วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

Girlfriend

Chapter 4


...แปลกๆ.....

เช้าวันจันทร์วันนี้ฉันไปรับเอื้อยที่บ้านเวลาเดิม
เอื้อยกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาหาฉัน ก่อนขึ้นรถเธอยื่นชอคโกแลคที่เป็นรูปหัวใจห่อด้วยกระดาษฟอล์ยสีแดงขนาดเท่ากับฝ่ามือให้กับฉัน ฉันรับไว้และทำสีหน้างงเล็กน้อย
เนื่องในโอกาสอะไรนี่..” ฉันคิ้วขมวดถามเอื้อยด้วยความสงสัย
เนื่องในโอกาสอยากให้เฉยๆ..ไม่มีอะไรหรอก”แล้วยิ้มหวานๆชวนยิ้มตามก็ออกมาจากใบหน้าสวยๆของเอื้อย
ไปกันเถอะ” เธอชวนก่อนที่จะหยิบหมวกกันน็อคของเธอขึ้นมาสวมและนั่งซ้อนท้ายรถของฉัน
แม้จะงงแต่ฉันก็แอบดีใจนิดๆ
คงให้เพราะเรายอมไปไหนมาไหนด้วยสินะ ฉันคิดหลังจากที่นึกถึงภาพที่เอื้อยขอคบเป็นเพื่อนกับฉันในวันเสาร์นั้นได้
ขอบใจนะ”ฉันหันมายิ้มมองเอื้อยนิดนึงก่อนจะขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไป

ตอนเที่ยงวันนั้นเมื่อฉันและเอื้อยกินข้าวเสร็จ พวกเราเดินไปนั่งเล่นที่โต๊ะม้าหินอ่อนตัวเดิมที่อยู่ลานม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่และนั่งกินผลไม้แช่อิ่มที่พากันเลือกซื้อมากินด้วยกัน มันมีทั้งมะม่วง ฝรั่งและก็องุ่น
พวกเรานั่งกินผลไม้ไปพร้อมๆกับเปิดโทรศัพท์อ่านหน้าFeed Facebook กัน
เอื้อยหยิบโทรศัพท์ของเอื้อยมาเลื่อนดูข้อความซักพักเธอก็หันมาคุยกับฉัน
เจ้ย เพื่อนเจ้ยคนเมื่อวันเสาร์น่ะชื่อกรเหรอ”
อืมใช่..ทำไม..” ฉันพูดในขณะที่หยิบเอามะม่วงแช่อิ่มขึ้นมาเคี้ยว
คนนั้นมาแอดไลน์เค้าตั้งแต่เมื่อวันเสาร์แล้ว บอกว่ารู้จักกับเจ้ย..เคยเป็นแฟนเจ้ย”
เอื้อยพูดเน้นประโยคสุดท้ายก่อนจะหยุดแล้วหันมาชำเรืองมองตาฉัน ในขณะที่ฉันกำลังไอเพราะสำลักมะม่วงชิ้นนั้นอยู่เนื่องจากได้ยินคำว่า “...เคยเป็นแฟนเจ้ย”
คะคะใคร ใคร บอกนะ”ฉันยื่นไม้ยื่นมือขอน้ำจากเอื้อยที่เอื้อยซื้อมานั่งดื่มด้วย แล้วก็รีบดื่มน้ำในแก้วนั้น
ก็คนชื่อกรน่ะสิ ทำเป็นมาถามว่าเค้าเป็นแฟนเจ้ยเหรอ ตัวเค้าเองก็เป็นแฟนเจ้ยเหมือนกัน”เอื้อยพูดตอนที่เดินมานั่งใกล้ๆฉันแล้วเอามือมาลูบหลังให้เพราะเห็นว่าฉันยังไม่หายจากการสำลักมะม่วงเมื่อกี้
“...ละ..แล้วตอบเค้าไปว่ายังไง”
เค้าก็ตอบเค้าว่า เหรอ จริงดิไม่เห็นเจ้ยบอกเลย” เอื้อยพูดพร้อมกับหันหน้ามามองฉัน สายตากลมๆคู่นั้นบ่งบอกว่าสงสัยในสิ่งที่เธอกำลังพูดเมื่อกี้เหมือนกัน ดูหน้าเอื้อยจริงจังมากไม่เหมือนกับตอนที่พูดเล่นกันตอนแรก

คนนั้นเค้าโกหกใช่มั้ย..”เอื้อยถามเสียงดุๆ ตาจ้องเขม็งมาที่ฉัน
อืม..”ฉันตอบเบาๆพร้อมกับจ้องตาของเอื้อยคืน เพราะไม่รู้ว่าทำไมเอื้อยถึงไม่ยอมละสายตาจากตัวฉันซักที
พูดไม่เต็มเสียง..แสดงว่าเคยคบกันจริงๆด้วย ชอบผู้ชายแบบนี้เหรอ”เอื้อยพูดทำเสียงเชิงต่อว่า
เอ้า..นี่ กรไม่ได้เป็นแฟนเค้าแล้วเราไม่เคยคบกันโอเคมั้ยได้ยินหรือยัง” ฉันยื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าเอื้อยจนเกือบชิดพร้อมทั้งส่ายหน้าไปมาให้เอื้อยเห็น
เอื้อยหน้าแดงและดูประหม่าขึ้นทันทีที่ฉันยื่นหน้าเข้าไปใกล้ สายตาของเอื้อยจ้องมองฉันมาไม่กระพริบก่อนจะตอบฉันมาว่า “ได้ยินแล้ว” แล้วค่อยก้มหน้าลงไปอ่านข้อความในFacebookต่อ แต่ฉันแอบชำเรืองเห็นว่าเอื้อยนั้นกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่
เป็นอะไรทำไมทำหน้าอย่างนั้น”ฉันถาม
ไม่มีอะไรแค่ดีใจ” เอื้อยหันมาส่ายหน้าไปมาก่อนจะยิ้มให้ฉันเห็นเต็มๆหน้า
ดีใจอะไร..ดีใจว่ากรไม่ได้เป็นแฟนเค้าเหรอ”ฉันพูดหยอกเอื้อย
คงงั้น...” เสียงเบาๆของเอื้อยพูดขึ้นมาหลังจากที่หันหน้าหลบสายตาของฉันไปทางอื่น
..เฮ้...อย่าบอกนะว่าชอบกร... ฉันคิดในขณะที่มองตามเอื้อยที่กำลังนั่งก้มลงมองโทรศัพท์ของเธอต่อ
เอื้อยชอบผู้ชายแบบไหนอ่ะ” ฉันลองเรียบๆเคียงๆถามเอื้อยดูเพราะเห็นในท่าทางประหลาดๆของเธอแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าสเปคผู้ชายที่เธอชอบจะเป็นอย่างไร
อืม..ไม่รู้สิไม่มีสเปค นึกไม่ออก ทำไมอ่ะ” เอื้อยทำหน้าคิ้วขมวดเงยหน้าขึ้นมาตอบ
ชอบแบบกรมั้ย” ฉันถามหยั่งเชิง
หือ..ไม่หรอก เค้าไม่ค่อยชอบผู้ชายที่ดูเจ้าชู้กระหริ่มกระเหรี่ยเกินไปอ่ะ” เอื้อยยิ้มทำหน้าแหยๆ
เหรอ..ชอบคนจริงใจว่างั้น” ฉันรีบพูดสวน
ใช่สิ ..ใครจะไม่ชอบเล่า” เอื้อยเหล่ตามามองด้วยความสงสัย
แล้วแฟนเอื้อยเป็นคนยังไง คือ เอ่อจะถามว่าที่เคยๆคบอ่ะเป็นยังไง”
เอื้อยหันมาคิ้วขมวด ทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ “จะมาหลอกถามอะไรอีกล่ะ ไม่มีหรอกแฟน”
จริงดิ หน้าอย่างนี้ไม่มีคนจีบเหรอ” ฉันถามขำๆ
ไม่ใช่ว่าไม่มีคนจีบ แต่มันยังไม่เจอ แล้วแม่ก็บอกว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะคิด”
เฮ้ยเหมือนเค้าเลย เห็นอย่างนี้เค้าคิดเยอะนะว่าจะคบไม่คบใครสักคน”
เอื้อยยิ้มหวาน “จริงดิ แล้วเจ้ยมีคนที่ชอบหรือยังล่ะ มองใครไว้บ้างหรือเปล่าบอกเค้าได้นะ”
ไม่มีหรอก ทุกวันนี้ก็ยุ่งๆอยู่กับแค่เพื่อนๆจะไปหาใครได้”ฉันตอบแบบยิ้มๆ
ถ้าเค้ามีแฟนแล้วติดแฟน เอื้อยจะอยู่ยังไงล่ะ ก็จะไม่เหงาตายเหรอ” ฉันหันไปมองเอื้อยแบบอ้อนๆ
เหงาสิ...” เอื้อยพูด ตาหยุดจ้องมาที่ตาของฉัน มันเป็นแววตาแปลกๆที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
“...ไม่ลองมีแฟนเป็นเพื่อนดูเหรอ” เอื้อยถามหน้าซีเรียส
ห๊า!!!..” ฉันอ้าปากค้างทำหน้าเหวอเพราะได้ยินประโยคแปลกๆที่เอื้อยพูดออกมา
“..หมายถึงมีแฟนเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันหรือในห้องเดียวกันไง คิดมาก” เอื้อยอมยิ้มนิดนึงก่อนอธิบาย
อ๋อ..ไม่เอาหรอกเพื่อนกันก็รู้จักไส้รู้จักพุงหมดแล้ว คงไม่คบเป็นแฟนหรอก” ฉันตอบไปอย่างเบาใจ
แล้วถ้าเป็นเพื่อนที่พึ่งคบกันไม่ทันรู้จักไส้รู้จักพุงเหมือนเค้าล่ะ พอจะคบได้หรือเปล่า” เอื้อยถามอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมทั้งทำหน้าอายๆหันมามองมาที่ฉันอีก
ห๊า!!!..” ฉันอ้าปากค้างหน้าเหวออีกเป็นครั้งที่สอง วันนี้รู้สึกเอื้อยพูดอะไรแปลกๆหลายอย่างเลย
เอื้อยยิ้มหัวเราะ ยื่นน้ำให้ฉันดื่มอีก
อ๊ะ..คอแห้งใช่มั้ยเห็นร้องห๊าๆหลายทีแล้ว เค้าล้อเล่นอย่าคิดมากน่า”

ฉันถอนหายใจรับน้ำเอื้อยมาดื่ม รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้เอื้อยจะมีมุกประหลาดๆมาคุยด้วยเยอะ ฉันชักจะรับมุกแต่ละมุกของเธอไม่ทันแล้ว
เอื้อยยังหันมายิ้ม เพ่งมองที่ใบหน้าฉันไม่วางตา
เคยมีผู้หญิงมาจีบบ้างมั้ย” เธอยังคงป้อนคำถามประหลาดมาพร้อมกับหน้าตาเจ้าเล่ห์
ฉันสำลักน้ำ “ห๊า..อะไรนี่ ตลกขึ้นเรื่อยๆนะเรา”
แล้วเคยมั้ยล่ะ” เอื้อยถามย้ำ
บ้าเหรอ..มะ.ไม่เคยสิ” ฉันอ้ำๆอึ้งๆตอบเอื้อยที่ยิ้มอย่างมีเลศนัยอยู่

ดีเลย..เค้าก็ไม่เคยจีบผู้หญิงเหมือนกัน”

พรวด!!!
พอสิ้นประโยคฉันสำลักน้ำออกจมูกทันที แล้วก็ไอไม่หยุดจนเอื้อยต้องรีบมาลูบหลังให้กับฉัน
...อะไรนี่ วันนี้ตกลงเธอมาแนวไหนกันนี่เอื้อย..ตั้งแต่เช้าแล้ว... ฉันคิ้วขมวด นั่งคิดในขณะที่แอบชำเรืองเอื้อยที่เก็บเอาเศษผลไม้และขยะต่างๆเดินไปทิ้งเพื่อจะเตรียมขึ้นห้อง

ตอนเดินขึ้นไปชั้นเรียนเพื่อจะเข้าเรียนคาบบ่าย ฉันเดินแยกจากเอื้อยที่หน้าห้องเพื่อไปหาหญิงและเอกที่อยู่อีกห้องพวกเขามีเรื่องจะปรึกษาฉัน
ฉันยืนคุยกับหญิงและเอกอยู่หน้าห้องปรึกษาเรื่องการทำรายงานของวิชาฟิสิกส์ที่ฉันถนัดเอกบอกว่าถ้าได้อยู่ห้องเดียวกันเหมือนเดิมก็คงดี อย่างน้อยๆก็จะได้มีฉันเป็นหัวหน้ากลุ่มและช่วยสอนพวกเค้าในรายวิชานี้
แต่ก็ดีแล้วล่ะ อย่างน้อยๆเจ้ยก็ได้เจอเอื้อยนะ ..แหม..นึกว่าจะไม่มีแฟนซะแล้ว” เอกพูดไปหัวเราะไปพร้อมกับชำเรืองสายตาแบบเจ้าเล่ห์ เหมือนจงใจจะแซวฉัน
บ้าแล้ว เดี๋ยวก็โดนต่อยซะหรอก” ฉันทำท่ายกหมัดขึ้นจะชกเอกที่พูดหยอกอะไรไม่รู้เรื่อง
ตกลงเป็นแฟนกันจริงๆเปล่านี้..เค้าเม้าส์กันทั้งโรงเรียนเลยนะว่าพวกแกสองคนชอบกัน” เสียงหญิงถามมาบ้าง นี่ก็เป็นไปกับเค้าด้วยอีกคน
แล้วพวกฉันเหมือนเป็นแฟนกันงั้นเหรอ”ฉันถามกลับด้วยเสียงห้วนๆ
ใช่!! ”ทั้งหญิงและเอกตอบพร้อมกัน
ตรงไหน!!!”ฉันพูดเสียงสูงคิ้วขมวด ทำหน้างอนใส่สองคนนี้ ก่อนจะสะบัดหน้าหันหลังเดินกลับไปที่ห้องโดยไม่ฟังคำตอบจากสองคนนี้อีก แต่ตอนนั้นสายตาของฉันก็พลันไปสบตากับใครบางคนที่เหมือนจะยืนไม่ไกลจากตัวฉันและจ้องมองมามองที่ฉันตลอดเวลาที่ฉันยืนคุยอยู่กับเอกและหญิง
เป็น..อัน..ที่ยืนจ้องเขม็ง มองมาที่ฉัน
อะไร..มองทำไม ฉันคิดในขณะที่ยืนอื้งจ้องอันแบบไม่หลบตาคืนบ้าง จนเจ้าของสายตาคู่นั้นหลบตาและเดินหนีจากตรงนั้นไป
ฉันรีบเดินกลับมาที่ห้องพร้อมกับความสงสัยปนอารมณ์ที่หงุดหงิดในเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
เจ้ย มาพอดีเลย”เสียงใสๆของเอื้อยทักฉันในขณะที่ฉันกำลังเลื่อนเก้าอี้ออกมาเพื่อจะนั่ง
ว่า..”ฉันถามลากเสียงเพราะเหมือนว่าเอื้อยมีเรื่องจะคุยกับฉัน
นี่ๆคนชื่อกร ไลน์มาคุยกับเค้าอีกแล้ว นายคนนี้มาถามว่าบ้านเราอยู่ไหนด้วย..” เอื้อยพูดขณะที่กำลังยื่นโทรศัพท์ของเธอมาที่ฉัน
ก็บอกเค้าไปซี่ อยากให้เค้ารู้มั้ยล่ะ” ฉันทำเสียงดุๆห้วนๆใส่เอื้อยโดยที่ดูเหมือนว่าเอื้อยยังพูดไม่จบประโยคซะด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะฉันอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่ตอนโดนเอกกับหญิงแซวแล้ว
ทำไมทำเสียงอย่างนั้นล่ะ ..”เอื้อยอึ้ง ถามกลับมาด้วยเสียงสั่นๆ
นี่ถ้าเอื้อยอยากรู้จักเค้า อยากคุยกับเค้าก็คุยไปสิมาบอกเค้าทำไมนี่ ที่เค้าถามว่าบ้านอยู่ไหนก็คงเพราะเค้าอยากไปหาล่ะมั้ง” ฉันยังคงทำเสียงดุๆ ห้วนๆใส่เอื้อยอีกเหมือนเดิม ฟังดูเหมือนผู้ใหญ่กำลังตวาดเด็กเล็กๆคนนึง
เอื้อยนั่งนิ่ง สีหน้าและดวงตาดูหงอยๆลงทันที เธอก้มลงมองโทรศัพท์ในมือเธอนิดนึงก่อนหันหน้าขึ้นมาพูดกับฉัน
เค้าแค่จะถามเจ้ยว่า..เจ้ยอยากให้เค้าคุยกับกรมั้ย เราเห็นว่าเค้าเป็นเพื่อนเจ้ยถ้าเค้าพูดอะไรที่ไม่ดีเกินไปเจ้ยกับเพื่อนเจ้ยก็มองหน้ากันไม่ติดนะ”
“..คือ..เค้ากลัวเพื่อนเจ้ยโกรธให้เจ้ยน่ะ”เอื้อยพูดเสียงสั่นๆก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่น
...ชอบเค้าก็คุยกับเค้าไปสิ จะมาบอกเราทำไม น่าหงุดหงิดชะมัด..ยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วด้วย... ฉันคิดก่อนที่จะชำเรืองไปเห็นเอื้อยก้มลงเก็บโทรศัพท์ของเธอใส่กระเป๋าไว้ แล้วแอบหันมามองที่ฉันนิดนึง
เอื้อยทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ ตาของเอื้อยแดงๆ จมูกก็แดงๆ ทำท่าเหมือนกำลังจะเริ่มร้องไห้ในอีกไม่กี่นาทีต่อไปนี้

ฉันหันหน้าไปมองเอื้อย เอื้อยหลบหน้าฉันหันไปทางอื่นทันที
ทำไมทำหน้าอย่างนั้น..จะร้องไห้เหรอ” ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เพราะเป็นห่วงกลัวเพื่อนจะร้องไห้
เอื้อยหันหน้ามาทางฉัน เธอเริ่มเม้มปากของเธอพร้อมๆกับหยดน้ำตาที่ไหลออกมาจากตาทั้งสองข้าง ตอนนี้ทั้งหน้าเธอแดงไปหมด คงแดงเพราะโกรธฉันแน่ๆ ฉันรีบหันไปมองเพื่อนที่อยู่รอบๆห้อง ตอนนี้มันยังไม่มีเพื่อนอยู่ในห้องเท่าไหร่ มีเพียงเพื่อนผู้หญิงสองสามคนที่จับกลุ่มคุยกันอยู่ที่มุมหลังห้อง
เฮ้ย..เอื้อย..” ฉันทำหน้าแหยๆ เอื้อมมือไปลูบไหล่เพื่อนเบาๆเพราะอยากให้เพื่อนหยุดร้องไห้ ก่อนที่จะล้วงหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าของฉันขึ้นมาซับน้ำตาที่ใบหน้าของเอื้อยเบาๆ
เค้าขอโทษนะเอื้อยเมื่อกี้เค้าพูดแรงไปหน่อย เอื้อยหยุดร้องนะ” ฉันพูดในขณะที่มือของฉันยังเช็ดน้ำตาบนหน้าเอื้อยอยู่ เอื้อยพยักหน้านิดนึงแต่แทนที่เธอจะหยุดร้องกลับกลายเป็นสะอื้นดังกว่าเดิม
เฮ้ย..” ฉันร้องเสียงหลงเพราะกลัวเพื่อนๆที่หลังห้องจะหันมามองว่าฉันทำอะไรให้เอื้อยร้องไห้
... โอ้ย ตายๆๆๆทำไงเอื้อยจะหยุดร้องนี่ ...
ด้วยอารมณ์ตกใจฉันคว้าตัวเอื้อยมากอดไว้ แล้วใช้มือจับด้านหลังของหัวเอื้อยกดลงมาตรงหน้าอกของฉัน อีกมือหนึ่งลูบหลังของเอื้อยไว้ หวังว่าเอื้อยจะเงียบเสียงลง เอื้อยซุกหน้าลงตรงนั้นแล้วเธอก็กอดฉันไว้ ได้ผลเอื้อยเงียบลงแล้ว
...แต่เพื่อนๆที่อยู่ด้านหลังห้องกลุ่มนั้นหันมามองที่ฉันกับเอื้อยทั้งหมด พร้อมๆกับเพื่อนอีกกลุ่มใหญ่ที่กำลังเดินเข้ามาในห้องกัน เพราะตอนนี้ใกล้เวลาที่จะเข้าเรียนคาบแรกของตอนบ่ายแล้ว
พลันทุกสายตากำลังหยุดนิ่งและจ้องมาที่ฉันกับเอื้อย ภาพที่ทุกคนเห็นขณะนั้นคือ
..ฉันกำลังกอดกันกับเอื้อย..
อึ๊ก...ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ก่อนที่ฉันจะปล่อยมือออกจากเอื้อย แล้วดันเอื้อยออกจากตัว เอื้อยเงยหน้าขึ้นมามอง ตาแดงๆจมูกแดงๆของเธอโชว์ให้เห็นว่าเอื้อยยังร้องไห้อยู่ ฉันดึงมือเอื้อยให้ลุกขึ้น แล้วจูงมือเอื้อยวิ่งผ่าเพื่อนๆที่กำลังยืนอึ้งมองพวกฉันอยู่ออกไปนอกห้อง
เราไปหยุดอยู่ที่ห้องน้ำหญิงด้านหลังอาคารเรียนของเรา เสียงออดคาบแรกของช่วงบ่ายดังขึ้นแล้ว ตอนนี้ในห้องน้ำไม่มีใครอยู่แล้วมีแต่ฉันกับเอื้อย
ฉันบอกให้เอื้อยล้างหน้า เพราะตอนนี้ใบหน้าของเอื้อยนั้นเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
เอื้อยหยุดร้องแล้วแต่ยังทำหน้าซึมๆเศร้าๆอยู่ เธอล้างหน้าของเธอออก มองหน้าตัวเองในกระจกแล้วเงาของฉันยืนมองอยู่ด้านหลังของเอื้อย
เธอปิดก๊อกน้ำสลัดน้ำในมือออกจนเกือบแห้งแล้วหันมามองหน้าฉัน
เจ้ยไม่พอใจอะไรเค้าหรือเปล่า..” เอื้อยเม้มปาก จ้องมาที่หน้าฉันด้วยสีหน้ากังวล
ฉันส่ายหน้า “เปล่า..เค้าแค่อารมณ์ไม่ค่อยดี” แล้วก้มลงหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ายื่นมาให้เอื้อยเช็ดหน้าที่ยังไม่แห้งจากการล้างเมื่อกี้
มีอะไรบอกเค้าได้นะ ถ้าไม่อยากให้เค้าคุยกับเพื่อนเจ้ยก็บอกเค้าได้นะ..”เอื้อยพูดพลางเช็ดหน้าของเธอไป เค้าแคร์เจ้ยมากนะ..” เอื้อยพูดพร้อมกับจ้องหน้าของฉันนัยต์ตาของเธอยังไม่หายแดงซะทีเดียว ฉันมองอื้อยด้วยความรู้สึกผิดก่อนจะพยักหน้ารับรู้ในความรู้สึกแคร์ที่เพื่อนพูดมาเมื่อกี้
หยุดร้องและหายโกรธเค้าซะนะ เค้าขอโทษ..สัญญาว่าเค้าจะไม่ตวาดเอื้อยแบบเมื่อกี้อีกแล้วนะ” ฉันเอื้อมมือไปจับที่มือของเอื้อยมาเขย่าเบาๆ แทนการสัญญา เอื้อยพยักหน้าเบาๆ เธอเริ่มยิ้มออกมาตามฉันที่ส่งยิ้มไปให้เมื่อกี้
แล้ว..สัญญาอีกได้มั้ยว่าจะไม่ทำให้เค้าร้องไห้อีก..” เอื้อยยื่นมือมาจับจับมือสองข้างของฉันไว้แน่น เธอจ้องที่หน้าฉัน สีหน้าของเธอตอนนี้บ่งบอกว่าเธอกำลังรอคำตอบจากฉันอยู่
ฉันทำหน้างงเล็กๆกับประโยคที่ฉันได้ยินจากเอื้อยเมื่อกี้
สัญ...สัญญา” ฉันตอบด้วยเสียงอึกๆอักๆ เอื้อยยิ้มรับแล้วค่อยปล่อยมือฉันออก
...ทำไมต้องสัญญาด้วย...ฉันคิดในขณะที่กำลังเดินตามเอื้อยรีบเดินออกจากห้องน้ำเพื่อเข้าห้องเรียนช่วงบ่ายให้ไวที่สุด
**********************************************************

ไม่นานฉันกับเอื้อยก็มาหยุดยืนที่หน้าห้องซึ่งตอนนี้ครูที่สอนตอนคราบบ่ายกำลังสอนอยู่
ทิพานัน เนตรอัปสร..ไปไหนมาทำไมเข้าห้องสายคะ” เสียงคุณครูถาม และเพื่อนๆในห้องก็จ้องมองมาที่พวกฉันพร้อมๆกันทันที
หนูปวดท้องมากๆก็เลยขอให้ทิพานันเค้าพาไปห้องพยาบาลมาค่ะ”เอื้อยรีบตอบคุณครูทันที ครูหันมามองหน้าฉันเหมือนจะถามว่าสิ่งที่เอื้อยพูดนั้นจริงหรือเปล่า ฉันพยักหน้าให้คุณครูเห็นก่อนจะก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาเพื่อนๆในห้อง เพราะมีเสียงซุบซิบๆของเพื่อนดังมาแว่วๆให้ได้ยินอยู่ตลอดตอนที่ยืนอยู่หน้าห้อง
อืมๆไม่เป็นไร รีบๆเข้ามาเรียนเลยถ้าอย่างนั้น” ครูกวักมือเรียกพวกฉันเข้ามาในห้อง เอื้อยรีบเดินนำในขณะที่ฉันก้มหน้าเดินตามมาเงียบๆในใจครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพื่อนๆเห็นฉันกับเอื้อยกอดกันตอนเที่ยงนี้
...เฮ้อ..ไม่ไหวจะเคลียร์แล้ว..ช่างมันเถอะ..
ฉันปลอบใจตัวเองเบาๆในขณะที่ก้มลงหยิบหนังสือขึ้นมาเรียน
*******************************************
ตอนเย็นก่อนกลับบ้านเอื้อยขอให้ฉันรอเธอก่อนกลับบ้านเพราะเธอมีธุระที่ต้องไปประชุมในชมรมของเธอก่อน ฉันนั่งรออยู่แถวๆหน้าโรงรถตรงนั้นมีม้านั่งเรียงต่อกันเป็นแถวๆพอให้ฉันนั่งรอได้
เจ้ย..” เสียงผู้ชายคุ้นๆหูดังขึ้นมาจากด้านหลังของฉัน ฉันหันตามเสียงไปพบเพื่อนผู้ชายที่เรียนอยู่อีกห้องนึงกำลังเดินเข้ามาทัก... เทวา...วาห้อง5นี่นา.. ฉันโบกมือทักทาย วากับฉันเราเคยเรียนด้วยกันตั้งแต่สมัยม.ต้นเป็นเพื่อนกันมานานแล้วแต่ก็ไม่สนิทกันเท่าไหร่
นั่งรอเอื้อยเหรอ..”วายิ้มแล้วถาม คิ้วหนาๆของเค้าเลิ่กขึ้นนิดนึง
ฉันพยักหน้าให้กับเพื่อน ยิ้มแหยๆนึกถึงข้อความที่กรส่งมาให้ ..วาบอกว่าเอื้อยเป็นแฟนเจ้ย...
ไง วาสบายดีมั้ย” ฉันถามวา นานแล้วที่ไม่ได้คุยกัน แม้จะพบหน้ากันบ้างแต่ก็ได้แค่เดินผ่านๆสวนกันเฉยๆ
ก็ดีนะ เรียนหนักขึ้นนิดนึงเรากลัวคะแนนเราไม่ดีแล้วจะลำบากตอนเข้ามหาลัยอะ”
ไม่เหมือนเจ้ยเลยเนอะ หัวดีมาตลอดคงได้เข้ามหาลัยดีๆแน่เลย” วายิ้มแล้วพูดต่อ ตอนนี้เค้ามานั่งข้างๆฉัน
วันก่อนเจอไอ้กรด้วย มันขอไลน์เจ้ยบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจ้ยเราเลยถือวิสาสะให้ไลน์เจ้ยไปอ่ะ”วาบอก ฉันพยักหน้ารับนิดนึงเหมือนรู้แล้วว่ากรได้ไลน์มาจากวา
แล้วมันก็ขอไลน์เอื้อยด้วย เรากลัวว่ามันจะทำตัวลุ่มล่ามก็เลยพูดกันท่าเอื้อยให้..ว่าเป็น..แฟนกับเจ้ย..”
วาพูดแล้วเหล่ตามองทำหน้าเหมือนรู้ความผิดของตัวเอง
คงไม่โกรธเราใช่มั้ย เราไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้เจ้ยเสียหายนะ แค่ไม่อยากให้ไอ้กรมันทำเจ้าชู้กับพวกเธอทั้งสองคน” วาเงียบนิดนึงก่อนจะหันมามองหน้าฉันที่ก้มลงฟังเพื่อนสาธยายเล่าความผิดของตัวเองอยู่
อืม..ไม่เป็นไรเราก็บอกเค้าไปแล้วล่ะว่าเราไม่ได้เป็นแฟนกับเอื้อย” ฉันตอบ
อืม..รู้แล้วกรมันบอกเราแล้ว..มันว่าเอื้อยไม่ได้เป็นแฟนเจ้ย มันจะจีบเอื้อย” ฉันนิ่งเมื่อได้ยินสิ่งที่วาพูด
เจ้ยไม่โกรธใช่มั้ยที่ไอ้กรจะจีบเอื้อย”
โกรธทำไม ก็บอกแล้วไม่ได้ชอบเอื้อย” ฉันเริ่มพูดเสียงสูง
เปล่า..เราไม่ได้หมายถึงโกรธเพราะหึงเอื้อยนะ แต่เราหมายถึงโกรธเพราะหึงไอ้กรหรือเปล่า”
ฉันจ้องวาคิ้วขมวด ไม่นึกว่าวาจะพูดอย่างนี้กับฉัน
วา..เราว่านายไปกันใหญ่แล้วล่ะ..เรากับกรไม่เคยคบกันนะ และเราไม่ได้เป็นแฟนกรด้วย คือเราไม่รู้นะว่าพวกนายไปคุยอะไรกันบ้าง แต่ที่พูดมาเรื่องเรากับเอื้อยหรือกับกรมันผิดทั้งหมด..” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะกลั้นความรู้สึกที่ขุ่นเคืองในใจไม่ได้อีกแล้ว
เข้าใจมั้ย!!!” ฉันถามวาเป็นเหมือนคำสั่งว่าหยุดคิดได้แล้ว วายิ้มแห้งๆให้ก่อนจะพยักหน้ารับทราบเรื่องราวทั้งหมด
ยังไม่ทันที่วาจะพูดอะไรต่อ เสียงหวานๆใสๆที่พยายามทำให้ดูเหมือนดุของเอื้อยก็ดังขึ้น
เจ้ย..เป็นอะไรหรือเปล่า” เอื้อยรีบเดินเข้ามายืนข้างฉันมองหน้าวาอย่างเอาเรื่อง เธอคงได้ยินที่ฉันขึ้นเสียงใส่วาเมื่อกี้นี้และคิดว่าคงมีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน มือข้างหนึ่งของเอื้อยคว้ามือของฉันให้ลุกขึ้น
ปะ...กลับบ้านกันได้แล้ว” เอื้อยยังไม่หยุดมองหน้าวา ฉันลุกขึ้นบอกลาวาแล้วเดินไปตามแรงจูงมือของเอื้อย หันหลังกลับไปมองที่วาเห็นเค้าส่ายหน้าและเกาหัวแกร๊กๆอยู่ตรงนั้นเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด
เอื้อยจูงมือฉันไปจนถึงรถมอเตอร์ไซค์
ปะ..ปล่อยได้แล้ว” ฉันพูดพลางดึงมือเอื้อยออกจากมือฉัน
ใครอะ เค้าทำอะไรเจ้ยหรือเปล่าดูสีหน้าเหมือนเจ้ยไม่พอใจเค้ามากๆเลยนะ ถ้ามีอะไรบอกเค้านะเค้าจะช่วยเจ้ยเอง” เอื้อยทำสีหน้าแข็งขันขึ้นทันที
ฉันนึกขันท่าทางของเอื้อยในใจ ก่อนจะยิ้มและตอบไปอย่างอารมณ์ดี
ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ขอบใจนะ..ช่วยได้มากเลย” เอื้อยยิ้ม ใบหน้าของเธอตอนยิ้มนั้นชวนยิ้มตามตลอด ฉันเผลอยิ้มกับเอื้อยทุกๆครั้งที่เธอยิ้ม ไม่แน่ใจว่ายิ้มตามเรื่องราวที่ทำให้เธอยิ้ม หรือยิ้มเพราะว่าเห็นเธอยิ้มกันแน่
ไปกันเถอะเดี๋ยวแม่รอนะ” เอื้อยเตือนสติฉันที่ตอนนี้มันกำลังลอยละลิ่วไปกับรอยยิ้มบนใบหน้าสวยๆของเธอเข้าให้แล้ว...