Girlfriend
Chapter 4
...แปลกๆ.....
เช้าวันจันทร์วันนี้ฉันไปรับเอื้อยที่บ้านเวลาเดิม
เอื้อยกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาหาฉัน
ก่อนขึ้นรถเธอยื่นชอคโกแลคที่เป็นรูปหัวใจห่อด้วยกระดาษฟอล์ยสีแดงขนาดเท่ากับฝ่ามือให้กับฉัน
ฉันรับไว้และทำสีหน้างงเล็กน้อย
“เนื่องในโอกาสอะไรนี่..”
ฉันคิ้วขมวดถามเอื้อยด้วยความสงสัย
“เนื่องในโอกาสอยากให้เฉยๆ..ไม่มีอะไรหรอก”แล้วยิ้มหวานๆชวนยิ้มตามก็ออกมาจากใบหน้าสวยๆของเอื้อย
“ไปกันเถอะ”
เธอชวนก่อนที่จะหยิบหมวกกันน็อคของเธอขึ้นมาสวมและนั่งซ้อนท้ายรถของฉัน
แม้จะงงแต่ฉันก็แอบดีใจนิดๆ
คงให้เพราะเรายอมไปไหนมาไหนด้วยสินะ
ฉันคิดหลังจากที่นึกถึงภาพที่เอื้อยขอคบเป็นเพื่อนกับฉันในวันเสาร์นั้นได้
“ขอบใจนะ”ฉันหันมายิ้มมองเอื้อยนิดนึงก่อนจะขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไป
ตอนเที่ยงวันนั้นเมื่อฉันและเอื้อยกินข้าวเสร็จ
พวกเราเดินไปนั่งเล่นที่โต๊ะม้าหินอ่อนตัวเดิมที่อยู่ลานม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่และนั่งกินผลไม้แช่อิ่มที่พากันเลือกซื้อมากินด้วยกัน
มันมีทั้งมะม่วง ฝรั่งและก็องุ่น
พวกเรานั่งกินผลไม้ไปพร้อมๆกับเปิดโทรศัพท์อ่านหน้าFeed
Facebook กัน
เอื้อยหยิบโทรศัพท์ของเอื้อยมาเลื่อนดูข้อความซักพักเธอก็หันมาคุยกับฉัน
“เจ้ย
เพื่อนเจ้ยคนเมื่อวันเสาร์น่ะชื่อกรเหรอ”
“อืมใช่..ทำไม..”
ฉันพูดในขณะที่หยิบเอามะม่วงแช่อิ่มขึ้นมาเคี้ยว
“คนนั้นมาแอดไลน์เค้าตั้งแต่เมื่อวันเสาร์แล้ว
บอกว่ารู้จักกับเจ้ย..เคยเป็นแฟนเจ้ย”
เอื้อยพูดเน้นประโยคสุดท้ายก่อนจะหยุดแล้วหันมาชำเรืองมองตาฉัน
ในขณะที่ฉันกำลังไอเพราะสำลักมะม่วงชิ้นนั้นอยู่เนื่องจากได้ยินคำว่า
“...เคยเป็นแฟนเจ้ย”
“คะคะใคร
ใคร
บอกนะ”ฉันยื่นไม้ยื่นมือขอน้ำจากเอื้อยที่เอื้อยซื้อมานั่งดื่มด้วย
แล้วก็รีบดื่มน้ำในแก้วนั้น
“ก็คนชื่อกรน่ะสิ
ทำเป็นมาถามว่าเค้าเป็นแฟนเจ้ยเหรอ
ตัวเค้าเองก็เป็นแฟนเจ้ยเหมือนกัน”เอื้อยพูดตอนที่เดินมานั่งใกล้ๆฉันแล้วเอามือมาลูบหลังให้เพราะเห็นว่าฉันยังไม่หายจากการสำลักมะม่วงเมื่อกี้
“...ละ..แล้วตอบเค้าไปว่ายังไง”
“เค้าก็ตอบเค้าว่า
เหรอ จริงดิไม่เห็นเจ้ยบอกเลย”
เอื้อยพูดพร้อมกับหันหน้ามามองฉัน
สายตากลมๆคู่นั้นบ่งบอกว่าสงสัยในสิ่งที่เธอกำลังพูดเมื่อกี้เหมือนกัน
ดูหน้าเอื้อยจริงจังมากไม่เหมือนกับตอนที่พูดเล่นกันตอนแรก
“คนนั้นเค้าโกหกใช่มั้ย..”เอื้อยถามเสียงดุๆ
ตาจ้องเขม็งมาที่ฉัน
“อืม..”ฉันตอบเบาๆพร้อมกับจ้องตาของเอื้อยคืน
เพราะไม่รู้ว่าทำไมเอื้อยถึงไม่ยอมละสายตาจากตัวฉันซักที
“พูดไม่เต็มเสียง..แสดงว่าเคยคบกันจริงๆด้วย
ชอบผู้ชายแบบนี้เหรอ”เอื้อยพูดทำเสียงเชิงต่อว่า
“เอ้า..นี่
กรไม่ได้เป็นแฟนเค้าแล้วเราไม่เคยคบกันโอเคมั้ยได้ยินหรือยัง”
ฉันยื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าเอื้อยจนเกือบชิดพร้อมทั้งส่ายหน้าไปมาให้เอื้อยเห็น
เอื้อยหน้าแดงและดูประหม่าขึ้นทันทีที่ฉันยื่นหน้าเข้าไปใกล้
สายตาของเอื้อยจ้องมองฉันมาไม่กระพริบก่อนจะตอบฉันมาว่า
“ได้ยินแล้ว”
แล้วค่อยก้มหน้าลงไปอ่านข้อความในFacebookต่อ
แต่ฉันแอบชำเรืองเห็นว่าเอื้อยนั้นกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่
“เป็นอะไรทำไมทำหน้าอย่างนั้น”ฉันถาม
“ไม่มีอะไรแค่ดีใจ”
เอื้อยหันมาส่ายหน้าไปมาก่อนจะยิ้มให้ฉันเห็นเต็มๆหน้า
“ดีใจอะไร..ดีใจว่ากรไม่ได้เป็นแฟนเค้าเหรอ”ฉันพูดหยอกเอื้อย
“คงงั้น...”
เสียงเบาๆของเอื้อยพูดขึ้นมาหลังจากที่หันหน้าหลบสายตาของฉันไปทางอื่น
..เฮ้...อย่าบอกนะว่าชอบกร...
ฉันคิดในขณะที่มองตามเอื้อยที่กำลังนั่งก้มลงมองโทรศัพท์ของเธอต่อ
“เอื้อยชอบผู้ชายแบบไหนอ่ะ”
ฉันลองเรียบๆเคียงๆถามเอื้อยดูเพราะเห็นในท่าทางประหลาดๆของเธอแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าสเปคผู้ชายที่เธอชอบจะเป็นอย่างไร
“อืม..ไม่รู้สิไม่มีสเปค
นึกไม่ออก ทำไมอ่ะ”
เอื้อยทำหน้าคิ้วขมวดเงยหน้าขึ้นมาตอบ
“ชอบแบบกรมั้ย”
ฉันถามหยั่งเชิง
“หือ..ไม่หรอก
เค้าไม่ค่อยชอบผู้ชายที่ดูเจ้าชู้กระหริ่มกระเหรี่ยเกินไปอ่ะ”
เอื้อยยิ้มทำหน้าแหยๆ
“เหรอ..ชอบคนจริงใจว่างั้น”
ฉันรีบพูดสวน
“ใช่สิ
..ใครจะไม่ชอบเล่า”
เอื้อยเหล่ตามามองด้วยความสงสัย
“แล้วแฟนเอื้อยเป็นคนยังไง
คือ เอ่อจะถามว่าที่เคยๆคบอ่ะเป็นยังไง”
เอื้อยหันมาคิ้วขมวด
ทำหน้าตาเจ้าเล่ห์
“จะมาหลอกถามอะไรอีกล่ะ
ไม่มีหรอกแฟน”
“จริงดิ
หน้าอย่างนี้ไม่มีคนจีบเหรอ”
ฉันถามขำๆ
“ไม่ใช่ว่าไม่มีคนจีบ
แต่มันยังไม่เจอ
แล้วแม่ก็บอกว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะคิด”
“เฮ้ยเหมือนเค้าเลย
เห็นอย่างนี้เค้าคิดเยอะนะว่าจะคบไม่คบใครสักคน”
เอื้อยยิ้มหวาน
“จริงดิ แล้วเจ้ยมีคนที่ชอบหรือยังล่ะ
มองใครไว้บ้างหรือเปล่าบอกเค้าได้นะ”
“ไม่มีหรอก
ทุกวันนี้ก็ยุ่งๆอยู่กับแค่เพื่อนๆจะไปหาใครได้”ฉันตอบแบบยิ้มๆ
“ถ้าเค้ามีแฟนแล้วติดแฟน
เอื้อยจะอยู่ยังไงล่ะ
ก็จะไม่เหงาตายเหรอ”
ฉันหันไปมองเอื้อยแบบอ้อนๆ
“เหงาสิ...”
เอื้อยพูด
ตาหยุดจ้องมาที่ตาของฉัน
มันเป็นแววตาแปลกๆที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
“...ไม่ลองมีแฟนเป็นเพื่อนดูเหรอ”
เอื้อยถามหน้าซีเรียส
“ห๊า!!!..”
ฉันอ้าปากค้างทำหน้าเหวอเพราะได้ยินประโยคแปลกๆที่เอื้อยพูดออกมา
“..หมายถึงมีแฟนเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันหรือในห้องเดียวกันไง
คิดมาก” เอื้อยอมยิ้มนิดนึงก่อนอธิบาย
“อ๋อ..ไม่เอาหรอกเพื่อนกันก็รู้จักไส้รู้จักพุงหมดแล้ว
คงไม่คบเป็นแฟนหรอก”
ฉันตอบไปอย่างเบาใจ
“แล้วถ้าเป็นเพื่อนที่พึ่งคบกันไม่ทันรู้จักไส้รู้จักพุงเหมือนเค้าล่ะ
พอจะคบได้หรือเปล่า”
เอื้อยถามอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมทั้งทำหน้าอายๆหันมามองมาที่ฉันอีก
“ห๊า!!!..”
ฉันอ้าปากค้างหน้าเหวออีกเป็นครั้งที่สอง
วันนี้รู้สึกเอื้อยพูดอะไรแปลกๆหลายอย่างเลย
เอื้อยยิ้มหัวเราะ
ยื่นน้ำให้ฉันดื่มอีก
“อ๊ะ..คอแห้งใช่มั้ยเห็นร้องห๊าๆหลายทีแล้ว
เค้าล้อเล่นอย่าคิดมากน่า”
ฉันถอนหายใจรับน้ำเอื้อยมาดื่ม
รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้เอื้อยจะมีมุกประหลาดๆมาคุยด้วยเยอะ
ฉันชักจะรับมุกแต่ละมุกของเธอไม่ทันแล้ว
เอื้อยยังหันมายิ้ม
เพ่งมองที่ใบหน้าฉันไม่วางตา
“เคยมีผู้หญิงมาจีบบ้างมั้ย”
เธอยังคงป้อนคำถามประหลาดมาพร้อมกับหน้าตาเจ้าเล่ห์
ฉันสำลักน้ำ
“ห๊า..อะไรนี่
ตลกขึ้นเรื่อยๆนะเรา”
“แล้วเคยมั้ยล่ะ”
เอื้อยถามย้ำ
“บ้าเหรอ..มะ.ไม่เคยสิ”
ฉันอ้ำๆอึ้งๆตอบเอื้อยที่ยิ้มอย่างมีเลศนัยอยู่
“ดีเลย..เค้าก็ไม่เคยจีบผู้หญิงเหมือนกัน”
พรวด!!!
พอสิ้นประโยคฉันสำลักน้ำออกจมูกทันที
แล้วก็ไอไม่หยุดจนเอื้อยต้องรีบมาลูบหลังให้กับฉัน
...อะไรนี่
วันนี้ตกลงเธอมาแนวไหนกันนี่เอื้อย..ตั้งแต่เช้าแล้ว...
ฉันคิ้วขมวด
นั่งคิดในขณะที่แอบชำเรืองเอื้อยที่เก็บเอาเศษผลไม้และขยะต่างๆเดินไปทิ้งเพื่อจะเตรียมขึ้นห้อง
ตอนเดินขึ้นไปชั้นเรียนเพื่อจะเข้าเรียนคาบบ่าย
ฉันเดินแยกจากเอื้อยที่หน้าห้องเพื่อไปหาหญิงและเอกที่อยู่อีกห้องพวกเขามีเรื่องจะปรึกษาฉัน
ฉันยืนคุยกับหญิงและเอกอยู่หน้าห้องปรึกษาเรื่องการทำรายงานของวิชาฟิสิกส์ที่ฉันถนัดเอกบอกว่าถ้าได้อยู่ห้องเดียวกันเหมือนเดิมก็คงดี
อย่างน้อยๆก็จะได้มีฉันเป็นหัวหน้ากลุ่มและช่วยสอนพวกเค้าในรายวิชานี้
“แต่ก็ดีแล้วล่ะ
อย่างน้อยๆเจ้ยก็ได้เจอเอื้อยนะ
..แหม..นึกว่าจะไม่มีแฟนซะแล้ว”
เอกพูดไปหัวเราะไปพร้อมกับชำเรืองสายตาแบบเจ้าเล่ห์
เหมือนจงใจจะแซวฉัน
“บ้าแล้ว
เดี๋ยวก็โดนต่อยซะหรอก”
ฉันทำท่ายกหมัดขึ้นจะชกเอกที่พูดหยอกอะไรไม่รู้เรื่อง
“ตกลงเป็นแฟนกันจริงๆเปล่านี้..เค้าเม้าส์กันทั้งโรงเรียนเลยนะว่าพวกแกสองคนชอบกัน”
เสียงหญิงถามมาบ้าง
นี่ก็เป็นไปกับเค้าด้วยอีกคน
“แล้วพวกฉันเหมือนเป็นแฟนกันงั้นเหรอ”ฉันถามกลับด้วยเสียงห้วนๆ
“ใช่!!
”ทั้งหญิงและเอกตอบพร้อมกัน
“ตรงไหน!!!”ฉันพูดเสียงสูงคิ้วขมวด
ทำหน้างอนใส่สองคนนี้
ก่อนจะสะบัดหน้าหันหลังเดินกลับไปที่ห้องโดยไม่ฟังคำตอบจากสองคนนี้อีก
แต่ตอนนั้นสายตาของฉันก็พลันไปสบตากับใครบางคนที่เหมือนจะยืนไม่ไกลจากตัวฉันและจ้องมองมามองที่ฉันตลอดเวลาที่ฉันยืนคุยอยู่กับเอกและหญิง
เป็น..อัน..ที่ยืนจ้องเขม็ง
มองมาที่ฉัน
อะไร..มองทำไม
ฉันคิดในขณะที่ยืนอื้งจ้องอันแบบไม่หลบตาคืนบ้าง
จนเจ้าของสายตาคู่นั้นหลบตาและเดินหนีจากตรงนั้นไป
ฉันรีบเดินกลับมาที่ห้องพร้อมกับความสงสัยปนอารมณ์ที่หงุดหงิดในเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
“เจ้ย
มาพอดีเลย”เสียงใสๆของเอื้อยทักฉันในขณะที่ฉันกำลังเลื่อนเก้าอี้ออกมาเพื่อจะนั่ง
“ว่า..”ฉันถามลากเสียงเพราะเหมือนว่าเอื้อยมีเรื่องจะคุยกับฉัน
“นี่ๆคนชื่อกร
ไลน์มาคุยกับเค้าอีกแล้ว
นายคนนี้มาถามว่าบ้านเราอยู่ไหนด้วย..”
เอื้อยพูดขณะที่กำลังยื่นโทรศัพท์ของเธอมาที่ฉัน
“ก็บอกเค้าไปซี่
อยากให้เค้ารู้มั้ยล่ะ”
ฉันทำเสียงดุๆห้วนๆใส่เอื้อยโดยที่ดูเหมือนว่าเอื้อยยังพูดไม่จบประโยคซะด้วยซ้ำ
คงเป็นเพราะฉันอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่ตอนโดนเอกกับหญิงแซวแล้ว
“ทำไมทำเสียงอย่างนั้นล่ะ
..”เอื้อยอึ้ง
ถามกลับมาด้วยเสียงสั่นๆ
“นี่ถ้าเอื้อยอยากรู้จักเค้า
อยากคุยกับเค้าก็คุยไปสิมาบอกเค้าทำไมนี่
ที่เค้าถามว่าบ้านอยู่ไหนก็คงเพราะเค้าอยากไปหาล่ะมั้ง”
ฉันยังคงทำเสียงดุๆ
ห้วนๆใส่เอื้อยอีกเหมือนเดิม
ฟังดูเหมือนผู้ใหญ่กำลังตวาดเด็กเล็กๆคนนึง
เอื้อยนั่งนิ่ง
สีหน้าและดวงตาดูหงอยๆลงทันที
เธอก้มลงมองโทรศัพท์ในมือเธอนิดนึงก่อนหันหน้าขึ้นมาพูดกับฉัน
“เค้าแค่จะถามเจ้ยว่า..เจ้ยอยากให้เค้าคุยกับกรมั้ย
เราเห็นว่าเค้าเป็นเพื่อนเจ้ยถ้าเค้าพูดอะไรที่ไม่ดีเกินไปเจ้ยกับเพื่อนเจ้ยก็มองหน้ากันไม่ติดนะ”
“..คือ..เค้ากลัวเพื่อนเจ้ยโกรธให้เจ้ยน่ะ”เอื้อยพูดเสียงสั่นๆก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่น
...ชอบเค้าก็คุยกับเค้าไปสิ
จะมาบอกเราทำไม
น่าหงุดหงิดชะมัด..ยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วด้วย...
ฉันคิดก่อนที่จะชำเรืองไปเห็นเอื้อยก้มลงเก็บโทรศัพท์ของเธอใส่กระเป๋าไว้
แล้วแอบหันมามองที่ฉันนิดนึง
เอื้อยทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้
ตาของเอื้อยแดงๆ จมูกก็แดงๆ
ทำท่าเหมือนกำลังจะเริ่มร้องไห้ในอีกไม่กี่นาทีต่อไปนี้
ฉันหันหน้าไปมองเอื้อย
เอื้อยหลบหน้าฉันหันไปทางอื่นทันที
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น..จะร้องไห้เหรอ”
ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
เพราะเป็นห่วงกลัวเพื่อนจะร้องไห้
เอื้อยหันหน้ามาทางฉัน
เธอเริ่มเม้มปากของเธอพร้อมๆกับหยดน้ำตาที่ไหลออกมาจากตาทั้งสองข้าง
ตอนนี้ทั้งหน้าเธอแดงไปหมด
คงแดงเพราะโกรธฉันแน่ๆ
ฉันรีบหันไปมองเพื่อนที่อยู่รอบๆห้อง
ตอนนี้มันยังไม่มีเพื่อนอยู่ในห้องเท่าไหร่
มีเพียงเพื่อนผู้หญิงสองสามคนที่จับกลุ่มคุยกันอยู่ที่มุมหลังห้อง
“เฮ้ย..เอื้อย..”
ฉันทำหน้าแหยๆ
เอื้อมมือไปลูบไหล่เพื่อนเบาๆเพราะอยากให้เพื่อนหยุดร้องไห้
ก่อนที่จะล้วงหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าของฉันขึ้นมาซับน้ำตาที่ใบหน้าของเอื้อยเบาๆ
“เค้าขอโทษนะเอื้อยเมื่อกี้เค้าพูดแรงไปหน่อย
เอื้อยหยุดร้องนะ”
ฉันพูดในขณะที่มือของฉันยังเช็ดน้ำตาบนหน้าเอื้อยอยู่
เอื้อยพยักหน้านิดนึงแต่แทนที่เธอจะหยุดร้องกลับกลายเป็นสะอื้นดังกว่าเดิม
“เฮ้ย..”
ฉันร้องเสียงหลงเพราะกลัวเพื่อนๆที่หลังห้องจะหันมามองว่าฉันทำอะไรให้เอื้อยร้องไห้
...
โอ้ย
ตายๆๆๆทำไงเอื้อยจะหยุดร้องนี่
...
ด้วยอารมณ์ตกใจฉันคว้าตัวเอื้อยมากอดไว้
แล้วใช้มือจับด้านหลังของหัวเอื้อยกดลงมาตรงหน้าอกของฉัน
อีกมือหนึ่งลูบหลังของเอื้อยไว้
หวังว่าเอื้อยจะเงียบเสียงลง
เอื้อยซุกหน้าลงตรงนั้นแล้วเธอก็กอดฉันไว้
ได้ผลเอื้อยเงียบลงแล้ว
...แต่เพื่อนๆที่อยู่ด้านหลังห้องกลุ่มนั้นหันมามองที่ฉันกับเอื้อยทั้งหมด
พร้อมๆกับเพื่อนอีกกลุ่มใหญ่ที่กำลังเดินเข้ามาในห้องกัน
เพราะตอนนี้ใกล้เวลาที่จะเข้าเรียนคาบแรกของตอนบ่ายแล้ว
พลันทุกสายตากำลังหยุดนิ่งและจ้องมาที่ฉันกับเอื้อย
ภาพที่ทุกคนเห็นขณะนั้นคือ
..ฉันกำลังกอดกันกับเอื้อย..
อึ๊ก...ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ
ก่อนที่ฉันจะปล่อยมือออกจากเอื้อย
แล้วดันเอื้อยออกจากตัว
เอื้อยเงยหน้าขึ้นมามอง
ตาแดงๆจมูกแดงๆของเธอโชว์ให้เห็นว่าเอื้อยยังร้องไห้อยู่
ฉันดึงมือเอื้อยให้ลุกขึ้น
แล้วจูงมือเอื้อยวิ่งผ่าเพื่อนๆที่กำลังยืนอึ้งมองพวกฉันอยู่ออกไปนอกห้อง
เราไปหยุดอยู่ที่ห้องน้ำหญิงด้านหลังอาคารเรียนของเรา
เสียงออดคาบแรกของช่วงบ่ายดังขึ้นแล้ว
ตอนนี้ในห้องน้ำไม่มีใครอยู่แล้วมีแต่ฉันกับเอื้อย
ฉันบอกให้เอื้อยล้างหน้า
เพราะตอนนี้ใบหน้าของเอื้อยนั้นเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
เอื้อยหยุดร้องแล้วแต่ยังทำหน้าซึมๆเศร้าๆอยู่
เธอล้างหน้าของเธอออก
มองหน้าตัวเองในกระจกแล้วเงาของฉันยืนมองอยู่ด้านหลังของเอื้อย
เธอปิดก๊อกน้ำสลัดน้ำในมือออกจนเกือบแห้งแล้วหันมามองหน้าฉัน
“เจ้ยไม่พอใจอะไรเค้าหรือเปล่า..”
เอื้อยเม้มปาก
จ้องมาที่หน้าฉันด้วยสีหน้ากังวล
ฉันส่ายหน้า
“เปล่า..เค้าแค่อารมณ์ไม่ค่อยดี”
แล้วก้มลงหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ายื่นมาให้เอื้อยเช็ดหน้าที่ยังไม่แห้งจากการล้างเมื่อกี้
“มีอะไรบอกเค้าได้นะ
ถ้าไม่อยากให้เค้าคุยกับเพื่อนเจ้ยก็บอกเค้าได้นะ..”เอื้อยพูดพลางเช็ดหน้าของเธอไป
“เค้าแคร์เจ้ยมากนะ..”
เอื้อยพูดพร้อมกับจ้องหน้าของฉันนัยต์ตาของเธอยังไม่หายแดงซะทีเดียว
ฉันมองอื้อยด้วยความรู้สึกผิดก่อนจะพยักหน้ารับรู้ในความรู้สึกแคร์ที่เพื่อนพูดมาเมื่อกี้
“หยุดร้องและหายโกรธเค้าซะนะ
เค้าขอโทษ..สัญญาว่าเค้าจะไม่ตวาดเอื้อยแบบเมื่อกี้อีกแล้วนะ”
ฉันเอื้อมมือไปจับที่มือของเอื้อยมาเขย่าเบาๆ
แทนการสัญญา เอื้อยพยักหน้าเบาๆ
เธอเริ่มยิ้มออกมาตามฉันที่ส่งยิ้มไปให้เมื่อกี้
“แล้ว..สัญญาอีกได้มั้ยว่าจะไม่ทำให้เค้าร้องไห้อีก..”
เอื้อยยื่นมือมาจับจับมือสองข้างของฉันไว้แน่น
เธอจ้องที่หน้าฉัน
สีหน้าของเธอตอนนี้บ่งบอกว่าเธอกำลังรอคำตอบจากฉันอยู่
ฉันทำหน้างงเล็กๆกับประโยคที่ฉันได้ยินจากเอื้อยเมื่อกี้
“สัญ...สัญญา”
ฉันตอบด้วยเสียงอึกๆอักๆ
เอื้อยยิ้มรับแล้วค่อยปล่อยมือฉันออก
...ทำไมต้องสัญญาด้วย...ฉันคิดในขณะที่กำลังเดินตามเอื้อยรีบเดินออกจากห้องน้ำเพื่อเข้าห้องเรียนช่วงบ่ายให้ไวที่สุด
**********************************************************
ไม่นานฉันกับเอื้อยก็มาหยุดยืนที่หน้าห้องซึ่งตอนนี้ครูที่สอนตอนคราบบ่ายกำลังสอนอยู่
“ทิพานัน
เนตรอัปสร..ไปไหนมาทำไมเข้าห้องสายคะ”
เสียงคุณครูถาม
และเพื่อนๆในห้องก็จ้องมองมาที่พวกฉันพร้อมๆกันทันที
“หนูปวดท้องมากๆก็เลยขอให้ทิพานันเค้าพาไปห้องพยาบาลมาค่ะ”เอื้อยรีบตอบคุณครูทันที
ครูหันมามองหน้าฉันเหมือนจะถามว่าสิ่งที่เอื้อยพูดนั้นจริงหรือเปล่า
ฉันพยักหน้าให้คุณครูเห็นก่อนจะก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาเพื่อนๆในห้อง
เพราะมีเสียงซุบซิบๆของเพื่อนดังมาแว่วๆให้ได้ยินอยู่ตลอดตอนที่ยืนอยู่หน้าห้อง
“อืมๆไม่เป็นไร
รีบๆเข้ามาเรียนเลยถ้าอย่างนั้น”
ครูกวักมือเรียกพวกฉันเข้ามาในห้อง
เอื้อยรีบเดินนำในขณะที่ฉันก้มหน้าเดินตามมาเงียบๆในใจครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพื่อนๆเห็นฉันกับเอื้อยกอดกันตอนเที่ยงนี้
...เฮ้อ..ไม่ไหวจะเคลียร์แล้ว..ช่างมันเถอะ..
ฉันปลอบใจตัวเองเบาๆในขณะที่ก้มลงหยิบหนังสือขึ้นมาเรียน
*******************************************
ตอนเย็นก่อนกลับบ้านเอื้อยขอให้ฉันรอเธอก่อนกลับบ้านเพราะเธอมีธุระที่ต้องไปประชุมในชมรมของเธอก่อน
ฉันนั่งรออยู่แถวๆหน้าโรงรถตรงนั้นมีม้านั่งเรียงต่อกันเป็นแถวๆพอให้ฉันนั่งรอได้
“เจ้ย..”
เสียงผู้ชายคุ้นๆหูดังขึ้นมาจากด้านหลังของฉัน
ฉันหันตามเสียงไปพบเพื่อนผู้ชายที่เรียนอยู่อีกห้องนึงกำลังเดินเข้ามาทัก...
เทวา...วาห้อง5นี่นา..
ฉันโบกมือทักทาย
วากับฉันเราเคยเรียนด้วยกันตั้งแต่สมัยม.ต้นเป็นเพื่อนกันมานานแล้วแต่ก็ไม่สนิทกันเท่าไหร่
“นั่งรอเอื้อยเหรอ..”วายิ้มแล้วถาม
คิ้วหนาๆของเค้าเลิ่กขึ้นนิดนึง
ฉันพยักหน้าให้กับเพื่อน
ยิ้มแหยๆนึกถึงข้อความที่กรส่งมาให้
..วาบอกว่าเอื้อยเป็นแฟนเจ้ย...
“ไง
วาสบายดีมั้ย” ฉันถามวา
นานแล้วที่ไม่ได้คุยกัน
แม้จะพบหน้ากันบ้างแต่ก็ได้แค่เดินผ่านๆสวนกันเฉยๆ
“ก็ดีนะ
เรียนหนักขึ้นนิดนึงเรากลัวคะแนนเราไม่ดีแล้วจะลำบากตอนเข้ามหาลัยอะ”
“ไม่เหมือนเจ้ยเลยเนอะ
หัวดีมาตลอดคงได้เข้ามหาลัยดีๆแน่เลย”
วายิ้มแล้วพูดต่อ
ตอนนี้เค้ามานั่งข้างๆฉัน
“วันก่อนเจอไอ้กรด้วย
มันขอไลน์เจ้ยบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจ้ยเราเลยถือวิสาสะให้ไลน์เจ้ยไปอ่ะ”วาบอก
ฉันพยักหน้ารับนิดนึงเหมือนรู้แล้วว่ากรได้ไลน์มาจากวา
“แล้วมันก็ขอไลน์เอื้อยด้วย
เรากลัวว่ามันจะทำตัวลุ่มล่ามก็เลยพูดกันท่าเอื้อยให้..ว่าเป็น..แฟนกับเจ้ย..”
วาพูดแล้วเหล่ตามองทำหน้าเหมือนรู้ความผิดของตัวเอง
“คงไม่โกรธเราใช่มั้ย
เราไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้เจ้ยเสียหายนะ
แค่ไม่อยากให้ไอ้กรมันทำเจ้าชู้กับพวกเธอทั้งสองคน”
วาเงียบนิดนึงก่อนจะหันมามองหน้าฉันที่ก้มลงฟังเพื่อนสาธยายเล่าความผิดของตัวเองอยู่
“อืม..ไม่เป็นไรเราก็บอกเค้าไปแล้วล่ะว่าเราไม่ได้เป็นแฟนกับเอื้อย”
ฉันตอบ
“อืม..รู้แล้วกรมันบอกเราแล้ว..มันว่าเอื้อยไม่ได้เป็นแฟนเจ้ย
มันจะจีบเอื้อย”
ฉันนิ่งเมื่อได้ยินสิ่งที่วาพูด
“เจ้ยไม่โกรธใช่มั้ยที่ไอ้กรจะจีบเอื้อย”
“โกรธทำไม
ก็บอกแล้วไม่ได้ชอบเอื้อย”
ฉันเริ่มพูดเสียงสูง
“เปล่า..เราไม่ได้หมายถึงโกรธเพราะหึงเอื้อยนะ
แต่เราหมายถึงโกรธเพราะหึงไอ้กรหรือเปล่า”
ฉันจ้องวาคิ้วขมวด
ไม่นึกว่าวาจะพูดอย่างนี้กับฉัน
“วา..เราว่านายไปกันใหญ่แล้วล่ะ..เรากับกรไม่เคยคบกันนะ
และเราไม่ได้เป็นแฟนกรด้วย
คือเราไม่รู้นะว่าพวกนายไปคุยอะไรกันบ้าง
แต่ที่พูดมาเรื่องเรากับเอื้อยหรือกับกรมันผิดทั้งหมด..”
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะกลั้นความรู้สึกที่ขุ่นเคืองในใจไม่ได้อีกแล้ว
“เข้าใจมั้ย!!!”
ฉันถามวาเป็นเหมือนคำสั่งว่าหยุดคิดได้แล้ว
วายิ้มแห้งๆให้ก่อนจะพยักหน้ารับทราบเรื่องราวทั้งหมด
ยังไม่ทันที่วาจะพูดอะไรต่อ
เสียงหวานๆใสๆที่พยายามทำให้ดูเหมือนดุของเอื้อยก็ดังขึ้น
“เจ้ย..เป็นอะไรหรือเปล่า”
เอื้อยรีบเดินเข้ามายืนข้างฉันมองหน้าวาอย่างเอาเรื่อง
เธอคงได้ยินที่ฉันขึ้นเสียงใส่วาเมื่อกี้นี้และคิดว่าคงมีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน
มือข้างหนึ่งของเอื้อยคว้ามือของฉันให้ลุกขึ้น
“ปะ...กลับบ้านกันได้แล้ว”
เอื้อยยังไม่หยุดมองหน้าวา
ฉันลุกขึ้นบอกลาวาแล้วเดินไปตามแรงจูงมือของเอื้อย
หันหลังกลับไปมองที่วาเห็นเค้าส่ายหน้าและเกาหัวแกร๊กๆอยู่ตรงนั้นเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด
เอื้อยจูงมือฉันไปจนถึงรถมอเตอร์ไซค์
“ปะ..ปล่อยได้แล้ว”
ฉันพูดพลางดึงมือเอื้อยออกจากมือฉัน
“ใครอะ
เค้าทำอะไรเจ้ยหรือเปล่าดูสีหน้าเหมือนเจ้ยไม่พอใจเค้ามากๆเลยนะ
ถ้ามีอะไรบอกเค้านะเค้าจะช่วยเจ้ยเอง”
เอื้อยทำสีหน้าแข็งขันขึ้นทันที
ฉันนึกขันท่าทางของเอื้อยในใจ
ก่อนจะยิ้มและตอบไปอย่างอารมณ์ดี
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ
ขอบใจนะ..ช่วยได้มากเลย”
เอื้อยยิ้ม ใบหน้าของเธอตอนยิ้มนั้นชวนยิ้มตามตลอด
ฉันเผลอยิ้มกับเอื้อยทุกๆครั้งที่เธอยิ้ม
ไม่แน่ใจว่ายิ้มตามเรื่องราวที่ทำให้เธอยิ้ม
หรือยิ้มเพราะว่าเห็นเธอยิ้มกันแน่
“ไปกันเถอะเดี๋ยวแม่รอนะ”
เอื้อยเตือนสติฉันที่ตอนนี้มันกำลังลอยละลิ่วไปกับรอยยิ้มบนใบหน้าสวยๆของเธอเข้าให้แล้ว...