วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

Girlfriend
Chapter 7 

...เปิดตัว???....

วันนี้วันเสาร์เป็นวันเกิดของสา
ฉันตื่นนอนด้วยอารมณ์ดีเป็นพิเศษแม้เมื่อคืนจะนอนดึกมากจากการที่นั่งอ่านเว็บไซต์ต่างๆที่เมื่อคืนหาข้อมูลได้ก็ตาม ยิ่งได้นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันและเอื้อยเมื่อคืนแล้วมันยิ่งทำให้ฉันนั่งยิ้มคนเดียวเหมือนคนบ้า
เอื้อยโทรมาหาฉันแต่เช้าตรู่ เธอทำเป็นคุยเรื่องงานวันเกิดสา แต่ไปๆมาๆสุดท้ายเธอก็สารภาพว่าโทรหาฉันเพราะว่าคิดถึงฉันทั้งคืนจนนอนไม่หลับและไม่กล้าโทรหาตอนกลางคืน พอเช้าจึงรีบโทรมา
พอฉันได้ยินเอื้อยสารภาพดังนั้นหัวใจของฉันมันก็พองโต ใจนึกอยากเร่งให้ถึงเวลาที่นัดกันกับเอื้อยไว้ไวๆจะได้เจอหน้าเอื้อยสักที
ช่วงเช้าฝนตกลงมา ฉันนั่งลุ้นให้ฝนหยุดตกในเวลานัดของเรา แล้วฝนก็หยุดตกจริงๆ
ประมาณบ่ายสามโมงครึ่งเป็นเวลาที่เรานัดกันฉันรีบบึ่งมอเตอร์ไซค์ไปรับเอื้อยที่บ้านทันที
วันนี้เอื้อยแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงลายลูกไม้สีชมพู คอเสื้อของเธอเปิดกว้างออกเผยให้เห็นเนินอกของสาวแรกรุ่นชวนมอง แม้เว็บแรกที่ฉันเห็นจะรู้สึกว่ามันสวยน่ารัก แต่ฉันก็อดที่จะตำหนิเอื้อยไม่ได้ว่าชุดที่เธอใส่ค่อนข้างจะโป๊ และถ้าผู้ชายหรือใครคนอื่นเห็นจะว่าอย่างไร
แต่เอื้อยกลับตอบมาให้ฉันอึ้ง
เค้าไม่ได้ใส่มาให้ผู้ชายดูนี่ เค้าใส่มาให้เจ้ยดู...เห็นว่าเจ้ยชอบชุดแบบนี้”
ฉันพูดไม่ออกไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี ได้แต่ปล่อยให้เอื้อยแต่งชุดนี้ไปงานวันเกิดสากับฉัน
เราขับรถเข้าไปในตัวเมืองเพื่อไปเลือกซื้อของขวัญให้กับสาตามแผนที่เราวางไว้
ฉันเลือกที่จะไปซื้อที่ร้านกิ๊ฟช๊อฟแถวๆตลาด เพราะร้านนั้นค่อนข้างใหญ่และมีของให้เลือกเยอะ
ในร้านฉันเลือกตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวเล็กๆเป็นของขวัญวันเกิดให้กับสา เอื้อยก็เลือกซื้อตุ๊กตาให้กับสาเช่นเดียวกัน แต่เป็นตุ๊กตาสุนัขสีขาว ซึ่งกว่าเอื้อยจะเลือกซื้อมาได้ก็นานมาก ฉันเห็นเธอเดินเลือกรอบร้านเลยทีเดียว
เราให้ร้านห่อของขวัญให้ ไม่นานก็เสร็จ แต่เมื่อเราเดินออกมาจากร้าน เอื้อยก็ขอเข้าไปในร้านใหม่เธออ้างว่าเธออยากหาการ์ดสวยๆสักอันมาไว้เขียนอวยพรให้สา และบอกฉันว่าไม่ต้องตามเข้าไปก็ได้เพราะเธออาจจะเลือกนาน
ซึ่งก็เป็นไปตามที่เอื้อยบอก เพราะฉันต้องยืนรอเอื้อยอยู่หน้าร้านนานกว่าครึ่งชั่วโมงในการเลือกการ์ดของเธอครั้งนี้
เราไปถึงบ้านของสาประมาณสี่โมงเย็น มีเพื่อนๆที่มาก่อนหน้าเราประมาณ 3-4 คนกำลังชวนตระเตรียมสถานที่
เนื่องจากฝนที่ตกลงมาช่วงเช้า พื้นสนามหญ้าหน้าบ้านจึงเจิ่งนองไปด้วยน้ำฝนทีขังเป็นหลุมเป็นบ่อ โชคดีที่บ้านของสา มีลานปูนหน้าบ้านที่กว้างและมีหลังคาปกคลุมเราจึงจัดงานวันเกิดของสาตรงบริเวณนั้น
เพื่อนผู้ชายจัดเตรียมพื้นที่สำหรับร้องคาราโอเกะกัน มีเครื่องเสียงชุดใหญ่และทีวีจอยักษ์อยู่โซนด้านหน้า
ไม่นานประมาณหกโมงเย็นเพื่อนๆก็เริ่มทยอยกันมาจนครบ ปาร์ตี้ก็เริ่มขึ้นทุกคนสนุกสนานเฮฮาและมีความสุขกัน
วันนี้เพื่อนๆมาในงานวันเกิดของสาค่อนข้างเยอะ อาหารการกินรวมทั้งเครื่องดื่มจึงหมดไปโดยเร็ว ยังไม่ทัน1ทุ่มของกินก็เริ่มหมดแล้ว
สาไหว้วานให้ฉันพาไปซื้อของมาเพิ่มเติม เอื้อยทำท่าเหมือนอยากจะไปด้วยแต่ฉันขอให้เอื้อยรออยู่ที่นี่ดีกว่าเพราะฉันไม่อยากให้นั่งซ้อนกันไปสามคน เอื้อยรับคำ เธอนั่งคุยอยู่กับหญิงและเอกอยู่ที่นั่งตรงนั้นเหมือนเดิม
กว่าฉันและสาจะหาซื้อของกินมาเพิ่มเติมได้ก็กินเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ดูนาฬิกาตอนที่มาถึงสองทุ่มกว่าแล้ว
ฉันช่วยสาเตรียมของกินเล็กๆน้อยอยู่ในครัว ก่อนที่สาจะบอกให้มานั่งพักที่ลานหน้าบ้านที่จัดงานได้แล้ว
ตอนที่ฉันเดินกลับมานั่งที่นั่งเดิมของฉัน ฉันสังเกตุเห็นเอื้อยคุยกับเอกและหญิงสนุกสนานมาก เหมือนเธอจะพูดเสียงดังขึ้นด้วย อาจเป็นเพราะเสียงเพลงคาราโอเกะในงานดังมาก เอื้อยจึงต้องพยายามตะเบงเสียงคุยกันกับเอกและหญิง
เมื่อฉันนั่งลงด้านข้างเอื้อย หล่อนรีบหันมายิ้มหวานใส่ทันที
เจ้ย...มาแล้วหราาาา.....” เอื้อยลากเสียงยาวพร้อมทั้งดึงแขนฉันเข้าไปหาเธอใกล้ๆ รอยยิ้มของเอื้อยตอนนี้มันเป็นรอยยิ้มหวานแบบ “แปลกๆ” แปลกในที่นี้คือฉันไม่เคยเห็นเอื้อยยิ้มอย่างนี้มาก่อนเลย ตาเธอหวานเยิ้ม จนหนังตาของเธอจะเลื่อนลงปิดกันแล้ว เธอเอียงหัวไปทางซ้ายทีขวาทีเหมือน..คนเมา...
...แอ๊ะ ฉันเริ่มเอะใจหรือว่า “เอื้อยเมา” มองไปที่แก้วน้ำของเอื้อยมันก็เป็นสีดำๆ จำได้ว่าเอื้อยกินน้ำโค๊กนี่นา เออมันก็ยังเป็นน้ำโค้กนี่..หรือว่าฉันคิดมากไปเอง ..
เจ้ยเอาน้ำอะไร” หญิงถามฉันพลางขอแก้วน้ำที่น้ำแข็งเริ่มละลายของฉันไปเติม
ขอเป็นสไปร์ทแล้วกันจ๊ะหญิง” ฉันยื่นแก้วน้ำไปให้หญิงที่นั่งถัดไปจากเอื้อย เอื้อยยังมองฉันตาเยิ้มอยู่ เธอมองตามมือฉันจนมาหยุดอยู่ที่หน้าของฉัน
เป็นอะไร ทำไมมองหน้าอย่างนั้น”ฉันทำหน้างงๆถามเอื้อย
เปล่า ..มองคนสวยเฉยๆ” เอื้อยตอบด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
บ้าแล้ว” ฉันคิ้วขมวดเบ้ปากใส่เอื้อยก่อนจะตอบ เพราะกลัวเอกกลับหญิงจะแซวเรื่องของฉันกับเอื้อยอีก
เอื้อยหัวเราะชอบใจ รวมทั้งหญิงและเอกที่อยู่ข้างๆฉันด้วย ฉันส่ายหน้านิดนึงก่อนจะหยิบน้ำที่เพื่อนยื่นให้เมื่อกี้มาดื่ม
เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆฉันอีกฝั่งหนึ่งขอให้ฉันถ่ายรูปให้ ฉันจัดแจงถ่ายรูปให้เพื่อนๆพวกนั้น รวมถึงเรียกสาให้เข้ามาถ่ายด้วยกันด้วย ระหว่างที่กำลังสาละวนอยู่กับการถ่ายรูปเพื่อนๆอยู่นั้น ฉันก็ได้ยินเสียงดนตรีเพลงหนึ่งดังขึ้น มันเป็นเพลงที่คุ้นหูฉันมาก ฉันหันไปมองที่จอทีวีที่เพื่อนๆร้องคาราโอเกะกันอยู่มันขึ้นชื่อเพลง “ความลับ”

เพลงประกอบตอนนี้จ้า เพื่ออรรธรสในการอ่าน

..ใครร้องอ่ะ.. ฉันคิดในขณะที่เพื่อนที่ถือไมค์เรียกหาว่าเพลงของใคร ฉันก็เหลือบไปเห็นคนทางขวามือของฉันยกมือขึ้น
เอื้อย” นั่นเองเธอโบกไม่โบกมือบอกว่าเพลงเธอ ตาก็ยังเยิ้มอยู่เหมือนเดิมก่อนจะรีบวิ่งออกไปทันก่อนที่เพลงจะขึ้น ฉันละจากเพื่อนๆที่ให้ฉันถ่ายรูปให้หันมานั่งมองไปที่จอทีวีที่ตอนนี้เอื้อยยืนถือไมค์อยู่ข้างๆแล้ว

...มอง มองเธอมาแสนนาน ฉันไม่กล้าต้องคอยหลบตาเธอเสมอ
....กลัวสักวันหนึ่งถ้าเธอรู้ว่าฉัน ปิดบังความจริงอะไรเอาไว้
...ความลับที่ฉันซ่อนไว้ ไม่เคยบอกใคร จนอดใจไม่ไว้

ฉันอ้าปากค้างทันทีที่ได้ยินเสียงของเอื้อย ใช่มันเป็นเสียงของเอื้อยที่ขับร้องเพลงนี้ มันเพราะมาก เพราะจนฉันคิดว่ามันคือเสียงของนักร้องจริงๆ
นี่ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าเอื้อยจะร้องเพลงเพราะขนาดนี้ เพียงแค่เอื้อยร้องเพลงได้แค่ไม่กี่ท่อนเพื่อนๆพากันปรบมือเกรียวกราว บ้างส่งเสียง “โอ้ว..”ที่แสดงให้เห็นถึงความตะลึง พวกเขาคงประหลาดใจไม่แพ้ฉันที่รู้ว่าเอื้อยเสียงเพราะขนาดนี้
ฉันที่กำลังตะลึงในเสียงร้องของเอื้อยอยู่นั้นนึกขึ้นได้ว่าน่าจะอัดคลิปวีดีโอของเอื้อยเอาไว้ก็ก้มหน้าก้มตาค้นกระเป๋าของฉันเพื่อหาโทรศัพท์มาไว้อัดเสียงของเอื้อย ในขณะที่ฉันยังหามันไม่เจอนั้นฉันก็รู้สึกเหมือนมีมือใครสักคนมาสะกิดฉันจากด้านขวา ฉันหันตามแรงสะกิดนั้นเป็นหญิงนั้นเอง เธอขยับมานั่งใกล้ๆฉัน แล้วพยักเพยิดหน้าไปทางด้านหน้าจอทีวีบอกให้ฉันหันขึ้นไปมอง
ภาพที่เห็นคือภาพที่ทุกคนหันมามองฉัน พวกเขาทำสายตากรุ้มกริ่มและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มายังฉันสร้างความรู้สึกประหลาดใจให้กับฉันเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเลื่อนสายตาไปทีจอทีวีที่มีเอื้อยยืนร้องเพลงอยู่ข้างๆความรู้สึกงงงวยเมื่อสักครู่นี้ก็เปลี่ยนเป็นความรู้สึกร้อนฉ่าแผ่ซ่านไปทั่วตัวของฉัน
ภาพที่ฉันเห็นตอนนี้คือเอื้อยหันหน้าและผายมือมาทางฉัน เธอกำลังจ้องมาที่ฉัน ไม่ผิดแน่ตอนนี้เธอหันมาที่ฉันจริงๆ แม้ฉันหันไปสบตากับเอื้อยเข้าเต็มๆ เธอก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหลบตาฉันเลย ใบหน้าสวยๆ ดวงตาหวานเยิ้ม ยิ้มสวยละมุน ทุกอย่างมันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่บ่งบอกถึงความรัก ความห่วงหาอาทรที่เป็นพิเศษเหมือนเนื้อเพลงที่ท่อนที่เธอกำลังร้อง
.....ยิ่งฉันใกล้เธอ เท่าไหร่ยิ่งอยากจะเผยใจ เมื่อสบสายตาก็ยิ่งหวั่นไหว
มันยากเหลือเกิน จะเก็บ..ซ่อนความลับเอาไว้
แล้วความลับในใจของเธอมีฉันอยู่บ้างไหม
โปรดบอกความในใจให้ฉันรู้ทีนะเธอ...

ฉันรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าของฉัน รู้ตัวว่าตอนนี้คงหน้าแดงแล้ว
ไหนแกว่าพวกแกไม่ได้เป็นแฟนกันวะ” หญิงกระซิบถามฉัน
แกว่าแกไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่ฉันดูจากตาอีกฝ่ายแล้วท่าจะไม่ใช่แล้วว่ะ”หญิงยังซุบซิบพร้อมยิ้มเล็กยิ้มน้อยให้ฉันทีและเอื้อยที
แน้... แกหน้าแดงด้วย” หญิงร้องแซวเพราะแอบชำเรืองมาเห็นหน้าฉันตอนที่กำลังสบตากับเอื้อยอยู่
ฉันรีบก้มหน้าลง นั่งม้วนปลายผมตัวเองไปมา ใจนึงรู้สึกอายเพื่อนๆมาก แต่อีกใจนึงก็กลัวเอื้อยจะเสียใจที่ฉันไม่สนใจฟังเอื้อยที่เหมือนว่ากำลังบอกเล่าความรู้สึกของเธอให้ฉันฟังอยู่เลย
..มันช่างเป็นความรู้สึกที่แสนจะสับสนขัดแย้งอยู่ในใจ..

เอื้อยนะเอื้อย..ไปเอาความกล้าอย่างนี้มาจากไหนกันเนี่ย ฉันยังอายแทนเลย ... ฉันได้แต่บ่นพึมพัมอยู่ในใจตอนที่แกล้งก้มหน้าลงมองแก้วน้ำจานชามที่อยู่ด้านหน้าของฉันแก้เขินไปเรื่อย ก่อนที่สายตาจะไปหยุดลงที่แก้วน้ำสีดำของเอื้อย แล้วก็นึกเอะใจในบางอย่างขึ้นมาได้ ฉันหยิบน้ำแก้วนั้นขึ้นมาดูใกล้ๆ
..เฮ้ย นี่มันสีม่วงเข้มไม่ใช่สีดำนี่นา.. ในใจฉันคิดถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ชนิดหนึ่งขึ้นมาทันที “..สปายด์” ฉันคิดก่อนที่จะจิบน้ำในแก้วนั้นของเอื้อย รสชาดเปรี้ยวๆฝาดๆคออย่างนี้ สปายด์จริงๆด้วย
นี่มันสปายด์นี่.. ใครเอาให้เอื้อยกิน” ฉันทำเสียงดุ มือยื่นแก้วไปทางหญิงกับเอกที่ทำตาโตประหลาดใจในสิ่งที่ฉันถาม หญิงเบ้ปากไปทางเอก
คือเอื้อยเห็นฉันเทสปายด์ให้หญิงแล้วถามว่าน้ำอะไร เธอเห็นว่ามันเป็นสีม่วงๆคงอยากกินด้วยฉันก็เลยให้ลองกิน เอื้อยก็แบบว่าอึ๊กเดียวหมดแก้ว แล้วก็กินมาตลอดงานอย่างที่เห็นนี่ละ” เอกทำหน้าเสียก่อนตอบ
อ้าว แล้วเอื้อยก็เมาน่ะสิทีนี้” ฉันทำเสียงสูงคิ้วขมวดให้เอก ดุเอกว่าทำไม่ให้เอื้อยกินของแบบนี้ แล้วหันไปมองเอื้อยที่ยืนร้องเพลงตาเยิ้มมองมาที่ฉันเหมือนเดิม
... ตายแล้ว ฉันจะบอกแม่เค้ายังไงดีล่ะเนี่ย พาลูกสาวเค้ามาเมาอย่างนี้..
**************************************
เสียงปรบมือ เสียงผิวปากแซวของเพื่อนๆดังขึ้นหลังจากเพลงที่เอื้อยร้องจบลง เอื้อยยิ้มร่าเดินกลับมานั่งที่นั่งเดิม และเหมือนเดิมเธอยังคงหันมองหน้าฉันด้วยสายตาที่แสนจะหวานเยิ้ม ฉันมองหน้าเอื้อยด้วยใบหน้าที่แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ ก่อนจะหยิบแก้วน้ำของเอื้อยขึ้นมาให้เธอมอง
กินนี่เข้าไปใช่มั้ย..รู้มั้ยว่ามันคืออะไร”ฉันทำเสียงดุใส่ เอื้อยยิ้มพยักหน้างึกๆเพื่อบอกให้รู้ว่าเธอรู้ว่าคืออะไร
แล้วกินทำไมเนี่ย..ไม่เคยกิน..ไม่ใช่เหรอ” ฉันยังจ้องด้วยสายตาดุๆไปที่เอื้อยไม่วางตา แต่เอื้อยยังยิ้มหวานเหมือนเดิม พร้อมทั้งยื่นหน้าหวาน และรอยยิ้มกวนๆของเธอนั้นเข้ามายียวนเป็นการการบอกว่าเธอไม่กลัวฉันเลยซักนิด
อยากกินอะ... กินไม่ได้เหรอ”
เดี๋ยวแม่ก็ว่าหรอก จะให้เค้าบอกแม่ยังไงล่ะทีนี้” พอฉันอ้างถึงแม่ เอื้อยก็หุบยิ้มทำหน้านิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรซักอย่างทันที
งั้นกลับบ้านกัน..ง่วงนอนแล้ว” เอื้อยทำเสียงงัวเงียใบหน้าขาวๆซีดๆของเธอตอนนี้กลายเป็นสีแดงซะแล้ว ..เชอะ..ง่วงนอนเพราะเมาล่ะสิไม่ว่า.... ฉันแอบบ่นในใจก่อนที่จะก้มดูนาฬิกาในโทรศัพท์มือถือ
..ตายแล้วสี่ทุมครึ่งแล้ว... คำพูดของแม่ของเอื้อยดังขึ้นมาในความคิดทันที
อย่ากลับดึกนักนะลูกซักสองสามทุ่มก็พอ...” ..ตายแล้ว...ตอนนี้ก็สี่ทุ่มครึ่งแล้วกว่าจะขับรถไปถึงบ้านเค้าก็ห้าทุ่มกว่า มิหนำซ้ำยังเอาลูกสาวเค้าไปส่งในสภาพเมาอย่างนี้อีก โดนด่าแน่ๆฉัน ... นึกสภาพตอนเอาเอื้อยไปส่งที่บ้านแล้วคงเป็นภาพที่ดูไม่จืดแน่ๆ ฉันคิดไม่ตกเลยจริงๆ แต่ยังไงก็ต้องไปส่งเธออยู่ดี
ปะงั้นกลับบ้านกัน”ฉันดึงมือเอื้อยให้ลุกขึ้น เราเดินไปบอกลาสาก่อนที่จะเดินผ่านเพื่อนๆที่มองพวกฉันด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
ส่งแฟนเหรอเจ้ย” เสียงเพื่อนผู้ชายคนนึงดังขึ้นแล้วก็ตามด้วยเสียงผิวปากแซวตามมาอีกเป็นระยะ ฉันแสนจะอายจูงมือเอื้อยที่ตอนนี้เดินโซเซเต็มทีให้รีบออกมาจากในบ้านสา เราเดินผ่านสนามหญ้าหน้าบ้านไป

ด้วยความมืดเราจึงมองไม่ค่อยเห็นทางเดินในสนามหญ้าหน้าบ้านสาเท่าไหร่
ฉันนั้นพอจะเห็นลางๆว่ามันมีหลุมและมีน้ำขังอยู่หลายจุดจึงค่อยๆเดินเลี่ยงไปได้ แต่เอื้อยที่ตอนนี้ไม่สามารถควบคุมการเดินให้ตรงได้เท่าไหร่แล้ว เธอเองคงไม่สามารถแยกได้เลยว่าตรงไหนคือทางเดิน ตรงไหนคือหลุม
ฉันเดินนำเอื้อยได้ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงร้องโอ้ยของเอื้อยที่เดินตามหลังฉันดังขึ้น คงเพราะเธอมัวก้มลงหาอะไรซักอย่างในกระเป๋าของเธอ ฉันรีบวิ่งกลับไปดูเอื้อย เธอล้มลงคลุกหลุมดินที่มีน้ำขังเข้าเต็มเปา ฉันรีบประคองเอื้อยให้ลุกขึ้นนั่งและได้ยินเสียงร้องโอดโอยเบาๆออกมาจากปากของเธอ สภาพเอื้อยตอนนี้เนื้อตัวมอมแมมเต็มไปด้วยโคลน
...ดูเถิดสาวสวยของโรงเรียนที่เวลาเดินแสนจะสง่างามจนเพื่อนชายทั้งโรงเรียนมองตาม กลับต้องมาเดินโซซัดโซเซล้มหัวคะมำขี้โคลนหมดสภาพดาวโรงเรียนไปเลย... ฉันมองดูสภาพเอื้อยที่ตอนนี้ที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ มือสองข้างปัดขี้โคลนออกจากชุดสวยของเธอ แถมโคลนเจ้ากรรมมันยังกระเด็นลามไปจนถึงใบหน้าแดงๆของเธอเข้าให้ด้วย ฉันก้มลงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดที่ใบหน้าของเอื้อยให้ เธอยิ้มและมองมาที่ฉันคงอยากจะขอบคุณที่ฉันพยามยามเช็ดหน้าให้
กลับบ้านสภาพนี้มีหวังโดนด่าทั้งสองคนแน่ๆ ฉันคิดก่อนที่จะบอกให้เอื้อยโทรไปบอกแม่ว่าให้เธอค้างที่บ้านฉันดีกว่า เพราะบ้านฉันอยู่ไม่ไกลจากบ้านสา พรุ่งนี้ฉันจะไปส่งเธอเอง
เอื้อยยิ้มร่าเหมือนเห็นด้วยกับความคิดของฉัน เธอรีบเก๊กเสียงโทรกลับไปบอกแม่ทันที

...เป็นอันว่าคืนนี้เธอต้องนอนอยู่กับฉันนะยายขี้เมา ....ฉันคิดในใจขณะที่ยังนั่งอยู่ข้างๆเอื้อยที่ยังไม่ลุกขึ้นจากจุดเกิดเหตุเลย เอื้อยเงยหน้าจากการปัดเสื้อของเธอ เหมือนคิดอะไรได้ซักอย่าง ก่อนที่จะหันมายิ้มเยิ้มๆอีกรอบ
เจ้ย..เค้ามีอะไรจะให้..” เอื้อยพูดเสียงหวานๆยานๆแล้วก็ก้มลงค้นของให้กระเป๋าของเธอสักครู่ แล้วเธอก็ยื่นถุงผ้ากัมมะหยี่สีน้ำเงินที่มีเชือกรัดไว้ตรงปากถุงใบเล็กๆมาให้ฉัน
….คงเป็นสิ่งนี้สินะที่เธอก้มหาแล้วล้มคะมำคลุกขี้ตมลงไปเมื่อครู่...

เค้าเห็นอยู่ร้านกิฟท์ช๊อปแล้วรู้สึกว่ามันเหมาะกับเจ้ยเลยซื้อมาให้นะ..” ฉันรับเอาถุงผ้านั้นมา
เปิดดูสิ”เอื้อยรบเร้าบอกให้ฉันเปิดถุงดู ฉันเปิดปากถุงผ้านั้นออกแล้วหยิบของที่อยู่ในนั้นออกมา มันเป็นสร้อยเงินเส้นเล็กๆที่มีจี้เป็นรูปปลาโลมา ตรงตาของปลาโลมาเป็นพลอยสีน้ำเงิน
สวยจัง..”ฉันอุทานออกมาเบาๆเมื่อเห็นมัน
เค้าอยากให้เจ้ยใส่ไว้ตลอดนะ” เอื้อยพูดขณะที่ตาของเราเผลอมาประสานกัน ฉันพยักหน้ารับ
เค้าใส่ให้มั้ย”เอื้อยเอ่ยถามฉันตอนที่เธอเห็นฉันกำลังทำท่าจะแกะตะขอออก
จะไหวเหร้อ...” ฉันถามด้วยน้ำเสียงติดตลกนิดนึง เพราะดูจากท่าทางเธอแล้วไม่น่ารอด เอื้อยยิ้มและพยักหน้าหยิบเอาสร้อยมาปลดตะขอออก เธอคงอยากจะเป็นคนสวมมันให้กับฉันเอง ฉันรวบผมทั้งหมดมาที่ไหล่ทางซ้ายเพื่อเปิดคอให้เอื้อยได้เห็นชัดเจน เอื้อยบรรจงสวมสร้อยคอให้ฉันแม้เธอจะเมาแต่ก็ใช้เวลาไม่นานในการสวมสร้อยคอ ...แสดงว่าเธอตั้งใจจริงๆ... ฉันคิดก่อนที่จะเลื่อนสร้อยคอให้จี้ขยับมาอยู่ตรงกลาง
ขอบใจนะ” ฉันพูดพร้อมๆหันหน้ากลับมามองเอื้อย ใบหน้าสวยของเอื้อยที่หวานอยู่แล้วตอนนี้ยังเพิ่มความหวานไปด้วยรอยยิ้มของเธออีก มันส่งผลให้สายตาผู้ที่ถูกมองเกือบจะละลายอยู่ตรงนั้น
เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้มั้ย...” เอื้อยถามเสียงหวานๆยานๆเช่นเคย
อะไร..” ฉันถามด้วยน้ำเสียงงงๆแต่ยังไม่ทันที่ฉันจะถามต่อว่าเธอต้องการอะไร ริมฝีปากนุ่มๆของเอื้อยจะบรรจงหอมลงมาที่แก้มของฉัน
ก่อนที่เธอจะถอนริมฝีปากของเธอออกมาทำตาแป๋วๆนั่งอยู่ข้างๆฉัน
โอเคมั้ย” เสียงใสๆของเอื้อยถามฉันซึ่งตอนนี้มันกำลังร้อนผ่าวไปทั้งหน้า

...จะให้ฉันตอบโอเคหรือไงล่ะยัยบ้า...มาหอมกันซึ่งๆหน้าอย่างนี้ ใครเห็นเข้าจะทำยังไง...ฉันคิดตอนที่เอามือมาจับแก้มตัวเองแล้วทำตาโตเพราะไม่ทันตั้งตัวที่อยู่ๆก็โดนหอมแก้มเข้าเต็มเปาอย่างนี้

มะ..เมาหนักแล้วนะเนี่ย..รีบกลับบ้านเถอะ” ฉันแสร้งทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง แล้วพยุงตัวของเอื้อยให้ลุกขึ้นเดินไปที่รถพร้อมๆกัน

เอื้อยนั่งซ้อนท้ายฉัน เธอโอบกอดเอวของฉันไว้แน่นมาก แถมหัวของเธอก็ยังซบลงมาที่แผ่นหลังของฉันตลอดเวลาที่ขับรถกลับบ้าน ใจนึงก็โล่งอกที่เอื้อยกอดไว้เพราะกลัวเธอจะเมามากเสียจนตกรถ แต่อีกใจก็กลัวว่าจะเป็นเรื่องเป็นราวให้คนที่เห็นภาพนี้คิดเลยเถิดไปอีก แล้วจู่ๆความคิดของฉันแล่นแปร๊บขึ้นมาเพราะเผลอไปนึกถึงภาพตอนที่ฉันโดนเอื้อยหอมแก้ม รวมถึงภาพที่เอื้อยบรรจงจูบริมฝีปากฉันที่บ้านเธอเมื่อวันนั้นด้วย
ใบหน้าฉันร้อนผ่าวขึ้นทันที....ตายแล้ว....เอามานอนด้วยแบบนี้จะรอดมั้ยนี่ฉัน ฉันสะบัดหน้าตัวเองแรงๆเพื่อปลุกให้ตัวเองตื่นจากความคิดบ้าๆ

...บ้าใครเค้าจะมาทำอะไรเธอ เอื้อยเค้าออกจะเรียบร้อย.. ก่อนที่จะรวบรวมสมาธิขับรถไปให้ถึงปลายทางโดยเร็ว
เมื่อกลับถึงห้องฉันลากเอื้อยที่เดินโซซัดโซเซให้เข้าไปอาบน้ำล้างเนื้อตัวจากคราบโคลนตมที่เธอไปล้มคลุกมา
เอื้อยกระโจมอกผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ เธอยังคงเดินโซซัดโซเซอยู่ แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเอื้อยเดินเขวไปทางเก้าอี้ของโต๊ะทำการบ้านที่ติดกับห้องน้ำแล้วชายผ้าเช็ดตัวดันไปเกี่ยวกับเหล็กที่ยื่นออกมาของเก้าอี้ ทำให้เหล็กนั้นรั้งชายผ้าเช็ดตัวหลุดออกจากตัวของเอื้อย
ว้าย..” เสียงเอื้อยร้องอุทานเพราะตกใจออกมาส่งผลให้ฉันรีบหันไปดูตามเสียง ภาพที่เห็นคือ ผ้าเช็ดตัวหลุดลงมาอยู่ท่อนล่างของเอื้อย เพราะเธอคว้ามันไว้ได้ทัน แต่ท่อนบนของเธอนั้นเปลือยให้เห็นอกอวบอิ่มของเธอ ฉันอึ้งในภาพที่เห็นทำอะไรไม่ถูก ทั้งตะลึงและตกใจ จนเอื้อยต้องบอกให้ฉันหันหนีเธอไปทางอื่น
เมื่อเอื้อยจัดการกับตัวเองเสร็จฉันให้เอื้อยเปลี่ยนใส่ชุดนอนที่เป็นกางเกงยืด และเสื้อลายหมีของฉัน ไม่นานเธอก็ขึ้นไปนอนบนเตียงนอนพร้อมกับเสียงร้องโอดครวญ
ทำไมนอนลงแล้วมันเวียนหัวจัง... เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย” เธอร้องพลางพลิกตัวไปทางซ้ายทีขวาที มือของเธอขยำผมของตัวเองคงเพราะเธอเวียนหัวมากๆ ฉันถอนหายใจยืนดูอาการเอื้อย ยังไม่กล้าเดินจากไปไหนไกล
ซักพักใหญ่ๆเอื้อยก็เงียบเสียง เธอคงหลับแล้ว ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ฉันหยิบเอาผ้าห่มมาคลุมตัวให้เธอก่อนที่จะหยิบเอาชุดสวยที่เปื้อนโคลนของเอื้อยไปซักและตากให้ที่ระเบียงห้อง
อาบน้ำเสร็จฉันก็ไปค้นหาหมอนข้าง ในตู้เก็บของมากั้นที่นอนระหว่างฉันกับเอื้อยไว้
...ไม่ได้หรอกอย่างน้อยก็ต้องมีอาณาเขต....
ฉันคิดตอนที่ดันหมอนข้างให้ไปติดกับตัวเอื้อย
ตอนนี้คนเมาหลับแล้วใบหน้าเธอแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ฉันมองดูใบหน้าของเอื้อยที่ตอนนี้มีผมเผ้าที่แสนจะยุ่งเหยิงของเธอปกคลุมอยู่ คงเป็นเพราะเธอขยุ้มหัวตัวเองตอนเวียนหัว
ฉันใช้มือปัดผมออกจากใบหน้าของเอื้อยเบาๆ เป็นครั้งแรกที่เห็นเอื้อยตอนหลับ ขนตางอนๆที่เคยเห็นตอนที่เอื้อยลืมตาตอนนี้มันวางสงบเรียงยาวเป็นแพรสวย ตัดกับใบหน้าแดงระเรื่อของคนนอน ฉันมองปากรูปกระจับสีแดงที่เมื่อตอนค่ำมาแอบหอมแก้มฉันแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ ...ชอบมาหอมตอนทีเผลอนะ...ฉันคิดก่อนที่จะโน้มตัวลงไปหอมแก้มของเอื้อยบ้าง
ขอบคุณสำหรับสร้อยนะ” ฉันกระซิบที่ข้างๆหูเอื้อยเบาๆ
แล้วจู่ๆเอื้อยก็ลืมตางัวเงียขึ้นมาสบตากับฉัน เธอพูดด้วยท่าทางสลึมสลือของเธอว่า
เจ้ย..เค้ารักเจ้ยนะ... เจ้ยรักเค้ามั้ย”
แม้ฉันจะตกใจที่เห็นว่าเอื้อยไม่ได้หลับ แต่ฉันก็พยักหน้าและตอบเธอไปว่า
รักสิ..รักมากด้วย” ฉันก้มลงมองหน้าเอื้อยพลางลูบผมให้เอื้อยเบาๆ มันเหมือนความฝันที่ฉันได้ใช้คำว่า “รัก” กับคนที่แสนจะเพรียบพร้อมอย่างนี้
ไม่แน่ใจว่าเจ้าของคำถามถามเพื่อเอาคำตอบหรือว่าถามด้วยความเมากันแน่ ยังไม่ทันได้ถามต่อ เอื้อยก็หลับตาพริ้มเธอยิ้มที่มุมปากนิดนึงก่อนที่จะนอนนิ่งสงบเหมือนก่อนหน้านี้ ปล่อยให้ฉันยิ้มค้างเติ่งในคำว่า “รัก”ที่เธอบอกมาเมื่อครู่นี้
ฉันนั่งมองคนหลับนอนยิ้มอย่างมีความสุข ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความเงียบเหมือนเดิม แม้ฉันจะรู้สึกอายในเวลาที่อยู่ต่อหน้าเพื่อนๆแต่เมื่ออยู่สองต่อสองกับเอื้อยแล้วความรู้สึกกับเปลี่ยนไปคนละอย่าง ฉันอยากจะถาม ฉันอยากจะมองหน้า อยากจะรู้ว่าที่เอื้อยทำอย่างนั้นอย่างนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมาคืออะไร อยากปลุกคนหลับให้ลุกขึ้นมาคุยด้วย แต่ก็ดูเหมือนไม่มีประโยชน์เพราะตอนนี้เธอกำลังหลับและคงไม่ได้หลับธรรมดาแต่กำลัง “เมา” ฉันก้มลงหอมหน้าผากคนหลับนิดนึง “ราตรีสวัสดิ์นะ” ก่อนที่จะเดินไปปิดไฟและทิ้งตัวลงข้างๆเอื้อย
รู้สึกแปลกๆที่มีคนมานอนด้วยข้างๆ โดยเฉพาะคนที่ชอบทำนั่นทำนี่ให้ฉันใจสั่นด้วยแล้ว ยิ่งพอนึกถึงภาพตอนที่ผ้าเช็ดตัวของเอื้อยหลุดออกจากส่วนบนแล้วมันยิ่งทำให้ฉันหว้าวุ่นใจ นึกโกรธให้ตัวเองว่าเป็นโรคจิตที่เฝ้าแต่นึกถึงภาพหน้าอกผู้หญิงด้วยกันอย่างนี้ตลอดอยู่ได้ ตอนนี้หัวใจของฉันตอนนี้ยิ่งเต้นไม่เป็นจังหวะจนฉันดึงผ้าห่มมาปิดหน้าตัวเองไว้ก่อนจะถอนหายใจ บอกกับตัวเองว่า “นอนได้แล้วเจ้ยๆ...”
ไม่รู้เหมือนกันว่าเผลอหลับไปตอนไหน แต่สะดุ้งตื่นตอนที่มีเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น เป็นนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ตอน6โมงทุกวัน
ฉันพยายามยกตัวเองขึ้นแต่ก็เหมือนมีน้ำหนักของอะไรซักอย่างดึงตัวฉันไว้ ฉันก้มมองดูตัวเองเห็นเป็นแขนขาวๆของเอื้อยโอบกอดที่หน้าอกของฉันไว้ เธอกอดฉันแน่นมาก รู้สึกได้ถึงความปวดเหมื่อยที่ได้จากการกอดรัดของแขนคู่นั้นเลยทีเดียว ฉันพยายามแกะมือทั้งสองข้างของเอื้อยออกอย่างเบาๆ ดูเหมือนเธอยังไม่รู้สึกตัว ลองเขย่าแขนแรงๆก็ยังไม่ตื่น ...ดีแล้วล่ะจะได้ไม่เกิดอาการเขิน เก้ๆกังๆกันอีก... ฉันคิดก่อนที่จะลุกจากที่นอนแล้วหยิบเอาผ้าห่มคลุมไว้ที่ตัวของเอื้อยเหมือนเดิม
ฉันลงไปช่วยแม่ทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆและเตรียมอาหาร ฉันบอกเล่าถึงเรื่องราวที่ฉันกับเอื้อยกลับบ้านค่ำแต่ไม่ได้บอกว่าเอื้อยเมาเพราะกลัวโอนแม่เอ็ด
ระหว่างที่ฉันทำงานอยู่นั้นเสียงข้อความเตือนในเฟสบุ๊คดังขึ้นฉันเปิดดูและพบว่ามันเป็นคลิปวีดีโอที่เอื้อยร้องเพลงเมื่อคืน มีเพื่อนอัพลง Facebookและแท๊กชื่อฉันลงไปด้วย ฉันอ่านดูชื่อคลิปแล้วนึกขำเบาๆ “เปิดตัวคู่จิ้นคู่ใหม่” ไม่รู้ว่าเอื้อยเห็นหรือยัง เดี๋ยวตอนขึ้นไปปลุกจะเอาให้ดูอีกที
ประมาณโมงนึงฉันเดินขึ้นไปบนห้องเพราะเห็นว่าสายแล้วเผื่อเอื้อยจะหิวข้าว ต้องลองไปดูดีกว่าว่าเธอตื่นหรือยัง เปิดประตูเข้าไปเจอเอื้อยนั่งอยู่ที่ขอบเตียงเธอยิ้มหน้าแดงๆอยู่ตรงนั้น
ตื่นแล้วเหรอ..อาบน้ำยัง” ฉันถามเอื้อยที่ยังนั่งหน้าแดงอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม
อาบแล้ว...”เสียงเบาๆออกมาจากปากคนหน้าแดงที่นั่งอยู่ที่ขอบเตียง พอฉันมองตาเธอก็ก้มหน้าลงทำหน้าประหม่าเล็กน้อย
..เฮอะๆเอื้อยคนเดิมกลับมาแล้วสินะ.. ฉันยิ้มเดินลงไปนั่งข้างๆ
นั่งยิ้มคนเดียวเป็นอะไรหรือเปล่า”ฉันยิ้มทำหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนจะก้มหน้าลงมองคนที่ก้มหน้าอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
เอื้อยตกใจนิดนึง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น “ปะ เปล่าไม่มีอะไรสักหน่อย แค่นึกถึงความฝันเมื่อคืนแล้วก็อารมณ์ดีเท่านั้นเอง” เธอทั้งพูดทั้งยิ้ม
ฝัน??..ฝันเรื่องอะไรเหรอ” ฉันถามเสียงสูงด้วยความสงสัยว่าเมื่อคืนคนเมานอนหลับปางตายอย่างเอื้อยจะฝันอะไรได้
ไม่บอก..”เอื้อยยิ้มหน้าแดงแล้วก็เอามือมาจับที่แก้มทั้งสองข้างของตัวเอง
ฉันกระเถิบเข้าไปนั่งใกล้ๆเอื้อย แล้วยื่นหน้าเข้าไปข้างๆใบหน้าของหล่อน ก่อนจะส่งยิ้มหวานๆแฝงด้วยความนัยบางอย่าง
ฝันเหรอ..ฝันเห็นเค้าใช่หรือเปล่า...” คนโดนจ้องจ้องตาตอบแบบไม่กระพริบหน้าที่แดงอยู่แล้วกลายเป็นแดงยิ่งกว่าเดิม เธอทำตาโตประหลาดใจในคำถามของฉัน
ทะ..ทำไมรู้..”เอื้อยถามคืนด้วยเสียงอายๆ
ไม่บอก..” ฉันยิ้มยียวนกวนประสาทเอื้อยกลับไปบ้าง
เมื่อคืนเอื้อยร้องเพลงเพราะมากเลยนะ ร้องให้ใครเป็นพิเศษหรือเปล่า” ฉันพูดขณะที่กำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดคลิปที่เพื่อนอัดที่เอื้อยร้องเพลงมาส่งให้เอื้อยดู
ยังจะถามอีก..” เอื้อยมองค้อนนิดนึงก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์มาดู
อ้าว..ก็ไหนบอกว่าไม่ชอบผู้หญิงด้วยกันไง..ตอนนั้น”
ก็ตอนนั้น..แต่ตอนนี้ชอบแล้ว..” เอื้อยรีบเถียงคืน
ชอบผู้หญิงจริงๆเหรอ เค้าจะเชื่อได้ยังไง”ฉันถามด้วยน้ำเสียงยียวนแกมหยอกเย้า
แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ ถึงจะเชื่อ” เอื้อยก็ทำยียวนคืนบ้าง พูดพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนเกือบจะชนฉัน
ฉันมองหน้าที่แดงกร่ำของเอื้อยแล้วอยู่ๆภาพของเธอตอนเปลือยหน้าอกก็โผล่ขึ้นมาอีก ฉันสะดุ้งเหมือนสำนึกผิดชอบชั่วดีกำลังต่อกรกับความอยากรู้อยากเห็นของฉัน จนต้องสะบัดหน้าหนีเพื่อให้ตื่นจากความคิดบ้าๆนั้น แต่เอื้อยก็ยังยื่นหน้าสวยๆของเธอเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นกว่าเดิมโดยหารู้ไม่ว่าเธอกำลังปลุกบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในสัญชาตญาณของฉันขึ้นมา ฉันมองตามดวงตางามๆของเอื้อย แล้วเหมือนโดนมนต์สะกด กลิ่นหอมจางๆของผมเอื้อยลอยตามลมมาสะกิดจมูกฉัน มันทำให้ฉันอยากดมดอมกลิ่นหอมที่หอมกว่าดอกไม้ที่ฉันเคยได้กลิ่นมานักต่อนัก