Lovely
Mafia Girl
ลูกสาวเจ้าพ่อ
ขอเป็นแฟนหนู
เสือและสิงห์
“..เหรอ
อืมๆ..จ๊ะๆ
รู้ๆ อืมๆ แค่นี้นะ อืมๆ..บาย”
เสียงจิ๊ๆจ๊ะๆของพี่เนยดังมาเรื่อยๆตอนที่เธอเดินเข้ามาหยุดอยู่ในห้องแล้วพยายามถอดเสื้อคลุมออกจากตัวทั้งๆที่เธอยังไม่ได้วางสายโทรศัพท์ดี..
ฉันต้องยืนเหล่แอบมองค้อนเจ้าหล่อนด้วยความหมั่นไส้ที่ได้ยินเสียงเล็กเสียงน้อยฟังดูหวานๆเลี่ยนๆเหมือนตอนที่หล่อนโทรมาหาฉัน..
“ก็วางสายซะก่อนสิค่อยถอดออก
จะยืนถอดมือเดียวอย่างนั้นมันจะถอดได้มั้ยนั่น”
เสียงบ่นลอยๆของฉันดังออกไปตอนที่ฉันแกล้งเดินไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่ปลายเตียงโดยที่ไม่ได้หันไปมองเจ้าหล่อนตอนที่บ่น
“ถ้ามีธุระคุยกับคนอื่น..ติดสายคนอื่นอยู่
ไม่ว่างก็ไม่ต้องมาหาก็ได้นะ
ไม่ได้อยากฟังคนอื่นคุยกันเท่าไหร่”
ฉันยังบ่นลอยๆด้วยน้ำเสียงงอนๆออกไปให้ลอยเข้าหูพี่เนยเหมือนเดิม
“กี้ว่าพี่เหรอ..”พี่เนยทำเสียงงงๆเหมือนคนไม่รู้ตัวว่าโดนว่า
เธอเดินอ้อมเตียงมาฝั่งที่ฉันนั่งแล้วนั่งยองๆต่อหน้าฉันแล้วใช้มือทั้งสองดึงมือฉันขึ้นมากุมไว้
ก่อนจะจ้องหน้าฉันแล้วยิ้มเล็กยิ้มน้อย..
“ทำไมทำเสียงอย่างนั้น..โกรธให้พี่หรือเปล่า”
“เปล่า..ก็แค่บอก
เข้ามาในห้องกี้กี้บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เงียบๆไม่ให้เสียงดัง
แล้วดูพูดจ๊ะๆจ๋าๆตั้งแต่ตอนที่กี้เปิดบ้านออกไปรับแล้วยังไม่หยุดอีก
ดูมีความสุขขนาดนั้นทีหลังก็ไปคุยกับเค้าต่อหน้าเลยก็ได้นะ”
พี่เนยอมยิ้มกลั้นหัวเราะอยู่ครู่ใหญ่ๆก่อนจะพยายามอธิบายอะไรของเธอต่อ
“พี่พูดกับเพื่อนที่เคยเจอกันในผับอะ
ก็ไม่ค่อยสนิทเลยต้องพูดดีๆด้วยหน่อย”
“หรา...”ฉันเบ้ปากเหล่มองค้อนให้พี่เนย
“แน่ใจเหรอว่าเพื่อน
ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ”
พี่เนยยิ้มพยักหน้างึกๆ
“เพื่อนสิ..เพื่อนจริงๆ
เป็นผู้หญิง
เดี๋ยวเปิดรูปในโทรศัพท์ให้ดูเลยเอาป่ะ..กี้ไม่ชอบให้พี่คุยกับคนอื่นเหรอ..อันนี้..กี้หึงใช่ป่ะ”
พี่เนยทั้งพูดทั้งยิ้มเหมือนเธอดีใจที่เธอเห็นท่าทีประหลาดๆของฉันอย่างนั้น
“บ้า..ใครจะไปหึง..เข้าข้างตัวเองเกินไปแล้ว”
ฉันแกล้งดันมือพี่เนยออกจากตัวแล้วทำเป็นขยับหันหน้าไปทางอื่น
“จริงสิ
แย่จังเลยอ่ะ พี่ก็หลงดีใจอยู่ตั้งนาน”
พี่เนยทำเสียงทะเล้นแล้วยกตัวลุกขึ้นยืนเดินมาต่อหน้าฉันให้มองเห็นเธออีก
“เป็นไงบ้าง
พี่ใส่ชุดนี้แล้วสวยมั้ย”
พี่เนยพูดพลางหมุนตัวไปรอบๆโชว์ชุดสวยที่เธอตั้งใจใส่มาอวจฉันตอนนี้..
..มันเป็นชุดเดรสสีดำกระโปรงสั้นๆโชว์เนินขาอ่อนตามสไตล์พี่เนย
ตรงเสื้อด้านหน้าจะเป็นผ้าย่นๆรูปตัววียาวขึ้นไปคล้องที่คอแล้วปล่อยเนื้อผ้าย่นๆหย่อนๆตรงคอเสื้อด้านหน้าจนมองเห็นเนินหน้าอกพี่เนยเกือบๆจะทั้งเนินอีกแล้ว
...แล้วพอเจ้าหล่อนหันหลังโชว์ด้านหลังของเสื้อที่มันมีผ้าแถบยาวๆที่ยาวต่อออกมาจากคอเสื้อด้านหน้าที่ประดับด้วยเม็ดอะไรก็ไม่รู้ที่มันสะท้อนแสงวับแวบแวววาวเวลาที่เธอหมุนไปหมุนมา
ฉันมองผ่านเสื้อด้านหลังของเธอเข้าไป
ถ้าไม่มีแถบผ้าแถบนี้ปิดไว้ก็เท่ากับว่าพี่เนยใส่เสื้อบางๆย่นๆแค่ด้านหน้าด้านเดียวส่วนข้างหลังก็..เปลือย!!!
เฮ้ยยยย....
ฉันคิ้วขมวดทันทีที่เห็นภาพชุดนี้ของเจ้าหล่อน
“อย่าบอกนะว่าชุดนี้ก็ใส่ไปเที่ยวอีกอ่ะ”
“ใช่
สวยมั้ย พี่ว่ามันเซ็กซี่ดี
เวลาอยู่ในที่มืดๆแล้วมันสวยอะ
พี่ใส่ไปทีไรมีแต่คนชมว่าสวย”
ฉันตาขวางมองหน้าพี่เนยอย่างเคืองๆ
“แล้วคนที่ชมว่าสวยน่ะผู้หญิงผู้ชาย”
พี่เนยหยุดกึ๊ก
มองหน้าฉัน
“ก็ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย..แต่ส่วนมากจะ..”
“ผู้ชายใช่ป่ะ”
ฉันรีบสวนพี่เนยขึ้นทันทีแม้หล่อนจะยังพูดไม่จบ
“นั่นไง..แล้วไงทีนี้เค้ามามองเค้ามาจับตัวพี่เนยมั้ย
ทำไมชอบให้ใครก็ไม่รู้มองตัวเองทั้งๆที่โป้ๆเปลือยๆอย่างนั้นอ่ะ
มีความสุขเหรอ”
“พี่ไม่ได้มีความสุขที่มีคนมองเราโป้ๆเปลือยๆนะ
แต่พี่มีความสุขที่ใส่แล้วมันสวยต่างหากเล่า
กี้ไม่ชอบหรือไงอ่ะทำไมต้องว่าพี่อย่างนี้ตลอดเลยอ่ะ
ไหนว่าชอบพี่แต่งตัวอย่างนี้”
พี่เนยทำเสียงหงอยๆเธอทั้งแก้ตัวทั้งทำเสียงน้อยใจตอนที่เธอต่อว่าต่อขานฉันเมื่อเห็นว่าฉันว่าเธออย่างนั้นทั้งๆที่ฉันเคยบอกว่าชอบเธอแต่งตัวอย่างนี้แล้วแท้ๆ
ฉันจ้องเขม็งมองพี่เนยอยู่นาน..
..ไอ้ชอบมันก็ชอบอยู่หรอก...
..แต่ทำไงได้..พอฉันเริ่มนึกว่าพี่เนยใส่ชุดนี้แล้วสวยแถมยังเซ็กซี่มากๆอีก
ฉันก็เริ่มนึกถึงหน้าคนอื่นๆที่เห็นพี่เนยในตอนนี้เหมือนกัน
ในเมื่อเป็นคนเหมือนๆกันมีความรู้สึกเหมือนๆกันแล้วทำไมคนพวกนั้นเค้าจะไม่คิดถลำต่ำตมเหมือนที่ฉันกำลังคิดกับพี่เนยอย่างนี้เล่า...
พี่เนยทำหน้าสลดยืนไหล่หดมองดูเหมือนคนหมดความมั่นใจทันทีที่ได้ยินฉันว่า
มองดวงตาหงอยๆเศร้าๆสีน้ำตาลคู่นั้นแล้วฉันก็อดที่จะนึกสงสารเจ้าหล่อนขึ้นมาอีกไม่ได้
“ชุดนี้ถอดไว้ที่บ้านกี้ได้ป่ะ
ตอนเช้าใส่ชุดกี้กลับบ้านเอา..”
“ทำไมอ่ะ”
พี่เนยทำหน้างงๆ
“ก็เก็บเอาไว้ใส่ให้กี้ดูคนเดียวไง
กี้ไม่เชื่อหรอกว่าพี่เนยจะไม่แอบเอาชุดอย่างนี้ออกไปใส่อีกถ้ากี้จะขอร้องไม่ให้พี่เนยใส่ชุดนี้อีก..”
“กี้ไม่ชอบให้พี่ใส่ชุดนี้เหรอ”
พี่เนยถามเสียงนอยด์ๆเหมือนคนไม่มั่นใจที่เห็นฉันบอกเธออย่างนั้น
“ชอบสิ..ยังไงก็ต้องชอบอยู่แล้ว
ก็พี่เนยใส่แล้วสวยนี่นา
ขนาดกี้เป็นผู้หญิงด้วยกันยังมองว่าพี่เนยใส่ชุดนี้แล้วสวยและเซ็กซี่เลย
แล้วผู้ชายล่ะจะเป็นยังไง
พี่เนยแต่งตัวเซ็กซี่ได้นะแต่ต้องมีลิมิตได้ป่ะ
บางทีชุดมันก็โป้เกินไป
กี้เห็นแล้วไม่สบายใจ”
“จะบอกว่ากี้ห่วงพี่อีกอย่างนั้นเหรอ”พี่เนยยังจ้องหน้าฉันดวงตานอยด์ๆบ่งบอกถึงความรู้สึกไม่มั่นใจในสิ่งที่เธอได้ยินมานั้น
“อืม..ประมาณนั้นล่ะ”
ฉันยิ้มแหยๆค่อยๆเอื้อมมือไปจับมือพี่เนยด้วยเพราะอยากปลอบใจเจ้าหล่อนให้หายท่าทางเศร้าๆดูเหงาๆนอยด์ๆอย่างนี้ไปบ้าง
ซึ่งก็ได้ผลพอฉันแกล้งเลื่อนมือไปจั๊กกะจี๊เจ้าหล่อน
หล่อนก็ยิ้มร่ารีบเดินเข้ามานั่งตักฉันแล้วใช้สองมือโอบคอของฉันพลางทำตาหวานแล้วก้มหน้ามอบจุมพิตเล็กๆให้เป็นของขวัญสำหรับคำปลอบใจของฉัน
ฉันต้องเผลอไผลปล่อยตัวปล่อยใจให้ไหลตามจุมพิตหวานๆของพี่เนยอยู่ครู่ใหญ่ๆกว่าที่ฉันจะพยายามผละตัวเองออกมา
ด้วยเพราะว่าตอนนี้ฉันยังไม่ทันได้อาบน้ำเลย
เพราะตั้งแต่ตอนที่พี่พลอยโทรมาช่วงหัวค่ำนั้นแล้วฉันก็รับแอดพี่พลอยเปิดดูนั่นดูนี่ในเฟสพี่พลอยไปเรื่อยจนตัวฉันเองลืมจัดตารางสอนและแม้กระทั่งลืมอาบน้ำจนกระทั่งพี่เนยมาถึงห้องในตอนนี้
ฉันขอตัวพี่เนยรีบไปอาบน้ำที่ห้องน้ำในห้องนอนของฉันก่อนครู่นึง
เสียงฝักบัวในห้องน้ำของฉันดังซ่าๆเรื่อยๆตลอดระยะเวลาที่ฉันอาบน้ำนั้น
จนกระทั่งเสียงๆนึงดังขึ้นมา...
มันเป็นเสียงโทรศัพท์เครื่องที่ฉันใช้กับพี่เนยสองคน
แต่ตอนนี้คนที่โทรหาเบอร์นี้ประจำเค้ากำลังรอฉันอยู่ในห้อง...แล้วใครกันที่โทรเข้าหาเบอร์นี้
…
…....แกร๊ก......
เสียงฝักบัวในมือของฉันตกลงกระทบผนังห้องทันทีที่ฉันรีบพยายามปิดมันเมื่อเริ่มนึกขึ้นได้ว่าใครจะเป็นคนที่โทรเข้ามาเบอร์นี้..ในตอนนี้..
ฉันหยิบผ้าขนหนูพันรอบตัวเองอย่างลวกๆแล้วรีบวิ่งโผล่พรวดออกมาจากห้องน้ำด้วยหวังว่าจะรับโทรศัพท์ได้ทันก่อนที่ใครบางคนจะหยิบมันขึ้นมาเสียก่อนอย่างภาพที่ฉันเห็นเบื้องหน้าในตอนนี้....
...พี่เนยคิ้วขมวดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูพร้อมๆกับเสียงห้วนๆดุๆเหมือนทุกทีที่เธอคุยกับใครก็ตามที่เธอรู้สึกไม่ชอบ..
“นั่นใครอะ...”เสียงห้วนๆพี่เนยเงียบไปสักครู่แล้วกลายเป็นเสียงประหลาดใจขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำตอบจากปลายสาย
“พลอย..พลอยใสเหรอ..เธอรู้จักเบอร์นี้ได้ยังไง.....”พูดประโยคนี้เสร็จ
พี่เนยก็หันควับมาจ้องหน้าฉันตาเขม็งเหมือนเธอทั้งอึ้งทั้งเสียใจใบหน้าบ่งบอกความผิดหวังในตัวฉันทันทีที่ได้รู้ว่าใครเป็นคนโทรมาหาฉันในตอนนี้
“ไม่อะ..ไม่กลับ..ฉันจะนอนอยู่นี่...แค่นี้นะ..จะนอนด้วยกันแล้ว..”
สิ้นเสียงพี่เนยก้มลงปิดสายโทรศัพท์เธอก็หันควับมามองฉันที่เผลอสะดุ้งทันทีที่เห็นท่าทางอย่างนั้น
ใบหน้าพี่เนยมีทั้งความรู้สึกทั้งผิดหวังทั้งเสียใจทั้งน้อยใจปนเปไปมาในสายตาหม่นๆหมองๆคู่นั้นของเธอ
ตอนนี้กลายเป็นว่าพี่เนยนั่งอึ้งนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไรกับฉันเลย..
ฉันรู้สึกร้อนๆหนาวๆทันที
จะด้วยเพราะตัวเองพึ่งอาบน้ำเสร็จก็ด้วย
แต่ที่ฉันรู้สึกร้อนๆวูบวาบๆยิ่งกว่าการได้อาบน้ำนี้น่าจะมาจากการที่ฉันได้จ้องหน้าและมองสายตาของพี่เนยในตอนนี้นั่นเอง..
“เอ่อ..ใครโทรมาอะพี่เนย”
ฉันพยายามข่มสติพยายามบังคับอารมณ์ตัวเองให้เป็นปกติที่สุดตอนที่ถามพี่เนย
พี่เนยนิ่งเธอทำหน้าน้อยใจซะเต็มประดาก่อนจะตอบมา
“กี้ไม่รู้อีกเหรอว่าใครโทรมา....”
ฉันอึ้ง
ยืนเลิ่กๆลั่กๆด้วยไม่รู้จะพูดอะไรยังไงต่อไปกับพี่เนยตอนนี้ดี
“เอ่อ..งั้นกี้เปลี่ยนชุดก่อนนะ
มันหนาวๆยังไงไม่รู้”
ฉันหัวเราะหึๆกลบเกลื่อนความตึงเครียดจากใบหน้าบึ้งๆของพี่เนยก่อนจะรีบเคลื่อนย้ายตัวเองไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่บอก
พี่เนยยังคงนั่งนิ่งอยู่หัวเตียงไม่ยอมปริปากไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตาฉัน
แม้ฉันจะพยายามเดินผ่านไปผ่านมาโฉบๆเฉี่ยวๆต่อหน้าเธอตอนนี้
“พี่เนยกี้ปิดไฟแล้วนะ..”
ฉันถามพี่เนยตอนที่ตัวเองไปหยุดอยู่ตรงสวิทซ์ไฟหน้าห้อง
“….............ชิ้ง..................”
“จะทำอะไรก่อนมั้ย..”
“….............ชิ้ง..................”
เมื่อไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
ฉันจึงเดินกลับมาเขี่ยๆจิ้มๆไหล่พี่เนยที่นั่งซึมกระทื่อไม่พูดไม่จาใดๆตอบรับอะไรทั้งสิ้น
“ไม่ทำอะไรใช่มั้ย..งั้นนอนเลยนะ
กี้จะปิดไฟแล้วนะถ้างั้น..”ฉันพยายามทวนคำถามซ้ำจากหญิงสาวร่างบางที่กำลังก้มหน้าก้มตานั่งเงียบไม่ยอมปริปากพูดอะไรกับฉันเลย
..อะไรอ่ะ...โกรธใช่มั้ยนี่..ยังไม่ทันทำอะไรซักหน่อย..แล้วนี่ฉันต้องง้อเธอด้วยหรือเปล่านี่..
ฉันทั้งคิดทั้งมองพี่เนยที่ก้มหน้าก้มตาทำเป็นนั่งมองโทรศัพท์เครื่องของฉันอยู่เงียบๆ
แล้วก็เกิดความรู้สึกร้อนๆหนาวๆจนเหงื่อเริ่มผุดออกมาจากใบหน้าฉันทันทีทั้งๆที่พึ่งอาบน้ำเสร็จมาเมื่อกี๊แล้วแท้ๆ
ประหลาดจัง...ไอ้อาการแปลกๆตอนนี้
แค่เห็นเค้าไม่พูดด้วยแล้วทำไมฉันต้องลุกลี้ลุกรนอย่างนี้ด้วยเล่า
ก็ปล่อยเค้าไปสิ
จะไปรบเร้าวุ่นวายอะไรกับเค้านักหนา
ดีแล้วไม่ใช่เหรอ..เค้าก็จะได้ไม่มากวนใจเราตอนนี้ไง..
แกอยากนอนก็ไม่ใช่เหรอ..งั้นก็ถือโอกาสตอนนี้นอนไปเลยสิกี้..
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกไปด้วยความรู้สึกหน่วงๆที่อยู่ในใจตอนนี้
แม้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีที่เห็นพี่เนยนั่งนิ่งก้มหน้าเศร้าๆแถมไม่ยอมพูดจาอะไรกับฉัน
แต่ใจของฉันกลับสั่งให้ฉันเลิกเซ้าซี้วุ่นวายกับหล่อนซะที
ถ้าฉันไม่ได้คิดอยากจะจริงจังหรืออยากจะคบหากับเธอ
เพราะยิ่งฉันง้อหรือฉันทำเป็นสนใจหรือแม้แต่แสดงให้เธอเห็นว่าฉันแคร์ความรู้สึกของเจ้าหล่อนเพียงใดมันจะกลายเป็นว่าฉันให้ความหวังพี่เนยทันที...
คิดได้ฉันก็รีบลุกไปปิดไฟแล้วกลับมานอนคลุมโปรงโดยที่ยังมีพี่เนยนั่งอยู่ตำแหน่งเดิมของเตียง
ฉันแกล้งหลับตานอนเงียบอยู่บนเตียงอยู่ครู่ใหญ่ๆเพราะคิดว่าประเดี๋ยวเจ้าหล่อนคงทนไม่ได้
เธอคงจะยอมนอนเองของเธอ
ทางที่ดีนั้นฉันควรปล่อยเธอไปอย่างนั้นจะดีกว่า
แต่ก็เปล่าพี่เนยยังคงนั่งเงียบในความมืดอยู่คนเดียวเหมือนเดิม
จนฉันเริ่มใจคอไม่สู้ดี...
“พี่เนย
ไม่ง่วงเหรอ มานอนเร้ว..”
ฉันลุกขึ้นนั่งแล้วเขี่ยๆหลังพี่เนยโดยหวังว่าเธอจะตอบฉันบ้าง
แต่ก็เปล่าเธอยังคงเงียบเหมือนเดิม
“เป็นอะไรอ่ะ
พูดกับกี้บ้างดิ โกรธกี้ใช่มั้ย
กี้ทำอะไรผิด บอกกี้มาดิ
นั่งนิ่งอย่างนี้มันจะรู้เรื่องมั้ยนี่”
เมื่อเริ่มทนไม่ไหวฉันก็เริ่มกลายเป็นเซ้าซี้พลางแกล้งใช้นิ้วชี้จิ้มตามเนื่อตามตัวเธอโดยหวังว่าเธอจะหลุดหัวเราะออกมาบ้าง
แต่พี่เนยก็ไม่ขำ..กลายเป็นเธอหันหน้านิ่งๆของเธอมาจ้องมองฉันในความมืดเฉยๆแทน
“พี่จะโกรธกี้ได้มั้ยอ่ะ
พี่ต้องถามกี้ก่อนว่าพี่มีสิทธิ์โกรธกี้ได้หรือเปล่า..ทำไมอ่ะกี้..ทั้งๆที่พี่ขอแล้วแท้ๆว่าเบอร์นี้ให้กี้ใช้กับพี่คนเดียวได้มั้ย..แต่กี้ก็ยังเอาเบอร์ให้คนอื่นอีกอ่ะ
แล้วมิหนำซ้ำยังเป็นยัยพลอยอีกอ่ะ
ตกลงอะไรยังไงนี่”พี่เนยพูดด้วยเสียงที่ฟังดูน้อยใจฉันซะเต็มประดา
“ใจเย็นๆสิพี่เนย
ฟังกี้ก่อน กี้ไม่ได้ให้เบอร์พี่พลอยนะ
พี่พลอยรู้จักเบอร์กี้เบอร์นี้ได้ไงก็ไม่รู้อะ
ตอนแรกกี้ยังคิดว่าเป็นพี่เนยเอาเบอร์นี้ให้เองเลย”ฉันค่อยๆใช้มือลูบหัวพี่เนยเบาๆเพื่อหวังคลายอารมณ์โกรธที่กำลังเกิดขึ้นมาในตอนนี้
พี่เนยหันมาหน้าฉันนิ่งๆไม่ไหวติงในความมืด
“จริงเหรอ..”
“จริงสิ
กี้จะเอาเบอร์นี้ให้พี่พลอยทำไมอะ
เบอร์ส่วนตัวเบอร์อื่นกี้ก็มี
แล้วพี่พลอยวันนี้ก็ไม่ได้ขอเบอร์กี้อีก..อยู่ๆก็โทรมาเอง
กี้ก็งง..”
“แล้วมันโทรมาเรื่องอะไร
พี่ดูในนี้เห็นโทรมา2ครั้งแล้ว
ตอนสามทุ่มจะสี่ทุ่มก็โทรมา
แล้วนี่เองกี้ก็โทรไปหามันอีกตอนเกือบๆจะสี่โมงเย็น”
“ฮ้า..อะไรนะ
กี้ไม่ได้โทรไปมีแต่พี่พลอยเค้าโทรมา..ไหนเอามาดู”
ฉันหยิบโทรศัพท์จากพี่เนยมาดู
...ใช่จริงๆด้วย
ราวๆสี่โมงเย็นมันขึ้นให้เห็นว่าเบอร์นี้โทรไปหาเบอร์พี่พลอยอยู่1ครั้ง
เอ๊ะแต่ตอนนั้นฉันไม่ได้โทรหาพี่พลอยนี่นา
ก็ฉันไม่ได้ขอเบอร์แกนี่
แล้วฉันจะโทรหาเบอร์พี่พลอยได้ยังไง
ยิ่งคิดฉันยิ่งงง
ตอนนี้ฉันนั่งทบทวนเหตุการณ์ต่างๆช่วงเวลานั้นว่าฉันทำอะไรบ้าง
...
“กี้ไม่ได้รู้จักเบอร์พี่พลอยแล้วกี้จะโทรหาพี่พลอยได้ไงอะ”
ฉันนั่งบ่นงึมๆงำๆต่อหน้าพี่เนย
“เดี๋ยวนะตอนนั้นกี้ทำอะไรบ้าง..จำได้ว่าก็นั่งกรอกข้อมูลแล้วพี่พลอยก็มานั่งด้วย
แล้วก็คุยด้วยแล้วพี่เนยก็โทรหา
แล้วจากนั้นพี่พลอยก็เลยขอดูโทรศัพท์...”
อ๊ะ!!!...
“..นึกออกแล้วต้องเป็นตอนนั้นแน่ๆเลย
ตอนที่พี่พลอยขอดูโทรศัพท์กี้
อย่าบอกนะว่าพี่พลอยแอบกดโทรศัพท์กี้โชว์เบอร์เข้าเครื่องพี่พลอยเพื่อเอาเบอร์ของกี้ไปอ่ะ..”
...ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งงง
กลายเป็นนั่งเอ๋อรีบหันหน้าไปมองพี่เนยในความมืดตอนนี้
“จริงๆเหรอ..ทำไมร้ายจังเลยอ่ะ
แอ๊บทำตัวเป็นคนดี..เหมือนแม่มันไม่มีผิดเลย..”
เสียงพี่เนยบ่นมุบๆมิบๆเข้าหูฉันบ้างไม่เข้าหูฉันบ้างเพราะฉันมัวแต่คิดว่าทำไมพี่พลอยไม่ขอเบอร์ฉันดีๆ
จะแอบโชว์เบอร์ของฉันอย่างนี้เพื่ออะไรยิ่งคิดฉันก็ยิ่งงง
“แล้วคุยอะไรกับมันบ้างอะ”
พี่เนยหันมาดึงมือของฉันไปเขย่าถามอย่างกับเธอกลัวพี่พลอยจะทำอะไรไม่ดีกับฉันอย่างนั้น
แล้วยิ่งเห็นอาการกังวลกลัวเกินไปของพี่เนยฉันยิ่งรู้สึกไม่ค่อยดี
ตอนนี้ฉันแปลกๆยังไงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงสองคนนี้
“ก็เปล่า..”ฉันอ้ำๆอึ้งๆตอบคำถามพี่เนย
“พี่พลอยก็แค่โทรมาคุยเรื่องคณะกรรมการโรงเรียนอ่ะ
พี่เค้าคงอยากจะทำความรู้จักกับพวกคณะกรรมการเฉยๆมั้งเลยโทรหากี้อย่างนั้น...”ฉันแกล้งโกหกพี่เนยไปด้วยกลัวว่าหากบอกความจริงไปจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที..
“จริงๆเหรอ..ทำไมพี่รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเลยอ่ะ
พี่กลัวพลอยมันจะ...”พี่เนยเว้นวรรคคำบางคำเอาไว้ก่อนจะนั่งนิ่งเงียบแล้วกลายเป็นไม่พูดต่อ
“ฮึ้ยย..พี่ว่ามันต้องแกล้งพี่แน่ๆเลย
พี่สังหรณ์ใจยังไงไม่รู้”พี่เนยเปลี่ยนเสียงเป็นฟึดฟัดโมโหทันที
“อะไรนะ...ทำไมพี่พลอยต้องแกล้งพี่เนยด้วยล่ะ....อย่าบอกนะว่าพี่พลอยนี่ก็ศัตรูพี่เนยอีกคน”
ฉันคิ้วขมวดทันทีที่ได้ยินพี่เนยพูดข้อความแปลกๆออกมา
“พี่เนยถูกกับใครบ้างนี่ในโรงเรียนเรา”
ฉันเริ่มแหยงๆทันทีเมื่อเริ่มนึกถึงกลุ่มนักเรียนพวกนั้นที่พี่เนยไม่ถูกด้วย
นี่ถ้าพี่เนยพูดอย่างนี้พี่พลอยก็เท่ากับรวมอยู่ในก๊กที่พี่เนยไม่ปลื้มอีกคนใช่มั้ย
...แล้วนี่อย่าบอกนะว่าที่โทรมาหาฉันแล้วพูดกับฉันตั้งนานนี่คือ..ต้องการจีบฉันเพื่อแกล้งพี่เนย..
...ฉันถอนหายใจแล้วกรอกตามองบนทันทีที่คิดได้....
...เกลียดจริงๆเลยอ่ะ
พวกที่ทำนิสัยอย่างนี้...เห็นเราเป็นตัวอะไรวะ
เอาคนมาแกล้งกันเล่นๆนี่สนุกนักรึไง
...ก็ว่าอยู่..สวยก็สวย..เพอร์เฟรคก็แสนเพอร์เฟรคจะมาชอบอะไรกับผู้หญิงด้วยกัน..
คอยดูนะ..เจอหน้าจะเดินหนีไม่คุยด้วยอีกเลย..พี่พลอยนะพี่พลอย..
พี่เนยนิ่งอยู่ในความเงียบอยู่นานเหมือนๆเธอก็กำลังคิดกังวลเรื่องของพี่พลอยอยู่
ฉันได้ยินเสียงถอนหายใจและเสียงกระฟัดกระเฟียดสะบัดไม้สะบัดมือไปมาเหมือนพี่เนยกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่างอยู่
...ฟังๆเสียงดูเหมือนเด็กน้อยตัวเล็กๆกำลังโมโห..
“นอนเถอะพี่เนย..อย่าคิดมากเลยเรื่องไร้สาระ”
ฉันพยายามดึงมือพี่เนยให้ลงมานอนที่เตียงดีๆด้วยกัน
“นี่มันเที่ยงคืนแล้วนะ..เหลือเวลาอยู่ด้วยกันไม่เท่าไหร่แล้ว
อุตสาห์มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้พี่เนยยังจะปล่อยเวลาให้ผ่านไปเปล่าๆอย่างนั้นหรอกเหรอ”
ฉันพยายามเปลี่ยนเสียงเป็นน้ำเสียงออดอ้อน
เพื่อโน้มน้าวให้เด็กดื้อที่กำลังโมโหเงียบคนนี้เปลี่ยนท่าทีแล้วสงบสติอารมณ์ของเจ้าหล่อนเสียทีในตอนนี้
“อะไรอ่ะ
ยังเฉยอีก วันหลังจะไม่ให้มานอนด้วยแล้วนะอย่างนั้น”
ฉันทั้งพูดทั้งโน้มเข้าไปหอมแก้มพี่เนย
มือไม้ก็ค่อยๆไต่ไปตามตัวพี่เนย
ตอนนี้มือซนๆข้างขวาของฉันกลายเป็นค่อยๆเรื้อยเข้าไปในชายผ้าแถบเส้นเล็กๆบางๆด้านหลังของพี่เนยเส้นนั้น
จนไปสัมผัสกับแผ่นหลังเนียนสวยนุ่มๆนิ่มๆที่เจ้าหล่อนพยายามอวดโชว์ตั้งแต่ตอนที่เธอเข้ามาอยู่ในห้องตั้งแต่แรกๆ
แล้วจากที่มือข้างนั้นอยู่แค่แผ่นหลังตอนนี้กลายเป็นมันค่อยๆลูบไล้ผ่านเนื้อตัวเนียนๆของเจ้าของร่างบางสะโอดสะองร่างนี้ไปทางด้านหน้าบ้างแล้ว
ด้วยความที่ชุดพี่เนยเป็นชุดที่เอาไว้โชว์แผ่นหลังขาวๆเนียนๆ
วันนี้พี่เนยจึงไม่ได้ใส่เสื้อชั้นในมา
มีเพียงแต่บราซิลิโคลนด้านหน้าตัวเล็กๆที่เอาไว้ปิดบังเนื้อหนังมังสาส่วนที่ควรซ่อนเร้นของเธอเอาไว้
ฉันพยายามไล่มือขึ้นไปตามเอวคอดกิ่วผ่านขึ้นไปแถวๆฐานบราซิลิโคนแล้วค่อยๆดึงเจ้าบราสองข้างอันเล็กนั้นให้หลุดจากพันธนาการของเจ้าของทรวงอกงามเบื้องหน้านี้
แล้วพี่เนยก็ร้องครวญครางทันทีที่ฉันใช้มือทั้งสองข้างค่อยๆเลื่อนขึ้นมาจับปลายยอดปทุมถันของเธอ
แม้ตอนนี้รอบๆตัวฉันจะมีเพียงความมืดและแสงของพระจันทร์ที่ส่องสว่างเป็นเงารางๆพอเห็นเค้าโครงร่างงามๆของหญิงสาวที่บิดตัวไปมาตามแรงกอดและจูบยอดทรวงอกคู่นั้นไปมา
แต่ในใจของฉันกับเห็นภาพพี่เนยชัดแจ้งขึ้นทันทีที่ได้สัมผัส..
มันเป็นความคุ้นเคยแปลกๆ
ที่แค่ฉันได้แค่สัมผัสเบาๆฉันก็สามารถมโนภาพมองเห็นภาพร่างกายเปลือยเปล่างามๆตามเงารางๆเบื้องหน้าได้อย่างชัดเจน..
แล้วเมื่อเจ้าของร่างงามนั้นทนต่อสิ่งยั่วเย้าและแรงยุที่ฉันกำลังพยายามปรนเปรอให้กับเธอในตอนนี้ไม่ไหว
เธอก็ได้แต่ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามแรงจูบแรงหอมต่างๆที่ฉันกำลังดึงเธอเข้าไปในเกมส์รักของสองเราเหมือนๆดั่งเช่นคืนก่อนๆนั้นมา...
***********************************************
วันพฤหัสบดี....
วันนี้ก่อนเข้าคาบแรกระหว่างที่ฉันกำลังนั่งก้มหยิบเอาหนังสือขึ้นมาเตรียมเรียนนั้นอยู่ๆเสียงเรียกของใครบางคนก็แทรกเข้ามาในห้องที่มีเสียงจอกแจกจอแจของเพื่อนๆกำลังคุยกันอยู่
“น้องกี้..”ซึ่งทันทีที่เสียงนั้นดังมาเพื่อนๆในห้องก็พากันเงียบและเงี่ยหูชูชันขึ้นแอบฟังทันที
มันเป็นเสียงของพี่พลอยที่ยืนยิ้มถือซองเอกสารในมืออยู่ที่หน้าประตู
มืออีกข้างที่ว่างเธอก็ยกขึ้นกวักมือเรียกฉันทันทีที่เธอเห็นฉันเงยหน้าขึ้นมองเธอตอนนี้
แต่ฉันหน้าบึ้งเปลี่ยนอารมณ์ทันทีที่เริ่มนึกขึ้นได้เรื่องที่พี่เนยพูดเปรยๆเรื่องที่เธอคิดว่าพี่พลอยจะแกล้งเธอนั้น
กลายเป็นว่าตอนนี้ฉันนั่งนิ่งแกล้งทำเป็นหันหน้าหนีเพราะในใจนึกโกรธให้พี่พลอยเลยไม่อยากจะคุยอะไรกับเธอเลยตอนนี้
แล้วเมื่อพี่พลอยเห็นว่าฉันทำท่าเหมือนจะโกรธอะไรเธออย่างนั้น
เธอก็เลยกลายเป็นตะโกนเรียกฉันเสียงดังจากนอกห้องเข้ามาจนเพื่อนๆในห้องพากันตกใจ
“น้องกี้คะ
ออกมาหาพี่หน่อยสิ..พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”
เพื่อนที่นั่งติดฉันต้องพยายามเขี่ยฉันอยู่ตั้งนานกว่าฉันจะยอมเดินออกมาหาพี่พลอยอยู่หน้าประตูห้องเรียน
ท่ามกลางสายตาจับจ้องของเพื่อนๆว่าฉันจะคุยอะไรกับพี่พลอย...
“ไม่สบายเหรอ
ทำไมหน้าบึ้งอย่างนั้น...หรือว่า..เนยสั่งห้ามไม่ให้คุยกับพี่แล้ว”
ฉันไม่ตอบได้แต่ก้มหน้าหลบตาพี่พลอย
“คือ..พี่เอาเอกสารแบบสอบถามมาฝากให้กี้แจกเพื่อนหน่อยอะ
ของคณะกรรมการเรานั่นล่ะ
จริงๆพวกหัวหน้าสายชั้นเค้าจะเอามาแจกให้แต่ละห้อง
แต่พี่ขอเอามาให้ห้องกี้เองอ่ะ
รบกวนเก็บเอาไปส่งให้ก่อนพักเที่ยงด้วยนะ”
“ค่ะ..”ฉันรับซองเอกสารนั่นมาพร้อมๆกับตอบรับพี่พลอยอย่างผ่านๆไป
“ทำไมกี้ทำหน้าบึ้งอย่างนั้น...เนยพูดอะไรด้วยหรือเปล่า
อยากรู้อะไรถามพี่ได้นะ”
พี่พลอยพยามถามฉันด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นห่วงเป็นใย
“ไม่มีอะไรค่ะพี่พลอย
เด๋วไงถ้าไม่มีอะไรแล้วกี้ขอตัวก่อนนะ”ฉันรีบหลบหน้าพี่พลอยเดินหันหลัง
“เดี๋ยวดิ..อย่าพึ่งไปสิ”
พี่พลอยดึงมือฉันข้างนึงเอาไว้แล้วยกมือข้างนั้นของฉันขึ้นมาวางอะไรบางอย่างลงในมือตอนนี้..
มันเป็นสร้อยแขนถักมือที่ร้อยด้วยลูกปัดสี่เหลี่ยมที่เป็นตัวอักษรPและK
ที่มีรูปหัวใจกั้นกลางระหว่างตัวอักษรและข้างๆมีลูกปัดเป็นรูปหัวใจขนาดคละๆกันห้อยตกแต่งเรียงรายในสร้อยแขนอันนั้น....
“พี่ร้อยเองอ่ะ
ตั้งใจทำให้กี้ตั้งแต่ตอนเย็นเมื่อวานแล้ว
ไม่รู้ว่ากี้จะชอบมั้ย..จะใส่ก็ได้นะไม่ผิดระเบียบโรงเรียน..”พี่พลอยยิ้มมองฉันหน้าแดงๆพร้อมๆกับฉันที่กำลังเอ๋ออีกครั้งนึงที่เห็นพี่พลอยมอบสร้อยที่เธอบอกว่าเธอตั้งใจร้อยให้ฉันอย่างนี้
“..ถ้าไงก่อนเที่ยงพี่จะรอเจอกี้ในห้องวิชาการนะ
มาให้ได้นะ
พี่มีเรื่องจะคุยกับกี้..”นั่นเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่พี่พลอยจะยิ้มหวานๆแล้วค่อยๆปล่อยมือฉันลง
ตอนนี้พอพี่พลอยเดินลับตาไปเพื่อนๆในห้องก็พากันวิ่งกรูกันออกมาจับเนื้อจับตัวแล้วแซวฉันเรื่องที่พวกเค้าแอบมองดูระหว่างฉันกับพี่พลอยก่อนหน้านี้...
“เฮ้ยๆอะไรวะ
ลามมาถึงพี่พลอยแล้วเหรอวะตอนนี้
โห..เล่นของสูงมากเลยอ่ะแกกี้...อะไรยังไงวะนี่พวกฉันงงไปหมดแล้ว”เพื่อนๆพวกนั้นทำเสียงตื่นเต้นตกใจพูดแซวฉันทำยังกับฉันเป็นเชื้อโรคอะไรบางอย่างที่กำลังแผ่ลามจากคนนั้นไปคนนี้
“พี่พลอย..เค้าชอบแกเหรอวะ
หรือว่าไง”เพื่อนอีกคนเริ่มถามทันที
“เปล่าพวกแก...เค้าแค่เอาเอกสารมาให้ฉัน”
“แล้วนี่อะไร..”เพื่อนคนที่อยู่ใกล้ๆฉันหยิบมือข้างที่ฉันถือสร้อยแขนข้างนั้นขึ้นมาดู
“PK
แล้วก็มีหัวใจอยู่ตรงกลาง..
Pก็พี่พลอยใช่ป่ะ
Kก็แกไงกี้
แหม..ความหมายมันก็โต้งๆอยู่แล้วจะอะไรอีกเนี่ย..”
ฉันแสนอายพูดอะไรไม่ออกได้แต่แกล้งหลบหน้าหลบตาเพื่อนที่พากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แซวฉันเดินหนีเข้าไปนั่งในห้องทันที
“แล้วนี่แกจะเลือกใครวะ
เลือกยากนะนี่”
เสียงเพื่อนทั้งพูดทั้งหัวเราะดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทความมึนๆงงๆของฉันก่อนที่ฉันจะรีบตั้งสติเพื่อหันไปสนใจเรื่องหน้าห้องเพราะคุณครูเดินเข้ามาประจำอยู่ในห้องแล้วตอนนี้...
ก่อนเที่ยงหลังจากที่ฉันเก็บแบบสอบถามจากเพื่อนๆได้ช่วยกันกรอกข้อมูลตามที่พี่พลอยขอร้องให้ฉันแจกให้แล้ว
ฉันก็รีบส่งข้อความไปบอกพี่เนยให้เธอรอฉันอยู่แถวโรงอาหารก่อนเพราะฉันติดธุระกลัวจะช้าหากเธอมารออยู่ที่เดิม
เมื่อพี่เนยตอบรับและรับปากว่าจะไปรออยู่ที่โรงอาหารแล้วฉันก็รีบเก็บกองเอกสารพวกนั้นเดินมุ่งหน้าไปที่ห้องวิชาการทันที
เมื่อฉันเดินเข้าไปในห้องวิชาการกลายเป็นว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้องเลย
ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นเวลาเที่ยงพวกครูที่ประจำอยู่ห้องนี้เลยพากันแยกย้ายไปทานข้าวกัน
ฉันเดินไปที่ห้องประชุมด้านในของห้องวิชาการ
ตรงนั้นเป็นที่ ๆพวกพี่ๆคณะกรรมการบอกไว้ว่าถ้ามีเอกสารอะไรเกี่ยวกับทางคณะกรรมการให้เอามาวางไว้จุดนี้โดยตรงเลย
ไม่ต้องเอาไปฝากวางไว้โต๊ะครูด้านนอก
ฉันเดินสำรวจกองเอกสารอยู่นานจนแน่ใจว่านี่คือจุดที่ส่งเอกสารแบบสอบถามที่พี่พลอยเอามาให้ฉันเมื่อเช้านี้จึงค่อยๆวางลง
ซึ่งพอหลังจากวางฉันก็ยืนสำรวจเอกสารต่างๆพลิกซ้ายพลิกขวาอ่านของห้องโน้นห้องนี้อยู่นานจนกระทั่ง...
“ทำอะไรอ่ะ”
เสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาพร้อมๆกับการจี้เอวฉันอย่างแรงจนฉันต้องสะดุ้งรีบหันหลังกลับไปตามเสียงเสียจนตอนนี้ฉันกำลังจะเซล้ม
~~~เหวอ~~~~
แล้วในขณะที่ฉันกำลังจะล้มลงไปเจ้าของเสียงที่ทำให้ฉันพลาดท่าตกใจเมื่อกี้ก็รีบเอนมาช้อนตัวฉันไว้จนฉันกลายเป็นเซกลับไปกอดเจ้าของเสียงนั้นซึ่งก็คือ...
..พี่พลอย....
ฉันอึ้งยืนกอดพี่พลอยหน้าก็เกือบๆจะชนกันอยู่แล้วมะรอมมะร่อครู่ใหญ่ๆ...จนเริ่มได้สติจากแผ่นกระดาษที่ปลิวตกลงมาจากโต๊ะเพราะว่าฉันเผลอยื่นมือไปจับไว้ตอนก่อนจะเซล้มมาหาพี่พลอยนั่นเอง
เราสองคนต้องรีบช่วยกันเก็บเอกสารพวกนั้นขึ้นมาเรียงช่วยกันอยู่บนโต๊ะท่ามกลางอาการเก้อเขินเก้ๆกังๆของฉันและพี่พลอยที่เมื่อกี๊ฉันเกือบๆจะจุ๊บปากพี่พลอยเข้าให้
“เอ่อ..พี่ขอโทษนะที่ทำให้กี้ตกใจเมื่อกี้น่ะ”
พี่พลอยยิ้มแหยๆขอโทษขอโพยฉันหลังจากที่เราช่วยกันเก็บเอกสารทั้งหมดขึ้นมาเสร็จแล้ว
“ไม่เป็นไรพี่..”ฉันหัวเราะหึๆให้พี่พลอยก่อนที่จะพยายามขอตัวเธอออกมาจากห้องนั้น
“อย่าพึ่งไปสิคุยกับพี่ก่อนได้มั้ย”
พี่พลอยเรียกฉันไว้พร้อมๆกับดึงมือของฉันอีก
ฉันมองพี่พลอยอยู่นานในใจทั้งลังเลและทั้งกังวลว่าผู้หญิงคนตรงหน้านี้เธอต้องการอะไรกับฉันกันแน่
ทั้งรู้สึกไม่ค่อยดีที่นึกถึงสิ่งที่พี่เนยพูดมาก่อนหน้านั้น
แต่เมื่อมองสายตาเศร้าๆของพี่พลอยที่เริ่มมองฉันเหมือนคนกำลังเสียใจเพราะเห็นท่าทางและอาการอยากหลบหน้าของฉันอย่างนี้ฉันก็เริ่มสงสาร
จนในที่สุดฉันก็นั่งคุยกับเจ้าหล่อนอยู่ในห้องประชุมจนได้..
“เมื่อคืนเนยไปหาเหรอ..”พี่พลอยพูดเสียงเบาๆแล้วหันหน้าเศร้าๆมองมาที่ฉัน
“พี่ว่าพี่จะโทรไปบอกราตีสวัสดิ์กี้สักหน่อย
ก็คิดอยู่นะว่าโทรไปดึกอย่างนั้นจะเป็นการรบกวนกี้หรือเปล่า..
แล้วก็กลายเป็นว่ารบกวนจริงๆเสียด้วย”
พี่พลอยหัวเราะหึๆเหมือนเธอขำให้ตัวเธอเอง
“เค้าพึ่งมาหากี้เหรอ
ทำไมมาดึกจังพี่โทรไปเกือบๆจะเที่ยงคืนได้แล้ว...
แล้ว..เนยเค้ากลับบ้านตอนไหนอ่ะ”พี่พลอยปล่อยคำถามมาเป็นชุด
โดยหวังว่าเธอจะได้คำตอบจากฉันบ้าง
แต่ก็เปล่า
เพราะตอนนี้ฉันนั่งนิ่งด้วยความรู้สึกอึดๆอัดๆที่กำลังบีบคั้นหัวใจของฉัน
จนไม่สามารถให้คำตอบคนตรงหน้านี้ได้เลยซักข้อเดียว
จนเจ้าของคำถามพยายามเสนอคำตอบที่เธอคิดว่าถูกมาให้ฉัน
“...กลับเช้าเลยเหรอ..”พี่พลอยลองถามฉันด้วยเสียงเหมือนคนไม่แน่ใจเมื่อเห็นฉันเงียบ
แล้วพลางก้มหน้าทำเป็นมองนั่นมองนี้ของเธอไปท่ามกลางความเงียบรอบๆตัว
เพราะเธอไม่ได้ยินคำตอบอะไรออกจากปากฉันเหมือนเดิม
“แย่จังเลยเนอะ
ยังไม่ทันได้เริ่มต้นจีบเท่าไหร่เลย
อกหักซะแล้ว”
พี่พลอยถอนหายใจพลางพูดเสียงทำเหมือนเธอกำลังฝืนๆขำในสิ่งที่เธอกำลังพูด
“ยอมรับนะว่าพี่แอบเสียใจเล็กๆที่รู้ว่ากี้..โกหกพี่
ที่ว่ากี้ไม่ได้คบกันกับเนยน่ะ”
พี่พลอยทำหน้าซีเรียสพูดกับฉัน
“กี้ขอโทษ..แต่กี้..ยังไม่ทันได้ตกลงคบกับพี่เนยจริงๆ..กี้ไม่ได้โกหกนะ”
“ไม่ได้คบกันแต่นอนด้วยกันอย่างนั้นเหรอ..กี้จะบอกว่าเนยมาด้วยเฉยๆไม่ได้มีอะไรอย่างนั้นใช่มั้ย”
พี่พลอยทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ
“พี่ว่าพี่รู้จักเนยนะ
เค้าคงไม่ยอมปล่อยอะไรที่เค้าอยากได้ไปง่ายๆหรอก..ใช่มั้ย”ฉันนิ่งนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเปิดปากบอกความรู้สึกตอนนี้กับพี่พลอย
“พี่พลอย..พอเถอะ
กี้พูดจริงๆนะ
กี้ไม่รู้ว่าที่พี่พลอยกำลังทำอยู่นี่คืออะไร..แต่ถ้ามันเป็นแค่เรื่องล้อเล่นหรือแค่แกล้งใครบางคนเล่นๆเฉยๆอ่ะ..พี่พลอยก็อย่าเอากี้เข้าไปเอี่ยวด้วยได้มั้ย
ที่กี้บอกพี่พลอยเรื่องสถานะของกี้กับพี่เนยน่ะมันคือความจริงนะ..
แต่ถึงแม้กี้กับพี่เนยจะยังไม่คบกันจริงๆจังๆกี้ก็ไม่ได้อยากให้ใครต้องมาเสียใจเพราะกี้
กี้คิดว่ากี้พยายามทำดีที่สุดแล้วกับทุกๆอย่างในตอนนี้..ถึงกี้ไม่ได้คบกับพี่เนยก็ไม่ใช่ว่ากี้จะปล่อยให้พี่เนยต้องเสียใจเพราะใครบางคนมาแกล้งพี่เนยให้เสียใจอย่างนั้นนะ..เพราะฉะนั้นกี้ขอร้องพี่พลอยเถอะนะ..อย่าเอากี้ไปเอี่ยวด้วยได้มั้ย
กี้เสียความรู้สึก
อย่างน้อยๆพี่พลอยก็เป็นประธานนักเรียนกี้ก็ต้องเจอพี่พลอยอย่างนี้อีกนาน
มันจะกลายเป็นมองหน้ากันไม่ติดนะ”ฉันพยายามพูดขอร้องพี่พลอยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วจริงจังและจริงใจที่สุดเพราะไม่อยากให้เรื่องราวต่างๆในตอนนี้มันบานปลายไปใหญ่..
พี่พลอยอึ้งทันทีที่ได้ยินฉันพูดอย่างนั้นกับเธอ
“อะไรทำให้กี้คิดว่าพี่ต้องการแค่แกล้งใครเล่นๆเฉยๆอะ..เนยใช่มั้ย...เนยบอกว่าพี่จะแกล้งเนยใช่มั้ย
ฮึ..บ้าแล้วทำไมพี่ต้องไปแกล้งเค้าด้วยล่ะ
เค้ามีอะไรดีกว่าพี่ที่พี่ต้องหมั่นไส้เค้าอย่างนั้นเหรอ”
ฉันก็อึ้งทันทีที่เริ่มคิดตามพี่พลอย
ก็จริง
พี่พลอยก็สวยอีกทั้งยังเรียนเก่งแถมยังเป็นดาวโรงเรียนอีกด้วย
ฉันได้ข่าวว่าเธอก็เป็นลูกคนรวยมีเงินเหมือนๆกันกับพี่เนย
ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้รู้เรื่องราวส่วนตัวอะไรเกี่ยวกับพี่พลอยมากมาย
แต่ก็รู้ว่าเธอไม่ได้ด้อยไปกว่าพี่เนยเลย...
แถมดูๆแล้วกลายเป็นพี่เนยเสียอีกที่น่าจะอิจฉาพี่พลอยเพราะใครๆก็ต่างพากันรักพี่พลอยซึ่งแตกต่างจากพี่เนยโดยสิ้นเชิง
พี่พลอยลุกขึ้นเดินเข้ามาต่อหน้าฉันที่กำลังนั่งฟังเธออยู่..เธอยื่นมือมาจับมือของฉันขึ้นมาพลางพูด..
“พี่ชอบกี้จริงๆนะ
กี้อาจจะไม่เชื่อ ซึ่งมันก็คงไม่แปลก
แต่กี้ให้เวลากี้ได้หรือเปล่าให้พี่ได้ลองพิสูจน์ตัวเองกับกี้บ้าง
ให้กี้ได้รู้ว่าพี่น่ะชอบกี้จริงๆ...”
“...จริงๆด้วยอ่ะ
ที่มันโทรมาหากี้เพราะมันต้องการจะจีบกี้แข่งกับพี่จริงๆด้วยอ่ะ”
เสียงตะคอกดังผ่านประตูห้องประชุมแทรกประโยคที่พี่พลอยกำลังพูดกับฉันเข้ามาจนฉันต้องสะดุ้งรีบหันกลับมองที่มาของเสียง
ตอนนี้พี่เนยเดินตรงดิ่งเข้ามาดึงแขนของฉันออกจากมือพี่พลอย
“ฉันว่าแล้ว..เธอต้องมาไม้นี้
เสียใจด้วยนะน้องเค้าไม่เล่นกับเธอด้วยหรอก”ฉันหน้าซีดทันทีที่เห็นพี่เนยหน้านิ่วคิ้วขมวดทั้งโมโหโกธาที่เห็นพี่พลอยพูดอย่างนั้นกับฉัน
โอ้ยตายแน่
พี่พลอยโดนพี่เนยตบแน่ๆ....
ฉันหลับตาปี๋ทันทีที่โดนพี่เนยดึงแขนมาไว้ข้างหลังตัวเธอ
“อะไรพูดอะไร
พูดดีๆหน่อยดิ
มาไม้นี้..มาไม้ไหน”พี่พลอยด้วยน้ำเสียงติดตลกเหมือนเธอไม่ได้กลัวที่พี่เนยทำเสียงและท่าทางอย่างนั้นเลย
จนฉันรีบลืมตาขึ้นมาดูสถานการณ์ต่อ
“ก็ที่เธอบอกกี้เมื่อกี๊
เธออ่ะโกหกเธอไม่ได้ชอบกี้หรอก...”
“ทำไมเธอถึงคิดว่าเราจะไม่ได้ชอบกี้จริงๆล่ะ
เธอก็รู้อยู่แล้วนี่..ว่าอะไรเป็นอะไร..เราเป็นยังไง..”
พี่พลอยพูดทำหน้าขรึมๆมองดูจริงจังและน่ากลัวขึ้นมาทันทีก่อนจะยิ้มน้อยมองหน้าพี่เนยที่จ้องพี่พลอยตาเขม็งอยู่อย่างนั้น
“เนย..เธอเลิกคิดซะทีเถอะว่าใครต่อใครจะคิดไม่ดีกับตัวเองหรือแกล้งตัวเองอย่างนั้นตลอดเวลาอ่ะ..เรื่องพวกนั้นมาผ่านไปนานแล้วนะ...ลืมได้ก็ลืมไปบ้างเหอะ”พี่พลอยยิ้มหวานทำหน้าสวยๆเดินเข้ามาใกล้ๆพี่เนยที่ยังทำหน้าตาโกรธกริ้วไม่หาย
“แล้ว..ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่หน้าบูดหน้าเบี้ยวอยู่อย่างนั้นน่ะ....ลืมอะไรไปหรือเปล่า..”
พี่พลอยยิ้มกวนๆส่งให้พี่เนยก่อนจะพูดบางอย่างให้ฉันกลายเป็นอึ้งอ้าปากค้างด้วยความตกใจทันทีที่ได้ยิน
“..ไหว้เราหรือยังอะ...เจอกันที่โรงเรียนที่ไรไม่เห็นยกมือไหว้เลย”
เอ๋..!!!
ฉันรีบหันหน้าควับไปมองพี่พลอยทันทีที่ได้ยินประโยคประหลาดๆจากปากพี่พลอยอย่างนั้น
ตอนนี้ทางพี่เนยก็ไม่น้อยหน้าเธอจ้องหน้าพี่พลอยคืนไม่ยอมหลบตาเหมือนกัน
“ไม่..ไหว้”
พี่เนยพูดช้าๆชัดๆพลางยักคิ้วใส่พี่พลอยเหมือนคนกำลังท้าทายอะไรสักอย่าง
“อะไรอ่ะ..พ่อแม่ไม่สอนให้ทำความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่เหรอ”
อึ๊ก..จากที่ฉันตกใจจากประโยคแรกอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่
ตอนนี้ฉันทั้งหน้าซีดทั้งเหงื่อตกกลัวผู้หญิงสองคนตรงหน้านี้จะมีเรื่องกันจริงๆ
พี่เนยไม่ตอบเธอยืนนิ่งอยู่นานกลายเป็นว่าเธอจ้องหน้าตาเขม็งมองหน้าพี่พลอยเหมือนคนจะเอาเรื่องที่ได้ยินพี่พลอยพูดอย่างนั้น
“อย่าลามปามได้ป่ะ..ไม่ชอบ”
“ลามปามตรงไหนล่ะ
เราก็แค่บอกแค่สอนไปตามที่เห็น”
“แล้วมันใช่หน้าที่เธอเหรอ”พี่เนยรีบเถียงคืนทันที
“ใช่สิ..ทำไมจะไม่ใช่ล่ะ
..อย่าลืมดิเรามีศักดิ์เป็นน้องพ่อเธอ
เราเป็นน้าของเธอนะ”
..เอ๋..ยิ่งได้ฟังฉันยิ่งงง..ตอนนี้ฉันอึ้งยืนเหวอมองหน้าผู้หญิงสองคนนี้สลับไปมาพร้อมๆกับคำถามที่ว่า..
สองคนนี้เป็นญาติกันอย่างนั้นเหรอ..หรือยังไง..
“หึ..ไม่มีใครเค้าอยากนับญาติกับลูกเมียน้อยหรอกนะ
อย่าสำคัญตัวเองผิดสิ”
ฉันสะอึกอีกเป็นรอบที่3ทันทีที่ได้ยินคำว่าลูกเมียน้อย
ตอนนี้ยิ่งฟังฉันก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่..
พี่พลอยก็สะอึกเหมือนกัน
เธอยืนอึ้งอยู่ครู่ใหญ่ๆเพื่อตั้งหลักต่อปากต่อคำกับพี่เนยต่อ
“ปากดี..อยู่บ้านเก่งอย่างนี้มั้ยนี่
พ่อเธอรู้หรือเปล่า
ว่าเธอไปรบกวนบ้านคนอื่นดึกๆดื่นๆจนเช้าก็ไม่ยอมกลับบ้าน”
“อย่ายุ่ง
ไม่ใช่เรื่องของตัวอย่า
ส......”
พี่เนยออกเสียง
ส.เสือ
สั้นๆเหมือนเธอกำลังจะด่าพี่พลอยด้วยคำแรงๆบางคำ
พี่พลอยหยุดเถียงแล้วมองหน้าพี่เนยด้วยท่าทางนิ่ง
ตอนนี้ฉันเดาใจพี่พลอยไม่ถูกเลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“แล้วก็..อย่ายุ่งกับผู้หญิงของเราด้วย”
พี่เนยเดินเข้ามาดึงมือฉันให้เข้ามายืนอยู่ข้างๆเธอตอนนี้
“เหรอ”
พี่พลอยยิ้มให้พี่เนยทันที
เธอยักคิ้วแล้วจ้องมองมาที่พี่เนยเหมือนอยากจะเยาะเย้ยอะไรบางอย่าง
“ผู้หญิงของเธอเหรอ
ไม่เห็นน้องเค้าบอกว่าอย่างนั้นเลย
นี่ก็สำคัญตัวเองผิดไปเหมือนกันหรือเปล่า”
จึ๊ก
ฉันสะดุ้งรีบหันไปมองพี่เนยที่ยืนจ้องตาถมึงทึงกัดฟันกรอดๆเหมือนเธอกำลังโมโห
“คิดไปคนเดียวหรือเปล่า
ว่าใครเข้ามีใจให้
อยากได้อะไรก็คิดว่าจะได้เหมือนสิ่งของต่างๆที่เธออยากได้แล้วใช้เงินซื้อเอาอย่างนั้นเหรอ
นิสัยไม่เคยเปลี่ยนเลยนะตั้งแต่เล็กจนโต...”
พี่เนยจ้องตาเขม็งมองพี่พลอยอยู่นาน
จนฉันรับรู้ถึงพลังงานไฟฟ้าสถิตย์มหาศาลที่กำลังไหลผ่านไปมาระหว่างตาสองคนนี้ได้เป็นอย่างดี
“เอ่อ..พี่เนยไปกินข้าวกันเถอะกี้หิวแล้ว..”ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องเรียกสติพี่เนยทำทีเป็นชวนพี่เนยให้ไปกินข้าวกับฉันตอนนี้
ก่อนที่จะมีมวยคู่เอกคู่ใหม่เกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีนี้
“พี่พลอยกี้ไปก่อนนะ
แล้วเจอกันใหม่”
พี่พลอยมองฉันตาละห้อยทันทีที่เห็นฉันจูงมือพี่เนยเตรียมออกไปข้างนอก
เธอยืนอึ้งมองฉันกับพี่เนยอยู่นานก่อนจะพยักหน้าตอบรับ
“ได้สิ..เด๋วไงเจอกันอีกทีนะ..หวังว่ากี้คงไม่ลืมเรื่องที่คุยกันในโทรศัพท์หรอกนะ”
พี่เนยหันมามองควับที่ฉันทันทีที่ได้ยินพี่พลอยพูดอย่างนั้นกับฉัน
...โอ้ยยย..พี่พลอยยังตามมาปล่อยระเบิดลูกใหญ่ให้พี่เนยสะกิดสงสัยในคำพูดบ้าๆบอๆอันนั้นอีกเหรอนี่..ผู้หญิงสองคนนี้มันอะไรกัน...
“เอ่อ..ค่ะๆกี้ไปก่อนนะ
ป่ะๆพี่เนยไปกันเถอะ”
ฉันได้แต่ยืนเอ๋อทำหน้าเลิ่กๆลั่กๆก่อนจะรีบเร่งจูงมือพี่เนยให้ออกจากห้องวิชาการให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้...