Lovely
Mafia Girl
ลูกสาวเจ้าพ่อ
ขอเป็นแฟนหนู
SILLY
GIRL
ฉันเดินลากพี่เนยที่เดินกระฟัดกระเฟียดด้วยความโมโหออกมาจากอาคารวิชาการ
ตอนนี้เธอทั้งทำท่าโมโหหึดหัดทั้งบ่นด้วยถ้อยคำหยาบสบถมุบมิบๆจับใจความอะไรไม่ค่อยได้จนฉันต้องคอยหันมาปรามพี่เนยเพราะเวลาที่เดินผ่านใครต่อใครเค้าก็จะหันมามองเราสองคนด้วยความสงสัยทันที..
“พี่เนย..บ่นอะไรอ่ะ
พอได้แล้ว..”
ฉันหยุดเดินแล้วหันกลับมาจ้องเขม็งที่พี่เนย
ตอนนี้ใบหน้าของเธอทั้งคิ้วขมวดทั้งกัดฟันกรอดๆด้วยความโกรธจากการที่ได้ใช้วาจาห่ำหั่นกับพี่พลอยมาเมื่อครู่นี้
“ฮึ้ย..เห็นมั้ยพี่ว่าแล้วว่ามันต้องแกล้งพี่แน่ๆเลย
แล้วกี้ชอบมันมั้ยทีนี้..พอมันบอกว่าชอบกี้แล้ว
กี้จะชอบมันใช่มั้ย”
พี่เนยตะคอกขึ้นเสียงใส่ฉันท่ามกลางเด็กๆที่นั่งพักอยู่ม้านั่งที่เรียงรายระหว่างทางเดินไปโรงอาหาร
“พูดดีๆสิ
จะตะคอกใส่กี้ทำไมนี่”
ฉันหันรีหันขวางมองคนนั้นทีคนโน้นทีด้วยเริ่มอายสายตาของคนอื่นที่กำลังมองเราอยู่ตอนนี้
“แล้วชอบมันมั้ยล่ะ
กี้ชอบมันแล้วใช่มั้ย”
พี่เนยยังขึ้นเสียงโวยวายใส่ฉันโดยไม่มองดูคนข้างๆเลย
“ไม่ได้ชอบจะเอาไปชอบพึ่งได้คุยกัน
พี่เนยบ้าไปแล้วอย่างี่เง่าได้มั้ย”
“ไม่ได้ชอบแล้วเมื่อกี้ที่มันบอกอย่าลืมเรื่องที่คุยกันในโทรศัพท์คืออะไรอ่ะ
กี้ไปสัญญาอะไรกับมันอีก”
พี่เนยทั้งพูดทั้งดึงมือฉันไปเขย่าเค้นถามคำตอบของเธอ
“ไม่ได้สัญญาอะไรทั้งนั้น
พี่พลอยพูดอย่างนั้นทำไมก็ไม่รู้..”
ฉันพยายามดึงมือพี่เนยออก
“หยุดงี่เง่าเหอะพี่เนย
กี้ก็คิดแบบพี่น้องกันทั้งนั้น
ทั้งพี่เนยทั้งพี่พลอย..กี้ก็ยังไม่คิดอะไรกับใครสักคน...เข้าใจมั้ย”
ฉันขึ้นเสียงพยายามตะคอกเพื่อเรียกสติพี่เนยให้กับมา
ทั้งพยายามดึงแขนพี่เนยออกเพื่อที่จะเดินหนีเธอไป
แต่ก็เหมือนว่าจะไร้ประโยค
กลายเป็นว่าพี่เนยกลับดึงฉันเข้าไปหาแล้วทำท่าเหมือนจะกอดฉันท่ามกลางเด็กนักเรียนที่กำลังเดินเข้ามามุงดูฉันกับพี่เนยทะเลาะกันขึ้นเสียงกันอยู่อย่างนี้
ฉันทั้งผลักทั้งดันพี่เนยออกด้วยเพราะไม่อยากให้ใครเห็นเรากำลังทำอะไรบ้าๆประเจิดประเจ้ออยู่กลางโรงเรียนอย่างนี้
แต่พี่เนยก็ไม่หยุด
เธอยังปล่อยให้ความโมโหคอยเผาไหม้สติปัญญาในการตัดสินใจว่าอะไรถูกอะไรผิดในเวลานี้
“ไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นเหรอ...”
พี่เนยดึงฉันที่ร้องเริ่มร้องโวยวายเข้าไปกอดใกล้ๆจนหน้าของฉันกำลังจะโดนริมฝีปากพี่เนยอยู่แล้วมะรอมมะร่อ
มองดูผ่านๆตอนนี้คนอื่นคงคิดว่าพี่เนยกำลังจะจูบฉันแน่ๆ
ยิ่งฉันดิ้นพี่เนยก็ยิ่งโน้มตัวเข้ามาใกล้ฉันจนกำลังจะกลายเป็นจูบ..โอ้ยตายแล้ว...นี่เธอกำลังจะจูบฉันต่อหน้าเด็กนักเรียนที่ยืนมุงออกันอย่างนี้จริงๆด้วย
บ้าไปแล้ว...
เพี๊ยะ!!
เสียงฉันตบพี่เนยฉาดใหญ่..
ตอนนี้ฉันควบคุมสติตัวเองไม่ได้พอๆกันกับที่พี่เนยกำลังงี่เง่าทำในสิ่งที่เหนือความคาดหมายและไม่สามารถบอกให้หยุดได้ด้วยคำพูดใดๆได้แล้วในตอนนี้
นอกจากกำลังจากฝ่ามือของฉันเท่านั้น
พี่เนยหันหน้าไปตามแรงเหวี่ยงที่ฉันออกแรงตบเธอเมื่อครู่นี้
ตอนนี้พี่เนยอึ้ง
เธอยืนเอามือกุมแก้มที่เธอโดนฉันตบหันหน้าค้างอยู่ด้วยท่าเมื่อกี้อยู่ตั้งนานกว่าจะตั้งสติได้
ซึ่งฉันก็ถือโอกาสตอนที่พี่เนยยืนอึ้งอยู่นี้รีบวิ่งหนีพี่เนยทันที...
ฉันรีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปที่ห้องเรียนตัวเอง
ตอนนี้หัวใจฉันเต้นระรัวดังตุ๊บๆตั๊บๆด้วยเพราะอาการเหนื่อยจากการวิ่งหนีพี่เนยขึ้นมาก็ดี
หรือเพราะว่าฉันตกใจตัวเองที่เผลอใช้กำลังตบตีพี่เนยต่อหน้านักเรียนที่ยืนมุงดูเยอะๆเมื่อครู่ก็ดี
ตอนนี้ความกลัวและความตกใจกำลังทำให้ฉันเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่ได้กลายเป็นต้องก้มหน้าร้องไห้ออกมาตอนที่นั่งอยู่ในห้องที่ยังไม่มีใครๆในห้องซะแล้ว
...บ้าชะมัดเลย
เกิดมาไม่เคยทำอะไรอย่างนี้เลย...
ทำไมพี่เนยต้องมาทำอะไรฉันต่อหน้าคนเยอะๆอย่างนั้นด้วย
ฉันก็ควบคุมสติอารมณ์ของฉันไม่อยู่น่ะสิ
ก็สมองของฉันมีเท่านี้..ฉันจะเอาส่วนไหนไปคิดไปตรึกตรองว่า
ณ
เวลานั้นฉันควรจะหยุดพี่เนยจากอาการโมโหหึดหัดกระฟัดกระเฟียดอย่างนั้นได้อย่างไร
ตอนนี้ฉันทั้งโกรธทั้งอายทั้งโมโหระคนประปนกันไป
ทั้งตัวของฉันก็สั่นเทิ้มเพราะอาการสะอื้นร้องไห้
ทั้งน้ำตาก็ไหลรินออกมาไม่หยุดอีก
เมื่อไม่รู้จะทำยังไงฉันได้แต่ก้มหน้าฟุบลงไปกับโต๊ะแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจที่เผลอทำอะไรกับพี่เนยต่อหน้าคนเยอะๆอย่างนั้นไปแล้ว
เสียงฝีเท้าคนวิ่งมาตามระเบียง
ฉันได้ยินเสียงของมันค่อยๆดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆจนฉันรู้สึกว่ามันกำลังใกล้เข้ามาที่โต๊ะฉันนั่งอยู่นี่...
เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นมองดูก็ได้พบว่าที่มาของเสียงก็คือ
ยัยนุ๊กและออมสินแฟนสาวหล่อของเธอวิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดลงที่โต๊ะของฉัน
“กี้..แกเป็นไงบ้างวะ..เมื่อกี๊ฉันเห็นแกทะเลาะกับพี่เนย
พี่เนยร้องไห้ใหญ่เลยอ่ะ
ฉันเห็นแกวิ่งหนีพี่เนยมาฉันเลยรีบวิ่งตามแกขึ้นมาดูนี่”
ฉันมองดูเพื่อนทั้งสองพร้อมๆกับน้ำตาของฉันที่ไหลหยดตกกระทบพื้นโต๊ะออกมาจากสองข้างตา
ตอนนี้สิ่งที่เพื่อนทั้งสองคนเห็นบนใบหน้าของฉันก็คือความหม่นหมองที่เกิดจากคราบน้ำตาที่ฉันพยายามใช้สองมือเช็ดแล้วเช็ดอีกแต่ก็ยังไม่หมดสักที
แล้วเมื่อฉันมองเห็นใบหน้าคิ้วขมวดบ่งบอกถึงความห่วงใยของยัยนุ๊กที่ยืนอยู่ต่อหน้าตอนนี้
กลายเป็นว่าฉันกลับกลายเป็นปล่อยโฮเสียงดัง
แล้วเข้าโผกอดอดีตเพื่อนรักของฉันที่ครั้งนึงเราเคยไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ
จนยัยนุ๊กตกใจรีบกอดรับและคอยลูบหลังปลอบใจไม่ให้ฉันร้องห่มร้องไห้ไปมากกว่านี้
“ใจเย็นๆนะแก
อย่าร้องๆ
ไม่เอานะเว้ย”ยัยนุ๊กค่อยๆปลอบใจให้ฉันหายจากอาการสะอึกอะอื้น....
************************************************
เสียงออดของคาบบ่ายคาบแรกดังขึ้นแล้ว
แต่ฉันและยัยนุ๊กยังพากันนั่งซึมกระทื่ออยู่ม้านั่งหลังอาคารคหกรรมอยู่
กลายเป็นวันนี้ฉันต้องโดดเรียนคาบแรกเพียงเพราะเหตุผลที่ว่า
ฉันตาแดงขอบตาช้ำเกินกว่าที่จะกล้านั่งเรียนให้เพื่อนๆในห้องรวมถึงคุณครูได้ถามไถ่ถึงที่มาที่ไปหรือสาเหตุของร่องรอยหม่นหมองบนใบหน้าของฉันตอนนี้
ยัยนุ๊กนั้นก็ได้ทีได้โอกาสโดดเรียนคาบเรียนที่เธอไม่ชอบพอดี
โดยเธอใช้ให้ออมสินแฟนสาวหล่อของเธอเข้าไปเรียนและเช็คชื่อให้เธอด้วย
..ช่างโชคดีนัก
มีแฟนที่เกรงกลัวตัวเองแถมยังทำตัวเป็นประโยคใช้ให้ทำอะไรก็ทำให้
ไม่เหมือนฉัน...แม้ฉันกับพี่เนยจะยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกัน
แต่เธอคนนี้ถ้าฉันจะตัดสินใจคบกับเจ้าหล่อนฉันคงต้องคิดทบทวนหนักอยู่...
ก็แหงล่ะ...
ดูจากท่าทางกระฟัดกระเฟียดบวกกับระดับEQ
ที่เธอใช้ในการบังคับสติอารมณ์ของเธอเวลาที่เธอโมโหนั่นมันช่างน้อยนิดจนไม่สามารถเอาไปเทียบกับเด็กอนุบาลได้เลย
พี่เนยคือม้าพยศดีๆนี่เอง
บทที่เธออยากจะดีเธอก็จะดี
แต่ถ้าเธอลองอารมณ์ไม่ดีเธอก็จะบ่นสบถมุบๆมิบๆเหมือนหมีกินผึ้งที่เธอเป็นแบบเมื่อกี๊เลย
ฉันหนักใจกับพี่เนยเสียจริง
ลำพังฉันที่เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆไม่เคยคบใครไม่เคยแม้กระทั่งมี
Puppy
Loveกับใครสักคน
ฉันน่ะไม่เคยรู้อยู่แล้วว่าการเอาใจใครสักคนมันยากเย็นขนาดไหน
ยิ่งตอนนี้คนที่ฉันเผลอไปมีสัมพันธ์ดันเป็นผู้หญิงด้วยกันเสียที
ความต้องการต่างๆของเราสองคนก็ย่อมที่จะเหมือนกัน
ซึ่งก็คือ..ถ้าฉันต้องการอะไร..เธอก็คงต้องการอย่างนั้น
แม้เวลาที่ฉันหวงเธอย่างไร...เธอก็คงจะหวงฉันอย่างนั้นด้วย
แต่ดูจากที่เธอหวงฉันเมื่อกี๊แล้ว..ดูท่าจะหนักหนาสาหัสกว่าที่ฉันเป็นเสียอีก...
แล้วนี่ถ้าหล่อนองค์ลงหนักๆเข้า
ฉันจะทำอย่างไร
หรือฉันจะต้องง้อหล่อนยังไง..เวลาพี่เนยหึงเธอดูเหนือการคาดหมายทุกๆอย่าง
ฉันเดาใจเธอไม่ถูก
และดูเหมือนฉันจะบังคับเธอไม่ได้เสียด้วย
ไม่เหมือนตอนที่เธออารมณ์ดี
ตอนที่เธอเฝ้าพะเน้าพะนอฉัน
ตอนนั้นดูเหมือนโลกทั้งโลกของเธอจะมีเพียงฉันคนเดียว...
ตอนนี้ยิ่งคิดฉันยิ่งสับสน..ไม่รู้ว่าฉันควรจะเอายังไงกับผู้หญิงคนนี้ดี
...นี่ฉันควรจะหยุด..หรือจะไปต่อดี..ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งเครียด..
“เป็นไงบ้างวะกี้แก..”
เสียงยัยนุ๊กปลุกฉันขึ้นมาจากห้วงความคิดพร่ำเพ้อกังวลเรื่องพี่เนย
ฉันเงยหน้าโชว์ดวงตาแดงๆจางๆให้เพื่อนสาวที่ยื่นมือมาค่อยๆปัดปลายผมเปิดหน้าให้ฉันได้สัมผัสกับลมเย็นๆที่พัดโชยมาโดนใบหน้าบ้าง
โดยหวังว่าความเย็นจะช่วยชะโลมความว้าวุ่นใจที่กำลังเกิดขึ้นกับฉันในตอนนี้...
“อืม..ก็โออยู่แก..แต่ฉันปวดหัวจังเลยอ่ะ
แสบท้องด้วย อะไรกันนักกันหนาไม่รู้อ่ะ
ฉันเบื่อจริงๆอ่ะแก”
“เบื่ออะไร..เบื่อพี่เนยเหรอ”
ยัยนุ๊กรีบถามฉันต่อพร้อมๆกับการพยักหน้ารับเงียบๆของฉัน
“สรุปพวกแกอะไรยังไงวะนี่..ตกลงได้คบกันหรือเปล่า..ถ้าไม่ได้คบกันแล้ว
ทำไมพวกแกทะเลาะกันแรงจังเลยวะ
ทำยังกับแฟนกันหวงกันอย่างนั้นล่ะ”
ฉันอึ้งนั่งนิ่งก้มหน้าหลบตาเพื่อนทันทีที่ได้ยินเพื่อนถามประโยคนั้น
“แก..มีอะไรก็บอกฉันได้นะเว้ย
ฉันรู้ว่าแกก็ไปไหนมาไหนคนเดียว
คนจะปรึกษาแกก็ไม่ค่อยมี
อะไรที่มันหนักใจอยากพูดอยากบอกแกก็บอกฉันได้นะเว้ย
ฉันก็เพื่อนแกคนนึงนี่ถ้าวันนี้ตอนนี้ฉันไม่มีแฟนฉันก็คงไปไหนมาไหนกับแกเหมือนเดิมนั่นล่ะ”
ฉันเงยหน้าขึ้นมามองนุ๊กที่ยิ้มมองฉันดวงตาบ่งบอกถึงความจริงใจที่ข้อความที่หล่อนพูดมาเมื่อกี๊นี้แล้วก็อดที่จะถอนหายใจ
ด้วยไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องอย่างนั้นให้เพื่อนคนนี้ฟังได้หรือเปล่า..
แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว..
“แก..ฉันไม่รู้ว่าฉันชอบพี่เนยหรือเปล่าอ่ะ”
ยัยนุ๊กหันมามองหน้าตาโตทันทีที่ฉันยอมเปิดปาก
“ไม่รู้..อะไรที่ทำให้ผู้หญิงอย่างแกไม่รู้วะ..จริงๆผู้หญิงชอบหรือไม่ชอบผู้หญิงด้วยกันน่ะ
บอกง่ายมากเลยนะเว้ย...คือฉันจะบอกว่าผู้หญิงธรรมดาเค้าไม่มารู้สึกว่าไม่รู้ว่าชอบหรือเปล่าหรอก..มีอะไร
Something
ในนั้นใช่มั้ย”
ฉันถอนหายใจอีกรอบที่สองตอนนี้ฉันหันซ้ายหันขวามองหน้ามองหลังด้วยกลัวว่าใครจะอยู่แถวนี้แล้วได้ยินฉันกับยัยนุ๊กคุยเรื่องอะไรอย่างนี้กันมั้ย
ด้วยความที่เป็นคาบแรกช่วงบ่ายตอนนี้แถวอาคารคหกรรมเลยปราศจากนักเรียนจะมีก็เพียงแต่เราสองคนเท่านั้น
ตอนนี้บริเวณแถวนั้นมีแต่ความเงียบและเสียงถอนหายใจยาวๆของฉันที่เผลอถอนออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะแก..เหมือนฉันจะไม่ได้ชอบแก
แต่มันก็มีบางอย่างทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆว่ามันไม่ใช่
ฉันไม่รู้จะบอกจะอธิบายแกยังไงดี
แต่ตอนนี้สถานะฉันกับพี่เนยเอาจริงๆนะ..มันยังไม่ใช่อ่ะแก..พี่เนยแกอาจจะคิดว่ามันใช่..แต่สำหรับฉัน..ฉันยังงงๆอยู่อ่ะแก
ยิ่งพอแกมาทำท่าทีเหมือนหึงหวงฉันอย่างนี้
มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆกับตัวของฉันเองอ่ะแก
ฉันควรจะบอกแกไปดีมั้ย..ว่าฉันไม่ได้ชอบแก”
“อ้าว..ถ้าแกไม่ได้ชอบพี่เนยแล้วแกจะปล่อยให้มันเลยผ่านมาอย่างนี้ทำไมวะ
ทำไมไม่บอกแกตั้งแต่วันแรกๆที่พี่เนยสารภาพรักกับแกแล้ว
แกรู้ตัวหรือเปล่าว่าแกไปให้ความหวังเค้านี่
หลอกให้เค้ามีความหวังอย่างนี้มันก็แย่อยู่นะเว้ย”
ยัยนุ๊กทำท่าทางเหมือนจะต่อว่าต่อขานฉันที่เห็นว่าฉันให้ความหวังกับพี่เนยอย่างนั้น
แล้วเมื่อฉันได้ยินเพื่อนพูดอย่างนั้นความรู้สึกผิดก็ยิ่งประเดประดังเข้ามาหาฉันไปใหญ่
“ฉันไม่ได้อยากให้ความหวังแกนะเว้ย
แต่มันมีบางอย่างที่ทำให้ฉันไม่แน่ใจความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่เนยอ่ะแก
แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันจะบอกแกยังไงดี..”
ตอนนี้ฉันคิดอะไรไม่ออก
ได้แต่นั่งก้มหน้าหมอบลงไปกับโต๊ะม้านั่งด้วยความรู้สึกตึงเครียดที่เริ่มสะสมในใจของฉันเรื่อยๆ
ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะปรึกษาเรื่องนี้กับใคร
มันดูเป็นเรื่องที่น่าอายเกินไปถ้าฉันจะถามใครต่อใครว่า
….ทำไมฉันถึงอยากมีอะไรกับผู้หญิงด้วยกัน...
ตอนนี้ฉันได้แต่ก้มหน้าพยายามควบคุมอารมณ์และความรู้สึกต่างๆเอาไว้ไม่ให้แสดงออกไปให้เพื่อนคนที่อยู่ต่อหน้านี้เห็น
กลายเป็นว่าเราทั้งสองต้องนั่งอยู่ท่ามกลางความเงียบเหมือนเดิม
เมื่อยัยนุ๊กเห็นฉันนั่งเทียวก้มเทียวเงยหน้าไม่ยอมปริปากอะไรอยู่นาน
หล่อนก็แกล้งเปลี่ยนเรื่องชวนฉันคุยเรื่องใหม่
โดยหวังว่ามันจะพอทำให้ฉันคลายเครียดลงได้บ้าง..
“เออ..ว่าไปแล้วฉันก็ปวดๆท้องเหมือนกันนะนี่
ยังไม่ทันได้กินข้าวเลย
ฉันว่าจะกินยาแก้ปวดท้องเมนส์อยู่
พึ่งรู้ตัวว่าตัวเองเป็นเมนส์ก็วันนี้ตอนเกือบๆเที่ยง
ดีนะนี่ออมสินก็เป็นเมนส์เหมือนกันเอาผ้าอนามัยมาอยู่...ฉันเลยขอมาใช้ด้วย”
ยัยนุ๊กพูดไปพลางกุมท้องตัวเองไป
ทำหน้าเหยเกนิดๆ
ฉันเงยหน้าขึ้นมามองยัยนุ๊กแล้วก็หลุดขำออกมาทันที
“..ออมสินเป็นเมนส์ด้วยเหรอ..”
“เอ๋า..
แกก็พูดแปลกมันก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน
มีอะไรเหมือนกันกับเรา
มันก็ต้องเป็นเหมือนๆกันกับเราซิ”
ฉันหัวเราะหึๆทันที
“เออ ฉันก็ลืมไป..เห็นแมนๆเดินโฉบไปเฉี่ยวมาอย่างนั้นตลอด
ก็หลงคิดว่าเค้าเป็นผู้ชายไปแล้ว...”
ยังไม่ทันจะพูดหมดประโยคดีตอนนี้อยู่ๆในห้วงความคิดของฉันก็ดังขึ้นมาบอกฉันว่า...
เออ..ใช่สิสองคนนี้มันก็ผู้หญิงด้วยกันทั้งสองนี่นา
แม้ภายนอกของออมสินจะเป็นสาวห้าวๆแต่ร่างกายของเธอก็ยังเป็นผู้หญิงด้วยกันอยู่
ถ้าฉันจะถามเรื่องอย่างนั้นกับยัยนุ๊กมันก็คงจะไม่เแปลกอะไรหรอกใช่มั้ย...
“เออ..แก..ถ้าฉันขอถามอะไรละลาบละล้วงหน่อยแกจะโกรธฉันหรือเปล่า..”
ฉันยิ้มแหยๆมองหน้ายัยนุ๊กที่กำลังขำค้างจากการที่ฉันพูดเรื่องที่ฉันหลงคิดว่าออมสินเป็นผู้ชาย
“ได้สิถามมาตอบได้ฉันก็จะตอบ..”ยัยนุ๊กเปลี่ยนท่าทางเป็นซีเรียสจริงจังทันที่ที่ได้ยินฉันถามหล่อนด้วยความเกรงใจ
“ตอบตามความจริงด้วยนะ
ห้ามตอบเพราะว่าเกรงใจฉัน”
ฉันยื่นข้อตกลงกับยัยนุ๊กก่อนที่ยัยนุ๊กจะตอบเรื่องที่ฉันจะถามหล่อนก็พยักหน้างึกๆรับคำอย่างขมีขมันทันที
“แก..คบกับออมสินมาตั้งแต่ม.1ตอนนี้ก็ม.4แล้ว..ก็เกือบๆ4ปีเต็มแล้วใช่มั้ย...”
“เออใช่..ทำไมอ่ะ”
“ถามจริงๆนะ..แกตอบฉันตามความจริงด้วย..”
ยัยนุ๊กที่กำลังเริ่มสงสัยในท่าทางของฉันซะเต็มประดา
“ว่า..”
“...พวกแก..มี..อะไร..กันหรือยัง”
ฉันค่อยๆตะล่อมถามเพื่อนทีละประโยคด้วยความอายแสนอาย
ตอนนี้ใบหน้าฉันคงแดงขึ้นแดงขึ้นเรื่อยๆจนเพื่อนเริ่มผิดสังเกตุเลยรีบถามฉันกลับ
“..ถามทำไมวะ”
ยัยนุ๊กพูดแล้วหยุดมองตาของฉันท่าทางหล่อนกำลังอยากจะจับผิดอะไรบางอย่างในตัวของฉันซะแล้ว..
“ก็ถามเฉยๆแกก็ตอบมาเหอะน่า
ฉันอยากรู้”
“ร้อยวันพันปีแกไม่เคยถามเรื่องอะไรอย่างนี้กับใครสักที
น่าสงสัยนะนี่ อ๊ะอ๊ะ..หรือว่าแก...”
“โอ้ย..แกอย่าเปลี่ยนเรื่องดิ..ฉันถามก็ตอบสิวะ..เอาจริงๆ”
ยัยนุ๊กมองหน้าฉันอยู่นานกว่าจะยอมปริปากตอบเรื่องนั้น
“มาถามอะไรตอนนี้เล่า..เค้ามีอะไรกันจนจะได้ลูกแล้วมั้งนี่..ถ้าเป็นคู่หญิงชาย..”
เสียงยัยนุ๊กแอบพูดเสียงอายๆฟังดูค้อนๆให้ฉัน
“..ได้กันตั้งแต่เดือนแรกที่รู้จักกันแล้ว”
ฉันหัวเราะหึๆกลบเกลื่อนท่าทางเขินอายของยัยนุ๊กเบาๆก่อนที่จะกลายเป็นสะดุ้งเฮือกเพราะโดนยัยนุ๊กโจมตีด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาเสียเอง
“แกถามฉันทำไมวะ
มีอะไรซ่อนอยู่ในคำถามนี้หรือเปล่าวะ”
ยัยนุ๊กจ้องเขม็งแววตาคู่นั้นมองสำรวจไปทั่วใบหน้าของฉันโดยที่หล่อนหวังว่ามันจะมีพิรุธหรือคำตอบอะไรบ้างมั้ยซ่อนอยู่ในนั้น
“เปล่า..ฉันก็อยากรู้เฉยๆอะแก
เห็นพวกแกคบกันนานแล้ว
ฉันน่ะสงสัยเรื่องอย่างนี้ตั้งนานแล้วแต่ไม่กล้าถามเฉยๆ”
“จริงดิ..”
ยัยนุ๊กยังไม่เชื่ออีกเธอยังทำเสียงมีพิรุธคอยซักถามฉันยังกับเจ้าหน้าที่สอบสวนสืบสวนกำลังเค้นคำตอบจากผู้ร้าย
“จริงสิแก
ฉันก็แค่สงสัยว่า..พวกแกก็แบบว่าเป็นผู้หญิงด้วยกันใช่เปล่า
ถึงออมสินเค้าจะเป็นทอมแต่ร่างกายของเค้าจริงๆก็คือผู้หญิง
แล้วเวลาที่พวกแกมีอะไรกันน่ะ
แกชอบเรือนร่างของออมสินหรือเปล่า
แกแหยงๆมั้ย..”
“แหยงทำไมล่ะ
ถึงร่างกายมันเป็นผู้หญิงแต่มันก็ไม่ได้เซ็กซี่อะไรเล้ย..ก็ทอมอ่ะแกจะอะไรมาก
แต่ยังไงฉันก็ชอบนะ..เพราะนั่นคือคนที่ฉันรักเค้าจะเป็นอะไรยังไง
สำหรับฉันก็ถือว่าโอเคและดีที่สุดแล้ว
ถึงมันร่างกายเป็นผู้หญิงมีอะไรเหมือนๆกันกับเรา
ฉันก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดนะ
มันเป็นแฟนฉันอ่ะแก
ยังไงๆเวลาที่เราสองคนอยู่ด้วยกันก็ขอแค่มีความสุขด้วยกันก็พอแล้ว
มันไม่มีคำว่าแหยงๆหรอกนะถ้าเราได้รักคนนั้นขึ้นมาแล้ว”
ยัยนุ๊กทำหน้าจริงจังและซีเรียสทันทีที่อธิบายเรื่องนี้ให้ฉันฟัง
“แล้วแกว่า..ผู้หญิงปกติทั่วไปที่เป็นผู้หญิงจริงๆนี่
เค้าจะแหยงมั้ยเวลา..ที่เห็น..ตัวเปลือยๆเปล่าๆผู้หญิงด้วยกันอย่างนั้น”
“แกถามฉันทำไม..ถ้าเป็นปกติเค้าก็คงไม่สนใจอะไรหรอกมั้ง..ก็ผู้หญิงด้วยกันก็คงจะมองผ่านๆสิ..”ยัยนุ๊กทั้งตอบทั้งจ้องหน้าฉันเพื่อมองหาพิรุธบางอย่างที่หล่อนคิดว่าฉันกำลังซ่อนไว้อยู่ในอากัปกิริยาและท่าทางประหลาดๆเหล่านั้น
“แล้ว..ถ้าผู้หญิงคนนั้นมองผู้หญิงด้วยกันแล้วเกิด..มีอารมณ์อย่าง..ผู้หญิงกับผู้ชายอ่ะ
แกว่ามันแปลกมั้ย”
ยัยนุ๊กตาโตคิ้วขมวดรีบโน้มหน้าเข้ามาใกล้ๆฉันเหมือนเธอกำลังจับผิดในประโยคคำถามของฉันที่ถามเธอเมื่อครู่นั้น
“เฮ้ย..อย่าบอกนะ
ว่าผู้หญิงคนที่แกว่าคือ..แก..แล้วผู้หญิงคนที่แกมีอารมณ์ด้วยคือพี่เนย...”
ฉันสะดุ้งเฮือกใบหน้าถอดสีทันทีที่โดนสายตาจับผิดของยัยนุ๊กคู่นั้นเริ่มจับไต๋ได้แล้ว
ตอนนี้ฉันพูดอะไรไม่ออกได้แต่ทำหน้าเลิ่กๆลั่กๆทั้งเหงื่อแตกปากซีดด้วยกลัวว่าคนตรงหน้านี้เค้าจะว่าอะไรฉันหรือเปล่า...
“ใช่มั้ย
แกกับพี่เนยมีอะไรกันแล้วใช่มั้ย”
ยัยนุ๊กตกใจขึ้นเสียงสูงพลางชี้หน้าจ้องเอาคำตอบจากปากฉันให้ได้จนฉันต้องหันซ้ายหันขวามองรอบๆตัวทันที
“โอ้ยแก
อย่าพูดเสียงดังสิ
เงียบๆได้มั้ยอ่ะ..ฉันอายคน..แล้วก็อย่าบอกใครเรื่องนี้ด้วยนะ
นะแกนะ..ฉันขอร้อง”
ฉันร้องเสียงหลงทั้งยกมือไหว้ขอร้องให้เพื่อนคนตรงหน้าช่วยเก็บความลับของฉันเรื่องนี้ที่หล่อนกำลังจะรับรู้เกือบทั้งหมดนี่แล้ว
“ฮ้า..แสดงว่าแกกับพี่เนยมีอะไรกันแล้วจริงๆเหรอ..”ยัยนุ๊กคิ้วขมวดทำหน้างงสุดชีวิต
นี่หล่อนคงไม่เชื่อว่าเพื่อนรักของหล่อนที่ม.1-ม.4
เหมือนเด็กเนิร์ดทำตัวเหมือนเด็กเอ๋อไม่รู้จักโตไม่เป็นสาวเสียที
จะกลายเป็นว่าอยู่ๆมีอะไรกับผู้หญิงด้วยกันเสียแล้ว
“เฮ้ย
ได้ไงวะ
เด๋วนะฉันพึ่งเห็นแกกับพี่เนยรู้จักกันก็น่าจะวันเสาร์อาทิตย์
วันจันทร์พี่เนยก็สารภาพรักแก..นี่ก็พึ่งวันพฤหัส
เฮ้ยนับดูแล้วพึ่งไม่กี่วันเองไปได้กันตอนไหนวะ
ไวไฟชะมัดเลย ยังไม่ถึงอาทิตย์เลยอ่ะแก
ของพวกฉันยังเป็นเดือน”
ฉันเหงื่อตกมองดูอาการตกใจของเพื่อนแล้วก็ยิ่งไม่กล้าจะบอกความจริงเข้าไปใหญ่เลยว่า..
...พวกฉันได้กันตั้งแต่รู้จักกันยังไม่ถึงชั่วโมงเลย...
“เอ่อ...แกไม่ต้องถามรายละเอียดอะไรมากได้ป่ะ
ฉันไม่อยากอธิบายอะแก
ฉันแค่อยากจะถามแกถึงสิ่งที่ฉันเป็นอยู่นี่ว่ามันคืออะไร..”
ฉันพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติที่สุด
ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันแทบจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้แล้ว
“แกว่าฉันผิดปกติหรือเปล่าวะแก
ฉันคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงธรรมดาๆคนนึงนะ
ฉันไม่ใช่เลสเบี้ยน
และฉันก็ไม่ได้คิดอะไรกับพี่เนยเลย
แต่ทำไม..แค่ฉันเห็นพี่เนยแบบว่า..แต่งตัวเปิดนั่นโชว์นี่นิดๆหน่อยๆทำไมฉันถึงอยาก...ทำอะไรอย่างนั้นกับแกตลอดเลยอะ..”
น้ำเสียงเลิ่กๆลั่กๆติดๆขัดๆพูดเต็มคำบ้างไม่เต็มคำบ้างพยายามอธิบายสิ่งที่ตัวฉันเองกำลังรู้สึกผิดแปลกในร่างกายของตัวเองทั้งๆที่เกิดมาไม่เคยเป็นอย่างนี้สักที
ยัยนุ๊กมองหน้าทำหน้าทำตาเหมือนหล่อนก็ไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ฉันพูด
“แก..ฟังฉันนะเว้ย..ไม่มีผู้หญิงปกติที่ไหนมองร่างกายผู้หญิงด้วยกันแค่เพียงแว๊บๆแล้วจะเกิดอารมณ์หรอก...90%ของผู้หญิงที่มีอาการอย่างนี้น่ะ
มีแนวโน้มจะเป็นหญิงรักหญิงหรือเลสเบี้ยนทั้งนั้นนะเว้ย..ถ้าไม่ใช่คนโรคจิตอีก10%ที่เหลืออะ”
ฉันสะดุ้งเฮือกทันที่ที่ยัยนุ๊กพูดประโยคนี้มาแล้วทำหน้าทำตาจริงจังซีเรียสมองฉันอย่างกับเธอนั้นก็ไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ฉันกำลังบอกเล่าอยู่นี่เลย...
“จริงๆฉันไม่ค่อยอยากจะเชื่อหรอกนะ
ว่าแกกับพี่เนยจะแบบว่าอย่างนั้นกันแล้ว
แต่ด้วยความที่ฉันเห็นแกเป็นคนที่ค่อนข้างจะซีเรียสในสิ่งต่างๆที่แกทำ
เพราะงั้นแล้วแกคงไม่มาเล่นตลกล้อเล่นในสิ่งที่แกไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น..คือถึงแม้ฉันจะแซวว่าแกคบกับพี่เนยอะไรอย่างนั้นอ่ะ
แต่จริงๆฉันก็ไม่ได้คิดว่าแกจะถึงขั้นมีอะไรกันเกินเลยขนาดนั้นเลยนะนี่..มิน่าแกถึงไปไหนมาไหนกับพี่เนยตลอดเวลา
ที่แท้ก็.......”ยัยนุ๊กเว้นคำตรงประโยคสุดท้ายเอาไว้แล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ๆ..เหมือนหล่อนก็กระดากปากกระดากใจที่จะพูดเรื่องอย่างนั้นเหมือนกัน..
แล้วพอฉันเงยหน้ามองดูยัยนุ๊กที่มองหน้าฉันเหมือนกำลังตำหนิในสิ่งที่ฉันทำอยู่
ความรู้สึกผิดรุนแรงก็เกิดขึ้นกับตัวฉันจนฉันต้องก้มหน้าร้องไห้ลงไปกับโต๊ะม้านั่งนั้นทันที
“แกจะว่าฉันโรคจิตใช่มั้ย..ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นอย่างนั้นนะเว้ยแก..แต่ฉันห้ามใจตัวเองไม่ได้จริงๆ”
ฉันทั้งพูดน้ำตาก็เริ่มไหลออก
กลายเป็นว่าตอนนี้ฉันร้องไห้หนักกว่าที่ฉันเป็นก่อนหน้านั้นเสียอีก...
“นี่กี้..ฉันไม่ได้ว่าแกเลยนะเรื่องที่แกจะมีหรือไม่มีอะไรกับพี่เนยอ่ะ
ฉันก็ยังเป็น..เรื่องพวกนี้มันอยู่ที่ใจล้วนๆอ่ะ
แต่ที่ฉันรู้สึกไม่ชอบแกขึ้นทันทีที่ได้ยินแกพูดอย่างนี้ก็คือ..แกพึ่งบอกฉันเองว่าแกไม่ได้รู้สึกชอบพี่เนยเลย
แต่แกกับไปมีอะไรกับเค้าอย่างนี้..แกหลอกให้ความหวังเค้าหนักเข้าไปใหญ่นะเว้ย..
แกทำอะไรพี่เนยทั้งๆที่แกไม่ได้ชอบไม่ได้รักอย่างนี้..เห็นพี่เนยเป็นตัวอะไรวะ..ทำไมไม่ให้เกียรติแกเลยอะผู้หญิงด้วยกันไม่ใช่เหรอ”
ยัยนุ๊กทั้งพูดทั้งเอื้อมมือมาจับจับไหล่ฉันเขย่าเหมือนหล่อนรับไม่ได้ที่เห็นฉันทำนิสัยอย่างนี้
ฉันรีบเงยหน้าขึ้นมามองยัยนุ๊กทันทีที่ได้ยินประโยคนี้
ยัยนุ๊กก็จ้องหน้าฉันด้วยความผิดหวังไม่วางตา
“ฉันไม่คิดเลยนะเว้ย
ว่าแกจะเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น
อยากจะทำอะไรก็จะทำอย่างนั้นเหรอ..มิน่าพี่เนยถึงหึงถึงหวงแกอย่างนั้น..ฉันชักจะเริ่มสงสารพี่เนยแล้วนะนี่....”ยัยนุ๊กจับไหล่ฉันค้างไว้สายตาคู่นั้นของเพื่อนสาวของฉันยังบ่งบอกถึงความผิดหวังในตัวเพื่อนคนนี้ของหล่อนเป็นที่สุด..
“เฮ้ย..แกไม่ใช่อย่างนั้นนะเว้ย..”
ฉันเอื้อมมือขึ้นมาจับมือยัยนุ๊กที่จับไหล่ฉันค้างไว้
แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะอธิบายอะไรยัยนุ๊ก
...จู่ๆพี่เนยก็โผล่พรวดเดินเข้ามาขนาบข้างแล้วดึงแขนของฉันเข้าไปหาหล่อน
“..กี้ทำไมกี้ไม่เปิดโทรศัพท์ไว้เลยล่ะ
พี่พยายามติดต่อกี้ตั้งนานแล้ว
ทั้งเดินหาทั้งโรงเรียน
เดินไปหากี้ที่ห้องก็ไม่เห็นกี้เข้าเรียน
นี่กี้จะหลบหน้าพี่ใช่มั้ย...”
ฉันหันควับไปมองพี่เนยที่ใบหน้าหม่นหมองแถมยังมีคราบน้ำตาติดอยู่ตามขนตางอนๆสองแผลงซ้ายขวาของเธออยู่
พี่เนยหันหน้าไปจ้องเขม็งยัยนุ๊กที่ยังจับไหล่ฉันค้างไว้
ซึ่งตอนนี้ยัยนุ๊กเองก็เริ่มมีอาการเลิ่กๆลั่กๆซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าหล่อนตกใจที่อยู่ๆก็เห็นพี่เนยโผล่พรวดขึ้นมาแบบนี้
“ใครอ่ะ..”พี่เนยหันมาถามฉัน
แล้วหันกลับไปจ้องเขม็งที่ยัยนุ๊กที่เริ่มได้สติแล้วปล่อยแขนทั้งสองข้างออกจากไหล่ฉันแล้วหันมาพยายามส่งยิ้มแหยๆให้พี่เนยที่ออกอาการหึงหวงขึ้นมาอีกแล้ว..
“เพื่อนกี้เอง
เพื่อนสนิทกันแต่ไม่ค่อยไปไหนด้วยกันพี่เนยไม่รู้จักหรอก
แล้วก็เลิกทำหน้าทำตาอย่างนั้นซักทีเถอะ”
ฉันคิ้วขมวดพยายามอธิบายหญิงสาวสวยแต่ไร้EQที่จะระงับอาการท่าทางการแสดงออกเวลาที่เธอไม่พอใจอะไรออกมาได้เลย
“หวัดดีค่ะพี่เนย
หนูชื่อนุ๊กค่ะ
เป็นเพื่อนกี้ตั้งแต่เด็กแล้ว
มีแฟนแล้วค่ะเป็นทอมไม่ได้ชอบผู้หญิง
ไม่ได้ชอบกี้แน่นอนค่ะพี่..”ยัยนุ๊กทำหน้าเด๋อๆด๋าๆ
พลางหัวเราะหึๆพยายามอธิบายจับต้นชนปลายเรื่องราวต่างๆโดยหวังว่าคนตรงหน้าจะรู้ว่าหล่อนไม่ได้ชอบผู้หญิงอย่างฉันแน่นอน..
พี่เนยจ้องยัยนุ๊กอยู่นาน
ก่อนจะลดอาการขมวดคิ้วนั่นลงแล้วหันมาทำตาละห้อยมองหน้าฉันเหมือนเดิม
“พี่ขอคุยกับกี้หน่อยได้มั้ย..”
พี่เนยพูดกับฉันก็จริงแต่ความหมายของหล่อนนั้นบอกเป็นนัยๆให้บุคคลที่3รู้ตัวว่าช่วยปล่อยให้เราสองคนได้คุยกันตามลำพังได้มั้ย
ซึ่งยัยนุ๊กก็สะดุ้งทันทีที่ได้ยินประโยคข้อร้องฉันแต่กลายเป็นแกมบังคับคนนอกที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกันนั้นออกไป..
“เอ่อ..งั้นฉันขอตัวเข้าเรียนก่อนนะแกกี้”
ยัยนุ๊กยิ้มหันหน้ามามองฉันทีมองพี่เนยที
ก่อนจะค่อยๆโน้มหน้าเข้ามากระซิบกระซาบกับฉัน
“พี่เนยเค้าจะหึงฉันหรือเปล่าวะ..แกคุยกันดีๆนะเว้ย
ตอนที่ฉันเห็นพี่เนยตอนแกวิ่งหนีมาน่ะ
แกร้องไห้โฮเสียงดังไม่กลัวคนว่าและไม่อายคนมองเลยนะเว้ย
น่าสงสารพี่เนยอยู่นะ..”สิ้นเสียงกระซิบกระซาบของยัยนุ๊กหล่อนก็ลุกขึ้นบอกลาพี่เนยแล้วรีบเดินเลี่ยงพวกเราสองคนไปทันที
“กี้..กี้โกรธให้พี่ใช่มั้ย..”
พอลับตาเพื่อนพี่เนยก็รีบขยับกายของเธอมานั่งคุกเข่าต่อหน้าฉัน
สองมือของเธอก็ดึงเอามือของฉันขึ้นมาจับไว้
พลางทำเสียงเศร้าใบหน้าละห้อยมองดูฉันที่ยังหน้านิ่วคิ้วขมวดจ้องมองหล่อนด้วยความรู้สึกไม่สู้ดีตั้งแต่ตอนนั้น
“พี่ขอโทษกี้นะ
พี่งี่เง่าเอง พี่คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
พี่ยอมรับนะว่าพี่มันโง่อ่ะ
แต่พี่หึงกี้อ่ะแล้วพี่ก็หวงกี้มากๆด้วย
พี่แค่กลัวว่า..กี้จะชอบมันเหมือนๆกับคนอื่นๆที่เห็นภายนอกของมันแล้วก็ชอบอ่ะ..พี่อาจจะสู้มันไม่ได้ก็จริงนะ
แต่พี่จะพยายามทุกๆอย่างที่จะทำให้กี้ได้เห็นว่า
พี่พยายามเปลี่ยนแปลงเพื่อกี้จริงๆ”
พี่เนยทั้งพูดทั้งร้องไห้ตอนนี้น้ำตาเธอค่อยๆไหลออกมาทั้งสองอีกแล้ว
“..เปลี่ยนจากยอมรับว่าตัวเองงี่เง่า
เป็นรูตัวว่าตัวเองงี่เง่าตั้งแต่ตอนนั้นแล้วไม่แสดงอาการอะไรออกมาได้มั้ยอ่ะ
พี่เนยเห็นมั้ยคนตั้งเยอะอ่ะ
เค้ายืนมองเราคุยบ้าทำบ้าอะไรกันอยู่ไม่รู้
พี่เนยไม่อายเหรอ..ทำไมกี้อายจังเลยอะ”
“กี้..พี่ทั้งเจ็บทั้งอายไม่แพ้กี้นะ”
พี่เนยพูดพลางยกมือขึ้นมาจับแก้มข้างที่เธอโดนฉันตบเข้าฉาดใหญ่เมื่อตอนเที่ยงนี้
“..แล้วทุกคนก็เห็นแล้วด้วยว่าพี่ร้องไห้เป็นบ้าเป็นบอออกมาอย่างไม่อายใครด้วยอ่ะ
พี่ไม่แคร์ใครเลยนะในโรงเรียนนี้
พี่แคร์แค่กี้คนเดียว
กี้คือทุกอย่างของพี่
ถ้ากี้ไม่เข้าใจพี่เแล้วพี่ก็ไม่รู้จะอยู่อย่างไร”
พี่เนยทั้งพูดทั้งเขย่าแขนดึงดันดึงรั้งขอความเห็นใจจากฉันโดยหวังว่าฉันจะเข้าใจที่เธอทำผิดและสงสารเธอที่ก็อายผู้คนไม่แตกต่างจากฉัน
ฉันมองพี่เนยที่นั่งคุกเข่าร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าฉันอยู่
ความรู้สึกหลายๆอย่างก็เริ่มประเดประดังมาทั้งคำพูดที่เพื่อนพูดมาว่า
..หลอกให้เค้ามีความหวังอย่างนี้มันก็แย่อยู่นะ..
“พี่เนย..กี้พูดจริงๆนะ..พี่เนยทำใจไว้บ้างได้มั้ย..เผื่อวันข้างหน้าพี่เนยได้รู้ว่า..กี้ไม่ได้คิดอะไรกับพี่เนยแบบนั้นเลย..พี่เนยจะทำยังไง”
“ไม่ไม่ไม่..กี้อย่าพูดอย่างนั้นสิ..กี้คือทุกอย่างในชีวิตพี่แล้ว
พี่ปล่อยใจของพี่ให้กี้ไปทั้งใจตั้งแต่ได้รู้ว่ากี้ก็มีความสุขที่ได้อยู่กับพี่อย่างนั้นเหมือนกัน
...ถ้ากี้จะโกรธพี่ถึงขึ้นจะบอกเลิกพี่อย่างนั้น..พี่ก็ขอโทษกี้จริงๆนะ
พี่ผิดไปแล้วพี่จะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว
กี้อย่าโกรธพี่เลยนะ”
พี่เนยพูดเสียงหลงเธอทั้งยกมือไหว้ขอร้องฉันทั้งร้องห่มร้องไห้ตกใจที่ได้ยินฉันพูดบอกเธอให้ทำใจอย่างนั้น
ฉันรีบปัดมือพี่เนยออกทันทีที่เห็นเธอยกมือไหว้ขอร้องฉันอย่างนั้น
“พี่เนยทำบ้าอะไรนี่
มาไหว้กันอย่างนี้ทำไม
ยอมเสียศักดิ์ศรีตัวเองขนาดนี้เลยเหรอนี่
บ้าไปแล้วอ่ะ”
พี่เนยหลบมือจากฉันแล้วยกขึ้นมาทำท่าไหว้ขอร้องอีกครั้งนึง
“กี้..พี่พูดจริงๆนะ
ชีวิตพี่ตอนนี้ก็มีแต่กี้คนเดียวเท่านั้นที่ทำให้พี่อยากจะพยายามทำอะไรหลายๆอย่างที่พี่เคยทำผิดพลาดมาก่อน
พี่ไม่ได้เผื่อใจไว้ให้ความผิดหวังอะไรทั้งนั้น
เพราะกี้คือคนแรกของพี่ที่พี่จะยอมรับและยอมทำทุกๆอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับกี้ตลอดชีวิต
กี้ให้อภัยพี่เถอะนะ
นะคะพี่ขอโทษจริงๆ..”
พี่เนยคุกเข่ายกมือขึ้นไหว้ขอร้องฉันอีกครั้ง
เธอทั้งร้องไห้สะอึกสะอื้นร่างกายก็สั่นเทิ้มไม่หยุดเสียที
แล้วแค่ฉันเห็นอาการเศร้าโศกเสียใจประหนึ่งจะขาดใจตายให้ได้ของพี่เนยแค่นั้น
ฉันก็อดสงสารเจ้าหล่อนไม่ได้กลายเป็นยื่นมือออกไปจับมือพี่เนยออกจากอาการพนมมือนั้นแล้วดึงพี่เนยให้ลุกขึ้นมานั่งข้างๆฉัน
พร้อมๆกับเสียงถอนหายใจเฮือกยาวๆที่บ่งบอกถึงความหนักใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังเจออยู่นี้..
“..ทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ
ที่นี่คือโรงเรียน..พี่เนยควรจะสำรวมอาการทุกอย่างเอาไว้
ไม่ใช่อยากจะกอดอยากจะหอมคนอื่นยังไงก็ได้
รู้มั้ยว่ามันไม่ควร
แล้วมิหนำซ้ำเราสองคนยังเป็นผู้หญิงด้วยกันอีก
คนอื่นเค้าจะมองเรายังไง...แค่นี้มันก็ประหลาดในสายตาคนอื่นจะแย่อยู่แล้ว...”
พี่เนยนั่งนิ่งฟังฉันพูดเธอพยักหน้ารับคำที่ฉันสอนที่ฉันบอกเธอทั้งที่ตัวเธอก็ยังไม่หายจากอาการสะอื้นร้องเมื่อครู่ดี
ฉันหันไปสำรวจใบหน้าพี่เนย
ที่ก้มหน้าเศร้าสะอื้นร้องไห้จนไปพบกับรอยแดงๆบนแก้มที่โดนฉันออกแรงตบเรียกสติของเธอเข้าฉาดใหญ่ในตอนนั้น
ตอนนี้ความรู้สึกผิดในใจของฉันก็เริ่มก่อตัวขึ้นทันที..
“..กี้ขอโทษพี่เนยนะที่กี้ตบพี่เนยต่อหน้าคนอื่นอย่างนั้น
กี้รู้ว่าพี่เนยคงเจ็บเพราะกี้ก็ตบพี่เนยแรงอยู่..กี้ก็ผิดเหมือนกันที่ไม่ได้ยับยั้งชั่งใจอารมณ์ตัวเองจนขาดสติเผลอใช้กำลังอย่างนั้นกับพี่เนย..”
พี่เนยร้องไห้เสียงดังขึ้นอีกทันทีที่ได้ยินคำขอโทษจากฉัน
แล้วตั้งแต่ตอนนั้นเธอก็เอนหัวมาหนุนไหล่ฉันแล้วปล่อยให้ตัวของเธอร้องไห้สะอึกสะอื้นต่อไปจนกระทั่งออดคาบเรียนที่สองของตอนบ่ายดังขึ้นมา....
***********************************************************
ฉันเดินผ่าสายตานักเรียนที่นั่งเรียนอยู่ริมอาคารเรียนที่เหลือบมาเห็นฉันกับพี่เนยเดินผ่านไป
พวกเค้าต่างพากันทำท่าทางพยักเพยิดและขยับปากมุบๆมิบๆเหมือนพวกเค้ากำลังนินทาเรื่องที่ฉันกับพี่เนยมีเรื่องกันในตอนเที่ยงวันนี้
ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับเพื่อนๆในห้องของฉัน
ทันที่ที่ฉันย่างกรายเข้ามาในห้องทุกสายตาของเพื่อนๆในห้องที่กำลังนั่งคุยเรื่องของฉันตอนที่รอคุณครูวิชาถัดไปเข้ามาสอน
ก็เปลี่ยนกลายเป็นจับจ้องมองดูอาการต่างๆของฉัน..ทำเหมือนกับว่าพวกเค้ากำลังจับผิดอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับพี่เนยอยู่..
แล้วพอฉันขยับเก้าอี้เพื่อเลื่อนตัวเข้าไปนั่ง
เพื่อนทั้งที่อยู่ข้างๆฉันทั้งด้านหน้าหรือแม้แต่ด้านหลังก็เริ่มเดินเข้ามาออที่โต๊ะฉันพร้อมๆกับเปิดประเด็นคำถามมาทันทีว่า...
“เฮ้ยแก..
เป็นไงบ้างวะกี้..ได้ข่าวว่ามีปัญกากับพี่เนยตอนเที่ยงใช่เปล่า
พวกฉันเป็นห่วงแกจังเลยอะกลัวพี่เนยจะทำอะไรแก
แกไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย..”เพื่อนคนที่ถามทำเป็นยื่นไม้ยื่นมือมาสัมผัสจับตามเนื้อตามตัวของฉันด้วยความห่วงใย..
ฉันไม่ตอบไม่ไรได้แต่ส่ายหัวให้เพื่อนพวกนั้นแทนคำตอบ..
“เฮ้อ..นี่ล่ะน้าแก..พี่ฉันคันปากเหลือเกินอ่ะ
อยากบอกแกแต่ก็บอกอะไรไม่ได้
กลัวแกชอบพี่เนยขึ้นมาจริงๆแล้วจะกลายเป็นว่าพวกฉันเป็นตัวยุแยงตะแครงรั่วเรื่องของแก”
เพื่อนคนที่อยู่ข้างหลังพูดขึ้นทำเสียงเหมือนเป็นห่วงฉันซะเต็มประดา
ฉันได้แต่ก้มหน้าพยักเพยิดแต่ก็ไม่ตอบไม่พูดอะไรกับเพื่อนพวกนั้นเหมือนเดิม
“ถ้าแกยังไม่ได้ชอบพี่เนยอะ
แกก็รีบๆปฏิเสธแกไปเถอะนะพวกฉันเป็นห่วงแกจริงๆ
เอาจริงๆนะเว้ยคนทั้งโรงเรียนไม่มีใครชอบพี่เนยซักคน..ไม่มีคนดีๆที่ไหนกล้าเข้าใกล้แกหรอก
แกน่ะอันธพาล พ่อแกก็น่ากลัว
ถ้าแกไปไหนมาไหนกับพี่เนยบ่อยๆจะกลายเป็นไม่มีใครกล้าเข้าใกล้แกเหมือนกันนะเว้ย
คือพวกฉันหวังดีจริงๆนะเว้ยอย่าว่างั้นงี้เลยนะ
ได้ข่าวว่าพี่พลอยเค้าชอบๆแก
ถ้าแกคิดจะคบกับผู้หญิงจริงๆพวกฉันเชียร์ให้แกคบกับพี่พลอยดีกว่านะ”
เพื่อนคนนั้นพูดพลางหันไปมองเพื่อนที่อยู่ข้างๆที่เห็นด้วยกับคำพูดของเค้าแล้วพากันพยักหน้าสนับสนุนทันที
ฉันได้แต่นั่งอึ้งฟังเพื่อนพวกนี้พูดเปรียบเทียบพี่พลอยกับพี่เนยซึ่งก็เข้าหูฉันบ้างไม่เข้าหูฉันบ้างเพราะว่าตอนนี้ในใจของฉันกำลังสับสนเต็มที่
ฉันคิดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ
จริงอย่างที่เพื่อนพวกนี้ว่ากัน
เดี๋ยวนี้ไม่มีใครกล้ามาคุยกับฉันเลยตั้งแต่พี่เนยเปิดตัวว่าเธอชอบฉัน
แม้แต่คนที่ฉันเคยเดินผ่านแล้วเค้ามักจะมาทักหรือมาแซวก็ยังหลบตาแล้วเลี่ยงเดินหนีไปไม่ยอมพูดอะไรกับฉันเหมือนแต่ก่อนนั้นเลย
ซึ่งถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้อยากให้ใครต่อใครมาสนใจฉันเท่าไหร่แต่ฉันก็ไม่ได้อยากให้คนทั้งโรงเรียนเริ่มจะเกลียดหรือกลัวฉันเหมือนที่กำลังเป็นอยู่นี้...
โอ้ย..นี่ฉันต้องเลือกเอาอย่างนั้นเหรอนี่ระหว่างพี่เนยคนเดียวกับคนทั้งโรงเรียนรวมทั้งครูหรือแม้กระทั่งคนแถวๆบ้าน
ถ้าฉันคบเค้าฉันก็จะไม่เหลือใคร..
….ทำไมพี่เนยถึงไม่ทำตัวดีๆน่ารักๆเหมือนพี่พลอยบ้างนะ
..ถ้าเค้าเป็นคนนิสัยดีสักนิด..ฉันก็คงจะไม่ลำบากใจตัวเองอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่ๆ.....
ฉันทั้งคิดทั้งเหม่อไปเรื่อยจนกระทั่งเพื่อนอีกคนนึงเดินเข้ามาหาและสะกิดเรียกฉัน
“เฮ้ยแก..กี้วันนี้วันพฤหัสเวรกลุ่มพวกเรา5คนจัดบอร์หน้าห้องอ่ะแก”
ฉันได้สติรีบหันไปพยักหน้ารับรู้กับเพื่อนคนนั้นทันที
“เมื่อวานพวกฉัน4คนไปซื้อของซื้ออะไรกันมาเตรียมแล้วนะเว้ยแต่ว่าวันนี้พวกฉันต้องขอร้องแกนิดนึงได้ป่ะ”
เพื่อนคนนั้นยกมือขึ้นไหว้ขอร้องฉันประหลกๆ
“...คือวันนี้ในเมืองพี่เจมส์เค้ามาแจกลายเซ็นต์อะแก
พวกฉันอยากรีบไปต่อคิวเข้าแถวขอลายเซ็นต์พี่เจมส์อะแกคือแกเข้าใจอยู่ใช่ป่ะ
ถ้าพวกฉันมานั่งจัดอยู่นี่มันคงไม่ทัน
ได้ข่าวว่าแกไม่ค่อยชอบพี่เจมส์เท่าไหร่พวกฉันรบกวนแกจัดบอร์ดให้ได้เปล่า
นะแกนะของพวกนี้พวกฉันก็เตรียมตัดเตรียมพับอะไรมาให้แกหมดแล้วแกมีหน้าที่เอาติดเฉยๆก็ได้
ไม่ยากหรอกนะๆ..”
เพื่อนคนนั้นทำเสียงอ่อนเสียงหวานขอร้องให้ฉันเห็นใจพวกเธอจนฉันใจอ่อนด้วยเพราะเห็นว่าเมื่อวานพวกเค้าก็พากันไปซื้อไปเตรียมของพวกนี้มาไว้อยู่แล้ว
ในเมื่อฉันไม่ได้ช่วยเมื่อวานฉันก็ควรจะรับหน้าที่จัดบอร์ดพวกนี้ต่อจากพวกเค้าแทน
เมื่อคิดได้ดังนั้นฉันก็ยิ้มรับคำขอร้องจากเพื่อนๆ
ซึ่งพอพวกเค้าเห็นท่าทีของฉันพวกเค้าก็พากันดีใจร้องไชโยโห่หิ้วกันทันที...
เสียงออดเลิกเรียนดังขึ้น
ฉันบอกลาเพื่อนๆที่เดินทางเข้าไปในเมืองเพื่อไปขอลายเซ็นต์ดาราคนโปรดของพวกเค้าก่อนจะหยิบเอาถุงของสัมภาระต่างๆที่เพื่อนในกลุ่มพวกนั้นเตรียมไว้ให้ฉันจัดบอร์ดเดินออกมานอกห้อง
ฉันหยิบเอาโทรศัพท์โทรหาพี่เนยเพื่อบอกให้เธอรู้ว่าฉันต้องจัดบอร์ดอยู่ที่ห้องซึ่งก็อาจจะนานเพื่อไม่ให้เธอเป็นห่วงอะไรฉันมากฉันเลยบอกให้พี่เนยกลับบ้านไปก่อน
“กี้จะจัดบอร์ดกับเพื่อนที่ห้องอ่ะ
พี่เนยกลับบ้านเลยนะ”
“อ้าว..เหรอนานมั้ยอ่ะ
เดี๋ยวพี่รอก็ได้นะ”
พี่เนยทำเสียงเป็นห่วงฉันมาตามสาย
“ก็คงนาน
ไม่ต้องรอหรอกเดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วกี้จะโทรหาอีกทีแล้วกัน”
ฉันรีบบอกปัดๆพี่เนยให้รีบกลับบ้าน
ด้วยกลัวว่าถ้าเธอรอฉันอยู่ที่รถอีกจะกลายเป็นว่าเธอจะได้เจอพวกบรรดาศัตรูทั้งหลายของเธออีก
พี่เนยรบเร้าขอรอฉันอยู่นานกว่าเธอจะยอมกลับบ้านไปดีๆเนื่องจากฉันเริ่มขึ้นเสียงข่มขู่เธออีกครั้งนึง
ฉันเหลือบมองดูนาฬิกาตอนนี้มันบอกเวลาที่สี่โมงกว่าๆเพื่อนๆที่เป็นเวรกวาดห้องถูห้องก็จัดการทำเวรของตัวเองเรียบร้อยก่อนจะเดินแวะมาทักทายฉันแล้วก็ขอตัวกลับบ้านพวกเค้าไป
ฉันเทียวลุกขึ้นดึงบอร์ดเก่าทั้งเทียวลุกเดินหยิบภาพแต่งบอร์ดเดินไปมาเพื่อเทียบว่าภาพไหนควรติดตรงไหนของบอร์ดนั่นอยู่นาน
จนตอนนี้เสียงโห่ร้องของบรรดานักกีฬาฟุตบอลเริ่มเบาลง
ฉันมองดูนาฬิกาตอนนี้ห้าโมงครึ่งแล้วแต่ความคืบหน้าบอร์ดของฉันยังไม่ไปไหนมาไหนเลย
กลายเป็นว่าตอนนี้ความกังวลที่ว่าฉันจะกลับบ้านค่ำเริ่มก่อตัวขึ้นมาในหัวของฉันพร้อมๆกับความกลัวความวิเวกวังเวงที่กำลังก่อตัวขึ้นรอบๆฉันในยามโพล้เพล้อย่างนี้กำลังเข้ามาเยือนจิตใต้สำนึกแห่งความกลัวของฉันเสียแล้ว
ฉันต้องพยายามเร่งสปีดตัวเองรีบจับนั้นจับนี้มาติด
โดยมีเสียงที่เย็บกระดาษดังแก๊กๆดังมาเป็นเพื่อนฉันตลอดเวลา
ตอนนี้เวลาเกือบๆจะหกโมงแล้วความมืดภายนอกก็กำลังย่างกลายเข้ามา
ฉันได้ยินแต่เสียงจิ้งหรีดและนกร้องเรียกคู่ตัวเองให้กลับเข้าไปในรัง
และเสียงต๊อกแต๊กๆประหลาดๆที่ค่อยๆดังขึ้นมาเรื่อยๆมาจากทางบันได
ฉันสูดหายใจเข้าในปอดลึกๆด้วยใจเริ่มกลัวว่าเสียงที่ฉันได้ยินนั่นคืออะไร
เป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตผู้หญิงหรือผู้ชาย
แล้วเป็นคนดีหรือคนไม่ดี..ก่อนจะนับ1-3ในใจแล้วหันไปมองที่มาของเสียง...
“กี้..เพื่อนหายไปไหนอ่ะ”
เป็นพี่เนยนั่นเองที่เดินมาด้วยสีหน้าประหลาดใจพร้อมแก้วน้ำและถุงขนมจากร้านสะดวกซื้อถุงใหญ่ๆสองถุง
“พี่ซื้อขนมตรงร้านในเมืองมาฝากว่าจะเอามาฝากเพื่อนกี้ด้วย
กะจะเซอร์ไพรส์อะ
คิดว่ากี้น่าจะยังไม่กลับบ้าน...”
“เอ่อ..ขอบคุณพี่เนยนะ
ไม่ต้องลำบากมาก็ได้นะมันเย็นแล้ว”
“เออใช่..มันเย็นแล้วน่ะสิ
ดูบอร์ดกี้ก็ยังไม่เสร็จเลย
แล้วเพื่อนๆกี้ไปไหนหมดอ่ะ
นี่กี้ทำคนเดียวใช่มั้ย
พี่เห็นเม็คเย็บก็มีอยู่ตัวเดียวแล้วดูงานมันก็ยังไม่ไปถึงไหนเลย
อย่างนี้ก็กลับบ้านดึกน่ะสิ”
พี่เนยเดินเอาขนมมาวางพลางพยิบจับโน่นนี้ขึ้นมาทำช่วยฉัน
“เอ่อ
เค้าไปทำธุระกันอ่ะ
กี้ก็เลยอาสาทำให้เพื่อน”
พี่เนยจ้องหน้าฉันทำหน้ายังกับไม่เชื่อ
เธอนั่งลงมองอุปกรณ์การจัดบอร์ดข้างๆฉันอยู่นาน
จนมาเจอกระดาษรายชื่อสมาชิกกลุ่มที่จัดบอร์ดด้วยกัน...
“นี่คือชื่อเพื่อนคนที่จัดบอร์ดกับกี้ใช่มั้ย..”พี่เนยเงยหน้าขึ้นมามองฉันที่พยักหน้างึกๆงักๆตอบเธอไป
เธอจ้องมองฉันด้วยความสงสัยอยู่นานก่อนจะพูดอะไรกับฉัน
“พี่ว่า..พี่รู้จักสี่คนนี้นะ..แล้วก็เหมือนจะเห็นสี่คนนี้ยืนร้องแย้วๆต่อแถวกันขอลายเซ็นต์ดารากันแถวๆร้านที่พี่ไปซื้อของมาด้วย....”
******************************************************
เสียงก๊อกๆแก๊กๆของลวดเย็บกระดาษดังขึ้นเรื่อยๆจากหน้าห้องที่เราสองคนช่วยกันจัดบอร์ด
พี่เนยก้มๆเงยๆช่วยฉันจัดบอร์ดอยู่นาน
แม้เธอจะไม่ค่อยถนัดที่จะหยิบจะจับอะไรเลย....ไม่ว่าจะเป็นการเย็บลวดกระดาษ...การติดกาวสองหน้า
การวางเรียงรูปภาพต่างๆ
หนำซ้ำการติดหรือการตกแต่งบอร์ดของเธอนั้นยังมองดูแล้วไม่มีซึ่งความสวยงามใดๆแฝงอยู่เลย
ดูมันไม่เป็นศิลปะ ดูไม่เป็นหมวดหมู่
ดูมันมั่วๆปนๆเปๆเหมือนคนทำอยากทำให้มันแล้วเสร็จไวๆ
หรือแม้แต่การติดภาพเบี้ยวซ้ายบ้างขวาบ้าง
ตรงบ้างไม่ตรงบ้าง
จนฉันต้องเทียวแก้เทียวติดใหม่ให้เธออยู่อย่างนั้นตลอดเวลาก็ตาม
ฉันคิ้วขมวดมองดูพี่เนย
แม้พี่เนยจะเป็นเจ้าแม่แฟชั่น
ดูเธอพิถีพิถันในการเลือกชุดแต่งตัวของเธอทั้งภายนอกและภายใน
ทั้งเครื่องประดับต่างๆ
ดูยังไงก็เหมือนเธอจะเป็นคนที่มีรสนิยมทางศิลปะค่อนข้างเยอะ
แต่ไหงกลายเป็นว่าแค่การจัดตกแต่งบอร์ดเล็กๆน้อยๆแบบนี้เธอกับทำไม่ได้เรื่องเอาซะเลย...ช่างน่าขำเสียจริง..
..เอาล่ะ..แต่ยังไงเธอก็ยังพยายามที่จะช่วยฉันอยู่ดี
แม้จะช่วยไม่ได้มากแต่เธอก็พยายามจะช่วยฉันทำไปเรื่อยๆจนกระทั่งเวลาเกือบๆจะทุ่มนึงบอร์ดทั้งหมดจึงแล้วเสร็จ....
พี่เนยรีบขับรถไปส่งฉันที่บ้าน
ดูเหมือนเธอจะเร่งๆรีบๆไปไหนต่อสักที่ตอนที่เธอขับรถออกไปจากจุดที่ส่งฉันแต่ฉันไม่ได้ถามอะไรเธอมาก
ได้ยินแค่ว่าเธอจะรีบไปทำธุระเดี๋ยวตอนดึกๆเธอจะโทรหาฉันอีกที...
ฉันกลับเข้าร้านทุ่มกว่าๆตอนนี้ที่ร้านมีลูกค้ามานั่งกินข้าวมันไก่ค่อนข้างเยอะ
ซึ่งก็เป็นปกติของที่ร้านในเวลานี้
ลูกค้าบางคนที่เพิ่งเลิกงาน
เดินทางกลับมาจากที่ทำงานด้วยรถโดยสาร
เมื่อลงรถที่ท่ารถนี้เค้าก็มักจะแวะมากินข้าวมันไก่ที่ร้านของฉันก่อนเสมอ...
ฉันรีบเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องพร้อมๆกับการดึงชายเสื้อนักเรียนออกจากกระโปรงเพื่อให้ตัวเองเคลื่อนไหวสบายขึ้นในตอนที่ลงไปช่วยพ่อแม่ขายข้าวมันไก่
ฉันมักจะใส่ชุดนักเรียนของฉันลงไปขายข้าวมันไก่เสมอเนื่องจากว่ามันสะดวกสบายและไม่ต้องเสียเวลามาหาเสื้อผ้าเปลี่ยนอีก
แค่มีผ้ากันเปื้อนสวมทับฉันก็สามารถทำงานต่างๆได้อย่างคล่องตัวแล้ว
..ฉันไม่เคยอายใครเลย
ไม่ว่าใครจะมองฉันยังไง
ฉันทำงานที่บ้านอย่างนี้ตลอด...ตังแต่ฉันยังเป็นเด็กตัวเล็กๆจนกระทั่งโตเป็นสาวอย่างนี้..ฉันก็ยังเดินยิ้มแย้มหยิบจับโน่นนี้ช่วยพ่อแม่เสมอ..อาจจะเสริฟข้าวมันไก่บ้าง
ล้างถ้วยล้างชามบ้าง
พอให้พ่อแม่ได้รู้ว่าฉันสำนึกในบุญคุณท่านทั้งสองเสมอและรักในอาชีพนี้มากๆด้วย..
ก็นี่คืออาชีพของพ่อกับแม่ฉัน..เพราะอาชีพนี้ฉันจึงมีกินมีใช้ทุกวัน
พ่อแม่ก็มีเงินเก็บสามารถส่งฉันเรียนได้จากการขายข้าวมันไก่
ซึ่งการช่วยงานเล็กๆน้อยๆในเวลาหลังเลิกเรียนแค่นี้ฉันยังถือว่าไม่ได้ครึ่งที่พ่อแม่เหนื่อยมาทั้งวันเลย
วันนี้ก็เช่นเดียวกันฉันชำเรืองมองดูพ่อกับแม่ยืนเหงื่อไหลไคลย้อยจากความร้อนในการรีบทำนั่นทำนี่ตามที่ลูกค้าสั่งแค่สองคนเพราะว่าไม่มีใครช่วยเนื่องจากว่าฉันพึ่งกลับจากโรงเรียน
แล้วแค่ฉันเห็นแค่นั้น..สำนึกผิดชอบชั่วดีของฉันก็คอยกระซิบบอกให้ฉันรีบๆช่วยแบ่งเบาภาระท่านทั้งสองด้วยการเดินไปหยิบจานข้าวมันไก่ไปเสิร์ฟตามโต๊ะ
เก็บโต๊ะเก็บของต่างๆหรือแม้แต่เดินไปรับออร์เดอร์ลูกค้าคอยดูว่าลูกค้าจะสั่งอะไรเพิ่มเติมมั้ยทันที
ฉันเดินสาละวนจากโต๊ะนั่นไปโต๊ะนี่อยู่เรื่อยๆ
คอยยืนก้มๆเงยๆจดออร์เดอร์ลูกค้าอยู่นาน
จนกระทั่งรู้สึกว่ามีใครสักคนเดินเข้ามาสะกิดที่เอวฉันเบาๆ
พร้อมๆกับเสียงใสๆฟังดูคุ้นๆหูของสาวหน้าหวานคนข้างๆฉันที่ดังขึ้นทันที
ฉันคิ้วขมวดมองดูเจ้าของเสียงหวานๆเมื่อกี๊ด้วยความตกใจ
...พี่พลอย...
“..น้องกี้...ให้พี่ช่วยอะไรมั้ย...”