แถมยังเป็นเซ็กส์กับผู้หญิงด้วยกันเสียอีก...
ฉันไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนเลย ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงกล้าทำเรื่องบ้าๆอย่างนี้กับฉันได้นะ

พี่เนยหยุดทำแลัวมองหน้าฉันก่อนที่เธอจะพยายามก้มลงดูดที่ปลายหน้าอกของฉันอีก
เธอออกแรงดูดแรงมาก มากจนฉันเจ็บและสะดุ้งขึ้นมาพยายามผลักหน้าเธอออกไป
พี่เนยพอได้แล้ว” เสียงของฉันพยายามร้องขอ แต่ก็เปล่าประโยชน์ตอนนี้กลายเป็นว่าพี่เนยกำลังจะทำเรื่องอย่างว่าอีกเป็นรอบที่สามแล้ว

..โอ้ย..อะไรจะขนาดนั้นนี่..

ในขณะที่ปากของเธอดูดยอดถันของฉันนั้น มือของเธอก็เรื้อยลงไปลูบคลำๆเนินนั้นอีก
แล้วมันก็ดำเนินไปอีกจนกระทั่งเกือบที่ฉันจะเสร็จพี่เนยอีกครั้ง ถ้าไม่มีเสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นมาก่อน มันดังออกมาจากกระเป๋ากางเกงเอี้ยมของฉันนั่นเอง
พี่เนย..โทรศัพท์...มันอาจจะเป็นโทรศัพท์เพื่อนของกี้โทรมาก็ได้ให้กี้รับนะ..” ฉันพยายามขอร้องพี่เนยที่กำลังปรนเปรอรสสวาทให้ฉันโดยที่ฉันไม่ได้ร้องขออีกเป็นรอบที่สาม
พี่เนยคิ้วขมวด ลุกขึ้นหยิบเอาโทรศัพท์ในกระเป๋าเอี้ยมออกมา
กี้จะบอกคนอื่นใช่มั้ย ว่าพี่ทำอะไรกี้..” เสียงที่ฟังดูเหมือนรู้สึกผิดของพี่เนยดังออกมา
พี่ทำไปทั้งหมดเพราะพี่รักกี้จริงๆนะ พี่ไม่รู้จริงๆว่าพี่จะจีบกี้ยังไง”
ฉันอึ้ง คิ้วขมวดเมื่อได้ฟังคำที่พี่เนยว่ามา
“..พี่เนยเลยทำอย่างนี้กับกี้นี่นะ..บ้าหรือเปล่า”
พี่รักกี้จริงๆนะ กี้อาจจะไม่รู้ว่าพี่เฝ้ามองกี้อยู่มาตลอด กี้สงสารพี่เถอะนะ”พี่เนยพูดพลางดึงมือฉันเข้ามาเขย่า
พี่เนยใช้คำว่า “สงสาร” มาอ้อนวอนขอร้องฉันไม่ให้ฉันบอกเรื่องนี้กับคนอื่นอีกแล้ว
นี่ฉันควรจะทำอย่างไรกับผู้หญิงคนนี้ดี
ตอนนี้ฉันทั้งเหนื่อยทั้งงง คิดอะไรไม่ออกแล้ว ดูมันอื้อๆไปหมด
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาไวมาก ไวเสียจนฉันยังงงกับความรู้สึกของตัวเองเลย
มองดูหน้าผู้หญิงคนที่อยู่ต่อหน้าแล้ว เธอก็ทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้เสียให้ได้
เอ๋า..แล้วเธอก็ร้องไห้ออกมาจริงๆ เพราะว่าฉันมัวแต่อึ้งไม่ยอมตอบรับเธอเสียที
เธอคงคิดว่าฉันจะบอกเรื่องนี้กับคนที่โทรมาแน่ๆ
..ให้ตายเถอะแล้วตอนนี้ฉันก็ดัน “สงสาร” ผู้หญิงคนที่อยู่ต่อหน้าฉันจริงๆเข้าเสียแล้ว...
ทั้งๆที่ฉันเป็นฝ่ายเสียหายแท้ๆแต่ฉันกลับพูดอะไรไม่ออกเลยเมื่อเห็นเธอคนนี้ร้องไห้
ฮึ..ฉันคนที่โดนกระทำย่ำยียังนั่งหน้าเอ๋องงๆอยู่แท้ๆ แต่ผู้หญิงคนที่เค้าทำมิดีมิร้ายกับฉันกลับร้องห่มร้องไห้เสียเอง
น่าขำเสียจริง...
ฉันถอนหายใจก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ของฉันจากมือพี่เนยมา พี่เนยทำท่าเหมือนจะไม่เอาให้ฉัน แถมยังร้องไห้หนักกว่าเดิมอีกจนฉันต้องสัญญาว่าฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครเธอถึงยอมยื่นโทรศัพท์มาให้
กี้แกอยู่ไหนวะ อาจารย์เช็คชื่อแล้วนี่” เสียงเพื่อนของฉันดังมาจากปลายทาง
เอ่อ..ฉันมาซื้อของกับ..พี่เนยอยู่น่ะ” ฉันตอบเสียงอึกๆอักๆในเรื่องที่แต่งขึ้นมา
อ้าวเหรอ มิน่าอาจารย์ถามหาทั้งสองคน รีบๆกลับมากันล่ะแก ฉันล่ะนึกว่าแกโดนลากเข้าไปหมกในป่าที่ไหนแล้ว”
ฮึฮึ...” ฉันหัวเราะทันทีที่ได้ยินเสียงเพื่อนว่าอย่างนั้น ...ไม่ได้โดยลากเข้าป่าหรอก โดนลากเข้ามาในรถต่างหาก...
ไม่มีอะไรหรอก เด๋วพวกฉันก็กลับแล้วพอดีลืมเอาของใช้มาเลยมาหาซื้อด้วยกันเฉยๆ”
โอเคๆ รีบๆมาแล้วกันฉันจะบอกอาจารย์ให้” แล้วเพื่อนคนนั้นก็วางสายไป ทิ้งให้ฉันนั่งอึ้งมองหน้าคนที่กำลังร้องไห้สำอิดสำออยอยู่ตอนนี้
เลิกร้องได้แล้ว กี้นะที่ควรจะร้อง” ฉันพูดพลางรีบหยิบเอาชุดเอี้ยมของฉันขึ้นมาใส่ พี่เนยหันมามองฉันแล้วพยายามดึงแขนของฉันไว้ แต่ก็โดนฉันสะบัดออก
ห้ามทำอย่างนี้กับกี้อีกเลยนะ ถ้าไม่อยากให้กี้บอกเรื่องนี้กับใคร ตอนนี้กี้จะไม่ว่าอะไรพี่เนยก็ได้นะเพราะเห็นว่าเราเป็นผู้หญิงด้วยกัน และเห็นแก่ความน่าสงสารของพี่เนย แต่อย่ามาใกล้กี้อีกไม่งั้นกี้บอกพ่อแม่กี้แน่ๆ” ฉันชี้หน้าพลางพูดขู่พี่เนย
พี่เนยพยักหน้า แล้วถอยตัวเองออกมาจากฉันปล่อยให้ฉันแต่งตัวตัวเองให้เรียบร้อย
มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ฉันทั้งอาย ทั้งงง ทั้งรู้สึกแย่..แต่เมื่อเห็นว่าคนที่กระทำย่ำยีฉันเป็นผู้หญิงด้วยกันอีกทั้งหน้าตาเหมือนคนไม่มีพิษมีภัยแถมยังทำตัวน่าสงสารอีกด้วย
ฉันก็กลายเป็นโกรธไม่ลง
ตอนนี้ฉันอาจจะอภัยให้พี่เนยได้ แต่ฉันขอไม่เข้าใกล้เธอคนนี้อีกดีกว่า
คนอะไรน่าตาก็ดี สวยก็สวย ทำไมถึงทำในสิ่งที่ฉันนึกไม่ถึงได้ขนาดนี้นะ
แย่จริงๆเลย..
บ้าเอ้ย..แล้วฉันก็กลายเป็นโดนผู้หญิงด้วยกันเปิดซิงซะอย่างนั้น จะเป็นอะไรมั้ยนี่ฉัน
ฉันได้แต่ถอนหายใจ พยายามไม่นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด รอจนพี่เนยเปิดประตูรถแล้ววิ่งหนีไปที่อาคารช๊อปให้ไวที่สุด
ฉันไปถึงช๊อปด้วยใบหน้าเหรอหรา อาจจะเป็นเพราะว่าฉันทั้งเหนื่อยและยังไม่หายตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ด้วย
อ้าวไหนว่าไปซื้อของกับพี่เนยวะ ไหนของของแก แล้วพี่เนยล่ะ”
ฉันอึ้งลืมไปสนิทเลยว่าโกหกเพื่อนไปอย่างนั้น ได้แต่อึกๆอักๆพูดไม่ออก
ยังไม่ทันที่ฉันจะตอบก็มีเสียงแทรกมาระหว่างเราสองคน
พี่เอาไปเก็บในรถแล้วอ่ะ ของมันเยอะไม่อยากถือมานี่ ทำไมเหรอ มีอะไรหรือเปล่า..” พี่เนยพูดด้วยน้ำเสียงที่แสนจะเย็นชาจนเหมือนจะกลายเป็นน้ำเสียงของคนที่จะหาเรื่องคน ซึ่งต่างจากที่ฉันเห็นเมื่อกี้ลิบลับ
เพื่อนคนนั้นอ้าปากค้างหน้าเหวอทำหน้าอย่างกับตกใจที่เห็นพี่เนยคุยด้วย
อ๋อ ค่ะๆ หนูกลัวพี่เนยจะหายไปน่ะค่ะ เป็นห่วงเฉยๆไม่มีอะไร” เพื่อนคนนั้นรีบตอบเสียงสั่นๆ
พี่เนยมองหน้าจ้องตาเขม็งเพื่อนคนนั้นก่อนจะหันมามองที่ฉันต่อ แต่ฉันไม่อยากมองหน้าพี่เนยจึงสะบัดหน้าหนีทันทีที่สบตา
พี่เนยถอนหายใจแล้วเดินไปหาอาจารย์ที่โต๊ะ เธอคงรู้ว่าฉันไม่อยากคุยด้วย
แกไปทำอะไรมาหรือเปล่าวะ ดูหน้าล้าๆ เหมือนแกเหนื่อยๆนะ ผมเผ้าก็กระเซอะกระเซิง” เสียงเพื่อนของฉันถามก่อนจะค่อยๆลดระดับเสียงลงกลายเป็นกระซิบในประโยคต่อมา “พี่เนยพาแกไปทำอะไรมาหรือเปล่าวะ..”
เพื่อนคนนั้นกระซิบกระซาบเสียงเบาๆทำหน้าเหมือนสงสัยเต็มที
ฉันทั้งอึ้งทั้งตกใจที่เพื่อนเห็นผิดสังเกตุ ใจก็อยากจะเล่าเรื่องเมื่อกี้ให้ฟัง แต่คิดๆดูแล้วก็แสนจะอาย ทำได้แต่ทำท่าอึกๆอักๆ
เอ้า..แล้วนี่หน้าแดงทำไมนี่” เสียงเพื่อนคนนั้นถามคงเพราะเห็นว่าฉันหน้าเปลี่ยนสีจากการที่ฉันนึกถึงเรื่องเมื่อครู่นี้
เอ่อ..คือ..” ยังไม่ทันที่ฉันจะตอบเพื่อนดี เสียงเฉยชาที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ก็ดังมาอีก
กี้..อาจารย์ให้ไปเช็คชื่อ แล้วก็ให้ไปลองชุดน่ะ..”
ฉันหันไปตามเสียง เป็นพี่เนยที่ทำหน้าเหมือนไม่กล้าจะเรียกฉันเพราะกลัวว่าฉันยังไม่หายโกรธ
ฉันไม่พูดอะไรด้วยต่อ ได้แต่ลุกขึ้นแล้วเดินเบี่ยงตัวหนีพี่เนยไปหาอาจารย์ พี่เนยก็เดินตามฉันมาติดๆ
ตอนที่ฉันไปเช็คชื่อกับอาจารย์พี่เนยก็ยืนตัวเกือบชิดฉัน ฉันทำท่าเดินหนีพี่เนยก็ยังเดินตาม
จนฉันต้องหันไปจิกตาจ้องเขม็งใส่พี่เนยเพื่อบอกเป็นนัยๆว่า เลิกตามได้แล้ว
แต่เธอก็ยังเดินตามฉันอยู่ดี
ตอนที่ฉันเอาชุดเข้าไปเปลี่ยนในห้องเปลี่ยนเสื้อเธอก็ยังจะอุตสาห์ดึงดันเข้ามาด้วยจนฉันต้องผลักเธอออกไป
เข้ามาทำไมเนี่ย กี้จะเปลี่ยนชุด”
ก็เปลี่ยนด้วยไง อาจารย์บอกให้เปลี่ยนพร้อมๆกันจะได้ดูว่าสีชุดมันเข้ากันดีมั้ย”
ไม่ต้องเข้ามาเลย ให้กี้เปลี่ยนก่อน” ฉันชี้หน้าพี่เนยพร้อมๆทั้งทำตาถมึงทึง “อย่าลืมที่พูดกันไว้สิ”
พี่เนยอึ้ง ในที่สุดเธอก็ยอมรอฉันอยู่หน้าห้อง
ไม่นานฉันก็เปลี่ยนเป็นชุดไทยสีชมพูเสร็จ แล้วเดินออกมาหน้าห้อง
พี่เนยยิ้มค้างทันทีที่เห็นฉัน
ฉันก็ตกใจที่เห็นท่าทางตกตะลึงอย่างนั้นของพี่เนย แต่ก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด
เป็นอะไร ไปเปลี่ยนสิ” เสียงฉันพยายามเรียกสติพี่เนย ก่อนจะพยายามเดินเลี่ยงไปอีก
แต่แล้วฉันก็โดนพี่เนยดึงตัวเอาไว้ แล้วดันฉันที่กำลังหน้าเหวอเข้าไปในห้องแต่งตัวอีกรอบ
อะไร..นี..” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไรพี่เนยก็เอามือมาปิดปากฉันไว้ แล้วเคลื่อนตัวเข้ามาหอมฉัน
กี้สวยจัง” ฉันตาโตทันทีที่โดนหอมและได้ยินคำพูดของพี่เนย
อะไรนี่ บอกแล้วใช่มั้ยว่า...”
พี่เนยยกนิ้วชี้ขึ้นมาทำปากจุๆ ปรามไม่ให้ฉันพูด
อย่าเสียงดังสิ ไม่อายเหรอ พี่ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
ก็เมื่อกี้..”ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดต่อพี่เนยก็พูดแทรกขึ้นมาทันที
เมื่อกี้ไหน...ก็ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วไง พี่แค่มาจัดชุดให้กี้ตามที่อาจารย์บอกเฉยๆ”

เฮอะ... ผู้หญิงคนนี้นิสัยยังไงกัน เมื่อกี้ยังร้องห่มร้องไห้กลัวว่าฉันจะบอกเรื่องของเธออยู่เลยแต่ตอนนี้กลายเป็นมาขโมยหอมแก้มฉันแถมยังพูดจาเหมือนคนกะล่อนกวนโอ้ยซะอย่างนั้น
ตกลงเธอเป็นคนดีหรือเปล่านี่
ฉันผลักพี่เนยออกจากตัวฉัน “พี่เนย..ทำนิสัยไม่เข้ากับหน้าเลยนะ ถ้ายังทำอย่างนี้อีกกี้จะร้องจริงๆด้วย” ฉันเริ่มพูดขู่พี่เนยอีกครั้ง
พี่เนยทำหน้าสลดทันที “ก็ได้ๆ กี้น่ะไม่เข้าใจพี่หรอก ตราบใดก็ตามที่กี้ยังไม่รู้จักคำว่ารัก”

...ใช่สิ ฉันยังไม่รู้จักคำว่ารักเลยแม้กระทั่งเมื่อกี้หรือตอนนี้ ฉันก็ยังไม่รู้จักเลยว่าคำว่ารักของผู้หญิงตรงหน้าฉันตอนนี้มันเป็นอย่างไร …

นี่เธอรักฉันจริงๆหรือแค่โรคจิตกันแน่
ผู้หญิงอะไรสวยแต่รูปจูบไม่หอม
นี่ฉันต้องมาเสียความบริสุทธิ์ให้กับผู้หญิงประหลาดๆคนนี้เหรอนี่
..บ้าชมัดเลย..
ฉันมองหน้าพี่เนยอย่างอารมณ์เสียก่อนจะผลักพี่เนยออกแล้วเดินออกมาจากห้องแต่งตัว
ตอนนี้ฉันมานั่งอึ้งอยู่เก้าอี้หน้ากระจกแต่งตัว ตั้งสติกับสิ่งที่ฉันได้เจอกับผู้หญิงคนเมื่อกี้มา
นี่ตกลงเธอเป็นคนดี น่าสงสารจริงๆหรือเปล่า แล้วฉันควรจะยังสงสารเธอด้วยการเก็บเรื่องนั้นไว้เป็นความลับดีอยู่มั้ย
ขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรเรื่องราวต่างๆอย่างสับสน อยู่ๆพี่ม.5คนนึงก็เดินเข้ามาจับไหล่ฉัน
เนย..แกไปไหนมาฉันโทรหาตั้งนานก็ไม่รับ”

ฉันงง???... นี่พี่คนนี้ต้องการจะเรียกฉันแต่เรียกชื่อผิดใช่มั้ย
ฉันหันไปมองหน้าพี่คนนั้นอีกที แต่แกก็ยังพูดในประโยคคล้ายๆประโยคเดิม
อะไร แกโมโหอะไรใครมาหรือเปล่าวะหน้าตาซีเรียสจัง เด๋วฉันจัดการให้เองบอกมาๆ”
เอ่อ..พี่พูดกับหนูใช่มั้ยคะ หรือยังไง” ฉันพยายามตอบกลับเสียงอึกๆอักๆ
พี่คนนั้นทำหน้าเอ๋อก่อนจะพยายามเพ่งมาที่หน้าของฉันอีกครั้งนึง
อ้าว ไม่ใช่เนยนี่ น้องคนนั้นนี่นา เฮ้ยทำไมวันนี้หน้าโคตรเหมือนกันเลยอะ” เสียงพี่คนนั้นร้องดังขึ้น
ทุกคนในห้องหันมามองหมด
โทษทีนะ พี่นึกว่าเป็นเนย ปกติก็หน้าคล้ายๆกันอยู่แล้วมาวันนี้ยิ่งเหมือนกันใหญ่เลยฮะฮะ” พี่คนนั้นทั้งพูดทั้งหัวเราะไป คนแถวนั้นก็หัวเราะตาม ฉันได้ยินเสียงพวกเค้าพูดกัน เออๆเหมือนจริงๆด้วย
ฉันตกใจรีบคิดตามคำพูดคนนั้นทันที
..นี่พี่คนนี้ว่าฉันกับพี่เนยหน้าเหมือนกันอย่างนั้นเหรอ..
ฉันรีบหันไปส่องกระจก เพ่งดูหน้าตัวเอง แล้วภาพที่เห็นก็คือตอนนี้พี่เนยเดินออกมายืนอยู่ข้างๆฉันต่อหน้ากระจก คงเพราะว่าเธอได้ยินเสียงเพื่อนเธอพูดเสียงดังเลยออกมาดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น

ตอนนี้เมื่อยืนข้างๆกันแล้วเปรียบเทียบกันในกระจกแล้วฉันถึงรู้ว่าหน้าเหมือนกันจริงๆด้วย
แม้พี่เนยจะดูสูงและดูผอมกว่าแต่ถ้าดูผ่านๆในชุดสีเดียวกันอย่างนี้แล้ว คนอาจจะคิดว่าเราเป็นฝาแฝดกันทันที
ฉันเพ่งหน้าตัวเองในกระจกสลับไปมากับหน้าพี่เนย
อ๋อ มิน่าล่ะ ที่ฉันว่าหน้าคุ้นๆนี่คงคุ้นเพราะว่าหน้าพี่เนยเหมือนตัวเองเวลาส่องกระจกนี่เอง
แต่ก็ไม่ค่อยมีใครทักฉันนะ เอ..หรือว่าเพราะฉันไม่ค่อยคุยหรือสุงสิงกับใครเลยไม่มีใครมาพูดหรือทักฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้
...ให้ตายเถอะ..ยังไปหน้าเหมือนกับคนประหลาดๆคนนี้อีก ถึงจะสวยแต่ฉันก็ไม่ดีใจหรอกนะ...
เฮ้ย..หน้าเหมือนกันจริงๆด้วยถ้าไม่ใช่พี่น้องกัน..เค้าก็คงจะว่า..เนื้อคู่กันนะนี่” เสียงเพื่อนคนนั้นแซวพี่เนยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนที่จะโดนพี่เนยเอ็ดไม่ให้พูดอะไรต่อแล้วหันมายิ้มแบบมีเลศนัยให้ฉัน
อะไรกัน สายตาแบบนั้นทั้งของเพื่อนพี่เนย และของพี่เนยทำไมฉันถึงรู้สึกประหลาดๆตอนมองนะ
นี่เธอเป็นคนยังไงกันแน่นี่ ...พี่เนย...
แล้วหลังจากนั้นไม่ว่าฉันจะเดินไปไหนก็กลายเป็นมีพี่เนยเดินตามประกบฉันตลอด ฉันจะเดินไปหาเพื่อนพี่เนยก็ยังจะเดินตามมานั่งด้วยข้างๆ เหมือนเธอไม่อยากให้ฉันคุยกับใคร
นี่เธอกลัวฉันบอกเรื่องที่เธอทำกับฉันใช่มั้ย หรือต้องการอะไรจากฉันอีก
ฉันจ้องถมึงไปที่พี่เนยตอนที่ฉันแกล้งเดินออกมาข้างนอกช็อปคนเดียวแล้วก็มีพี่เนยเดินตามมาอีกเช่นเคย
จะตามกี้อะไรนักหนา กลัวกี้บอกคนอื่นหรือไง กี้ไม่บอกหรอกนะ แต่ถ้ายังตามกี้ติดๆอยู่อย่างนี้ กี้โมโหขึ้นมาอาจจะบอกคนอื่นก็ได้” ฉันเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆพี่เนยพยายามพูดเสียงให้เบาที่สุด
ไม่ใช่ พี่แค่อยากอยู่ใกล้ๆกี้อ่ะ”
แล้วเลยทำตัวเหมือนคนโรคจิตตามติดตัวกี้อยู่อย่างนี้นี่นะ จะให้กี้บอกคนอื่นเลยมั้ยถ้างั้น”
พอพี่เนยได้ยินฉันขู่ดังนั้นก็ทำหน้าสลด น้ำตาออกมาคลอเบ้าตาเหมือนตอนที่อยู่ในรถอีกแล้ว
อะไรจะร้องไห้อีกแล้วเหรอนี่ บ้าแล้วร้องทำไมนี่” ฉันรีบเดินเข้าไปดึงพี่เนยเดินหนีจากหน้าช็อป ไปยังด้านหน้าอาคารที่มีม้านั่ง ซึ่งตอนนี้มันมืดเพราะไม่มีแสงสว่างจากหลอดไฟ
ร้องทำไมอีกนี่ จะบ้าเหรอ หยุดร้องเลยเดี๋ยวคนเค้าก็สงสัยอีกว่าทำไมพี่เนยร้องไห้ แล้วเค้าจะถามเรื่องของเรากันนะ อยากให้คนอื่นรู้หรือไง เงียบๆสิ”
อารมณ์ตกใจที่เห็นพี่เนยน้ำตาคลอเบ้า ฉันคิดอะไรไม่ออกได้แต่สั่งให้เจ้าหล่อนหยุดร้องเพราะไม่ต้องการให้คนอื่นรู้เรื่องของเราสองคน

..อ้าว..จากที่ขู่เธอว่าจะบอกคนอื่น กลายเป็นว่าตอนนี้ฉันเสียเองที่พยายามสั่งให้เธอเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ...
...บ้าไปแล้วฉัน..

แม้ฉันจะงงและแปลกใจตัวเอง แต่ก็ได้แต่ปล่อยให้มันเป็นไปตามสิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อครู่
คงเป็นเพราะฉันอายคนอื่นๆ ฉันกลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าฉันมีอะไรกับผู้หญิงด้วยกันแถมยังอยู่ในโรงเรียนอีก มันเป็นเรื่องบัดสีบัดเถลิงเกินกว่าที่ฉันจะรับได้ ซึ่งถึงฉันจะเป็นฝ่ายเสียหาย แต่ฉันก็อายเกินกว่าที่จะยอมให้เรื่องนี้รู้ถึงหูคนอื่น
เพราะงั้นตอนนี้ฉันจึงไม่อยากให้ผู้หญิงคนที่อยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้แสดงอาการอะไรผิดสังเกตอย่างนี้ออกไป
หยุดร้องเลย กี้ยังไม่เห็นร้องไห้อะไรเลยอ่ะ บ้าหรือเปล่านี่”
ก็กี้ไล่พี่ทำไมอ่ะ พี่เสียใจเป็นนะ พี่อยากอยู่ข้างๆกี้อะ ให้พี่อยู่ข้างๆกี้เถอะนะ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรให้คนอื่นสงสัยเรื่องของเราเลย”พี่เนยทั้งพูดไปร้องไห้ไป

...หนอย..ความผิดของตัวเองแท้ๆยังมีหน้ามาพูดเหมือนกับว่าเธอช่วยเหลือฉันไว้อีก ผู้หญิงบ้าอะไรนี่...

ฉันได้แต่อึ้งยืนมองผู้หญิงเจ้าเลห์ที่อยู่ข้างหน้าฉัน พูดอะไรไม่ออก
เมื่อเธอเห็นว่าฉันไม่ตอบรับเธอก็ทำเสียงสะอื้นดังขึ้นมาอีกจนฉันต้องรีบเอามือมาปิดปากเธอไว้
ก็ได้ๆ นั่งอยู่ข้างๆได้แต่ห้ามพูดอะไรเกินกว่านั้น เข้าใจมั้ย”ฉันออกคำสั่ง
พี่เนยพยักหน้าให้ฉันเธอยิ้มออกทันทีที่ฉันพูด เธอรีบเอามือเช็ดน้ำตาออกและจ้องมองมาที่ฉันด้วยแววตาที่สดใสผิดจากเมื่อกี้ทันที
เฮ้อ...นี่ฉันยังต้องมาอยู่ข้างๆผู้หญิงคนนี้ตลอดเวลาอีกเหรอนี่..บ้าชะมัดเลย
ตั้งแต่นั้นมาพี่เนยก็กลายเป็นนั่งอยู่ข้างๆฉันตลอด แม้เธอจะไม่พยายามจะพูดอะไรกวนฉันแต่การไปไหนมาไหนตัวติดกันอย่างนี้มันก็ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกอึดๆอัดๆจนฉันไม่กล้าที่จะเดินไปไหนมาไหน
กลายเป็นว่าฉันต้องนั่งอยู่ตรงมุมห้องตรงที่ไกลจากคนอื่นแค่สองคนกับพี่เนย
ซึ่งแค่ฉันนั่งกับพี่เนยสองคนแบบนั้นก็เริ่มทำให้คนอื่นเริ่มมองเราแบบ “ประหลาดๆ”
เพื่อนคนที่โทรตามฉันไม่กล้าแม้แต่จะเดินมาใกล้ ฉันได้แต่ยิ้มแหยๆตอนที่เพื่อนเดินเอาขนมมาแบ่งให้กิน
พี่เนยกับกี้ไม่ไปนั่งคุยกันกับพวกเราตรงหน้ากระจกโน้นเหรอคะ ตรงนี้มันมืดๆแถมยังยุงเยอะอีก มันไม่กัดแย่เหรอ..”
พี่เนยทำหน้าเฉยๆไม่ยินดียินร้ายตอนที่เพื่อนคนนั้นพยายามชวนคุย
ฉันได้แต่ยิ้มและส่ายหัวให้กับเพื่อนคนนั้นก่อนจะตอบไป
ไม่เป็นไรแก ฉันจะนั่งคุยกับพี่เนยตรงนี้ล่ะ ได้ถือป้ายด้วยกันเลยอยากจะทำความคุ้นเคยกันก่อนนิดนึงน่ะ ใช่มั้ยพี่เนย..”
พี่เนยรีบเปลี่ยนสีหน้าจากบึ้งๆไม่สนใจเพื่อนคนนั้นกลายเป็นรีบหันมายิ้มให้ฉันแล้วก็รีบหันไปยิ้มพยักหน้าเออออห่อหมกตามที่ฉันพูดไปทันที
ฉันคิ้วขมวดทันทีที่เห็นพฤติกรรมพี่เนย
...นี่เธอเปลี่ยนอารมณ์ไวจังเลยนะ เมื่อกี้ฉันยังเห็นเธอหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่เลย ..
อะไรยังไงเนี่ยพี่เนย
เพื่อนคนนั้นยิ้มแหยๆให้พี่เนยนิดนึงก่อนจะขอตัวกลับไปนั่งคุยกับเพื่อนๆในกลุ่มเมื่อกี้ ตอนกลับไปนั่งฉันแอบเห็นคนในกลุ่มนั้นสลับกันหันมามองที่เราสองคนด้วยสายตาแปลกๆตลอดเวลา
...นี่คงกำลังนินทาฉันกับพี่เนยอยู่ใช่มั้ย...
...เค้าจะรู้อะไรกันมั้ยนี่ คงไม่หรอกใช่มั้ย ฉันก็แค่นั่งคุยกับพี่เนยอยู่ตรงนี้เฉยๆ พี่เนยก็ทำตัวนิ่งๆไม่ได้แสดงท่าทางอะไรสักหน่อย แล้วเรื่องในรถยังไงก็ไม่มีใครรู้อยู่แล้วเพราะมันอยู่ตั้งหลังโรงเรียนโน้น..
..แล้วถ้างั้น..พวกนี้นินทาอะไรกันอ่ะ...
...แค่ผู้หญิงสองคนคุยกันนี่ มันแสดงให้เห็นแล้วเหรอว่ามีใครคนใดคนหนึ่งชอบกัน...
...บ้าน่า...ใจเย็นไว้กี้ ใครเค้าจะรู้ ขนาดแกเองยังมองไม่ออกเลยว่าพี่เนยชอบผู้หญิงด้วยกัน...
..ถ้าอย่างนั้น พวกนั้นนินทาอะไรฉันกันล่ะทีนี้..
กี้..”
เสียงเรียกของพี่เนยดังแทรกเข้ามาในห้วงความคิดของฉัน ฉันรีบหันไปมองหน้าเจ้าหล่อนทันที
ห้าทุ่มแล้วนอนกันเถอะ เด๋วตีสองเราก็ต้องตื่นมารอแต่งตัวแล้วมีเวลาพักผ่อนรีบพักเถอะนะ”
อืม..ดีเหมือนกัน ดีกว่ามานั่งว่างๆแบบนี้”

ฉันมองไปยังตรงกลางช๊อปตรงนั้นจะมีพัดลมตัวใหญ่สองสามตัวคอยพัดให้ความเย็นและไล่ยุงไม่ให้เข้าใกล้ จึงมีเพื่อนนักเรียนสามสี่คนเริ่มไปนอนอยู่ตรงนั้นแล้ว

คงต้องไปนอนอยู่ตรงนั้น” ฉันชี้มือไปที่กลางห้อง แล้วรีบลุกขึ้นซึ่งพี่เนยก็รีบลุกขึ้นตามฉันทันที
อะไรอย่าบอกนะว่าจะนอนด้วย”ฉันจ้องตาถมึงไปที่พี่เนยทันทีที่เห็นเธอทำท่าเหมือนจะเดินตาม
ใช่ไง ก็บอกแล้วไงว่าขออยู่ด้วยข้างๆตลอดนะ เด๋วพี่ไปเอาหมอนผ้าห่มในรถมาให้จะได้นอนห่มด้วยกันไง”

ฉันคิ้วขมวดมองหน้าเจ้าหล่อนพร้อมๆกับความคิดในใจที่ดังว่า
...อะ ผู้หญิงคนนี้กะจะไม่ปล่อยฉันง่ายๆเลยใช่มั้ยนี่ ทำไมทำตัวแบบนี้นี่สวยก็สวย ตามตื้อผู้หญิงด้วยกันอยู่ได้จะทำตัวให้ดูไม่มีค่าไม่เกียรติไปทำไมนี่ ฉันไม่เข้าใจพี่เนยจริงๆ...
พี่เนยยังส่งสายตาออดอ้อน ยิ้มเล็กๆที่มุมปากของเธอรอคำอนุญาติจากฉันอยู่
ยังไงฉันก็ปฏิเสธเธอไม่ได้อยู่แล้วนี่ รู้อยู่แล้วนี่ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ เชอะ

ก็ได้ รีบไปรีบมา กี้คงไม่ไปด้วยแล้วหรอกนะ” ฉันหน้าบึ้งทันทีที่พูดประโยคนี้ “หลอกกี้ไม่ได้แล้วล่ะ ไปเอาเองเถอะ”
โธ่..พี่ไม่ได้ชวนกี้ซักหน่อย พี่จะไปเอามาให้เองนี่ล่ะไปจองที่นอนไว้ให้พี่เลยนะ เด๋วมา” เธอยิ้มหวานตรงคำว่าเด๋วมา แล้วทำท่าเหมือนส่งจูบให้ฉัน จนฉันผงะตกใจทันทีที่เห็นท่าทางอย่างนั้นของหล่อน
ฉันตาโตคิ้วขมวดทำปากมุบๆมิบๆให้พี่เนยเพื่อบอกให้พี่เนยรู้ว่า ..ห้ามมาทำอย่างนี้ ที่นี้ ตอนนี้เลยนะ..
พี่เนยหัวเราะและยิ้มอารมณ์ดีนิดนึงก่อนจะเดินหายออกไปจากช็อปหายไปพักใหญ่ๆก่อนจะกลับเข้ามาในช๊อปพร้อมๆกับหมอนและผ้าห่มของเธอ
เธอยืนหันรีหันขวางมองหาฉันที่เดินมาจองที่นอนตรงกลางห้องไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
โดยที่เธอยังไม่รู้ตัวฉันก็แกล้งทำเป็นไม่เรียกเธอได้แต่แอบมองเธอทำหน้าเหมือนคนหาของหายอยู่อย่างนี้
….ก็น่ารักดีอยู่หรอก ใบหน้าเหวอๆของพี่เนยตอนนี้ นี่ถ้าไม่ติดว่าเธอทำเรื่องไม่ดีกับฉันมาเมื่อกี้ฉันอาจจะกลายเป็นแอบปลื้มในความสวยน่ารักของเจ้าหล่อนไปแล้วก็ได้...

อึ้ยยย...อย่าไปหลงแอบปลื้มหล่อนเชียวนะ... สัญชาตญาณของฉันคอยสั่งว่า เธอคนนี้ยังไงไม่รู้..ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างแอบซ่อนอยู่ในความน่าสงสารของเจ้าหล่อนอยู่ตลอดเวลา ทั้งสายตาเจ้าเหล่ พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเวลาคุยกับฉันและคนอื่น
กี้..”
ฉันนั่งสับสนอยู่ในความคิดอยู่ไม่นานก็ต้องมาสะดุ้งเพราะหน้าของพี่เนยแทรกเข้ามาในสายตาระยะประชั้นชิดอยู่จนติดขอบตา
ทำไมไม่เรียกพี่เลยอ่ะ พี่ยืนหากี้อยู่ตั้งนาน” หน้าใสๆขาวๆยื่นมาใกล้ๆฉันเสียจนจะติดหน้า เธอทำอย่างกับว่าเธอกำลังจะจูบฉันต่อหน้านักเรียนหญิงที่รอแต่งหน้าอยู่ในห้องอย่างนี้
ฉันสะดุ้งตกใจรีบผลักพี่เนยที่นั่งคลุกเข่ายื่นใบหน้ามาหาฉันจนล้มเซไปข้างหลัง พี่เนยอึ้งเธอล้มลงไปกองกับพื้นห้องพร้อมๆกับหมอนและผ้าห่มของเธอที่ถือมาเมื่อครู่นี้
เฮ้ยกี้ แกทำอะไรพี่เนยวะ” เพื่อนคนที่โทรไปเรียกฉันเดินเข้ามาช่วยดึงพี่เนยขึ้น แต่ก็โดนพี่เนยปัดมือออกแล้วทำหน้าเจื่อนๆมองมาที่ฉันเหมือนเธอไม่คิดว่าฉันจะกล้าผลักเธอให้ล้มลงไปต่อหน้าคนเยอะๆอย่างนี้
เธอไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องหน้าฉันด้วยความตกใจปนงงในสิ่งที่ฉันทำเธอไปเมื่อครู่
ฉันก็งง มันคงจะเป็นปฏิกิริยาตอบโต้อัติโนมัติ ฉันแค่อยากป้องกันตัว เพราะฉันกลัวว่า..ถ้าพี่เนยเกิดเป็นบ้าจูบฉันขึ้นมาต่อหน้าคนอื่นๆในห้องตอนนี้ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน..
พี่เนยจ้องหน้าฉันอยู่นาน จนน้ำตาของเธอเริ่มคลอออกจากเบ้าตาอีกแล้ว..
เฮ้ยย..จะร้องอีกแล้วใช่มั้ยนี่
ฉันรีบยื่นมือไปจับมือพี่เนยแล้วรีบดึงเข้ามานั่งใกล้ๆ
ขอโทษๆนะพี่เนย กี้ง่วงนอนแล้วกี้เลยงุ่นง่านทำตัวบ้าๆบอๆไปนิดอะ ป่ะเรารีบๆนอนกันเถอะ” ฉันดึงพี่เนยมาข้างๆแล้วรีบหยิบหมอนกับผ้าห่มเอามาวาง
...เฮ้ย ทำไมมีอย่างละอันเท่านั้นล่ะ ไหนพี่เนยว่าจะเอามาเผื่อฉันไง.... ฉันรีบหันหน้าไปมองพี่เนยที่ตอนนี้เริ่มยิ้มออกเธอใช้มือเช็ดน้ำตาที่ขอบตาเธอออกแล้วนั่งยิ้มมองหน้าฉัน
ทำไมมีหมอนกับผ้าห่มอย่างละอันล่ะพี่เนย ไหนบอกจะเอามาให้กี้ด้วย”
พี่เนยยิ้ม “พี่บอกว่าจะเอามาให้ห่มด้วยกัน ไม่ได้หมายความว่าจะเอามาให้กี้อันพี่อันซักหน่อย”
ฉันคิ้วขมวดทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ห่มด้วยกัน ก่อนจะรีบหันไปมองเพื่อนที่ยืนฟังพี่เนยพูดข้อความเมื่อกี้ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ฉันยิ้มแหยๆให้เพื่อนคนนั้น แล้วหันมาดึงพี่เนยมาใกล้ๆตัวเองก่อนจะรีบกัดฟันพูดกระซิบกระซาบกับเธอไป
ขี้โกงนี่ กี้ไม่ได้บอกว่าจะนอนด้วยสักนอน กี้ขอหมอนกับผ้าห่มแยกจากพี่เนยต่างหากนะ กี้ไม่นอนใกล้พี่เนยนะเข้าใจมั้ย”
พี่เนยอึ้ง เธอขยับตัวออกมาจากฉันแล้วทำหน้าเศร้าเหมือนจะร้องไห้ขึ้นอีก
ทำไมกี้ไม่อยากนอนใกล้พี่ล่ะ กี้ไม่....” เธอทำเสียงเหมือนคนกำลังร้องไห้พูดความรู้สึกเสียใจออกมา แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดหมดประโยค หล่อนก็โดนฉันรีบยื่นมือไปปิดปากไม่ให้หล่อนพูดต่อทันที ตาของฉันจ้องเขม็งไปที่เธอต่อด้วยความคิดในใจที่กำลังแสดงออกไปที่ใบหน้าตอนนี้ว่า..

...เลิกแสดงบทบาทดราม่าได้แล้ว เข้าใจแล้ว นอนด้วยกันก็นอน...

ฮึยยย..ฉันอยากจะบ้าตายจริงๆเลย
...ผู้หญิงบ้าอะไรนี่...