วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2559


  Lovely Mafia Girl


ลูกสาวเจ้าพ่อ ขอเป็นแฟนหนู
Chapter 4
"เสน่หา"
แต่เมื่อคิดถึงหลักมนุษยธรรมแล้ว ฉันก็ได้แต่ถอนใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์ที่โทรมาเมื่อกี้อีกครั้ง
เสียงดีใจของปลายสายดังมา
กี้ จะให้พี่ไปนอนด้วยแล้วใช่มั้ย”
เปล่า..แค่จะถามว่าอยู่ไหน เมื่อกี้ทำไมไม่เห็น”
กี้เป็นห่วงพี่เหรอ พี่ก็อยู่แถวๆนี้ล่ะ พอดีพี่มายืนหลบอยู่มุมเสาหน้าบ้านกี้น่ะ มันมีผู้ชายขับรถมอเตอร์ไซค์ผ่านมามองพี่สองสามรอบแล้ว พี่กลัว..พี่เลยหาที่ซ่อน”
จริงเหรอ..” ฉันเริ่มเป็นห่วงพี่เนย ใจคอเริ่มไม่ดี
อืม ไม่รู้ว่าเค้าจะวนรถกลับมาอีกตอนไหน พี่กลัวจังเลย อีกหน่อยมันคงจะเห็นพี่แล้ว”
ฉันคิ้วขมวดคิดภาพตามแล้วก็นึกเป็นห่วงหล่อนขึ้นมาเสียไม่ได้
ฮึย..ถ้าอย่างนั้นเดินอ้อมมาหลังตึกเลย กี้จะลงไปเปิดหลังบ้านให้ ประตูเหล็กหน้าบ้านมันเสียงดังเวลาเปิดเด๋วพ่อแม่จะว่าเอา เข้าทางหลังแล้วกันมันเปิดง่าย รีบๆมาด้วยเดี๋ยวคนพวกนั้นกลับมาเจอ” ฉันรีบเร่งให้พี่เนยรีบมาหาฉันที่หลังบ้าน ตอนนี้ใจฉันก็เริ่มไม่ค่อยดีเสียแล้ว ทั้งเป็นห่วง ทั้งสงสาร

จึ๊ก..นี่ฉัน สงสาร เธออีกแล้วเหรอนี่

แต่คงไม่เป็นไรแล้วล่ะมั้ง ฟังจากน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าสำนึกผิดแล้วคงไม่กล้าทำเรื่องแย่ๆกับฉันอีกหรอก
ฉันทั้งคิดทั้งกังวลในขณะที่ค่อยๆเดินลงไปเปิดหลังบ้านให้พี่เนยเข้ามา
ทันทีที่เปิดประตูหลังบ้าน พี่เนยก็พุ่งพรวดเข้ามากอดฉัน
“..อะไรนี่..พี่เนย”ฉันร้องเบาๆทันทีที่พี่เนยถูกเนื้อต้องตัวฉัน
ก็พี่กลัวไง กลัวว่าจะไม่ได้เจอกี้อีกแล้ว”พี่เนยทำเสียงสำอิดสำออยประหนึ่งคนกำลังจะร้องไห้
เวอร์แล้ว แล้วก็ไม่ต้องทำเสียงดังด้วยเดี๋ยวพ่อกับแม่ได้ยิน” ฉันทำเสียงกระซิบกระซาบเสียงเบาๆเอ็ดพี่เนย แล้วดันพี่เนยออกจากตัวไม่ให้เธอกอดฉันค้างไว้
ตามกี้มา” ฉันปิดประตูล๊อคกลอนแล้วเรียกเธอให้เดินตามมา
มองไม่เห็นอะ” พี่เนยพูดพร้อมๆกับยื่นมือมาจับมือฉันไว้ “จูงมือพี่ไปได้มั้ย”
ฉันคิ้วขมวดหันมามองพี่เนย รู้สึกว่าเธอคนนี้จะ“เยอะ”เสียจริง มีลูกอ้อนแพรวพราวเยอะเสียจนผู้หญิงด้วยกันยังคิดไม่ถึง
ก็ได้..แต่อย่าหลงดีใจไปล่ะ กี้แค่กลัวพี่มองไม่ถนัดแล้วจะหัวคมำล้มลงไปเฉยๆอย่าหลงตัวเองเชียว..เงียบๆด้วยนะห้ามส่งเสียงดัง” ฉันยังย้ำคำพูดเดิม
ในความมืด พี่เนยค่อยเดินตามฉันที่เดินจูงมือเจ้าหล่อนผ่านบ้านชั้นแรกและขึ้นบันไดไปเรื่อยๆจนไปถึงชั้นที่สามที่เป็นชั้นที่ฉันนอนอยู่
ฉันค่อยๆเดินผ่านห้องต่างๆมาด้วยความเงียบจนมาถึงห้องของตัวเอง
แว็บแรกที่เปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วแสงไฟของห้องนอนที่ฉันเปิดไว้ ส่องสว่างออกมากระทบร่างของพี่เนยฉันก็เห็นว่าเธอใส่ชุด กางเกงผ้ามันสีดำขาสั้น ซึ่งมันสั้นจริงๆ เพราะมันโชว์ตั้งแต่เนินขาอ่อนเรียวๆขาวๆของเธอลงไปจนเกือบจะเห็นเหมือนกับว่าเธอไม่ได้ใส่อะไรถ้ามองผ่านๆจากเสื้อคลุมสีดำด้านนอกที่เธอใส่ไว้แล้วชายเสื้อยาวลงมาเสมอชายกางเกงเธอ แถมเสื้อด้านในที่เธอใส่ก็เป็นเสื้อคอกว้างสีดำที่เปิดเว้าโชว์ให้เห็นถึงเนินหน้าอกสาวแรกรุ่นอีก
นี่เธอแต่งตัวโป๊อย่างนี้ ออกจากบ้านมากลางค่ำกลางคืนอย่างนี้นี่นะ แล้วยังอุตสาห์เดินมาตั้งไกลโดยที่ไม่เป็นอะไรอีก
...เหลือเชื่อเลย..
ฉันยืนอึ้ง ตำหนิการแต่งตัวของพี่เนยในใจอยู่นาน จนพี่เนยเดินเข้ามาจับแขนฉัน
ขอบใจกี้นะ ที่เป็นห่วงพี่ กี้หายโกรธให้พี่แล้วใช่มั้ย”
ฉันตั้งสติได้รีบล็อคประตูห้องแล้วจับแขนพี่เนยออกจากแขนตัวเอง
ตาก็จ้องไปที่พี่เนยไม่วางตา
ยัง..กี้แค่ไม่อยากเห็นผู้หญิงด้วยกันโดนใครทำอะไรอย่างกี้เท่านั้น”
พี่เนยทำหน้าสลดทันที เธอเดินเข้ามาเกือบจะชิดฉันจนฉันต้องถอยออก
นี่บอกให้อยู่ห่างๆกี้ไง จะนอนตรงไหนข้างบนหรือข้างล่างกี้จะได้จัดที่นอนให้”
นอนกับกี้เลยไม่ได้เหรอ”
ฉันตาขวางจ้องหน้าพี่เนยทันที “นี่หยุดพูดเข้าประเด็นอย่างนั้นเลยนะ อุตสาห์ให้เข้ามาแล้ว”
ก็ได้ๆ นอนข้างล่างก็ได้” พี่เนยทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะนั่งลงกับพื้นห้องรอให้ฉันปูที่นอนให้หล่อนนอน
เมื่อปูที่นอนเสร็จพี่เนยก็ทำท่าซังกะตายค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามานอนในที่นอนข้างล่างที่ฉันปูให้
หล่อนมองหน้าฉันด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ ทำเหมือนจะไม่เห็นหน้าตลอดชีวิตอย่างนั้น
ฉันแสร้งทำเป็นไม่มองหน้าหล่อน เดินไปปิดไฟแล้วรีบกลับมานอนบนเตียง

เมื่อความมืดปกคลุมห้อง มีเพียงสว่างจากดวงจันทร์ที่ลอดเข้ามาทางผ้าม่านที่เอาไว้บังกระจกระเบียง มันสั่นเป็นเงาไหวๆไปตามแรงลมจากพัดลมที่ส่ายไปมาภายในห้อง ตอนนี้ถ้าไม่มีเสียงพัดลม ในห้องคงเงียบน่าดู
ให้ตายเถอะ ตอนนี้กลายเป็นว่าฉันยิ่งนอนไม่หลับเข้าไปใหญ่ยิ่งได้เห็นเงาไหวๆของผ้าม่านแล้วมันยิ่งคิดมาก
แม้คนที่นอนอยู่ข้างๆฉันข้างล่างนี้จะเงียบไม่มีเสียงใดๆริดรอดออกมาก็ตาม
แต่ความเงียบอย่างนี้ยิ่งทำให้ฉันกลัวจนคิดมากและนอนไม่หลับจนต้องเอาผ้าห่มมาคลุมตัวเองทั้งตัวไว้
..เค้าคงไม่ทำอะไรเราหรอก..คิดมาก..เห็นมั้ยเค้าหลับแล้ว.. ฉันพยายามบอกกับตัวเองที่อยู่ภายใต้ผ้าห่ม
ในใจพยายามไม่คิดถึงเรื่องอย่างว่า แล้วก็ข่มตาตัวเองให้หลับให้ได้
ซึ่งมันก็ดูจะได้ผลดี เพราะฉันก็กำลังจะหลับแล้วถ้าไม่ติดว่ารู้สึกเหมือนเตียงของฉันกำลังยุบลงตามแรงอะไรสักอย่าง
ฉันตกใจเปิดรีบเปิดผ้าห่มมาดู
ตอนนี้มีร่างๆหนึ่งกำลังนั่งทับฉันอยู่
พี่เนย..” เสียงฉันกำลังจะร้องออกไปแต่ก็โดนเธอเอามือมาป้องปากฉันไว้ก่อน
อย่าร้องสิ เด๋วพ่อแม่กี้ได้ยินหรอก”

...ห๊า นี่เธอยังมีหน้ามาสั่งไม่ให้ฉันร้องเพราะกลัวพ่อแม่ฉันจะได้ยินอีกเหรอ..

ฉันพยายามดันพี่เนยที่กำลังโน้มตัวลงมากอดฉันออก ตอนนี้มือพี่เนยหลุดออกจากปากฉันแล้ว
ฉันลุกขึ้นดันพี่เนยออก “ทำอะไรเนี่ยบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่า ไม่งั้นกี้ร้องจริงๆนะ”
กี้จะร้องทำไมอะ ถ้าพ่อแม่กี้รู้พี่จะทำยังไง” พี่เนยลุกขึ้นตามฉันแล้วจับแขนฉันไว้ทั้งสองข้างดึงเข้ามากอด
ก็ให้พ่อแม่แจ้งตำรวจจับเลยไง” ฉันพูดขู่พี่เนยอีกพลางผลักพี่เนยออก “กี้ไม่น่าให้พี่เนยเข้ามาเลย อุตสาห์คิดว่าจะกลับตัวได้”
นี่กี้จะแจ้งตำรวจจับพี่อย่างนั้นเหรอ กี้อยากเห็นพี่ไม่มีอนาคตอย่างนั้นเหรอ ทำไมใจร้ายอย่างนั้น”
หล่อนทำเสียงเหมือนเสียใจกับคำพูดที่ฉันพูดขู่เธอออกไปอีกแล้ว
..เอ๊ะ..นี่หล่อนทำตัวน่าสงสารประจำเลยนะ..
ก็พี่เนยมาทำอย่างนี้ก่อนทำไม”
ก็พี่คิดถึงกี้นี่ วันนี้ทั้งวันพี่เฝ้าแต่คิดถึงภาพที่เราสองคนอยู่ในรถด้วยกัน กี้ไม่คิดถึงพี่เลยเหรอทำไมกี้ใจแข็งจัง”
ฉันไม่ตอบเอาแต่จ้องเขม็งไปที่พี่เนย “ปล่อยกี้นะ”
ไม่” พี่เนยพูดประโยคสั้นๆง่ายๆก่อนจะก้มลงพรมจูบไปทั่วใบหน้าของฉัน ฉันต้องคอยก้มหน้าหนี แต่ก็ไม่วายโดนดึงเข้ามาใกล้ๆอยู่ดี
แม้ว่าฉันจะพูดขู่พี่เนยเรื่องพ่อแม่ แต่ความเป็นจริงแล้วฉันกลับกลัวว่าพ่อแม่จะว่าฉันว่าทำไมปล่อยให้เธอคนนี้เข้ามาในห้องของตัวเองและทำอย่างนี้กับตัวเองได้ ฉันเลยไม่กล้าแม้จะร้องเสียงดังต้องปล่อยเลยตามเลย ทำได้แค่พยายามดันร่างกายคนที่อยู่ต่อหน้าออกไป
แต่ตอนนี้ไม่ว่าฉันจะผลักดันหรือสบัดตัวหลบยังไงก็โดนเธอดึงเข้าไปหาได้ตลอด มือข้างหนึ่งเธอกอดรัดฉันไว้อีกข้างเธอก็จัดการปลดกระดุมเสื้อชุดนอนของฉันออก
พี่เนย อย่าทำอย่างนี้..” ฉันพยายามจับเสื้อตัวเองไว้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยหยุดให้เสื้อผ้ายังอยู่กับตัวเองได้เลย
ตอนนี้พี่เนยจับเสื้อของฉันโยนไปกองที่ปลายเตียงเสียแล้ว กลายเป็นว่าตอนนี้ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าเนื่องจากฉันไม่ได้ใส่เสื้อชั้นในในเวลาที่ฉันนอน
เมื่อจัดการกับท่อนบนของฉันได้เธอก็หันมาจัดการกับท่อนล่างต่อ ซึ่งมันก็ดูจะง่ายดายเพราะว่ามันเป็นแค่กางเกงชุดนอนผ้ายืดใช้แค่มือเดียวก็สามารถดึงออกได้อย่างสบาย
ซึ่งเธอก็ดึงทั้งกางกางชั้นนอกและชั้นในของฉันออกไปได้พร้อมๆกันอีก
แย่แล้ว ตอนนี้ร่างกายของฉันเปลือยเปล่าไม่มีแม้แต่อะไรที่จะปกปิดช่วยฉันไว้ได้เลย
พอเธอจัดการกับเสื้อผ้าของฉันเสร็จ พี่เนยก็ดันร่างฉันลงไปนอนกับเตียงก่อนที่เธอจะโถมตัวเธอลงมากอดฉันไว้ ตอนนี้ใบหน้าของเธอซุกไซ้ไปมาแถวๆลำคอของฉัน ฉันได้กลิ่นหอมๆของน้ำหอมของเธอลอยมาเตะจมูกฉันเป็นระยะๆ
แม้จะอยู่ในความมืด แต่ฉันก็ยังอายที่เนื้อตัวของฉันเปลือยเปล่าและโดนสัมผัสไปมา ทั้งกอดทั้งหอมอยู่อย่างนี้
ริมฝีปากของพี่เนยค่อยๆเคลื่อนมาอย่างละมุนละม่อมที่ใบหน้าของฉัน เธอค่อยๆประกบริมฝีปากลงไปที่ริมฝีปากของฉันอย่างนุ่มนวล จนฉันเผลอเผยอปากเชิญชวนปลายลิ้นของเธอเข้ามาข้างในเสียแล้ว
เสียงครางเบาๆของฉันดังออกไป ตอนที่พี่เนยตวัดปลายลิ้นไปมาในปาก
แม้ตอนแรกฉันจะพยายามต่อต้านและผลักใสพี่เนย
แต่น่าแปลกที่ตอนนี้ฉันกลับเผลอยอมรับทุกสิ่งที่อย่างที่พี่เนยมอบให้
คงจะเป็นเพราะสัมผัสที่นุ่มนวลกว่าครั้งนั้นหรือเปล่า ที่ทำให้ฉันหลงเคลิบเคลิ้มไปกับทุกท่วงท่าทุกอิริยาบทที่พี่เนยกำลังหว่านล้อมให้ฉันรู้สึกอยากทำอย่างนี้กับเธอ
ดูเธอจะพยายามให้มันค่อยเป็นค่อยไป ดูมันอ่อนละมุน เหมือนสัมผัสจากคนที่รัก คิดถึงและโหยหาเหมือนดั่งคำที่เธอคนนี้พูดออกมาอยู่เสมอ
ไม่เหมือนครั้งก่อนนี้ที่ดูฉาบฉวยและร้อนแรง ไร้ซึ่งความรู้สึกที่จะบ่งบอกถึงคำว่า “รัก”ที่คนต่อหน้าตอนนั้นบอกมาได้เลย
แม้ใจฉันกำลังล่องลอย แต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็ปรากฏกายออกมาทุกระยะ
มันคอยเตือนฉันว่า ไม่ควรทำอย่างนี้
พี่เนยหยุดเถอะ..พอได้แล้ว..จะทำอย่างนี้ทำไมนี่” ฉันทั้งพูดทั้งพยายามดันพี่เนยออก
ก็พี่รักกี้นี่นา กี้เห็นใจพี่เถอะนะ พี่ยอมให้กี้ได้ทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ ยกเว้นเรื่องนี้”
ว่าแล้วเธอก็ยิ่งก้มลงจูบพรมทั่วร่างกายของฉันต่อ ตอนนี้กลายเป็นว่าร่างกายของฉันอ่อนระทวยไปหมด
แล้วกี้จะรู้ว่าพี่รักกี้มากแค่ไหน พี่ยอมให้กี้ได้ทุกๆอย่างจริงๆ” เสียงพี่เนยพูดพร่ำคำว่ารักของเธอต่อไป ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นนั่งอยู่ข้างๆฉันแล้วจัดการถอดเสื้อผ้าของเธอออกหมด

ในความมืด แสงของดวงจันทร์สาดส่องเรือนร่างของหญิงสาวต่อหน้าผู้มีร่างบางงามระหง ฉันได้แต่ตะลึงนอนมองดูเค้าโครงของทรวดทรงเธอที่โดนแสงจันทร์สาดส่องกระทบอยู่
รูปร่างที่อ่อนช้อยเป็นเส้นโค้งเว้าคอด จากหน้าอกกลมกลึงโค้งมนลงมาถึงเอวของเธอ นี่มันไม่ใช่รูปร่างของเด็กมัธยมทั่วไปควรจะเป็นเลย แค่มองผ่านแสงจันทร์ฉันก็รู้แล้วว่าเธองดงามขนาดไหน

...แล้วนี่ทำไมฉันจะต้องตะลึง ใจเต้นตึกๆตั๊กๆเพราะเห็นเงาวับๆแวบๆของผู้หญิงด้วยกันด้วย.. ฉันทั้งคิดทั้งงง

ตอนนี้ความรู้สึกเบลอๆมึนๆกำลังทำให้ฉันเคลิ้มกับภาพที่อยู่ตรงหน้าเสียแล้ว
พี่เนยโน้มร่างเปลือยเปล่าของเธอลงมาหาฉัน แล้วก็มอบจุมพิตให้ฉันอีกรอบนึง
แต่ครั้งนี้ฉันได้รับสัมผัสของผิวกายที่นุ่มนวล ความโค้งเว้าของเรือนร่างที่กำลังเคลื่อนผ่านร่างกายเปลือยเปล่าด้านบนของฉันไปมา ซึ่งฉันก็บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ถ้าฉันพูดโดยไม่ได้ฝืนใจออกไป นี่คงเป็นความรู้สึกที่ดีมากจนฉันไม่อยากให้เจ้าของร่างข้างบนนี้เคลื่อนที่ออกจากร่างกายฉันไปไหนไกลเลย

...ฉันชอบสัมผัสแบบนี้จัง...

มันเป็นความรู้สึกดีแบบประหลาดๆ บอกไม่ถูกว่าทำไม กลายเป็นว่าตอนนี้ฉันเผลอยื่นวงแขนไปโอบกอดพี่เนยไว้เสียแล้ว
พี่เนยคงรู้ว่าฉันเริ่มอ่อนแอสิ้นฤทธิ์ที่จะต่อต้านเธอ มือของเธอจึงเริ่มเคลื่อนที่ไปมาบนลำตัวของฉันก่อนจะมาหยุดลงที่มือของฉัน
เธอผละออกจากริมฝีปากของฉันแล้วลุกขึ้นนั่งบนร่างของฉันต่อ ตอนนี้เธอโน้มตัวลงมาจับมือฉันให้ไปจับที่หน้าอกของเธอ
ร่างกายพี่เป็นของกี้เหมือนๆกันนะ กี้อยากสัมผัสอยากกอดยังไงก็ได้ พี่ยอมให้กี้”

...ฉันอึ้ง เป็นครั้งแรกที่ฉันจับหน้าอกผู้หญิงด้วยกัน

..มันรู้สึก...ดียังไงไม่รู้..แม้จะอาย..แต่ฉันก็มีความรู้สึกว่าฉันชอบ แล้วตอนนี้มือฉันก็เผลอออกแรงบีบหน้าอกพี่เนย มืออีกข้างก็เผลอลูบไล้ไปที่แผ่นหลังเนียนๆนุ่มๆเรื่อยลงไปจนถึงบั้นเอวงามโค้งคอดของพี่เนยเข้าให้แล้ว
กี้เป็นคนแรก และจะเป็นคนเดียวที่พี่จะยอมให้ รู้ตัวมั้ยว่ากี้สำคัญขนาดไหน ไม่นานหรอกนะกี้จะได้รู้ว่าอะไรคือความพิเศษสำหรับพี่”
ฉันยังคงอึ้งค้างความรู้สึกตอนนี้เหมือนมันยังงงๆเบลอๆ มันเป็นความรู้สึกดีแบบประหลาด ซึ่งฉันก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันควบคุมร่างกายของฉันไม่ได้แล้ว
สติฉันหลุดลอยไปกับสัมผัสเนียนนุ่มต่างๆที่พี่เนยกำลังร่ายมนต์เชิญชวนให้ฉันอยากเข้าไปจับต้องทุกส่วนสัดอย่างที่เธอพูดมาเมื่อกี้

กลายเป็นว่าตอนนี้ฉันลุกขึ้นมากอดร่างเปลือยเปล่าของพี่เนยแล้วผลัดกันประพรมจูบไปทั่วร่างของอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร่างกายหอมๆผิวกายนุ่มๆเนียนๆ มันทำให้ฉันเตลิดหลงปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในตัวเองออกมาเสียแล้วตอนนี้...

..ฉันเป็นบ้าไปแล้ว...

แล้วหลังจากนั้นฉันก็ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามใจปรารถนา เป็นไปตามคำเชิญชวนของพี่เนย
ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในห้อง ท่ามกลางอากาศหนาวๆที่เริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อเวลาในยามค่ำคืนเริ่มเคลื่อนผ่านไป
แต่เราสองคนไม่มีทีท่าว่าจะหนาว เพราะต่างฝ่ายต่างได้รับสัมผัสที่อบอุ่นของผิวกายของกันและกัน
ฉันชอบความรู้สึกแบบนี้จัง แม้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจะคอยห้ามปรามฉันแต่ฉันก็อ่อนแอเกินที่จะรับฟังมันได้
เกมส์สวาทของเราดำเนินผ่านไปเรื่อยๆจนกระทั่ง...

“...พี่เนย..กี้ว่าหยุดเถอะ..”
หือ..ทำไมล่ะ..”
“..พี่เนยไม่เหนื่อยเลยเหรอ นี่มันตี4จะตี5แล้วนะ...เมื่อวานก็เท่ากับไม่ได้นอนอยู่แล้ว แล้วไหนยังจะเหนื่อยที่เดินขบวนด้วยอีก”
ไม่เป็นไรพี่ยังไหว..” พีเนยทำเสียงอ้อนๆแล้วก้มลงพลางระดมจูบไปทั่วร่างเช่นเคย
โอ้ย..แต่กี้เหนื่อยแล้ว ไม่ไหวแล้ว” ฉันพยายามดันพี่เนยออก
นอนกันเถอะนะ กี้ไม่ไหวจริงๆ” เสียงฉันงัวเงียด้วยความง่วงและความเหนื่อย
พี่เนยยิ้ม เธอยื่นมือมาลูบที่หัวฉันเบาๆ
ได้สิ ถ้างั้นนอนก็ได้”
ฉันดีใจ รีบลุกขึ้นหาเสื้อผ้าชุดนอนของตัวเองที่โดนพี่เนยโยนทิ้งไปขึ้นมาใส่
ทำอะไรน่ะ” พี่เนยรีบลุกขึ้นกอดฉันไว้
ก็ใส่เสื้อผ้าไง”
ไม่เอา นอนอย่างนี้ล่ะ จะได้กอดกันอุ่นทั้งคืนไง”
ไม่เอาหรอก..เด๋วพี่เนยก็กวนกี้ไม่ได้หลับไม่ได้นอนอีก” ฉันคิ้วขมวดรีบผลักพี่เนยออกจากตัว
ไม่กวนแล้ว สัญญา ถ้ากี้เหนื่อยพี่ก็จะไม่กวน” พี่เนยพูดไปหอมไป ก่อนที่จะค่อยๆพยุงตัวฉันให้มานอนที่หมอนของตัวเองโดยมีพี่เนยดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มคลุมร่างเปลือยเปล่าของฉันไว้แล้วขยับร่างของเธอเข้ามานอนกอดให้ไออุ่นฉันอยู่ข้างๆจนกระทั่งหลับไปในที่สุด
..ฮือ..ความง่วงและความเหนื่อยดึงฉันเข้าสู่ห้วงความฝัน ซึ่งมันยาวนานเท่าไหร่ไม่รู้เลย

รู้แต่ว่าในความฝัน ฉันฝันเห็นงูสีขาวนวลตัวใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่งกำลังเรื้อยเข้ามาหาฉัน ความรู้สึกในฝันตอนนั้นฉันรู้สึกกลัวงูตัวนี้เหลือเกินจนฉันยืนอึ้งตะลึงทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าแม้กระทั่งขยับขาเดินหนีไปไหน เจ้างูตัวนั้นค่อยๆเรื้อยขึ้นจากขาของฉัน มันค่อยๆพันจากขาของฉันขึ้นมาตามลำตัวจนกระทั่งถึงหน้าอกของฉัน
ตอนนี้มันหยุดจ้องอยู่ที่หน้าอก ฉันทำอะไรไม่ได้เพราะตัวถูกรัดไว้ งูตัวนั้นค่อยๆยื่นหน้าเข้ามาที่หน้าอกของฉันแล้วมันก็ยื่นปลายลิ้นแฉกๆของมันมาเลียที่หน้าอกของฉันต่อ ความรู้สึกวูบๆวาบๆในฝันตอนนี้เหมือนจริงมากจนฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ

แล้วก็ตกใจเข้าไปใหญ่เมื่อพบว่า....

ที่หน้าอกของฉันตอนนี้..มีพี่เนยกำลังก้มลงดูดสลับไปมาอยู่
“..โอ้ย อะไรกันนี่พี่เนย” ฉันสะดุ้งร้องออกมาด้วยเสียงงัวเงีย
“Morning Kissไง ตื่นได้แล้วที่รัก” พี่เนยยกตัวขึ้นมาจูบที่ปากของฉันต่อ
มอนิ่งคิสบ้าบออะไร แล้วมาปลุกกี้อะไรอย่างนี้เล่า...โอ้ย..” ฉันพยายามผลักพี่เนยที่กำลังก้มลงหอมตรงนั้นตรงนี้ของร่างกายฉันไปทั่ว สร้างความสะท้านหวั่นไหวให้กับฉันทั้งๆที่ฉันยังไม่ทันได้ตื่นดีเลย
พี่เนย โอ้ยพอก่อน..” แต่ยิ่งฉันพูดเหมือนยิ่งยุ ร่างนุ่มๆเนียนๆกำลังเคลื่อนผ่านร่างกายฉันไปมาช้าๆ ทั้งมือเธอที่คอยจับนั่นลูบนี่ไปมาอีก...
โธ่ เอ้ยหมดกันการพักผ่อนไม่กี่ชั่วโมงของฉัน มันโดนทำลายด้วยการยั่วยวนของหญิงสาวผู้มีจริตจะกร้านแพรวพราวคนนี้เสียแล้ว ยิ่งนึกยิ่งโมโห...
...ปัดโธ่เว้ย...
ฉันสติแตกไปเสียแล้วตอนนี้

ตึง!!!

“!!??นี่!!?? คิดว่าทำเป็นอยู่คนเดียวหรือไง !!! พี่เนย” สิ้นเสียงตะคอกของฉัน ฉันก็ลุกขึ้นดันพี่เนยลงมานอนบนที่นอนแทนที่ฉันโดยมีฉันลุกขึ้นมานั่งคร่อมเธอไว้
พี่เนยตาโต อ้าปากค้าง มือของเธอโดนฉันตรึงไว้กับเตียง ฉันจ้องเขม็งไปที่หน้าเหวอๆของพี่เนยก่อนที่จะก้มลงไปมอบจุมพิตที่แสนจะเร่าร้อนบนริมฝีปากแดงๆงามๆของพี่เนยที่เพยอออกเชิญชวนปลายลิ้นของฉันให้เข้าไปสัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างในนั้น
พี่เนยหลับตาพริ้ม เสียงครางเบาๆของเธอเล็ดลอดออกมาตามช่องว่างของริมฝีปากที่เราสลับกันจุมพิตกันไปมา ฉันปล่อยแขนพี่เนยออกมาจับที่หน้าอกที่อวบอิ่มคู่นั้นแล้วบีบคั้นสลับไปมาจากเบาเป็นแรงขึ้น หน้าอกพี่เนยนั้นกลมกลึงเต่งตรึงให้ความรู้สึกเหมือนหน้าอกของหญิงสาวที่โตเต็มตัว มองผ่านๆเวลาที่เธอใส่ชุดนักเรียนหรือชุดธรรมดาของเธอนั้นอาจจะดูเหมือนคนผอมบาง แต่เอาเข้าจริงๆแล้วพี่เนยกลับซ่อนรูปเอาไว้ แค่ทรวดทรงองเอวของพี่เนยตอนที่ฉันมองผ่านแสงจันทร์เมื่อคืนนี้แม้จะเป็นแค่เงาลางๆแต่ก็ทำให้ฉันใจเต้นตึกๆตักๆหลงเคลิบเคลิ้มจนกระทั่งเผลอใผลปล่อยตัวปล่อยใจให้มีอารมณ์อยากสัมผัสเรือนร่างของพี่เนยจนได้
นี่ถ้าผู้ชายเห็นพี่เนยตอนเปลือยเปล่าตอนนี้ พี่เนยคงไม่มีโอกาสได้นอนหลับพักผ่อนอย่างมีความสุขเหมือนกันกับฉันตอนนี้แน่ๆ
อืม... จะว่าไปแล้วฉันก็มองเห็นรูปร่างของพี่เนยยังไม่ชัดเท่าไหร่เลยนี่นา ก็แค่เค้าโครงเรือนร่างภายใต้แสงจันทร์เมื่อคืนเท่านั้น
คงจะดีไม่น้อยถ้าฉันได้มองคนที่เอาแต่จ้องสัดส่วนของฉันภายในรถคันนั้นอยู่ฝ่ายเดียวคืนบ้าง
คิดได้ดังนั้นฉันก็ละริมฝีปากและเงยหน้าขึ้นมามองรูปร่างเปลือยเปล่าของพี่เนยที่นอนอยู่บนเตียงตอนนี้
พี่เนยตกใจ เธอทำหน้างงเล็กๆตอนที่ฉันหยุดจูบเธอแล้วลุกขึ้นมานั่งมองเธอแทน

...ตึ๊ก...ตึ๊ก...ตึ๊ก...ตึ๊ก...

โอ..ตายแล้วฉัน..แค่ฉันมองเห็นร่างขาวๆเนียนๆที่แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามากระทบกับผิวกายของหล่อน ใจของฉันก็เต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ
ทรวดทรงองเอว เส้นเว้าคอดทุกอย่างที่ฉันเห็นเมื่อคืนมันไม่ได้หลอกตาหลอกความรู้สึกฉันเลย
..ทำไมร่างกายผู้หญิงถึงได้สวยงามขนาดนี้นะ..
..หรือความรู้สึกสวยงามอย่างนี้มันเป็นเฉพาะแค่ร่างกายของพี่เนยคนเดียวเท่านั้น...
ยิ่งมอง ยิ่งคิด ความรู้สึกของฉันก็ยิ่งเตลิด จากที่ต้องการแค่อยากจะเอาคืนคนที่เฝ้าแต่กวนฉันไม่ให้ฉันหลับนอนอย่างมีความสุข กลายเป็นว่าตอนนี้ ...
..ฉันดันมีอารมณ์จริงๆเสียแล้ว..
อึ๊ก..ฉันกลืนน้ำลายตัวเองลงไป ก่อนจะยื่นมือลงไปค่อยๆลูบตั้งแต่หน้าอกพี่เนยเรื่อยๆลงมาจนถึงเนินเนื้อนั้นของพี่เนย แล้วเลื่อนตัวลงมาจูบเบาๆที่เนินนั้น
ดะ เดี๋ยว ..กี้..จะทำอะไรอ่ะ” เสียงพี่เนยร้องขึ้นตอนที่เห็นฉันก้มลงไปจุมพิตเนินเนื้อนั้น
ก็ทำอย่างที่พี่เนยทำกับกี้ไง”
กี้ทำเป็นเหรอ”
เป็นสิ ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย กี้จำที่พี่เนยทำได้”
ห๊า..แต่.แต่” ยังไม่ทันที่พี่เนยจะพูดจบ ฉันก็จับขาทั้งสองข้างของพี่เนยเคลื่อนแยกออกจากกัน ตอนนี้ฉันมองเห็นสวนดอกไม้แสนหอมที่พี่เนยแสนห่วงหวงได้อย่างชัดเจน
พี่เนยหน้าแดงกร่ำที่โดนฉันจ้องมองตรงนั้นของเธอคืนบ้าง สองมือของเธอพยายามยื่นลงมาบังตรงนั้นไว้
แต่ก็โดนฉันจับออก
ห้ามเอามาบังกี้เลย..ทีใครทีมันสิ..ไหนว่ายอมให้กี้ไง”
ก็ยอมอยู่..แต่ว่า..คือ..พี่ยังไม่เคย..อย่างนี้..มันยังอายๆอยู่..เข้าใจใพี่อยู่ใช่มั้ย..”เสียงพี่เนยพูดตะกุกตะกัก
ก็แสดงว่ากี้เป็นคนแรกของพี่ใช่มั้ย” ฉันเงยหน้าขึ้นไปถามพี่เนยที่อายหน้าแดงนอนมองฉันอยู่ตอนนี้
“.ใช่..” ฉันยิ้มออกทันทีที่ได้ยินเสียงพี่เนยสารภาพ แม้เมื่อคืนจะได้ยินเสียงที่หล่อนบอกว่าฉันคือคนแรกของเธอ แต่ฉันก็คิดแค่ว่าเธอคงพยายามหว่านล้อมให้ฉันยอมทำอย่างนั้นกับเธอเฉยๆ เป็นไปไม่ได้หรอกที่คนที่ทำเรื่องอย่างว่าแบบนั้นอย่างชำนาญการอย่างเธอจะไม่เคยผ่านใครมาก่อน
ซึ่งถึงแม้จะได้ยินเธอพูดตอนนี้ ฉันก็ยังแอบไม่เชื่อเธอเหมือนเดิมอยู่ดี
แต่ก็ช่างเถอะตอนนี้ฉันไม่สนใจพระอิฐพระปูนที่ไหนแล้ว แค่ฉันจ้องเจ้าเนินเนื้อที่อยู่ต่อหน้าฉันตอนนี้สติฉันก็กระเจิดกระเจิงหลุดลอยไปจนฉุดไม่อยู่แล้ว
ฉันอาศัยความจำในรสสวาทที่พี่เนยปรนเปรอให้ฉันทั้งตอนที่อยู่ในรถหรือแม้กระทั่งเมื่อคืนนี้ทั้งคืน แต่นั่นก็เป็นเพียงนิดหน่อยเพราะฉันรู้สึกว่าความรู้สึกอยากทำของฉันมันสั่งให้ฉันทำอย่างนี้ อย่างนั้นกับทุกส่วนสัดของพี่เนยที่ฉันอยากทำเองมากกว่า
ฉันทำทุกอย่างแม้กระทั่งใช้ลิ้นและนิ้วเข้าไปในส่วนที่ผู้หญิงทุกคนแสนหวง หวงเพื่อเก็บเอาไว้เพื่อที่จะได้รู้ว่าตัวเองยังบริสุทธิ์ ใช่แล้วตอนนี้พรหมจรรย์ของพี่เนยนั้นตอนนี้โดยฉันบดขยี้ไปเรียบร้อยแล้ว
ฉันแอบเห็นพี่เนยร้องเสียงหลงตอนที่ฉันใช้นิ้วกับจุดนั้นของเธอ เหมือนเธอจะบอกว่าเธอเจ็บ แต่นั้นก็เหมือนกันกับฉันที่โดนเธอทำจนฉันเจ็บแถมยังมีเลือดออกเสียด้วย

..เอ๊ะ..แล้วพี่เนยจะมีเลือดออกมั้ยนะ

ฉันก้มลงมองที่จุดนั้นของพี่เนยมันมีเลือดออกมาแถมยังเยอะเสียด้วย
แย่แล้ว.. คงเพราะความหมั่นไส้พี่เนยที่โดนเธอกวนจนไม่ได้นอน ฉันจึงเผลอทำอย่างนั้นกับเธอรุนแรงเกินไป
ฉันรีบมองไปที่พี่เนยทันที
พี่เนยคิ้วขมวดหลับตาพริ้มตรงขอบตามีน้ำตาซึมไหลออกมาเป็นทางที่ตาทั้งสองข้าง เธอกัดริมฝีปากของเธอไว้ คงเป็นเพราะว่าเธอพยายามที่จะไม่แสดงอาการหรือร้องอะไรออกมาให้ฉันได้ยิน
..ทำไมแค่ฉันมองหน้าพี่เนยตอนนี้แล้วฉันรู้สึกว่าพี่เนยสวยและน่าทะนุถนอมเหลือเกินนะ ฉันอยากจะปกป้องเธอจากความเจ็บปวดที่เธอได้รับตอนนี้เสียจริง
คิดได้ดังนั้น ฉันก็เคลื่อนตัวขึ้นไปจูบพี่เนย โดยหวังว่าจุมพิตของฉันนั้นจะบรรเทาความเจ็บปวดเหล่านั้นของเธอไว้ได้ ซึ่งมันก็ได้ผล ตอนนี้พี่เนยลืมตามองฉันและสนองต่อจุมพิตของฉันเหมือนเธอโหยหามันมาแสนนาน ฉันได้ยินเสียงครางเบาๆของพี่เนยตลอดเวลาที่ฉันตวัดปลายลิ้นไปมาในปากพี่เนย แล้วแค่ฉันได้ยินเสียงครางนั้น ความรู้สึกกระหายที่จะมอบรสสวาทให้พี่เนยก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น มันทำให้ฉันยิ่งเร่งจังหวะที่ปลายนิ้วเพิ่มขึ้นอีก พี่เนยทั้งครางทั้งบิดตัวไปมา มือของเธอไขว่คว้าตัวฉันเข้ามากอดไว้
กี้..พี่รักกี้จริงๆนะ พี่ยอมให้กี้คนเดียวนะ” เสียงพี่เนยพร่ำบอกพร้อมๆกับเสียงหายใจระรัวของเธอ
ไม่นานร่างกายของพี่เนยก็เกร็ง พี่เนยใช้ปลายนิ้วจิกลงที่หลังของฉันก่อนที่เธอจะร้องบอกฉันเสียงหลง
“..พอแล้ว ..”ฉันค่อยๆเบาจังหวะปลายนิ้วลงพร้อมๆกับมอบจุมพิตเป็นรางวัลให้กับพี่เนยที่มอบความงดงามของร่างกายเธอนั้นมาให้ฉัน ฉันทิ้งตัวลงไปนอนข้างๆร่างกายเปลือยเปล่าของพี่เนยที่หลับตาพริ้มหายใจระรัวอยู่พักใหญ่ๆ
ฉันนอนหันหน้าไปกอดหญิงสาวคนที่อยู่ข้างๆ ความนุ่มเนียนของผิวกายหล่อนทำให้ฉันรู้สึกอยากจับอยากสัมผัสตัวหล่อนอยู่ตลอดเวลา กลิ่นหอมแถวๆซอกคอของเจ้าหล่อนเวลาที่ฉันนอนอยู่ด้านข้างเธออย่างนี้มันช่างดึงดูดให้ฉันอยากเข้าไปสูดหอมเธออีกเหลือเกิน..
ฉันชำเรืองตาดู พี่เนยยังคงนอนหลับตาพริ้มด้วยความเหนื่อยล้าอยู่ หล่อนดูไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยว่ากลิ่นกายหอมๆของเธอกำลังจะทำให้ฉันคุ้มคลั่งในอีกไม่กี่วินาทีนี้อีกแล้ว
มันเป็นความรู้สึกที่แปลก ฉันรู้สึกว่าฉันกำลังกลายเป็นคนบ้าไปแล้ว ฉันไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย ฉันไม่เคยมีความรู้สึกกระหายใคร่อยากได้ในตัวของใครเท่านี้ ก็เพราะฉันรู้ตัวว่าฉันยังเด็กอยู่ด้วยและคนที่ฉันอยากมีอะไรด้วยก็เป็นผู้หญิงด้วยกันเสียอีก...นี่ฉันควรจะบังคับใจตัวเองไว้ หรือจะปล่อยเลยตามเลยดีนะ
นี่หรือเปล่านะ ความรู้สีกของพี่เนยที่พยายามอธิบายว่า ..ห้ามใจตัวเองไม่ได้เลยเมื่ออยู่ใกล้ๆฉันแบบนี้..

พี่เนยลืมตาขึ้นแล้วหันมามองฉันที่กำลังจ้องมองพี่เนยด้วยความเสน่หาต่อร่างกายเธออยู่
กี้..” เสียงพี่เนยกำลังจะพูดอะไรสักอย่างต่อแต่ก็โดนฉันหยุดไว้ด้วยริมฝีปากที่เร่าร้อนและกระหายอยากดื่มกินหญิงสาวแสนสวยที่อยู่ต่อหน้านั้นอีกครั้งนึง
ซึ่งหลังจากนั้นฉันก็ปล่อยให้ความใคร่ของฉันดึงพี่เนยเข้าสู่เกมส์สวาทของฉันต่อไป ...
ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร..แต่..ฉันชอบสิ่งที่ฉันกำลังเป็นอยู่นี่จังเลย...
แม้ฉันไม่แน่ใจว่า..ฉันชอบหญิงสาวคนที่ฉันกำลังมีอะไรกับเค้าด้วยหรือเปล่าก็ตาม...

***************************************************
เสียงแตรจากรถยนต์ และเสียงจอแจของผู้คนที่เดินผ่านไปมาทางด้านล่างร้านของฉันดังผ่านขึ้นมา บ่งบอกให้เห็นว่าแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันอาทิตย์แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ตามสัญชาตญาณของมนุษย์ผู้ต้องดิ้นรนดำรงชีพ โดยเฉพาะโซนที่ร้านของฉันอยู่นั้นเป็นตลาดใจกลางเมือง ร้านค้าบางร้านก็เปิดตลอดตั้งแต่จันทร์-อาทิตย์ ร้านค้าหลายๆร้านปิดให้บริการในวันอาทิตย์เช่นเดียวกันกับร้านของฉัน เพราะความที่ร้านของเราเปิดตั้งแต่สองโมงเช้าจนถึงสามทุ่มทุกวันจันทร์-เสาร์ ทำให้เราไม่ค่อยได้มีเวลาพักผ่อนหรือแม้กระทั่งเวลาที่จะดูแลบ้าน ดูแลคนในครอบครัว หรือแม้กระทั่งดูแลตัวเอง ทำให้เราลงมติกันว่าเราควรมีวันหยุด1วันในอาทิตย์นึง ซึ่งพวกเราก็ลงความเห็นกันว่าน่าจะเป็นวันอาทิตย์นี่ละ เพราะปกติวันอาทิตย์ลูกค้าส่วนมากเลือกที่จะอยู่บ้านและทำอาหารกินกันกับครอบครัวตัวเองมากกว่า พวกเค้าให้ความสำคัญกับครอบครัว วันนี้จึงเป็นวันที่ลูกค้าไม่ค่อยเยอะหากเลือกที่จะหยุดก็ถือว่าไม่ทำให้เสียลูกค้าเท่าไหร่
เสียงประตูเหล็กร้านข้างๆดังขึ้น พวกเค้าคงพึ่งจะเปิดร้านกันแล้ว ฉันหันไปมองดูนาฬิกาตอนนี้มันบอกเวลาที่สองโมงสี่สิบห้านาที ก็ไม่แปลกที่ร้านข้างๆบ้านฉันจะเปิดบ้านช้ากว่าร้านอื่นนิดนึง เพราะเค้าเป็นร้านขายโทรศัพท์มือถือไม่จำเป็นต้องให้บริการลูกค้าในช่วงเวลาที่เช้าเกินไป
เสียงเอี๊ยดๆที่แสบแก้วหูของประตูเหล็กร้านขายมือถือทำให้ฉันต้องหันมาชำเรืองมองหญิงสาวร่างบางที่กำลังหวีเผ้าหวีผมของตัวเองในกระจกอยู่ ด้วยความที่กลัวว่าเจ้าหล่อนจะรำคาญเสียงและบ่นอะไรหรือเปล่า
แต่ก็เปล่า ภาพที่เห็นคือเจ้าหล่อนหวีผมแต่สายตาของหล่อนกลับแอบชำเรืองมองเงาของฉันที่สะท้อนในกระจกอยู่ตลอดเวลา เมื่อสายตาของหล่อนสบเข้ากับตาของฉัน หล่อนก็ยิ้มหน้าแดงเหมือนคนอายขึ้นมาทันที
“..อะไร มองกี้ทำไม”
เปล่า..มองเฉยๆ..มองไม่ได้เหรอ” เสียงอายๆของพี่เนยตอบกลับมา
ไม่ได้..มองมาทั้งคืนแล้วยังจะมองอะไรอีก..เดี๋ยวก็ไม่ได้ทำอะไรอีก รีบๆเข้า มันสายแล้วจะกลับบ้านยังไงเดี๋ยวก็ไม่มีรถกลับอีก”
พี่เนยยิ้มหันหน้ามามองฉัน
กี้ไปส่งพี่ได้มั้ยอ่ะ”
ห๊า..อะไรอะ มาเองก็กลับเองสิ ถ้ากี้ไปส่งแล้วกี้จะกลับมายังไง”ฉันคิ้วขมวดยิงคำถามคืนทันที
ก็เดี๋ยวพี่จะเอารถคนที่บ้านมาส่งกี้ก็ได้ ไปส่งพี่หน่อยนะ พี่อยากให้กี้ไปบ้านพี่” พี่เนยทำเสียงอ้อนวอน
พี่อยากให้กี้รู้จักพี่บ้าง ถ้าเราสองคนจะ..คบกัน พี่ก็อยากให้กี้รู้ในสิ่งที่พี่เป็นทั้งหมด”
ฉันได้ยินคำว่า “คบ” แล้วก็คิ้วขมวด
ใคร..ใครจะคบกับพี่เนย อย่ามัดมือชกสิ ยังไม่ได้ตกลงอะไรด้วยสักหน่อย”
อ้าว..ก็เรา..ทั้งเมื่อคืน..ทั้งเมื่อเช้า..”
มันก็แค่นั้นล่ะ..พูดมากน่า..ห้ามพูดเรื่องนี้ให้ใครได้ยินด้วย จะให้ไปส่งมั้ย ถ้าอยากให้ไปก็ทำตัวดีๆ” ฉันทำเสียงดุพูดข่มพี่เนยที่ทำหน้าหงอยๆดวงตาสลดลงทันที

..เห็นแล้วก็อดสงสารเจ้าหล่อนไม่ได้...

แต่งตัวให้เรียบร้อยด้วย ตอนที่กี้ลงไปขอพ่อกับแม่จะไปส่งพี่เนยอ่ะ ห้ามทำตัวมีพิรุธ กี้พูดอะไรก็ให้เออออไปตามนั้นเข้าใจมั้ย”
พี่เนยพยักหน้า แต่ดวงตาของเธอก็ยังหงอยๆอยู่เหมือนเดิม เห็นแล้วก็ยิ่งสงสารจนฉันอดใจไม่ได้ ต้องถอนหายใจเบาๆให้กับตัวเอง
เฮ้อ..”
ฉันยื่นมือไปยีผมพี่เนยแล้วค่อยๆลูบผมนุ่มๆของหล่อนเบาๆ ก่อนที่มือจะค่อยๆเลื่อนลงมาจับที่แก้มของหล่อน
ให้เวลากี้หน่อยนะ กี้ยังไม่รู้จริงๆว่าที่กี้เป็นอยู่ตอนนี้มันคืออะไร อย่าพึ่งโกรธกี้นะ กี้อาจจะพูดอะไรที่ไม่ดีกับพี่เนยไปบ้างแต่นั่นก็เป็นเพราะว่ากี้ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงจริงๆ เข้าใจกี้อยู่ใช่มั้ย” ฉันอธิบายความในใจและลงท้ายด้วยประโยคคำถามต่อหญิงสาวที่ดวงตาหม่นหมองที่เอาแต่จ้องมองฉันอยู่ตอนนี้
พี่เนยไม่ตอบแต่ดวงตาเธอเปลี่ยนเป็นประกายฉายแววสดใสขึ้นทันที เธอยิ้ม พยักหน้าให้ฉันและยื่นมือขึ้นมากุมที่มือของฉันบนแก้มเธอ
**************************************************
เสียงก๊อกๆแก๊กๆดังออกมาจากหน้าบ้านตรงที่เป็นทางเข้าร้านวันนี้หน้าถังด้านนี้ไม่ได้เปิดขึ้น ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆถูกวางเรียงไว้ตามโต๊ะด้านหน้าตรงใกล้ๆกับเคาน์เตอร์ทำข้าวมันไก่ ตรงนั้นตอนนี้มีพ่อกับแม่ของฉันกำลังช่วยกันสำรวจตรวจตราหาสิ่งของเครื่องใช้วัตถุดิบต่างๆที่คิดว่าน่าจะหมดไปหรือขาดหายไม่มีใช้สำหรับการทำข้าวมันไก่ขายในอาทิตย์หน้าทั้งอาทิตย์
วันนี้ของทุกๆอาทิตย์จริงๆแล้วบ้านฉันจะต้องออกไปซื้อข้าวของเครื่องใช้เพื่อเตรียมตัวสำหรับเอาไว้ทำข้าวมันไก่ขาย พวกวัตถุประเภทสิ้นเปลืองต่างๆเช่น เครื่องเทศ เครื่องปรุง กระดาษทิชชู ไม้จิ้มฟัน หรือวัตถุดิบต่างๆที่ใช้ทำข้าวมันไก่ พวกเราจะใช้เวลาช่วงสายๆของวันอาทิตย์ในการเดินทางไปซื้อตามตลาดต่างๆ ห้างร้านต่างๆที่มีของนานาชนิดให้เราได้เลือกซื้อกันในราคาที่เราประเมินกันแล้วว่าคุ้มค่าหากนำมามาปรุงขายต่อ
พ่อคะ แม่คะ” ฉันเรียกพ่อกับแม่ที่มัวแต่ก้มๆเงยๆไม่ได้สนใจมองด้านข้างเลยว่ามีใครมายืนรออยู่ตรงนี้เพื่อรอคุยด้วยตั้งนานแล้ว
ฮืม..” เสียงขานรับของพ่อดังขึ้นก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองฉันและก็ทำท่าเหมือนสะดุ้งตกใจที่เห็นพี่เนยยืนยิ้มแหยๆอยู่ข้างๆฉัน พ่อคงงงว่าเด็กผู้หญิงคนนี้คือใคร???
เช่นเดียวกันกับแม่ที่ทำหน้างงๆตอนที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นทั้งฉันกับพี่เนยยืนอยู่ในบ้านที่ไม่ได้เปิดเลยตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น
..คงงงล่ะสิ ว่าเด็กคนนี้เข้ามาในบ้านตั้งแต่ตอนไหน..
ทั้งสองยืนอึ้งเหมือนรอฟังคำอธิบายของฉันอยู่..
เอ่อ..นี่พี่เนยค่ะ..คือเมื่อคืนกลางดึกอ่ะพี่เนยเค้านั่งรถมาจากกรุงเทพแล้วมาลงที่ท่ารถเรานี่ล่ะ แล้วไม่มีรถกลับบ้านพี่เค้าเลยนึกขึ้นได้ว่ากี้อยู่นี่พี่เค้าเลยขอมานอนค้างด้วยคืนนึง หนูเห็นว่าพี่เค้ามาแค่คนเดียว เป็นผู้หญิงด้วยมันอันตรายหากไปนอนพักที่โรงแรมคนเดียวก็เลยให้พี่เข้ามานอนด้วยแต่ไม่ได้บอกพ่อกับแม่ตอนนั้น”
ฉันหันไปจับตัวพี่เนยที่ตอนนี้เธอพยายามจับชายเสื้อนอกของเธอเข้ามาหากันไว้ไม่ให้โชว์เนื้อหนังมังสาข้างใน ให้หันมามองหน้าพ่อกับแม่
อ้อ..” เสียงพ่อกับแม่ร้องขึ้นพร้อมๆกับพร้อมกับพยักหน้ารับรู้เรื่องราวที่ฉันเล่าให้ฟังในตอนนี้
พี่เนยหันมามองฉัน ที่พยายามขยิบตาให้เธอพยายามรับลูกโกหกของฉันที่พูดออกไปเมื่อกี้ให้ทัน
อ่อ..ใช่ค่ะ..เนยเลยต้องรบกวนทั้งคุณพ่อคุณแม่และก็น้องกี้ด้วยนะคะ เมื่อคืนเนยนึกอะไรไม่ออกจริงๆเลยค่ะ นึกถึงแต่น้องกี้ เห็นน้องเค้าเป็นคนน่ารักและก็นิสัยดีที่หนูรู้จักในโรงเรียนน่ะค่ะ”
พี่เนยทั้งยิ้มทั้งพูดทั้งยกมือไหว้ทำท่าทางเหมือนหล่อนเกรงใจฉันซะเต็มประดา
...ตีบทแตก..นั่นเป็นสิ่งที่ฉันนึกทันทีที่เห็นท่าทางของหล่อน นี่มาจากใจจริงๆหรือเป็นความสามารถของหล่อนล้วนๆนี่ ฉันชักจะเริ่มๆกลัวหล่อนขึ้นมาจริงๆซะแล้ว
หนูต้องขอโทษด้วยนะคะที่มารบกวนพ่อแม่และน้องกี้กลางดึกแบบนี้” พี่เนยยังพูดต่อพร้อมๆกับยกมือไหว้พ่อทีแม่ที
ไม่เป็นไรลูก..ดีแล้วล่ะที่นึกถึงน้องขึ้นมาได้ ดึกๆเปลี่ยวๆขนาดนั้นน่ะอันตรายแย่ เรายิ่งเป็นผู้หญิงน่าตาก็สะสวย แม่เป็นห่วงเลยนะนี่ถ้ารู้ว่าหนูกลับมาตอนกลางค่ำกลางคืนแล้วไม่ได้มาพักอยู่กับกี้ก่อน ยังไงถ้าวันหลังมาแล้วไม่มีที่พักหนูก็แวะมาหากี้ก่อนก็ได้” เสียงแม่พูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีที่เห็นว่าพี่เนยรู้จักแก้ปัญหาในการไม่มีที่พักของเธอเมื่อคืนนี้โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือ เรื่องที่แต่งขึ้นมาทั้งเพ
ตอนนี้ฉันกลืนน้ำลายอึ๊กใหญ่ๆไปหลายอึ๊กแล้ว ในใจไม่อยากจะโกหกพ่อกับแม่อีกเลย ฉันอยากพาหล่อนออกจากบ้านของฉันไปให้ไวที่สุด
เอ่อ พ่อคะแม่คะ กี้ว่ากี้จะพาพี่เนยกลับบ้านก่อนน่ะค่ะ เพราะว่าเมื่อคืนพี่เนยไม่ได้กลับบ้านเลยกลัวพ่อพี่เนยเค้าจะเป็นห่วง และไม่เชื่อว่าพี่เนยนอนอยู่กับเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน หนูเลยว่าจะพาพี่เค้าไปส่งที่บ้าน แล้วพี่เนยก็ว่าจะชวนหนูทานข้าวที่บ้านด้วย ...หนูขอไปกับพี่เนยนะคะ” ฉันพยายามขอพ่อกับแม่ด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าจะเป็นปกติที่สุด ไม่อยากให้ท่านทั้งสองจับได้ว่าฉันกำลังแต่งเรื่องขึ้น..
พ่อกับแม่มองหน้ากันอยู่ครู่นึงแล้วหันมาทางฉันกับพี่เนย
แล้วจะกลับมาตอนไหนล่ะ พ่อกับแม่จะไปซื้อของกันนะจะให้รอหรือเปล่า”เสียงพ่อถามมา
อ่อ...ไม่ๆค่ะไม่เป็นไรพ่อกับแม่ไปเลยก็ได้ เด๋วกี้เอากุญแจของกี้ไปด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงกี้หรอกค่ะ เด๋วไงกี้จะโทรหาอีกทีนะคะ” ฉันรีบพูดแทรกขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าได้โอกาสที่พ่อกับแม่กำลังจะอนุญาติแล้ว
เออ ถ้าอย่างนั้นก็เดินทางดีๆดูรถกันด้วยนะ จะกลับตอนไหนก็โทรบอกด้วย พ่อกับแม่จะโทรหาอีกที” พ่ออนุญาติพร้อมๆกับรับไหว้จากฉันและพี่เนย
ฉันหันมามองหน้าพี่เนยที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เนื่องจากดีใจที่ในที่สุดฉันก็ได้ไปส่งเจ้าหล่อนจริงๆซะด้วย ตอนนี้หล่อนรีบไหว้ลาพ่อกับแม่ฉันใหญ่ ก่อนจะหันมายิ้มแล้วรีบเดินตามฉันออกจากร้านไป
ทันที่ที่ก้าวออกจากบ้าน พี่เนยก็ก้มลงหยิบแว่นตากันแดดที่เก็บไว้ในกระเป๋าสะพายของเธอซึ่งดูเหมือนของแบรนด์แนมราคาแพงยี่ห้อหนึ่งออกมาสวม
จะใส่ทำไมอะ” ฉันสงสัยทันที
แสบตาอ่ะ ไม่ได้นอนแล้วตามันเลยล้าๆเจอแสงแล้วเลยแสบตา” เสียงพี่เนยอธิบาย
ฮึ.. ก็บอกให้นอนนี่นาใครใช้ให้ทำอะไรบ้าๆทั้งคืน” เสียงฉันตอบกลับด้วยความหมั่นไส้
โธ่ ก็อยู่ใกล้กี้แล้วมัน..อดไม่ได้จริงๆนี่นา ตอนนี้เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมเลย” พี่เนยพูดด้วยเสียงคนกะล่อน
บ้า ห้ามพูดอะไรอย่างนี้ในเวลาอย่างนี้เลยนะ” ฉันหยิกแขนพี่เนยที่ทั้งยิ้มและหัวเราะด้วยความอารมณ์ดี

พอออกมาจากบ้านแล้ว ตอนนี้พี่เนยในชุดสีดำของเธอ ดูแล้วเหมือนเด็กสาวมหาลัยเหลือเกิน เธอช่างดูสวยปราดเปรียว ด้วยการแต่งกายที่มีสไตล์เหมือนเด็กสาวอายุประมาณ20กว่าๆทั้งๆที่จริงแล้วเธออายุแค่17ปีเท่านั้น
ร่างอ้อนแอ้นอรชนของเธอในชุดกางเกงขาสั้นสีดำและเสื้อคลุมที่ยาวลงมาเสมอชายกางเกงของเธอนั้น แม้เมื่อคืนฉันจะมองแล้วดูโป๊เกินไปสำหรับผู้หญิงที่เดินออกจากบ้านมาคนเดียวตอนกลางคืน แต่เมื่อมองตอนนี้แล้วกลับรู้สึกว่ามันก็ดูสวย ดูดี ดูเก๋ และมีสไตล์ คงเป็นเพราะพี่เนยเป็นคนสวยและรูปร่างดี อีกทั้งเธอทั้งสูงและขายาว ดูผ่านๆก็ยังคิดว่าเป็นนางแบบหรือดาราเลยก็ได้
ผิวขาวๆซีดๆเหมือนผู้ดีมีสกุลที่ไม่เคยออกจากบ้านโดนแดดดูขับรับกันดีกับชุดสีดำของเธอมาก ยิ่งเธอสวมแว่นตากันแดดเข้าไปแล้ว ยิ่งทำให้ใบหน้าเรียวยาวขาวๆของเธอดูโดดเด่น ตอนนี้ฉันมีความรู้สึกว่ากำลังเดินตามดารายังไงยังนั้นเลย

...ไม่น่าเชื่อว่าโรงเรียนฉันจะมีคนน่าตาดีอย่างนี้ เอ..จริงๆก็เรียกว่าสวยมากๆเลยก็ได้นะ ถ้าพี่เนยขยันยิ้มบ่อยๆ
แล้วที่ไม่น่าเชื่อกว่านั้นก็คือ...
เธอดันบอกว่าเธอชอบผู้หญิงด้วยกัน แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ดันเป็นฉันเสียอีก
เฮ้อ..แล้วดูวิธีที่เจ้าหล่อนสารภาพรักและรุกจีบฉันแต่ละวิธีสิ ฉันแทบจะกระอักเลือด
จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกงงๆอยู่เลย สรุปว่า...ฉันยอมให้เค้าทำไม..
แล้วฉันกลายเป็นคนอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่..
มีอะไรกับผู้หญิงด้วยกันอย่างนี้จะถือว่าใจแตกมั้ยนี่..
ยังไงก็ไม่ได้ท้องไม่ใช่เหรอ...
แล้ว...ฉันต้องคบกับเจ้าหล่อนด้วยหรือเปล่า แล้วต้องบอกใครด้วยมั้ยว่าเราสองคนเป็นแบบ..อย่างนั้นกัน
..เค้าเรียกการคบกันอย่างนี้ว่าอะไรอ่ะ โอ้ย...ฉันงง
มันคงจะเร็วเกินไปจริงๆนั่นล่ะ สำหรับคำว่า “รัก” สำหรับฉันเพราะฉันก็ยังไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นกับพี่เนยเลยจริงๆ เพียงแต่ว่า...ฉันรู้สึกดีที่อยู่ใกล้ๆเธออย่างนี้ ความรู้สึกดีที่อธิบายไม่ถูกว่าคืออะไร รู้แต่ว่าเธอทำให้ฉันเริ่มสนใจในตัวเธอตั้งแต่ตอนนั้น...ตอนที่อยู่ด้วยกันในรถ...
...เฮ้อ..ทำไมไม่จีบฉันดีๆกว่านี้นะ ..อิพี่เนย..
ฉันทั้งคิดทั้งเดินไปด้วยใจเหม่อลอย จนกระทั่งรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังเดินเลยทางที่จะไปขึ้นรถที่หน้าปากซอยแล้ว
นี่ๆ..พี่เนยไปขึ้นรถหน้าปากซอย จะเดินไปไหน” ฉันตั้งสติได้รีบเรียกพี่เนย
พี่เนยหันมายิ้มหวานหน้าแหยๆให้ฉัน
พี่จอดรถไว้ทางโน้นน่ะ..”
ฮ้า???..” ฉันคิ้วขมวดทันที...เมื่อกี้ฉันได้ยินคำว่า “รถ” ไม่ผิดใช่มั้ย
รถอะไรพี่เนย..”
แฮะๆ ตามพี่มาก่อนแล้วกันเดี๋ยวพี่จะบอกกี้อีกที” พี่เนยหันมายิ้มแห้งๆให้
คิ้วของฉันยิ่งขมวดขึ้นเป็นอีกสองเท่า
ไหนเมื่อคืนพี่เนยบอกว่าเดินมาจากบ้าน..” ยังไม่ทันที่ฉันจะถามจบพี่เนยก็รีบเดินเข้ามาจูงแขนฉันเดินตามเธอไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ฉันหน้าเหวอด้วยอาการงง
เธอเดินจูงมือฉันมาเรื่อยๆจนมาถึงรถคันนึงที่จอดชิดกำแพงบ้านร้างแถวๆหลังปากซอย เธอหยิบรีโมทปลดล็อคประตูรถ เสียงสัญญาณกันขโมยดังขึ้นพร้อมๆกับที่ฉันยื่นอึ้งตะลึงงันทันทีที่เห็นรถคนนั้น..
รถใครอีกล่ะนี่..” เสียงฉันถามด้วยอาการเหวอๆ
รถในบ้านนั่นล่ะ..” พี่เนยหันมายิ้มแหยๆให้ฉันก่อนจะเดินไปเปิดประตูอีกฝากหนึ่งของคนขับแล้วจูงมือฉันขึ้นไปนั่ง

..ห๊า นี่เธอกำลังจะบอกว่ารถซุปเปอร์คาร์สองประตูสีขาวคันนี้คือรถคนในบ้านเธออย่างนั้นเหรอ..

ฉันอึ้ง มันเป็นความรู้สึกงงๆปนตกใจ ตกลงบ้านเธอทำอาชีพอะไรกันแน่นี่
พี่เนยรีบก้าวเข้ามานั่งในที่นั่งคนขับพร้อมกับสตาร์ตรถ
พร้อมหรือยัง..พี่จะพาไปบ้านพี่แล้วนะ” พี่เนยหันถามพลางมามองหน้าฉัน
ฉันไม่ตอบเพราะว่าตอนนี้ในหัวฉันกำลังมึนงงเรื่องรถอยู่ ในใจก็เริ่มสับสนทั้งคิดว่านี่รถใคร แล้วพี่เนยกล้าขับรถแพงๆอย่างนี้ทั้งๆที่อายุก็ยังไม่ถึงที่จะทำใบขับขี่รถยนต์อีก ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมาจะทำยังไง
ตอนนี้ความคิดในหัวของฉันกำลังตีกันสับสนไปหมดจนแทบจะไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าพี่เนยออกรถไปแล้ว
รถเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ แต่มันก็ไม่ได้ไกลไปจากตำแหน่งที่เราอยู่ตอนแรกเท่าไหร่เลย
ฉันมองออกไปที่กระจกรถ
...ตอนนี้รถกำลังชะลออยู่หน้าสถานที่ๆหนึ่ง
ที่ๆฉันผ่านทุกๆวัน ซึ่งไม่ได้ไกลจากบ้านฉันเลย สถานที่ที่ฉันเคยแอบมองในความอลังการของมันตลอด ทั้งเคยฝันว่าสักวันฉันจะต้องมีบ้านอย่างนี้ให้ได้
ใช่..ที่นี่คือบ้านหลังใหญ่ๆที่อยู่ตรงหน้าปากซอยฉันนั่นเอง
..คุณพระ....นี่หล่อนเป็นใครกันนี่..