Lovely Mafia Girl
ลูกสาวเจ้าพ่อ
ขอเป็นแฟนหนู
แต่เมื่อคิดถึงหลักมนุษยธรรมแล้ว
ฉันก็ได้แต่ถอนใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์ที่โทรมาเมื่อกี้อีกครั้ง
เสียงดีใจของปลายสายดังมา
“กี้
จะให้พี่ไปนอนด้วยแล้วใช่มั้ย”
“เปล่า..แค่จะถามว่าอยู่ไหน
เมื่อกี้ทำไมไม่เห็น”
“กี้เป็นห่วงพี่เหรอ
พี่ก็อยู่แถวๆนี้ล่ะ
พอดีพี่มายืนหลบอยู่มุมเสาหน้าบ้านกี้น่ะ
มันมีผู้ชายขับรถมอเตอร์ไซค์ผ่านมามองพี่สองสามรอบแล้ว
พี่กลัว..พี่เลยหาที่ซ่อน”
“จริงเหรอ..”
ฉันเริ่มเป็นห่วงพี่เนย
ใจคอเริ่มไม่ดี
“อืม
ไม่รู้ว่าเค้าจะวนรถกลับมาอีกตอนไหน
พี่กลัวจังเลย อีกหน่อยมันคงจะเห็นพี่แล้ว”
ฉันคิ้วขมวดคิดภาพตามแล้วก็นึกเป็นห่วงหล่อนขึ้นมาเสียไม่ได้
“ฮึย..ถ้าอย่างนั้นเดินอ้อมมาหลังตึกเลย
กี้จะลงไปเปิดหลังบ้านให้
ประตูเหล็กหน้าบ้านมันเสียงดังเวลาเปิดเด๋วพ่อแม่จะว่าเอา
เข้าทางหลังแล้วกันมันเปิดง่าย
รีบๆมาด้วยเดี๋ยวคนพวกนั้นกลับมาเจอ”
ฉันรีบเร่งให้พี่เนยรีบมาหาฉันที่หลังบ้าน
ตอนนี้ใจฉันก็เริ่มไม่ค่อยดีเสียแล้ว
ทั้งเป็นห่วง ทั้งสงสาร
จึ๊ก..นี่ฉัน
สงสาร เธออีกแล้วเหรอนี่
แต่คงไม่เป็นไรแล้วล่ะมั้ง
ฟังจากน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าสำนึกผิดแล้วคงไม่กล้าทำเรื่องแย่ๆกับฉันอีกหรอก
ฉันทั้งคิดทั้งกังวลในขณะที่ค่อยๆเดินลงไปเปิดหลังบ้านให้พี่เนยเข้ามา
ทันทีที่เปิดประตูหลังบ้าน
พี่เนยก็พุ่งพรวดเข้ามากอดฉัน
“..อะไรนี่..พี่เนย”ฉันร้องเบาๆทันทีที่พี่เนยถูกเนื้อต้องตัวฉัน
“ก็พี่กลัวไง
กลัวว่าจะไม่ได้เจอกี้อีกแล้ว”พี่เนยทำเสียงสำอิดสำออยประหนึ่งคนกำลังจะร้องไห้
“เวอร์แล้ว
แล้วก็ไม่ต้องทำเสียงดังด้วยเดี๋ยวพ่อกับแม่ได้ยิน”
ฉันทำเสียงกระซิบกระซาบเสียงเบาๆเอ็ดพี่เนย
แล้วดันพี่เนยออกจากตัวไม่ให้เธอกอดฉันค้างไว้
“ตามกี้มา”
ฉันปิดประตูล๊อคกลอนแล้วเรียกเธอให้เดินตามมา
“มองไม่เห็นอะ”
พี่เนยพูดพร้อมๆกับยื่นมือมาจับมือฉันไว้
“จูงมือพี่ไปได้มั้ย”
ฉันคิ้วขมวดหันมามองพี่เนย
รู้สึกว่าเธอคนนี้จะ“เยอะ”เสียจริง
มีลูกอ้อนแพรวพราวเยอะเสียจนผู้หญิงด้วยกันยังคิดไม่ถึง
“ก็ได้..แต่อย่าหลงดีใจไปล่ะ
กี้แค่กลัวพี่มองไม่ถนัดแล้วจะหัวคมำล้มลงไปเฉยๆอย่าหลงตัวเองเชียว..เงียบๆด้วยนะห้ามส่งเสียงดัง”
ฉันยังย้ำคำพูดเดิม
ในความมืด
พี่เนยค่อยเดินตามฉันที่เดินจูงมือเจ้าหล่อนผ่านบ้านชั้นแรกและขึ้นบันไดไปเรื่อยๆจนไปถึงชั้นที่สามที่เป็นชั้นที่ฉันนอนอยู่
ฉันค่อยๆเดินผ่านห้องต่างๆมาด้วยความเงียบจนมาถึงห้องของตัวเอง
แว็บแรกที่เปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วแสงไฟของห้องนอนที่ฉันเปิดไว้
ส่องสว่างออกมากระทบร่างของพี่เนยฉันก็เห็นว่าเธอใส่ชุด
กางเกงผ้ามันสีดำขาสั้น
ซึ่งมันสั้นจริงๆ
เพราะมันโชว์ตั้งแต่เนินขาอ่อนเรียวๆขาวๆของเธอลงไปจนเกือบจะเห็นเหมือนกับว่าเธอไม่ได้ใส่อะไรถ้ามองผ่านๆจากเสื้อคลุมสีดำด้านนอกที่เธอใส่ไว้แล้วชายเสื้อยาวลงมาเสมอชายกางเกงเธอ
แถมเสื้อด้านในที่เธอใส่ก็เป็นเสื้อคอกว้างสีดำที่เปิดเว้าโชว์ให้เห็นถึงเนินหน้าอกสาวแรกรุ่นอีก
นี่เธอแต่งตัวโป๊อย่างนี้
ออกจากบ้านมากลางค่ำกลางคืนอย่างนี้นี่นะ
แล้วยังอุตสาห์เดินมาตั้งไกลโดยที่ไม่เป็นอะไรอีก
...เหลือเชื่อเลย..
ฉันยืนอึ้ง
ตำหนิการแต่งตัวของพี่เนยในใจอยู่นาน
จนพี่เนยเดินเข้ามาจับแขนฉัน
“ขอบใจกี้นะ
ที่เป็นห่วงพี่
กี้หายโกรธให้พี่แล้วใช่มั้ย”
ฉันตั้งสติได้รีบล็อคประตูห้องแล้วจับแขนพี่เนยออกจากแขนตัวเอง
ตาก็จ้องไปที่พี่เนยไม่วางตา
“ยัง..กี้แค่ไม่อยากเห็นผู้หญิงด้วยกันโดนใครทำอะไรอย่างกี้เท่านั้น”
พี่เนยทำหน้าสลดทันที
เธอเดินเข้ามาเกือบจะชิดฉันจนฉันต้องถอยออก
“นี่บอกให้อยู่ห่างๆกี้ไง
จะนอนตรงไหนข้างบนหรือข้างล่างกี้จะได้จัดที่นอนให้”
“นอนกับกี้เลยไม่ได้เหรอ”
ฉันตาขวางจ้องหน้าพี่เนยทันที
“นี่หยุดพูดเข้าประเด็นอย่างนั้นเลยนะ
อุตสาห์ให้เข้ามาแล้ว”
“ก็ได้ๆ
นอนข้างล่างก็ได้” พี่เนยทำหน้าเซ็งๆ
ก่อนจะนั่งลงกับพื้นห้องรอให้ฉันปูที่นอนให้หล่อนนอน
เมื่อปูที่นอนเสร็จพี่เนยก็ทำท่าซังกะตายค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามานอนในที่นอนข้างล่างที่ฉันปูให้
หล่อนมองหน้าฉันด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
ทำเหมือนจะไม่เห็นหน้าตลอดชีวิตอย่างนั้น
ฉันแสร้งทำเป็นไม่มองหน้าหล่อน
เดินไปปิดไฟแล้วรีบกลับมานอนบนเตียง
เมื่อความมืดปกคลุมห้อง
มีเพียงสว่างจากดวงจันทร์ที่ลอดเข้ามาทางผ้าม่านที่เอาไว้บังกระจกระเบียง
มันสั่นเป็นเงาไหวๆไปตามแรงลมจากพัดลมที่ส่ายไปมาภายในห้อง
ตอนนี้ถ้าไม่มีเสียงพัดลม
ในห้องคงเงียบน่าดู
ให้ตายเถอะ
ตอนนี้กลายเป็นว่าฉันยิ่งนอนไม่หลับเข้าไปใหญ่ยิ่งได้เห็นเงาไหวๆของผ้าม่านแล้วมันยิ่งคิดมาก
แม้คนที่นอนอยู่ข้างๆฉันข้างล่างนี้จะเงียบไม่มีเสียงใดๆริดรอดออกมาก็ตาม
แต่ความเงียบอย่างนี้ยิ่งทำให้ฉันกลัวจนคิดมากและนอนไม่หลับจนต้องเอาผ้าห่มมาคลุมตัวเองทั้งตัวไว้
..เค้าคงไม่ทำอะไรเราหรอก..คิดมาก..เห็นมั้ยเค้าหลับแล้ว..
ฉันพยายามบอกกับตัวเองที่อยู่ภายใต้ผ้าห่ม
ในใจพยายามไม่คิดถึงเรื่องอย่างว่า
แล้วก็ข่มตาตัวเองให้หลับให้ได้
ซึ่งมันก็ดูจะได้ผลดี
เพราะฉันก็กำลังจะหลับแล้วถ้าไม่ติดว่ารู้สึกเหมือนเตียงของฉันกำลังยุบลงตามแรงอะไรสักอย่าง
ฉันตกใจเปิดรีบเปิดผ้าห่มมาดู
ตอนนี้มีร่างๆหนึ่งกำลังนั่งทับฉันอยู่
“พี่เนย..”
เสียงฉันกำลังจะร้องออกไปแต่ก็โดนเธอเอามือมาป้องปากฉันไว้ก่อน
“อย่าร้องสิ
เด๋วพ่อแม่กี้ได้ยินหรอก”
...ห๊า
นี่เธอยังมีหน้ามาสั่งไม่ให้ฉันร้องเพราะกลัวพ่อแม่ฉันจะได้ยินอีกเหรอ..
ฉันพยายามดันพี่เนยที่กำลังโน้มตัวลงมากอดฉันออก
ตอนนี้มือพี่เนยหลุดออกจากปากฉันแล้ว
ฉันลุกขึ้นดันพี่เนยออก
“ทำอะไรเนี่ยบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่า
ไม่งั้นกี้ร้องจริงๆนะ”
“กี้จะร้องทำไมอะ
ถ้าพ่อแม่กี้รู้พี่จะทำยังไง”
พี่เนยลุกขึ้นตามฉันแล้วจับแขนฉันไว้ทั้งสองข้างดึงเข้ามากอด
“ก็ให้พ่อแม่แจ้งตำรวจจับเลยไง”
ฉันพูดขู่พี่เนยอีกพลางผลักพี่เนยออก
“กี้ไม่น่าให้พี่เนยเข้ามาเลย
อุตสาห์คิดว่าจะกลับตัวได้”
“นี่กี้จะแจ้งตำรวจจับพี่อย่างนั้นเหรอ
กี้อยากเห็นพี่ไม่มีอนาคตอย่างนั้นเหรอ
ทำไมใจร้ายอย่างนั้น”
หล่อนทำเสียงเหมือนเสียใจกับคำพูดที่ฉันพูดขู่เธอออกไปอีกแล้ว
..เอ๊ะ..นี่หล่อนทำตัวน่าสงสารประจำเลยนะ..
“ก็พี่เนยมาทำอย่างนี้ก่อนทำไม”
“ก็พี่คิดถึงกี้นี่
วันนี้ทั้งวันพี่เฝ้าแต่คิดถึงภาพที่เราสองคนอยู่ในรถด้วยกัน
กี้ไม่คิดถึงพี่เลยเหรอทำไมกี้ใจแข็งจัง”
ฉันไม่ตอบเอาแต่จ้องเขม็งไปที่พี่เนย
“ปล่อยกี้นะ”
“ไม่”
พี่เนยพูดประโยคสั้นๆง่ายๆก่อนจะก้มลงพรมจูบไปทั่วใบหน้าของฉัน
ฉันต้องคอยก้มหน้าหนี
แต่ก็ไม่วายโดนดึงเข้ามาใกล้ๆอยู่ดี
แม้ว่าฉันจะพูดขู่พี่เนยเรื่องพ่อแม่
แต่ความเป็นจริงแล้วฉันกลับกลัวว่าพ่อแม่จะว่าฉันว่าทำไมปล่อยให้เธอคนนี้เข้ามาในห้องของตัวเองและทำอย่างนี้กับตัวเองได้
ฉันเลยไม่กล้าแม้จะร้องเสียงดังต้องปล่อยเลยตามเลย
ทำได้แค่พยายามดันร่างกายคนที่อยู่ต่อหน้าออกไป
แต่ตอนนี้ไม่ว่าฉันจะผลักดันหรือสบัดตัวหลบยังไงก็โดนเธอดึงเข้าไปหาได้ตลอด
มือข้างหนึ่งเธอกอดรัดฉันไว้อีกข้างเธอก็จัดการปลดกระดุมเสื้อชุดนอนของฉันออก
“พี่เนย
อย่าทำอย่างนี้..”
ฉันพยายามจับเสื้อตัวเองไว้
แต่ก็ไม่ได้ช่วยหยุดให้เสื้อผ้ายังอยู่กับตัวเองได้เลย
ตอนนี้พี่เนยจับเสื้อของฉันโยนไปกองที่ปลายเตียงเสียแล้ว
กลายเป็นว่าตอนนี้ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าเนื่องจากฉันไม่ได้ใส่เสื้อชั้นในในเวลาที่ฉันนอน
เมื่อจัดการกับท่อนบนของฉันได้เธอก็หันมาจัดการกับท่อนล่างต่อ
ซึ่งมันก็ดูจะง่ายดายเพราะว่ามันเป็นแค่กางเกงชุดนอนผ้ายืดใช้แค่มือเดียวก็สามารถดึงออกได้อย่างสบาย
ซึ่งเธอก็ดึงทั้งกางกางชั้นนอกและชั้นในของฉันออกไปได้พร้อมๆกันอีก
แย่แล้ว
ตอนนี้ร่างกายของฉันเปลือยเปล่าไม่มีแม้แต่อะไรที่จะปกปิดช่วยฉันไว้ได้เลย
พอเธอจัดการกับเสื้อผ้าของฉันเสร็จ
พี่เนยก็ดันร่างฉันลงไปนอนกับเตียงก่อนที่เธอจะโถมตัวเธอลงมากอดฉันไว้
ตอนนี้ใบหน้าของเธอซุกไซ้ไปมาแถวๆลำคอของฉัน
ฉันได้กลิ่นหอมๆของน้ำหอมของเธอลอยมาเตะจมูกฉันเป็นระยะๆ
แม้จะอยู่ในความมืด
แต่ฉันก็ยังอายที่เนื้อตัวของฉันเปลือยเปล่าและโดนสัมผัสไปมา
ทั้งกอดทั้งหอมอยู่อย่างนี้
ริมฝีปากของพี่เนยค่อยๆเคลื่อนมาอย่างละมุนละม่อมที่ใบหน้าของฉัน
เธอค่อยๆประกบริมฝีปากลงไปที่ริมฝีปากของฉันอย่างนุ่มนวล
จนฉันเผลอเผยอปากเชิญชวนปลายลิ้นของเธอเข้ามาข้างในเสียแล้ว
เสียงครางเบาๆของฉันดังออกไป
ตอนที่พี่เนยตวัดปลายลิ้นไปมาในปาก
แม้ตอนแรกฉันจะพยายามต่อต้านและผลักใสพี่เนย
แต่น่าแปลกที่ตอนนี้ฉันกลับเผลอยอมรับทุกสิ่งที่อย่างที่พี่เนยมอบให้
คงจะเป็นเพราะสัมผัสที่นุ่มนวลกว่าครั้งนั้นหรือเปล่า
ที่ทำให้ฉันหลงเคลิบเคลิ้มไปกับทุกท่วงท่าทุกอิริยาบทที่พี่เนยกำลังหว่านล้อมให้ฉันรู้สึกอยากทำอย่างนี้กับเธอ
ดูเธอจะพยายามให้มันค่อยเป็นค่อยไป
ดูมันอ่อนละมุน เหมือนสัมผัสจากคนที่รัก
คิดถึงและโหยหาเหมือนดั่งคำที่เธอคนนี้พูดออกมาอยู่เสมอ
ไม่เหมือนครั้งก่อนนี้ที่ดูฉาบฉวยและร้อนแรง
ไร้ซึ่งความรู้สึกที่จะบ่งบอกถึงคำว่า
“รัก”ที่คนต่อหน้าตอนนั้นบอกมาได้เลย
แม้ใจฉันกำลังล่องลอย
แต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็ปรากฏกายออกมาทุกระยะ
มันคอยเตือนฉันว่า
ไม่ควรทำอย่างนี้
“พี่เนยหยุดเถอะ..พอได้แล้ว..จะทำอย่างนี้ทำไมนี่”
ฉันทั้งพูดทั้งพยายามดันพี่เนยออก
“ก็พี่รักกี้นี่นา
กี้เห็นใจพี่เถอะนะ
พี่ยอมให้กี้ได้ทุกอย่าง
ทุกอย่างจริงๆ ยกเว้นเรื่องนี้”
ว่าแล้วเธอก็ยิ่งก้มลงจูบพรมทั่วร่างกายของฉันต่อ
ตอนนี้กลายเป็นว่าร่างกายของฉันอ่อนระทวยไปหมด
“แล้วกี้จะรู้ว่าพี่รักกี้มากแค่ไหน
พี่ยอมให้กี้ได้ทุกๆอย่างจริงๆ”
เสียงพี่เนยพูดพร่ำคำว่ารักของเธอต่อไป
ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นนั่งอยู่ข้างๆฉันแล้วจัดการถอดเสื้อผ้าของเธอออกหมด
ในความมืด
แสงของดวงจันทร์สาดส่องเรือนร่างของหญิงสาวต่อหน้าผู้มีร่างบางงามระหง
ฉันได้แต่ตะลึงนอนมองดูเค้าโครงของทรวดทรงเธอที่โดนแสงจันทร์สาดส่องกระทบอยู่
รูปร่างที่อ่อนช้อยเป็นเส้นโค้งเว้าคอด
จากหน้าอกกลมกลึงโค้งมนลงมาถึงเอวของเธอ
นี่มันไม่ใช่รูปร่างของเด็กมัธยมทั่วไปควรจะเป็นเลย
แค่มองผ่านแสงจันทร์ฉันก็รู้แล้วว่าเธองดงามขนาดไหน
...แล้วนี่ทำไมฉันจะต้องตะลึง
ใจเต้นตึกๆตั๊กๆเพราะเห็นเงาวับๆแวบๆของผู้หญิงด้วยกันด้วย..
ฉันทั้งคิดทั้งงง
ตอนนี้ความรู้สึกเบลอๆมึนๆกำลังทำให้ฉันเคลิ้มกับภาพที่อยู่ตรงหน้าเสียแล้ว
พี่เนยโน้มร่างเปลือยเปล่าของเธอลงมาหาฉัน
แล้วก็มอบจุมพิตให้ฉันอีกรอบนึง
แต่ครั้งนี้ฉันได้รับสัมผัสของผิวกายที่นุ่มนวล
ความโค้งเว้าของเรือนร่างที่กำลังเคลื่อนผ่านร่างกายเปลือยเปล่าด้านบนของฉันไปมา
ซึ่งฉันก็บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร
ถ้าฉันพูดโดยไม่ได้ฝืนใจออกไป
นี่คงเป็นความรู้สึกที่ดีมากจนฉันไม่อยากให้เจ้าของร่างข้างบนนี้เคลื่อนที่ออกจากร่างกายฉันไปไหนไกลเลย
...ฉันชอบสัมผัสแบบนี้จัง...
มันเป็นความรู้สึกดีแบบประหลาดๆ
บอกไม่ถูกว่าทำไม
กลายเป็นว่าตอนนี้ฉันเผลอยื่นวงแขนไปโอบกอดพี่เนยไว้เสียแล้ว
พี่เนยคงรู้ว่าฉันเริ่มอ่อนแอสิ้นฤทธิ์ที่จะต่อต้านเธอ
มือของเธอจึงเริ่มเคลื่อนที่ไปมาบนลำตัวของฉันก่อนจะมาหยุดลงที่มือของฉัน
เธอผละออกจากริมฝีปากของฉันแล้วลุกขึ้นนั่งบนร่างของฉันต่อ
ตอนนี้เธอโน้มตัวลงมาจับมือฉันให้ไปจับที่หน้าอกของเธอ
“ร่างกายพี่เป็นของกี้เหมือนๆกันนะ
กี้อยากสัมผัสอยากกอดยังไงก็ได้
พี่ยอมให้กี้”
...ฉันอึ้ง
เป็นครั้งแรกที่ฉันจับหน้าอกผู้หญิงด้วยกัน
..มันรู้สึก...ดียังไงไม่รู้..แม้จะอาย..แต่ฉันก็มีความรู้สึกว่าฉันชอบ
แล้วตอนนี้มือฉันก็เผลอออกแรงบีบหน้าอกพี่เนย
มืออีกข้างก็เผลอลูบไล้ไปที่แผ่นหลังเนียนๆนุ่มๆเรื่อยลงไปจนถึงบั้นเอวงามโค้งคอดของพี่เนยเข้าให้แล้ว
“กี้เป็นคนแรก
และจะเป็นคนเดียวที่พี่จะยอมให้
รู้ตัวมั้ยว่ากี้สำคัญขนาดไหน
ไม่นานหรอกนะกี้จะได้รู้ว่าอะไรคือความพิเศษสำหรับพี่”
ฉันยังคงอึ้งค้างความรู้สึกตอนนี้เหมือนมันยังงงๆเบลอๆ
มันเป็นความรู้สึกดีแบบประหลาด
ซึ่งฉันก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม
รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันควบคุมร่างกายของฉันไม่ได้แล้ว
สติฉันหลุดลอยไปกับสัมผัสเนียนนุ่มต่างๆที่พี่เนยกำลังร่ายมนต์เชิญชวนให้ฉันอยากเข้าไปจับต้องทุกส่วนสัดอย่างที่เธอพูดมาเมื่อกี้
กลายเป็นว่าตอนนี้ฉันลุกขึ้นมากอดร่างเปลือยเปล่าของพี่เนยแล้วผลัดกันประพรมจูบไปทั่วร่างของอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ร่างกายหอมๆผิวกายนุ่มๆเนียนๆ
มันทำให้ฉันเตลิดหลงปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในตัวเองออกมาเสียแล้วตอนนี้...
..ฉันเป็นบ้าไปแล้ว...
แล้วหลังจากนั้นฉันก็ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามใจปรารถนา
เป็นไปตามคำเชิญชวนของพี่เนย
ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในห้อง
ท่ามกลางอากาศหนาวๆที่เริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อเวลาในยามค่ำคืนเริ่มเคลื่อนผ่านไป
แต่เราสองคนไม่มีทีท่าว่าจะหนาว
เพราะต่างฝ่ายต่างได้รับสัมผัสที่อบอุ่นของผิวกายของกันและกัน
ฉันชอบความรู้สึกแบบนี้จัง
แม้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจะคอยห้ามปรามฉันแต่ฉันก็อ่อนแอเกินที่จะรับฟังมันได้
เกมส์สวาทของเราดำเนินผ่านไปเรื่อยๆจนกระทั่ง...
“...พี่เนย..กี้ว่าหยุดเถอะ..”
“หือ..ทำไมล่ะ..”
“..พี่เนยไม่เหนื่อยเลยเหรอ
นี่มันตี4จะตี5แล้วนะ...เมื่อวานก็เท่ากับไม่ได้นอนอยู่แล้ว
แล้วไหนยังจะเหนื่อยที่เดินขบวนด้วยอีก”
“ไม่เป็นไรพี่ยังไหว..”
พีเนยทำเสียงอ้อนๆแล้วก้มลงพลางระดมจูบไปทั่วร่างเช่นเคย
“โอ้ย..แต่กี้เหนื่อยแล้ว
ไม่ไหวแล้ว” ฉันพยายามดันพี่เนยออก
“นอนกันเถอะนะ
กี้ไม่ไหวจริงๆ”
เสียงฉันงัวเงียด้วยความง่วงและความเหนื่อย
พี่เนยยิ้ม
เธอยื่นมือมาลูบที่หัวฉันเบาๆ
“ได้สิ
ถ้างั้นนอนก็ได้”
ฉันดีใจ
รีบลุกขึ้นหาเสื้อผ้าชุดนอนของตัวเองที่โดนพี่เนยโยนทิ้งไปขึ้นมาใส่
“ทำอะไรน่ะ”
พี่เนยรีบลุกขึ้นกอดฉันไว้
“ก็ใส่เสื้อผ้าไง”
“ไม่เอา
นอนอย่างนี้ล่ะ จะได้กอดกันอุ่นทั้งคืนไง”
“ไม่เอาหรอก..เด๋วพี่เนยก็กวนกี้ไม่ได้หลับไม่ได้นอนอีก”
ฉันคิ้วขมวดรีบผลักพี่เนยออกจากตัว
“ไม่กวนแล้ว
สัญญา ถ้ากี้เหนื่อยพี่ก็จะไม่กวน”
พี่เนยพูดไปหอมไป
ก่อนที่จะค่อยๆพยุงตัวฉันให้มานอนที่หมอนของตัวเองโดยมีพี่เนยดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มคลุมร่างเปลือยเปล่าของฉันไว้แล้วขยับร่างของเธอเข้ามานอนกอดให้ไออุ่นฉันอยู่ข้างๆจนกระทั่งหลับไปในที่สุด
..ฮือ..ความง่วงและความเหนื่อยดึงฉันเข้าสู่ห้วงความฝัน
ซึ่งมันยาวนานเท่าไหร่ไม่รู้เลย
รู้แต่ว่าในความฝัน
ฉันฝันเห็นงูสีขาวนวลตัวใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่งกำลังเรื้อยเข้ามาหาฉัน
ความรู้สึกในฝันตอนนั้นฉันรู้สึกกลัวงูตัวนี้เหลือเกินจนฉันยืนอึ้งตะลึงทำอะไรไม่ถูก
ไม่กล้าแม้กระทั่งขยับขาเดินหนีไปไหน
เจ้างูตัวนั้นค่อยๆเรื้อยขึ้นจากขาของฉัน
มันค่อยๆพันจากขาของฉันขึ้นมาตามลำตัวจนกระทั่งถึงหน้าอกของฉัน
ตอนนี้มันหยุดจ้องอยู่ที่หน้าอก
ฉันทำอะไรไม่ได้เพราะตัวถูกรัดไว้
งูตัวนั้นค่อยๆยื่นหน้าเข้ามาที่หน้าอกของฉันแล้วมันก็ยื่นปลายลิ้นแฉกๆของมันมาเลียที่หน้าอกของฉันต่อ
ความรู้สึกวูบๆวาบๆในฝันตอนนี้เหมือนจริงมากจนฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ
แล้วก็ตกใจเข้าไปใหญ่เมื่อพบว่า....
ที่หน้าอกของฉันตอนนี้..มีพี่เนยกำลังก้มลงดูดสลับไปมาอยู่
“..โอ้ย
อะไรกันนี่พี่เนย”
ฉันสะดุ้งร้องออกมาด้วยเสียงงัวเงีย
“Morning
Kissไง
ตื่นได้แล้วที่รัก”
พี่เนยยกตัวขึ้นมาจูบที่ปากของฉันต่อ
“มอนิ่งคิสบ้าบออะไร
แล้วมาปลุกกี้อะไรอย่างนี้เล่า...โอ้ย..”
ฉันพยายามผลักพี่เนยที่กำลังก้มลงหอมตรงนั้นตรงนี้ของร่างกายฉันไปทั่ว
สร้างความสะท้านหวั่นไหวให้กับฉันทั้งๆที่ฉันยังไม่ทันได้ตื่นดีเลย
“พี่เนย
โอ้ยพอก่อน..”
แต่ยิ่งฉันพูดเหมือนยิ่งยุ
ร่างนุ่มๆเนียนๆกำลังเคลื่อนผ่านร่างกายฉันไปมาช้าๆ
ทั้งมือเธอที่คอยจับนั่นลูบนี่ไปมาอีก...
โธ่
เอ้ยหมดกันการพักผ่อนไม่กี่ชั่วโมงของฉัน
มันโดนทำลายด้วยการยั่วยวนของหญิงสาวผู้มีจริตจะกร้านแพรวพราวคนนี้เสียแล้ว
ยิ่งนึกยิ่งโมโห...
...ปัดโธ่เว้ย...
ฉันสติแตกไปเสียแล้วตอนนี้
ตึง!!!
“!!??นี่!!??
คิดว่าทำเป็นอยู่คนเดียวหรือไง
!!!
พี่เนย”
สิ้นเสียงตะคอกของฉัน
ฉันก็ลุกขึ้นดันพี่เนยลงมานอนบนที่นอนแทนที่ฉันโดยมีฉันลุกขึ้นมานั่งคร่อมเธอไว้
พี่เนยตาโต
อ้าปากค้าง มือของเธอโดนฉันตรึงไว้กับเตียง
ฉันจ้องเขม็งไปที่หน้าเหวอๆของพี่เนยก่อนที่จะก้มลงไปมอบจุมพิตที่แสนจะเร่าร้อนบนริมฝีปากแดงๆงามๆของพี่เนยที่เพยอออกเชิญชวนปลายลิ้นของฉันให้เข้าไปสัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างในนั้น
พี่เนยหลับตาพริ้ม
เสียงครางเบาๆของเธอเล็ดลอดออกมาตามช่องว่างของริมฝีปากที่เราสลับกันจุมพิตกันไปมา
ฉันปล่อยแขนพี่เนยออกมาจับที่หน้าอกที่อวบอิ่มคู่นั้นแล้วบีบคั้นสลับไปมาจากเบาเป็นแรงขึ้น
หน้าอกพี่เนยนั้นกลมกลึงเต่งตรึงให้ความรู้สึกเหมือนหน้าอกของหญิงสาวที่โตเต็มตัว
มองผ่านๆเวลาที่เธอใส่ชุดนักเรียนหรือชุดธรรมดาของเธอนั้นอาจจะดูเหมือนคนผอมบาง
แต่เอาเข้าจริงๆแล้วพี่เนยกลับซ่อนรูปเอาไว้
แค่ทรวดทรงองเอวของพี่เนยตอนที่ฉันมองผ่านแสงจันทร์เมื่อคืนนี้แม้จะเป็นแค่เงาลางๆแต่ก็ทำให้ฉันใจเต้นตึกๆตักๆหลงเคลิบเคลิ้มจนกระทั่งเผลอใผลปล่อยตัวปล่อยใจให้มีอารมณ์อยากสัมผัสเรือนร่างของพี่เนยจนได้
นี่ถ้าผู้ชายเห็นพี่เนยตอนเปลือยเปล่าตอนนี้
พี่เนยคงไม่มีโอกาสได้นอนหลับพักผ่อนอย่างมีความสุขเหมือนกันกับฉันตอนนี้แน่ๆ
อืม...
จะว่าไปแล้วฉันก็มองเห็นรูปร่างของพี่เนยยังไม่ชัดเท่าไหร่เลยนี่นา
ก็แค่เค้าโครงเรือนร่างภายใต้แสงจันทร์เมื่อคืนเท่านั้น
คงจะดีไม่น้อยถ้าฉันได้มองคนที่เอาแต่จ้องสัดส่วนของฉันภายในรถคันนั้นอยู่ฝ่ายเดียวคืนบ้าง
คิดได้ดังนั้นฉันก็ละริมฝีปากและเงยหน้าขึ้นมามองรูปร่างเปลือยเปล่าของพี่เนยที่นอนอยู่บนเตียงตอนนี้
พี่เนยตกใจ
เธอทำหน้างงเล็กๆตอนที่ฉันหยุดจูบเธอแล้วลุกขึ้นมานั่งมองเธอแทน
...ตึ๊ก...ตึ๊ก...ตึ๊ก...ตึ๊ก...
โอ..ตายแล้วฉัน..แค่ฉันมองเห็นร่างขาวๆเนียนๆที่แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามากระทบกับผิวกายของหล่อน
ใจของฉันก็เต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ
ทรวดทรงองเอว
เส้นเว้าคอดทุกอย่างที่ฉันเห็นเมื่อคืนมันไม่ได้หลอกตาหลอกความรู้สึกฉันเลย
..ทำไมร่างกายผู้หญิงถึงได้สวยงามขนาดนี้นะ..
..หรือความรู้สึกสวยงามอย่างนี้มันเป็นเฉพาะแค่ร่างกายของพี่เนยคนเดียวเท่านั้น...
ยิ่งมอง
ยิ่งคิด ความรู้สึกของฉันก็ยิ่งเตลิด
จากที่ต้องการแค่อยากจะเอาคืนคนที่เฝ้าแต่กวนฉันไม่ให้ฉันหลับนอนอย่างมีความสุข
กลายเป็นว่าตอนนี้ ...
..ฉันดันมีอารมณ์จริงๆเสียแล้ว..
อึ๊ก..ฉันกลืนน้ำลายตัวเองลงไป
ก่อนจะยื่นมือลงไปค่อยๆลูบตั้งแต่หน้าอกพี่เนยเรื่อยๆลงมาจนถึงเนินเนื้อนั้นของพี่เนย
แล้วเลื่อนตัวลงมาจูบเบาๆที่เนินนั้น
“ดะ
เดี๋ยว ..กี้..จะทำอะไรอ่ะ”
เสียงพี่เนยร้องขึ้นตอนที่เห็นฉันก้มลงไปจุมพิตเนินเนื้อนั้น
“ก็ทำอย่างที่พี่เนยทำกับกี้ไง”
“กี้ทำเป็นเหรอ”
“เป็นสิ
ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย
กี้จำที่พี่เนยทำได้”
“ห๊า..แต่.แต่”
ยังไม่ทันที่พี่เนยจะพูดจบ
ฉันก็จับขาทั้งสองข้างของพี่เนยเคลื่อนแยกออกจากกัน
ตอนนี้ฉันมองเห็นสวนดอกไม้แสนหอมที่พี่เนยแสนห่วงหวงได้อย่างชัดเจน
พี่เนยหน้าแดงกร่ำที่โดนฉันจ้องมองตรงนั้นของเธอคืนบ้าง
สองมือของเธอพยายามยื่นลงมาบังตรงนั้นไว้
แต่ก็โดนฉันจับออก
“ห้ามเอามาบังกี้เลย..ทีใครทีมันสิ..ไหนว่ายอมให้กี้ไง”
“ก็ยอมอยู่..แต่ว่า..คือ..พี่ยังไม่เคย..อย่างนี้..มันยังอายๆอยู่..เข้าใจใพี่อยู่ใช่มั้ย..”เสียงพี่เนยพูดตะกุกตะกัก
“ก็แสดงว่ากี้เป็นคนแรกของพี่ใช่มั้ย”
ฉันเงยหน้าขึ้นไปถามพี่เนยที่อายหน้าแดงนอนมองฉันอยู่ตอนนี้
“.ใช่..”
ฉันยิ้มออกทันทีที่ได้ยินเสียงพี่เนยสารภาพ
แม้เมื่อคืนจะได้ยินเสียงที่หล่อนบอกว่าฉันคือคนแรกของเธอ
แต่ฉันก็คิดแค่ว่าเธอคงพยายามหว่านล้อมให้ฉันยอมทำอย่างนั้นกับเธอเฉยๆ
เป็นไปไม่ได้หรอกที่คนที่ทำเรื่องอย่างว่าแบบนั้นอย่างชำนาญการอย่างเธอจะไม่เคยผ่านใครมาก่อน
ซึ่งถึงแม้จะได้ยินเธอพูดตอนนี้
ฉันก็ยังแอบไม่เชื่อเธอเหมือนเดิมอยู่ดี
แต่ก็ช่างเถอะตอนนี้ฉันไม่สนใจพระอิฐพระปูนที่ไหนแล้ว
แค่ฉันจ้องเจ้าเนินเนื้อที่อยู่ต่อหน้าฉันตอนนี้สติฉันก็กระเจิดกระเจิงหลุดลอยไปจนฉุดไม่อยู่แล้ว
ฉันอาศัยความจำในรสสวาทที่พี่เนยปรนเปรอให้ฉันทั้งตอนที่อยู่ในรถหรือแม้กระทั่งเมื่อคืนนี้ทั้งคืน
แต่นั่นก็เป็นเพียงนิดหน่อยเพราะฉันรู้สึกว่าความรู้สึกอยากทำของฉันมันสั่งให้ฉันทำอย่างนี้
อย่างนั้นกับทุกส่วนสัดของพี่เนยที่ฉันอยากทำเองมากกว่า
ฉันทำทุกอย่างแม้กระทั่งใช้ลิ้นและนิ้วเข้าไปในส่วนที่ผู้หญิงทุกคนแสนหวง
หวงเพื่อเก็บเอาไว้เพื่อที่จะได้รู้ว่าตัวเองยังบริสุทธิ์
ใช่แล้วตอนนี้พรหมจรรย์ของพี่เนยนั้นตอนนี้โดยฉันบดขยี้ไปเรียบร้อยแล้ว
ฉันแอบเห็นพี่เนยร้องเสียงหลงตอนที่ฉันใช้นิ้วกับจุดนั้นของเธอ
เหมือนเธอจะบอกว่าเธอเจ็บ
แต่นั้นก็เหมือนกันกับฉันที่โดนเธอทำจนฉันเจ็บแถมยังมีเลือดออกเสียด้วย
..เอ๊ะ..แล้วพี่เนยจะมีเลือดออกมั้ยนะ
ฉันก้มลงมองที่จุดนั้นของพี่เนยมันมีเลือดออกมาแถมยังเยอะเสียด้วย
แย่แล้ว..
คงเพราะความหมั่นไส้พี่เนยที่โดนเธอกวนจนไม่ได้นอน
ฉันจึงเผลอทำอย่างนั้นกับเธอรุนแรงเกินไป
ฉันรีบมองไปที่พี่เนยทันที
พี่เนยคิ้วขมวดหลับตาพริ้มตรงขอบตามีน้ำตาซึมไหลออกมาเป็นทางที่ตาทั้งสองข้าง
เธอกัดริมฝีปากของเธอไว้
คงเป็นเพราะว่าเธอพยายามที่จะไม่แสดงอาการหรือร้องอะไรออกมาให้ฉันได้ยิน
..ทำไมแค่ฉันมองหน้าพี่เนยตอนนี้แล้วฉันรู้สึกว่าพี่เนยสวยและน่าทะนุถนอมเหลือเกินนะ
ฉันอยากจะปกป้องเธอจากความเจ็บปวดที่เธอได้รับตอนนี้เสียจริง
คิดได้ดังนั้น
ฉันก็เคลื่อนตัวขึ้นไปจูบพี่เนย
โดยหวังว่าจุมพิตของฉันนั้นจะบรรเทาความเจ็บปวดเหล่านั้นของเธอไว้ได้
ซึ่งมันก็ได้ผล
ตอนนี้พี่เนยลืมตามองฉันและสนองต่อจุมพิตของฉันเหมือนเธอโหยหามันมาแสนนาน
ฉันได้ยินเสียงครางเบาๆของพี่เนยตลอดเวลาที่ฉันตวัดปลายลิ้นไปมาในปากพี่เนย
แล้วแค่ฉันได้ยินเสียงครางนั้น
ความรู้สึกกระหายที่จะมอบรสสวาทให้พี่เนยก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
มันทำให้ฉันยิ่งเร่งจังหวะที่ปลายนิ้วเพิ่มขึ้นอีก
พี่เนยทั้งครางทั้งบิดตัวไปมา
มือของเธอไขว่คว้าตัวฉันเข้ามากอดไว้
“กี้..พี่รักกี้จริงๆนะ
พี่ยอมให้กี้คนเดียวนะ”
เสียงพี่เนยพร่ำบอกพร้อมๆกับเสียงหายใจระรัวของเธอ
ไม่นานร่างกายของพี่เนยก็เกร็ง
พี่เนยใช้ปลายนิ้วจิกลงที่หลังของฉันก่อนที่เธอจะร้องบอกฉันเสียงหลง
“..พอแล้ว
..”ฉันค่อยๆเบาจังหวะปลายนิ้วลงพร้อมๆกับมอบจุมพิตเป็นรางวัลให้กับพี่เนยที่มอบความงดงามของร่างกายเธอนั้นมาให้ฉัน
ฉันทิ้งตัวลงไปนอนข้างๆร่างกายเปลือยเปล่าของพี่เนยที่หลับตาพริ้มหายใจระรัวอยู่พักใหญ่ๆ
ฉันนอนหันหน้าไปกอดหญิงสาวคนที่อยู่ข้างๆ
ความนุ่มเนียนของผิวกายหล่อนทำให้ฉันรู้สึกอยากจับอยากสัมผัสตัวหล่อนอยู่ตลอดเวลา
กลิ่นหอมแถวๆซอกคอของเจ้าหล่อนเวลาที่ฉันนอนอยู่ด้านข้างเธออย่างนี้มันช่างดึงดูดให้ฉันอยากเข้าไปสูดหอมเธออีกเหลือเกิน..
ฉันชำเรืองตาดู
พี่เนยยังคงนอนหลับตาพริ้มด้วยความเหนื่อยล้าอยู่
หล่อนดูไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยว่ากลิ่นกายหอมๆของเธอกำลังจะทำให้ฉันคุ้มคลั่งในอีกไม่กี่วินาทีนี้อีกแล้ว
มันเป็นความรู้สึกที่แปลก
ฉันรู้สึกว่าฉันกำลังกลายเป็นคนบ้าไปแล้ว
ฉันไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย
ฉันไม่เคยมีความรู้สึกกระหายใคร่อยากได้ในตัวของใครเท่านี้
ก็เพราะฉันรู้ตัวว่าฉันยังเด็กอยู่ด้วยและคนที่ฉันอยากมีอะไรด้วยก็เป็นผู้หญิงด้วยกันเสียอีก...นี่ฉันควรจะบังคับใจตัวเองไว้
หรือจะปล่อยเลยตามเลยดีนะ
นี่หรือเปล่านะ
ความรู้สีกของพี่เนยที่พยายามอธิบายว่า
..ห้ามใจตัวเองไม่ได้เลยเมื่ออยู่ใกล้ๆฉันแบบนี้..
พี่เนยลืมตาขึ้นแล้วหันมามองฉันที่กำลังจ้องมองพี่เนยด้วยความเสน่หาต่อร่างกายเธออยู่
“กี้..”
เสียงพี่เนยกำลังจะพูดอะไรสักอย่างต่อแต่ก็โดนฉันหยุดไว้ด้วยริมฝีปากที่เร่าร้อนและกระหายอยากดื่มกินหญิงสาวแสนสวยที่อยู่ต่อหน้านั้นอีกครั้งนึง
ซึ่งหลังจากนั้นฉันก็ปล่อยให้ความใคร่ของฉันดึงพี่เนยเข้าสู่เกมส์สวาทของฉันต่อไป
...
ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร..แต่..ฉันชอบสิ่งที่ฉันกำลังเป็นอยู่นี่จังเลย...
แม้ฉันไม่แน่ใจว่า..ฉันชอบหญิงสาวคนที่ฉันกำลังมีอะไรกับเค้าด้วยหรือเปล่าก็ตาม...
***************************************************
เสียงแตรจากรถยนต์
และเสียงจอแจของผู้คนที่เดินผ่านไปมาทางด้านล่างร้านของฉันดังผ่านขึ้นมา
บ่งบอกให้เห็นว่าแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันอาทิตย์แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
ตามสัญชาตญาณของมนุษย์ผู้ต้องดิ้นรนดำรงชีพ
โดยเฉพาะโซนที่ร้านของฉันอยู่นั้นเป็นตลาดใจกลางเมือง
ร้านค้าบางร้านก็เปิดตลอดตั้งแต่จันทร์-อาทิตย์
ร้านค้าหลายๆร้านปิดให้บริการในวันอาทิตย์เช่นเดียวกันกับร้านของฉัน
เพราะความที่ร้านของเราเปิดตั้งแต่สองโมงเช้าจนถึงสามทุ่มทุกวันจันทร์-เสาร์
ทำให้เราไม่ค่อยได้มีเวลาพักผ่อนหรือแม้กระทั่งเวลาที่จะดูแลบ้าน
ดูแลคนในครอบครัว
หรือแม้กระทั่งดูแลตัวเอง
ทำให้เราลงมติกันว่าเราควรมีวันหยุด1วันในอาทิตย์นึง
ซึ่งพวกเราก็ลงความเห็นกันว่าน่าจะเป็นวันอาทิตย์นี่ละ
เพราะปกติวันอาทิตย์ลูกค้าส่วนมากเลือกที่จะอยู่บ้านและทำอาหารกินกันกับครอบครัวตัวเองมากกว่า
พวกเค้าให้ความสำคัญกับครอบครัว
วันนี้จึงเป็นวันที่ลูกค้าไม่ค่อยเยอะหากเลือกที่จะหยุดก็ถือว่าไม่ทำให้เสียลูกค้าเท่าไหร่
เสียงประตูเหล็กร้านข้างๆดังขึ้น
พวกเค้าคงพึ่งจะเปิดร้านกันแล้ว
ฉันหันไปมองดูนาฬิกาตอนนี้มันบอกเวลาที่สองโมงสี่สิบห้านาที
ก็ไม่แปลกที่ร้านข้างๆบ้านฉันจะเปิดบ้านช้ากว่าร้านอื่นนิดนึง
เพราะเค้าเป็นร้านขายโทรศัพท์มือถือไม่จำเป็นต้องให้บริการลูกค้าในช่วงเวลาที่เช้าเกินไป
เสียงเอี๊ยดๆที่แสบแก้วหูของประตูเหล็กร้านขายมือถือทำให้ฉันต้องหันมาชำเรืองมองหญิงสาวร่างบางที่กำลังหวีเผ้าหวีผมของตัวเองในกระจกอยู่
ด้วยความที่กลัวว่าเจ้าหล่อนจะรำคาญเสียงและบ่นอะไรหรือเปล่า
แต่ก็เปล่า
ภาพที่เห็นคือเจ้าหล่อนหวีผมแต่สายตาของหล่อนกลับแอบชำเรืองมองเงาของฉันที่สะท้อนในกระจกอยู่ตลอดเวลา
เมื่อสายตาของหล่อนสบเข้ากับตาของฉัน
หล่อนก็ยิ้มหน้าแดงเหมือนคนอายขึ้นมาทันที
“..อะไร
มองกี้ทำไม”
“เปล่า..มองเฉยๆ..มองไม่ได้เหรอ”
เสียงอายๆของพี่เนยตอบกลับมา
“ไม่ได้..มองมาทั้งคืนแล้วยังจะมองอะไรอีก..เดี๋ยวก็ไม่ได้ทำอะไรอีก
รีบๆเข้า
มันสายแล้วจะกลับบ้านยังไงเดี๋ยวก็ไม่มีรถกลับอีก”
พี่เนยยิ้มหันหน้ามามองฉัน
“กี้ไปส่งพี่ได้มั้ยอ่ะ”
“ห๊า..อะไรอะ
มาเองก็กลับเองสิ
ถ้ากี้ไปส่งแล้วกี้จะกลับมายังไง”ฉันคิ้วขมวดยิงคำถามคืนทันที
“ก็เดี๋ยวพี่จะเอารถคนที่บ้านมาส่งกี้ก็ได้
ไปส่งพี่หน่อยนะ พี่อยากให้กี้ไปบ้านพี่”
พี่เนยทำเสียงอ้อนวอน
“พี่อยากให้กี้รู้จักพี่บ้าง
ถ้าเราสองคนจะ..คบกัน
พี่ก็อยากให้กี้รู้ในสิ่งที่พี่เป็นทั้งหมด”
ฉันได้ยินคำว่า
“คบ” แล้วก็คิ้วขมวด
“ใคร..ใครจะคบกับพี่เนย
อย่ามัดมือชกสิ
ยังไม่ได้ตกลงอะไรด้วยสักหน่อย”
“อ้าว..ก็เรา..ทั้งเมื่อคืน..ทั้งเมื่อเช้า..”
“มันก็แค่นั้นล่ะ..พูดมากน่า..ห้ามพูดเรื่องนี้ให้ใครได้ยินด้วย
จะให้ไปส่งมั้ย ถ้าอยากให้ไปก็ทำตัวดีๆ”
ฉันทำเสียงดุพูดข่มพี่เนยที่ทำหน้าหงอยๆดวงตาสลดลงทันที
..เห็นแล้วก็อดสงสารเจ้าหล่อนไม่ได้...
“แต่งตัวให้เรียบร้อยด้วย
ตอนที่กี้ลงไปขอพ่อกับแม่จะไปส่งพี่เนยอ่ะ
ห้ามทำตัวมีพิรุธ
กี้พูดอะไรก็ให้เออออไปตามนั้นเข้าใจมั้ย”
พี่เนยพยักหน้า
แต่ดวงตาของเธอก็ยังหงอยๆอยู่เหมือนเดิม
เห็นแล้วก็ยิ่งสงสารจนฉันอดใจไม่ได้
ต้องถอนหายใจเบาๆให้กับตัวเอง
“เฮ้อ..”
ฉันยื่นมือไปยีผมพี่เนยแล้วค่อยๆลูบผมนุ่มๆของหล่อนเบาๆ
ก่อนที่มือจะค่อยๆเลื่อนลงมาจับที่แก้มของหล่อน
“ให้เวลากี้หน่อยนะ
กี้ยังไม่รู้จริงๆว่าที่กี้เป็นอยู่ตอนนี้มันคืออะไร
อย่าพึ่งโกรธกี้นะ
กี้อาจจะพูดอะไรที่ไม่ดีกับพี่เนยไปบ้างแต่นั่นก็เป็นเพราะว่ากี้ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงจริงๆ
เข้าใจกี้อยู่ใช่มั้ย”
ฉันอธิบายความในใจและลงท้ายด้วยประโยคคำถามต่อหญิงสาวที่ดวงตาหม่นหมองที่เอาแต่จ้องมองฉันอยู่ตอนนี้
พี่เนยไม่ตอบแต่ดวงตาเธอเปลี่ยนเป็นประกายฉายแววสดใสขึ้นทันที
เธอยิ้ม
พยักหน้าให้ฉันและยื่นมือขึ้นมากุมที่มือของฉันบนแก้มเธอ
**************************************************
เสียงก๊อกๆแก๊กๆดังออกมาจากหน้าบ้านตรงที่เป็นทางเข้าร้านวันนี้หน้าถังด้านนี้ไม่ได้เปิดขึ้น
ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆถูกวางเรียงไว้ตามโต๊ะด้านหน้าตรงใกล้ๆกับเคาน์เตอร์ทำข้าวมันไก่
ตรงนั้นตอนนี้มีพ่อกับแม่ของฉันกำลังช่วยกันสำรวจตรวจตราหาสิ่งของเครื่องใช้วัตถุดิบต่างๆที่คิดว่าน่าจะหมดไปหรือขาดหายไม่มีใช้สำหรับการทำข้าวมันไก่ขายในอาทิตย์หน้าทั้งอาทิตย์
วันนี้ของทุกๆอาทิตย์จริงๆแล้วบ้านฉันจะต้องออกไปซื้อข้าวของเครื่องใช้เพื่อเตรียมตัวสำหรับเอาไว้ทำข้าวมันไก่ขาย
พวกวัตถุประเภทสิ้นเปลืองต่างๆเช่น
เครื่องเทศ เครื่องปรุง
กระดาษทิชชู ไม้จิ้มฟัน
หรือวัตถุดิบต่างๆที่ใช้ทำข้าวมันไก่
พวกเราจะใช้เวลาช่วงสายๆของวันอาทิตย์ในการเดินทางไปซื้อตามตลาดต่างๆ
ห้างร้านต่างๆที่มีของนานาชนิดให้เราได้เลือกซื้อกันในราคาที่เราประเมินกันแล้วว่าคุ้มค่าหากนำมามาปรุงขายต่อ
“พ่อคะ
แม่คะ”
ฉันเรียกพ่อกับแม่ที่มัวแต่ก้มๆเงยๆไม่ได้สนใจมองด้านข้างเลยว่ามีใครมายืนรออยู่ตรงนี้เพื่อรอคุยด้วยตั้งนานแล้ว
“ฮืม..”
เสียงขานรับของพ่อดังขึ้นก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองฉันและก็ทำท่าเหมือนสะดุ้งตกใจที่เห็นพี่เนยยืนยิ้มแหยๆอยู่ข้างๆฉัน
พ่อคงงงว่าเด็กผู้หญิงคนนี้คือใคร???
เช่นเดียวกันกับแม่ที่ทำหน้างงๆตอนที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นทั้งฉันกับพี่เนยยืนอยู่ในบ้านที่ไม่ได้เปิดเลยตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น
..คงงงล่ะสิ
ว่าเด็กคนนี้เข้ามาในบ้านตั้งแต่ตอนไหน..
ทั้งสองยืนอึ้งเหมือนรอฟังคำอธิบายของฉันอยู่..
“เอ่อ..นี่พี่เนยค่ะ..คือเมื่อคืนกลางดึกอ่ะพี่เนยเค้านั่งรถมาจากกรุงเทพแล้วมาลงที่ท่ารถเรานี่ล่ะ
แล้วไม่มีรถกลับบ้านพี่เค้าเลยนึกขึ้นได้ว่ากี้อยู่นี่พี่เค้าเลยขอมานอนค้างด้วยคืนนึง
หนูเห็นว่าพี่เค้ามาแค่คนเดียว
เป็นผู้หญิงด้วยมันอันตรายหากไปนอนพักที่โรงแรมคนเดียวก็เลยให้พี่เข้ามานอนด้วยแต่ไม่ได้บอกพ่อกับแม่ตอนนั้น”
ฉันหันไปจับตัวพี่เนยที่ตอนนี้เธอพยายามจับชายเสื้อนอกของเธอเข้ามาหากันไว้ไม่ให้โชว์เนื้อหนังมังสาข้างใน
ให้หันมามองหน้าพ่อกับแม่
“อ้อ..”
เสียงพ่อกับแม่ร้องขึ้นพร้อมๆกับพร้อมกับพยักหน้ารับรู้เรื่องราวที่ฉันเล่าให้ฟังในตอนนี้
พี่เนยหันมามองฉัน
ที่พยายามขยิบตาให้เธอพยายามรับลูกโกหกของฉันที่พูดออกไปเมื่อกี้ให้ทัน
“อ่อ..ใช่ค่ะ..เนยเลยต้องรบกวนทั้งคุณพ่อคุณแม่และก็น้องกี้ด้วยนะคะ
เมื่อคืนเนยนึกอะไรไม่ออกจริงๆเลยค่ะ
นึกถึงแต่น้องกี้
เห็นน้องเค้าเป็นคนน่ารักและก็นิสัยดีที่หนูรู้จักในโรงเรียนน่ะค่ะ”
พี่เนยทั้งยิ้มทั้งพูดทั้งยกมือไหว้ทำท่าทางเหมือนหล่อนเกรงใจฉันซะเต็มประดา
...ตีบทแตก..นั่นเป็นสิ่งที่ฉันนึกทันทีที่เห็นท่าทางของหล่อน
นี่มาจากใจจริงๆหรือเป็นความสามารถของหล่อนล้วนๆนี่
ฉันชักจะเริ่มๆกลัวหล่อนขึ้นมาจริงๆซะแล้ว
“หนูต้องขอโทษด้วยนะคะที่มารบกวนพ่อแม่และน้องกี้กลางดึกแบบนี้”
พี่เนยยังพูดต่อพร้อมๆกับยกมือไหว้พ่อทีแม่ที
“ไม่เป็นไรลูก..ดีแล้วล่ะที่นึกถึงน้องขึ้นมาได้
ดึกๆเปลี่ยวๆขนาดนั้นน่ะอันตรายแย่
เรายิ่งเป็นผู้หญิงน่าตาก็สะสวย
แม่เป็นห่วงเลยนะนี่ถ้ารู้ว่าหนูกลับมาตอนกลางค่ำกลางคืนแล้วไม่ได้มาพักอยู่กับกี้ก่อน
ยังไงถ้าวันหลังมาแล้วไม่มีที่พักหนูก็แวะมาหากี้ก่อนก็ได้”
เสียงแม่พูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีที่เห็นว่าพี่เนยรู้จักแก้ปัญหาในการไม่มีที่พักของเธอเมื่อคืนนี้โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือ
เรื่องที่แต่งขึ้นมาทั้งเพ
ตอนนี้ฉันกลืนน้ำลายอึ๊กใหญ่ๆไปหลายอึ๊กแล้ว
ในใจไม่อยากจะโกหกพ่อกับแม่อีกเลย
ฉันอยากพาหล่อนออกจากบ้านของฉันไปให้ไวที่สุด
“เอ่อ
พ่อคะแม่คะ กี้ว่ากี้จะพาพี่เนยกลับบ้านก่อนน่ะค่ะ
เพราะว่าเมื่อคืนพี่เนยไม่ได้กลับบ้านเลยกลัวพ่อพี่เนยเค้าจะเป็นห่วง
และไม่เชื่อว่าพี่เนยนอนอยู่กับเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน
หนูเลยว่าจะพาพี่เค้าไปส่งที่บ้าน
แล้วพี่เนยก็ว่าจะชวนหนูทานข้าวที่บ้านด้วย
...หนูขอไปกับพี่เนยนะคะ”
ฉันพยายามขอพ่อกับแม่ด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าจะเป็นปกติที่สุด
ไม่อยากให้ท่านทั้งสองจับได้ว่าฉันกำลังแต่งเรื่องขึ้น..
พ่อกับแม่มองหน้ากันอยู่ครู่นึงแล้วหันมาทางฉันกับพี่เนย
“แล้วจะกลับมาตอนไหนล่ะ
พ่อกับแม่จะไปซื้อของกันนะจะให้รอหรือเปล่า”เสียงพ่อถามมา
“อ่อ...ไม่ๆค่ะไม่เป็นไรพ่อกับแม่ไปเลยก็ได้
เด๋วกี้เอากุญแจของกี้ไปด้วย
ไม่ต้องเป็นห่วงกี้หรอกค่ะ
เด๋วไงกี้จะโทรหาอีกทีนะคะ”
ฉันรีบพูดแทรกขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าได้โอกาสที่พ่อกับแม่กำลังจะอนุญาติแล้ว
“เออ
ถ้าอย่างนั้นก็เดินทางดีๆดูรถกันด้วยนะ
จะกลับตอนไหนก็โทรบอกด้วย
พ่อกับแม่จะโทรหาอีกที”
พ่ออนุญาติพร้อมๆกับรับไหว้จากฉันและพี่เนย
ฉันหันมามองหน้าพี่เนยที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เนื่องจากดีใจที่ในที่สุดฉันก็ได้ไปส่งเจ้าหล่อนจริงๆซะด้วย
ตอนนี้หล่อนรีบไหว้ลาพ่อกับแม่ฉันใหญ่
ก่อนจะหันมายิ้มแล้วรีบเดินตามฉันออกจากร้านไป
ทันที่ที่ก้าวออกจากบ้าน
พี่เนยก็ก้มลงหยิบแว่นตากันแดดที่เก็บไว้ในกระเป๋าสะพายของเธอซึ่งดูเหมือนของแบรนด์แนมราคาแพงยี่ห้อหนึ่งออกมาสวม
“จะใส่ทำไมอะ”
ฉันสงสัยทันที
“แสบตาอ่ะ
ไม่ได้นอนแล้วตามันเลยล้าๆเจอแสงแล้วเลยแสบตา”
เสียงพี่เนยอธิบาย
“ฮึ..
ก็บอกให้นอนนี่นาใครใช้ให้ทำอะไรบ้าๆทั้งคืน”
เสียงฉันตอบกลับด้วยความหมั่นไส้
“โธ่
ก็อยู่ใกล้กี้แล้วมัน..อดไม่ได้จริงๆนี่นา
ตอนนี้เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมเลย”
พี่เนยพูดด้วยเสียงคนกะล่อน
“บ้า
ห้ามพูดอะไรอย่างนี้ในเวลาอย่างนี้เลยนะ”
ฉันหยิกแขนพี่เนยที่ทั้งยิ้มและหัวเราะด้วยความอารมณ์ดี
พอออกมาจากบ้านแล้ว
ตอนนี้พี่เนยในชุดสีดำของเธอ
ดูแล้วเหมือนเด็กสาวมหาลัยเหลือเกิน
เธอช่างดูสวยปราดเปรียว
ด้วยการแต่งกายที่มีสไตล์เหมือนเด็กสาวอายุประมาณ20กว่าๆทั้งๆที่จริงแล้วเธออายุแค่17ปีเท่านั้น
ร่างอ้อนแอ้นอรชนของเธอในชุดกางเกงขาสั้นสีดำและเสื้อคลุมที่ยาวลงมาเสมอชายกางเกงของเธอนั้น
แม้เมื่อคืนฉันจะมองแล้วดูโป๊เกินไปสำหรับผู้หญิงที่เดินออกจากบ้านมาคนเดียวตอนกลางคืน
แต่เมื่อมองตอนนี้แล้วกลับรู้สึกว่ามันก็ดูสวย
ดูดี ดูเก๋ และมีสไตล์
คงเป็นเพราะพี่เนยเป็นคนสวยและรูปร่างดี
อีกทั้งเธอทั้งสูงและขายาว
ดูผ่านๆก็ยังคิดว่าเป็นนางแบบหรือดาราเลยก็ได้
ผิวขาวๆซีดๆเหมือนผู้ดีมีสกุลที่ไม่เคยออกจากบ้านโดนแดดดูขับรับกันดีกับชุดสีดำของเธอมาก
ยิ่งเธอสวมแว่นตากันแดดเข้าไปแล้ว
ยิ่งทำให้ใบหน้าเรียวยาวขาวๆของเธอดูโดดเด่น
ตอนนี้ฉันมีความรู้สึกว่ากำลังเดินตามดารายังไงยังนั้นเลย
...ไม่น่าเชื่อว่าโรงเรียนฉันจะมีคนน่าตาดีอย่างนี้
เอ..จริงๆก็เรียกว่าสวยมากๆเลยก็ได้นะ
ถ้าพี่เนยขยันยิ้มบ่อยๆ
แล้วที่ไม่น่าเชื่อกว่านั้นก็คือ...
เธอดันบอกว่าเธอชอบผู้หญิงด้วยกัน
แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ดันเป็นฉันเสียอีก
เฮ้อ..แล้วดูวิธีที่เจ้าหล่อนสารภาพรักและรุกจีบฉันแต่ละวิธีสิ
ฉันแทบจะกระอักเลือด
จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกงงๆอยู่เลย
สรุปว่า...ฉันยอมให้เค้าทำไม..
แล้วฉันกลายเป็นคนอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่..
มีอะไรกับผู้หญิงด้วยกันอย่างนี้จะถือว่าใจแตกมั้ยนี่..
ยังไงก็ไม่ได้ท้องไม่ใช่เหรอ...
แล้ว...ฉันต้องคบกับเจ้าหล่อนด้วยหรือเปล่า
แล้วต้องบอกใครด้วยมั้ยว่าเราสองคนเป็นแบบ..อย่างนั้นกัน
..เค้าเรียกการคบกันอย่างนี้ว่าอะไรอ่ะ
โอ้ย...ฉันงง
มันคงจะเร็วเกินไปจริงๆนั่นล่ะ
สำหรับคำว่า “รัก”
สำหรับฉันเพราะฉันก็ยังไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นกับพี่เนยเลยจริงๆ
เพียงแต่ว่า...ฉันรู้สึกดีที่อยู่ใกล้ๆเธออย่างนี้
ความรู้สึกดีที่อธิบายไม่ถูกว่าคืออะไร
รู้แต่ว่าเธอทำให้ฉันเริ่มสนใจในตัวเธอตั้งแต่ตอนนั้น...ตอนที่อยู่ด้วยกันในรถ...
...เฮ้อ..ทำไมไม่จีบฉันดีๆกว่านี้นะ
..อิพี่เนย..
ฉันทั้งคิดทั้งเดินไปด้วยใจเหม่อลอย
จนกระทั่งรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังเดินเลยทางที่จะไปขึ้นรถที่หน้าปากซอยแล้ว
“นี่ๆ..พี่เนยไปขึ้นรถหน้าปากซอย
จะเดินไปไหน” ฉันตั้งสติได้รีบเรียกพี่เนย
พี่เนยหันมายิ้มหวานหน้าแหยๆให้ฉัน
“พี่จอดรถไว้ทางโน้นน่ะ..”
“ฮ้า???..”
ฉันคิ้วขมวดทันที...เมื่อกี้ฉันได้ยินคำว่า
“รถ” ไม่ผิดใช่มั้ย
“รถอะไรพี่เนย..”
“แฮะๆ
ตามพี่มาก่อนแล้วกันเดี๋ยวพี่จะบอกกี้อีกที”
พี่เนยหันมายิ้มแห้งๆให้
คิ้วของฉันยิ่งขมวดขึ้นเป็นอีกสองเท่า
“ไหนเมื่อคืนพี่เนยบอกว่าเดินมาจากบ้าน..”
ยังไม่ทันที่ฉันจะถามจบพี่เนยก็รีบเดินเข้ามาจูงแขนฉันเดินตามเธอไปอย่างรวดเร็ว
ปล่อยให้ฉันหน้าเหวอด้วยอาการงง
เธอเดินจูงมือฉันมาเรื่อยๆจนมาถึงรถคันนึงที่จอดชิดกำแพงบ้านร้างแถวๆหลังปากซอย
เธอหยิบรีโมทปลดล็อคประตูรถ
เสียงสัญญาณกันขโมยดังขึ้นพร้อมๆกับที่ฉันยื่นอึ้งตะลึงงันทันทีที่เห็นรถคนนั้น..
“รถใครอีกล่ะนี่..”
เสียงฉันถามด้วยอาการเหวอๆ
“รถในบ้านนั่นล่ะ..”
พี่เนยหันมายิ้มแหยๆให้ฉันก่อนจะเดินไปเปิดประตูอีกฝากหนึ่งของคนขับแล้วจูงมือฉันขึ้นไปนั่ง
..ห๊า
นี่เธอกำลังจะบอกว่ารถซุปเปอร์คาร์สองประตูสีขาวคันนี้คือรถคนในบ้านเธออย่างนั้นเหรอ..
ฉันอึ้ง
มันเป็นความรู้สึกงงๆปนตกใจ
ตกลงบ้านเธอทำอาชีพอะไรกันแน่นี่
พี่เนยรีบก้าวเข้ามานั่งในที่นั่งคนขับพร้อมกับสตาร์ตรถ
“พร้อมหรือยัง..พี่จะพาไปบ้านพี่แล้วนะ”
พี่เนยหันถามพลางมามองหน้าฉัน
ฉันไม่ตอบเพราะว่าตอนนี้ในหัวฉันกำลังมึนงงเรื่องรถอยู่
ในใจก็เริ่มสับสนทั้งคิดว่านี่รถใคร
แล้วพี่เนยกล้าขับรถแพงๆอย่างนี้ทั้งๆที่อายุก็ยังไม่ถึงที่จะทำใบขับขี่รถยนต์อีก
ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมาจะทำยังไง
ตอนนี้ความคิดในหัวของฉันกำลังตีกันสับสนไปหมดจนแทบจะไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าพี่เนยออกรถไปแล้ว
รถเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ
แต่มันก็ไม่ได้ไกลไปจากตำแหน่งที่เราอยู่ตอนแรกเท่าไหร่เลย
ฉันมองออกไปที่กระจกรถ
...ตอนนี้รถกำลังชะลออยู่หน้าสถานที่ๆหนึ่ง
ที่ๆฉันผ่านทุกๆวัน
ซึ่งไม่ได้ไกลจากบ้านฉันเลย
สถานที่ที่ฉันเคยแอบมองในความอลังการของมันตลอด
ทั้งเคยฝันว่าสักวันฉันจะต้องมีบ้านอย่างนี้ให้ได้
ใช่..ที่นี่คือบ้านหลังใหญ่ๆที่อยู่ตรงหน้าปากซอยฉันนั่นเอง
..คุณพระ....นี่หล่อนเป็นใครกันนี่..