Confusion
Chapter 2
นางฟ้าหรือนางมาร
เมษาเดินเฉิดฉายสะบัดปลายผมหยักศกออกมาจากตึกออฟฟิศบอร์นทูสกาย
บริษัทออแกไนซ์ขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของประเทศ
หญิงสาวในชุดกระโปรงสูทสีแดงกร่ำหยิบกุญแจที่มีสัญลักษณ์วัวกระทิงขึ้นมากดสัญญาณเมื่อถึงที่จอดรถประธานบริษัท
ประตูรถสปอร์ตคันแดงสดที่อยู่ต่อหน้าเธอค่อยๆยกเปิดขึ้นตามกลไกของมันทันที
เธอเดินก้าวขาเข้าไปนั่ง
วางกระเป๋าสีแดงสดใส่ที่นั่งด้านข้างฉับ
จากนั้นเมื่อประตูรถเคลื่อนลงมาปิดเธอก็เสียบกุญแจแล้วเหยียบคันเร่งขึ้นเพื่อฟังเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์
6,500ซีซี...
อา..เป็นความสุขเล็กๆหลังจากเลิกงานมาเหนื่อยๆ
เธอคิดเสมอว่าการได้นั่งรถคันงามท่องไปบนท้องถนน
จะทำให้อารมณ์โมโหหงุดหงิดของเธอเบาบางลงได้
ใช่เธอเหนื่อยมาก
และเธอจะหงุดหงิดมากหากยังนั่งอยู่ในห้องแคบๆอย่างนั้นเหมือนเดิมโดยไม่เดินออกไปไหนมาไหนเสียบ้าง..
นิ้วเรียวยาวเคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะตามดนตรีเพลงสากลที่เธอเปิดขึ้นหลังจากนั้น
เธอใช้มืออีกข้างค่อยๆลูบคลำสัญลักษณ์กระทิงที่อยู่ตรงกลางพวงมาลัยไปเมื่อเริ่มอารมณ์ดีขึ้นแล้ว..
ช่างเป็นรถที่เหมาะกับเธอยิ่งนัก
เพราะดวงไฟหน้าสวยโฉบเฉี่ยวของมันช่างเหมือนกับตาเธอเหลือเกิน
เมษายิ้มเแล้วชะโงกมองกระจกมองหลังเมื่อคิดถึงดวงตาไฟ
ภาพเงาสะท้อนก็สะท้อนดวงตาสวยโฉบเฉี่ยวของเธอให้เห็นเช่นเดียวกัน..
“ตาเธอร้าย
ตาร้ายเหมือนรถลัมโบร์กีนีคันนี้
ฉันเห็นมัน ฉันเลยคิดถึงเธอ..”
“แล้วไง
ก็เลยซื้อมาให้ฉันอย่างนี้เนี่ยนะ..”
“ใช่ไง..”
คำตอบสั้นๆง่ายๆของหญิงสาวบางคนทำให้เธอหัวเราะหึๆในใจทันที
มีแต่คนบ้าเท่านั้นล่ะ
ที่จะซื้อของฝากราคา40ล้านมาฝากกันง่ายๆแค่เพราะคำว่าคิดถึง
ใช่..ผู้หญิงบ้าๆบางคนที่เธอพยายามจะเอาเขาออกจากชีวิตเธอให้ได้..
ดวงตาเมษาแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าทันทีที่นึกถึงเรื่องราวบางอย่าง
เธอสะบัดหัวพยายามลบภาพเหล่านั้นออกก่อนจะพยายามออกรถไปที่ใดสักที่..
ที่ใดสักที่
ที่ทำให้เธอลืมเรื่องแย่ๆทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตเธอ..
ลัมโบร์กีนีคันแดงสดเคลื่อนออกจากที่จอดอย่างรวดเร็ว
ประหนึ่งนกฟีนิกซ์ที่โบยบินได้อย่างอิสระ
หารู้ไม่ว่าภายใต้การโบกปีกหลีกหนีที่เมษาคิดว่าไร้การควบคุมได้นั้นจะกลายเป็นตกอยู่ในสายตาของคนอื่นตลอดเวลาไปแล้ว..
ดวงตาโตสีน้ำตาลมองลัมโบร์กีนีคันแดงลอดผ่านม่านลีมูซีนสีขาวที่จอดดับเครื่องไว้ที่จอดรถลูกค้าของบริษัท
รถหรูสวยเด่นแต่ไม่เป็นที่แตะตาอะไร
เพราะในออฟฟิศนี้มักมีรถหรูหราประเภทลีมูซีน
มัสแตง
ปอร์เชร์มาจอดสลับสับเปลี่ยนเสมอๆตามลูกค้าสังคมชั้นสูงที่มักมาใช้บริการ
รวมถึงผลัดเปลี่ยนกันมาหาประธานบริษัทเจ้าเสน่ห์คนเมื่อครู่นี้ด้วย...
“คนนั้นหรือคะ
คุณเมษาผู้หญิงในภาพที่คุณให้ทิดู”
“ใช่..”
“โห...สวยจังเลยค่ะ
ดูสวย ดูเก๋ หุ่นดี เซ็กซี่
โฉบเฉี่ยวมากๆด้วย
หน้าตาก็ยังดูเด็กๆอยู่เลยไม่น่าเชื่อว่าจะอายุ35แล้ว”
หญิงสาวในชุดดำที่นั่งที่นั่งข้างๆทิราหันไปจ้องทิราทันทีที่ได้ยินเธอพูดถึงอายุ..
“จะว่าเขาแก่ใช่มั้ย
ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าเธอว่าฉันด้วยนะทิรา..”
“โอ๊ะ..ไม่ใช่ค่ะ
เอ่อ..ขอโทษค่ะ
ทิไม่ได้ตั้งใจว่า
ทิลืมไปว่าเขาอายุเท่ากันกับคุณ
เขาเป็นเพื่อนของคุณ คือๆ
ทิไม่ได้จงใจพูดถึงเรื่องอายุนะคะ
ทิแค่อยากอธิบายว่าคุณเมษาหน้าเด็กมากๆหน้าใสมากๆเท่านั้นเองค่ะ..”
มิสวายหัวเราะหึๆ
นึกขำกับการแก้ตัวข้างๆคูๆของเด็กสาวที่อายุห่างจากเธอ1รอบปีนักษัตร
เรื่องอายุเป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดที่สุดสำหรับผู้หญิงที่ไม่สนิทและเป็นการเสียมารยาทอย่างมากหากได้ยินใครกระแนะกระแหนเรื่องนี้สำหรับเธอ
แต่เอาเถอะ..เธอก็ไม่ได้คาดหวังว่าเด็กสาวกำพร้าพ่อคนนี้จะรู้จักมารยาทที่ดีในสังคมอะไรมากมายนักหรอก
..เธอแค่ชอบรูปร่างหน้าตาของทิรา
และคิดว่าคนรักของเธอก็คงจะชอบเหมือนกัน..
..มีอะไรบางอย่างบอกเธอว่าเด็กสาวที่เธอถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอในเว็บนั้นจะทำให้ความรักของเธอสมหวังเสียที..หลังจากที่มันผิดหวังและจมปลักแต่กับความเศร้ามาเกินครึ่งค่อนชีวิตของเธอแล้ว...
“เอ่อ..คนก็สวยรถก็ยังสวยอีก
รถสวยโฉบเฉี่ยวเหมือนกับเจ้าของรถเลยค่ะ..”
เด็กสาวผมสีน้ำตาลยังไม่ลดความพยายามป้อยอผู้หญิงในรถแดงคนนั้นด้วยหวังว่าจะพอลดความเก้อเขินที่เผลอทักเรื่องอายุของมิสวายลงได้บ้าง
ซึ่งนั่นก็ทำให้หญิงสาวในชุดดำหัวเราะหึๆเพราะรู้ทันสาวน้อยไปก่อนหน้านั้นแล้ว..
“หึ..ใช่มั้ย
เธอก็ว่ารถคันนี้สวยเหมือนเขาเลยใช่มั้ย..ลัมโบร์กีนี
อะเวนตาโดร์ ฉันซื้อให้เขาเอง..”
ทิราหุบยิ้ม
เธอมีคำถามเกิดขึ้นให้หัวทันที“ซื้อให้..เท่าไหร่คะ
คงจะแพงมากเลยใช่มั้ยคะ
ทิพอจะรู้คร่าวๆว่ารถแบบนี้แพงมาก..”
“อืม..ก็ไม่เท่าไหร่หรอก
ก็มากกว่าเช็คใบสุดท้ายที่เธอจะได้รับตอนงานสำเร็จแล้ว4เท่าแค่นั้นเอง”
4เท่าของเช็ค..เช็ค10ล้านนั่นใช่มั้ย
งั้นก็..
40ล้านน่ะสิ..
ทิราตาโตทันทีที่เทียบบัญญัตไตรยางค์เสร็จ
ตอนนี้หญิงสาวได้แต่นั่งอึ้งจ้องมองแว่นตาดำของคนตรงหน้าค้างไว้ด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด
ใช่สิ..
เกิดมาเธอยังไม่เคยได้ยินคนเอ่ยถึงเงิน40ล้านด้วยคำว่า
“แค่” เลย
มิสวายอมยิ้มมองท่าทางไร้เดียงสาของเด็กสาวคนตรงหน้าอยู่นานก่อนจะพยายามเรียกสติเธออีกครั้ง
“เอาล่ะคุยเรื่องงานกันได้แล้วทิรา
เป็นไงบ้าง
เห็นเขาตัวจริงแล้วพอจะทำให้เขาหลงรักเธอได้บ้างหรือเปล่าล่ะ”
“เอ่อ..คือ..เอาจริงๆนะคะ
ทิว่าเขาดูเพอร์เฟรคเกินกว่าจะมาชายตามองทิยังไงก็ไม่รู้
นี่เขาชอบผู้หญิงจริงๆหรือคะ
แล้วมิสวายก็ชอบเขาไม่ใช่หรือคะ
จะให้ทิไปทำให้เขารักทิจริงๆหรือคะ
คุณจะไม่เสียใจหรือ”
“เสียใจหรือ..มันเลยจุดนั้นมานานมากแล้ว
คำว่าเสียใจสำหรับฉันมันก็เหมือนอากาศนั้นล่ะต้องอยู่กับมันให้ได้
เพราะถ้าไม่มีมัน ฉันก็ตาย...”
ทิราหน้าเสียทันทีที่ได้ฟังประโยคเศร้าๆให้ความรู้สึกเจ็บร้าวลึกแปลกๆจากมิสวาย
“เอ่อ..คุณพูดเหมือนมีอะไรบางอย่างระหว่างคุณทั้งสองคน
คุณบอกว่าเขาเป็นคนรักคุณแต่เขาไม่ใช่แฟนคุณ
แต่ทำไมฟังๆดูเหมือนคุณอยู่กับเขามานานมากขาดไม่ได้...คุณสองคนคบกันหรือคะ..”
“หึ..ทิรา..เธอยังไม่เคยมีความรัก
คงไม่รู้จักความสัมพันธ์ที่มันซับซ้อนใช่มั้ย
เอาไว้ทำงานให้ฉันไปเรื่อยๆเดี๋ยวเธอก็รู้เองว่าอะไรเป็นอะไร
บางทีฉันก็สับสนในสถานะของฉันเหมือนกัน
ฉันอาจจะอธิบายให้เธอเข้าใจไม่ได้เพราะฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน..”มิสวายเผยอปากสีแดงแกล้งยิ้มให้ทิรา
ก่อนจะยื่นมือหยิบแฟ้มที่คอนโซลไม้ด้านหน้าขึ้นมายื่นโชว์เด็กสาว..
“เอาล่ะทิราเวลาของแม่เธออาจจะมีไม่มากแล้ว
และเงินสิบเอ็ดล้านของฉันก็กำลังรอเธออยู่
ฉันจะถามเธออีกเป็นครั้งสุดท้ายว่าเธอสนใจที่จะรับงานนี้มั้ย
ถ้าเธอสนใจนี่คือสัญญาและรายละเอียดในสิ่งที่เธอจะต้องทำรวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับเมษาที่ฉันพยายามรวบรวมมาให้เธอทั้งหมดจะได้ง่ายต่อการทำงานของเธอ..เธอพร้อมที่จะเซ็นหรือยัง..”
////////////////////////////
ทิรากึ่งเดินกึ่งวิ่งหอบถุงหูหิ้วพะรุงพะรังขึ้นบันไดโรงพยาบาลไปยังห้องวิกฤต
ตอนนี้บ่ายโมงกว่าเป็นเวลาที่โรงพยาบาลรัฐทั่วไปอนุญาติให้ญาติผู้ป่วยเยี่ยมไข้ได้และเธอมาถึงหลังจากเวลาที่พยาบาลเปิดให้เข้าเยี่ยมแค่5นาทีเท่านั้น
จิตใจเธอจดจ่ออยู่กับแม่
ไม่แปลกหรอกที่เด็กสาวจะรีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปในห้องโดยไม่มองซ้ายมองขวาหาบุคคลใดๆเลย
ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากเธอรู้ดีว่าไม่มีญาติคนไหนจะมาเยี่ยมแม่อีกแล้วนอกจากเธอ
“แม่..ทิมาแล้วนะคะ..แม่เป็นยังไงบ้าง..”
เสียงหวีดของเครื่องช่วยหายใจดังขึ้นแทนคำตอบจากมารดา
ภาพยุพินนอนหลับตาโดยที่มีผ้าพันแผลพันอยู่รอบๆหัวยังคงเป็นภาพเดิมที่ทิราได้เห็นก่อนจะออกจากห้องไปเมื่อวานนี้
ทิราหยิบถุงพลาสติกขึ้นวางไว้ที่หัวเตียง
เธอเลือกหยิบส้มลูกเกลี้ยงๆหนึ่งลูกขึ้นมาวางไว้บนมือแม่ที่ไม่ได้สติ
ก่อนจะพยายามประคับประครองมือแม่ขึ้นมาให้อยู่ข้างๆเธอ..
“หนูซื้อส้มสายน้ำผึ้งมาฝากแม่
ของโปรดแม่ แม่ลุกขึ้นมากินสิคะ
แม่..”พูดไม่จบประโยคน้ำตาหญิงสาวดันพรั่งพรูออกมาเสียก่อน
ทิราไม่สามารถอดกลั้นความสะเทือนใจได้เลยเมื่อเผลอนึกว่าแม่อาจจะไม่ได้ตื่นขึ้นมากินส้มของโปรดท่านอีกแล้ว..
หญิงสาวก้มหน้าร้องไห้กับมือมารดาสะอึกสะอื้นอยู่นานกว่าจะสะดุ้งขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงทุ้มเสียงๆหนึ่งดังอยู่ข้างๆเธอ
“แม่เป็นยังไงบ้าง
ทิ..”
“พี่ฤทธิ์..”
ทิราเงยหน้าขึ้นมายิ้ม
ใบหน้าเศร้าๆก่อนหน้านั้นฉายแววความดีใจขึ้นนิดหนึ่งเมื่อเห็นชายหนุ่มคนที่เธอไว้ใจและคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็กๆ
“พี่มารอเยี่ยมน้าพินนานแล้ว
เมื่อกี้พี่คุยโทรศัพท์กับนายอยู่หน้าห้องเลยไม่ได้ทักทิตอนที่ทิเดินเข้ามาในห้องน่ะ”
ดวงตาอ่อนโยนของชายหนุ่มหรี่ตามรอยยิ้มที่เขาให้กำลังใจกับทิราในขณะที่พูด
คงฤทธิ์
ชายหนุ่มร่างกายกำยำสูงใหญ่แต่มีใบหน้าหวานดั่งสตรี
เขาเป็นชายหนุ่มบุคลิกนุ่มๆ
ท่าทางสุภาพอบอุ่น
จนใครหลายคนอาจคิดว่าเขาเป็นหมอทันที
หากไม่มีใครบอกเสียก่อนว่าเขาคือสารวัตรหนุ่มอนาคตไกลที่ทำคดีใหญ่ๆในท้องถิ่นและต่อสู้กับอาชญากรมานับไม่ถ้วนแล้ว..
เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่ทิรายอมคุยด้วยด้วยความไว้ใจและยอมให้เข้าใกล้ตัวเธอที่สุด
ทิราคิดเสมอว่าหากเป็นไปได้เธอก็อยากมีพี่ชายอย่างคงฤทธิ์สักคน
หากแต่ชายหนุ่มหาได้คิดกับทิราแค่พี่ชายน้องสาวอย่างนั้นไม่
เขาเป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่แอบรักและหมายปองในตัวทิรามาตั้งแต่ทิราเริ่มแตกเนื้อสาวและย้ายมาตั้งถิ่นฐานในเขตรับผิดชอบของ
สภ.เขาแล้ว..
ร่างสูงกำยำในชุดเครื่องแบบครึ่งท่อนค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ๆเตียงของยุพิน
เขามองดูยุพินด้วยความห่วงใยก่อนจะเอื้อมมือมาจับไหล่ทิรา
“ทำใจดีๆนะทิ
พี่เชื่อว่าน้าพินคงไม่เป็นอะไรมากหรอก
แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องคดีนะพี่ตามเรื่องของคู่กรณีน้าพินให้อยู่
หลักฐานมัดแน่นมีทั้งกล้องวงจรปิดจับภาพได้ยังไงๆก็ดิ้นไม่หลุดหรอก”
“ทิขอบคุณพี่ฤทธิ์ด้วยนะคะ
ทิก็ลืมเรื่องคดีไปเลยมัวแต่ห่วงเรื่องของแม่
มัวแต่ห่วงเรื่องค่ารักษาแม่อยู่เลยไม่ได้ตามเรื่องนั้น”
หญิงสาวทั้งพูดทั้งยกมือไหว้
“เออ..แล้วเป็นยังไงบ้าง
พวกค่าใช้จ่ายแม่เรามีสำรองจ่ายหรือเปล่าล่ะ
มีมั้ย ไม่มีบอกพี่ได้นะ”
ทิราอึ้งเมื่อนึกอะไรขึ้นได้
เธอก้มหน้ามองกระเป๋าสะพายที่ตัวเองสะพายอยู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มพร้อมๆกับส่ายหัวให้สารวัตรหนุ่มวัยสามสิบที่อยู่ต่อหน้า
“เอ่อ..ไม่เป็นไรค่ะพี่ฤทธิ์
เอ่อ..ทิพอมีเงินเก็บอยู่
ทิพอมีสำรองจ่ายอยู่ค่ะ”
“อ้าวเหรอ
พี่ก็นึกเป็นห่วงเราเห็นร้านก็ไม่ได้เปิดแล้วเห็นเรารอสมัครงานด้วย
นี่พี่ถามอาการหมอคร่าวๆน้าพินน่าจะได้ผ่าตัดสมองด้วยใช่มั้ยคงต้องใช้เงินเยอะแน่ๆ
แล้วเงินสำรองจ่ายของทิจะพออยู่เหรอ”
ทิรายิ้มแหยๆให้ชายหนุ่มก่อนจะพยักหน้าตอบรับเขาอีกครั้ง...
“พอค่ะ..”
ใช่สิ..เงินหนึ่งล้านที่นอนรอในบัญชีเธอตอนนี้
ยังไงๆก็ต้องพอกับค่ารักษาของแม่เธออยู่แล้วนี่เธอยังต้องกังวลอะไรหรือรบกวนใครอีกล่ะ..
ทิราก้มหน้าลงมองกระเป๋าของเธอทั้งพยายามลูบๆคลำๆมันไว้เมื่อนึกถึงเงินสดอีกหนึ่งแสนในกระเป๋าเธอที่เธอพึ่งไปขึ้นเช็คมา
ก่อนที่ภาพรอยยิ้มจากปากสีแดงกร่ำของสุภาพสตรีชุดดำเมื่อตอนเห็นเธอเซ็นสัญญาเมื่อวานจะปรากฏขึ้นในหัวของเธออีกครั้ง..
เฮ้อ..รับเงินเขามาแล้วก็ต้องทำงานเขาให้ได้สินะ
ขึ้นหลังเสือแล้วจะลงก็คงจะยากแล้วใช่มั้ย..ทิราทั้งคิดเหม่อก่อนที่เสียงของคงฤทธิ์จะดังเรียกสติเธออีกครั้ง...
“เอ่อ
เยี่ยมน้าพินเสร็จแล้วทิจะกลับบ้านเลยมั้ย
กลับกับพี่มั้ย
เดี๋ยวพี่จะไปส่งทิที่บ้านเอง”
“เอ่อ..ยังไม่กลับค่ะ
ทิมีธุระ..เอ่อ..ทิต้องไปทำงานก่อนน่ะค่ะ..”ชายหนุ่มงุนงง
เขาครุ่นคิดถึงสิ่งที่เขาได้รู้มาจากหญิงสาวที่เขาแอบรัก
ก่อนจะรีบถามกลับไปว่า..
“งาน??งานอะไร
ทิได้งานทำแล้วเหรอ???”
//////////////////////////////
ทิราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คข้อความเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนตอนที่เธอเดินลงมาจากตึกที่แม่เธออยู่
เป็นข้อความจากไลน์ที่มิสวายส่งมาบอกเธอสั้นๆง่ายๆว่า..
“ขึ้นมาที่รถ”
หญิงสาวคิ้วขมวด
เธอเงยขึ้นมาจากโทรศัพท์แล้วกลายเป็นผงะตกใจทันทีเมื่อเห็นรถลีมูซีนสีขาวคันเมื่อวานขับเข้ามาจอดอยู่ข้างๆเธอที่ฟุตบาธแล้ว
“เร็วๆ”
ข้อความจากมิสวายแสดงขึ้นอีกครั้ง
ซึ่งนั้นก็ทำให้ทิรารีบเปิดประตูรถเข้าไปนั่งที่นั่งด้านหลังที่เธอเคยนั่งต่อหน้ากับมิสวายทันที
“สวัสดีค่ะมิสวาย”
หญิงสาวรีบยกมือไหว้สตรีชุดดำเมื่อนั่งลงกับรถได้
มิสวายพยักหน้ารับก่อนจะหันไปพยักหน้าส่งสัญญาณให้คนขับรถออกรถไป
“แม่เธอเป็นอย่างไรบ้างทิรา
ผ่าตัดหรือยัง”
“ยังค่ะ
รอคิวห้องผ่าตัดอยู่ค่ะ
คิวน่าจะเป็นพรุ่งนี้เย็นค่ะ”
ความกังวลใจทำให้เด็กสาวตอบรับมิสวายด้วยน้ำเสียงหงอยๆ
การรอคอยกับโรงพยาบาลรัฐเป็นสิ่งที่คู่กันเสมอ
แม้เธอจะห่วงแม่และรู้ว่าเวลาทุกๆวินาทีมีค่าไม่สามารถรอได้
แต่เธอก็เข้าใจว่ายังมีคนไข้คนอื่นๆที่มีอาการหนักหนาสาหัสไม่แพ้แม่เธอรอใช้ห้องผ่าตัดอยู่เช่นเดียวกัน..
มิสวายมองใบหน้าหน้าเศร้าๆซึมๆของเด็กสาวคนต่อหน้าอย่างเป็นห่วง
และเหนือสิ่งอื่นใดนั้นเธอก็ห่วงว่างานที่เธอว่าจ้างทิราอาจจะออกมาไม่ดีก็ได้ถ้าหญิงสาวไม่มีสมาธิเพราะมัวแต่ห่วงแม่เธออยู่อย่างนี้
สุภาพสตรีในชุดดำจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนจะบอกบางอย่างกับทิราให้เธอเบาใจลง..
“โรงพยาบาลรัฐก็อย่างนี้ล่ะ
เอาล่ะทิรา
ฉันจะจัดการย้ายแม่เธอไปโรงพยาบาลเอกชนให้ดีกว่า
เดี๋ยวฉันจะหาหมอที่ดีที่สุดและเก่งที่สุดของโรงพยาบาลนั้นดูแลแม่เธอให้
เธอจะได้มีสมาธิทำงานให้กับฉันไง”
ทิราตาโต
เธอรีบถามมิสวายกลับคืนไปอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“จะ..จริงเหรอคะ..เอ้ย..อันนี้รวมกับเงิน10ล้านนั่นด้วยหรือเปล่าคะ”
ชั่ววินาทีที่ดีใจ...ความงกของทิราก็รีบวิ่งแทรกเข้าเตือนสติเธอทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธออาจจะโดนหักเงินส่วนนี้ไปก็ได้เมื่องานเสร็จแล้ว..
..โรงพยาบาลเอกชน
โอ้ย..ค่าใช้จ่ายต้องบานปลายแน่ๆ..
ทิราคิ้วขมวดกลืนน้ำลายเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเงินหนึ่งล้านอาจจะไม่พอสำหรับค่ารักษาแล้ว..
มิสวายหัวเราะหึๆ
นึกขำในความงกของเด็กสาวแสนสวยคนตรงหน้า
จริงสินะเธอก็ลืมไปว่าชีวิตลำบากของทิราทำให้เธอเรียนรู้ที่จะประหยัดและเห็นค่าของเงินทุกบาท
นี่ทิราคงคิดว่าเธอจะหักเงินที่หล่อนคิดว่าจะได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเมื่อหล่อนตั้งใจทำงานให้เธอสำเร็จทุกอย่างแล้วอย่างนั้นล่ะสิ..
...เด็กหนอเด็ก...ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่าฉันเป็นใคร..มิสวายอมยิ้มมองทิราอย่างอารมณ์ดีก่อนจะบอกเธอไป
“หึ..ไม่เกี่ยวกันหรอก
ถือว่าเป็นสวัสดิการในฐานะพนักงานฉันคนหนึ่งก็แล้วกัน
ฉันก็แค่สงสารเธอทิรา
ใครทำงานให้ฉัน
ฉันก็ให้สวัสดิการอย่างนี้ทุกคนนั่นล่ะ
ไม่ต้องคิดมากหรอก
ฉันไม่หักเงินเธอหรอก
ขอให้เธอทำงานให้ฉันสำเร็จก็พอ”
“จริงหรือคะ
ขอบคุณมิสวายมากๆเลยนะคะ”
ทิรายกมือขึ้นไหว้มิสวายประหลกๆ
เธอนึกขอบคุณสุภาพสตรีในชุดดำที่เป็นเหมือนนางฟ้าลงมาช่วยชีวิตในยามยากลำบากของเธออย่างนี้เหลือเกิน
ไม่รู้ว่าถ้าไม่บังเอิญเจอมิสวายแล้วชีวิตของเธอในตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง..
..เธอจะกำลังขายตัวให้กับใครบ้าง
เพื่อให้พอกับค่ารักษาของแม่เธอ..
..นางฟ้าในชุดดำ
แม้ฉันจะไม่รู้ว่าคุณเป็นใครแต่ฉันก็รู้สึกดีกับคุณเหลือเกิน
ฉันจะตอบแทนคุณและทำงานของคุณให้ดีที่สุด..
ทิราทั้งคิดทั้งยิ้มนั่งจ้องมองมิสวายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครสักคนในเรื่องโรงพยาบาลของแม่ทิราอย่างที่หล่อนบอกเธอก่อนหน้านั้น...
///////////////////////////
ทิรากลับจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งใหม่ที่มิสวายย้ายแม่ไปราวๆหกโมงเย็นของวัน
ตอนนั้นมิสวายให้คนขับรถไปส่งเธอที่โรงพยาบาลและนัดแนะให้เธอรอดูแลแม่ที่อีกไม่นานหลังจากนั้นรถจากโรงพยาบาลรัฐก็ส่งตัวย้ายมาให้
ตอนนั้นสตรีในชุดดำบอกแต่เพียงว่าให้ทิราทำใจให้สบาย
เพราะหล่อนได้ดำเนินการกำชับหมอรวมทั้งดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ทิราหมดแล้ว
ทิรามีหน้าที่แค่ดูแลแม่และรีบไปตามนัดในเวลาทำงานสองทุ่มที่มิสวายนัดเธอไว้ก็พอแล้ว..
ทิราก้าวเท้าลงจากแท๊กซี่ที่จอดส่งเธอหน้าปากซอย
เธอเดินลัดเลาะตามทางเดินชุมชนแออัดเข้าไปเกือบๆท้ายซอย
เดินตัดหัวมุมร้านขายของชำผ่านบ้านคนทรงเจ้าที่แม่เธอมักจะเข้าไปใช้บริการก่อนจะถึงบ้านไม้ชั้นเดียวที่ทาสีฟ้าเคลือบแผ่นไม้เอาไว้และสีพวกนั้นก็เริ่มจะหลุดรุ่ยไปตามแรงลมแรงแดดตามระยะเวลาเกือบๆสิบปีที่ทิราและแม่อาศัยเช่าอยู่ที่นี่
บ้านเช่าไม้ชั้นเดียวราคาเช่าต่อเดือนไม่แพงแถมยังอยู่ใกล้กับตลาด
และจากจุดนี้ทิราสามารถนั่งรถประจำทางไปโรงเรียนและมหาวิทยาลัยได้สบายในตอนที่เธอยังเรียนอยู่
แม้จะเป็นชุมชนแออัด
แต่ทิราก็ชินที่จะอยู่และไปๆมาๆเข้าออกซอยได้สบายๆเพราะโชคดีที่ซอยนี้ไม่มีเด็กเกรกมะเหรกเกเรอะไรอาศัยอยู่
ภาพชายแก่หญิงชรานั่งคุยกันอยู่หน้าบ้านเป็นภาพที่ชินต่อสายตาทิรามาตั้งแต่สมัยย้ายมาอยู่ใหม่ๆ
ซอยนี้คนหนุ่มคนสาวน้อยมีแต่คนแก่วัยทองอาศัยอยู่กิน
ไม่แปลกเลยที่ทิราจะได้ยินคนเรียกซอยนี้ขำๆกันว่า
“ซอยบ้านพักคนชรา”
ทิราหยุดยืนอยู่หน้าประตูก้มลงค้นกุญแจในกระเป๋าสะพาย
แต่พอเธอเงยหน้าจะเอาดอกกุญแจไขบ้านเข้าไปความประหลาดใจก็เกิดขึ้นกับเธอทันที..
ประตูบ้านเธอแง้มออก
กุญแจไม่ได้ใส่ไว้ มีคนดึงมันออกไป
แสดงว่าข้างในต้องมีอะไรแน่นอน..
หญิงสาวรีบเปิดประตูบ้านพุ่งเข้าไป
นึกเป็นห่วงข้าวของเครื่องใช้รวมทั้งเงินสดที่เธอแอบเก็บสำรองไว้ในบ้านนั้นด้วย
มีโจรเข้ามางัดบ้านเธอแน่นอน..เธอคิดเช่นนั้น..
สำหรับทิราความงกมาก่อนความกลัว
ความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้าโจรเมื่อคิดว่ามันจะมาเอาเงินที่เธอกับแม่อุตสาห์เก็บเล็กผสมน้อยทำให้เธอรีบพุ่งพรวดเข้าไปในบ้านทันทีโดยลืมคิดไปว่า..หากมีโจรอยู่ในบ้านจริงๆสิ่งที่ดึงดูดใจโจรมากกว่าเงินเล็กๆน้อยๆพวกนั้น..น่าจะเป็นใบหน้าสะสวยโดดเด่นและเรือนร่างสะโอดสะองน่าหลงใหลของเธอในตอนนี้มากกว่า...
หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปโถงกลางบ้านพร้อมๆกับอาการตกอกตกใจเมื่อเจอเข้ากับใครบางคนในชุดดำทั้งตัว...
“มิสวาย..”
ทิราอุทานมือทาบอก
เธอยืนอึ้งมองสตรีในชุดดำนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาไม้หน้าทีวีของเธอโดยมีบอดิการ์ดสองนายยืนขนาบข้างซ้ายขวาระหว่างโซฟาไว้
หญิงสาวในชุดดำยิ้มโชว์ปากแดงกร่ำ
เงาจากหมวกใบใหญ่ยังคงปกคลุมใบหน้าเกือบๆจะทั้งหน้าเอาไว้จนแทบจะไม่ต้องใส่แว่นตาดำทับลงไปอีกก็ได้
แต่มิสวายก็ยังคงรักษาภาพลักษณ์อึมครึมมิดชิดเอาไว้แม้จะอยู่ในบ้านที่เด็กสาวอยู่แค่คนเดียวก็ตาม..
ทิราคิ้วขมวดมองมิสวาย..นี่คุณเธอใส่ชุดสีดำทะมึนทึบทึบของเธอเดินฝ่าเข้ามากลางชุมชนอย่างนี้เนี่ยนะ
ไหนว่าเป็นความลับ
ไหนระบุในสัญญาชัดเจนว่าห้ามให้ใครรู้เรื่องของเธอกับมิสวายเด็ดขาดไง
แล้วแต่งกายประหลาดประเจิดประเจ้อเป็นเป้าสายตาเดินฝ่าดงคนเข้ามา
ไม่คิดว่าจะมีใครสงสัยอย่างนั้นเหรอ..เด็กสาวคิดถึงภาพสตรีในชุดดำในวันนี้เธอยื่นสัญญาให้อีกครั้ง..
“..อย่าพยายามสืบว่าฉันเป็นใคร
จงคิดว่าฉันเป็นแค่ใครก็ได้ที่ไม่มีตัวตนในโลกใบนี้
อย่าให้ใครรู้เรื่องระหว่างฉันกับเธอและอย่าลืมว่าไม่ว่าเธอจะพยายามสืบเรื่องฉันยังไง..ฉันย่อมรู้ตัวไวกว่าเธอหนึ่งก้าวเสมอ
จำไว้..”
โฮะ..นี่คงจะเหมือนที่เธอบอกกับฉันในตอนที่เซ็นสัญญาสินะ
ไม่ว่ายังไงเธอย่อมรู้ตัวเร็วกว่าฉันเสมอหนึ่งก้าวนี่ก็คงจะหมายความว่าเธอรู้เรื่องฉันทุกอย่างอยู่แล้ว
อย่างที่เธอมาหาฉันได้ถึงในบ้านอย่างนี้ใช่มั้ย...
ทิราทั้งคิดทั้งขมวดคิ้ว
ตอนนี้เด็กสาวแอบเคืองผู้หญิงในชุดดำขึ้นมานิดๆที่เห็นว่าหล่อนช่างไม่ให้เกียรติเธอเอาเสียเลย
การสะกดรอยตาม
การรุกร้ำชีวิตส่วนตัวเป็นสิ่งที่ทิราไม่พึงปรารถนาเอามากๆ
เพราะเธอเป็นผู้หญิงและครอบครัวของเธอก็มีแต่แม่ที่เป็นผู้หญิงเท่านั้น
การระแวดระวังภัยของพวกเธอทั้งสองนั้นคือการกันไม่ให้ใครละลาบละล้วงลุกล้ำเข้ามาในชีวิตโดยที่ไม่ได้อนุญาติอย่างที่เธอกำลังโดนกระทำคุกคามอย่างนี้..
..ตัวเองห้ามไม่ให้เราสืบ
ทีอย่างนี้เข้ามาประชิดตัวถึงในบ้านเชียวนะ..เด็กสาวกัดฟันมองผู้หญิงในชุดสูทผ่าแขนสีดำด้วยความเคืองค้าง
อารมณ์ช่างต่างจากความซาบซึ้งใจเมื่อตอนบ่ายที่เธอมีให้กับผู้หญิงคนเดียวกันนัก
นางฟ้าในชุดดำอย่างนั้นเหรอ
นี่เธอคงต้องทบทวนดูใหม่เสียแล้วว่าผู้หญิงปริศนาคนนี้จะเข้ามาทำอะไรกับชีวิตของเธอบ้าง..
“เชิญนั่งทิรา..ไม่ต้องเกร็ง
ทำตัวตามสบายเลยนะ”เสียงสุภาพสตรีในชุดดำเรียกสติทิราอีกครั้ง
ซึ่งนั่นก็ทำให้ทิราเหวอผงะทันทีที่เห็นว่าแขกไม่ได้รับเชิญ..เชิญให้เธอนั่งในบ้านของตัวเธอเสียด้วย..
..ช่างกล้า..
หญิงสาวแอบบ่นในใจแต่ก็ไม่ได้แสดงออกอะไรเพราะสายตาเธอเหลือบไปเห็นบุรุษในชุดดำอีกสองคนยังคงยืนคุมเชิงและเฝ้ามองท่าทางการเคลื่อนไหวของทิราทุกระเบียบนิ้วอยู่
“ทำไมเธอกลับบ้านช้านักล่ะ
ฉันจำได้ว่าตารางนัดงานของเราวันนี้อยู่ที่สองทุ่มนี่นา
อีกแค่หนึ่งชั่วโมงกว่าๆเธอจะเตรียมตัวทันได้อย่างไร”
ผู้หญิงในชุดดำทั้งพูดทั้งยิ้ม
เธอจ้องมองทิราที่นั่งลงที่นั่งด้านข้างเธอก่อนจะยกมือขึ้นดีดนิ้วให้สัญญาณกลางอากาศดังเป๊าะ
จนทิราเองยังแอบสะดุ้งเมื่อเห็นบอดิการ์ดด้านซ้ายของมิสวายรีบหันขวับมาหาทิราก่อนจะก้มลงหอบเอากองถุงกระดาษใบใหญ่ๆพะรุงพะรังหลายๆถุง
เดินเข้ามาวางให้ต่อหน้าโต๊ะรับแขกที่ทิรานั่ง
“ฉันดูเสื้อผ้าจากตู้เธอ
รู้สึกว่ามันยังไม่ใช่ผู้หญิงในแบบที่เมษาชอบ
ยังไงเธอรีบอาบน้ำแต่งตัวตามเสื้อผ้าที่ฉันซื้อมาให้เธอด้วยแล้วกันนะ”
“ห๊ะ!!
นี่คุณเข้าไปค้นดูเสื้อผ้าฉันด้วยอย่างนั้นเหรอ!!!”
ทิราลุกขึ้นโวยวายมิสวายทันทีที่ได้ยินคำบอกกล่าว
ตอนนี้เด็กสาวนัยตาสีน้ำตาลกำลังโกรธ
เธอเริ่มคุมความโมโหที่เธออุตสาห์เก็บไว้ก่อนหน้านี้ไม่ได้เสียแล้ว
“คุณถือวิสาสะเข้ามาบ้านฉันตอนที่ฉันไม่อยู่
หนำซ้ำยังเข้ามาค้นดูของส่วนตัวของฉันอีก
นี่มันนอกเหนือจากสิ่งที่เราตกลงกันแล้วนะ”
“นอกเหนือจากข้อตกลงอย่างนั้นเหรอ..ไม่นี่
เธอหมายถึงสัญญาใช่มั้ย
ฉันว่าไม่นะ นี่เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาเลยล่ะ”
ทิราคิ้วขมวดทันทีที่ได้ยินคำว่า
“ส่วนหนึ่ง”
เธอยืนมองมิสวายยื่นมือขึ้นดีดนิ้วส่งสัญญาณบอดิการ์ดของเธออีกครั้ง
ก่อนที่ชายชุดดำอีกฝั่งจะเปิดเสื้อสูทของเขาหยิบเอาซองเอกสารส่งมาให้หญิงสาวในชุดดำเบื้องหน้าด้วยอาการพินอบพิเทา
มิสวายหยิบเอกสารในซองขึ้นมา
เธอฉีกยิ้มจากปากสีแดงของเธอช้าๆก่อนจะอ่านข้อความในกระดาษแผ่นนั้นชัดๆ....
“...สัญญานี้เขียนขึ้นระหว่าง
“มิสวาย”ซึ่งต่อไปนี้ในสัญญาจะเรียกว่า
“ผู้ว่าจ้าง” และ “นางสาวทิรา
บุญจันทร์” ซึ่งต่อไปนี้ในสัญญาจะเรียกว่า
“ผู้รับจ้าง” อีกฝ่ายหนึ่ง
ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงทำสัญญาจ้างงานกันโดยมีข้อความดังต่อไปนี้
ผู้ว่าจ้างตกลงว่าจ้างผู้รับจ้างให้หน้าที่ทำให้
“นางสาวเมษา อิงตะวัน”
หลงรักให้ได้ภายในระยะเวลาสามเดือน
โดยผู้รับจ้างจะใช้วิธีใดก็ได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยู่ภายใต้ข้อตกลงดังต่อไปนี้
ข้อ1.ไม่ว่าผู้รับจ้างจะใช้แผนการหลอกล่อนางสาวเมษาอย่างไรก็ห้ามมีอะไรกับนางสาวเมษาเด็ดขาด
ข้อ2.ผู้รับจ้างต้องทำตามคำสั่งของผู้ว่าจ้างเสมอ
ห้ามขัดคำสั่งเพราะผู้ว่าจ้างอาจจะเป็นผู้วางแผนทั้งหมดให้
ข้อ3.ห้ามให้นางสาวเมษาหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเมษารู้ตัวจริงของผู้รับจ้างเป็นใคร
ข้อ4.ห้ามไม่ให้ใครรู้เรื่องราวระหว่างผู้รับจ้างกับผู้ว่าจ้างเด็ดขาด
ข้อ5.ห้ามทำการสืบหาว่าตัวจริงของผู้ว่าจ้างเป็นใครเด็ดขาด
หากผู้รับจ้างละเมิดข้อตกลงข้อใดข้อหนึ่งถือว่าสัญญาณเป็นโมฆะ
ผู้ว่าจ้างมีสิทธิยกเลิกสัญญาและยึดเอาเงินมัดจำหนึ่งล้านบาทที่ให้ไปก่อนหน้านั้นคืนทั้งหมดได้..”
มิสวายเงยหน้าจากสัญญาขึ้นมายิ้มให้ทิราอีกครั้ง..
“แต่นี้คุณก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของฉัน
ซึ่งมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผู้หญิงที่ชื่อเมษาเลยนี่”
“เกี่ยวสิ
ก็ฉันบอกอยู่นี่ไงว่าถ้าเธอยังแต่งตัวอยู่อย่างนี้เมษาเขาไม่ชายตาแลเธอหรอก
เธอจะต้องเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวเสียใหม่
แล้วในสัญญาก็บอกอยู่แล้วไงว่าให้ทำตามคำสั่งของฉันเพราะฉันก็มีหน้าที่วางแผนการให้เธอเช่นเดียวกัน
คือ..เอางี้นะ
ลำพังความคิดของเด็กกะโปโลอย่างเธอน่ะ
ฉันไม่คิดว่ามันจะทำให้แผนการนี้สำเร็จได้หรอก”
ทิราคิ้วสั่นดิ๊กๆ
คำว่าเด็กกะโปโลทำให้อารมณ์ฉุนเฉียวของเธอเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแล้วตอนนี้
“เด็กกะโปโลอย่างนั้นเหรอ
ถ้าคุณคิดว่าฉันเป็นเด็กกะโปโลทำไมคุณไม่หาคนใหม่ที่ดีกว่าหรือไม่ก็จัดการด้วยตัวเองล่ะ
ถ้าคุณคิดว่าฉันในตอนนี้มันแย่ขนาดนั้น
คุณก็ทำให้เขารักคุณเองสิ!!”
ปึง!!
มิสวายหวดกระดาษสัญญารวมทั้งซองน้ำตาลในมือลงบนพื้นโต๊ะทันทีที่ได้ยินเด็กสาวที่อายุอานามห่างจากเธอถึง12ปีกำลังโยกโย้ท้าทายอารมณ์เธออยู่
ซึ่งนั่นก็ทำให้บอดิการ์ดทั้งสองคนรีบเดินเข้าไปประชิดตัวทิราจนทิราสะดุ้งหน้าถอดสีทันทีที่เห็นเหมือนพวกเขากำลังจะทำอะไรเธอถ้าไม่โดนสตรีในชุดดำห้ามเสียก่อน..
“หยุด!!
อย่าพึ่งทำอะไรเธอ
ปล่อยเธอไปก่อน”
มิสวายถอนหายใจใหญ่พยายามสงบสติอารมณ์
ซึ่งนั่นเลยทำให้ทิราเริ่มรู้ตัวว่าตนเองเผลอทำให้คนที่เธอรู้ว่าหล่อนมีอำนาจเงินตรา
รวมทั้งความพิเศษเหนือชาวบ้านชาวช่องโกรธจัดเข้าแล้ว
ตอนนี้หน้าของแม่เธอในห้องพิเศษโรงพยาบาลเอกชนลอยขึ้นในหัวทันทีที่นึกขึ้นได้ว่า..แม่เธอยังไม่ฟื้น..แม่เธอยังไม่ฟื้น..อดทนไว้ทิรา..อย่าทำให้เขาโกรธ
เข้าใจมั้ย..
เด็กสาวคอตกรีบนั่งลงกับเก้าอี้ตัวเก่าก่อนจะยกมือไหว้ขอโทษมิสวายประหลกๆ
“ขอโทษนะคะมิสวาย
ทิไม่ได้ตั้งใจ ทิแค่..แค่
โมโหที่คุณเข้าไปค้นดูของของทิและว่าทิเป็นเด็กกะโปโลแค่นั้นเอง
ทิไม่ตั้งใจกวนอารมณ์คุณหรอกค่ะ
ถ้ามิสวายเห็นว่าอะไรดีสมควรทำทิก็จะทำให้ก็แล้วกันค่ะ..ทิขอโทษที่โยกโย้คุณนะคะ”
มิสวายนั่งนิ่งไม่ตอบอะไร
เธอได้แต่เบือนหน้าหนีทิราไปใคร่ครวญครุ่นคิดถึงสิ่งที่เด็กสาวพูดด้วยความเจ็บใจอยู่เงียบๆ..
นั่นสินะ
ทำไมฉันถึงทำให้เขารักฉันไม่ได้
ทั้งๆที่ฉันก็มีทุกอย่างพร้อมขนาดนี้
หึ..น่าสมเพทตัวเองเสียจริง..นี่ฉันต้องมาพึ่งพาเด็กสาวที่ไม่รู้ประสีประสาทั้งไร้เดียงสา
ไม่รู้จักแม้กระทั่งว่าความรักจริงๆอาจะไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคนก็ได้ในการดึงเอาคนรักตัวเองกลับมาอย่างนั้นหรือนี่..สตรีในชุดดำนั่งเหม่อลอยอยู่นานก่อนจะพยายามปรับอารมณ์
เธอหันกลับมามองเด็กสาวใบหน้าหงอยๆนั่งคอตกมองสัญญาบนพื้นโต๊ะด้วยความรู้สึกผิดที่หล่อนเผลอพูดให้เธอโกรธก่อนหน้านี้ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่เธอนั่งเดินเข้ามาอยู่ต่อหน้าเด็กสาวแล้วเชยคางหล่อนให้เงยหน้าขึ้นมามองเธอ
“เอาล่ะทิรา
ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว
เธอรีบไปอาบน้ำเถอะ
ฉันจะได้รีบช่วยเธอแต่งตัว...”
//////////////////////
แสงแวววาวของต่างหูเพชรระย้าที่มิสวายบรรจงสวมใส่ให้กับหูทิราสะท้อนผ่านกระจกระยิบระยับ
ใบหน้าของเด็กสาวไร้เดียงสาตอนนี้ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันเครื่องประทินโฉมที่เธอในชุดดำบรรจงจัดแต่งให้
หน้าเรียวสวยแบบสาวฝรั่งถูกแต่งเติมให้ดวงตาสีน้ำตาลดูเด่นและคมกริบแลดูน่าค้นหาเหมาะกับชุดเดรสสีดำประกายทองที่เปิดโชว์เนินหน้าอกขนาดใหญ่ด้านหน้านี้เหลือเกิน
มิสวายปล่อยมือจากต่างหูทิรา
เธอยืนมองเด็กสาวที่กำลังยืนยิ้มเขินๆอยู่ด้านหน้าอย่างอารมณ์ดี..
“สวยแล้ว
ดูมีเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหาอย่างที่เมษาชอบแล้ว”
สตรีในชุดดำทั้งพูดทั้งยิ้ม
มือของเธอก็ยื่นไปเชยคางเด็กสาวขึ้นมองริมผีปากสวยอวบอิ่มที่เธอทาแต้มลิปสติกสีแดงเลือดนกไว้ให้
“เมาๆมองมาคงมีหลงจูบบ้างล่ะ
ปากกระจับอวบอิ่มอย่างนี้น่ะ”
มิสวายยิ้มกว้างปลื้มปริ่ม
ประหนึ่งศิลปินกำลังชื่นชมผลงานของตัวเองอยู่
..อืม..ปากสวยเซ็กซี่อย่างนี้ต้องมีใครหลงเคลิ้มบ้างล่ะน่ะถ้าเผลอจ้องนานๆอย่างนี้น่ะ...แน่นอนเธอก็คิดเช่นเดียวกัน..
“หือ..นี่เขาจะจูบทิด้วยหรือคะ”
เด็กสาวหน้าตาเหรอหราขึ้นทันทีที่ได้ยินมิสวายพึมพัมก่อนหน้านั้น
ซึ่งนั่นก็ทำให้มิสวายอมยิ้มเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองเผลอพูดอะไรให้ลูกไก่เจี๊ยบน้อยตัวนี้ตื่นกลัวเข้าเสียแล้ว
“ไม่หรอกน่า
ฉันแค่พูดเล่น ถึงเขาจะเจ้าชู้คาสโนวี่ยังไง
เขาก็คงไม่ถึงกับพาผู้หญิงที่พึ่งรู้จักกันได้แค่คืนเดียวไปนอนด้วยหรอก..มั้ง”
เสียง “มั้ง”
สูงๆแปล่งๆฟังดูไม่ค่อยมั่นใจของมิสวายทำให้ทิราคิ้วขมวดตื่นกลัวเข้าไปใหญ่
“โฮย..ทิกลัวๆยังไงไม่รู้ค่ะมิสวาย
ยิ่งมาอ่านว่านิสัยของคุณเมษาเจ้าชู้แล้ว..ทิก็ยิ่งกลัวว่า..เอ่อทิจะรักษาสัญญาข้อนั้นได้มั้ย..”
มิสวายอมยิ้มหัวเราะหึๆ
นึกขำเด็กน้อย
“ข้อที่ว่าห้ามมีอะไรกับเขานั่นน่ะเหรอ”
ทิราหน้าแดงพยักหน้าหงึกๆ
ทั้งอายทั้งขำ
นี่เธอกำลังจะไปอ่อยผู้หญิงด้วยกันแต่ห้ามมีอะไรกับเขาอย่างนั้นเหรอ..แล้วมันจะสำเร็จไปได้ยังไง
แต่งเซ็กซี่ไปยั่วเขาแต่ไม่ให้เขามีอะไรด้วยเนี่ยนะ
เธอจะรอดไหม??
ยิ่งคิดยิ่งงง
ยิ่งนึกทบทวนถึงข้อสัญญารวมทั้งรายละเอียดของผู้หญิงที่ชื่อเมษาแล้วเธอก็ยิ่งมีคำถามชวนสงสัย
กระทั่งอดไม่ได้ต้องเรียบๆเคียงๆถามมิสวายไปด้วยทั้งความเกรงใจทั้งสงสัยเหลือคณา..
“ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยคะ
คืออย่างน้อยๆที่ทิไปทำงานให้คุณนี่ก็ให้ทิได้รู้ความเป็นไปเป็นมาหรือคอนเซ็ปต์ที่งานของเราต้องทำก่อนได้มั้ยว่าทำไปเพราะอะไร
คือทิแค่สงสัยว่ามิสวายอยากให้ทิทำให้คุณเมษารักทิเฉยๆเท่านั้นหรือคะ
แล้วถ้าเขารักทิได้แล้วทิต้องทำยังไงต่อ”
“เธอก็ทิ้งเขาไง
ถ้าเธอทิ้งเขาแล้วเดี๋ยวเขาก็กลับมาหาฉันเอง”
“อ้าวแล้วตอนนี้เขาก็อยู่เฉยๆอยู่นี่
เขาไม่ไปหาคุณเหรอคือไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้ฉันไปทำให้เขารักก่อนล่ะค่ะ
คุณก็ไปเอาเขากลับมาตอนนี้เลยไม่ดีกว่าเหรอ”
“หึ..เขาไม่กลับมาหาฉันหรอกเพราะเขากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น
จริงๆแล้วหน้าที่ของเธอก็คือทำยังไงก็ได้ให้เขากับผู้หญิงคนนั้นเลิกกันให้ได้แค่นั้นล่ะ..”
“อ๋อ
ผู้หญิงคนนั้นเขาแย่งแฟนคุณใช่มั้ยคะ
อ๋อ..ทิเข้าใจแล้ว
แผนสะกัดมือที่สามด้วยมือที่สี่ใช่มั้ยคะ
ถ้าเขาเลิกกันแล้วเดี๋ยวคุณเมษาก็จะกลับมาคบกับคุณใช่มั้ย”ทิราตบมือฉาด
เธอเข้าใจเรื่องราวได้ทันทีที่มิสวายพูดมาถึงตอนนี้
แหม..ก็แค่ไปทำให้เขาเลิกกันแล้วดัดหลังทิ้งเขาอีกทีเพื่อที่คุณเมษาอะไรนั่นจะได้กลับมาคบกับมิสวายอย่างนั้นล่ะสิน่ะ
เฮ้อ..รักสามเส้านี่เอง..ทิราทั้งคิดทั้งยิ้มจ้องมองไปที่ริมฝีปากแดงกร่ำที่หุบยิ้มก่อนหน้านั้นลง
สตรีชุดดำเปล่งเสียงเศร้าๆให้ความรู้สึกปวดร้าวแปลกๆแต่ก็แฝงด้วยความหวังบอกทิราออกมาว่า..
“ไม่หรอกทิรา..เขาไม่กลับมาคบกับฉันหรอก
ไม่มีวันด้วย
แต่เขาจะไม่เดินออกจากชีวิตฉันไปอย่างที่เขากำลังทำกับฉันอย่างนี้แน่นอน
ถ้าแผนการของเราสำเร็จ..ทิรา..”