Lovely
Mafia Girl
ลูกสาวเจ้าพ่อ
ขอเป็นแฟนหนู
“First time”
ในระหว่างที่ฉันกำลังงงๆ
คิดไม่ออก
ว่าควรจะเห็นใจกับสิ่งที่พี่เนยพูดมาด้วยดีมั้ย
พี่เนยก็ไม่รอช้าประวิงเวลา
เธอเอื้อมมือด้านล่างที่ตอนนี้มันลอดผ่านขากางเกงเข้าไปชั้นนึงแล้ว
เข้ามาจับพื้นที่ลับๆนั้นของฉัน
“ว้าย..”
ฉันร้องเสียงหลงทันทีที่มือพี่เนยไปโดน“ตรงนั้น”เข้า
มือข้างนึงของฉันที่อยู่ฝั่งทางนั้นพยายามเอื้อมไปดึงมือของพี่เนยขึ้นมาจากตรงนั้น
แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
มือของพี่เนยนั้นเคลื่อนไหวเร็วกว่าฉันมาก
ตอนนี้กลายเป็นว่ามันลอดผ่านกางเกงชั้นในของฉันเข้าไปยังเนินเนื้อนั้นแล้ว
“พี่เนย..อย่าทำอย่างนั้น
ไม่เอานะ..อย่า”
ฉันร้องเสียงหลงไปตามจังหวะที่นิ้วมือของพี่เนยกำลังเคลื่อนผ่านแนวร่องเนินเนื้อของฉันไปมา
ความรู้สึกสั่นไหวสะท้านกำลังจะทำให้ฉันหายใจติดๆขัดๆเหมือนคนหายใจไม่ออก
ร่างกายก็อ่อนระทวยไม่มีแม้แรงจะต่อสู้กับพี่เนยได้เลย
ความรู้สึกวูบๆวาบๆเกิดขึ้นตามตัวของฉัน
ฉันทั้งรู้สึกขนลุกทั้งเสียวสะท้านประหนึ่งร่างกายกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆเสียให้ได้
มือข้างที่เคลื่อนไปมาตามร่องเนื้อนั้นค่อยๆเพิ่มจังหวะขึ้นจากช้าค่อยๆเร็วขึ้นและเพิ่มความแรงขึ้นจนทำให้ฉันรู้สึกเกร็งงอตัวเองด้วยความเสียวซ่านที่กำลังเกิดขึ้นจากจุดนี้จุดเดียว
มือข้างหนึ่งของพี่เนยที่จับหน้าอกของฉัน
ก็กลายเป็นดึงยกทรงของฉันไว้ขึ้นเหนือเนินหน้าอก
ตอนนี้กลายเป็นว่ามือของพี่เนยกำลังบีบเค้นหน้าอกเปลือยเปล่าของฉันไปตามแรงสั่นสะท้านของร่างกายของฉันที่บิดตัวไปมาอีก
“พี่เนย...”
เสียงอ่อนแรงของฉันพยายามร้องเรียกพี่เนยซ้ำๆ
แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีประโยคเพราะตอนนี้พี่เนยกำลังเสียสติไปแล้ว
เธอพยายามจูบพรมไปทั่วใบหน้าของฉัน
บางทีเธอก็เลื่อนใบหน้ามายังหูของฉันแล้วใช้ปลายลิ้นชอนไชเข้าไปในรูหูนั้น
แค่ทำแค่นั้นฉันก็ยิ่งร้องโวยวายเพราะทนในความรัญจวนที่พี่เนยหยิบยื่นมาให้อีกนี้ไม่ได้
เสียงลมหายใจระรัวของพี่เนยอยู่ข้างๆหูฉันตลอดเวลา
ฉันไม่แน่ใจว่าเค้ามีความสุขที่เค้าได้เห็นฉันอยู่ในสภาพที่แสนทรมานอย่างนี้หรือไม่
และความรู้สึกนี้ฉันอธิบายไม่ถูก
ไม่แน่ใจว่าเรียกว่ามัน
“ดี” ได้หรือเปล่า
รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันกำลังทรมานกับความรัญจวนที่ฉันไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในชีวิตของฉันเลย
มันช่างเป็นความรัญจวนที่หนักหน่วงเกินกว่าเด็กอายุ16ปีอย่างฉันจะรับได้ไหว
ฉันยังไม่ได้เตรียมใจในเรื่องอย่างนี้
ในเวลานี้ ในสถานที่นี้
และกับคนๆนี้มาเลย
เค้าถือโอกาสกับฉันเกินไป
ฉันยังไม่ได้ทันตั้งตัวที่จะเตรียมใจรับเรื่องอย่างนี้เลย
ยิ่งคิดฉันยิ่งงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อกี้ฉันยังคุยกับเค้าเหมือนคนรู้จัก
เหมือนเพื่อน เหมือนพี่สาวอยู่เลย
แต่ตอนนี้
อะไรกันนี่ ฉันงงไปหมดแล้ว...
โอ้ย...
ตอนนี้ปลายนิ้วของพี่เนยกำลังเร่งจังหวะและความแรงเพิ่มขึ้น
จนฉันเริ่มหายใจติดๆขัดๆหนักขึ้นกว่าก่อน
ความรู้สึกตอนนี้เหมือนใจของฉันกำลังจะขาดเสียให้ได้
ฉันทั้งครางทั้งร้องออกมาตามแรงเกร็งที่ฉันกำลังเป็นอยู่
ณ ตอนนี้
มือของฉันปัดป่ายไปตามตัวของพี่เนย
และเหมือนร่างกายของฉันกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆในไม่ช้านี้
ไม่นานฉันก็สะดุ้ง
เกร็งตัวร้องเสียงดัง
มือของฉันพยายามดึงมือของพี่เนยออกมาจากตรงนั้น
“ไม่ไหวแล้ว...พี่เนย..”
ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังร่วงหล่นลงมากจากท้องฟ้า
เสียงหายใจรวยรินของฉันกำลังทำให้พี่เนยค่อยๆเบาแรงลง
และหยุดทำในที่สุด
ฉันเกร็งตัว
หลับตารู้สึกเหนื่อยล้ากับสิ่งที่เจอเมื่อครู่นี้
บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรเหมือนกัน
เหมือนมันจะเป็นความรู้สึกดีแบบประหลาดๆจากการที่ได้ผ่อนคลายตัวเองเมื่อกี้
ทั้งรู้สึกอายที่ฉันโดนคนตรงหน้าฉัน
“ข่มขืน”
ใช่แล้ว..ฉันโดนผู้หญิงด้วยกันข่มขืนเสียแล้ว
ฉันคิดได้ตอนที่พี่เนยกำลังก้มลงจูบฉันต่อ
ปลายลิ้นของเธอค่อยๆชอนไชเข้าไปทักทายกับปลายลิ้นของฉัน
มันบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร
รู้แต่ว่าฉันไม่อาจต้านทานสิ่งที่พี่เนยกำลังทำอยู่นี่ได้เลย
ระหว่างที่จูบฉันนั้นพี่เนยก็ดันฉันลงไปนอนกับเบาะรถที่ปรับเอนลงไป
จนเกือบจะกลายเป็นแนวระนาบเดียวกันกับพื้นรถ
ตอนนี้เธอกำลังพยายามดึงชุดเอี้ยมของฉันออก
ด้วยความที่ฉันยังหมดแรงจากสิ่งที่เกิดเมื่อครู่อยู่จึงไม่อาจจะห้ามปรามในสิ่งที่พี่เนยกำลังทำอยู่นี้ได้เลย
ตอนนี้กลายเป็นว่าชุดเอี้ยมของฉันลงไปกองอยู่กับพื้นรถข้างล่างเสียแล้ว
ฉันมีเพียงเสื้อยืดกับชั้นในที่โดนดึงขึ้นไว้เหนือเนินหน้าอก
กับกางกางชั้นในที่กำลังจะหลุดออกเพราะพี่เนยพยายามดึงออกไปเช่นเดียวกัน
“พี่เนยจะทำอะไรอีกอ่ะ”
ฉันหน้าตาเหรอหรามือไม้พยายามคว้าดึงเอากางเกงชั้นในตัวนั้นขึ้นมาไว้ที่เก่าแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
มันโดนดึงออกจากขาข้างนึงให้เหลือไว้กับแค่ขาข้างหนึ่งเท่านั้น
ให้ตายเถอะ
ตอนนี้ฉันอายเหลือเกิน
พี่เนยทั้งยิ้มทั้งจ้องมองมาที่ตรงนั้นของฉัน
ผู้หญิงแสนสวยคนที่ฉันนั่งคุยด้วยเมื่อกี้เปลี่ยนไปเป็นซาตานเสียแล้ว
ฉันพยายามเอื้อมมือสองข้างมาบังไว้แต่ก็โดนพี่เนยจับออก
ตอนนี้พี่เนยก้มหน้าลงไปสัมผัสกับเนินเนื้อแสนหวงของฉันเสียแล้ว
ปลายลิ้นของพี่เนยกำลังชอนไชไปตามจุดต่างๆ
แม้จะรู้สึกสะท้านหวั่นไหวเหมือนเมื่อครู่แต่ความรู้สึกตอนนี้มันยิ่งกว่าตอนนั้นมาก
ฉันแทบจะโยนตัวขึ้นเพราะทนต่อความเสียวสะท้านจากปลายลิ้นของพี่เนยไม่ได้
“พี่เนยพอได้แล้ว
ไม่ต้องทำแล้วกี้รู้แล้วว่าพี่เนยชอบกี้
โอ้ย ไม่เอา..”
เสียงร้องครวญครางของฉันตอนนี้ดังออกมาไม่เป็นภาษา
นี่ถ้าไม่มีเสียงซีรีย์ที่เปิดอยู่ดังกลบไว้
คนข้างนอกต้องได้ยินเสียงของฉันแน่ๆ
“พี่เนย..”
ฉันเรียกชื่อพี่เนยซ้ำๆด้วยหวังว่าคนที่อยู่ต่อหน้าฉันจะเมตตาปราณีฉันบ้าง
แต่ก็เปล่าเลย
ยิ่งได้ยินเสียงเรียกของฉันปลายลิ้นของพี่เนยยิ่งเพิ่มความหนักหน่วงและจังหวะที่ดุดันเข้าไปใหญ่
ตอนนี้ร่างกายของฉันสั่นสะท้านไม่อาจจะควบคุมทิศทางการเคลื่อนที่ได้เลย
ขาสองข้างของฉันกำลังเกร็งจนต้องต้านแรงแขนของพี่เนยที่กำลังดันด้านในขาสองข้างเอาไว้อยู่
เมื่อทำอะไรไม่ได้ฉันได้แต่จิกปลายเล็บของฉันลงไปที่เบาะรถ
ตอนนี้ฉันรู้สึกแย่อีกแล้ว
ฉันควบคุมอะไรไม่ได้เลย
แม้กระทั่งเสียงร้องของฉัน
พี่เนยยังคงเพิ่มจังหวะหนักหน่วงของลิ้นพี่เนยอยู่เรื่อยๆจนกระทั่ง
ฉันต้องปล่อยให้ตัวเองร้องเสียงดังและปล่อยความรู้สึกที่เหมือนตัวเองลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าและร่วงมาแรงๆเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง
เมื่อถึงตอนนี้ฉันทนแทบไม่ได้
จนต้องร้องไห้ออกมา
แล้วพยายามผลักพี่เนยออกไปจากตัวเอง..
ฉันนอนหายใจรวยรินอยู่ที่เบาะรถตอนนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน
นี่หรือเปล่านะที่เค้าเรียกกันว่า“ไคลแมกซ์”
ฉันเคยได้ยินคำนี้ตอนเพื่อนนักเรียนหญิงที่เกเรในห้องบางคนคุยกันเรื่องพวกนี้อยู่
ตอนนั้นแค่ได้ยินฉันก็รู้สึกอายจนหน้าแดง
ไม่คิดว่าเพื่อนพวกนั้นจะกล้าคุยเรื่องที่พวกเธอมีอะไรกับผู้ชายให้กันฟังได้ต่อหน้าต่อตาฉันขนาดนั้น...
พวกเค้าคุยกันยังกับว่าเรื่องเซ็กส์คือเรื่องธรรมชาติ
เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ไม่เห็นจำเป็นต้องอาย..
..แต่ฉันอาย..
เพราะฉันคิดว่าอายุในวัยอย่างฉัน
มันยังเด็กเกินไป..และฉันยังไม่พร้อมแม้กระทั่งจะรับฟังเรื่องพวกนี้..
แค่ได้ฟังเรื่องพวกนั้นจากเพื่อนฉันก็แอบแอนตี้เพื่อนพวกนั้นและไม่คุยกับพวกเค้าอีกเลยด้วยเหตุผลที่ว่า
พวกเค้า..แก่แดดเกินไป..และฉันไม่มีทางจะทำอย่างนั้น
ถ้าฉันยังไม่อายุครบ 25ปี...
...นั่นเป็นความคิดของฉันในตอนนั้น..
แต่ตอนนี้..ฉันกำลังมีเซ็กส์..แถมยังเป็นเซ็กส์กับผู้หญิงด้วยกันเสียอีก...
ฉันไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนเลย
ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงกล้าทำเรื่องบ้าๆอย่างนี้กับฉันได้นะ
พี่เนยหยุดทำแลัวมองหน้าฉันก่อนที่เธอจะพยายามก้มลงดูดที่ปลายหน้าอกของฉันอีก
เธอออกแรงดูดแรงมาก
มากจนฉันเจ็บและสะดุ้งขึ้นมาพยายามผลักหน้าเธอออกไป
“พี่เนยพอได้แล้ว”
เสียงของฉันพยายามร้องขอ
แต่ก็เปล่าประโยชน์ตอนนี้กลายเป็นว่าพี่เนยกำลังจะทำเรื่องอย่างว่าอีกเป็นรอบที่สามแล้ว
..โอ้ย..อะไรจะขนาดนั้นนี่..
ในขณะที่ปากของเธอดูดยอดถันของฉันนั้น
มือของเธอก็เรื้อยลงไปลูบคลำๆเนินนั้นอีก
แล้วมันก็ดำเนินไปอีกจนกระทั่งเกือบที่ฉันจะเสร็จพี่เนยอีกครั้ง
ถ้าไม่มีเสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นมาก่อน
มันดังออกมาจากกระเป๋ากางเกงเอี้ยมของฉันนั่นเอง
“พี่เนย..โทรศัพท์...มันอาจจะเป็นโทรศัพท์เพื่อนของกี้โทรมาก็ได้ให้กี้รับนะ..”
ฉันพยายามขอร้องพี่เนยที่กำลังปรนเปรอรสสวาทให้ฉันโดยที่ฉันไม่ได้ร้องขออีกเป็นรอบที่สาม
พี่เนยคิ้วขมวด
ลุกขึ้นหยิบเอาโทรศัพท์ในกระเป๋าเอี้ยมออกมา
“กี้จะบอกคนอื่นใช่มั้ย
ว่าพี่ทำอะไรกี้..”
เสียงที่ฟังดูเหมือนรู้สึกผิดของพี่เนยดังออกมา
“พี่ทำไปทั้งหมดเพราะพี่รักกี้จริงๆนะ
พี่ไม่รู้จริงๆว่าพี่จะจีบกี้ยังไง”
ฉันอึ้ง
คิ้วขมวดเมื่อได้ฟังคำที่พี่เนยว่ามา
“..พี่เนยเลยทำอย่างนี้กับกี้นี่นะ..บ้าหรือเปล่า”
“พี่รักกี้จริงๆนะ
กี้อาจจะไม่รู้ว่าพี่เฝ้ามองกี้อยู่มาตลอด
กี้สงสารพี่เถอะนะ”พี่เนยพูดพลางดึงมือฉันเข้ามาเขย่า
พี่เนยใช้คำว่า
“สงสาร”
มาอ้อนวอนขอร้องฉันไม่ให้ฉันบอกเรื่องนี้กับคนอื่นอีกแล้ว
นี่ฉันควรจะทำอย่างไรกับผู้หญิงคนนี้ดี
ตอนนี้ฉันทั้งเหนื่อยทั้งงง
คิดอะไรไม่ออกแล้ว ดูมันอื้อๆไปหมด
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาไวมาก
ไวเสียจนฉันยังงงกับความรู้สึกของตัวเองเลย
มองดูหน้าผู้หญิงคนที่อยู่ต่อหน้าแล้ว
เธอก็ทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้เสียให้ได้
เอ๋า..แล้วเธอก็ร้องไห้ออกมาจริงๆ
เพราะว่าฉันมัวแต่อึ้งไม่ยอมตอบรับเธอเสียที
เธอคงคิดว่าฉันจะบอกเรื่องนี้กับคนที่โทรมาแน่ๆ
..ให้ตายเถอะแล้วตอนนี้ฉันก็ดัน
“สงสาร” ผู้หญิงคนที่อยู่ต่อหน้าฉันจริงๆเข้าเสียแล้ว...
ทั้งๆที่ฉันเป็นฝ่ายเสียหายแท้ๆแต่ฉันกลับพูดอะไรไม่ออกเลยเมื่อเห็นเธอคนนี้ร้องไห้
ฮึ..ฉันคนที่โดนกระทำย่ำยียังนั่งหน้าเอ๋องงๆอยู่แท้ๆ
แต่ผู้หญิงคนที่เค้าทำมิดีมิร้ายกับฉันกลับร้องห่มร้องไห้เสียเอง
น่าขำเสียจริง...
ฉันถอนหายใจก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ของฉันจากมือพี่เนยมา
พี่เนยทำท่าเหมือนจะไม่เอาให้ฉัน
แถมยังร้องไห้หนักกว่าเดิมอีกจนฉันต้องสัญญาว่าฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครเธอถึงยอมยื่นโทรศัพท์มาให้
“กี้แกอยู่ไหนวะ
อาจารย์เช็คชื่อแล้วนี่”
เสียงเพื่อนของฉันดังมาจากปลายทาง
“เอ่อ..ฉันมาซื้อของกับ..พี่เนยอยู่น่ะ”
ฉันตอบเสียงอึกๆอักๆในเรื่องที่แต่งขึ้นมา
“อ้าวเหรอ
มิน่าอาจารย์ถามหาทั้งสองคน
รีบๆกลับมากันล่ะแก
ฉันล่ะนึกว่าแกโดนลากเข้าไปหมกในป่าที่ไหนแล้ว”
“ฮึฮึ...”
ฉันหัวเราะทันทีที่ได้ยินเสียงเพื่อนว่าอย่างนั้น
...ไม่ได้โดยลากเข้าป่าหรอก
โดนลากเข้ามาในรถต่างหาก...
“ไม่มีอะไรหรอก
เด๋วพวกฉันก็กลับแล้วพอดีลืมเอาของใช้มาเลยมาหาซื้อด้วยกันเฉยๆ”
“โอเคๆ
รีบๆมาแล้วกันฉันจะบอกอาจารย์ให้”
แล้วเพื่อนคนนั้นก็วางสายไป
ทิ้งให้ฉันนั่งอึ้งมองหน้าคนที่กำลังร้องไห้สำอิดสำออยอยู่ตอนนี้
“เลิกร้องได้แล้ว
กี้นะที่ควรจะร้อง”
ฉันพูดพลางรีบหยิบเอาชุดเอี้ยมของฉันขึ้นมาใส่
พี่เนยหันมามองฉันแล้วพยายามดึงแขนของฉันไว้
แต่ก็โดนฉันสะบัดออก
“ห้ามทำอย่างนี้กับกี้อีกเลยนะ
ถ้าไม่อยากให้กี้บอกเรื่องนี้กับใคร
ตอนนี้กี้จะไม่ว่าอะไรพี่เนยก็ได้นะเพราะเห็นว่าเราเป็นผู้หญิงด้วยกัน
และเห็นแก่ความน่าสงสารของพี่เนย
แต่อย่ามาใกล้กี้อีกไม่งั้นกี้บอกพ่อแม่กี้แน่ๆ”
ฉันชี้หน้าพลางพูดขู่พี่เนย
พี่เนยพยักหน้า
แล้วถอยตัวเองออกมาจากฉันปล่อยให้ฉันแต่งตัวตัวเองให้เรียบร้อย
มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
ฉันทั้งอาย ทั้งงง
ทั้งรู้สึกแย่..แต่เมื่อเห็นว่าคนที่กระทำย่ำยีฉันเป็นผู้หญิงด้วยกันอีกทั้งหน้าตาเหมือนคนไม่มีพิษมีภัยแถมยังทำตัวน่าสงสารอีกด้วย
ฉันก็กลายเป็นโกรธไม่ลง
ตอนนี้ฉันอาจจะอภัยให้พี่เนยได้
แต่ฉันขอไม่เข้าใกล้เธอคนนี้อีกดีกว่า
คนอะไรน่าตาก็ดี
สวยก็สวย ทำไมถึงทำในสิ่งที่ฉันนึกไม่ถึงได้ขนาดนี้นะ
แย่จริงๆเลย..
บ้าเอ้ย..แล้วฉันก็กลายเป็นโดนผู้หญิงด้วยกันเปิดซิงซะอย่างนั้น
จะเป็นอะไรมั้ยนี่ฉัน
ฉันได้แต่ถอนหายใจ
พยายามไม่นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้
พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด
รอจนพี่เนยเปิดประตูรถแล้ววิ่งหนีไปที่อาคารช๊อปให้ไวที่สุด
ฉันไปถึงช๊อปด้วยใบหน้าเหรอหรา
อาจจะเป็นเพราะว่าฉันทั้งเหนื่อยและยังไม่หายตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ด้วย
“อ้าวไหนว่าไปซื้อของกับพี่เนยวะ
ไหนของของแก แล้วพี่เนยล่ะ”
ฉันอึ้งลืมไปสนิทเลยว่าโกหกเพื่อนไปอย่างนั้น
ได้แต่อึกๆอักๆพูดไม่ออก
ยังไม่ทันที่ฉันจะตอบก็มีเสียงแทรกมาระหว่างเราสองคน
“พี่เอาไปเก็บในรถแล้วอ่ะ
ของมันเยอะไม่อยากถือมานี่
ทำไมเหรอ มีอะไรหรือเปล่า..”
พี่เนยพูดด้วยน้ำเสียงที่แสนจะเย็นชาจนเหมือนจะกลายเป็นน้ำเสียงของคนที่จะหาเรื่องคน
ซึ่งต่างจากที่ฉันเห็นเมื่อกี้ลิบลับ
เพื่อนคนนั้นอ้าปากค้างหน้าเหวอทำหน้าอย่างกับตกใจที่เห็นพี่เนยคุยด้วย
“อ๋อ
ค่ะๆ หนูกลัวพี่เนยจะหายไปน่ะค่ะ
เป็นห่วงเฉยๆไม่มีอะไร”
เพื่อนคนนั้นรีบตอบเสียงสั่นๆ
พี่เนยมองหน้าจ้องตาเขม็งเพื่อนคนนั้นก่อนจะหันมามองที่ฉันต่อ
แต่ฉันไม่อยากมองหน้าพี่เนยจึงสะบัดหน้าหนีทันทีที่สบตา
พี่เนยถอนหายใจแล้วเดินไปหาอาจารย์ที่โต๊ะ
เธอคงรู้ว่าฉันไม่อยากคุยด้วย
“แกไปทำอะไรมาหรือเปล่าวะ
ดูหน้าล้าๆ เหมือนแกเหนื่อยๆนะ
ผมเผ้าก็กระเซอะกระเซิง”
เสียงเพื่อนของฉันถามก่อนจะค่อยๆลดระดับเสียงลงกลายเป็นกระซิบในประโยคต่อมา
“พี่เนยพาแกไปทำอะไรมาหรือเปล่าวะ..”
เพื่อนคนนั้นกระซิบกระซาบเสียงเบาๆทำหน้าเหมือนสงสัยเต็มที
ฉันทั้งอึ้งทั้งตกใจที่เพื่อนเห็นผิดสังเกตุ
ใจก็อยากจะเล่าเรื่องเมื่อกี้ให้ฟัง
แต่คิดๆดูแล้วก็แสนจะอาย
ทำได้แต่ทำท่าอึกๆอักๆ
“เอ้า..แล้วนี่หน้าแดงทำไมนี่”
เสียงเพื่อนคนนั้นถามคงเพราะเห็นว่าฉันหน้าเปลี่ยนสีจากการที่ฉันนึกถึงเรื่องเมื่อครู่นี้
“เอ่อ..คือ..”
ยังไม่ทันที่ฉันจะตอบเพื่อนดี
เสียงเฉยชาที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ก็ดังมาอีก
“กี้..อาจารย์ให้ไปเช็คชื่อ
แล้วก็ให้ไปลองชุดน่ะ..”
ฉันหันไปตามเสียง
เป็นพี่เนยที่ทำหน้าเหมือนไม่กล้าจะเรียกฉันเพราะกลัวว่าฉันยังไม่หายโกรธ
ฉันไม่พูดอะไรด้วยต่อ
ได้แต่ลุกขึ้นแล้วเดินเบี่ยงตัวหนีพี่เนยไปหาอาจารย์
พี่เนยก็เดินตามฉันมาติดๆ
ตอนที่ฉันไปเช็คชื่อกับอาจารย์พี่เนยก็ยืนตัวเกือบชิดฉัน
ฉันทำท่าเดินหนีพี่เนยก็ยังเดินตาม
จนฉันต้องหันไปจิกตาจ้องเขม็งใส่พี่เนยเพื่อบอกเป็นนัยๆว่า
เลิกตามได้แล้ว
แต่เธอก็ยังเดินตามฉันอยู่ดี
ตอนที่ฉันเอาชุดเข้าไปเปลี่ยนในห้องเปลี่ยนเสื้อเธอก็ยังจะอุตสาห์ดึงดันเข้ามาด้วยจนฉันต้องผลักเธอออกไป
“เข้ามาทำไมเนี่ย
กี้จะเปลี่ยนชุด”
“ก็เปลี่ยนด้วยไง
อาจารย์บอกให้เปลี่ยนพร้อมๆกันจะได้ดูว่าสีชุดมันเข้ากันดีมั้ย”
“ไม่ต้องเข้ามาเลย
ให้กี้เปลี่ยนก่อน”
ฉันชี้หน้าพี่เนยพร้อมๆทั้งทำตาถมึงทึง
“อย่าลืมที่พูดกันไว้สิ”
พี่เนยอึ้ง
ในที่สุดเธอก็ยอมรอฉันอยู่หน้าห้อง
ไม่นานฉันก็เปลี่ยนเป็นชุดไทยสีชมพูเสร็จ
แล้วเดินออกมาหน้าห้อง
พี่เนยยิ้มค้างทันทีที่เห็นฉัน
ฉันก็ตกใจที่เห็นท่าทางตกตะลึงอย่างนั้นของพี่เนย
แต่ก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด
“เป็นอะไร
ไปเปลี่ยนสิ” เสียงฉันพยายามเรียกสติพี่เนย
ก่อนจะพยายามเดินเลี่ยงไปอีก
แต่แล้วฉันก็โดนพี่เนยดึงตัวเอาไว้
แล้วดันฉันที่กำลังหน้าเหวอเข้าไปในห้องแต่งตัวอีกรอบ
“อะไร..นี..”
ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไรพี่เนยก็เอามือมาปิดปากฉันไว้
แล้วเคลื่อนตัวเข้ามาหอมฉัน
“กี้สวยจัง”
ฉันตาโตทันทีที่โดนหอมและได้ยินคำพูดของพี่เนย
“อะไรนี่
บอกแล้วใช่มั้ยว่า...”
พี่เนยยกนิ้วชี้ขึ้นมาทำปากจุๆ
ปรามไม่ให้ฉันพูด
“อย่าเสียงดังสิ
ไม่อายเหรอ พี่ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
“ก็เมื่อกี้..”ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดต่อพี่เนยก็พูดแทรกขึ้นมาทันที
“เมื่อกี้ไหน...ก็ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วไง
พี่แค่มาจัดชุดให้กี้ตามที่อาจารย์บอกเฉยๆ”
เฮอะ...
ผู้หญิงคนนี้นิสัยยังไงกัน
เมื่อกี้ยังร้องห่มร้องไห้กลัวว่าฉันจะบอกเรื่องของเธออยู่เลยแต่ตอนนี้กลายเป็นมาขโมยหอมแก้มฉันแถมยังพูดจาเหมือนคนกะล่อนกวนโอ้ยซะอย่างนั้น
ตกลงเธอเป็นคนดีหรือเปล่านี่
ฉันผลักพี่เนยออกจากตัวฉัน
“พี่เนย..ทำนิสัยไม่เข้ากับหน้าเลยนะ
ถ้ายังทำอย่างนี้อีกกี้จะร้องจริงๆด้วย”
ฉันเริ่มพูดขู่พี่เนยอีกครั้ง
พี่เนยทำหน้าสลดทันที
“ก็ได้ๆ กี้น่ะไม่เข้าใจพี่หรอก
ตราบใดก็ตามที่กี้ยังไม่รู้จักคำว่ารัก”
...ใช่สิ
ฉันยังไม่รู้จักคำว่ารักเลยแม้กระทั่งเมื่อกี้หรือตอนนี้
ฉันก็ยังไม่รู้จักเลยว่าคำว่ารักของผู้หญิงตรงหน้าฉันตอนนี้มันเป็นอย่างไร
…
นี่เธอรักฉันจริงๆหรือแค่โรคจิตกันแน่
ผู้หญิงอะไรสวยแต่รูปจูบไม่หอม
นี่ฉันต้องมาเสียความบริสุทธิ์ให้กับผู้หญิงประหลาดๆคนนี้เหรอนี่
..บ้าชมัดเลย..
ฉันมองหน้าพี่เนยอย่างอารมณ์เสียก่อนจะผลักพี่เนยออกแล้วเดินออกมาจากห้องแต่งตัว
ตอนนี้ฉันมานั่งอึ้งอยู่เก้าอี้หน้ากระจกแต่งตัว
ตั้งสติกับสิ่งที่ฉันได้เจอกับผู้หญิงคนเมื่อกี้มา
นี่ตกลงเธอเป็นคนดี
น่าสงสารจริงๆหรือเปล่า
แล้วฉันควรจะยังสงสารเธอด้วยการเก็บเรื่องนั้นไว้เป็นความลับดีอยู่มั้ย
ขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรเรื่องราวต่างๆอย่างสับสน
อยู่ๆพี่ม.5คนนึงก็เดินเข้ามาจับไหล่ฉัน
“เนย..แกไปไหนมาฉันโทรหาตั้งนานก็ไม่รับ”
ฉันงง???...
นี่พี่คนนี้ต้องการจะเรียกฉันแต่เรียกชื่อผิดใช่มั้ย
ฉันหันไปมองหน้าพี่คนนั้นอีกที
แต่แกก็ยังพูดในประโยคคล้ายๆประโยคเดิม
“อะไร
แกโมโหอะไรใครมาหรือเปล่าวะหน้าตาซีเรียสจัง
เด๋วฉันจัดการให้เองบอกมาๆ”
“เอ่อ..พี่พูดกับหนูใช่มั้ยคะ
หรือยังไง” ฉันพยายามตอบกลับเสียงอึกๆอักๆ
พี่คนนั้นทำหน้าเอ๋อก่อนจะพยายามเพ่งมาที่หน้าของฉันอีกครั้งนึง
“อ้าว
ไม่ใช่เนยนี่ น้องคนนั้นนี่นา
เฮ้ยทำไมวันนี้หน้าโคตรเหมือนกันเลยอะ”
เสียงพี่คนนั้นร้องดังขึ้น
ทุกคนในห้องหันมามองหมด
“โทษทีนะ
พี่นึกว่าเป็นเนย
ปกติก็หน้าคล้ายๆกันอยู่แล้วมาวันนี้ยิ่งเหมือนกันใหญ่เลยฮะฮะ”
พี่คนนั้นทั้งพูดทั้งหัวเราะไป
คนแถวนั้นก็หัวเราะตาม
ฉันได้ยินเสียงพวกเค้าพูดกัน
เออๆเหมือนจริงๆด้วย
ฉันตกใจรีบคิดตามคำพูดคนนั้นทันที
..นี่พี่คนนี้ว่าฉันกับพี่เนยหน้าเหมือนกันอย่างนั้นเหรอ..
ฉันรีบหันไปส่องกระจก
เพ่งดูหน้าตัวเอง
แล้วภาพที่เห็นก็คือตอนนี้พี่เนยเดินออกมายืนอยู่ข้างๆฉันต่อหน้ากระจก
คงเพราะว่าเธอได้ยินเสียงเพื่อนเธอพูดเสียงดังเลยออกมาดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น
ตอนนี้เมื่อยืนข้างๆกันแล้วเปรียบเทียบกันในกระจกแล้วฉันถึงรู้ว่าหน้าเหมือนกันจริงๆด้วย
แม้พี่เนยจะดูสูงและดูผอมกว่าแต่ถ้าดูผ่านๆในชุดสีเดียวกันอย่างนี้แล้ว
คนอาจจะคิดว่าเราเป็นฝาแฝดกันทันที
ฉันเพ่งหน้าตัวเองในกระจกสลับไปมากับหน้าพี่เนย
อ๋อ
มิน่าล่ะ
ที่ฉันว่าหน้าคุ้นๆนี่คงคุ้นเพราะว่าหน้าพี่เนยเหมือนตัวเองเวลาส่องกระจกนี่เอง
แต่ก็ไม่ค่อยมีใครทักฉันนะ
เอ..หรือว่าเพราะฉันไม่ค่อยคุยหรือสุงสิงกับใครเลยไม่มีใครมาพูดหรือทักฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้
...ให้ตายเถอะ..ยังไปหน้าเหมือนกับคนประหลาดๆคนนี้อีก
ถึงจะสวยแต่ฉันก็ไม่ดีใจหรอกนะ...
“เฮ้ย..หน้าเหมือนกันจริงๆด้วยถ้าไม่ใช่พี่น้องกัน..เค้าก็คงจะว่า..เนื้อคู่กันนะนี่”
เสียงเพื่อนคนนั้นแซวพี่เนยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนที่จะโดนพี่เนยเอ็ดไม่ให้พูดอะไรต่อแล้วหันมายิ้มแบบมีเลศนัยให้ฉัน
อะไรกัน
สายตาแบบนั้นทั้งของเพื่อนพี่เนย
และของพี่เนยทำไมฉันถึงรู้สึกประหลาดๆตอนมองนะ
นี่เธอเป็นคนยังไงกันแน่นี่
...พี่เนย...
แล้วหลังจากนั้นไม่ว่าฉันจะเดินไปไหนก็กลายเป็นมีพี่เนยเดินตามประกบฉันตลอด
ฉันจะเดินไปหาเพื่อนพี่เนยก็ยังจะเดินตามมานั่งด้วยข้างๆ
เหมือนเธอไม่อยากให้ฉันคุยกับใคร
นี่เธอกลัวฉันบอกเรื่องที่เธอทำกับฉันใช่มั้ย
หรือต้องการอะไรจากฉันอีก
ฉันจ้องถมึงไปที่พี่เนยตอนที่ฉันแกล้งเดินออกมาข้างนอกช็อปคนเดียวแล้วก็มีพี่เนยเดินตามมาอีกเช่นเคย
“จะตามกี้อะไรนักหนา
กลัวกี้บอกคนอื่นหรือไง
กี้ไม่บอกหรอกนะ
แต่ถ้ายังตามกี้ติดๆอยู่อย่างนี้
กี้โมโหขึ้นมาอาจจะบอกคนอื่นก็ได้”
ฉันเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆพี่เนยพยายามพูดเสียงให้เบาที่สุด
“ไม่ใช่
พี่แค่อยากอยู่ใกล้ๆกี้อ่ะ”
“แล้วเลยทำตัวเหมือนคนโรคจิตตามติดตัวกี้อยู่อย่างนี้นี่นะ
จะให้กี้บอกคนอื่นเลยมั้ยถ้างั้น”
พอพี่เนยได้ยินฉันขู่ดังนั้นก็ทำหน้าสลด
น้ำตาออกมาคลอเบ้าตาเหมือนตอนที่อยู่ในรถอีกแล้ว
“อะไรจะร้องไห้อีกแล้วเหรอนี่
บ้าแล้วร้องทำไมนี่”
ฉันรีบเดินเข้าไปดึงพี่เนยเดินหนีจากหน้าช็อป
ไปยังด้านหน้าอาคารที่มีม้านั่ง
ซึ่งตอนนี้มันมืดเพราะไม่มีแสงสว่างจากหลอดไฟ
“ร้องทำไมอีกนี่
จะบ้าเหรอ
หยุดร้องเลยเดี๋ยวคนเค้าก็สงสัยอีกว่าทำไมพี่เนยร้องไห้
แล้วเค้าจะถามเรื่องของเรากันนะ
อยากให้คนอื่นรู้หรือไง
เงียบๆสิ”
อารมณ์ตกใจที่เห็นพี่เนยน้ำตาคลอเบ้า
ฉันคิดอะไรไม่ออกได้แต่สั่งให้เจ้าหล่อนหยุดร้องเพราะไม่ต้องการให้คนอื่นรู้เรื่องของเราสองคน
..อ้าว..จากที่ขู่เธอว่าจะบอกคนอื่น
กลายเป็นว่าตอนนี้ฉันเสียเองที่พยายามสั่งให้เธอเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ...
...บ้าไปแล้วฉัน..
แม้ฉันจะงงและแปลกใจตัวเอง
แต่ก็ได้แต่ปล่อยให้มันเป็นไปตามสิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อครู่
คงเป็นเพราะฉันอายคนอื่นๆ
ฉันกลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าฉันมีอะไรกับผู้หญิงด้วยกันแถมยังอยู่ในโรงเรียนอีก
มันเป็นเรื่องบัดสีบัดเถลิงเกินกว่าที่ฉันจะรับได้
ซึ่งถึงฉันจะเป็นฝ่ายเสียหาย
แต่ฉันก็อายเกินกว่าที่จะยอมให้เรื่องนี้รู้ถึงหูคนอื่น
เพราะงั้นตอนนี้ฉันจึงไม่อยากให้ผู้หญิงคนที่อยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้แสดงอาการอะไรผิดสังเกตอย่างนี้ออกไป
“หยุดร้องเลย
กี้ยังไม่เห็นร้องไห้อะไรเลยอ่ะ
บ้าหรือเปล่านี่”
“ก็กี้ไล่พี่ทำไมอ่ะ
พี่เสียใจเป็นนะ พี่อยากอยู่ข้างๆกี้อะ
ให้พี่อยู่ข้างๆกี้เถอะนะ
พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรให้คนอื่นสงสัยเรื่องของเราเลย”พี่เนยทั้งพูดไปร้องไห้ไป
...หนอย..ความผิดของตัวเองแท้ๆยังมีหน้ามาพูดเหมือนกับว่าเธอช่วยเหลือฉันไว้อีก
ผู้หญิงบ้าอะไรนี่...
ฉันได้แต่อึ้งยืนมองผู้หญิงเจ้าเลห์ที่อยู่ข้างหน้าฉัน
พูดอะไรไม่ออก
เมื่อเธอเห็นว่าฉันไม่ตอบรับเธอก็ทำเสียงสะอื้นดังขึ้นมาอีกจนฉันต้องรีบเอามือมาปิดปากเธอไว้
“ก็ได้ๆ
นั่งอยู่ข้างๆได้แต่ห้ามพูดอะไรเกินกว่านั้น
เข้าใจมั้ย”ฉันออกคำสั่ง
พี่เนยพยักหน้าให้ฉันเธอยิ้มออกทันทีที่ฉันพูด
เธอรีบเอามือเช็ดน้ำตาออกและจ้องมองมาที่ฉันด้วยแววตาที่สดใสผิดจากเมื่อกี้ทันที
เฮ้อ...นี่ฉันยังต้องมาอยู่ข้างๆผู้หญิงคนนี้ตลอดเวลาอีกเหรอนี่..บ้าชะมัดเลย
ตั้งแต่นั้นมาพี่เนยก็กลายเป็นนั่งอยู่ข้างๆฉันตลอด
แม้เธอจะไม่พยายามจะพูดอะไรกวนฉันแต่การไปไหนมาไหนตัวติดกันอย่างนี้มันก็ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกอึดๆอัดๆจนฉันไม่กล้าที่จะเดินไปไหนมาไหน
กลายเป็นว่าฉันต้องนั่งอยู่ตรงมุมห้องตรงที่ไกลจากคนอื่นแค่สองคนกับพี่เนย
ซึ่งแค่ฉันนั่งกับพี่เนยสองคนแบบนั้นก็เริ่มทำให้คนอื่นเริ่มมองเราแบบ
“ประหลาดๆ”
เพื่อนคนที่โทรตามฉันไม่กล้าแม้แต่จะเดินมาใกล้
ฉันได้แต่ยิ้มแหยๆตอนที่เพื่อนเดินเอาขนมมาแบ่งให้กิน
“พี่เนยกับกี้ไม่ไปนั่งคุยกันกับพวกเราตรงหน้ากระจกโน้นเหรอคะ
ตรงนี้มันมืดๆแถมยังยุงเยอะอีก
มันไม่กัดแย่เหรอ..”
พี่เนยทำหน้าเฉยๆไม่ยินดียินร้ายตอนที่เพื่อนคนนั้นพยายามชวนคุย
ฉันได้แต่ยิ้มและส่ายหัวให้กับเพื่อนคนนั้นก่อนจะตอบไป
“ไม่เป็นไรแก
ฉันจะนั่งคุยกับพี่เนยตรงนี้ล่ะ
ได้ถือป้ายด้วยกันเลยอยากจะทำความคุ้นเคยกันก่อนนิดนึงน่ะ
ใช่มั้ยพี่เนย..”
พี่เนยรีบเปลี่ยนสีหน้าจากบึ้งๆไม่สนใจเพื่อนคนนั้นกลายเป็นรีบหันมายิ้มให้ฉันแล้วก็รีบหันไปยิ้มพยักหน้าเออออห่อหมกตามที่ฉันพูดไปทันที
ฉันคิ้วขมวดทันทีที่เห็นพฤติกรรมพี่เนย
...นี่เธอเปลี่ยนอารมณ์ไวจังเลยนะ
เมื่อกี้ฉันยังเห็นเธอหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่เลย
..
อะไรยังไงเนี่ยพี่เนย
เพื่อนคนนั้นยิ้มแหยๆให้พี่เนยนิดนึงก่อนจะขอตัวกลับไปนั่งคุยกับเพื่อนๆในกลุ่มเมื่อกี้
ตอนกลับไปนั่งฉันแอบเห็นคนในกลุ่มนั้นสลับกันหันมามองที่เราสองคนด้วยสายตาแปลกๆตลอดเวลา
...นี่คงกำลังนินทาฉันกับพี่เนยอยู่ใช่มั้ย...
...เค้าจะรู้อะไรกันมั้ยนี่
คงไม่หรอกใช่มั้ย
ฉันก็แค่นั่งคุยกับพี่เนยอยู่ตรงนี้เฉยๆ
พี่เนยก็ทำตัวนิ่งๆไม่ได้แสดงท่าทางอะไรสักหน่อย
แล้วเรื่องในรถยังไงก็ไม่มีใครรู้อยู่แล้วเพราะมันอยู่ตั้งหลังโรงเรียนโน้น..
..แล้วถ้างั้น..พวกนี้นินทาอะไรกันอ่ะ...
...แค่ผู้หญิงสองคนคุยกันนี่
มันแสดงให้เห็นแล้วเหรอว่ามีใครคนใดคนหนึ่งชอบกัน...
...บ้าน่า...ใจเย็นไว้กี้
ใครเค้าจะรู้
ขนาดแกเองยังมองไม่ออกเลยว่าพี่เนยชอบผู้หญิงด้วยกัน...
..ถ้าอย่างนั้น
พวกนั้นนินทาอะไรฉันกันล่ะทีนี้..
“กี้..”
เสียงเรียกของพี่เนยดังแทรกเข้ามาในห้วงความคิดของฉัน
ฉันรีบหันไปมองหน้าเจ้าหล่อนทันที
“ห้าทุ่มแล้วนอนกันเถอะ
เด๋วตีสองเราก็ต้องตื่นมารอแต่งตัวแล้วมีเวลาพักผ่อนรีบพักเถอะนะ”
“อืม..ดีเหมือนกัน
ดีกว่ามานั่งว่างๆแบบนี้”
ฉันมองไปยังตรงกลางช๊อปตรงนั้นจะมีพัดลมตัวใหญ่สองสามตัวคอยพัดให้ความเย็นและไล่ยุงไม่ให้เข้าใกล้
จึงมีเพื่อนนักเรียนสามสี่คนเริ่มไปนอนอยู่ตรงนั้นแล้ว
“คงต้องไปนอนอยู่ตรงนั้น”
ฉันชี้มือไปที่กลางห้อง
แล้วรีบลุกขึ้นซึ่งพี่เนยก็รีบลุกขึ้นตามฉันทันที
“อะไรอย่าบอกนะว่าจะนอนด้วย”ฉันจ้องตาถมึงไปที่พี่เนยทันทีที่เห็นเธอทำท่าเหมือนจะเดินตาม
“ใช่ไง
ก็บอกแล้วไงว่าขออยู่ด้วยข้างๆตลอดนะ
เด๋วพี่ไปเอาหมอนผ้าห่มในรถมาให้จะได้นอนห่มด้วยกันไง”
ฉันคิ้วขมวดมองหน้าเจ้าหล่อนพร้อมๆกับความคิดในใจที่ดังว่า
...อะ
ผู้หญิงคนนี้กะจะไม่ปล่อยฉันง่ายๆเลยใช่มั้ยนี่
ทำไมทำตัวแบบนี้นี่สวยก็สวย
ตามตื้อผู้หญิงด้วยกันอยู่ได้จะทำตัวให้ดูไม่มีค่าไม่เกียรติไปทำไมนี่
ฉันไม่เข้าใจพี่เนยจริงๆ...
พี่เนยยังส่งสายตาออดอ้อน
ยิ้มเล็กๆที่มุมปากของเธอรอคำอนุญาติจากฉันอยู่
ยังไงฉันก็ปฏิเสธเธอไม่ได้อยู่แล้วนี่
รู้อยู่แล้วนี่ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ
เชอะ
“ก็ได้
รีบไปรีบมา กี้คงไม่ไปด้วยแล้วหรอกนะ”
ฉันหน้าบึ้งทันทีที่พูดประโยคนี้
“หลอกกี้ไม่ได้แล้วล่ะ
ไปเอาเองเถอะ”
“โธ่..พี่ไม่ได้ชวนกี้ซักหน่อย
พี่จะไปเอามาให้เองนี่ล่ะไปจองที่นอนไว้ให้พี่เลยนะ
เด๋วมา” เธอยิ้มหวานตรงคำว่าเด๋วมา
แล้วทำท่าเหมือนส่งจูบให้ฉัน
จนฉันผงะตกใจทันทีที่เห็นท่าทางอย่างนั้นของหล่อน
ฉันตาโตคิ้วขมวดทำปากมุบๆมิบๆให้พี่เนยเพื่อบอกให้พี่เนยรู้ว่า
..ห้ามมาทำอย่างนี้
ที่นี้ ตอนนี้เลยนะ..
พี่เนยหัวเราะและยิ้มอารมณ์ดีนิดนึงก่อนจะเดินหายออกไปจากช็อปหายไปพักใหญ่ๆก่อนจะกลับเข้ามาในช๊อปพร้อมๆกับหมอนและผ้าห่มของเธอ
เธอยืนหันรีหันขวางมองหาฉันที่เดินมาจองที่นอนตรงกลางห้องไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
โดยที่เธอยังไม่รู้ตัวฉันก็แกล้งทำเป็นไม่เรียกเธอได้แต่แอบมองเธอทำหน้าเหมือนคนหาของหายอยู่อย่างนี้
….ก็น่ารักดีอยู่หรอก
ใบหน้าเหวอๆของพี่เนยตอนนี้
นี่ถ้าไม่ติดว่าเธอทำเรื่องไม่ดีกับฉันมาเมื่อกี้ฉันอาจจะกลายเป็นแอบปลื้มในความสวยน่ารักของเจ้าหล่อนไปแล้วก็ได้...
อึ้ยยย...อย่าไปหลงแอบปลื้มหล่อนเชียวนะ...
สัญชาตญาณของฉันคอยสั่งว่า
เธอคนนี้ยังไงไม่รู้..ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างแอบซ่อนอยู่ในความน่าสงสารของเจ้าหล่อนอยู่ตลอดเวลา
ทั้งสายตาเจ้าเหล่
พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเวลาคุยกับฉันและคนอื่น
“กี้..”
ฉันนั่งสับสนอยู่ในความคิดอยู่ไม่นานก็ต้องมาสะดุ้งเพราะหน้าของพี่เนยแทรกเข้ามาในสายตาระยะประชั้นชิดอยู่จนติดขอบตา
“ทำไมไม่เรียกพี่เลยอ่ะ
พี่ยืนหากี้อยู่ตั้งนาน”
หน้าใสๆขาวๆยื่นมาใกล้ๆฉันเสียจนจะติดหน้า
เธอทำอย่างกับว่าเธอกำลังจะจูบฉันต่อหน้านักเรียนหญิงที่รอแต่งหน้าอยู่ในห้องอย่างนี้
ฉันสะดุ้งตกใจรีบผลักพี่เนยที่นั่งคลุกเข่ายื่นใบหน้ามาหาฉันจนล้มเซไปข้างหลัง
พี่เนยอึ้งเธอล้มลงไปกองกับพื้นห้องพร้อมๆกับหมอนและผ้าห่มของเธอที่ถือมาเมื่อครู่นี้
“เฮ้ยกี้
แกทำอะไรพี่เนยวะ”
เพื่อนคนที่โทรไปเรียกฉันเดินเข้ามาช่วยดึงพี่เนยขึ้น
แต่ก็โดนพี่เนยปัดมือออกแล้วทำหน้าเจื่อนๆมองมาที่ฉันเหมือนเธอไม่คิดว่าฉันจะกล้าผลักเธอให้ล้มลงไปต่อหน้าคนเยอะๆอย่างนี้
เธอไม่พูดอะไร
เอาแต่จ้องหน้าฉันด้วยความตกใจปนงงในสิ่งที่ฉันทำเธอไปเมื่อครู่
ฉันก็งง
มันคงจะเป็นปฏิกิริยาตอบโต้อัติโนมัติ
ฉันแค่อยากป้องกันตัว
เพราะฉันกลัวว่า..ถ้าพี่เนยเกิดเป็นบ้าจูบฉันขึ้นมาต่อหน้าคนอื่นๆในห้องตอนนี้ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน..
พี่เนยจ้องหน้าฉันอยู่นาน
จนน้ำตาของเธอเริ่มคลอออกจากเบ้าตาอีกแล้ว..
เฮ้ยย..จะร้องอีกแล้วใช่มั้ยนี่
ฉันรีบยื่นมือไปจับมือพี่เนยแล้วรีบดึงเข้ามานั่งใกล้ๆ
“ขอโทษๆนะพี่เนย
กี้ง่วงนอนแล้วกี้เลยงุ่นง่านทำตัวบ้าๆบอๆไปนิดอะ
ป่ะเรารีบๆนอนกันเถอะ”
ฉันดึงพี่เนยมาข้างๆแล้วรีบหยิบหมอนกับผ้าห่มเอามาวาง
...เฮ้ย
ทำไมมีอย่างละอันเท่านั้นล่ะ
ไหนพี่เนยว่าจะเอามาเผื่อฉันไง....
ฉันรีบหันหน้าไปมองพี่เนยที่ตอนนี้เริ่มยิ้มออกเธอใช้มือเช็ดน้ำตาที่ขอบตาเธอออกแล้วนั่งยิ้มมองหน้าฉัน
“ทำไมมีหมอนกับผ้าห่มอย่างละอันล่ะพี่เนย
ไหนบอกจะเอามาให้กี้ด้วย”
พี่เนยยิ้ม
“พี่บอกว่าจะเอามาให้ห่มด้วยกัน
ไม่ได้หมายความว่าจะเอามาให้กี้อันพี่อันซักหน่อย”
ฉันคิ้วขมวดทันทีเมื่อได้ยินคำว่า
ห่มด้วยกัน
ก่อนจะรีบหันไปมองเพื่อนที่ยืนฟังพี่เนยพูดข้อความเมื่อกี้ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ฉันยิ้มแหยๆให้เพื่อนคนนั้น
แล้วหันมาดึงพี่เนยมาใกล้ๆตัวเองก่อนจะรีบกัดฟันพูดกระซิบกระซาบกับเธอไป
“ขี้โกงนี่
กี้ไม่ได้บอกว่าจะนอนด้วยสักนอน
กี้ขอหมอนกับผ้าห่มแยกจากพี่เนยต่างหากนะ
กี้ไม่นอนใกล้พี่เนยนะเข้าใจมั้ย”
พี่เนยอึ้ง
เธอขยับตัวออกมาจากฉันแล้วทำหน้าเศร้าเหมือนจะร้องไห้ขึ้นอีก
“ทำไมกี้ไม่อยากนอนใกล้พี่ล่ะ
กี้ไม่....”
เธอทำเสียงเหมือนคนกำลังร้องไห้พูดความรู้สึกเสียใจออกมา
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดหมดประโยค
หล่อนก็โดนฉันรีบยื่นมือไปปิดปากไม่ให้หล่อนพูดต่อทันที
ตาของฉันจ้องเขม็งไปที่เธอต่อด้วยความคิดในใจที่กำลังแสดงออกไปที่ใบหน้าตอนนี้ว่า..
...เลิกแสดงบทบาทดราม่าได้แล้ว
เข้าใจแล้ว นอนด้วยกันก็นอน...
ฮึยยย..ฉันอยากจะบ้าตายจริงๆเลย
...ผู้หญิงบ้าอะไรนี่...